สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ข้าวปั้นแซลมอน' สูตรอาหารพื้นบ้านแดนซามูไรจากสุดยอดเชฟซูชิ

เจาะลึกชีวิตของเชฟ “ชินจิ นากามิเนะ” ผู้ครองตำแหน่งแชมป์ซูชิ 2 สมัยจากรายการทีวีแชมเปี้ยนส์ และสูตรการทำข้าวปั้นแซลมอน เมนูที่หารับประทานได้ทั่วไป แต่ต้องมีอะไรที่เชฟผู้นี้มั่นใจอยากนำเสนอ

“ซูชิ” คือชีวิต สุดยอดเชฟทีวีแชมเปี้ยน 2 สมัย “ชินจิ นากามิเนะ” เขาคือเด็กชายจากเมืองฮอกไกโดที่เริ่มต้นอาชีพเชฟซูชิตั้งแต่วัย 19 ปี และอยู่กับอาชีพนี้มาตลอดชีวิต และหากจะตั้งคำถามว่าเขาประสบความสำเร็จในอาชีพดังกล่าวมากเพียงใด ตำแหน่ง “แชมป์ซูชิ 2 สมัยจากรายการทีวีแชมเปี้ยน” รายการแข่งขันทำอาหารชื่อดังแห่งประเทศญี่ปุ่นน่าจะเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดี


Pic_345899



นับ เป็นอีกความโชคดีของนักชิมซูชิในเมืองไทย เพราะปัจจุบันเชฟชินจิได้เข้ามาทำ หน้าที่เชฟซูชิแห่งร้านซูชิโอตารุได้กว่า 6 เดือนแล้ว ทั้งลีลาการทำอาหารที่คล่องแคล่วจนน่าทึ่ง บวกกับชื่อเสียงความเชี่ยวชาญระดับโลก จึงทำให้เชฟท่านนี้คิวแน่นเอี๊ยด มีนักชิมมาต่อคิวรอชิมรสซูชิฝีมือเขาเพียบ ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของผู้อ่านเหลือเกินที่จะได้เจาะลึกถึงชีวิตและวิธีการ ใช้ชีวิตของเชฟผู้นี้ แถมยังได้รับสูตรการหุงข้าวซูชิและปั้นซูชิแบบมืออาชีพแถมท้ายมาอีกด้วย



“ตอน เด็กๆ ครอบครัวของผมยากจน คุณแม่ทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ในร้านซูชิ พอเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ผมเลยออกมาทำงานที่ร้านซูชิที่แม่ทำงานอยู่ ฝันว่าวันหนึ่งจะเปิดร้านซูชิเพื่อให้ฐานะครอบครัวดีขึ้น ผมทำงานทุกอย่างในร้าน ตั้งแต่ล้างจาน กวาดถูร้านหุงข้าว ช่วยแล่ปลา ทำแบบนี้อยู่ 5 ปี กว่าจะได้เริ่มขึ้นมาเป็นเชฟซูชิที่หน้าบาร์ หลังจากได้เป็นเชฟแล้วผมก็หาประสบการณ์เพิ่มด้วยการเข้าแข่งขันทำซูชิใน รายการต่างๆ จนมาได้ตำแหน่งแชมป์ซูชิในรายการทีวีแชมเปี้ยนติดกัน 2 สมัยในปี 1989-1990”    

เชฟชินจิได้เล่าถึงกฎกติกาความ ยากของรายการทีวีแชมเปี้ยนส์ว่า “เกณฑ์การแข่งขันในรายการทีวีแชมเปี้ยน เขาดูทั้งหมดสามเรื่อง คือ หนึ่งความรู้ในเรื่องปลา ต้องบอกได้ว่าปลาสดไม่สดเป็นอย่างไร ชิมแล้วบอกได้ว่าคือ ปลาอะไร สดแค่ไหน สอง ความรู้เรื่องการปั้นข้าวซูชิ จะปั้นอย่างไรให้อร่อย และสุดท้าย  ขั้นตอนการทำให้ซูชิสวยงาม” เชฟชินจิเล่าถึงความละเอียดอ่อนในการทำซูชิที่ซับซ้อนกว่าที่หลายคนคาดคิด เอาไว้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สำหรับเขาแล้วซูชิจะมีความหมายมากกว่าแค่การปั้นข้าว แล้วเอาปลามาวาง"

“สำหรับผม การนำข้าวมาปั้นแล้ววางชิ้นปลาลงไปบนนั้น ผมไม่เรียกว่าซูชิ เพราะซูชิมีความละเอียดอ่อนมากกว่านั้น ตั้งแต่การจับข้าวต้องมีปริมาณพอเหมาะ เมื่อปั้นออกมาแล้วก้อนซูชิต้องพอดีคำกับลูกค้าแต่ละคน เพื่อที่ลูกค้าจะได้กินซูชิให้หมดได้ภายในคำเดียว ส่วนการปั้นก็ต้องมีเทคนิคที่จะปั้นให้ข้าวมีรูอากาศอยู่ตรงกลางเล็กน้อย เมื่อกินแล้วเมล็ดข้าวจะแตกตัวกระจายเคล้ากับหน้าซูชิแล้วได้รสดีที่ สุด”       เชฟชินจิบอกอีกว่า นอกจากการคัดสรรวัตถุดิบที่สดใหม่ที่สุดจะถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำซูชิ แล้ว อีกสิ่งที่ทำให้ซูชิของเขาอร่อยและถูกใจคนกินได้คือ ต้องใส่หัวใจลงไปด้วย

“ในญี่ปุ่นการกินซูชิ ลูกค้าจะนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์เพื่อมองเชฟปั้นซูชิและคุยกับเชฟไปด้วย ส่วนตัวเชฟเองก็จะได้มองปากคนกินแล้วปั้นข้าวออกมาให้พอดีคำกับลูกค้าแต่ละ คน เป็นการปั้นที่ต้องคำนึงถึงคนกิน เชฟต้องใส่หัวใจและความรู้สึกที่อยากให้คน กินอร่อยลงไปด้วย พอปั้นเสร็จก็จะยื่นซูชินั้นให้กับมือคนกินเลย ซึ่งผมมองว่ามันคือการที่เราส่งมอบสิ่งที่เราทำจากใจให้ตัวคนกินก็จะรับรู้ ได้ถึงความรู้สึกนั้น"



