สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ชวนชิมเมนูปิ้งย่างสไตล์เกาหลี อร่อยเด็ด ‘อาหารอิตาเลียน’ รสชาติไทย

วันนี้ผมขอนำสูตรง่าย ๆ ของอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลีมาฝากกัน เผื่อที่บ้านใครอยากทำรับประทานร่วมกันในครอบครัวจะกินด้วยตะเกียบ กินกับข้าวญี่ปุ่นหรือข้าวสวยของไทยเรา จิ้มกับน้ำจิ้มก็อร่อยได้เช่นกัน โดยเมนูที่ว่านั้นคือ ลิ้นวัวย่างแบบเกาหลี ซึ่งสูตรที่ให้ไปนี้จะใช้เนื้อหมูหรือเนื้อวัวหั่นบาง ๆ ทุบแล้วไปหมักก็ได้ แต่ที่ใช้ลิ้นวัวเพราะได้ความหอม
เริ่มกันที่ การทำน้ำหมักและน้ำจิ้ม โดยนําเอาเครื่องปรุงมาผสมในชามผสม ซึ่งจะมีกระเทียบสับ โคนต้นหอมสับมิโสะ น้ำผึ้ง นํ้าลูกแพร์ (สำหรับการทำน้ำลูกแพร์ ให้ซื้อลูกแพร์ที่สุกมากมาปอกเปลือกแล้วเอาไปคั้นน้ำ  หรือถ้ามีเครื่องปั่นพอปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำเข้าเครื่องปั่นได้เลย) จากนั้นใส่เกลือ พริกไทยดำบด และงาขาวบด (ภาษาอังกฤษเรียกว่าทาฮินี่ ซึ่งมีขายทั่วไปในซูเปอร์มาร์เกต) ผสมให้เข้ากัน ชิมรสชาติให้ดี ถ้าใครชอบเค็มก็ให้เพิ่มมิโสะหรือเกลือลงไป
เมื่อผสมทุกอย่างเข้ากันแล้ว ให้แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเอาไปหมักกับชิ้นเนื้อที่แล่เป็นชิ้นบาง ๆ โดยต้องหมักค้างคืนไว้เลยนะครับ เพื่อให้เข้าเนื้อ เนื้อจะนุ่ม หวาน เค็มและมีความหอม ส่วนผสมส่วนที่สองจะแบ่งไว้เป็นน้ำจิ้มสำหรับจิ้มเนื้อที่ย่างแล้ว


111

มาถึง การย่างเนื้อ  เตรียมกระทะย่างหรือเตาปิ้งให้พร้อม จากนั้นเทน้ำมันใส่ลงไปในเนื้อที่หมักไว้หรือจะเทลงไปในกระทะที่จะย่างก็ได้ โดยต้องรอให้น้ำมันร้อนจริง ๆ เพราะเนื้อที่แล่ไว้บางมาก หลังจากนั้นเอาเนื้อลงไปย่างแบบเร็ว ๆ  จนกระทั่งสุก แต่อย่าให้สุกมากเกินไปนัก เพราะจะทำให้เนื้อเหนียวและแห้ง รสชาติไม่อร่อย กลับทั้งสองด้านให้เหลือง จากนั้นยกขึ้นตักใส่จาน

สุดท้าย การเสิร์ฟ วางเนื้อย่างลงในจานเสิร์ฟ โรยด้วยงาดำงาขาวคั่ว และต้นหอมซอย เสิร์ฟเครื่องเคียงที่เป็นผัก มีหัวไช้เท้าซอย แครอทซอย และขิงดองญี่ปุ่น ซึ่งหาได้ง่ายตามซูเปอร์มาร์เกต ไม่ต้องมีวาซาบิ จะใช้น้ำจิ้มที่แบ่งไว้หรือจะจิ้มกับซีอิ๊วหรือน้ำปลาพริกก็ยังได้ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ และสามารถเพิ่มรสชาติด้วยการหาซื้อกิมจิดี ๆ มากินแกล้มด้วย อร่อยอย่าบอกใคร ลองทำกันดูนะครับ.
เครื่องปรุง
-ลิ้นวัวเลาะพังผืดแล้ว 500 กรัมหรือเนื้อหมู
-กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
-โคนต้นหอมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
-มิโสะ (เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น) 1 ช้อนโต๊ะ
-น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
-น้ำลูกแพร์ 1/2 ถ้วยตวง
-เกลือ 1 ช้อนชา
-พริกไทยดำบด 1 ช้อนชา
-งาขาวบด 1 ช้อนโต๊ะ
-นํ้ามันพืช  สำหรับทากระทะย่าง
-ต้นหอมซอย สำหรับแต่งหน้า
-งาดำงาขาวคั่ว สำหรับแต่งหน้า
-ขิงดองญี่ปุ่น สำหรับเสิร์ฟ
-หัวไช้เท้าซอย สำหรับเสิร์ฟ
-แครอทซอย สำหรับเสิร์ฟ

ร้านอาหารชวนชิม
วันนี้ผมจะพาไปกินอาหารอิตาเลียนที่คนไทยทำ รสชาติแบบไทย ๆ และราคาย่อมเยา ที่ร้าน ฟาบิโอ อิตาเลียน สเต็ก เฮ้าส์ อย่างแรกที่ต้องสั่งคือ สลัดยำกุ้ง ทำคล้ายซีซาร์สลัด แต่ใส่กุ้ง เบคอนกรอบ และพริกขี้หนูสับ เผ็ดอร่อยเข้ากัน ต่อด้วย ขนมปังพิซซ่ากับตับบด มีน้ำมันมะกอกผสมพริกตำแบบอิตาเลียนเสิร์ฟมาพร้อมด้วย แป้งขนมปังพิซซ่าไม่หนาเกินไป ไม่มัน และกรอบนอกนุ่มใน
จากนั้นเป็น เนื้อเป็ดอบกับผักโขม ซึ่งผมชอบเรียกว่าลาซานญ่าเป็ด เหมาะกับคนที่ไม่กินเนื้อวัวเพราะรสชาติอร่อยเหมือนกับทำจากเนื้อวัว เมนูต่อมาเป็น เส้นหมึกดำผัดขี้เมาทะเล เผ็ดร้อน รสชาติแบบไทยแต่สไตล์ฝรั่ง ต่อด้วยอาหารหลัก เนื้อสเต๊กย่าง ย่างแบบง่าย ๆ ไม่ต้องมีซอสมากมาย เอาเนยไปผสมเครื่องเทศมาวางไว้บนเนื้อ พอเนยละลายทำให้เนื้อมีความมันและหอม อร่อย

ยังมี ปลาแซลมอนย่าง ราดซอสที่ทำจากแอปเปิลหั่นเป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ ผัดกับเนยและเครื่องเทศ เนื้อปลาตรงกลางยังเป็นสีชมพู ไม่สุกเกินไป ต่อด้วยของโปรดของผมคือ กล้วยทอด เอากล้วยไปชุบแป้งทอด โรยน้ำตาลไอซิ่ง เสิร์ฟพร้อมกับน้ำผึ้ง เวลากินระวังร้อนนะครับ ค่อย ๆ ตัด ร้านนี้ทอดกล้วยได้พอดี มีความหวาน มัน นุ่ม และกรอบ แถมยังได้ความหอมของน้ำผึ้ง อร่อยใช้ได้เลยครับ
ผมเชื่อว่าอาหารเมนูต่าง ๆ ของร้านนี้อร่อยถูกปากคนไทยแน่นอน อยากให้เพื่อน ๆ ว่าง ๆ ลองไปกันดูนะครับ.

หมึกแดงไกด์สำหรับ
ฟาบิโอ อิตาเลียน สเต็ก เฮ้าส์
ความอร่อย 
ความสะอาด
คุณภาพของวัตถุดิบ
การบริการ
ราคา 
ความเผ็ด
ที่อยู่ : 4 ซอยเทศบาลรังสฤษฎ์ใต้ ประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทร : 0-2954-4194 เวลาทำการ : 10.30-22.00 น.
หมึกแดง
www.mcdangguide.com

Credit by..http://www.dailynews.co.th/article/224/211572


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


‘วุ้นแฟนซี’ไปได้ดี..ถ้ามีลูกเล่น!!

ขนมหวานประเภท “วุ้น” นั้นทำเมื่อไหร่ก็ขายได้ จึงเป็นที่สนใจของหลายคนมาตลอด เหตุเพราะวิธีทำไม่ยุ่งยาก และใช้เงินลงทุนไม่สูงจนเกินไปนัก สามารถทำเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม ยิ่งรู้จักดัดแปลงเพิ่ม “ลูกเล่น” ใหม่ ๆ เช่นทำให้มีสีสันแปลกตา ก็สามารถทำขายเป็น ’ช่องทางทำกิน“ ได้ไม่ยากนัก อย่างเช่น ’วุ้นแฟนซี“ ที่จะนำเสนอในวันนี้...
    
