สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

วิธีทำแกงมัสมั่นไก่ เพิ่มช่องทางสร้างรายได้อีกทางเลือกนึง

.
.
สร้างเสริมอาชีพการทำอาหาร เพื่อเพิ่มช่องทางหารายได้อีกทางเลือกนึง

เครื่องปรุงที่ต้องเตรียมมีดังนี้

1. ไก่บ้านควักเครื่องในออก สับเป็นชิ้นกำลังดี 1 ตัว
2. หอมหัวใหญ่หรือหัวเล็กปอกเปลือก 10 หัว
3. มันฝรั่งหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมกำลังพอดี 20 ชิ้น
4. กะทิสำเร็จรูป 2 กล่อง
5. ถั่วลิสงถั่ว ½ ถ้วยตวง
6. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
8. เครื่องปรุงรส รสไก่ ชนิดผง 2 ช้อนชา
9. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
11. ลูกกระวาน
12. ใบกระวาน

ส่วนผสมน้ำพริกเครื่องแกงมัสมั่น

1. พริกแห้งเม็ดใหญ่ แกะเอาเมล็ดออก แช่น้ำจนนิ่ม บีบเอาน้ำออก 15- 20 เม็ด
2. ตระไคร้ซอยละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
3. หอมแดงปลอกเปลือก 5 หัว
4. กระเทียมหัวเล็กแกะเปลือก 2 หัว
5. ข่าหั่นเป็นแว่นๆ 3 แว่น
6. เม็ดพริกไทยล่อน 15 เม็ด
7. รากผักชีหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 2 ช้อนโต๊ะ
8. เม็ดผักชีคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ
9. ยี่หร่าคั่วป่น 1 ช้อนชา
10. ลูกกระวาน 5 ลูก
11. ใบกระวาน 5 ใบ
12. กานพลู 5 ดอก
13. อบเชยคั่วป่น 1 ช้อนชา
14. ลูกจันทน์คั่วป่น ½ ช้อนชา
15. ดอกจันทน์คั่วป่น ½ ช้อนชา
16. กะปิห่อใบตองเผาไฟ 1 ช้อนชา
17. น้ำมัน

วิธีปรุงน้ำพริกเครื่องแกง

จัดการโขลกน้ำพริกเครื่องมัสมั่นให้ละเอียดตามเครื่องปรุงและส่วนผสมข้างตันนี้แล้วพักเอาไว้เพื่อแกงต่อไปตามกรรมวิธี วิธีปรุงไก่บ้านทำเรียบร้อยแล้ว เตรียมแกงได้ทันที น้ำพริกแกงมัสมั่นโขลกละเอียดสดๆ หอมกรุ่น มันฝรั่งหอมใหญ่ปอก หั่น เตรียมแกงได้ ทุกอย่างพร้อมสรรพ การปรุงแกงมัสมั่นเริ่มต้นได้ทันที เอากระทะขึ้นตั้งบนเตาไฟ เอาน้ำมันพืชใส่ลงไป 3 ช้อนโต๊ะ พอน้ำมันพืชร้อนก็เอาน้ำพริกเครื่องแกงมัสมั่นใส่ลงไปผัดให้หอมกรุ่น ใส่น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก เครื่องปรุงรสรสไก่ชนิดผง ถั่วลิสงคั่ว ผัดไปมาแล้วเอากะทิใส่ลงไป 1 กล่อง คนให้ทั่วถึงกันใส่ลูกกระวานที่ทุบแตกแล้วลงไปใส่ใบกระวาน ใส่ไก่บ้านสับเป็นชิ้น ลงไปเคี่ยวด้วย ใส่มันฝรั่ง ใส่กะทิลงไปอีก 1 กล่องแล้วเคี่ยวต่อ ใส่หอมหัวใหญ่ที่เป็นหัวเล็กๆ ลงไปอีกอย่างหนึ่ง เคี่ยวไปเรื่อยๆ ไก่จะเปื่อยกำลังดี ลองชิมดูให้ออกรสเค็ม หวาน เปรี้ยวเล็กน้อย อ่อนอะไรก็เติมอีกได้จนพอดีก็ใช้ได้ ตักใส่หม้อแกงเอาไว้เสิร์ฟได้ทันที ตักใส่ชามแกงหรือราดข้าว เป็นแกงมัสมั่น ที่หากินได้ยากมากเพราะร้านข้าวแกงมักจะไม่ค่อยแกงขายกันแล้ว
วีดีโอวิธีทำแกงมัสมั่นไก่


ขอบคุณเจ้าของคลิป foodtravel.tv คุณสามารถเข้าไปดูเพื่มเติมได้อีกที่ :: http://www.youtube.com/user/MrFoodandTravel

เที่ยวตลาดร้อยปี สามชุก

Read More...


วิธีทำซาลาเปาไส้หมูสับ สูตรการทำซาลาเปา ให้อร่อยนุ่มนวล

.
พูดถึงขนมจีบแล้วก็นึกถึงซาลาเปาทันที ซาลาเปาเป็นอาหารที่รับประทานง่าย ซาลาเปามีอยู่หลายไส้หลายแบบ อย่างเช่น ซาลาเปาไส้หมูสับ หมูแดง ซาลาเปาไส้หวาน ไส้เค็มและอีกหลาย ๆ ไส้ ใครที่มีความคิดที่ดี ๆ หน่อยก็สามารถคิดไส้ของซาลาเปาที่มันแตกต่างจากคนอื่น ๆ ทำเป็นแบบฉบับของตนเองไปเลย คงน่าอร่อยถ้ามีซาลาเปาไส้ราบ ไส้ต้มยำ สมตำ ชอบอะไรก็ลอง ๆ ทำกันดู ส่วนตัวผมแล้วยังไม่่เคยได้ทำเลย หาข้อมูลมาได้ เห็นว่ามีประโยชน์แน่ ๆ จึงมาแนะนำกัน ขั้นตอนแรกเรามาดูวัตถุดิบที่ใช้ทำซาลาเปาไส้หมูสับกันเลย ไม่เข้าใจตรงไหนก็ดูที่ vdo ได้ครับจะเข้าใจง่ายกว่ากัน

วัตถุดิบที่ใช้ทำซาลาเปาไส้หมูสับ


ซาลาเปาไส้หมูสับ
1. แป้งเค้กบัวแดง 375 กรัม หรือ 4 ถ้วยตวง
2. น้ำตาลทราย  10 กรัม หรือ      1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำเปล่า  200 กรัม หรือ            1 ถ้วยตวง
4. ยีส                                              1 ชต.
5. ผงฟู                                            1 ชต.
6. เกลือ                                          1/2 ชช.
7. ไข่ไก่                                         1 ฟอง
8. เนยขาว                                      4 ชต.
9. น้ำมันพืช                                    4 ชต.
10. หมูสับ                                      2.5 กก.
11. น้ำมันหอย                               5 ชต.
12. ซีอิ้วขาว                                   5 ชต.
13. ซอสปรุงรส                             5 ชต.
14. มันแกว                                    1 กก.
15. เกลือและพริกไทยอย่างละ      2 ชช.
16. หอมและกระเทียมอย่างละ      2 ชช.

วิธีการทำไส้หมูสับ

1. นำหมูสับมาใส่ในกะละมัง ตามด้วยใส่ น้ำตาลทราย , ซอสปรุงรส ,ผงปรุงรส,พริกไทย ,แป้งมัน และตอกใส่ไข่ไก่ 1 ฟอง นวดส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน
2. จะใส่ส่วนผสมที่เหลือ มันแกว และ ต้นหอมซอย ลงไป เคล้าให้เข้ากัน นำไปหมักพักทั้งไว้ 1 ชั่วโมง

วิธีการทำแป้งซาลาเปา

1. นำส่วนผสมมาผสมในกะละมัง มีน้ำตาลทราย ,ยีสต์ ,เกลือ,ผงฟู,น้ำเปล่า คนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน
2. เทแป้งอเนคประสงค์พอประมาณลงกะละมังใหญ่ แล้วเทส่วนผสมทั้งหมดที่คนเข้ากันแล้วมาเทลงแป้ง จากนั้นก็นวดแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้ว ค่อย ๆเติมแป้งอเนคประสงค์ ทั้งหมดนวดให้เข้ากัน จนเป็นเนื้อนุ่ม และ จากนั้นพักแป้งทิ้งไว้ให้ขึ้นฟู จึงค่อยนำไปใส่ไส้ได้
3. ก่อนที่จะห่อ ให้นวดไล่ฟองอากาศออกด้วย จับแป้งขั้นมาปั้นเป็นกลม ๆ กดให้แบนเป็นกลม ๆ ตักไส้หมูสับวางลงบนแป้งห่อ แล้ว จับจีบ หมุนซาลาเปาไปรอบ ๆ เพื่อให้ได้รูปที่กลมสวยงาม แล้ววางลงบนกระดาษรองก้นซาลาเปา
6. นำซาลาเปาวางเรียงบน ซึ้งนึ่ง และนำไปนึ่ง 20 นาที ก็จะได้ซาลาเปาที่ออกมาน่ารับประทาน เพื่อการง่ายต่อการจำไส้ต่าง ๆ ก็แต้มสีลงบนซาลาเปา เพื่อให้รู้ว่าเป็นไส้อะไร ตอนจำหน่าย
ข้อมูลเพื่มเติมการทำซาลาเปาไส้หมูสับ
http://dailydeliciousthai.blogspot.com/2008/05/blog-post.html
http://www.pantown.com/board.php?id=16288&area=3&name=board5&topic=47&action=view
http://www.horapa.com/content.php?Category=Dimsum&No=383
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=gang-meao&month=04-2006&date=13&group=3&blog=1
http://www.zomzaa.com/อาหารว่าง,ของทานเล่น/121/ซาลาเปาไส้หมูสับ-แบบนวดมือจ้า.html

สำหรับใครที่สนใจทำเป็นอาชีพก็สามารถทำได้ แต่เราควรจะมีจุดเด่นของตนเองด้วยฝึกฝนตนเองจนชำนาญแล้วท่านจะพบว่า การทำอาชีพขายซาลาเปานั้นสามารถสร้างรายได้แก้จนให้เราได้อย่างแน่นอน

Read More...


สูตรหมูกรอบ วิธีการทำหมูกรอบ สำหรับนำไปปรุงอาหารต่าง ๆ

.
หมูกรอบ เป็นวัตถุดิบที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น กระเพราหมูกรอบ ข้าวหมูกรอบ ผัดคะน้าหมูกรอบ หรืออาจจะนำไปเป็นกับแกล้ม หรืออาหารว่างก็ได้ การทำหมูกรอบนับว่าเป็นการสร้างรายได้ให้เราไม่น้อยเลยทีเดียวนอกจากพ่อค้าแม่ค้า ตามร้านอาหารตามสั่งที่ขาดไม่ได้แล้ว  ในชีวิตประจำวันของเราหมูกรอบอาจจะนำมาประกอบอาหารแต่ละมื้อได้อย่างไม่น่าเบื่อเลยทีเดียว ต่อไปเราจะมาเสนอขั้นตอนการทำหมูกรอบแบบง่ายๆ ที่ท่านสามารถทำเองได้ที่บ้าน หรือท่านอาจจะนำสูตรนี้ไปทำเป็นอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว

เครื่องปรุงหมูกรอบ

หมูกรอบหมูสามชั้นมันน้อยๆ
หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ                                                            1              กิโลกรัม
เกลือไอโอดีน                                                                         1              ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชูกลั่น                                                                      2              ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหมู                                                                               2              ถ้วย

วิธีทำหมูกรอบ

เอาหมูสามชั้นชิ้นสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ หนัก 1 กิโลกรัมมาขูดหนังทำความสะอาดเสียก่อน เอาเมือกออกไป แล้วให้ถอนขนให้เกลี้ยงล้างให้สะอาดแล้วเอาไปต้มในน้ำเดือดอ่อนๆ ประมาณ 30 นาทีให้สุกดีแต่ไม่เปื่อย เอามาบั้งที่ส่วนของเนื้อหมูเป็นร่องยาวๆ บั้งลึกลงไปในเนื้อหมูสามชั้นสักครึ่งหนึ่ง ระยะห่างกันประมาณ 1 นิ้ว เท่าๆ กน ในเนื้อหมูสามชั้นสักครึ่งหนึ่ง ระยะห่างกันประมาณ 1 นิ้ว เท่าๆ กัน ส่วนด้านหนังหมูสามชั้นให้เอามีดบั้งเป็นกากบาท 1 เซนติเมตร บั้งอย่าให้เลยเข้าไปในเนื้อหมูสามชั้นแล้วทาด้วยน้ำส้มสายชูกลั่น ส่วนทางเนื้อหมูให้เอาเกลือป่นทา แขวนเอาไว้สัก 1 คืน รุ่งเช้าก็ทอดในน้ำมันหมูมากๆ กลับจนเหลืองกรอบทั้งด้านก็เอาขึ้นแขวนไว้
ความจริงแล้วเอาหมูกรอบน้ำมาหั่นใส่จาน มีน้ำจิ้มที่ปรุงด้วยพริกชี้ฟ้าแดงและเขียว ซีอิ๊วดำ ก็ได้รสชาติที่อร่อยไม่น้อยกินได้เป็นของว่าง กินได้เป็นกับแกล้ม หรือจะเอาหมูกรอบน้ำไปหั่นผัดผักบุ้งไฟแดงก็ได้ ใส่ลงในก๋วยจั๊บก็ได้ ใส่ลงในโจ๊กหมูก็ได้ อร่อยทั้งนั้น
วีดีโอการทำ หมูกรอบ







ขอบคุณเจ้าของคลิป MrFoodandTravel คุณสามารถเข้าไปดูเพื่มเติมได้อีกที่ :: http://www.youtube.com/user/MrFoodandTravel
สำหรับท่านใดที่อาจจะยังไม่เข้าใจ สามารถรับชมวิดีโอด้านบนได้เลยค่ะ  ถ้าท่านรับชมภาพวิดีโอท่านอาจจะเข้าใจรายละเอียดและขั้นตอนการทำหมูกรอบได้ง่ายขึ้น *** วีดีโอเพิ่มเติม http://ohomakemoney.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A.html

Read More...