“ผม เลือกที่จะมาเปิดร้านซูชิในเมืองไทย เพราะเพื่อนของผม (เจ้าของร้านซูชิโอตารุ) ชวนให้มาทำซูชิของแท้ให้คนไทยได้กิน ซึ่งตรงกับความต้องการของผมที่อยากให้คนไทยซึ่งนิยมกินอาหารญี่ปุ่นมานานได้ รู้จักกับซูชิที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร เพราะอย่างที่บอกว่า ซูชิไม่ใช่แค่ปั้นข้าวแล้วเอาปลามาวาง แต่มันต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งการหุงข้าว เลือกปลาแล่ปลา และทั้งหมดนี้ไม่ใช่ใครก็ฝึกได้ง่ายๆ เพราะการปั้นซูชิไม่มีตำราสอน ไม่มีคุกบุ๊กเหมือนการทำอาหารประเภทอื่น ดังนั้น ทุกอย่างต้องมาจากการสังเกตและเรียนรู้มาด้วยความอดทนเป็นระยะเวลานาน"

“นัก กินซูชิคนไทยต่างกับคนญี่ปุ่นตรงที่คนญี่ปุ่นจะชอบกินรสชาติที่แท้จริงของ อาหาร กินปลาก็คือกินปลา ไม่ต้องเพิ่มรสชาติอะไรเข้าไป แต่คนไทยชอบอาหารที่มีรสชาติหลากหลาย ต่อให้เป็นซูชิก็อยากให้มีหลายรสชาติ เช่น อยากให้เติมซอสรสต่างๆ ลงไป ดังนั้น เราในฐานะเชฟก็ต้องมีการปรับบางส่วน เช่น ปรุงซอสในแบบที่นักกินชาวไทยชอบ เพราะสุดท้ายแล้วความสุขของเชฟหลายคน ซึ่งรวมถึงตัวผมด้วยก็คือ การที่คนกินบอกว่าอาหารที่เราทำอร่อย” เชฟชินจิกล่าวปิดท้าย




ซูชิหน้าแซลมอน สูตรเชฟชินจิ

ส่วนผสม (สำหรับ 15 ชิ้น)

ข้าวญี่ปุ่น                    200    กรัม
น้ำเปล่า                    700    กรัม
สาเก                      20    กรัม

ส่วนผสมน้ำปรุงรส



น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว                   1,800    กรัม
น้ำตาล                           1,200    กรัม
เกลือ                    400    กรัม
น้ำเปล่า                    100    กรัม
ส่วนผสมอื่นๆ
วาซาบิฝน                    1    ช้อนโต๊ะ
ปลาแซลมอนสด                200    กรัม
โชยุสำหรับจิ้ม

วิธีทำ

1. ทำน้ำปรุงรสโดยนำส่วนผสมทั้งหมดยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือดปิดไฟ ยกลงพักไว้ให้เย็น
2.  หุงข้าวโดยแช่ข้าวในน้ำ 30 นาที จากนั้นนำไปหุงในหม้อหุงข้าวจนข้าวสุก นำออกมาใส่ภาชนะทรงแบน เทน้ำปรุงรสใส่ลงไปในข้าว แล้วใช้ทัพทีคนข้าวให้ทั่ว จากนั้นพัดหรือใช้ลมเป่าเพื่อให้ข้าวคลายความร้อนกระทั่งข้าวเริ่มอุ่น จึงเก็บเข้ากระติกเก็บความร้อน



3.  แล่ปลาแซลมอนโดยใช้มีดแล่ปลาไปทางเดียวกับลายไขมันของเนื้อปลา ให้ชิ้นปลามีน้ำหนักประมาณ 15 กรัม มีความยาว 2.5 นิ้วและกว้าง 1 นิ้ว
4.  ปั้นข้าวโดยหยิบข้าวขึ้นมาคราวละ 10-12 กรัม ปั้นพอให้ข้าวเป็นทรงรี จากนั้นกด ด้านล่างก้อนข้าวให้มีรูเล็กน้อย (เพื่อที่ข้าวจะแตกตัวกระจายเคล้ากับปลาได้ดีเมื่อกิน) แล้วกดด้านข้างให้เป็นเหลี่ยมเล็กน้อยเพื่อให้ก้อนข้าววางได้โดยไม่ล้ม
5. ป้ายวาซาบิบนข้าว จากนั้นนำปลาที่แล่ไว้มาวางบนข้าว แล้วค่อยๆ กดเนื้อปลาให้แนบสนิทกับก้อนข้าว รับประทานคู่กับวาซาบิฝนและโชยุ


ภาพ/ข้อมูล : Health & Cuisine

Credit by.. http://www.thairath.co.th/content/life/345899


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


นุ่มอร่อย 'ลิ้นวัวดองตุ๋นกับครีมซอส' หอมกรอบมัน 'ตับบดในแป้งพัฟ'

เมื่อวันก่อนผมได้ไปกินอาหารที่ร้าน ลิตเติ้ล บีสท์ หรืออสูรน้อย ย่านทองหล่อ 13 ซึ่งเป็นร้านอาหารที่รวบรวมอาหารไว้หลากหลาย มีทั้งอาหารฝรั่ง อาหารญี่ปุ่น อาหาร
อิตาเลียน อาหารยุโรป ซึ่งเขาทำได้ดีพอสมควร ส่วนบรรยากาศภายในร้านซึ่งเป็น 2 ชั้นก็สะอาดน่านั่งครับ

อาหารจานแรกที่ได้ลองชิมเป็นอาหารฝรั่งเศส มีชื่อว่า ปลาทูน่าทาทาร์ ถ้าพูดว่า ทาทาร์ ก็จะเป็นเนื้อปลาดิบ ซึ่งเป็นยำชนิดหนึ่งของฝรั่งเศส ใส่ไข่แดงให้มัน มีความเปรี้ยว เค็ม หอม เผ็ด กินกับรากบัวทอดกรอบ รสชาติดี

จานต่อมาเป็น พริกชิชิโตะย่าง เป็นพริกของญี่ปุ่นที่ไม่มีความเผ็ด เอาไปย่าง โรยเกลือเล็กน้อยจะได้กลิ่นที่หอม กินกับซอส อร่อยใช้ได้เลยครับ

ยังมี ตับบดในแป้งพัฟ เป็นตับไก่ปาเต้เอามาบดแล้วบีบเข้าไปในแป้งพัฟที่อบจนกรอบ ได้ทั้งความกรอบและความมันของตับ อร่อยมาก