“ประสงค์-นลินญา ดิษฐาพรเศรษฐ์” ทำ “วุ้นแฟนซี” จำหน่ายมาได้ 7 ปีแล้ว โดยยึดเป็นอาชีพหลักหลังลาออกจากงานประจำในบริษัทเอกชน ซึ่งประสงค์เล่าว่า ความรู้ในการทำวุ้นแฟนซีนี้ อาศัยการเปิดหนังสือทำขนม และได้ไปฝึกอบรมการทำจากที่ต่าง ๆ โดยนำมาปรับใช้ให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง จนกลายเป็นวุ้นแฟนซีอย่างที่เห็น

และถึงแม้จะไม่มีหน้าร้าน แต่อาศัยทำตลาดโดยเริ่มจากการทำแจกให้เพื่อนฝูงคนรู้จักทดลองชิม นอกจากนี้ยังเปิดช่องทางนำเสนอสินค้าผ่านเฟซบุ๊กโดยใช้ชื่อว่า www.facebook.com/WunFancyLoveU เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้ลูกค้ารู้จัก ซึ่งรูปแบบของวุ้นนั้น เขาบอกว่า แบ่งออกเป็น วุ้นจิ๋ว, วุ้นกระปุก, วุ้นเค้ก โดยราคาก็จะแตกต่างกันไป และสามารถเพิ่มมูลค่าได้จาก “บรรจุภัณฑ์” ที่เลือกใช้ ขณะที่รายละเอียดของวุ้นแฟนซีที่สามารถตกแต่งได้หลากหลาย และสามารถทำได้หลายรสชาติ ก็เป็นอีกจุดเด่นที่ทำให้คนนิยม ทำให้มีลูกค้าหันมาสนใจวุ้นแฟนซีมากขึ้น



“วุ้นแฟนซีทำขายได้ทั้งปี และจะดีในช่วงใกล้เทศกาลสำคัญ เช่น ปีใหม่ วาเลนไทน์ นอกจากนี้ ตามงานเลี้ยงหรืองานต่าง ๆ อาทิ ทำบุญ เลี้ยงพระ ก็นิยมหันมาใช้วุ้นแฟนซีแทนขนมอื่น ๆ กันมากขึ้น” ประสงค์กล่าว

ทุนเบื้องต้นอาชีพ ลงทุนประมาณ 3,000 บาท แต่ถ้าใครมีอุปกรณ์ครัวอยู่บ้างต้นทุนส่วนนี้ก็จะลดลงไปอีก ส่วนทุนวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 50% จากราคาขาย ซึ่งมีตั้งแต่ชิ้นละ 2.50 บาท ไปจนถึง 500 บาท ขึ้นกับขนาดและชนิดของวุ้นแฟนซีที่ทำ

เครื่องมืออุปกรณ์ หลัก ๆ ประกอบด้วย หม้อส่วนผสม, แม่พิมพ์วุ้นแบบและขนาดต่าง ๆ, ถ้วยตวง, ไม้พาย สำหรับกวน, บรรจุภัณฑ์, กระติกเก็บความร้อน, ภาชนะพลาสติก, ถาด, ผ้าขาวบาง และกล่องโฟม สำหรับบรรจุวุ้นเพื่อส่งให้ลูกค้า

ส่วนผสม “วุ้นใส” ประกอบด้วย ผงวุ้น 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทรายขาว 2  ถ้วยตวง, ใบเตยสด 6 ใบ, กลิ่นใบเตย 5-10 หยด, น้ำเปล่า 8 ถ้วยตวง สำหรับ “วุ้นกะทิ” ประกอบด้วย ผงวุ้น 3 ช้อนโต๊ะ, หัวกะทิ 4 ถ้วยตวง, น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง, เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง, ใบเตย 6 ใบ โดยสูตรนี้จะทำวุ้นจิ๋วได้ 300 ชิ้น หรือทำวุ้นเค้กได้ 1 ปอนด์

ขั้นตอนการทำ เริ่มที่การทำวุ้นใส นำผงวุ้นที่ตวงแล้วผสมกับน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อครบเวลาให้นำน้ำเปล่าอีก 6 ถ้วยตวงมาผสม จากนั้นนำใบเตยสดที่ล้างสะอาดมาตัดเป็นท่อน ๆ ยาวประมาณ 4-5 นิ้ว นำมาตั้งไฟเคี่ยวจนกระทั่งได้กลิ่นหอมใบเตยจึงตักออกจากหม้อ นำวุ้นที่แช่น้ำไว้ใส่ลงไป ใช้ไม้พายคนจนวุ้นละลายทั่ว หรือจนมีลักษณะหนึบ ๆ นำน้ำตาลทรายขาวและกลิ่นใบเตยใส่ลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากันหรือจนน้ำตาลละลายจึงยกลง เทลงบนผ้าขาวบางที่ปูไว้เหนือกระติกเก็บความร้อน เทเสร็จ ปิดฝา พักไว้ก่อนเพื่อไปทำวุ้นกะทิต่อ

การทำวุ้นกะทิ เริ่มจากนำน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวงผสมกับผงวุ้นที่ตวงไว้ แช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อครบกำหนดนำน้ำเปล่าอีก 3 ถ้วยตวงผสมลงไป จากนั้นทำขั้นตอนต่อไปเหมือนกับการทำวุ้นใส คือนำใบเตยสดที่ล้างสะอาดมาตัดเป็นท่อน ๆ ยาวประมาณ 4-5 นิ้ว นำมาตั้งไฟเคี่ยวจนกระทั่งได้กลิ่นหอมใบเตยจึงตักออกจากหม้อ นำวุ้นที่แช่น้ำใส่ลงไปคนจนวุ้นละลายหรือมีลักษณะหนึบ ๆ เติมน้ำตาลทรายขาว ใส่เกลือ แป้งข้าวเจ้า และหัวกะทิ จากนั้นคนแค่พอให้สุก อย่าให้กะทิแตกมัน ยกลงจากเตา แล้วเทวุ้นกะทิลงไปในกระติกเก็บความร้อน

“วิธีการหยอดแม่พิมพ์เพื่อตกแต่งนั้น ให้ตักแบ่งวุ้นกะทิจากกระติกเก็บความร้อนใส่ถ้วยตักแบ่งให้พอกับส่วนที่จะ หยอด เมื่อหยอดวุ้นกะทิแล้วก็ให้ทำการหยอดวุ้นใสลงแม่พิมพ์ที่ต้องการขึ้นรูปของ วุ้น พอส่วนที่เป็นวุ้นใสแข็งตัวก็ให้ตักวุ้นใสสีอื่นหรือวุ้นกะทิลงไปตกแต่งตาม ต้องการ ทำสลับกันจนเต็มแม่พิมพ์ ทิ้งไว้สักครู่ให้เย็นตัวลงนิดหน่อย จึงนำไปแช่เย็น” ประสงค์กล่าว
    
ใครสนใจ ’วุ้นแฟนซี“ อยากติดต่อเจ้าของกรณีศึกษา ’ช่องทางทำกิน“ รายนี้ ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-1806-8769, 08-1854-6811 และหากใครสนใจอยากจะหัดทำเป็นเรื่องเป็นราวก็สามารถสอบถามข้อมูลแบบเจาะลึก ได้โดยตรงที่เจ้าตัวเลย ซึ่งนี่ก็เป็นอีกช่องทางทำกินจาก “วุ้น” ที่พลิกแพลง “ใส่ลูกเล่น” ได้อย่างน่าสนใจ.
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ : เรื่อง-ภาพ


Credit by..http://www.dailynews.co.th/article/384/210060


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


“ขนมเบื้องแฟนตาซี” จุดขายอยู่ที่ความแปลก

ขนมกินเล่นแบบไทยอย่าง “ขนมเบื้อง” นอกจากจะมีหน้าฝอยทอง หน้ากุ้ง ยุคนี้ยังมีการทำเป็น “ขนมเบื้องแฟนตาซี” ใส่ลูกเล่นในการตกแต่งหน้าเพิ่มเติมเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นสายรุ้ง เยลลี่ ช็อกโกแลต เกล็ดน้ำตาล ฯลฯ กลายเป็นรูปแบบที่แปลกใหม่ และก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบ “ช่องทางทำกิน” ที่วันนี้ ณ ที่นี้มีข้อมูลมานำเสนอเป็นกรณีศึกษา... คุณนุช-อัญชุลี ปิ่นทองเจริญ เจ้าของร้าน “นะโม-น้ำมนต์ ขนมเบื้องแฟนตาซี” ในตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เล่าว่า ขายขนมเบื้องมา 6 ปีแล้ว โดยแรกเริ่มนั้นขายเฉพาะขนมเบื้องที่เป็นหน้าฝอยทอง และหน้ากุ้ง เริ่มขายแถวบ้านก่อน เมื่อมีการเปิดตลาดบางน้ำผึ้งก็ได้มาขายที่นี่ เพราะเห็นว่าในตลาดนี้ยังไม่มีใครขายขนมเบื้องเลย