วิธีทำลูกชิ้นปลาสูตรการทำลูกชิ้นปลาแบบง่ายๆ

.
ลูกชิ้นปลา เป็นอาหารที่เรา ๆ  รู้จักกันเป็นอย่างดีและมีขายทั่ว ๆ  ไป ซึ่งลูกชิ้นปลานี้ก็สามารถนำมาประกอบอาหาร หรือจะทานเป็นของว่างก็ได้ เพราะความอร่อยของลูกชิ้นปลานี่เองคนไทยจึงนิยมนำมาประกอบกับอาหารทั่วไป เช่น ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นปลาทอดกรอบ และอื่นๆ อีกมากมาย และวันนี้พวกเราจึงได้นำสูตรการทำลูกชิ้นปลามาฝากทุกท่าน เพื่อให้ท่านได้ลองนำสูตรกลับไปทำกินกันแบบง่ายๆ หรืออาจเป็นช่องทางแนะนำธุรกิจเพื่อเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย

การทำลูกชิ้นปลาอาศัยหลักการง่ายๆ โดยนวดเนื้อปลากับเกลือจะทำให้ผลิตภัณฑ์เหนียวสามารถปั้นได้ สำหรับอุตสาหกรรมลูกชิ้นปลาผู้ผลิตมักจะใช้น้ำผสมให้ลูกชิ้นนิ่มและเพื่มปริมาณของลูกชิ้นด้วย ปริมาณน้ำที่ใช้แล้วแต่ชนิดของปลา ถ้าปลาที่มีน้ำในเนื้อน้อยจะเติมน้ำมากกว่าปลาที่มีน้ำในเนื้อปลามาก บางครั้งผู้ผลิตจะเติมแป้งเล็กน้อยเพื่อให้ลูกชิ้นเนียนขึ้นด้วย





ขอบคุณเจ้าของคลิป foodtravel.tv คุณสามารถเข้าไปดูเพื่มเติมได้อีกที่ :: http://www.youtube.com/user/MrFoodandTravel

วัตถุดิบในการทำลูกชิ้นปลา


ก่อนที่จะเริ่มต้นทำลูกชิ้น ให้ทุกท่านมาดูวัตถุดิบที่ใช้ในการทำลูกชิ้นปลากันก่อนเลยครับว่ามีอะไรบ้าง ปลาที่ให้ความเหนียวและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำลูกชิ้นได้แก่ ปลาอินทรี ปลาดาบลาว ปลาหางเหลือง ปลากราย ปลาสลาด ซึ่งเป็นปลาที่มีราคาค่อนข้างแพง ฉะนั้นในการทำอุตสาหกรรมลูกชิ้นจึงต้องใช้ปลาที่มีราคาถูก เช่น ปลาไหลทะเล ปลาฉลาม ปลาแดงตาโต ปลาน้ำดอกไม้ ปลาข้างเหลือง ปลาทรายแดง ปลาทรายขาว และปลาปากคม

ส่วนผสมในการทำลูกชิ้นปลา

1. เนื้อปลา ½ กิโลกรัม
2. เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ( 3% ของน้ำหนักตัวปลา )
3. แป้ง 1 ช้อนโต๊ะ ( 2.5 – 5 % ของน้ำหนักตัวปลา )
4. น้ำแข็งบดละเอียดหรือน้ำเย็นจัด ( ขึ้นอยู่กับความชื้นของเนื้อปลาบด )

เครื่องไม้เครื่องมือในการทำ

1. มีดและเขียงชำแหละปลา
2. เครื่องบดปลา
3. เครื่องนวดปลา
4. หม้อต้มลูกชิ้น
วิธีทำทำลูกชิ้นปลา

- ขั้นตอนแรกให้ชำแหละปลาเอาแต่เนื้อ
- ขั้นตอนที่สองให้นำเนื้อปลามาบด ด้วยเครื่องบดประมาณ 2-3 ครั้ง หรือสับให้ละเอียด
- ต่อจากนั้นนวดเนื้อปลาในเครื่องนวดผสม ประมาณ 5 นาที จึงเติมเกลือ/น้ำเกลือครึ่งหนึ่ง
- พอเสร็จจากขั้นตอนการนวด ให้ท่านนวดต่อไปอีกประมาณ 5 นาที เติมเกลือส่วนที่เหลือ และนวดต่อไปอีกประมาณ 5-10 นาที ซึ่งระหว่างนวดเติมน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัด เพื่อให้เนื้อปลาเย็นและช่วยให้เหนียวยิ่งขึ้น ถ้าต้องเติมแป้งก็สลับกันกับน้ำจนกระทั้งเข้ากันดี
- ใช้ช้อนตักเนื้อปลาที่นวดแล้วให้เป็นลูกกลม ๆ ใส่ลงในน้ำอุ่น ๆ ที่อุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียส นานประมาณ 20 นาที ระหว่างที่แช่ต้องคอยเติมน้ำอุ่นอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกชิ้นแข็งตัวพอสมควร
- หลังจากนั้นนำลูกชิ้นไปต้มในน้ำเดือด เมื่อลูกชิ้นลอยแล้วจึงตักขึ้นแช่ในน้ำเย็นทันที
-  และถ้าต้องการถนอมลูกชิ้น ให้แช่ในตู้เย็นเก็บได้นาน 1-2 สัปดาห์ (ไม่ควรแช่แข็ง) หรือแช่น้ำแข็งได้นาน 1 สัปดาห์

Read More...


วิธีทำขนมกรอบเค็ม โรตีกรอบขนมทานเล่นสร้างรายได้สร้างอาชีพ

.
กรอบเค็ม และ โรตีกรอบ เป็นขนมทานเล่นที่สามารถสร้างรายได้ ให้เราได้เป็นอย่างดี และยังสามารถทำเป็น อาชีพเสริม ขายในเวลาเลิกงานก็ได้ด้วย หรือจะทำเป็นอาชีพอิสระทำเป็นธุรกิจหลักกันเลยก็ได้ แนวทางที่จะนำมาแนะนำต่อไปนี้ ทำให้ท่านมีแนวคิดหรือมีช่องทางทำมาหากินกัน ก่อนจะเข้าเนื้อหาก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณ คุณ นิภา อาบทอง ผู้ที่ให้สัมภาษณ์การทำอาชีพในครั้งนี้ และขอขอบคุณทีมงานข่าวเดลินิวส์ ที่ได้ชี้ช่องทางให้ในวันนี้ สำหรับท่านใดที่สนใจ ที่อยากจะมีอาชีพเป็นของตัวเองการทำขนมทานเล่นอย่างขนมกรอบเค็ม-โรตี ที่สามารถทำขายได้ตลอด จากประสบการณ์เจ้าของอาชีพทำขนมขายนานานกว่า ยี่สิบ ปี…เรามาดูกันเลยว่าเป็นอย่างไร

กรอบเค็ม

นิภา อาบทอง เจ้าของนิภากะหรี่ปั๊บและปั้นขลิบทอด เล่าว่า เมื่อก่อนมีอาชีพเป็นพนักงานขายแว่นตา และเคยเปิดโรงงานทำวงกบประตูหน้าต่าง ร้านทำมุ้งลวดเหล็กดัดมาก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงเปลี่ยนอาชีพ โดยได้คำแนะนำเรื่องขนมจากหลาน ซึ่งตนก็ไปเรียนรู้ใหม่หมด โดยแรก ๆ ขายในหมู่บ้านที่อยู่ก่อน จากนั้นก็มาขายตามตลาดนัดต่าง ๆ แต่ก็ขายไม่ค่อยดี จึงมาหาที่ขายตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งก็ได้แหล่งขายหลายที่ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก เพราะโรงพยาบาลมีคนมาก อีกทั้งยังมีคนไข้ซื้อไปฝากหมอบ้าง ฝากพยาบาลบ้าง ทำให้อาชีพขายของตนประสบความสำเร็จ



ในส่วนของ กรอบเค็ม และ โรตีกรอบ นั้น นิภาบอกว่า เป็นสินค้าที่แตกขยายเพิ่มออกมา เพราะต้องการให้ของมีความหลากหลายมากขึ้น และวิธีทำก็คล้าย ๆ กัน ซึ่งทั้งกะหรี่ปั๊บ ปั้นขลิบ กรอบเค็ม โรตีกรอบ ขายดีเท่า ๆ กันทุกอย่าง อุปกรณ์ในการทำ หลัก ๆ ก็มีเตาแก๊ส เครื่องตีแป้ง กระทะ กะละมัง ไม้นวดแป้ง มีด ฯลฯ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทำอาหาร และทำขนมโดยทั่ว ๆ ไป

วิธีทำและส่วนประกอบ

1.แป้งสาลี 10 กิโลกรัม
2.น้ำตาลทราย 3-4 กิโลกรัม
3.กะทิ 1 กิโลกรัม
4.เกลือ 1 ถุง
5.น้ำมัน 500 กรัม
นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในกะละมังตีแป้ง นำใส่ครื่องตี ตีไปประมาณ 30 นาที เสร็จแล้วนำแป้งที่ตีแล้วใส่ถุงพลาสติกมัดปากให้แน่น ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง ทั้งแป้งกรอบเค็ม และโรตีกรอบ มีส่วนผสมของแป้งแบบเดียวกัน

วิธีปั้นแป้งกรอบเค็ม

ให้ปั้นแป้งออกมาเป็นขนาดเท่ากำมือ รีดแป้งให้บาง จากนั้นใช้มือคลึงให้เป็นเส้นยาว ความกว้างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5-1 เซนติเมตร แล้วตัดเป็นชิ้น ๆ ละ 3-5 เซนติเมตร แล้วนำไปทอดน้ำมันให้สุกกรอบ
ส่วนแป้งโรตีกรอบ ให้ปั้นแป้งเป็นก้อน ๆ ขนาดเท่ากำมือ รีดเป็นแผ่นบาง ให้เป็นขนาดสี่เหลี่ยม จากนั้นพับแป้งไปมา 3-4 ชั้น นำไปทอดให้สุกกรอบเช่นกัน

เครื่องปรุงกรอบเค็ม และโรตีกรอบ

เครื่องปรุงที่นำลงไปผัด เครื่องปรุงผัดกรอบเค็มมี
1.น้ำตาลปี๊บ 5 กิโลกรัม
2.พริกไทย 2 กิโลกรัม
3.น้ำมะขามเปียก 200 กรัม
4.ต้นหอมซอยพอประมาณ ส่วนเครื่องปรุงโรตีกรอบจะลดในส่วนของพริกไทยลงเหลือ 1.5 กิโลกรัม
ผัดเครื่องปรุงทุกอย่างในกระทะ โดยใส่น้ำตาลปี๊บลงไปก่อน เคี่ยวให้ละลาย จากนั้นใส่เครื่องปรุงทุกอย่างลงไป นำแป้งกรอบเค็ม หรือโรตีกรอบ ที่ทอดเตรียมไว้ ใส่ลงไปคลุกให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพักให้เย็น แล้วจึงบรรจุใส่ถุงขาย

ราคาขายกรอบเค็มและโรตีกรอบ

ราคาขายอยู่ที่ขีดละ 30 บาท โดยนิภาบอกว่า จากราคาขายกรอบเค็ม และโรตีกรอบ ต่อ 10 ขีด หรือ 1 กิโลกรัม 300 บาทนั้น จะมีต้นทุนประมาณ 180-200 บาท
แหล่งขายขนมของนิภา ก็มีทั้งที่โรงพยาบาลเด็ก โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ โรงพยาบาลหัวเฉียว โรงพยาบาลทหารเรือ โรงพยาบาลตำรวจ ฯลฯ ใครต้องการสั่งขนม-ต้องการติดต่อ ก็ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2889-3002, 08-1847-8976 และ 08-1406-1445.
ที่มา เดลินิวส์

Read More...


'ชีสพายปทุมบงกช' เพิ่มค่า 'บัว' น่าต่อยอด

.
'บัว'เป็นพืชที่มีประโยชน์และมีสรรพคุณต่าง ๆ มากมาย ทุกส่วนของบัวล้วนแต่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเมล็ด, เกสร, กลีบดอก, สายบัว ฯลฯ โดยส่วนมากคนไทยจะนิยมนำบัวมาประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน และก็มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งคิดค้นเมนูขนมหวานจากบัว ใช้ชื่อว่า “ชีสพายปทุมบงกช” ซึ่งก็น่าสนใจ...



หมี-นายบุญมี  สงวนทอง, นุ่น-นางสาวกนกวรรณ ตระการพงษ์ และจิ๊บ-นางสาวศิริวรรณ อักษรพาลี นักศึกษาปีที่ 1 สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ร่วมกันคิดค้นเมนู “ชีสพายปทุมบงกช” ขึ้นมา โดยทั้งสามเล่าว่า การคิดค้นเมนูนี้ขึ้นก็เพราะต้องการดัดแปลงบัวให้ไปอยู่ในจานอาหารของชาติตะวันตก เพื่อเพิ่มมูลค่าของบัวสู่ระดับสากล ทั้งนี้ ขนมชีสพายปทุมบงกชเป็นเมนูทานเล่นที่ทำง่าย สามารถทำกันภายในครอบครัวได้ โดยมีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก และหาซื้อวัตถุดิบได้ตามท้องตลาดทั่วไป

 
“ชีสพายปทุมบงกช จะให้ความรู้สึกของความกรุบกรอบ ความนุ่มเนียน และกลิ่นหอมชวนรับประทาน มีรสชาติครบถ้วนทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ลงตัวกันอย่างพอดิบพอดี เป็นขนมที่มีรสชาติอร่อยกลมกล่อม ที่สำคัญคือส่วนของบัวที่นำมาใช้ในการประกอบเมนูนี้จะเน้นไปที่สรรพคุณ อาทิ ในส่วนของเมล็ดบัว เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ, เกสรบัว ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ยาหอม ยาลม ยาขับปัสสาวะ และรากบัว จะแก้ร้อนใน ระงับอาการท้องร่วง”

                               
 
อุปกรณ์ที่ใช้ทำชีสพายปทุมบงกช ก็เป็นอุปกรณ์สำหรับการทำเบเกอรี่ทั่วไป อาทิ เครื่องตี, หม้อ, ฟอยล์, พิมพ์ขนม, ช้อน, ถ้วยตวง, ถาด, แปรง, ตะแกรง และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่สามารถหาได้จากในครัวเรือน     

                                            
 
การทำชีสพายปทุมบงกช แบ่งออกเป็น  4  ขั้นตอนคือ ครีมชีส ส่วนผสมก็มี ครีมชีส 1 ก้อน, ครีมข้น 1 กระป๋อง, นมข้นหวาน 1/4 กระป๋อง (98 กรัม), นมข้นจืด 2  ช้อนโต๊ะ, เจลาตินผง 1 ช้อนโต๊ะ (ละลายน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ), น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ และเกสรดอกบัว 20  กรัม วิธีทำในส่วนของครีมชีส เริ่มจากนำครีมชีสใส่ภาชนะ แล้วใช้เครื่องตีปากตระกร้อตีให้เนียน ใส่ครีมข้นลงไป ตามด้วยนมข้นหวาน นมข้นจืด และเจลาติน ตีต่อไปจนเนียนฟู ตั้งพักไว้

   


ขั้นตอนการทำ เม็ดบัวบด ส่วนผสมก็มี เม็ดบัว 250 กรัม, นมสด  20  กรัม, เกลือ 1/2 ช้อนชา, น้ำตาล  2  ช้อนโต๊ะ วิธีทำคือ นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันแล้วบดให้ละเอียด ต่อไปทำ ซอสรากบัว ส่วนผสมก็มี น้ำทับทิม 1 ถ้วยตวง, น้ำตาลทราย  1  ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาว  1  ช้อนโต๊ะ, แป้งข้าวโพด  2  ช้อนโต๊ะ, รากบัวเชื่อม  100  กรัม และเกลือนิดหน่อย  วิธีทำคือนำรากบัวกับน้ำทับทิมมาปั่นรวมกันให้ละเอียด ตั้งไฟพอเดือด ปรุงด้วยเครื่องปรุงที่เหลือ ตั้งพักไว้                  
        
          
และอีกส่วนคือขั้นตอนการทำ พาย ใช้แครกเกอร์บดละเอียด 2 ห่อ, เนยละลาย  250 กรัม, เม็ดบัวบดละเอียด 100  กรัม  วิธีทำก็นำทุกอย่างผสมกัน ทำการอัดลงในพิมพ์ โรยหน้าด้วยเม็ดบัว แช่เย็นทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ก็พร้อมใช้
   


เมื่อเตรียมส่วนผสมครบทั้ง 4  ส่วน 4 ขั้นตอนแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการทำเป็น “ชีสพายปทุมบงกช”
โดยเริ่มจาก นำพายที่แช่เย็นได้ที่มาหยอดด้วยครีมชีส ใส่ลงไปประมาณ 3/4 ของถ้วย แล้วนำเข้าแช่เย็นต่ออีกประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงนำมาราดด้วยซอสรากบัว แล้วตกแต่งด้วยเม็ดบัวบด ใบสะระแหน่ และรากบัวเชื่อม ก็เป็นอันเสร็จ
   




จากสูตรที่ว่ามาข้างต้นจะสามารถทำ “ชีสพายปทุมบงกช” ได้ประมาณ 23 ชิ้น มีต้นทุนวัตถุดิบประมาณ 350 บาท โดยสามารถตั้งราคาขายที่ชิ้นละ 20 บาท ขายหมดก็จะมีรายได้ก่อนหักต้นทุน 460 บาท   
   

สำหรับผู้ที่สนใจจะนำสูตร “ชีสพายปทุมบงกช” ไปต่อยอดทำเป็น “ช่องทางทำกิน” ก็เชิญได้เลย เจ้าของไอเดียไม่สงวนลิขสิทธิ์ ซึ่งก็ขอตบมือให้กับไอเดียเจ๋ง ๆ ของน้อง ๆ ทั้ง 3 คน กับเมนูชีสพายปทุมบงกชที่น่าจะมีการต่อยอดจริงจัง ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี โทร. 0-2549-3160.                     
        