มาถึงอาหารหลักเป็น ลิ้นวัวดองตุ๋นกับครีมซอส โดยเอาลิ้นวัวไปดองในน้ำเกลือแล้วมาต้มจนนุ่ม เสิร์ฟพร้อมกับซอสที่ทำจากกะหล่ำปลีซอยเป็นเส้นบาง ๆ ผัดกับครีมซอสใส่ไวน์ขาว เกลือ พริกไทย ซึ่งจะทำให้ไม่เลี่ยน เนื้อลิ้นวัวนุ่มจนละลายในปากแทบไม่ต้องเคี้ยว อร่อยมาก

ตามมาด้วย เกี๊ยวฝรั่งผัดกับ สตูหางวัว เป็นเกี๊ยวของอิตาลีเอาไปต้มแล้วผัดกับสตูหางวัว ที่เรียกว่า ลากรู เป็นสตูหางวัวที่เข้มข้นมากกินแล้วหนักท้องเหมือนกัน แต่รสชาติอร่อย




จากนั้นเป็น เพนเน่ผัดกับครีม เส้นเพนเน่คล้ายเส้นมะกะโรนีแต่เป็นเส้นตรงและใหญ่กว่า ผัดกับซอสเข้มข้นใส่เนื้อหมูและเห็ดทรัฟเฟิล เป็นเมนูที่ผมชอบน้อยที่สุดเพราะสำหรับผมรู้สึกว่าจะเลี่ยนไป แต่พนักงานบอกว่าคนไทยชอบสั่งเมนูนี้กัน

เมนูต่อมาเป็น ไหล่แกะอบกับถั่วเลนทิล ซึ่งถั่วเลนทิลเป็นถั่วที่ชาวตะวันออกกลางชอบเอามาทำเป็นแกงกะหรี่ แต่ฝรั่งจะเอามาต้มแล้วมาผัดกินกับแกะ จานนี้เสิร์ฟมาเยอะมาก ซึ่งเขาทำได้ไม่มันมากจนเกินไปนัก อร่อยครับ

ส่วนเมนูที่ผมชอบ คือ อกเป็ดอบกับแอปเปิลและสลัดผักร็อกเก็ต โดยจะเอาอกเป็ดไปทอดก่อนแล้วเอาไปอบจนกรอบนอก แต่เนื้อข้างในยังเป็นสีชมพูอยู่ เสิร์ฟกับแอปเปิลผัดกับเบคอน ใส่น้ำผึ้งลงไปด้วย ทำให้ได้รสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ กินกับสลัดร็อกเก็ต ใช้ได้เลยครับเมนูนี้

ส่วนของหวาน เป็น ไอศกรีมแซนด์วิช  รูปร่างแปลกดี เป็นไอศกรีมที่ประกบด้วยคุกกี้ เสิร์ฟพร้อมกับถั่วตัด

ของหวานอีกเมนูหนึ่ง คือ พุดดิ้งมะเดื่อ โดยนำมะเดื่อสดมาทำเป็นพุดดิ้ง คล้ายคัสตาร์ดผสมขนมปัง ใส่มะเดื่อและมีไอศกรีมข้างบน เมนูนี้กินมากไม่ดีแน่ครับ เพราะมีทั้งไข่ นม ครีม แป้ง และไอศกรีม แต่อร่อยอย่าบอกใคร

ร้านนี้มีเมนูให้สั่งหลากหลาย ราคาก็ไม่แพงเกินไปนัก พนักงานเสิร์ฟ และเจ้าของร้านน่ารัก มีความคิดสร้างสรรค์ในการทำอาหาร อยากให้ลองไปชิมกันดูนะครับ.
อกเป็ด - ชิมให้เป็น
การทำอกเป็ด โดยส่วนใหญ่อกเป็ดที่ทำกันสูตรจะเป็นของฝรั่งเศส ซึ่งจะเอาอกเป็ดที่ติดหนังไปอบให้หนังกรอบ ไขมันที่หนังจะให้ความชุ่มชื่นกับอกเป็ด อบไม่ให้สุกเกินไป มิฉะนั้นอกเป็ดจะไม่นุ่มและไม่หวาน และถ้าอยากได้เลือดตรงกลางเนื้อไว้เพื่อจะได้ความหวานต้องหมักอกเป็ดเสีย ก่อน เพราะถ้าเป็นอกเป็ดไทย พอเอาไปอบแล้วจะแข็ง ถ้าหมักจะทำให้มีรสชาติและนุ่มลงได้ โดยปกติ
อกเป็ดมีความเลี่ยน หนังก็เลี่ยน ต้องเสิร์ฟกับอะไรที่เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ช่วยตัดความเลี่ยนแล้วเพิ่มความอร่อยได้ เช่น แอปเปิล เบคอน น้ำผึ้ง และยังช่วยย่อยอีกด้วย
สปาเกตตีผัดเขียวหวานเนื้อ - เข้าครัวกับหมึกแดง
เครื่องปรุงสำหรับแช่มะเขือเปราะ
-น้ำเปล่า 500  มิลลิลิตร
-น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
-มะเขือเปราะ 5 ลูก
วิธีทำ

1. ในชามผสม ใส่น้ำเปล่า น้ำส้มสายชู คนให้เข้ากัน

2. นำมะเขือเปราะผ่าให้ได้ 8 ชิ้น แล้วนำลงแช่
เครื่องปรุงสปาเกตตี
-น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
-พริกแกงเขียวหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
-หัวกะทิ 1/4 ถ้วยตวง
-เนื้อสันในหั่นแว่น 200  กรัม
-มะเขือเปราะหั่นแช่น้ำแล้ว 5 ลูก
-น้ำปลา 1  ช้อนโต๊ะ
-น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
-เส้นสปาเกตตีต้มแล้ว 200  กรัม
-พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 2 เม็ด
-ใบมะกรูดซอย 2  ใบ
-ใบโหระพาเด็ดใบ 1/4 ถ้วยตวง
วิธีทำ

1. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน พอร้อนใส่พริกแกงเขียวหวาน ผัดให้หอมโดยใช้ไฟปานกลาง แล้วใส่หัวกะทิผัดให้กะทิแตกมัน