ส่วน “ขนมเบื้องแฟนตาซี” นั้นขายเพิ่มมาประมาณ 3 ปี โดยลูกสาวเป็นคนริเริ่มในการทำขายเพิ่มขึ้นมา ซึ่งลองทำแล้วก็ปรากฏว่าขายได้ ตลาดกว้างขึ้น จากเดิมที่ขายได้เฉพาะผู้ใหญ่เป็นหลัก แต่ขนมเบื้องแฟนตาซีจะขายได้ทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และชาวต่างชาติที่มาเที่ยวตลาด เพราะเขาเห็นว่าแปลกดี

อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำขนมเบื้อง หลัก ๆ ก็มี เตาขนมเบื้อง, เครื่องตีแป้ง, เตาแก๊ส-กระทะ และภาชนะเครื่องครัวเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ

ส่วนผสมแป้งขนมเบื้อง ตามสูตรก็มี แป้งข้าวเจ้า 1 กก. ต่อแป้งหมี่ 500 กรัม, น้ำตาลทราย 800 กรัม, น้ำปูนใสพอประมาณ และไข่ไก่ 6 ฟอง

วิธีทำ นำแป้งข้าวเจ้า แป้งหมี่ และน้ำตาลทราย มาผสมรวมกัน แล้วใช้ที่ตีแป้งตีให้เข้ากัน หรืออาจจะใช้มือขยำก็ได้ จากนั้นเทน้ำปูนใสลงไปพอประมาณ ตอกไข่ไก่ลงไปผสมด้วย ผสมให้ส่วนผสมเข้ากันดีโดยไม่เหนียวเกินไป และไม่เหลวเกินไป ดูว่าแป้งมีสีน้ำตาลกำลังดี สีไม่เข้มและไม่อ่อนจนเกินไป

สำหรับหน้าขนมเบื้อง มีดังนี้คือ 1.หน้าครีม มีส่วนผสมคือ น้ำตาลปี๊บ 2 กก. ต่อไข่ขาว 500 กรัม ตีผสมรวมกันจนเป็นครีมฟู 2.หน้าฝอยทอง ใช้ขนมฝอยทองที่ซื้อสำเร็จรูปมาใช้ได้เลย หรืออาจจะทำเองก็ได้

3. หน้ากุ้ง มีส่วนผสมของ นมสด 1 กระป๋อง ต่อมะพร้าวขูดฝอย 2 กก. เนื้อกุ้งสับ 300 กรัม กุ้งฝอย 300 กรัม น้ำตาลทราย 1 กก. พริกไทย 300 กรัม เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ รากผักชีตำและกระเทียมตำพอประมาณ วิธีทำหน้ากุ้งคือ ตั้งกระทะ ใช้ไฟร้อนปานกลาง เคี่ยวนมสดและน้ำตาลทรายให้เข้ากัน จากนั้นใส่พริกไทย กระเทียม กุ้งฝอย เนื้อกุ้งสับ รากผักชี มะพร้าวขูดฝอย และสีผสมอาหารสีแสดนิดหน่อย  ผัดไปเรื่อย ๆ ให้เข้ากัน จนมะพร้าวสุก เท่านี้ก็เป็นอันใช้ได้ และสำหรับ หน้าแฟนตาซี สิ่งที่ใช้ก็มี ครีมสตรอเบอรี่, ครีมบลูเบอรี่, ครีมช็อกโกแลต, เยลลี่,  เฟิร์สช็อก (ช็อกโกแลตก้อน), โอริโอ, ช็อกไรซ์ (เกล็ดช็อกโกแลต), เรนโบว์ (เกล็ดน้ำตาลสี) และลูกเกด 
วิธีทำเป็นขนมเบื้อง ตั้งเตาขนมเบื้อง ใช้ไฟร้อนพอประมาณ เช็ดน้ำมันพืชให้ทั่วเตา จากนั้นใช้กระจ่าแตะที่แป้งขนมเบื้องที่เตรียมไว้ แล้วค่อย ๆ ละเลงบนกระทะเป็นวงรี ให้มีความกว้างประมาณ 2 นิ้ว
จากนั้น เมื่อลูกค้าเลือกว่าจะให้ทำเป็นหน้าอะไร โดยลูกค้าสามารถเลือกหน้าได้ 3 อย่างต่อ 1 ชิ้น ก็ใส่หน้านั้น ๆ เมื่อใส่หน้าเสร็จแล้วก็รอสักพักจนขนมสุก จึงพับครึ่งแล้วแซะใส่ถาด จัดใส่ภาชนะ พร้อมขาย 

ขนมเบื้องแฟนตาซีเจ้านี้ ขายในราคากล่องละ 25 บาท จะมีขนมเบื้อง 10 ชิ้น หรือขายแยกในราคา 2 ชิ้น 5 บาทก็ได้ แล้วแต่ว่าลูกค้าจะซื้อเท่าไหร่
******

สนใจ “ขนมเบื้องแฟนตาซี” ของคุณนุช-อัญชุลี ปิ่นทองเจริญ ร้าน “นะโม-น้ำมนต์ ขนมเบื้องแฟนตาซี” ร้านอยู่ในตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ขายทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 07.00-16.00 น. โทร. 08-9456-9622 ซึ่งนี่ก็เป็นอีกกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” จากการขายขนม ที่มีการประยุกต์พลิกแพลง จนมีตลาด มีกลุ่มลูกค้ากว้างมากขึ้น.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : เรื่อง / วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์ : ภาพ


Credit by..http://www.dailynews.co.th/article/384/212173

แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


ยุพินเมี่ยงปลาเผา สูตรน้ำจิ้มรสแซบหอยแครงลวก

ไทยอาชีพ.com ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ “คุณลุง วิทวัส” และ “คุณป้า ยุพิณ” เจ้าของร้าน ยุพินเมี่ยงปลาเผา ตั้งอยู่ที่พัทยา ซ.เขาน้อย หลายท่านที่พักอาศัพอยู่บริเวณนั้นจะรู้จักร้านยุพินเมี่ยงปลาเผาดี เพราะร้านนี้เปิดขายมานานกว่า 4 ปีแล้ว ปัจจุบันมีทั้งลูกค้าขาจรและลูกค้าประจำแวะเวียนมาอุดหนุนอยู่เรื่อยๆ ไม่ขาดสาย


จุดเด่นของร้านปลาเผา

จุดเด่นของร้านนี้คือ น้ำจิ้มปลาเผา ซึ่งมีรสชาติอร่อยและลงตัว เทคนิคการย่างปลาเผาคุณลุงวิทวัสและคุณป้ายุพิณก็ไม่เหมือนใคร คนอื่นอาจจะคิดว่าการย่างปลาเผาจะมีเทคนิคอะไรมากมายก็แค่เอาเกลือมาโรยและ ย่างบนเตาถ่านแค่นั้นก็เสร็จ แต่มันไม่ใช่สำหรับร้านนี้ คุณลุงกับคุณป้าพิถีพิถันทุกขั้นตอน กว่าจะได้ปลาเผาสูตรพิเศษมาขายนั้นลุงกับป้าก็ลองผิดลองถูกกันมาตลอด จนสุดท้ายได้เทคนิคและวิธีการทำปลาเผาให้อร่อยจนสามารถเปิดร้านและขายมา นานกว่า 4 ปีแล้วค่ะ


เมี่ยงปลาเผาเสริมด้วยหอยแครงลวก

นอกจากเมี่ยงปลาเผาแล้ว ยังมีหอยแครงลวก น้ำจิ้มหอยแครงก็อร่อยไม่แพ้กันเลยค่ะ ส่วนปลาเผาก็มีให้ลูกค้าเลือกหลายขนาดหลายราคา มีตั้งแต่ราคา 100 บาท ไปจนถึง 300 บาท แต่ราคานี้คุ้มมากค่ะ เพราะก่อนที่เราจะไปสัมภาษณ์เราได้ลองซื้อมาทานแล้วถึงขนาดติดใจต้องขอเป็น ลูกค้าขาประจำอีกคน ซื้อปลาเผาตัวใหญ่ 1 ตัว




และหอยแครงลวกจิ้มอีกครึ่งกิโล ขอบอกว่าทานกันไม่หมดเลยทีเดียว และที่สำคัญร้านนี้เขาไม่คิดค่าผักเพิ่มนะค่ะ ลูกค้าสามารถหยิบผักเองได้ตามใจชอบ ไม่เหมือนบางร้านเราจะเห็นเขานำผักใส่ถุงไว้พร้อมกับขนมจีนและน้ำจิ้มไว้ เรียบร้อยเลย หากลูกค้าต้องการผักเพิ่มลูกค้าก็ต้องเสียเงินอีกประมาณ 20-30 บาท




คืออันนี้แอดมินเคยเจอมาจริงๆ นะค่ะ ซึ่งราคาปลาเผาก็แพงอยู่แล้ว ตัวเล็ก 120 บาท แล้วเรายังต้องมาเสียเงินซื้อผักเพิ่มอีกอ่ะหรอ มันก็ยิ่งแพงไปอีก คุณลุงกับคุณป้าได้เล่าให้เราฟังว่าเมื่อก่อนลุงกับป้าเคยเป็นผู้รับเหมาก่อ สร้าง มีรายได้สูงแต่ความเสี่ยงก็สูงด้วย ต้องดูแลรับผิดชอบหลายอย่าง พอดีลุงกับป้าได้รู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งเขาแนะนำให้ลองทำขายดู เลยเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้มาจนถึงปัจจุบัน