เชาวลี  ชุมขำ : รายงาน


ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


มาดูเทคโนโลยีพนังกั้นน้ำท่วมของเมืองนอก..แล้วต้องถอนใจกับเทคโนกระสอบทรายบ้านเรา

สื่อต่างชาติ ชี้รัฐบาลปูล่มเหลวบริหารปท. แม้มีเสียงข้างมากสนับสนุนในสภา จนนำให้ไทยกลายเป้นเมืองถุงทราย





http://www.hydrologicalsolutions.com/files/images/hydrobaffle.jpg

บ้านเรากำลังเผชิญกับอุทกภัยระดับวิกฤตในขณะนี้
เห็นวิธีทำพนังกั้นน้ำแต่ละแบบของเราแล้วช่าง"ไฮเทค"แบบบ้านๆ ซะไม่มี
ซึ่งในที่สุดทั้งคันดิน คันกระสอบทรายก็ต้านแรงน้ำไม่อยู่

Read More...


แบบแปลนบ้านลอยน้ำ ในอนาคต

.
เผยแบบแปลน บ้านลอยน้ำ แนวคิดจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ



         สถานการณ์น้ำท่วมยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และกำลังกระจายเข้าสู่ทุกภูมิภาคของประเทศไทย ก่อให้เกิดความเสียหายนานับประการ ทั้งด้านทรัพย์สิน และด้านจิตใจ ทั้งนี้ทางกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ตระหนักถึงความสำคัญที่จะป้องกันภัยแก่ประชาชนดังกล่าว จึงได้ศึกษาหาข้อมูลทั้งจากในและต่างประเทศ เพื่อให้เตรียมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมที่ยากจะแก้ไขในปัจจุบัน และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบปัญหาดังกล่าว

        โดยเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2550 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมายังกรมโยธาธิการและผังเมือง และได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับ "บ้านลอยน้ำ" ดังนั้นทางกรมโยธาธิการและผังเมือง จึงได้นำเอาแนวคิดดังกล่าวมาปรับใช้จาก "บ้านลอยน้ำท่าขนอน" ซึ่งบ้านลอยน้ำท่าขนอน  อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในพื้นที่ โดยบ้านลอยน้ำนั้นมีลักษณะเป็นเรือนแพ ซึ่งในฤดูแล้งตัวบ้านจะตั้งอยู่บนพื้นดินตามปกติ แต่เมื่อถึงเวลาน้ำท่วม ตัวบ้านก็จะลอยขึ้นตามระดับน้ำ และมีการยึดตัวบ้านเอาไว้กับเสาหลักเพื่อป้องกับการโคลงตัว หรือลอยไปตามกระแสน้ำ จากนั้นพอเวลาน้ำลดลง บ้านก็จะกลับมาตั้งตัวอยู่บนพื้นดินเหมือนเดิม

        สำหรับขนาดของบ้านลอยน้ำ การออกแบบนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของวัสดุที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด ซึ่งหาซื้อได้ง่าย อีกทั้งยังก่อสร้างได้ง่ายด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีโครงสร้างเป็นรูปแบบที่ไม่ซับซ้อน ชาวบ้านที่มีความรู้ด้านช่างในระดับทั่วไปก็สามารถก่อสร้างเองได้
 



       

        ส่วน บ้านที่เห็นในภาพตัวอย่าง มีขนาดพื้นที่รวมประมาณ 60 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เพื่อความสะดวกในการก่อสร้างและการลอยน้ำ แต่หากมีความต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้นก็อาจเชื่อมต่อหลายหลังเข้าด้วยกัน โดยใช้สะพานทางเชื่อมพาดระหว่างชานรอบตัวบ้าน  ส่วน ราคาค่าใช้จ่าย ถ้าสร้างเองจะมีราคาประมาณหลังละ  719,000 บาท แต่ถ้าหากจ้างเหมาราคา หลังละ 915,000 บาท เนื่องจากต้องมีการคิดค่าดำเนินการ กำไรและภาษีด้วย

        อย่างไรก็ตาม แบบบ้านลอยน้ำของกรมโยธาธิการและผังเมืองนี้ หวังว่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ ต้องอยู่อาศัยในพื้นที่ที่ประสบภัยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่เป็นที่ลุ่ม ซึ่งอาจจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบและพื้นที่ใช้สอยให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องต่อความต้องการต่อไป



แบบแปลนบ้านลอยน้ำ


ขนาดพื้นที่  

          ประมาณ 60 ตารางเมตรประกอบด้วยพื้นที่อยู่อาศัย 23 ตารางเมตร ส่วนทำอาหารห้องน้ำและซักล้าง รวม 37 ตารางเมตร

ราคาค่าก่อสร้าง  

          โดยประมาณ 719,000 บาท (กรณีปลูกสร้างเอง) ไม่ต้องใช้ผู้รับจ้างเหมาและประมาณ 915,000 บาท (กรณีมีผู้รับจ้างเหมา)

วัสดุก่อสร้าง 

          ใช้วัสดุก่อสร้างพื้นฐานทั่วไปที่สามารถหาได้ง่ายในท้องตลาด ซึ่งสามารถดัดแปลงได้ตามความเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ทุ่นลอยเป็นถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร หรือถังไฟเบอร์กลาสกรณีต้องการความทนทานเพิ่มขึ้น

ระบบสุขาภิบาล 

          ใช้ระบบการย่อยสลายโดยมีถังบรรจุจุลินทรีย์ EM ติดตั้งอยู่ใต้ห้องน้ำเพื่อย่อยสลายและเร่งการตกตะกอนของสิ่งปฎิกูล
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก กรมโยธาธิการและผังเมือง และ portfolios.net 



Read More...


บิสกิตหน้าเมล็ดทุเรียนกรอบ ขนมขบเคี้ยวแปรรูปแบบใหม่

บิสกิตหน้าเมล็ดทุเรียนกรอบ
นายณัฐชรัฐ แพกุล หรือโอ ผู้แปรรูปทุเรียนให้เป็น “บิสกิตหน้าเมล็ดทุเรียนกรอบ”


ทุเรียน…ผลไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกที่มีหนามแหลมมาก รสชาติที่หวานมัน กลิ่นหอมหวานและแรง หลาย ๆ คนจึงติดใจในทุเรียน และอีกหลายคนมีไม่ชอบกลิ่นของทุเรียน

ทุเรียน สามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารได้มากมายหลายหลาก อาทิ ทุเรียนกวน ทุเรียนทอดกรอบ ข้าวเหนียวทุเรียน ส้มตำทุเรียน ทุเรียนเชื่อม ในประเทศฟิลิปปินส์นำทุเรียนมาทำขนมหวานมากกว่าที่จะทำอาหารคาว ชาวมาเลเซียได้นำทุเรียนมาดองและแช่อิ่ม

น้อยคนที่จะรู้ว่าเมล็ดทุเรียนก็สามารถทานได้เหมือนเมล็ดของขนุน เมล็ดทุเรียนนำ มานึ่ง คั่วหรือทอดในน้ำมันมะพร้าว เนื้อข้างในจะมีลักษณะคล้ายเผือก หรือมันเทศ แต่เหนียวกว่า ในเกาะชวาจะหั่นเมล็ดทุเรียนบาง ๆ และปรุงด้วยน้ำตาลเหมือนขนมฉาบน้ำตาล แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเหมือนกับเนื้อของทุเรียนที่นำมาแปรรูปด้วยการทอดและ กวน

เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเมล็ดทุเรียน หลังจากที่เอาเนื้อไปทำประโยชน์ก็จะทิ้งเมล็ดเป็นของไร้ค่า กลายเป็นขยะ ดังนั้น นายณัฐชรัฐ แพกุล หรือโอ นักศึกษาชั้นปี ที่ 4 สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี จึงได้คิดค้นเมนู “บิสกิตหน้าเมล็ดทุเรียนกรอบ ” ขึ้นมา โดยมี ผศ.สุชาดา งามประภาวัฒน์ เป็นที่ปรึกษา

โอ บอกว่า ในเมล็ดทุเรียน 1 เมล็ด มีสารอาหารมากมาย นอกจากสารอาหารที่ได้รับแล้ว ยังเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้กับกลุ่มแม่บ้านที่ได้แปรรูปผลิตภัณฑ์ ทุเรียน

สำหรับส่วนผสมของบิสกิตเมล็ดทุเรียนกรอบ ประกอบด้วย ส่วนผสมของบิสกิต 1. แป้งเอนกประสงค์ตราว่าว 220 กรัม 2. เนยสด 100 กรัม 3. น้ำตาลไอซ์ซิ่ง 15 กรัม 4. ผงฟู 3 กรัม 5. เกลือป่น 3 กรัม 6. น้ำเย็น 45 กรัม 7. นมสด 30 กรัม

วิธีทำ “บิสกิตหน้าเมล็ดทุเรียนกรอบ”

1. ร่อนแป้ง น้ำตาลไอซ์ซิ่ง ผงฟู และเกลือป่น ใส่อ่างพักไว้ 2. นำเนยหั่นเป็นชิ้นเล็กใส่ลงในแป้ง ใช้ที่ตัดเนย ตัดเนยรวมกับแป้งจนเป็นเม็ดเท่าถั่วเขียว ใส่น้ำเย็นทีละน้อย (เพื่อไม่ให้เนยละลาย เวลาที่เกิดความร้อนขณะที่นวดแป้ง เวลาอบถ้าเนยละลาย บิสกิตจะไม่ฟูติดเป็นแผ่นแข็ง) จนหมด นำมาทำเป็นก้อนกลมรวมกัน พักไว้ 15 นาที

2. นำมาคลึงบนกระดาษไข ให้มีความหนาประมาณ 2 มิลลิเมตร ใช้พิมพ์กดขนมบนกระดาษไข ยาว 2 นิ้ว กว้าง 1.30 เซนติเมตร วางบนถาดอบที่ทาด้วยเนย ตามสูตรจะได้บิสกิตทั้งหมด 75 แผ่น 4. ทาหน้าบิสกิตด้วยนมสดให้ทั่ว ใช้ส้อมจิ้มหน้าขนมเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซสเซียส พอสุกใช้ที่แซะขนม นำมาพักบนตะแกรง รอให้เย็น

หลังจากที่ได้บิสกิตเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมเมล็ดทุเรียนทอด เริ่มจากนำเมล็ดทุเรียนมาปลอกเปลือกนอกออก แช่น้ำ 2. นำเมล็ดทุเรียนที่ปลอกเปลือกมาผ่าครึ่งตามแนวยาว แล้วหั่นในแนวขวางบางประมาณ 1 ม.ม.

3. นำเมล็ดทุเรียนที่หั่นแล้วมาลวกในน้ำเดือด 30 วินาทีในน้ำเดือด เทใส่กระชอน เปิดน้ำเย็นให้ไหลผ่านทิ้งให้เสด็จน้ำ นำใส่ถาดเกลี่ยให้บาง นำเข้าตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิ 65 องศาเซสเซียส 5 ชั่วโมง (ถ้าไม่มีตู้อบรมร้อนให้ตากแดด 1 วัน)

4. นำเมล็ดทุเรียนอบแห้ง 100 กรัมใส่น้ำ 250 มล. และเติมน้ำส้มสายชู 15 กรัม ทิ้งไว้ 2 นาที เทใส่กระชอนทิ้งให้เสด็จน้ำ

5. นำเมล็ดทุเรียนที่ได้ลงทอดในน้ำมันไฟแรงปานกลางประมาณ 3 นาที ตักขึ้นใส่กระดาษซับมันทิ้งให้เย็น

เมื่อได้ทั้งส่วนแล้วขั้นตอนต่อไป การเตรียมบิสกิตเมล็ดทุเรียนกรอบ
ส่วนผสม 1. แผ่นบิสกิต 2. เมล็ดทุเรียนทอดกรอบ 3. ลูกเกด 20 กรัม 4. เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบกรอบ 40 กรัม น้ำตาลทราย 150 กรัม 4. เกลือป่น 5 กรัม 5. ครีมออฟทาร์ทาร์ 5 กรัม (เพื่อไม่ให้น้ำตาลจับตัวเป็นก้อน) 6. แป้งสาลีเอนกประสงค์ตราว่าว 20 กรัม 7. น้ำ 80 กรัม

กรรมวิธี 1. นำแป้งสาลีอเนกประสงค์ตราว่าวละลายกับน้ำ 30 กรัม ใส่หม้อตั้งไฟอ่อนๆ ต้มจนแป้งสุกใส 2. ใส่น้ำตาลทราย เกลือ ครีมออฟทาร์ทา น้ำส่วนที่เหลือ เคี่ยวจนละลายจนหมด คนเล็กน้อย วัดอุณหภูมิให้ได้ 114 องศาเซสเซียส (ถ้าไม่มีเทอร์มิเตอร์ สังเกตจากฟองจะละเอียด)

3. นำน้ำเชื่อมที่ได้มาทาที่บิสกิตบางๆ แต่งหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมาพานต์ ลูกเกด และเมล็ดทุเรียนทอดกรอบ ราดหน้าด้วยน้ำเชื่อมอีกเล็กน้อย นำเข้าตู้อบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซสเซียส 10 นาที แค่ก็ได้ บิสกิตเมล็ดทุเรียนกรอบ หอมกรุ่น แสนอร่อย เก็บไว้ทานเล่น

บิสกิตเมล็ดทุเรียนกรอบเก็บไว้ได้ 1 อาทิตย์ (อุณหภูมิห้อง) และ 1 เดือน เก็บไว้ในตู้เย็น ไอเดียที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับเมล็ดทุเรียน น้องโอเจ้าของไอเดีย ไม่หวงสูตร และอยากให้กลุ่มแม่บ้านนำไปทำผลิตภัณฑ์จำหน่ายออกสู่ท้องตลาด

เนื่องจากเจ้าของไอเดีย คิดสูตรบิสกิตหน้าเมล็ดทุเรียนกรอบนี้เพื่อนำมาเผยแพร่ หากมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดได้ที่ น้องโอ โทร.089-2521300

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : eJobeasy.com

Read More...