2. ใส่เนื้อสันในลงไปผัดให้เข้ากัน แล้วใส่มะเขือเปราะผัดให้เข้ากัน แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ชิมรสให้ออกเค็ม หอม หวานเล็กน้อย

3. ใส่เส้นสปาเกตตีลงไปผัดจนรสชาติเข้าเส้น แล้วใส่พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ ใบมะกรูดซอย ผัดให้เข้ากันก่อนปิดไฟ ใส่ใบโหระพาเด็ดใบ แล้วตลบให้เส้นกลบใบโหระพา แล้วปิดไฟ ผัดให้เข้ากัน เสิร์ฟร้อน ๆ.
หมึกแดงไกด์ สำหรับ
ร้านลิตเติ้ล บีสท์
ความอร่อย   
ความสะอาด    
คุณภาพของวัตถุดิบ   
การบริการ   
ราคา     
ที่อยู่ : 44/9-10 ซอยทองหล่อ 13 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน
เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์ : 0-2185-2670
เวลาเปิด : 17.30-01.00 น. หยุดวันจันทร์
หมึกแดง
www.mcdangguide.com


Credit by.. http://www.dailynews.co.th/article/224/204855



แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


อร่อยครบสูตร 'ขนมจีนกุ้งสด' รสดีถูกใจ 'หอยลายอบเนย'

วันนี้ผมขอนำเสนอวิธีทำเมนูขนมจีนสูตรโบราณ ไม่ใส่กะทิซึ่งเป็นสูตรของสมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ ที่ผมได้มาจากท่านป้าของผมคือพระองค์เจ้าสุทสิริโสภา มีชื่อว่า ขนมจีนกุ้งสด เป็นสูตรที่ทำไม่ยาก แต่รับรองอร่อยครับวิธีการทำเริ่มจากเอามะเขือเทศสด หอมแดง พริกชี้ฟ้าแดงและเขียว พริกหยวกเขียว และพริกขี้หนูไปเผา หลังจากเผาเรียบร้อยแล้วให้ปอกเปลือกทั้งหมด ยกเว้นพริกขี้หนู แล้วเอาไปหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นนำกุ้งชีแฮ้ (หรือจะใช้กุ้งแม่น้ำก็ได้) ไปเผา โดยให้เนื้อกุ้งยังคงเป็นสีชมพูอยู่และอย่าเผาให้สุกเกินไปเพราะจะทำให้ เนื้อกุ้งแข็ง จากนั้นแกะเปลือกกุ้งออก แล้วนำกุ้งไปหั่นเป็นชิ้นใหญ่พอคำ
จากนั้นนำของที่เตรียมไว้ใส่ในชามผสม เติมน้ำต้มสุกลงไปแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย ชิมให้มีรสเปรี้ยว เค็ม และหวาน รวมทั้งมีความหอมและความมัน หลังจากนั้นเอาไปราดบนเส้นขนมจีน โรยหน้าด้วยผักชีตามแต่ชอบ เมื่อทำอาหารจานนี้เสร็จแล้วต้องเสิร์ฟทันที เพราะถ้าเก็บไว้ในตู้เย็นจะเหม็นคาว

เมื่อสมัยผมเป็นเด็ก ขนมจีนที่กินจะมีกระบวนการทำที่ใช้เวลามาก เริ่มจากแช่ปลายข้าวสารทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง แล้วสรงขึ้นใส่กระบุง นำไปผึ่งแดด โดยราดน้ำให้ชุ่มเช้าถึงเย็นทุกวัน เป็นเวลา 3 วัน แล้วนำข้าวที่เปื่อยมาล้าง แกว่งสารส้มให้น้ำใส

หลังจากนั้นเทน้ำทิ้งให้เหลือแต่แป้ง นำแป้งมาใส่ถุงผ้าทับให้น้ำแห้งสนิท แล้วนำแป้งมาคลึงให้เป็นลูกกลม ๆ ขนาดเท่าลูกบอลแล้วนำไปต้ม ใช้เวลาประมาณ 30 นาที นำแป้งที่สุกแล้ว แต่สุกครึ่งหนึ่งนะครับหรือจะเรียกว่าแป้งสุกครึ่งลูกก็ได้ ไปโม่แล้วนำมานวดต่อด้วยมือผสมน้ำอุ่นเล็กน้อยจนกระทั่งได้แป้งพอเหมาะ สำหรับโรยเป็นเส้นขนมจีน