ราคาปลาเผา

ราคาปลาเผาของร้านนี้ก็ไม่แพงอย่างที่คิดเลยค่ะ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ตัวละ 100 บาท ถ้า ปลาตัวละ 7 – 9 ขีด = 120 –  140 บาท หรือปลาตัวละ 1 กิโลกรัม – กิโลครึ่ง = 180 – 200 บาท และหากเป็นตัวใหญ่สุด 2 กิโลกรัม – 2 กิโลครึ่ง = 280 -300 บาท (ผักฟรี + น้ำจิ้มฟรี + ขนมจีนฟรี) ร้าน นี้เปิดขายทุกวัน จันทร์ – พฤหัสจะขายได้ประมาณ 50 – 60 ตัว หากเป็นศุกร์ – อาทิตย์จะอยู่ที่ประมาณ 70 – 90 ตัว แต่หากอยู่ในช่วงเทศกาลถือศีล กินเจ หรือช่วงเข้าพรรษา ยอดขายอาจจะลดลงเหลือเพียงวันละ 40 – 50 ตัว 

แหล่งที่มาของปลา

ลุงกับป้าไปรับปลามาจากตลาดสด ปลาที่รับมาทำปลาเผาก็จะมีอยู่สองชนิดคือ ปลาทับทิมและปลานิล ซึ่งราคาของปลาทับทิมก็จะอยู่ที่ประมาณ 50 – 85 บาท และราคาของปลานิลอยู่ที่ 30 – 58 บาท แล้วเราค่อยมาแยกไซส์และราคาของปลาเผาเป็นตัว ว่าจะจัดให้ตัวไหนราคาเท่าไหร่ตามกิโลกรัมของปลา (ราคาปลาที่รับมาขึ้นอยู่กับราคาของตลาดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาค่ะ)
สูตรวิธีทำปลาเผา
  1. ให้ทำความสะอาดปลาที่จะนำมาทำปลาเผาให้สะอาด โดยผ่าท้องควักเครื่องในออกไม่ต้องขอดเกล็ดออก และล้างด้วยน้ำสะอาดเท่านั้น
  2. ทุบตะไคร้ให้แตก ขูดขิงให้เป็นฝอย แล้วพันด้วยใบโหระและใบเตยพายัดเข้าไปในพุงปลาให้เต็ม ใส่ขิงขิงเพื่อดับกลิ่นคาวและเพิ่มความหอมจากใบเตย
  3. นำเกลือโรยให้รอบตัวปลาพอประมาณ
  4. ให้นำปลาไปย่างกับเหล็กปิ้งปลา หรือนำไม้เสียบกับตัวปลามาแล้วเอามาย่างก็ได้ ด้วยเตาถ่านให้คอยดูจนสุก
เครื่องปรุงปลาเผา 
  • ปลานิลเลือกไซส์ใหญ่ 1 ตัว ตัวประมาณ 1 กิโลกรัมกำลังดี
  • เกลือ ความเป็นเกลือที่สะอาด
  • ตะไคร้ 2 ต้นขึ้นไปใส่ให้พอดีกับปลา
  • ใบโหระพา ไม่ต้องใส่ก็ได้อยู่ที่ความชอบ
  • ขิงฝอย  ใส่เพื่อดับกลิ่นคาว
เครื่องเคียง
  • มีผักสด ผักกาดหอม ผักกาดขาว ผักชีไทย ผักชีฝรั่ง ผักใบเลื้อย สะระแหน่ ใบโหระพา
  • ขนมจีน
  • เส้นหมี่ขาว
  • แผ่นเมี่ยงญวน
ส่วนผสมน้ำจิ้มชนิดเผ็ด
  • พริกขี้หนูสวน 1/2 กก.
  • รากผักชี 2 ขีด
  • กระเทียมดอง 2 ขีด
  • กระเทียมแบบกลีบปอกเปลือก 1 ขีด
  • พริกไทยเม็ดขาว 1 ขีด
  • น้ำปลา 1/2 ลิตร
  • น้ำมะนาว 1/2 ลิตร
  • น้ำตาล 3 ขีด
วิธีทำ
  • นำส่วนผสมทั้งหมดรวมกันแล้วปั่นให้ละเอียดเพียงเท่านี้ค่ะ
ส่วนผสมน้ำจิ้มชนิดหวาน
  • น้ำมะขาม เปียก 1/2 กก.
  • น้ำปลา 1/2 ลิตร
  • ถั่วลิสง 2 ขีด
  • น้ำตาลปี๊บ 3 ขีด
วิธีทำ
  • เคี่ยวน้ำมะขามเปียกด้วยไฟอ่อนๆ เติมน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ผสมลงไป แล้วคนให้เข้ากัน ชิมให้ได้ รสเปรี้ยว เค็ม หวาน โรย หน้าด้วยถั่วลิสงตำหยาบๆ หรือจะใช้เป็นถั่วตัดก็จะได้รสชาติจัดจ้านขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม
ร้านยุพิณเมี่ยงปลาเผารับจัดเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ปลาเผา งานวันเกิด หรืองานเลี้ยงต่างๆ หากท่านใดสนใจรายละเอียดและวิธีการทำเมี่ยงปลาเผา สามารถติดต่อลุงวิทวัสและคุณป้ายุพิณได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 084 – 3497370 และ 084 – 5498431

Credit by..http://www.thaiarcheep.com/เมี่ยงปลาเผา.html

แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


“ห่อหมกปลากราย” เนื้อเนียนไร้ก้างสร้างเงิน

ห่อหมกปลา อาหารพื้นบ้านโบราณที่แสดงถึงตัวตนความเป็นคนไทย กว่าจะปรุงสำเร็จออกมาเป็นห่อหมกแสนอร่อยสักห่อต้องพิถีพิถันและต้องผ่าน ขั้นตอนการทำที่ต้องอาศัยความอดทนอยู่ไม่น้อย ทั้งการกวน ห่อ และนึ่ง ซึ่งผู้ที่มีอาชีพทำห่อหมกขายจะต้องมีความมุ่งมั่นถึงจะทำห่อหมกออกมาได้ดี แต่ถ้าทำได้ดี ก็สามารถจะเป็น “ช่องทางทำกิน” ที่ดีได้ อย่างการทำ “ห่อหมกปลากราย” ขาย ที่จะนำเสนอให้ได้พิจารณากันในวันนี้...

“ห่อหมกปลากราย” ที่จะนำเสนอวันนี้ เป็นสูตรโบราณบางคล้า มีการปรับเปลี่ยนภาชนะห่อหมกจากห่อเป็นกระทง ซึ่งก็สร้างจุดขายที่น่าสนใจได้อีกแบบ โดยผู้ที่จะมาบอกเล่าการทำห่อหมกปลากรายขายคือ คุณชุติพร กิตติโมรากุล หรือ เจ๊ณี อายุ 56 ปี เจ้าของร้านอาหารครัวบ้านไทยปลาเผาซึ่งทำห่อหมกปลากรายขายด้วย ซึ่งเจ๊ณีเล่าว่า เริ่มทำห่อหมกปลากรายขายพร้อม ๆ กับการเปิดตลาดน้ำบางคล้า มาประมาณ 5-6 ปีแล้ว ก่อนหน้านั้นช่วยธุรกิจครอบครัวคือทำโรงงานก๋วยเตี๋ยว ต่อมาก็แยกตัวมาทำธุรกิจส่วนตัว เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำ และมีฝีมือในการทำอาหาร จึงเปิดร้านอาหารที่เน้นเรื่องปลาเป็นหลัก โดยปัจจุบันคนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ หันบริโภคปลากันเยอะ จึงนับว่ามีจุดขายที่ดี




“ช่วงที่ตลาดน้ำบางคล้าเปิดใหม่ ๆ ไม่รู้จะขายอะไรที่นี่ ก็เลยรับหมูยอของพี่ชายมาพายเรือขายตั้งแต่ตลาดเริ่มบุกเบิก ก็ขายดิบขายดี แต่จำต้องเลิกไป เพราะอยู่ไกล กำไรไม่คุ้มกับค่าขนส่ง ช่วงแรก ๆ ที่นี่มีอาหารขายไม่เยอะ จึงไม่ซ้ำกัน ก็นึกถึงห่อหมกปลากรายที่เคยช่วยคุณแม่ทำและขายมาตั้งแต่เด็ก ๆ ปรากฏว่าขายดีมาก ไม่กี่ชั่วโมงก็หมดจนต้องเพิ่มของ และเพื่อเป็นการเอาใจนักท่องเที่ยวที่ต้องการกินไปเดินชมทิวทัศน์ไปด้วย จึงเพิ่มสินค้าอีกตัวคือทอดมันปลากราย ที่ใช้ส่วนผสมเดียวกันกับห่อหมก เพียงแต่เพิ่มส่วนผสมอื่นอีกเล็กน้อย คือถั่วฝักยาวและไข่” เจ๊ณีบอก

อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำห่อหมกปลากรายนั้น เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำครัวทั่วไป อาทิ เขียง, หม้อ, มีด, เตาแก๊ส, กระทงใบตอง และเครื่องครัวเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ส่วนที่ต้องมีพิเศษคือเครื่องปั่นพริก และลังถึงสำหรับนึ่งห่อหมกปลากราย

ส่วนผสมและวัตถุดิบที่ใช้ ก็มีผักต่าง ๆ สำหรับรองพื้นกระทง เช่น ใบยอ, โหระพา, กะหล่ำปลี (ผักหวาน, เห็ดนางฟ้า) ส่วนของสดก็มี เนื้อปลากรายขูด, ไข่เป็ด, น้ำกะทิ, พริกแกงเผ็ด (เจ้าประจำ), น้ำตาลทราย, น้ำปลา, แป้งข้าวเจ้า และผักที่ใช้โรยหน้า คือใบมะกรูดหั่นฝอย พริกชี้ฟ้าหั่น

ขั้นตอนการทำ “ห่อหมกปลากราย” เริ่มจากการทำผักรองพื้นก่อน โดยนำผักที่จะใช้รองพื้นมาล้างให้สะอาดแล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ นำใบยอมาหั่นเป็นชิ้น ๆ กะหล่ำปลีลวกพอนิ่มหั่นเป็นชิ้นเล็กตามต้องการ ส่วนใบโหระพาเด็ดเป็นใบ ๆ เตรียมไว้ในภาชนะที่สะอาด

นำน้ำกะทิใส่อ่างหรือหม้อสเตนเลสที่มีขนาดกว้างพอประมาณสำหรับใช้กวน ตามด้วยพริกแกงเผ็ดห่อหมก ใช้ไม้พายคนส่วนผสมน้ำกะทิกับพริกแกงให้ละลายเข้ากันดี จากนั้นนำเนื้อปลากรายขูดใส่ลงไปผสม ตามด้วยไข่เป็ด ทำการกวนส่วนผสมห่อหมกให้เข้ากัน (เทคนิคการกวนคือจะต้องกวนไปทางเดียวกัน ถ้ากวนกลับไปกลับมาส่วนผสมจะคลายตัว ไม่เหนียวข้น) ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำปลา ค่อย ๆ เติมน้ำกะทิทีละน้อยจนหมด กวนส่วนผสมไปเรื่อย ๆ จนฟูและเหนียว ตั้งพักไว้สักครู่

ระหว่างนั้นให้เตรียมทำน้ำกะทิสำหรับหยอดหน้าห่อหมก ด้วยการเอาหัวกะทิผสมกับแป้งข้าวเจ้าและเกลือเล็กน้อย คนให้ละลายเข้ากัน แล้วยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ กวนจนกะทิสุก จะข้นหนืดนิด ๆ ยกลงตั้งพักไว้ให้เย็น

จากนั้นใช้ช้อนตักส่วนผสมห่อหมกมาหยอดใส่ลงในกระทงที่รองด้วยผักรองพื้นแต่ ละชนิดประมาณ 1/2  กระทง ใส่ส่วนผสมห่อหมกลงในกระทงจนเต็ม ปาดเก็บส่วนผสมให้สวยงาม เสร็จแล้วจัดเรียงวางกระทงลงในรังถึงจนเต็ม ยกขึ้นนึ่งด้วยน้ำเดือด แล้วค่อย ๆ หรี่ไฟประมาณ 15 นาที (การนึ่งถ้าใช้ไฟแรงเกินไปพอสุกแล้วหน้าห่อหมกจะระเบิดเป็นแฉก ไม่สวย) แล้วยกลง แต่งหน้ากระทงห่อหมกด้วยกะทิ ใบมะกรูดหั่นฝอย และพริกชี้ฟ้าสีแดงหั่น เพื่อเพิ่มสีสันให้กับห่อหมก

ราคาห่อหมกปลากรายเจ๊ณี ขายกระทงละ 10 บาท

สนใจ “ห่อหมกปลากราย” รวมถึงทอดมันปลากราย ของร้านเจ๊ณี ก็ไปกันได้ที่ตลาดน้ำบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือสนใจสั่งไปใช้ในเทศกาลงานต่าง ๆ ติดต่อเจ๊ณีได้ที่ โทร.08-5357-6242 ทั้งนี้ การทำห่อหมกขายนั้นเป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน” ที่แม้จะไม่มีหน้าร้านก็ทำแบบรับสั่งทำได้ ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบอาชีพที่น่าสนใจ!!!!.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / วรัญญู เหมือนเดช : ภาพ


Credit by..http://www.dailynews.co.th/article/384/210381

แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


บูรพารังนก... อาหารโบราณที่ยังมีชีวิต

ช่วงนี้นั่งดูคุณชายรัชชานนท์ ทำไมไม่ตรึงตาตรึงใจเท่ากับคุณชายหมอกับคุณกรองแก้ว ตัวเนื้อเรื่องไม่เข้มข้น เหมือนน้ำซุปในหม้อที่เจือจางไปหน่อย ตัวนางเอกก็ไม่ดูกระจ่างเท่า แต่พอหวนกลับคิด หรือว่าเราเป็นคนเมืองมากไป จึงดูแบบนี้ไม่อินเท่า กลับกลายเป็นห่างตัว ดูไม่สนุก แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่จากบ้านจากเมืองเข้ามากรุงคงดูแล้วคิดถึงพื้นถิ่นไม่ น้อย...


Pic_348709



วันนี้ เป็นอีกวันที่อยากพาไปกินรังนก ในเชิงวิชาการที่ค้นมาได้ว่า สามารถกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้แบ่งตัวมากขึ้น กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง จริงไม่จริง ผมไปค้นมาจากวิกิพีเดีย เอาเป็นว่ามีประโยชน์พอควร แต่ที่สำคัญกว่านั้นอร่อยมาก ชอบกินมาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว ไปกินกับพ่อและแม่แถวๆเยาวราชตั้งแต่ถ้วยละ 30 บาท แต่ตอนนี้หาไม่ได้แล้ว รังนกในไทยมาจากสายพันธุ์ที่ดี คุณภาพรังนกเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก แต่ที่สำคัญใครดันไปบอกว่า "รังนกแดงดีที่สุด" ในความเป็นจริงจะต้องเป็นรังนกที่ได้จากครั้งแรกที่มีความขาวบริสุทธิ์ อันนั้นที่ว่า "ยอดเยี่ยม" ผมขอชวนทุกคนต่อต้านการกินรังนกแดง ซึ่งเป็นรังนกครั้งสุดท้ายของนกจะออกลูก อันนี้่ต้องบอกว่าเลวกว่าที่จะรับได้


รัง นกวันนี้ที่พาไปกินชื่อ บูรพารังนก มีชื่อเสียงมานานแสนนาน ตั้งอยู่ในเยาวราช ในถนนแปลงนาม ตรงข้ามร้านหมูสะเต๊ะที่ผมว่าอร่อยกว่าทุกร้านที่เคยไปกิน มาถึงเขาก็ยกรังนกแบบต่างๆ มาให้ดู มีราคาตั้งแต่ 100-1000 บาท แม่เจ้า พันบาทเป็นอย่างไร ที่เคยกินเป็นเหมือนวุ้นสับ แต่พอเข้ามาที่ร้านราคา 1000 บาท เป็นรัง ทั้งรังต้มให้นิ่ม กินตัดกับน้ำโสม ชุ่มชื่นจริงๆ อย่ากินเยอะนะครับ เบาหวานจะลุยเอา ที่สำคัญเขาใส่น้ำผึ้งลงไปเป็นส่วนประกอบด้วย เหมือนรสชาติที่เคยกินที่หาดใหญ่ ถามไปถามมา อ้าว!! พี่น้องกัน สูตรเดียวกันครับ ร้านนี้แน่นอนมากครับ ใครที่ชอบไปจัดร้านนี้ได้เลย


ร้านอยู่ที่ 63 ถนนแปลงนาม สัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรไปเลย 02-623-0191

Rating :  ชาตินี้ต้องกิน

Latitude : 13.74052
Longitude : 100.50971

เรื่องและภาพโดย
www.facebook.com/baypalace

Credit by..http://www.thairath.co.th/

แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


ขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง พร้อมวิธีขั้นตอนการทำหมูปิ้ง

ช่วงเช้าๆ อากาศสดใสกลิ่นหอมลอยตามลมมา ทำให้เรานึกถึงวัยเยาว์อดีตที่เคยผ่านมายังจำกันได้อยู่ไหม มือสองข้างเคยถืออะไรไว้ มือข้างหนึ่งถือข้าวเหนียว อีกข้างถือหมูปิ้ง นั่นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของการเดินทางในชีวิตทั้งวัยเรียนและวัยทำงาน เวลาเป็นสิ่งสำคัญแต่อาหารก็มีความสำคัญต่อรางกายของคนเรามากที่สุดเช่นกัน ในเวลาอันเร่งรีบช่วงเช้าๆ มีข้าวเหนียวหมูปิ้งอยู่ในมือคงหายห่วง