แฟรนไชส์ Mobile Coffee Car

รถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ
แฟรนไชส์ BONCAFÉ 
BONCAFÉ(บอนกาแฟ) เป็นบริษัทร่วมทุนไทย-สวิส ดำเนินธุรกิจด้านกาแฟมากว่า 19 ปี (ก่อตั้งปี 2534) ภายใต้คอนเส็ปต์ one stop coffee solution เสนอธุรกิจที่ครบวงจรด้านกาแฟ ไม่ว่าเครื่องทำกาแฟ นำเข้าจากประเทศชั้นนำ รวมถึงผลิตกาแฟไทยได้คุณภาพ การให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่อยากทำธุรกิจกาแฟ และการจัดอบรมความรู้เพื่อการเปิดร้านกาแฟผ่าน

เรียกง่าย ๆ ว่าถ้าอยากทำธุรกิจร้านกาแฟ เดินมาที่ได้ครบทุกอย่าง BONCAFÉ เป็นทั้งผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่าย เครื่องทำกาแฟระบบอัตโนมัติ เครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่ ระบบกึ่งอัตโนมัติ เครื่องทำกาแฟคาปูชิโน เครื่องทำกาแฟระบบหยอดเหรียญ เครื่องบดกาแฟ และอุปกรณ์ในการทำกาแฟจาก ประเทศอิตาลีและสวิตเซอร์แลนด์ และนำเข้าเครื่องต้มกาแฟแบบใช้กระดาษกรองจากประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากขายกาแฟแล้ว ยังขายเครื่องดื่มชนิดผงสำเร็จรูป เช่น ชาชงสำเร็จรูปกลิ่นผลไม้และช็อกโกแลตชงสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าเมนู ซอสตกแต่งเครื่องดื่ม ของหวาน ท็อปปิ้งไอศกรีม และเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำเชื่อมจาก Torani

สามารถหาชิมกันได้ตามคีออสหรือร้านกาแฟ BONCAFÉ หรือตามซูเปอร์มาเกตที่วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท เมื่อถูกใจรสชาติและมีทำเลทอง อยากเปิดร้านกาแฟบ้าง ก็ติดต่อไปได้ที่บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด หรือติดตามข่าวสารได้จากวารสาร Free copy “บิทเทอร์ สวีท”
BONCAFÉ เพิ่มทางเลือกให้คนอยากมีร้านกาแฟ ด้วยรูปแบบธุรกิจ “รถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ” โดยใช้กระบะคันเล็ก ๆ ขับเข้าตรอกออกซอกซอยได้สบาย ขายได้ทั้งกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ตลาดนัด และงานอีเวนท์

รูปแบบการลงทุนรถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ นำรถมาตกแต่งเอง หรือใช้รถที่บริษัทจัดหาให้ก็ได้ ต้นทุนกาแฟราคาต่ำมาก ไม่เกิน 20 บาทต่อแก้ว ส่วนราคาขายกาแฟร้อนไม่เกิน 30 บาท กาแฟเย็น 35-40 บาทขึ้นไป ได้กำไรเกือบครึ่งหนึ่ง เฉลี่ยแล้วกรณีที่คืนทุนได้ภายในหนึ่งปี ต้องขายกาแฟให้ได้ประมาณ 30 แก้วต่อวัน

รูปแบบชุดรถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ

ชุดร้านกาแฟเคลื่อนที่มีให้เลือก 3 รูปแบบ คือ standard set, premium set 1 และ premium set 2 สามารถผ่อนชำระ 0% ได้นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตกสิกรไทย
standard set ราคา 39,000 บาท ได้รับเครื่องชงกาแฟ Ascaso รุ่น Uno PM1-Group กับเครื่องบดกาแฟ Saeco รุ่น MC 2002
premium set 1 ราคา 69,000 บาท ได้รับเครื่องชงกาแฟ Ascaso รุ่น Trio PM 2-Groups กับเครื่องบดกาแฟ Ascaso รุ่น i-1 (ไม่มีโถพักกาแฟ)
premium set 2 ราคา 72,000 บาท ได้รับเครื่องชงกาแฟ Ascaso รุ่น Trio PM 2-Groups กับเครื่องบดกาแฟ Ascaso รุ่น i-1d (ไม่มีโถพักกาแฟ)

ไม่ว่าซื้อชุดไหน จะได้รับการอบรมหลักสูตรเบื้องต้นด้วย พร้อมชุดอุปกรณ์เริ่มต้น ได้แก่
-แก้วกระดาษ 6.5 ออนซ์ 200 ชิ้น
-แก้วพลาสติก 16 ออนซ์ 200 ชิ้น
-ฝาปิดแก้วพลาสติก 200 ชิ้น
-แก้วช็อต 1 ใบ
-ถ้วยสตรีมนม 300 ซีซี 1 ใบ
-แก้ววัดปริมาณ 8 ออนซ์ 1 ใบ
-ช้อนวัดปริมาณ 1 เซท
-กาแฟเม็ด (มอคค่าดาร์ค) 10 กิโลกรัม
-บอนทีมิกซ์ 3 กระป๋อง
-บอนช็อคโก 1 กระป๋อง
-ซอสตกแต่งของหวาน 3 ขวด
-น้ำเชื่อมโทรานี่ 3 ขวด

กรณีที่ลูกค้าไม่มีรถ และกำลังมองหารถใหม่ ทางบริษัทแนะนำรถ DFM Mini Truck ด้วยราคารวมหลังคารถ ตู้โชว์ และสติกเกอร์ตกแต่งภายใน ภายนอก รุ่น DFM CAFÉ 1.1 L LPG-MPI 385,000 บาท รุ่น DFM CAFÉ 1.3 L LPG-MPI 435,000 บาท รุ่น DFM CAFÉ 1.1 L CNG-MPI 395,000 บาท และรุ่น DFM CAFÉ 1.3 L CNG-MPI 445,000 บาท ผ่อนชำระกับธนาคารกสิกรไทย 12-60 งวด (ดาวน์ 25%) อัตราชำระต่องวด ต่ำสุดห้าพันกว่าบาท และสูงสุดสองหมื่นกว่าบาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการผ่อนชำระ
สนใจธุรกิจแฟรนไชส์รถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ ติดต่อ ชั้น 21 อาคารเมืองไทย-ภัทร ตึก 2, 252/110 ถนน รัชดาภิเษก ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 ประเทศไทย โทร. 0-2693-2570 www.boncafe.co.th E-mail:marketing@boncafe.co.th

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : eJobeasy.com

Read More...



ปลาไข่อมยิ้ม
ปลาไข่อมยิ้ม ขึ้นจากเตามากี่กระทะก็หมดในพริบตา 

ความอร่อยอยู่ที่รสชาติน้ำจิ้มสะเด็ดถึงใจ เผ็ดกำลังดี เปรี้ยวเติมอีกนิด ตัดกันดีกับความมันของปลาไข่ทอด เคล็ดลับนอกจากน้ำจิ้มแม่ประยงค์ (ชุมพร) น้ำจิ้มปรุงสด ใช้พริกขี้หนูสวนผสมกับกระเทียม และเครื่องปรุง ไม่ใส่สี ไม่มีสารกันบูด เก็บไว้ในตู้เย็นแช่ได้นานถึง 3 เดือนแล้ว สูตรการทอดปลาไข่ก็มองข้ามไม่ได้ ทอดให้อร่อย ใช้ไฟแค่กลาง ๆ พอ จะได้สีปลาไข่ที่เหลืองนวล หั่นชิ้นพอคำ มองเห็นเรือนร่างอัดแน่นพร้อมโชว์ความสดใหม่ตลอดลำตัว

เวลาปลาไข่อมยิ้มไปออกตามงาน ขายชุดละ 35 บาท ลูกค้าจ่ายไม่ยาก เพราะถือว่ามาเดินช็อปปิ้ง ย่อมมีกำลังซื้อเป็นธรรมดา อีกเมนูที่มักวางขายคู่กันคือเกี๊ยวซ่า ทอดกินร้อน ๆ จะอร่อยกว่าปล่อยให้เย็นชืด การเลือกทำเลสำหรับการขาย “ปลาไข่อมยิ้ม” จึงสำคัญ จะไปตั้งร้านขายตามโรงงานอาจประสบความสำเร็จยาก เนื่องจากพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ต้องการซื้อสินค้าราคาไม่สูงมาก ทางที่ดีต้องไปในย่านชุมชน สำนักงาน หรือตามมหาวิทยาลัย

แบรนด์ “ปลาไข่อมยิ้ม” หรือ “omyimshop” ใช่ว่าเพิ่งจะเกิดขึ้น แต่เป็นรูปเป็นร่างตั้งแต่ปลายปีพ.ศ.2541 ถ้าจำกันได้ยุคนั้นเป็นช่วงคนตกงานเยอะ และคนสร้างอาชีพใหม่ ๆ ก็มีขึ้นมาก เช่นเดียวกับปลาไข่อมยิ้ม ตอนนั้นเป็นเพียงกิจการเล็ก ๆ ที่ขายปลาไข่ทอดกรอบ กินคู่น้ำจิ้มรสจัด ไปเปิดตัวครั้งแรกที่งานเทศกาลกินปลาทู จังหวัดสมุทรสงคราม

จะว่าไปแล้วปลาไข่ไม่ใช่เมนูมหัศจรรย์อะไร กินกันมาแต่ไหนแต่ไร กลับมาโด่งดังได้เพราะเจ้าของร้านรู้จักหยิบขึ้นมาขาย โดยอาศัยการจัดแต่งร้านให้ดูน่ารับประทานด้วยชุดไม้ยางพารา ปีต่อมา “ปลาไข่อมยิ้ม” เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากไปออกงานที่เกษตรแฟร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และค่อย ๆ สร้างชื่อให้ตัวเองด้วยการตระเวนออกงานในช่วงสามปีแรก ทั้งที่เมืองทองธานี งานกาชาดสวนอัมพร งานที่เยาวราช เทศกาลอาหารทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเกือบทุกภาค รวมทั้งรุกขายในห้างฯ เวิลด์เทรด (ที่เดียวกับเซ็นทรัลเวิลด์ปัจจุบัน) ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เดอะมอลล์ บางกะปิ เซ็นทรัลลาดพร้าว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต

สนใจดูรายละเอียดปลาไข่อมยิ้ม

คลิกเข้าไปดูเว็บไซต์ปลาไข่อมยิ้ม www.omyimshop.com จะได้เห็นภาพบรรยากาศการออกบู๊ธ ประวัติความเป็นมา ความรู้เรื่องปลาไข่ และสื่อที่เคยสัมภาษณ์คุณไพรัช สุวรรณสว่าง เจ้าของแบรนด์
ตอนนี้ขายแฟรนไชส์ปลาไข่อมยิ้มชุดประหยัด ราคา 19,000 บาท สอนทั้งวิธีทำและอุปกรณ์การขายครบชุด เช่น คีออส ป้ายโฆษณา ถาด โถน้ำจิ้ม เขียง กระทะ ฯลฯ เจอะเจอบู๊ธปลาไข่อมยิ้มที่ไหน ลองซื้อชิมดู หรือซื้อน้ำจิ้มแยกเป็นขวดก็มีขาย ตอนนี้ที่ขายอยู่ เช่น ตลาดลุงเพิ่มหลังการบินไทย เปิดทุกวันเว้นวันอาทิตย์ และตลาดนัดเกษตรศาสตร์

ชิมปลาไข่อมยิ้มแล้วจึงตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ยังไม่สาย แบรนด์นี้การันตีด้วยว่าได้มาตรฐานเชลล์ชวนชิมมาแล้ว

สนใจติดต่อคุณไพรัช โทร.08-1587-5411 E-mail:omyimshop@yahoo.com
ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : eJobeasy.com

Read More...


ICY ICE ไอซี่ ไอซ์ น้ำแข็งไส สายไหม ปุยนุ่น


แฟรนไชส์ Icy Ice
แฟรนไชส์ Icy Ice 

ออกมากันหลายยี่ห้อ หลายแบรนด์ สำหรับการลงทุนในธุรกิจน้ำแข็งใส คิดจะตั้งโต๊ะสักตัว หาเครื่องไสน้ำแข็งสักเครื่อง มีโหลใส่ท็อปปิ้ง แบบนี้ก็ง่าย ทำขายได้เหมือนกัน แต่ไม่ได้ราคา จะไปตั้งราคาสูงกว่า 10-15 บาท ชักยากแล้ว เพราะไม่มีตัวเพิ่มมูลค่า

ร้านก็ธรรมดา แก้วใส่น้ำแข็งก็งั้น ๆ อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่แตกต่างไปจากร้านขายขนมริมบาทวิถี เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้นักคิดนักการตลาดทั้งหลาย พากันสร้างจุดขายเพื่อให้สินค้ามีราคามากขึ้น ลงทุนขายน้ำแข็งใสมีโอกาสได้กำไรสูง เพราะต้นทุนต่ำ ถ้าออกแบบร้านให้ดูดี สะอาด ราคาขายต่อถ้วยเริ่มต้นที่ 20-25 บาท จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ลูกค้าจะซื้อ

ถ้าออกแบบร้านเองไม่เป็น เริ่มต้นไม่ถูก มีที่ปรึกษาที่ผ่านการขายมาแล้วคอยให้คำแนะนำ นับเป็นการลงทุนแบบสำเร็จรูป แค่มีเงินซื้อ มีที่ขาย จะรู้ได้อย่างไรว่าจะซื้อแฟรนไชส์ยี่ห้อไหนดี วิธีง่ายที่สุดและคนส่วนใหญ่มักนึกถึงคือ เปรียบเทียบราคา ความคุ้มค่าที่ได้รับ เช่น อุปกรณ์ รูปแบบเคาน์เตอร์หรือคีออส ตลอดจนเงื่อนไขหรือสัญญาระหว่างผู้ขายแฟรนไชส์กับผู้ซื้อแฟรนไชส์