ขั้นตอนต่อไปคือเตรียมต้มน้ำร้อนให้พอเดือด แล้วน้ำแป้งขนมจีนใส่ในภาชนะที่เรียกว่า เฝื่อน เป็นแผ่นทองเหลืองเจาะรูใส่ในถุงผ้า แล้วบีบให้แป้งผ่านรูโรยลงไปในน้ำเดือดเมื่อเส้นขนมจีนสุกจะลอยขึ้นมา นำไปล้างน้ำสะอาด 3 ครั้ง แล้วนำไปแช่น้ำเย็นให้พอสาวเส้นม้วนได้เป็นจับ ๆ   เป็นอย่างไรครับวิธีทำขนมจีนในสมัยก่อนกว่าจะได้กินขนมจีนสักจานหนึ่ง ต้องใช้เวลาทำนานทีเดียว
สำหรับเมนูนี้ลองทำกันดูนะครับ แต่ขอบอกว่าถ้าได้กินกับเส้นขนมจีนสดจะอร่อยคุ้มค่าสมกับการลองทำกินจริง ๆ ครับ.
เครื่องปรุง
-กุ้งชีแฮ้ 500 กรัม
-มะเขือเทศสด 500 กรัม
-หอมแดง 2 ถ้วยตวง
-พริกชี้ฟ้าแดง 9 เม็ด
-พริกชี้ฟ้าเขียว 9 เม็ด
-พริกหยวกเขียว 6 เม็ด
-น้ำต้มสุก 2 ถ้วยตวง
-น้ำปลา 1/2 ถ้วยตวง
-น้ำมะนาว 6 ช้อนโต๊ะ
-น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
-พริกขี้หนู  ตามต้องการ
-ขนมจีน 1 กิโลกรัม
ร้านอาหาร ชวนชิม
วันนี้ผมจะพาไปชิมที่ร้าน ตะลิงปลิง ซึ่งร้านนี้มีหลายสาขา แต่สาขานี้ผมเพิ่งเคยไป อยู่แถวสุขุมวิท โดยเจ้าของร้านใช้บ้านเกิดมาขยายและตกแต่งเป็นร้านอาหารซึ่งมีขนาดใหญ่พอ สมควร ที่จอดรถค่อนข้างกว้างขวาง และมีบริการรถตุ๊ก ๆ รับส่งหน้าปากซอยด้วย
ร้านนี้มีทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง เริ่มเมนูด้วย หอยลายอบเนย เป็นอาหารฝรั่งแต่ทำแบบไทย ๆ เพราะไม่ใช้ขนมปังฝรั่งเศส แต่ใช้ขนมปังกะโหลกของบ้านเรามาทาเนยและกระเทียม แล้วนำไปปิ้ง รสชาติอร่อยดี นอกจากนี้ยังมี ทอดมันกับอาจาด เนื้อทอดมันของเขาเด้งดี รสชาติกลมกล่อม
จานต่อมาเป็น สะตอผัดกุ้ง ซึ่งเป็นอาหารปักษ์ใต้ เขาผัดได้ดีมาก สะตอไม่แก่ และผัดกุ้งไม่สุกเกินไปจนเนื้อแข็ง จากนั้นเป็น สเต๊กเนื้อย่างจิ้มแจ่ว เมนูนี้ทำได้ดีครับ เป็นเนื้อวัวสไลซ์ มีพริกไทยสดและเห็ดราดข้างบน รสชาติดี
ตามมาด้วย ก๋วยเตี๋ยวหลอด เขาม้วนมาแล้วหั่นเป็นคำ ๆ ราดด้วยน้ำยำ รสชาติดีใช้ได้และยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย ส่วน ยอดฝักแม้วผัด ก็ผัดได้กำลังพอดี กรอบอร่อย ยังมี ตำลึงผัดไฟแดง และ ผัดผักรวม ส่วนน้ำพริกเขาก็มีหลายชนิด เช่น น้ำพริกปู น้ำพริกมะขาม น้ำพริกกะปิ และมี ขนมจีนน้ำพริก ที่หากินยาก เขาเอาผักไปชุบแป้งทอด จัดมาเป็นสำรับเลยครับ รสชาติอร่อยทีเดียว
จานเด็ดถัดมาเป็น แกงเขียวหวานเนื้อพริกขี้หนู กินกับโรตี รสชาติดี แผ่นโรตีนุ่ม นอกจากนี้ยังมี แกงป่า ซึ่งเขาทำได้เข้มข้นและเผ็ดพอสมควร ต้องกินกับปลาสลิดทอด รสชาติดีมาก
และที่ผมชอบอีกจานก็คือ พอร์คช็อปย่างกระเทียมพริกไทย ที่เอาไปสไลซ์ เสิร์ฟกับน้ำปลาพริก อร่อยมากครับ หากินยาก ส่วนขนมหวานเป็น เค้กบานอฟฟี่ ทำจากกล้วย ราดซอสทอฟฟี่ นอกจากนั้นยังมีไอศกรีม และขนมไทยอีกหลากหลายชนิด
ร้านนี้กว้างขวาง นั่งสบาย พนักงานเสิร์ฟนำเสนออาหารได้ดีมากและอร่อยจริง ๆ ว่าง ๆ ลองไปชิมกันดูนะครับ.
หมึกแดงไกด์ สำหรับ
ร้านตะลิงปลิง
ความอร่อย    
ความสะอาด   
คุณภาพของวัตถุดิบ   
ราคา 
ที่อยู่  : 25 ซอยสุขุมวิท 34 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทร  : 0-2258-5308 และ 0-2258-5309
เวลาเปิด : 11.00-22.00 น.
หมึกแดง
www.mcdangguide.com


Credit by.. http://www.dailynews.co.th/article/224/208061




แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


พิซซ่าอบสด ช่องทางสร้างธุรกิจ

“พิซซ่า” อาหารอิตาเลียน เป็นอีกหนึ่งอาหารต่างชาติที่เป็นที่นิยมชมชอบของคนไทย ปัจจุบันมีการดัดแปลงทั้งการทำและหน้าตา ในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้ถูกปากคนไทย และ “พิซซ่าอบสด” ก็เป็นอีกหนึ่งในรูปแบบ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลมานำเสนอให้ลองพิจารณากัน...
  
ปิยะวรรณ จิตตาปัญญานุกูล หรือ คุณอ้อ  เจ้าของร้านพิซซ่าอบสด  Pizza Pissie  ย่านถนนพระราม 4 และกำลังจะเปิดเพิ่มอีกสาขาที่ จ.ภูเก็ต เล่าว่า ทำงานในสายร้านอาหารมาตลอด เพราะเป็นกิจการของที่บ้าน และส่วนตัวเป็นคนชอบทานพิซซ่าแบบอบสดมาก อยากจะมีร้านพิซซ่าเป็นของตัวเอง  จึงได้มาเปิดร้านที่ย่านดังกล่าวได้ประมาณ 3 เดือน และกำลังจะขยายสาขาที่บ้านเกิดที่ จ.ภูเก็ต อีกด้วย ซึ่งสูตรการทำพิซซ่านั้นเรียนรู้ด้วยตนเอง และมีหลาย ๆ คนที่ช่วยแนะนำการทำให้ โดยเฉพาะเรื่องแป้งที่เป็นส่วนที่ทำยากที่สุด

“การทำอาหารทุกอย่างจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยาก เพียงขอให้เข้าใจในอาหารแต่ละชนิดว่ามีองค์ประกอบอย่างไร ถ้าทำแบบนี้แล้วจะเป็นอย่างนี้ เท่านี้ก็พอแล้ว พิซซ่าก็เช่นกัน ซึ่งเคล็ดลับอยู่ตรงที่ปั้นแป้งอย่างไรให้กลม และอบพิซซ่าอย่างไรให้สุกพอดี เท่านี้ก็ใช้ได้แล้ว” ปิยะวรรณบอก

อุปกรณ์ในการทำพิซซ่าอบสด หลัก ๆ ก็มี เตาอบพิซซ่า เครื่องนวดแป้ง ตู้เย็น ไม้นวดแป้ง ไม้พายสำหรับใส่พิซซ่าเข้าเตาอบพิซซ่า ตะกร้อตีแป้ง และภาชนะเครื่องครัวเบ็ดเตล็ด