ชีวิตนี้ยังมีอะไรให้เราจดจำได้อีกมากมายค่ะ เอาเป็นว่าวันนี้เรามาพูดถึงสาระดีๆ จากเว็บไทยอาชีพกันดีกว่าค่ะ ข้าวเหนียวหมู่ปิ้งคงไม่ต้องอธิบายนะค่ะว่าคืออะไร รูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหนเชื่อว่าทุกๆ ท่านต่างเคยรับประทานกันมาบ้างแล้ว → บางท่านบอกมาว่ารับประทานทุกวันจนจะเบื่ออยู่แล้ว

สร้างอาชีพเสริมขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง

 


วัย ทำงานเป็นวัยที่ต้องมีความรับผิดชอบ มีภาระที่ต้องดูแลครอบครัว บางทีรายได้หลักอย่างเดียวคงไม่พอกับรายจ่าย หรือบางท่านอยากมีเงินเก็บเยอะๆ เอาไว้ซื้อรถ ซื้อบ้าน เอาหละทีมงานไทยอาชีพมีอาชีพหนึ่งที่สามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้ในช่วงเวลาก่อนไปทำงาน ช่วงเวลา 04.00 น. – 7.00 น. ปกติส่วนมากเข้าทำงานกันที่แปดโมงเช้ากัน เอาเวลา 2-3 ชั่วโมงนี้ ไปทำข้าวเหนียวหมูปิ้งกัน

 

 

อุปกรณ์ที่ต้องมี

  1. ไม้ปลายแหลมเอาไว้นำมาเสียบหมูปิ้ง
  2. เตาถ่านหรือเตาไฟฟ้าก็ได้แต่แนะนำให้ใช้เตาถ่านจะดีกว่า
  3. เหล็กปิ้ง

ส่วนผสมเครื่องปรุงในการทำหมูปิ้ง

  1. เนื้อหมูติดมันเล็กน้อย 1 กิโลกรัม
  2. นมสด 1/2 ถ้วยตวง
  3. กระเทียม 1 หัว
  4. ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
  5. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
  6. ชึอิ้วดำหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำมันพืช
  8. รากผักชีบดละเอียด 4 ราก
  9. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เมื่อ ได้จัดเตรียมส่วนผสมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปเข้าสู่วิธีการทำน้ำทา น้ำทาหมูปิ้ง คือเวลาที่เราไปซื้อปิ้งหมูให้สังเกตดูพ่อค้าแม่ขายบางเจ้าให้ดีๆ เอาแปลงจุ่มน้ำทามาทาหมูปิ้ง มีวิธีขั้นตอนในการทำดังนี้
ส่วนผสม นมสด,ชีอิ้วขาว,น้ำมันพืช นำมาผสมเข้าด้วยกันพอประมาณ
วิธีทำเนื้อหมูปิ้ง
 

  1. ขั้นตอนแรกให้นำเนื้อหมูมาหั่นตามความยาว หรือหั่นเป็นชิ้นขนาดประมาณ 1 – 2 นิ้ว
  2. ปั่นหรือโขลกส่วนผสม กระเทียม,รากผักชีบดละเอียด,พริกไทยเม็ดให้เข้ากัน
  3. นำส่วนผสมจากขั้นตอนที่ 2 มาคลุกกับหมูจากขั้นตอนที่ 1
  4. แล้วนำเครื่องปรุง ซีอิ้วขาว,ชึอิ้วดำหวาน,นมสด,น้ำตาลทรายมาผสม
  5. นำเนื้อหมูที่คลุกกับส่วนผสมต่างแล้วให้นำไปหมักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อยประมาณ 30 นาที ถ้าจะให้ดีควรหมักไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง
  6. นำหมูที่หมักไว้แล้วมาเสียบเข้ากับไม้ให้หมด
  7. ขั้นตอนสุดท้ายนำหมูเสียบไม้มาปิ้งได้เลยค่ะ
ระหว่างหมักรอเนื้อหมูให้ตั้งเตาถ่าน เตรียมไฟไว้ปิ้ง หรือท่านใดเลือกใช้เตาไฟฟ้าก็ได้นะค่ะ และระหว่างปิ้งหมูให้นำน้ำทามาทาที่หมูตอนปิ้งด้วย
แต่ ถ้าจะทำขายหมักหมูให้ได้พอประมาณหลังจากนั้นให้นำหมูมาเสียบกับไม้ เสร็จแล้วนำหมูที่ได้ไปใส่ลงในกระปุกสี่เหลียมปิดฝาให้สนิทแล้วแช่ไว้ในตู้ เย็นเก็บเอาไว้ประมาณ 1 คืนก่อนนำมาปิ้ง
สูตรและขั้นตอนการทำข้าวเหนียวหมูปิ้งไม่มีสูตรวิธีการทำที่ตายตัว ท่านสามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมปรุงแต่ง ค้นหาสูตรใหม่ๆ ด้วยตัวท่านตนเองได้เสมอ การทำข้าวเหนียวหมูปิ้งนั้นมันไม่ยากเลย เพียงแค่เราลงมือทำด้วยใจจริงความสำเร็จก็จะมาถึงเอง

Credit by..http://www.thaiarcheep.com/วิธีทำข้าวเหนียวหมูปิ้ง.html


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


"น้ำมันรำข้าว" ส่วนเล็กๆแต่เจ๋งสุด



ผ่านไปอย่างสวยงาม กับงาน มติชนเฮลท์แคร์ 2013 สู้โรคไร้พรมแดน งานแฟร์สำหรับคนรักสุขภาพ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อ 30 พฤษภาคม-2 มิถุนายน ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งประชาชนให้ความสนใจร่วมงานอย่างคึกคัก เพราะความน่าสนใจของสินค้าและกิจกรรมมากมายในงาน
หนึ่งในนั้น คือ ผลิตภัณฑ์จาก "น้ำมันรำข้าว" ซึ่งแปรรูปเป็นสินค้าหลายชนิด

รำ ข้าว คือ เยื่อทองที่ห่อหุ้มเมล็ดข้าวกล้อง ส่วนน้ำมันรำข้าวได้มาจากการนำเอารำข้าวและจมูกข้าวที่ผ่านการสีครั้งที่สอง แล้วนำรำข้าวและจมูกข้าวมาบีบอัดเอาน้ำมันออกมา

น้ำมันรำข้าว จึงเป็นน้ำมันธรรมชาติที่ได้จากข้าวกล้อง

ตาม หลักโภชนาการ พบว่ารำข้าวเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุดของข้าว มีสารสำคัญ คือ แกมม่า โอไรซานอล และวิตามินเอ วิตามินบีคอมเพล็กซ์ เบต้าแคโรทีน วิตามินอีสูง กลุ่มโทโคโตรอินอล กลุ่มไฟโตสเตอรอล และกรดไขมันโอเมก้า 3, 6 และ 9 ช่วยลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ลดปัญหาการเกิดโรคหัวใจและโรคที่เกิดจากหลอดเลือดตีบตัน บำรุงร่างกาย บำรุงสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก และยังมากกว่าพืชหลายชนิด จึงช่วยชะลอและลดปัญหาการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงผิว บำรุง ดวงตาและสายตา แต่น้อยคนนักจะทราบประโยชน์เหล่านี้ ในประเทศไทยยังไม่ค่อยนิยมรับประทานน้ำมันรำข้าวหรือนำมาปรุงอาหารมากนัก

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร่วมออกบูธในงาน "มติชน เฮลท์แคร์" โดยมี ปานบัว บุนปาน ให้การต้อนรับ


พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอีโออกริฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตน้ำมันดิบจากรำข้าว และจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากน้ำมันรำข้าวแบรนด์ "The Rice Bran Oil Company" หรือ "ที.อาร์.บี.โอ." นำหลายผลิตภัณฑ์มาแนะนำในงานมติชนเฮลท์แคร์ 2013 บอกว่า คนทั่วไปมักเข้าใจว่า "รำข้าว" เอาไว้เลี้ยงสุกรเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วประโยชน์ของรำข้าวมีมากมายกว่านั้น จึงมีแนวคิดนำรำข้าวมาเพิ่มมูลค่าให้ได้มากที่สุด โดยสร้างโรงงานผลิตน้ำมันรำข้าว เพื่อสกัดเป็นน้ำมันดิบแล้วพัฒนาเป็นสินค้าต่างๆ ได้แก่ ขนมขบเคี้ยว เครื่องสำอาง น้ำมันนวด น้ำมันสลัด น้ำมันรำข้าวสำหรับปรุงอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ออกวางจำหน่ายผ่านช่องทางร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อกว่า 600 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีนักธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาร่วมลงทุนเพื่อทำตลาดใน ญี่ปุ่นด้วย