ประการสำคัญอย่ามองแค่เรื่องเงินอย่างเดียว ต้องมองด้วยว่าตัวแฟรนไชซอร์หรือเจ้าของแฟรนไชส์ ให้ความรู้อะไรบ้าง เช่น การบริหารต้นทุน การมองหาทำเล การตลาด และคำปรึกษาเมื่อเกิดปัญหา ส่วนใหญ่เมื่อขายแฟรนไชส์แล้วก็จบกันแค่ตอนส่งสินค้า กริ๊งกร๊างอีกทีตอนสั่งซื้อวัตถุดิบ ในเมื่อตัดสินใจร่วมธุรกิจ ใช้แบรนด์เดียวกันแล้ว อย่าลืมนำความสำเร็จจากร้านต้นแบบของแฟรนไชซอร์เป็นกรณีศึกษา เพื่อสร้างความสำเร็จให้ร้านของคุณเอง

มีเจ้าของแฟรนไชส์อยู่รายหนึ่งชื่อคุณธนายุต จงกลรัตนกุล เป็นคนหนุ่มไฟแรง ปัจจุบันอายุ 32 ปี เรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์ มีงานประจำทำอยู่แล้ว แต่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจเล็ก ๆ ตัดสินใจเข็นแบรนด์ “Icy Ice” ออกมาทำเองอยู่ 3 ปี จนมั่นใจว่าจะขยายสาขาด้วยระบบแฟรนไชส์ ผ่านไป 4 ปี ในที่สุดมีแฟรนไชซีอย่างที่ตั้งใจทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เกือบ 10 สาขา เช่น สงขลา หนองคาย สระบุรี ราชบุรี
ถามคุณธนายุตว่าทำไมถึงมีสาขาไม่มาก เขาให้คำตอบว่าเพิ่งเริ่มเปิดตัว ออกบู๊ธอย่างจริงจัง เมื่อปีที่แล้ว หลังจากนี้เชื่อว่าคงขยันออกงานอยู่เรื่อย ๆ และมีจำนวนคนไต่ถามถึงความน่าสนใจในการลงทุนมากขึ้น จุดเด่นของ “Icy Ice” เริ่มต้นมาจากพื้นฐานความชำนาญก่อนหน้านี้ที่เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบประเภทนม ส่งขายให้กับหลายเจ้า พอมาทำแฟรนไชส์ของตัวเอง จึงเพิ่มรสชาติมีให้เลือกหลายรส อาทิ นมสด โยเกิร์ต ชาเขียว ช็อคโกแลต สตรอว์เบอร์รี่ น้ำเขียวครีมโซดา และน้ำแดงสละไซเดอร์

ท็อปปิ้งขึ้นกับขนาดเคาน์เตอร์ 12-15 ช่อง ส่วนราคาขายขึ้นกับลูกค้าในย่านที่วางขาย เริ่มต้นที่ 20 บาท แก้วเล็ก และ 30 บาท แก้วใหญ่ ขายราคาขนาดนี้ก็ได้กำไรเท่าตัวแล้ว

แพคเกจต่างๆ ของ แฟรนไชส์ Icy Ice

Package 1 แฟรนไชส์ Icy Iceขนาดใหญ่ ราคา 69,900 บาท
-เคาน์เตอร์สำเร็จรูปพร้อมไฟตกแต่ง
-ป้ายไฟตกแต่งและกราฟิคสวยงาม
-เครื่องไสน้ำแข็งสายไหม
-เรียนสูตรน้ำแข็งไสสายไหม
-ตู้เย็นแช่ท็อปปิ้ง
-ถาดใส่ผลไม้ 12-15 หลุม+ช้อนตักผลไม้+รางสแตนเลส
-ถ้วยและช้อน 500 ชุด
-ขวดใส่ท็อปปิ้งและอุปกรณ์

Package 2 แฟรนไชส์ Icy Iceขนาดกลาง ราคา 39,000 บาท
(เพิ่มตู้เย็นแช่ท็อปปิ้ง 45,000 บาท)
-เครื่องไสน้ำแข็งสายไหม
-เรียนสูตรน้ำแข็งไสสายไหม
-ตู้ใส่ท็อปปิ้งสแตนเลส+ถาดใส่ผลไม้+ช้อนสแตนเลสตักผลไม้
-โต๊ะเคาน์เตอร์พร้อมป้ายตกแต่ง
-ถ้วยและช้อน+อุปกรณ์

Package 3 แฟรนไชส์ Icy Iceขนาดเล็ก ราคา 9,500 บาท
-เรียนสูตรน้ำแข็งไสสายไหม
-ถ้วยและช้อน+อุปกรณ์
สนใจแฟรนไชส์ติดต่อ 08-5229-5258 E-mail:icyice.iy@gmail.com
ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : eJobeasy.com

Read More...


น้ำแข็งเกล็ดหิมะขายง่าย คืนทุนไว


น้ำแข็งเกล็ดหิมะ icy-me
น้ำแข็งเกล็ดหิมะ ไอซี่-มี icy-me 

เจ้าของแฟรนไชส์น้ำแข็งเกล็ดหิมะ “ไอซี่-มี icy-me” ตั้งใจให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์ทำงานสะดวกที่สุด ด้วยการซื้อวัตถุดิบเอง ไม่ต้องเสียเวลารอ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งและลดปัญหาการมีปากเสียงกับแฟรนไชซอร์ รสชาติกล้าเทียบกับแบรนด์ดัง ๆ ที่มีราคาแพงกว่านี้เยอะ

การกำหนดราคาขายของน้ำแข็งเกล็ดหิมะ icy-me ต่อถ้วยไม่สูงเกินไป กลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้ไอซี่-มี ขายได้ง่าย โดยเน้นท็อปปิ้งหลากหลายรสชาติให้เลือกสั่งมากกว่า 10 หน้า เช่น กล้วย แตงโม กีวี เงาะ ลำใย วุ้นมะพร้าว ฟรุตสลัด มาร์ชเมลโล่ เยลลี่ เวเฟอร์ คุ้กกี้ คอนเฟล็กซ์ ส่วนน้ำแข็งไสใช้สูตรเดียวคือสูตรนม เพื่อลดขั้นตอนยุ่งยาก

ยิ่งอากาศร้อน ๆ แบบนี้ด้วยแล้ว น้ำแข็งไสหวานเย็น กินเมื่อไหร่ อร่อยได้เมื่อนั้น และการตั้งราคาขายไม่แพง 25-30 บาท สำหรับการสั่งท็อปปิ้ง 2 หน้า และ 3 หน้า ทำให้ฐานลูกค้ากว้าง ไม่ต้องรวยก็ซื้อกินได้ ถ้าจะเปรียบเทียบน้ำแข็งเกล็ดหิมะ icy-me กับยี่ห้ออื่นคงลำบาก เพราะแต่ละแบรนด์มีสูตรเด็ดลับเฉพาะแตกต่างกัน รสชาติไหนถูกใจลูกค้า ต้องไปสังเกตและสอบถามกันดู หรือชิมถึงที่ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อแฟรนไชส์

เจ้าของสูตร “ไอซี่-มี” เพิ่งเริ่มขายแฟรนไชส์น้ำแข็งเกล็ดหิมะ icy-me มาเกือบครึ่งปี ก่อนหน้านั้นลองผิดลองถูกอยู่เกือบปี กระทั่งคิดว่ามีความพร้อม และมีบทเรียนมากพอที่จะถ่ายทอดให้กับแฟรนไชซีได้ “ไอซี่-มี” มีสาขาอยู่โรงเรียนสวนกุหลาบ นนทบุรี โลตัส ปากเกร็ด โลตัส จรัญสนิทวงศ์ จังหวัดยะลา และอีกหลายสาขาที่อยู่ระหว่างการเจรจา

ลักษณะการลงทุนมีให้เลือก 2 รูปแบบ คือ icy-me standard ขนาด 2 เมตร ราคา 89,000 บาท เคยจัดช่วงโปรโมชั่น 79,000 บาท และ icy-me 2 go (ทูโก) แบบถอดประกอบพกพา 1.20 เมตร ราคา 55,000 บาท ราคาพิเศษที่เคยแนะนำในช่วงโปรโมชั่น 49,000 บาท

รูปแบบร้านตกแต่งเน้นความหวาน สีสันสดใส สีชมพู การตั้งราคาขายขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง บวกลบไม่เกิน 5 บาท หลังจากที่ขายเคาน์เตอร์ไปแล้ว เจ้าของแฟรนไชส์จัดหลักสูตรอบรมการทำน้ำแข็งไส และการเตรียมสินค้าทุกขั้นตอน

ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์น้ำแข็งเกล็ดหิมะ icy-meกำหนด ไว้ที่ 5,000 บาท ต่อบู๊ธใหญ่ และ 2,000 บาท ต่อบู๊ธเล็ก ต่ออายุปีต่อปี รายได้ในส่วนนี้จะนำกลับมาเป็นค่าใช้จ่ายของแฟรนไชซอร์ต่อไป กับภารกิจการเข้าไปช่วยคิว.ซี. ให้คำปรึกษา ทำประชาสัมพันธ์เป็นระยะ เนื่องจากมีคู่แข่งทั้งทางตรงและทางอ้อม และเป็นที่ปรึกษาตลอดอายุแฟรนไชส์

คำนวณกำไรประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ถ้าได้ทำเลดี ขายพอใช้ได้ 70-80 ถ้วยต่อวัน ระยะคืนทุนเฉลี่ยประมาณ 3 เดือน หรือถ้าไม่เร่งรีบ ขายคนเดียวไม่มีลูกจ้าง ขายได้วันละ 30-40 ถ้วย ก็อยู่ได้

ตารางเฟรนไชส์ น้ำแข็งเกล็ดหิมะ icy-me

icy-me standard
-บู๊ธ 2 เมตร พร้อมไฟส่องสว่าง
-ป้ายธงญี่ปุ่น ป้ายโฆษณาบนตัวบู๊ธ
-ตู้แช่แข็ง
-เครื่องไสน้ำแข็งเกล็ดหิมะ
-ถาดหลุมสเตนเลส 10 ถาด
-ขวดบีบ 6 ใบ
-ขวดโหลท็อปปิ้ง 6 ใบ
-ขวดโหลใบใหญ่ 2 ใบ
-ช้อนตักท็อปปิ้ง 6 คัน
-ถ้วย 1,000 ใบ
-ช้อน 1,000 คัน
-ผ้ากันเปื้อนพิมพ์โลโก้ 2 ผืน

icy-me 2 go
-บู๊ธ 1.20 เมตร
-ป้ายธงญี่ปุ่น ป้ายโฆษณาบนตัวบู๊ธ
-เครื่องไสน้ำแข็งเกล็ดหิมะ
-ถาดหลุมสเตนเลส 10 ถาด
-ขวดบีบ 6 ใบ
-ถ้วย 200 ใบ
-ช้อน 200 คัน
-ผ้ากันเปื้อนพิมพ์โลโก้ 2 ผืน
ด้วยคอนเซ็ปต์ขายง่าย บริหารร้านง่าย คืนทุนไว สนใจติดต่อ คุณใหม่ 16/12 ซ.สุขาประชาสรรค์ ปากเกร็ด นนทบุรี โทร.08-1829-9662

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : eJobeasy.com

Read More...


นิตยาไก่ย่าง….ไขเคล็ดลับ สร้างความยั่งยืน


นิตยาไก่ย่าง
หลากหลายเมนูไก่ย่างจากนิตยาไก่ย่าง

“ร้านอาหาร” เป็นธุรกิจประเภทท๊อปฮิตติดอันดับต้นๆ ของคนที่ต้องการจะก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการ เป็นเพราะคนทั่วไปคิดว่าร้านอาหารเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ทำอาหารอร่อยขึ้นมานิดหน่อยก็คิดว่าสามารถเปิดร้านได้แล้ว แต่ “นิตยาไก่ย่าง” ไม่ได้คิดอย่างนั้น ทำให้ในเวลา 10 ปีสามารถขยายมาได้ถึง 8 สาขาแล้วในวันนี้ และยังคงได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า แม้ว่าอาหารไทยจะมีการแข่งขันสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ล่าสุด “นิตยาไก่ย่าง” ต้องเผชิญกับอุปสรรคใหญ่คือ “คน” โดยเฉพาะคนที่อยู่ในส่วนของการทำครัวที่ไม่สามารถหาได้ทันกับการเปิดสาขา ใหม่ที่วางแผนไว้แล้วว่าจะเปิดในเร็วๆ นี้ ทำให้ต้องมองหาทางออกใหม่และหันมาพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

แต่สำหรับคนที่ต้องการจะเปิดร้านอาหาร หรือมีร้านอาหารอยู่แล้วแต่ขยายสาขาไม่ได้ “รวีรัตน์ ลักษณวิสิษฐ์ กันตจินดา ” ผู้หญิงเก่งที่บุกเบิกและผลักดัน “นิตยาไก่ย่าง” มีสูตรเด็ดในการสร้างธุรกิจร้านอาหารที่พิสูจน์ความสำเร็จมาแล้วมาแบ่งปัน และยังทำให้เห็นว่า “มุมมอง” และ”วิธีติด” เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจรุ่งหรือร่วงได้ง่ายๆ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารที่ต้องการเติบโต

๐ นิตยาไก่ย่างเริ่มต้นอย่างไรให้อยู่รอด ?