ส่วน แป้งพิซซ่า ถ้าใช้แป้งพิซซ่า 1 กก. ส่วนผสมอื่นหลัก ๆ ประกอบด้วย ยีสต์ 15 กรัม, น้ำตาลทราย 8 กรัม, เกลือ 8 กรัม, น้ำเปล่า 490 กรัม และน้ำมันพืช 10 กรัม

วิธีปั้นแป้ง นำส่วนผสมทั้งหมดมานวดให้เข้ากัน อาจจะนวดด้วยมือ หรือนวดด้วยเครื่องนวดแป้งก็ได้หากต้องนวดในปริมาณมากกว่านี้ นวดจนแป้งเข้ากันดี แล้วนำแป้งมาปั้นเป็นก้อนกลมก้อนละ 80 กรัม จากนั้นพักไว้ไนตู้เย็น เมื่อจะใช้ก็ให้นำมานวดอีกครั้ง

สำหรับ ซอสทาหน้าพิซซ่า ประกอบด้วย มะเขือเทศสดประมาณ 70%, น้ำมันมะกอก 20% ส่วนที่เหลืออีก 10% นั้นเป็นส่วนของเกลือ น้ำตาลทราย พริกป่น และออริกาโน่ ซึ่งเป็นส่วนของการปรุงรส

วิธีทำซอส นำมะเขือเทศมาต้มให้สุก แล้วนำมะเขือเทศมายีให้เละด้วยตะกร้อตีแป้ง ใส่น้ำมันมะกอกลงไป และปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลทราย พริกป่น และออริกาโน่ ชิมรสให้อร่อยกลมกล่อม มีทุกรสชาติ เท่านี้ก็ใช้ได้ 
ต่อด้วย เครื่องแต่งหน้าหน้าพิซซ่า ที่คุณอ้อใช้มี  14 อย่างคือ สับปะรด, พริกยักษ์, เห็ดโคนญี่ปุ่นต้ม, มะกอก, ผักโขม, หอมหัวใหญ่, แฮม, ไส้กรอก, เบคอน, ทูน่า, ปูอัด, กุ้งต้ม, มอสเซอ เรร่าชีส และออริกาโน่     
วิธีทำขาย เริ่มจากนำแป้งพิซซ่าที่ปั้นไว้ออกมา ทำการปั้นอีกรอบ ซึ่งเรียกขั้นตอนนี้ว่าการขึ้น “โด” จากนั้นนำแป้งไปรีดด้วยเรื่องรีดแป้งให้บางและกลม โดยจะต้องรีดแป้งให้กว้าง หรือมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้ว จากนั้นตักซอสพิซซ่าใส่ลงไปในแป้งพอประมาณ ทาให้ทั่ว ๆ ไม่หนาและไม่บางเกินไป

ต่อไปก็โรยหน้าด้วยเครื่องแต่งหน้าหน้าพิซซ่า ซึ่งถ้าเป็นแบบดั้งเดิม หรือ มาร์เกริต้า (Margherita Pizza) จะสามารถใส่หน้าได้ 3 อย่าง หากจะเพิ่มก็สุดแท้แต่ ส่วนหน้ายอดนิยมที่คนสั่งบ่อยคือ ฮาวายเอี้ยน ซึ่งจะมีแฮมและสับปะรด และอีกหน้าคือ ผักโขมและเบคอน ซึ่งก่อนจะใส่หน้าลงไปนั้น จะต้องโรยด้วยมอสเซอเรร่าชีสพอประมาณเสียก่อน แล้วจึงค่อย ๆ แต่งหน้าพิซซ่าเครื่องดังที่กล่าวมา จากนั้นโรยด้วยออริกาโน่ปิดท้าย ก่อนที่จะนำเข้าเตาอบ

การอบของคุณอ้อเตาจะเป็นแบบที่ใช้ถ่าน และแก๊ส ใช้เวลาอบพิซซ่าประมาณ 5-10 นาที คอยดูว่าแป้งสุกดีก็ใช้ได้ นำออกมาตัดเป็นชิ้น ๆ ให้ได้ 8 ชิ้น เสิร์ฟพร้อมกับซอสมะเขือเทศ, พริกป่น, พริกไทย และออริกาโน่

ตามสูตรนี้จะขายในราคาชุดละหรือถาดละ 60 บาท ซึ่งพิซซ่าจะมีต้นทุนชุดละประมาณ 70%
  
สนใจ “พิซซ่าอบสด”  ของคุณอ้อ-ปิยะวรรณ ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-9470-3030 หรือทางอีเมล piyawan2554@hotmail.com ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบ “ช่องทางทำกิน” ที่สามารถพัฒนาเป็นธุรกิจที่มีอนาคตได้.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : เรื่อง/วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์ : ภาพ

Credit by..http://www.dailynews.co.th/article/384/205425


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


เมี่ยงบัวหลวง 1 คำ..สารพัดประโยชน์

“เมี่ยงคำ” เป็นอาหารว่างของไทยที่ได้รับความนิยมมายาวนาน นอกจากจะอร่อยแล้ว เมื่อลองแยกส่วนประกอบในเมี่ยงคำก็จะพบว่ามีแต่อาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่าง กาย ในเมี่ยงคำหนึ่งคำประกอบไปด้วยสมุนไพรนานาชนิดที่ใช้เป็นเครื่องเคียง เช่น มะนาว มะพร้าวคั่ว หอมแดง พริกขี้หนู ขิง ส่วนใบเมี่ยงที่ใช้ห่อโดยทั่วไปจะใช้ใบชะพลูหรือใบทองหลางที่อุดมไปด้วย แคลเซียมและมีกากใยสูง แต่ทั้งนี้ วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอข้อมูล “เมี่ยงบัวหลวง” ซึ่งก็น่าสนใจเช่นกัน…

ผู้ที่จะมาให้ข้อมูลเรื่องนี้คือ ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม ผู้คิดค้น “เมี่ยงบัวหลวง” ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำ สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี โดย ผศ.พงษ์ศักดิ์ เล่าให้ฟังถึงที่มาของการคิดค้นเมนูชูสุขภาพนี้ว่า เมื่อเอ่ยถึง “บัว” หลายคนอาจคิดถึงการใช้ดอกบัวสำหรับไหว้พระเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วมีผลงานการวิจัยจากต่างประเทศที่ได้ศึกษาเฉพาะด้านเกี่ยวกับบัว พบว่า กลีบบัวมีสรรพคุณบำรุงร่างกาย ห้ามเลือด อีกทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เมล็ดหรือเม็ดบัวบำรุงกำลัง ทำให้นอนหลับดีและแก้ไข้ เกสรบัวเป็นยาสมานแผลในร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท และส่วนที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจและสำคัญที่สุดคือ ดีบัว เวลากินจะมีรสชาติขม แต่มีคุณสมบัติสามารถขยายหลอดเลือดในหัวใจได้