"น้ำมันรำข้าว เหมาะกับการปรุงอาหาร เป็นที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ต่างชาติมีความต้องการมาก เป็นแนวทางที่ดีเพราะบ้านเราปลูกข้าวติดอันดับโลก แต่องค์ความรู้เรื่องประโยชน์ของน้ำมันรำข้าวยังน้อย ผมจึงต้องการเป็นตัวกลางในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาสร้างสินค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับข้าว ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยต่างๆ และหน่วยงานภาครัฐ ที่ให้การสนับสนุน" พิธากล่าว

ในข้าวเปลือก 100 ตัน มีน้ำมันรำข้าว 7 ตัน หรือข้าว 1 ไร่ จะได้น้ำมันรำข้าว 1 ลิตร


และ นี่คือความท้าทายของพิธา ที่จะทำอย่างไรให้ส่วนสำคัญที่มีประโยชน์แฝงอยู่มากที่สุดของข้าวได้เป็นที่ รู้จัก และเป็นที่ต้องการของทุกคน ซึ่งถือว่าไม่ใช่งานง่ายๆ เขามีโรงสกัดน้ำมันรำข้าว กำลังการผลิตวันละ 400 ตันต่อวัน ถือว่าเป็นโรงสกัดน้ำมันรำข้าวขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ โดยจะรับข้าวเปลือกจากจังหวัดต่างๆ ในภาคกลาง แหล่งปลูกข้าวขนาดใหญ่ของประเทศ

ส่วนใหญ่น้ำมันรำข้าวเป็นที่รู้จัก ในลักษณะอาหารเสริม ซึ่งพิธาบอกว่า ปัจจุบันมีการเข้าใจและโฆษณากันผิดๆ ว่ามีคุณค่ามากมายเกินจริง ขอแนะนำว่า หากต้องการให้ได้ประโยชน์ที่หลากหลาย ควรรับประทานควบคู่กับอาหารเสริมอื่นๆ ด้วย ส่วน "สารแกมม่าโอไรซานอล" ที่พบได้มากในน้ำมันรำข้าว เป็นสารสำคัญที่สามารถยับยั้งกระบวนการสังเคราะห์คอเลสเตอรอลของร่างกาย จึงมีส่วนช่วยลดอาการไขมันในเลือดสูงได้

ประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อ เสียงเรื่องความปลอดภัยและความสะอาดของอาหาร นิยมนำน้ำมันรำข้าวมาประกอบอาหาร โดยเฉพาะการทอดที่ใช้ความร้อนสูง เนื่องจากน้ำมันรำข้าวมีจุดที่ก่อให้เกิดควันสูง (High Smoke Point) ช่วยรักษากลิ่นรสของอาหาร ช่วยลดการเกิดควัน ไม่มีกลิ่นหืน และดีต่อสุขภาพ

นอก จากการทอดอาหารแล้ว ยังสามารถใช้ในการประกอบอาหารอื่นๆ เช่นการการผัด สามารถนำมาทำน้ำสลัดแทนน้ำมันมะกอก หรือจะใช้ทำเบเกอรี่ก็ได้ แม้จะมีกลิ่นไม่หอมเท่ากับการใช้เนย แต่ถ้าดูเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการและเพื่อสุขภาพที่ดีแล้ว ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว

ด้าน "สง่า ดามาพงษ์" ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ แนะนำการใช้น้ำมันปรุงอาหารให้เหมาะสมว่า ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันอะไรก็ตามควรใช้ให้พอเหมาะ ไม่ควรใช้ประกอบอาหารมากเกินไป ซึ่งน้ำมันทุกชนิดล้วนมีประโยชน์และโทษต่างกัน มีกรดไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวต่างกัน สัดส่วนไม่เท่ากัน

ดังนั้น จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสม หากรับประทานมากไปก็จะเกิดการสะสมในร่างกายได้ทั้งนั้น และควรเลือกใช้หลากหลายยี่ห้อ หรือชนิดใดชนิดหนึ่ง เพราะจะให้ประโยชน์ต่างกัน แนะนำให้ใช้น้ำมันปาล์มสำหรับทอด เพราะแตกตัวเป็นสารโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน ได้ยาก ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง แต่ไม่ควรทอดซ้ำเกิน 2 ครั้ง ส่วนการผัด แนะนำให้ใช้น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกคำฝอย หรือน้ำมันถั่วเหลือง

เมื่อ ทราบประโยชน์ของน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารแล้ว ลองหันมาปรับเปลี่ยนการนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเหมาะสม สร้างทางเลือกในการดูสุขภาพให้หลากหลาย

แต่หากต้องการดูแลสุขภาพแบบครบครัน แนะให้ไปงานมติชนเฮลท์แคร์ ต้องติดตามกันว่าปีหน้าจัดที่ไหน อย่าพลาดเชียว

หน้า 21,มติชนรายวัน ฉบับวันอังคารที่ 4 มิถุนายน 2556

Credit by..

แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


เกาะติด ปรากฏการณ์ "ชาไข่มุก" เครื่องดื่ม ยอดฮิต!!! แห่ง พ.ศ.นี้

เจอะเจออากาศร้อนระอุ เดินตากแดด เหงื่อตกมาตลอดทาง ชวนให้คิดถึงเครื่องดื่มดับกระหาย "น้ำอัดลม" - วาบความคิดแรกของใครต่อใครอาจเป็นอย่างนี้ แต่หากลองเหลือบมองดูรอบๆ ตัว จะพบกับเครื่องดื่มดับกระหายชนิดใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น รวมถึงคนวัยทำงาน แก้วพลาสติกใสที่คนถือกันอยู่มากมาย จนกลายเป็น "ปรากฏการณ์" นี้คือ "ชาไข่มุก" ด้วย ความนิยมนี้เอง ทำให้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีร้านขายชานมไข่มุกยี่ห้อต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ต่างพากันพาเหรดเข้ามาตีตลาดไทยโดยเฉพาะสถานที่ดังซึ่งมีวัยรุ่นอยู่ มากอย่างสยามสแควร์ ก็เหมือนจะกลายเป็นเมืองหลวงของชาไข่มุกไปเสียแล้ว มีแทบทุกซอย แถมบางร้านยังตั้งติดกัน ตั้งประจันหน้า เชิญชวนบรรดาลูกค้าเลือกซื้อเลือก
หากันได้ตามสบาย
 
 

ชานม222ไข่มุกส
    ายพันธุ์ใหม่ มีหลายรสชาติ (ภาพจาก www.tlchai.com)

ชานมไข่มุก เป็นเครื่องดื่มที่มาจากไต้หวัน เข้ามาในไทยเมื่อประมาณปี 2543

ใน ช่วงแรกยังเป็นแบบดั้งเดิม ในรูปแบบของชาเขียว ชานม ที่ใส่ "ไข่มุก" ซึ่งถือเป็นตัวละครเอกของเครื่องดื่มชนิดนี้ ในช่วงนั้นชาไข่มุกมีราคาสูง ในท้ายที่สุดจึงจุดกระแสไม่ติด เหลือเพียงไม่กี่เจ้าที่ดำเนินกิจการยืนระยะมาได้

แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กระแสชาไข่มุกเริ่มกลับมาอีกครั้ง

และ คราวนี้ ด้วยรูปรสที่เพิ่มขึ้น หลากหลายขึ้น มีการปรับตัวให้ถูกปากกับรสของคนไทย ราคาขายที่ลดลงจากเมื่อก่อนจนสามารถซื้อหาได้ง่าย และคราวนี้ไม่ได้ระบาดเพียงแค่ย่านสยามสแควร์ หรือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อีกต่อไปแล้ว แต่ได้กระจายไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดกลาง สถานีรถไฟฟ้า สถานที่ชุมชนต่างๆ

แม้แต่ในต่างจังหวัด ก็สามารถหาซื้อ "ชานมไข่มุก" ได้ง่ายยิ่งกว่าเห็ดโคนเสียอีก

จะเครื่องดื่มอะไรก็ต้องมี "ไข่มุก"

ต่อปรากฏการณ์ที่น่าสนใจนี้ ในวันที่มีโอกาสทำตัวเป็นวัยรุ่นไปเดินเล่นย่านสยามสแควร์ ได้พูดคุยกับ จิราภรณ์ มโนสีหกุล เจ้าของร้านชาไข่มุก โอชายะ สาขาสยามสแควร์

เธอ บอกว่า เริ่มจับธุรกิจชาไข่มุกเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว กิจการได้รับความนิยมพอสมควร หากแต่ว่าการแข่งขันในตลาดชาไข่มุกในตอนนี้ถือได้ว่าสูงมาก มีการเปิดร้านใหม่อยู่เรื่อยๆ ทำให้แต่ละยี่ห้อต้องหาทางรักษากลุ่มลูกค้าของตนเองเอาไว้