คำพูดที่บอกว่า “เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” น่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ประกอบการอยากรู้มากขึ้นว่า แล้วจะทำอย่างไรให้การเริ่มต้นนั้นดีอย่างที่ว่า สำหรับธุรกิจร้านอาหาร รวีรัตน์ บอกว่า ต้องถามตัวเองว่ามีความพร้อมในเรื่องเหล่านี้หรือไม่ คือในข้อแรก รสชาติของอาหารต้องมาก่อน ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีความพร้อมในเรื่อง รสชาติของอาหารหรือไม่ ? อย่างเชื่อมั่นกับรสชาติของตัวเองเกินไป ด้วยการสำรวจลูกค้าเป้าหมายก่อน ซึ่งทำแบบเล็กๆ ก็ได้ ถ้าคนที่ชิมรับประทานต่อไปได้เรื่อยๆ ก็น่าจะถือว่าสอบผ่าน
ข้อสอง การบริการ ต้องมีใจรักพร้อมจะทำให้คนอื่นมีความสุข ซึ่งจะให้ได้ผล ผู้บริหารต้องมีความรักให้พนักงานก่อน โดยเฉพาะในเรื่องของการให้เกียรติกัน เพราะการที่เขาได้รับเกียรติ จะทำให้เขารู้จักการให้เกียรติคนอื่นๆ ซึ่งรวมทั้งลูกค้า และหมายถึงการบริการที่สุภาพเรียบร้อย

ข้อสาม ความสะอาด เพราะในปัจจุบันนี้หมดยุคที่ลูกค้าจะรับประทานโดยไม่สนใจเรื่องความสะอาด เพราะทุกคนมีความรู้มากขึ้น สุขอนามัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับ“นิตยาไก่ย่าง” นอกจากในเรื่องการปรุงอาหารที่เน้นเรื่องนี้มาก ในการบริการลูกค้า ยังมีการให้ช้อนกลางที่โต๊ะเพื่อให้ลูกค้าหยิบใช้สะดวกตามต้องการ


นิตยาไก่ย่าง
นิตยาไก่ย่างมีอาหารมากมายให้เลือกรับประทาน

ข้อสี่ สถานที่ ต้องสะดวกสบาย เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่ลูกค้าต้องการ ข้อห้า ราคา ต้องสมเหตุสมผลเพื่อลูกค้าจะได้คิดว่าการมาที่ร้านคุ้มกว่าการทำเองที่บ้าน ข้อหก วัตถุดิบ ต้องมีแหล่งที่มีคุณภาพมากว่าคนอื่นและได้ราคาที่ถูกกว่า จะเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากในการทำธุรกิจ

ข้อเจ็ด ความมีโชคดี ดูเหมือนจะเป็นองค์ประกอบที่ควบคุมไม่ได้ แต่ตัวอย่างคือ ความบังเอิญของร้านแรกที่รัตนาธิเบศน์ เปิดอยู่ใกล้กับออฟฟิศของหมึกแดง – หม่อมหลวงศิริเฉลิม สวัสดิวัตน์ ซึ่งมารับประทานกับพ่อ-ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ แล้วชอบ ทำให้อาหารของร้านนิตยาไก่ย่างได้รับเชลล์ชวนชิม และมีการเขียนแนะนำให้มารับประทาน แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การกำชับให้พนักงานระลึกอยู่เสมอว่า ทุกคนที่ชื่นชมนิตยาไก่ย่างแล้วนำไปบอกต่อมีความสำคัญมีพระคุณต่อร้าน และมีชื่อเสียง เพราะฉะนั้น การที่จะไม่ทำให้คนเหล่านั้นเสียชื่อ คือการที่ต้องเอาใจใส่ต่ออาหารและการบริการอย่างเต็มที่ เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการไม่ผิดหวัง

และข้อแปด เมื่อทุกอย่างพร้อม ลงมือทำแบบเล็กๆ ก่อน เพื่อดูผลตอบรับของลูกค้า ถ้าลูกค้าไม่กลับมา ให้กลับไปดูที่จุดเริ่มต้นคือ รสชาติของอาหาร เพราะอาหารเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุด

๐ทำอย่างไรจึงจะขยายนิตยาไก่ย่างได้ ?

1.เมื่อลูกค้ามาซ้ำและมีการพาลุกค้าใหม่ๆ มาหรือบอกต่อ และมาจากที่ไกลๆ 2. มีบุคลากรเพียงพอ ซึ่งการที่จะผูกใจพนักงานให้อยู่ด้วยนั้นมีความสำคัญ สำหรับที่นี่ การให้ “ความใส่ใจและเข้าถึงได้ง่าย” ทำมให้เขารู้สึกอุ่นใจและมีที่พึ่งมีความสำคัญมาก เพราะพนักงานส่วนมากมาจากต่างจังหวัดห่างไกลครอบครัว นอกจากนี้ “การให้ค่าของความเป็นคน” ทำให้เขาไม่รู้สึกว่าต้อยต่ำ เมื่ออยู่ที่นี่ได้ทำให้ชักชวนกันมาทำงานหลายเป็นผลดี ช่วยมีคนพอที่จะขยายสาขาได้

อีกทั้ง ต้องมี “ทีมที่ดี” โดยเฉพาะในส่วนของการบริหารจัดการ ซึ่งที่นี่ชักชวนให้หลานมาทำงานด้วยกันและให้เป็นหุ้นส่วนเพื่อจะได้มีความ เป็นเจ้าของร่วมกัน เพราะการจะบริหารคนเดียวย่อมจะไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงในทุกเรื่องที่เกี่ยว ข้องกับการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของร้านการบริการ เรื่องของอาหารการครัว เรื่องการเงิน ฯลฯ และไม่สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้แน่ ที่สำคัญอีกเรื่องคือ “การโกงหรือคอรัปชั่น” ซึ่งเมื่อไม่มีเรื่องนี้แล้วจะทำให้สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง

แต่การที่จะทำให้ทีมงานอยากอยู่ร่วมกันนั้น ยังมีเคล็ดลับที่ต้องรู้อีกนั่นคือ “การทำงานอย่างมีความสุข” ด้วยการมองในความเป็นจริงและยอมรับว่า ทุกคนเกิดมาต้องเลี้ยงชีพซึ่งหมายถึงการทำงาน เมื่อต้องมาทำงานจึงต้องเลือกที่จะมีความสุขกับการทำงาน เพราะเมื่อมีวิธีคิดแบบนี้แล้ว ย่อมจะทำให้ทุกคนหาวิธีที่จะทำงานให้มีความสุข เช่น และการอยู่ที่นี่นอกจากเป็นหุ้นส่วนยังเป็นหลาน ขณะที่การไปทำงานที่อื่น ก็เป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งเท่านั้น แต่ข้อสำคัญคือการเปลี่ยนคนอื่นเป็นเรื่องยากกว่าการเปลี่ยนตัวเอง เพราะฉะนั้น การเปลี่ยนตัวเองและทำอย่างที่อยากให้คนอื่นทำกับเราน่าจะเป็นหลักยึดที่ดี ใช่หรือไม่ แต่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหรือพนักงานต้องระลึกว่าเงินที่ได้ทุกบาททุก สตางค์มาจากลูกค้า เพราะฉะนั้น การดูแลลูกค้าจึงสำคัญที่สุด

ในเรื่องของปัญหานิตยาไก่ย่าง สำหรับผู้บริหารต้องรู้ว่ามีหน้าที่แก้ปัญหาอยู่แล้ว การหันหน้าคุยกันและไม่เครียดจึงเป็นวิธีการที่ดี และในบางปัญหายังไม่จำเป็นต้องแก้เพราะเวลาจะเป็นตัวช่วย ขณะเดียวกัน การให้รางวัล เช่น พาไปต่างประเทศ ทำให้รู้สึกได้ว่าเห็นความสำคัญและภูมิใจกับการทำงานที่นี่ว่าได้มีโอกาสที่ ดีไม่น้อยกว่าที่อื่น นอกจากนี้ ยังมีการให้สวัสดิการต่างๆ เช่น ค่าเล่าเรียนลูก เงินกู้ยืมเมื่อจำเป็น เป็นต้น เช่นเดียวกัน วิธีการพูดต้องใช้จิตวิทยาโดยเฉพาะในส่วนของพนักงานเพื่อทำให้เรื่องเครียด กลายเป็นเรื่องที่ยอมรับและนำไปสู่การพัฒนาได้ เช่น การทดสอบอาหาร มักจะเปรียบเปรยให้ขำๆ อย่างเช่น หน้าตาดีแต่นิสัยยังคบไม่ได้ หรือหน้าตาไม่ดีนิสัยยังไม่ดีอีก เฉดหัวออกไป ฯลฯ

ในขณะที่ สามีซึ่งทำธุรกิจปั๊มน้ำมันเป็นอีกคนใกล้ชิดที่เข้ามามีส่วนช่วยดูแลกิจการ ทำให้มีหลักคิดว่า ต้องแบ่งบทบาทหน้าที่ชัดเจนไม่ทำในเรื่องเดียวกัน เพราะหากเกิดปัญหาคนที่อยู่กับปัญหานั้นด้วยกันจะมองปัญหาคล้ายกัน แต่คนนอกจะมองแตกต่างและให้ข้อคิดที่ดีได้ ทำให้ทั้งชีวิตคู่ที่เป็นเรื่องส่วนตัวหรือครอบครัวกับเรื่องของการทำงาน เดินไปด้วยกันได้อย่างราบรื่น

นอกจากนี้ ในการที่นิตยาไก่ย่างมีหลายสาขา “ระบบครัวกลาง” เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เพื่อให้พนักงานที่ร้านทำน้อยที่สุด เช่น น้ำส้มตำ น้ำพริกแกง และน้ำหมัก ส่วนระบบอื่นๆ ต้องมีเช่นกัน เพื่อให้การบริหารและการบริการมีคุณภาพมากที่สุด เช่น การวางบิล การตัดจ่ายั้ทำจากส่วนกลางแล้วจึงกระจายไปตามสาขาต่างๆ

๐ นิตยาไก่ย่างเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส

แม้ว่าในตอนนี้จะมีอุปสรรคในเรื่องของคนทำครัว เพราะนอกจากจำนวนเมนูที่มีมากถึง 200 รายการทำให้ยากที่จะจำ ขณะที่ เด็กสมัยนี้ต่างจากสมัยก่อน เพราะไม่มีพื้นฐานการครัวจากบ้านมาก่อน และไม่ชอบงานครัวเท่าไรนักเพราะไม่คุ้นเคยและมองว่าเป็นงานหนักทั้งร้อนและ ละเอียด ทำให้สาขาใหม่ที่วางแผนไว้ว่าจะเปิดในเร็วๆ นี้ที่วัชรพลต้องหยุดชะงักลง

นิตยาไก่ย่าง
ร้านอาหารนิตยาไก่ย่าง

แต่มีความคิดที่จะใช้แรงงานต่างด้าวเพราะมีความจำเป็น เพื่อแก้ปัญหานี้ เพราะในการทำอาหาร อยู่ที่ทักษะประสบการณ์ไม่ใช่ความรู้หรือวุฒิการศึกษา โดยเฉพาะที่อย่างยิ่งที่ผ่านมา การได้คนทำครัวที่ไม่มีความรู้เรื่องการทำอาหารมาก่อนกลับเป็นข้อดี เหมือนกับแก้วเปล่า สามารถใส่น้ำเข้าไปได้เต็มที่ ตรงกันข้ามกับ คนที่เก่งหรือเป็นมืออาชีพแล้ว จะมีความเชื่อในตัวเองสูงมากและไม่ยอมทำตาม ยกตัวอย่าง เคยจ้างพ่อครัวเงินเดือน 2 กว่าบาท แต่ต้องให้ทำงานแบบพนักงานเงินเดือน 8 พันบาท ซึ่งกลายเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ และทำให้ไม่เคยคิดจ้างพ่อครัวแม่ครัวที่เก่งแล้วอีกเลย

“ในเรื่องของคน พนักงานที่สำคัญที่สุดคือครัวต้องตั้งหลักให้ได้ก่อน ถ้าจุดนี้พร้อมจุดอื่นไม่ยาก เพราะหาคนเข้าไปทำครัวยากมาก และโดยส่วนตัวทำอาหารไม่เป็น แต่เป็นคนกินของดีเป็น เพราะชอบรับประทานมาก เพราะฉะนั้น การเป็นคนที่มีประสบการณ์กินมากเป็นเหมือนตัวแทนของลูกค้า จะรู้ว่าลูกค้าอยากได้แบบไหน”

อย่างไรก็ตาม ในจังหวะนี้ จึงวางแผนใหม่ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับการทบทวนพื้นฐานทุกเรื่องในร้าน ด้วยการเจาะลึกลงไปในเรื่องต่างๆ เช่น อาหารจะมีการทดสอบรสชาติมากขึ้น การบริการ สถานที่ รวมทั้ง การปรับเปลี่ยนเมนูด้วยการตัดเมนูที่ขายได้น้อย มีความยุ่งยากในหารปรุงมากเกินไป เพราะในตอนนี้ในส่วนของเมนูส้มตำมีมากถึง 40 รายการ การลดจำนวนลงเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังเร่งพัฒนาสินค้าใหม่คือ ไก่ย่างพร้อมทานที่ บรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่เก็บไว้ได้นานด้วยการแช่แข็งถึง 6 เดือน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงโรงาน คาดว่าจะเสร็จภายใน 2 เดือนข้างหน้า หลังจากที่ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีการออกไก่ย่างสูตรพริกเขียวหวาน จากเดิมที่มีไก่ย่างสูตรดั้งเดิมซึ่งมีจุดขายอยู่ที่ความเป็นไก่บ้านและรส ชาติเข้มข้น จึงมองว่าการออกสินค้าใหม่จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยตอบสนองความต้องการของ ลูกค้าได้ดีขึ้น และเป็นโอกาสที่ดีทางธุรกิจอีกด้วย แม้ว่าการแข่งขันจะรุนแรงก็ตาม ธุรกิจยังต้องพัฒนาต่อไปบนพื้นฐานของความยั่งยืน

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


“ซูชิทุเรียน” ประยุกต์เมนูญี่ปุ่น สร้างมูลค่าเพิ่มผลไม้ไทย

ซูชิทุเรียน
ซูชิทุเรียน


เมื่อย่างเข้าฤดูร้อน ผลไม้ที่หลายคนโปรดปรานอย่างทุเรียนมีผลผลิตออกมาให้ได้กินกัน และสำหรับทุเรียนที่ขึ้นชื่อและมีชื่อเสียงมานานก็ต้องยกให้กับทุเรียนเมือง นนท์ และทุกปีทางจังหวัดนนทบุรี ได้ร่วมกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล สาขารัตนาธิเบศร์ จัดงานทุเรียนนนท์ เพื่อเผยและอนุรักษ์ของดีเมืองนนท์เอาไว้
สำหรับในปีนี้ นอกจากชาวสวนทุเรียนนนท์ที่มีอยู่ไม่กี่รายได้ขนทุเรียนมาร่วมประชันความ อร่อยกันแล้ว ก็ยังมีเมนูแปลกที่ได้จากทุเรียนมาร่วมสร้างสีสันในงานอย่าง เมนูซูชิทุเรียน ผลงานของเชฟ “สยาม คำหมาย” ห้องอาหารญี่ปุ่นซุยเรน โรงแรมรามาการ์เด้นส์

นายสยามเล่าว่า ที่มาของเมนูซูชิทุเรียนครั้งนี้ ได้แนวคิดมาจากว่าในช่วงนี้เป็นฤดูกาลของผลไม้ที่เป็นราชาของเมืองไทยได้แก่ “ทุเรียน” แล้วเห็นว่าน่าจะนำทุเรียนมาทำเป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นได้ โดยมองว่าเราน่าจะนำผลไม้ไทยมาผสมผสานกับอาหารสไตล์ญี่ปุ่นได้ จึงนำประสบการณ์ทำอาหารญี่ปุ่นมาสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ให้แขกของโรงแรมได้มาลิ้มลองเมนูที่แปลกใหม่ และคิดว่าคงถูกใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบทุเรียนเป็นพิเศษด้วย


ซูชิทุเรียน
นายสยาม คำหมาย เชฟห้องอาหารญี่ปุ่น เจ้าของสูตร

โดยเชฟได้นำทุเรียนมาทำเป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นหลาก หลายรูปแบบ และมีการตกแต่งที่แตกต่างกันด้วย เพื่อให้ออกมาดูน่ารับประทาน อาทิ ซูชิทุเรียน แซลมอนทุเรียน เป็นต้น ซึ่งรสชาติของทั้งสองเมนูเด่นนี้ ค่อนข้างจะเป็นที่ถูกใจ สำหรับคนที่ชื่นชอบทุเรียน และชอบอาหารญี่ปุ่นอย่างซูชิ และเป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ระหว่างเมนูอาหารญี่ปุ่น และผลไม้ไทยที่ลงตัวอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ว่าทั้งสองตัวนี้มันจะไปด้วยกันได้