“วิธีทำเมี่ยงบัวหลวงนั้นง่าย ๆ เหมาะทำรับประทานในครัวเรือน เหมาะกับผู้รักษาสุขภาพและต้องการไฟเบอร์สูง อีกทั้งเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าดอกบัวหลวงที่มีมากในจังหวัดปทุมธานี และช่วยเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง” ผศ.พงษ์ศักดิ์ระบุ



 อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำ หลัก ๆ ก็เป็นเครื่องมือเครื่องไม้ที่ใช้กันอยู่ในครัวเรือนทั่วไป สามารถหยิบยืมมาใช้ได้

ส่วนผสม “น้ำเมี่ยง” ประกอบด้วย...น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย, น้ำตาลทราย 1 ถ้วย, น้ำสะอาด 1/2 ถ้วย, น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ, รากผักชีคั่วโขลก 1 ช้อนชา, กะปิเผา 1/2 ช้อนชา, ข่าคั่วโขลก 1 ช้อนชา หรือมาก-น้อยตามชอบ

เครื่องเคียงที่ใช้ในการทำเมี่ยง ก็มี...มะพร้าว, ถั่วลิสง, กุ้งแห้ง, มะนาว, ขิงแก่, พริกขี้หนูสด, หอมแดง และขาดไม่ได้คือ ดอกบัวหลวงปทุมธานี (เกสร, เม็ดบัว, กลีบดอก)

ขั้นตอนการทำ “เมี่ยงบัวหลวง” เริ่มจากการทำน้ำเมี่ยงก่อน โดยการนำเอาส่วนผสมทั้งหมด คือน้ำตาลปี๊บ น้ำสะอาด น้ำปลา รากผักชีคั่วโขลก กะปิเผา ข่าคั่วโขลก ใส่รวมกันลงไปในหม้อแล้วยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยว โดยใช้ไฟอ่อนกำลังดี ทำการเคี่ยวไปเรื่อย ๆ ขณะเคี่ยวน้ำเมี่ยงควรใช้ทัพพีหมั่นคนตลอดเวลาเพื่อป้องกันการไหม้ การเคี่ยวน้ำเมี่ยงต้องมีความอดทนพอสมควร เพราะการเคี่ยวนั้นต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมง น้ำเมี่ยงถึงจะส่งกลิ่นหอมหวนชวนรับประทาน

ระหว่างที่เคี่ยวน้ำเมี่ยง ก็เตรียมเครื่องเมี่ยงหรือเครื่องเคียงไปด้วย นำมะพร้าวที่เตรียมไว้มาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ คั่วให้เหลืองหอม ถั่วลิสงนำมาคั่วแล้วเลาะเอาเปลือกออก ใส่ถุงหรือภาชนะที่มีฝาปิดแน่น (กันลมเข้า) เตรียมไว้ พวกมะนาว ขิง หอมแดง และพริกขี้หนูสด นำมาล้างให้สะอาด และสะเด็ดน้ำ แล้วหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าหรือตามความเหมาะสม

ส่วนดอกบัวหลวงที่ใช้ในการห่อเมี่ยงนั้น ทำการล้างทำความสะอาดโดยมีเทคนิคคือ นำน้ำใส่ลงไปในกะละมัง ผสมเกลือเล็กน้อย (จะได้ความสะอาดและความสด) เด็ดเอาส่วนของเกสรและเม็ดบัวเก็บไว้ก่อน เด็ดกลีบดอกบัวลงล้างทีละกลีบ เมื่อล้างเสร็จแล้วก็นำมาวางให้สะเด็ดน้ำ เตรียมไว้

สำหรับน้ำเมี่ยง เมื่อเคี่ยวได้ที่ดีแล้วก็ยกลงจากเตาตั้งไว้ให้เย็น (น้ำเมี่ยงจะต้องมีลักษณะที่ไม่ใส-ไม่ข้นเกินไป) ตักน้ำเมี่ยงใส่ถ้วย จัดเรียงเตรียมไว้กับเครื่องเมี่ยงให้เรียบร้อย เมื่อจะรับประทานก็หยิบกลีบของดอกบัวหลวงมาใส่เครื่องเมี่ยง ใส่มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสงคั่ว เม็ดบัว กุ้งแห้ง มะนาวหั่น ขิงหั่น หอมแดงหั่น ขิงหั่น และใส่เกสรบัวลงไปด้วย จากนั้นตักน้ำเมี่ยงราดและห่อเป็นคำพอดี รับประทานเหมือนกับการรับประทานเมี่ยงคำทั่วไป แต่จะได้ความหอมจากดอกบัว และรสชาติที่กลมกล่อมจากน้ำเมี่ยง พร้อมคุณค่าทางโภชนาการมากมาย

เคล็ดลับความหอมอร่อยของ “เมี่ยงบัวหลวง” นั้น ผศ.พงษ์ศักดิ์บอกว่า อยู่ที่ดอกบัวหลวงและเกสร ควรเลือกดอกที่กำลังจะบาน เพราะจะได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ และหัวใจสำคัญอีกอย่างคือน้ำเมี่ยงที่เคี่ยวจนได้กลิ่นหอมและรสชาติดี

ทั้งนี้ การลงทุนขายเมี่ยงบัวหลวงนั้น ไม่ต้องใช้เงินมาก แต่ต้องทำใจกับการเตรียมของที่จุกจิก ทั้งน้ำเมี่ยง และเครื่องเคียง ต้องจัดเป็นชุด ๆ กะปริมาณให้มีความเหมาะสมกับราคาขายซึ่งสุดแท้แต่จะตั้ง แต่ทั้งนี้ก็ควรให้มีกำไรเป็นค่าแรงประมาณ 50% จากราคาขาย จึงจะสมน้ำสมเนื้อกับการทำที่มีขั้นตอนค่อนข้างจุกจิก
ใครสนใจเรื่อง “เมี่ยงบัวหลวง” ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม อาจารย์ประจำสาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี ติดต่อได้ที่ โทร. 08-9600-0993 ซึ่ง ผศ.พงษ์ศักดิ์บอกว่า ยินดีให้ข้อมูล เพราะอยากให้คนไทยช่วยกันอนุรักษ์อาหารแบบไทย ๆ ไว้นาน ๆ ค่ะ!!.
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง/สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