ไข่มุก



"สิ่งสำคัญ คือ การรักษาคุณภาพ อย่างเช่นที่ร้านก็จะต้มไข่มุกใหม่ ทุกๆ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง เพื่อให้ได้ไข่มุกที่ดี แต่ละร้านก็จะมีมาตรฐานแตกต่างกันไปตามนโยบายของบริษัทใหญ่"

จิรา ภรณ์เล่าว่า ปัจจุบันอากาศที่ร้อน แดดแรง เป็นผลเสียต่อธุรกิจ เพราะคนไม่ค่อยออกมาเดินซื้อกัน แต่ยี่ห้อที่มีสถานที่ตั้งในห้างสรรพสินค้าจะได้เปรียบและขายได้ดี สำหรับที่สยามสแควร์นั้นวันปกติจะขายได้มากช่วง 18.00-19.30 น. ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ จะขายดีที่สุด เพราะมีเด็กมาเรียนพิเศษเป็นจำนวนมาก

นอกจากผู้ค้าที่เน้นขายชานม ไข่มุกแล้ว ร้านขายกาแฟทั่วไปก็มีการปรับตัวรับกระแสชานมไข่มุกฟีเวอร์ มีการเพิ่มรายการเครื่องดื่มประเภทนี้เข้าไปด้วย

"จริงๆ ไม่ได้คิดจะมีเมนูไข่มุก มันยุ่งยาก และเราก็ทำไม่เป็น แต่ว่าเป็นความต้องการของลูกค้า เขาอยากให้เพิ่มไข่มุกเข้าไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นชานม ชาเขียว หรือแม้แต่กาแฟ ดังนั้น ทางร้านจึงต้องหาข้อมูล โดยการไปซื้อไข่มุกจากร้านขายส่งมา เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า ไม่อย่างนั้นก็ขายสู้เขาไม่ได้"

อีกเสียงสะท้อนจากการสอบถามพนักงาน ร้านกาแฟ ซึ่งแม้ไม่ได้ขายเครื่องดื่มที่ใส่ "ไข่มุก" เป็นหลัก แต่เมื่อมีการปรับเพื่อรองรับความต้องการลูกค้า ก็ได้รับความนิยม เมนูเครื่องดื่มไข่มุกขายออกวันละ 30-50 แก้ว

เสียงสะท้อนผู้บริโภค รักแท้ หรือ แค่เห่อผู้บริโภคอย่าง ศุจีภรณ์ ชัญญพิพัฒน์ อายุ 21 ปี ซึ่งเคยลองชาไข่มุกมาตั้งแต่ช่วงฮิตในยุคแรกแล้วเลิกไป ก่อนจะกลับมานิยมอีกครั้ง ซึ่งเธอเองก็กลับมาดื่มอีกครั้ง บอกว่า ชอบดื่มชานมไข่มุก เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกสดชื่น ไม่ง่วง

"ตัว เองเป็นคนที่ไม่ดื่มกาแฟ ไม่ชอบเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนแรงๆ แต่พอมาเป็นชาไข่มุก คิดว่าลงตัว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่ไม่ดื่มกาแฟ"

เธอบอกว่า แรกที่มากินชานมไข่มุก เพราะเพื่อนดื่มเลยซื้อตาม และรู้สึกชอบ จากนั้นก็ซื้อดื่มอยู่เป็นประจำ

"ทุก วันนี้ รู้สึกว่าชานมไข่มุกมีการปรับปรุงให้รสชาติดีขึ้น มีให้เลือกหลากหลายมากกว่าแต่ก่อนมาก ราคาก็ถูกลงด้วย สำหรับผู้บริโภค เวลาเลือกซื้อปัจจัยที่คิดถึงคือเรื่อง รสชาติ ส่วนตัวชอบยี่ห้อที่มีกลิ่นของชา ไม่หวานมาก เรื่องราคา ก็ไม่ได้คิดมาก เพียงแต่ไม่ควรเกิน 50 บาทกำลังดี" ศุจีภรณ์กล่าว

เมื่อถามถึง ประโยชน์ หรือคุณค่าทางอาหารจากเครื่องดื่มที่เธอชอบ ศุจีภรณ์ตอบว่า ชานมไข่มุก คงมีสารอาหารจำพวกแป้งจากตัวไข่มุก แต่ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ ก็ยังคงบริโภค เพราะถือว่าเป็นอาหารที่จัดอยู่ในหมวดของกินเล่น

ด้าน ศิวพร ว่องไชยกุล อายุ 21 ปี อีกหนึ่งแฟนคลับชาไข่มุก ซึ่งเคยดื่มมามาก ไม่ต่ำกว่า 5 ยี่ห้อ แสดงความเห็นว่า ชาไข่มุกที่คนทั่วไปชอบ ต้องมีดีที่รสชาติ ทั้งของตัวชาที่ไม่ควรหวานจนเกินไป และไข่มุกที่ไม่แข็ง ไม่เละ ควรเหนียวกำลังพอดี แต่ที่สำคัญราคาก็เป็นจุดสำคัญ ไม่ควรแพงจนเกินไป

"คิด ว่าชาไข่มุก อาจจะไม่มีประโยชน์มากเท่าไหร่ อีกทั้งยังมีน้ำตาล และกาเฟอีน แต่ส่วนตัวก็จะรับประทานต่อไปจนกว่าจะคิดสนใจเรื่องของสุขภาพ หรือการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง" หญิงสาวกล่าว ก่อนโปรยยิ้ม

ชำแหละ "ชาไข่มุก" ข้อเท็จจริง "นักโภชนาการ"
ทิ้ง คำถามเรื่อง "คุณค่าทางอาหาร" ให้บรรดานักดื่มทั้งหลายได้ขบคิด พร้อมกับได้รับเสียงยืนยันจากหลายคนไปแล้วว่าอย่างไรก็จะยังคงเทใจให้กับ เจ้าเครื่องดื่มในหมวด "ของกินเล่น" นี้ต่อไป

สอบถามจาก ทิวาพร มณีรัตนศุภร นักโภชนาการ จากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้เรื่องชาไข่มุกว่า ในหนึ่งแก้วนั้น ประกอบด้วยส่วนประกอบหลักๆ เพียง น้ำชา น้ำเชื่อม คอฟฟี่เมต และไข่มุกเท่านั้น โดยไข่มุกที่อยู่ในชานมนั้นผลิตจากแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งจัดอยู่ในอาหารหมวดเดียวกับแป้งและน้ำตาล ไข่มุก 30 กรัม จะให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี่

ทิวาพรบอกว่า แม้การดื่มชาจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพสามารถช่วยลดความดันโลหิต ไขมันในหลอดเลือด รวมถึงมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งการเกิดโรคหลอด เลือดหัวใจและโรคมะเร็ง แต่ทว่าประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้ขึ้นอยู่กับชนิดของชาและความเข้มข้นในการบริโภค การบริโภคชาในปริมาณที่มากเกินไปอาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น ท้องผูก หรือนอนไม่หลับ

นอกจากนี้ มีการศึกษาวิจัยพบว่า การดื่มชาคู่กับนมหรือน้ำตาลจะลดคุณสมบัติของชาในการต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย

ทิวาพรยังกล่าวอีกว่า น้ำตาล ในชานมไข่มุกถือเป็นสารที่ให้พลังงานสูญเปล่า ไม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การดื่มน้ำตาลในปริมาณมากๆ อย่างต่อเนื่องเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ รวมถึงสิ่งที่ควรคำนึงถึงอีกอย่างหนึ่งของชานมไข่มุกคือไขมันที่ได้จากครีม เทียม ซึ่งครีมเทียมส่วนใหญ่จะผลิตจากไขมันปาล์ม มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
"การ บริโภคชานมไข่มุกเป็นประจำอาจนำไปสู่การเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด เหมือนกับการดื่มเครื่องดื่มประเภทชาและกาแฟ ผู้ดื่มชานมไข่มุกจึงควรคำนึงถึงพลังงานที่จะได้รับในแต่ละวัน

"หากดื่มชานมไข่มุก ก็ควรลดการบริโภคอาหารในกลุ่มข้าว แป้ง เป็นการทดแทนกัน หรือไม่ก็ลดปริมาณน้ำตาลที่ใส่ในชานมไข่มุก"
นักโภชนาการให้คำแนะนำ

และนี่คือปรากฏการณ์ "ชาไข่มุก" ซึ่งกำลังฮิตฮอตติดลมบนอยู่ในขณะนี้

กับ เรื่องราวของเครื่องดื่มนำเข้าจากไต้หวันที่เข้ามาตีตลาดผู้บริโภคชาวไทยได้ ชนิดแตกกระจาย แพร่หลายไปไกลชนิดหันไปทางไหนก็เจอแต่คนถือเจ้าแก้วเครื่องดื่มที่มีไข่มุก ดำๆ กองอยู่ก้นแก้ว

คุณล่ะ, วันนี้ดื่มชาไข่มุกแล้วหรือยัง?


หน้า 20,มติชนรายวัน ฉบับวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน 2556

Credit by.. http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1370575248&grpid=&catid=09&subcatid=0901

แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.