ขั้นตอนการทำซูชิทุเรียน

ทั้งนี้ส่วนผสม และขั้นตอนการทำซูชิทุเรียนนั้น เชฟเล่าให้ฟังว่า เขาได้เลือกใช้ ข้าวญี่ปุ่นชั้นดี นำปรุงรสชาติด้วยการใส่น้ำส้ม น้ำตาล และเกลือ เพื่อให้ได้รสชาติที่ข้าวญี่ปุ่นที่อร่อยรสชาติกลมกล่อม และที่ขาดไม่ได้ก็คือการนำทุเรียนมาใช้เป็นส่วนผสมหลักของการทำซูชิทุเรียน โดยต้องมีการคัดเลือกทุเรียนอย่างพิถีพิถัน และเราต้องการใช้ทุเรียนสายพันธุ์ที่ดีที่สุดเท่านั้น เพื่อให้ได้รสชาติความหอมมันของเนื้อทุเรียน ทุเรียนที่ใช้ต้องสุกกำลังพอดีไม่ห่ามจนเกินไป หรือ นิ่มจนเกินไป เพื่อที่จะได้คุณภาพของอาหารออกมาดีที่สุด และมีรสชาติที่แปลกใหม่จากซูชิทั่วไป

โดยซูชิทุเรียนสามารถเก็บได้นาน 3 วัน เมื่อนำมาแช่ในตู้เย็น แต่เชฟขอแนะนำว่าให้ท่านรับประทานซูชิทุเรียนภายใน 1 วันเลยจะดีกว่า เพราะจะได้รสชาติของความสด หอม หวาน มัน ของเนื้อทุเรียนที่มีการคัดสายพันธุ์ของทุเรียนมาอย่างดี

นอกจากจะทำซูชิทุเรียนขายในงานเทศกาลทุเรียนเมืองนนท์แล้ว ทางโรงแรมฯ ของเราก็มีการทำซูชิทุเรียนขายที่โรงแรมด้วยครับ เนื่องจากมีกระแสตอบรับอย่างดีมากจากลูกค้าที่มาซื้อในงาน โดยทางโรงแรมฯ เราจะรับทำให้ตามสั่ง และจะต้องการโทรมาสั่งจองล่วงหน้านะครับ เพื่อที่ทางเราจะได้คัดเลือกทุเรียนที่มีคุณภาพไว้สำหรับลูกค้าของเรา ส่วนราคาซูชิทุเรียนอยู่ที่จานละ 500 บาท มีซูชิที่เสิร์ฟในจานจำนวน 4 ชิ้น

สำหรับลูกค้า กลุ่มคนชอบทุเรียน และชอบกินเมนูซูชิใหม่ หลังจากที่ทางโรงแรมได้แนะนำเมนูซูชิทุเรียนออกมา ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการร่วมออกงานทุเรียนนนท์ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ ผลตอบรับดีมากคนให้ความสนใจ และกลับมาซื้อกลับไปทดลองชิมกันเป็นจำนวนมาก

“ลูกค้าที่มาร่วมงานพอได้แวะมาที่บูทของโรงแรมรามาการ์เด้นส์ และได้ลิ้มลองซูชิทุเรียน มักจะชมว่าอร่อยมาก แปลกดี มีความคิดสร้างสรรค์ ของการประยุกต์เมนูอาหารญี่ปุ่นใหม่ๆ มาให้ได้ลิ้มลองกัน ซึ่งลูกค้ายังบอกอีกว่าไม่น่าเชื่อว่าทุเรียนซึ่งเป็นผลไม้ของไทยจะเข้ากับ ข้าวญี่ปุ่นได้ และลูกค้าที่มาชิมทุกท่านก็ซื้อกลับบ้านกันทุกคนเลยครับ”

ซูชิทุเรียน
ซูชิทุเรียนในอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับคนที่ไม่ชอบทุเรียนสุก
 
เมนูซูชิทุเรียนเป็นอีกหนึงตัวอย่างของการ รู้จักประยุกต์ และสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ให้เกิดกับสินค้าของเรา เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซากจำเจ และยังเป็นการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีในฤดูกาล(ราคาไม่แพง)มาสร้างสรรค์เมนู แปลก เรียกลูกค้าที่ชื่นชอบลิ้มลองของใหม่ได้ และถ้ารสชาติอร่อยด้วยแล้วรับรองว่า เท่าไหร่ลูกค้าก็ยอมจ่าย

โทร. 0-2558-7888 ต่อ 10314, 10315
ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


ไก่ทอด ลงทุนคีออสจ่ายเพียง 9,111 บาท

ไก่ทอดชิกกี้ชิก
แฟรนไชส์ไก่ทอดชิกกี้ชิก


บริษัท เอ็มดี 79 เทรดดิ้ง จำกัด เป็นเจ้าของแบรนด์ไก่ทอดชิกกี้ชิก (Chicky Chic) ซึ่งอยู่ในเครือบริษัท พนัสโพลทรี่ จำกัด บริษัทที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2540 ตั้งอยู่ที่พนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ไก่ครบวงจร มีฟาร์มไก่ระบบปิด โรงอาหารสัตว์ โรงเชือด โรงแปรรูป และ R&D Center ส่งออกตลาดต่างประเทศและขายภายในประเทศ ได้รับมาตรฐาน ISO 9002, HACCP, GMP และเครื่องหมายฮาลาล

แบรนด์ “ชิกกี้ชิก” สร้างขึ้นเมื่อปี 2549 ไม่มีการทำตลาดแบบหวือหวา กระทั่งปีนี้ลุกขึ้นมากระตุ้นแบรนด์ ปรับปรุงคีออสเดิมที่มีกว่า 150 สาขา ในไตรมาสแรกของปี 2554 และเตรียมขยายจุดขายเพิ่มอีก 100 สาขาทั่วประเทศ (ต่างจังหวัด 50%) รวมเป็น 250 สาขา โดยวางสโลแกนแบรนด์ชิกกี้ชิก “คิดถึงไก่ทอด คิดถึงชิกกี้ชิก อร่อยคุ้มค่า”

ผลิตภัณฑ์หลักที่จำหน่ายที่ร้านชิกกี้ชิกใน ปัจจุบัน มี 8 เมนู คือ ป๊อป ป๊อป, สไปซี่ ป๊อป, ชิก อบูริ, ชิกนักเก็ต, ชิก คาราเกะ, ชิก โกกอน, ชิก คัสซุ และเฟรนช์ฟราย ไก่ของชิกกี้ชิกเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากโรงงานของบริษัทโดยตรง ปรุงสุกโฟรเซ่นและทอดร้อนที่หน้าร้าน สร้างความสะดวกให้กับผู้ขาย
คุณธนินวัฒน์ พรพัฒน์เดชอุดม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ผู้ที่เคยสร้างแบรนด์ไก่ย่างรายใหญ่ของเมืองไทย วันนี้ตัดสินใจมาช่วยชิกกี้ชิกรุกตลาด ภายใต้แนวนโยบาย 3 รูปแบบ คือ บริษัทเปิดดำเนินการเอง เปิดรับแฟรนไชส์รายย่อย และการหาตัวแทนต่างจังหวัด

เป็นไปได้ว่าหลังจากผ่านปีนี้ไปแล้ว เป้าหมายการขยายสาขาปีหน้าอาจมากถึง 500 สาขา และอาจพุ่งถึง 1,000 สาขาภายใน 3 ปี

การลงทุนของ “ชิกกี้ชิก” มี 3 รูปแบบ คือ คีออสรถเข็น ฟู้ดคอร์ท และซุ้มไก่ทอด ในปี 2554 บริษัทเน้นการเปิดคีออสรถเข็น เงินลงทุนเพียง 9,111 บาท ด้วยแนวคิด “ทำงานง่าย ลงทุนน้อย ไม่เสี่ยงผลตอบแทนดี ต้องชิกกี้ชิก”

เงินลงทุนก้อนนี้แบ่งเป็นค่าดำเนินการหรือค่าการตลาด 5,000 บาทต่อจุดขาย ค่าอุปกรณ์ย่อย 4,111 บาท (เลือกซื้อเองได้หลายรายการ) ค่าเช่าตู้แช่แข็ง 500 บาทต่อเดือน (เก็บไก่ได้ 70 กิโลกรัม กรณีไม่เอาตู้แช่ไม่ต้องจ่าย) เงินประกันอุปกรณ์ 25,000 บาท (คืนเมื่อเลิกและคืนอุปกรณ์โดยหักค่าซ่อมแซมให้ใช้งานได้ปรกติ) และค่าวัตถุดิบแรกเริ่ม (ตามยอดสั่งประมาณ 8,000 บาท) เป็นต้น

คุณธนินวัฒน์ ระบุว่าชิกกี้ชิกเป็นธุรกิจกึ่งแฟรนไชส์ เนื่องจากไม่มีค่ารอยัลตี้ฟีและค่าแรกเข้า แต่ทางบริษัทจะเก็บเพียงค่าดำเนินการ (5,000 บาท) เขากล่าวว่าปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจไปไม่รอด ส่วนใหญ่เป็นเพราะผู้ดำเนินการไม่จริงใจ ไม่ทุ่มเทเต็มเวลา ต้องการทำเป็นแค่งานอดิเรก หรืออาชีพเสริม
สำหรับจุดเด่นการ ขยายไก่ทอดชิกกี้ชิกในลักษณะคีออส มีความคล่องตัวในการทำตลาด ลดความเสี่ยงการลงทุน เน้นเป้าหมายย่านชุมชน ขณะที่การพัฒนาร้านใหญ่ บริการเมนูไก่ ข้าว และเครื่องดื่มต้องใช้เวลาพัฒนาอีกสักระยะ คาดว่าไม่น่าเกินภายในปีนี้

เป้าการสั่งซื้อสินค้ากับบริษัทเดือนละ 300 กิโลกรัม (เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130 บาท รวม 39,000 บาท) ราคาขายต่อเสิร์ฟ 25 บาท หรือปรับขึ้นลง 5 บาท ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง

รายได้จากการขายเพื่อให้คุ้มทุนประมาณเดือนละ 70,000-80,000 บาท แต่รายได้เฉลี่ยเท่าที่ขายอยู่ทุกวันนี้ราวเดือนละ 90,000 บาท

หลังจากส่งเมนูไก่ทอดรสชาติอร่อยมาแล้ว อนาคตชิกกี้ชิกเตรียมผลักดันเมนูย่างวางขาย อาจเป็นช่วงประมาณปลายปีนี้

ไก่ทอดชิกกี้ชิก
แฟรนไชส์ไก่ทอดชิกกี้ชิก

เงื่อนไขการลงทุนคีออสไก่ทอดชิกกี้ชิก

-ระยะเวลาของสัญญาปีต่อปี
-ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้
-ซื้อและจำหน่ายสินค้าจากบริษัทเท่านั้น
-ชำระค่าสินค้าเป็นเงินสดหรือโอนล่วงหน้าเท่านั้น
-ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รับผิดชอบด้วยตนเอง เช่น ค่าแรงงาน ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
-สั่งขั้นต่ำ 30 กิโลกรัม ส่ง ณ จุดขาย (กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่คิดค่าขนส่ง)
-ส่งสินค้าพร้อมเก็บเงินสดหน้าร้านหรือโอนเข้าธนาคารล่วงหน้า 2 วัน
-รอบการสั่งสินค้าสัปดาห์ละ 2 วัน กำไรขั้นต้นประมาณ 40-50% จากยอดขาย (หักจากต้นทุนไก่)

ความช่วยเหลือที่บริษัทให้ผู้ลงทุน

-ให้ยืมคีออส เตาทอดไฟฟ้า ตู้โชว์ผลิตภัณฑ์
-บริการซ่อมแซมอุปกรณ์หลัก (คิดค่าใช้จ่ายตามจริง และมีอุปกรณ์ให้ใช่ทดแทนหากต้องเข้าศูนย์)
-บริการส่งสินค้าถึงร้าน
-จัดอบรมและให้คำปรึกษาก่อนการดำเนินงาน และติดตามผลตลอดอายุสัญญา
สนใจติดต่อ 0-2721-8180 หรือคุณธนินวัฒน์ 08-1339-6295

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : eJobeasy.com

Read More...



fruitzie ฟรุทซี
สุดใจ ผ่องแผ้วกับผลไม้อบแห้ง ยี่ห้อ “fruitzie”

ผู้เคยแวะซื้อของฝากที่ตลาดหนองมน จ.ชลบุรี คงเคยเกิดความรู้สึกว่า สินค้าแทบทุกร้านคล้ายกันไปหมด จนยากจะหาเจ้าที่โดดเด่นชัดเจน แต่สำหรับบริษัท หมองมน เอส เอ็ม เจ โปรดักส์ จำกัด ใช้แนวทางการตลาดแบบง่ายๆ ผสมผสานกับหมั่นพัฒนาศักยภาพต่อเนื่อง จนสามารถถีบตัวเอง จากร้านค้าเล็กๆ ในท้องถิ่น สู่ผู้ผลิตผลไม้อบแห้งระดับประเทศ ภายใต้แบรนด์ “fruitzie” (ฟรุทซี)

เส้นทางธุรกิจของเอสเอ็มอี fruitzie ฟรุทซี รายนี้ ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ พ.ศ.2535 โดย “สุดใจ ผ่องแผ้ว” เจ้าของกิจการ เล่าให้ฟังว่า เป็นชาวชลบุรีโดยกำเนิด เมื่อประมาณ 19 ปีที่แล้ว เธอและสามี (ศุภชัย ผ่องแผ้ว) ช่วยกันเปิดร้านขายของฝากเล็กๆ ขนาด 3 คูหา อยู่ที่ตลาดหนองมน ลักษณะซื้อมาแล้วขายออกไปเหมือนกับเจ้าอื่นๆ รายได้ราว 2 ล้านบาทต่อปี

จน 2 ปีจากนั้น เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญครั้งแรก ด้วยความคิดอยากจะแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ เพิ่มบทบาทจากแค่ผู้ค้าสู่ผู้ผลิต โดยทำทอฟฟี่จุก ห่อด้วยกระดาษว่าวสีสด ใช้ชื่อแบรนด์ของตัวเองว่า “ศสิชล
“ดิฉันใช้เงินลงทุนทำทอฟฟี่ แค่ 40,000 บาท ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ มากวนเอง ซึ่งจริงๆ แล้วในท้องถิ่นก็มีขายอยู่แล้ว รสชาติทุกเจ้าก็แทบไม่ต่างกัน แต่เรามาเพิ่มค่าด้วยการห่อกระดาษที่สวยกว่า ถุงไม่เหมือนใคร และมีชื่อตราของตัวเอง พยายามให้สินค้าขายได้ด้วยตัวมันเอง เวลาไปตั้งอยู่กับชิ้นอื่นๆ มันต้องสะดุดตาที่สุด คิดดูง่ายๆ ถ้าสินค้าชนิดเดียวกัน ราคาเท่ากัน ตั้งเรียงกัน 3 ชิ้น ของเราดูสวยที่สุด แต่อีก 2 ชิ้นแบบธรรมดา ลูกค้าจะหยิบของใคร ซึ่งวิธีที่เราใช้มันง่ายมาก แต่ได้ผลเกินคาด ทำให้ตอนนั้น ยอดทำทอฟฟี่จุกต่อปีกว่า 15ตัน” สุดใจ อธิบาย

กลยุทธ์สร้างความโดด เด่นให้สินค้า ควบคู่ปั้นแบรนด์ให้จดจำ กลายเป็นสูตรสำเร็จที่เอสเอ็มอีรายนี้ใช้อย่างต่อเนื่อง โดยทยอยออกสินค้าใหม่ พร้อมออกแบรนด์ใหม่ที่เจาะจงกลุ่มสินค้าแตกต่างกันไป ได้แก่ “ยายเปรี้ยว” เน้นทำผลไม้แปรรูป และ “เรือทอง” เน้นทำของทะเลแปรรูป


fruitzie ฟรุทซี
fruitzie ฟรุทซี มีสินค้าหลากหลายชนิด

สินค้าทั้ง 3 แบรนด์ ช่วยกันขับเคลื่อนให้กิจการเติบโตอย่างสูง นอกจากขายหน้าร้านแล้ว ยังเพิ่มเติมขายส่งกระจายไปทั่วประเทศ มียอดผลิตกว่า 350 ตันต่อปี จนในปี 2542 สามารถก่อสร้างโรงงานมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ อยู่ที่ อ.เมือง จ.ชลบุรี

สุดใจ เล่าต่อว่า ช่วงเวลานี้ได้ปรับบทบาทจากผลิตเองทั้งหมด สู่การสร้างเครือข่าย โดยจะรับซื้อสินค้าสำเร็จรูปจากเครือข่ายเกษตรกรและกลุ่มแม่บ้านต่างๆ ในท้องถิ่นนำมาบรรจุใหม่ บางส่วนนำมาปรุงรสเพิ่มเติม จากนั้น ติดแบรนด์ทั้ง 3 ของบริษัท ช่วยให้ผลิตสินค้าได้ปริมาณมากยิ่งขึ้น และยังเพิ่มความหลากหลาย ส่งให้ยอดขายสูงขึ้นไปอีก อีกทั้ง ยังมีส่วนช่วยสร้างรายได้สู่ท้องถิ่น

เส้นทางธุรกิจของเอส เอ็มอีรายนี้ เติบโตต่อเนื่อง และถึงจุดเปลี่ยนก้าวเป็นผู้ผลิตผลไม้อบแห้งระดับประเทศ เมื่อได้รับคัดเลือกเข้าขายในทุกสาขาของร้านสะดวกซื้อเจ้าดังอย่าง “เซเว่นอีเลฟเว่น
“หลังจากได้รับคัดเลือก ทางเซเว่นฯ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาถ่ายทอดความรู้ ทั้งด้านการบริหาร กลยุทธ์ตลาด ทำให้เราต้องตระหนักที่จะพัฒนากระบวนการผลิตทุกขั้นตอนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้าน Food safety และ GMP โดยช่วงแรกยังขายในแบรนด์เดิม แต่หลังจากทำงานกับเซเว่นฯ มายาวนาน จนได้พัฒนาสินค้าร่วมกันจนออกแบรนด์ใหม่ “fruitzie” (ฟรุทซี) เจาะจงเป็นหมวดผลไม้อบแห้ง มีขายเฉพาะในร้านเซเว่นฯ เท่านั้น” เจ้าของกิจการ เผย

ปัจจุบัน เอสเอ็มอี fruitzie ฟรุทซี รายนี้ ถือเป็นผู้ผลิตสินค้าของฝากร้านใหญ่ประจำตลาดหนองมน โดยสินค้ากว่า 40% จากทั้งหมดที่ขายในตลาดหมองมนมาจากผู้ผลิตรายนี้ มีทั้งขายในชื่อตัวเอง กับผู้ค้านำไปติดยี่ห้ออื่นๆ โดยผลประกอบการปีนี้ (2554) คาดว่าถึง 150 ล้านบาท ผ่าน ช่องทางตลาด ได้แก่ ขายปลีกหน้าร้านที่มีสาขาทั้งในตลาดหนองมน ตลาดน้ำ 4 ภาค เป็นต้น ขายส่งทั่วประเทศ ทั้งแหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า และตลาดไท เป็นต้น และผ่านร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศ

หลักในการดำเนินธุรกิจของ fruitzie ฟรุทซี

เธอระบุด้วยว่า หลักคิดในการทำธุรกิจตลอด 19 ปีที่ผ่านมา ยึดความรอบคอบ เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทำธุรกิจเกินตัว พยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางธุรกิจทุกประการ ที่ผ่านมา แทบไม่เคยกู้เงินธนาคาร ดังนั้น วิกฤตเศรษฐกิจภายนอกจะเป็นอย่างไร ไม่เคยกระทบต่อบริษัท

ข้อต่อมา ต้องพัฒนาบุคลากรตลอดเวลา โดย เริ่มจากตัวเองเป็นอันดับแรก พยายามเพิ่มเติมความรู้เสมอ เช่น ด้านไอที ปัจจุบันสามารถออกแบบกราฟฟิก และถ่ายภาพประกอบโฆษณาได้เอง ช่วยให้ประหยัดเงินส่วนนี้ได้ปีละล้านกว่าบาท และกำลังเรียนต่อระดับปริญญาเอก สาขาการพัฒนาองค์การและจัดการสมรรถนะของมนุษย์ จาก ม.บูรพา ขณะที่ส่วนพนักงานส่งเสริมให้มีโอกาสที่ดีขึ้น ทั้งความรู้ คุณภาพชีวิต และรายได้ พนักงานของบริษัท จำนวน 65 คน โดยเฉลี่ยกว่า 85% อายุงานมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ทำให้มีความเชี่ยวชาญในสายงานตัวเองสูง


fruitzie ฟรุทซี
โรงงาน fruitzie ฟรุทซี ได้มาตรฐานสากล

นอกจากนั้น มุ่งสร้างสัมพันธภาพที่ยั่งยืนของทั้งคนในองค์กร และภายนอก ช่วย ให้เกิดความสุขในการทำงานร่วมกัน ที่สุดแล้วผลดีจะย้อนกลับมาที่บริษัทเอง รวมถึง ทำสินค้าได้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดช่วยให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ พร้อมทำธุรกิจกับคู่ค้าอย่างซื่อตรงตลอดมา บริษัทจึงได้รับเครดิตความเชื่อถืออย่างสูง

“หลายคนเคยถามว่า กิจการของคุณมีโอกาสดีอย่างนี้ ทำไมไม่เร่งขยาย หรือทำไมธุรกิจโตช้าจัง แต่ดิฉันกลับคิดว่า ทุกวันนี้ เราก็สบายอยู่แล้ว จะมีเพิ่มเป็นพันล้าน หรือหมื่นล้านไปเพื่ออะไร ดังนั้น หลักของดิฉัน จะทำธุรกิจที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของตัวเอง เติบโตอย่างรอบคอบ บนพื้นฐานความซื่อสัตย์และมีน้ำใจต่อทั้งลูกน้อง และลูกค้า หรือคู่ค้าของเราด้วย” สุดใจ ทิ้งท้าย

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


แฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ

แฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ
คีออสร้านแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ

กาแฟโบราณ” เครื่องดื่มที่อยู่คู่คนไทยมานาน แม้ว่าปัจจุบันจะมีกาแฟสดที่มีรสชาติที่หลากหลาย และกลิ่นหอมเย้ายวนออกมามัดใจนักดื่ม แต่ด้วยเสน่ห์ของกาแฟโบราณตามแบบนักชงมืออาชีพอย่างพ่อค้า แม่ค้าคนไทย ก็ยังคงมัดใจคอกาแฟทั้งรุ่นเก่า และหน้าใหม่ได้เป็นอย่างดี และด้วยเหตุนี้เองทำให้เรายังคงได้เห็นรถเข็นกาแฟโบราณ ออกมาขายกันทุกพื้นที่ ทั่วประเทศไทยก็ว่าได้

ทั้งนี้ ด้วยความนิยมในรสชาติของกาแฟโบราณ ทำให้ปัจจุบันมีพ่อค้า แม่ค้าหน้าใหม่ เองก็สนใจต้องการที่จะเป็นเจ้าของรถเข็นขายกาแฟในแบบที่ทันสมัย เพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ และคนเมืองที่ชอบกาแฟโบราณ จึงได้เป็นที่มาของแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ ธุรกิจรถเข็นสไตล์พรีเมี่ยมโดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง “อุตสาหกรรมนมไทย” เจ้าของผลิตภัณฑ์นมข้นหวานตรามะลิ

นายสุวิทย์ ผลวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด กล่าว ว่า ทางบริษัทได้เปิดตัวแฟรนไชส์รถเข็นกาแฟโบราณ มาได้กว่า 1 ปี ซึ่งผลตอบรับออกมาดีมาก จากปีแรกที่เปิดตัวมีผู้สนใจแฟรนไชส์เพียง 10 ราย ด้วยเงินลงทุน 25,070 บาท จนมาถึงปัจจุบันในปี 2554 มีผู้สนใจลงทุนรถเข็นแฟรนไชส์มากถึง 400 ราย โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีผู้สนใจลงทุนแฟรนไชส์รถเข็นกาแฟโบราณนม ตรามะลิมากถึง 1,000 คัน

แฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ
บ. มิสเตอร์มิลล์ จก. ศูนย์ฝึกอบรมสำหรับสมาชิกผู้ลงทุนแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ

ส่วนการลงทุนแฟรนไชส์รถเข็นกาแฟโบราณนมตรามะลินั้น เป็นรูปแบบการลง ทุนในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสมาชิกแฟรนไชส์ส่วนใหญ่เกือบ 100% ลงทุนแล้วแฟรนไชส์อัตราการคืนทุน 1 – 3 เดือน ซึ่งเป็นแบบการชงที่ทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญของเรา ที่ได้พยายามพัฒนาสูตร โดยใช้วัตถุดิบหลัก อย่าง นมข้นหวานตรามะลิ

ส่วนหนึ่งที่คนสนใจธุรกิจแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลินี้กันมาก ก็คงจะมาจากผลตอบแทนหรือกำไรที่ได้ของการขายกาแฟโบราณที่สูงถึงกว่า 50% แม้ว่าปัจจุบันวัตถุดิบบางตัวจะมีการปรับราคาขึ้นก็ตาม แต่ผลตอบแทนก็ยังสูงอยู่ และประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะในรถเข็นกาแฟโบราณปัจจุบันไม่ได้มีแค่กาแฟ หรือ ชา แต่ยังมีเมนูของเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ รวมถึงเมนูใหม่ที่ทางบริษัทได้คิดค้นขึ้นมา และนำมาเสริมเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค และช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ลงทุนแฟรนไชส์ของเราด้วย

แฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิเปิดศูนย์ฝึกอบรบสำหรับสมาชิกลงทุน

ทั้งนี้ ล่าสุดแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ…เปิด ตัว บริษัท มิสเตอร์มิลล์ จำกัด ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมสำหรับสมาชิกผู้ลงทุนแฟรนไชส์รถเข็นกาแฟโบราณนมตรามะลิ เพื่อรองรับการขยายตัวของแฟรนไชส์ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 60% และเพื่อให้ผู้ลงทุนกับเราได้มียอดการขายเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งผู้ลงทุนเดิมและผู้ลงทุนน้องใหม่

โดยเริ่มจากเปิดคอร์สปฐมฤกษ์อบรมหลักสูตร “ปั่นแล้วรวย” อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทางบริษัทฯ ส่งมาเปิดตลาดในปี 2554 นี้ ซึ่งน่าจะทำรายได้ให้กับแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิเป็นอย่างดี เพราะเมนูปั่น จะเป็นการเจาะกลยุทธ์การตลาดเมนูเสริมสำหรับคนยุคใหม่ที่ต้องการเมนูโบราณ แบบพรีเมี่ยม เพิ่มสีสันให้กับเมนูเครื่องดื่มโบราณด้วยวิธี “การปั่น” มาตามกระแสเรียกร้องของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ที่อยากให้มีเมนูปั่นอยู่ในร้านรถเข็นกาแฟโบราณนมตรามะลิบ้าง เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับรถเข็นกาแฟโบราณนมตรามะลิและผู้บริโภคอีกด้วย

“ส่วนสถานที่ฝึกอบรมแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ แห่งนี้เปรียบเสมือนในการแลกเปลี่ยนความรู้ แชร์ประสบการณ์ และอัพเดทข้อมูลข่าวสารพร้อมร่วมรับฟังประสบการณ์ดีๆ เทคนิคการขายจากสมาชิกแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จและที่สำคัญยังเป็นศูนย์ กลางเน้นความรู้ด้านทฤษฎีและปฏิบัติในอบรมสูตรเครื่องดื่มแนวใหม่ ส่วนในครั้งแรกนี้เป็นการอบรมหลักสูตร “ปั่นแล้วรวย” โดย อาจารย์ ศศิฤทัย ชัยยอง หรือครูแอน ผู้คิดสูตรที่มาเผยเทคนิคการชงเพื่อรักษามาตรฐานรสชาติและคุณภาพของเครื่อง ดื่มแฟรนไชส์รถเข็นกาแฟโบราณนมตรามะลิกับ 3 เมนูใหม่ คือ กาแฟเย็นปั่น, ชาเย็นปั่น และนมเย็นปั่น สนนราคาขายที่แก้วละ 25 บาท จากราคาต้นทุนอยู่ที่แก้วละ 10 – 11.50 บาท กำไรแก้วละ 13.50 – 15 บาท ดังนั้นผู้ลงทุนแฟรนไชส์ที่นำ 3 เมนูปั่นเสริมเข้าไปในร้านก็สามารถเพิ่มยอดขายได้เกิน 60%”


แฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิ
เจ้าหน้าแฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิกำลังสอนและแนะการทำ ปั่นแล้วรวย

อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่กำลังมองหาอาชีพ หรือ ต้องการมีรายได้ แฟรนไชส์กาแฟโบราณนมตรามะลิน่า จะเป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะผลตอบแทนดี เหมาะกับสภาพอากาศเมืองร้อนอย่างบ้านเรา แต่ด้วยยุคสมัยเปลี่ยน การแข่งขันที่สูงขึ้น ผู้ประกอบการหน้าใหม่ ก็ควรที่จะมีพี่เลี้ยงที่คอยช่วยเหลือ หลายคนอาจจะมองว่าแค่ขายกาแฟ แต่ปัจจุบันไม่ใช่ เพราะคนขายกาแฟมีอยู่มากมาย เราจำเป็นต้องหาความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเมนูใหม่ๆ หรือ การเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ ฝีมือการชง รสชาติ เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องพิจารณา และการที่เรามีพี่เลี้ยงมันก็อาจจะช่วยตรงจุดนี้ได้
โทร. 08-1980-3300, 02-255-9040 ต่อ 146 , www.thaidairy.co.th

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.