Credit by..http://www.dailynews.co.th/article/384/206972


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


ข้าวซอยตัด ทำได้..ขายดี..มีธุรกิจ

“ข้าวซอยตัด“ เป็นขนมทางเหนือ เป็นขนมหวานทานเล่น หรือทานกับชากาแฟก็ได้ ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ทีม ’ช่องทางทำกิน“ ร่วมคณะบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)–เซเว่น อีเลฟเว่น ไปเยี่ยมชมศูนย์กระจายสินค้าที่ จ.ลำพูน และเยี่ยมชมกิจการ หจก.ชัยสิทธิ์ ฤทธา ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ข้าวซอยตัด “ปลาทอง” จ.เชียงใหม่ ก็ได้ข้อมูล “ข้าวซอยตัด” มาฝากกัน...
   
ปัญญา สุขสภา ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ข้าวซอยตัด “ปลาทอง” เล่าว่า ขนม “ข้าวซอยตัด” หรือภาษาจีนเรียกว่า “ซาฉี๋หม่า” ที่แปลว่า “ขนมแป้งทอด” เป็นขนมหวาน เดิมเป็นอาหารว่างของเผ่าแมนจู ข้าวซอยตัดทำจากเส้นหมี่ นำไปทอดจนสุก แล้วชุบด้วยน้ำตาล ซึ่งหลายคนคิดว่าขนมข้าวซอยตัดเป็นขนมประจำท้องถิ่นอยู่ในภาคเหนือของประเทศ แต่ที่จริงแล้วขนมชนิดนี้มีวางจำหน่ายหลายประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เวียดนาม รสชาติก็แตกต่างกันไป

ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ข้าวซอยตัดรายนี้เล่าต่อไปว่า เดิมนั้นเริ่มจากการทำข้าวซอยตัดขายเป็นธุรกิจเล็ก ๆ ในครัวเรือน ทำขายกับภรรยา 2 คน ตอนนั้นเห็นว่าข้าวซอยตัดยังไม่ค่อยมีขายในบ้านเรา ก็เลยอยากจะลองทำขาย ภรรยาก็ไปเรียนรู้วิธีการทำ จากนั้นก็มาเริ่มหัดทำ ลองผิดลองถูกอยู่ประมาณ 1 ปี กว่าที่จะได้สูตรและวัตถุดิบที่ลงตัวในการทำ ข้าวซอยตัดที่ไม่อมน้ำมัน แล้วก็เริ่มทำขาย ตอนนั้นก็ทำใส่ถาดขนมแล้วตัดเป็นชิ้น ๆ ขายชิ้นละ 1 บาท ยังไม่มีแบรนด์ เริ่มจากการทำแจกตามโรงเรียนให้นักเรียนชิม เพื่อให้เป็นที่รู้จักก่อน แล้วก็ทำขายมาเรื่อยจนเป็นที่รู้จักและคนเริ่มนิยมกันมาก

จากนั้นก็พัฒนาตัวสินค้ามาเรื่อย ๆ จนขยายทำเป็นโรงงาน ใช้เครื่องมือเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาช่วยในการผลิต แต่ยังคงรสชาติเดิม และใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ โรงงานได้รับใบอนุญาตผลิตอาหาร หนังสือรับรองฮาลาล และ GMP




ปัญญาบอกว่า ปัจจุบันข้าวซอยตัดที่ทำอยู่นั้นมีอยู่ 2 แบรนด์ คือตรา “ปลาทอง” และตรา “กิตติตะวัน” ซึ่งส่งขายตามร้านขายของฝาก และล่าสุดได้เข้าไปวางขายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ด้วย

“ข้าวซอยตัดที่ดีจะต้องมีน้ำหนักเบา เพราะถ้าหนักก็แสดงว่าข้าวซอยตัดนั้นอมน้ำมัน และที่สำคัญขนมจะต้องไม่ติดฟัน หากกินแล้วติดฟัน แสดงว่าใช้วัตถุดิบที่ไม่มีคุณภาพมาทำ” ปัญญากล่าว

ขนมข้าวซอยตัดนั้น ดูวิธีการทำแล้วเหมือนไม่ยาก แต่ถ้าลองทำแล้วก็จะรู้ว่าไม่ง่ายนัก ต้องใช้ความอดทด ความชำนาญ ประสบการณ์ในการทำ อย่างไรก็ดี สำหรับขนมข้าวซอยตัดนี้ ถ้าทำเป็น ทำได้ ก็สามารถขายได้แน่

และต่อไปนี้เป็นสูตรการทำขนมข้าวซอยตัดขายเป็นธุรกิจเล็ก ๆ ตามตลาดนัดหรือแหล่งท่องเที่ยว

อุปกรณ์ในการทำที่สำคัญ ๆ ก็จะเป็นพวกอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน อย่างหม้อ, กะละมัง, ถาดใส่ขนม, เตาแก๊ส, ไม้รีดแป้ง เป็นต้น ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ทำ ตามสูตรมีดังนี้คือ... แป้งสาลี 2 กิโลกรัม, ไข่ไก่ 30 ฟอง, น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม, น้ำสะอาด 1.5 ลิตร

วิธีทำ...เริ่มจากเตรียมแป้งทำเส้นข้าวซอยก่อน โดยนำแป้งสาลี 2 กิโลกรัม ใส่ในกะละมัง ตอกไข่ไก่ผสมลงไปในแป้ง นวดผสมให้แป้งเข้ากับไข่ไก่เป็นเนื้อเดียวกัน จนแป้งเหลืองและมีความเหนียวนุ่ม แล้วก็นำแป้งที่นวดใส่ถุงพลาสติก นำไปเก็บไว้ในตู้เย็นเป็นการหมักแป้งประมาณ  3 ชั่วโมง แป้งที่หมักไว้นี้ ถ้าใช้ได้แล้วแป้งจะมีลักษณะนิ่ม เนื้อแป้งจะหนืด ๆ ให้ทดลองตัดแป้งมาลองทอดในน้ำมันดูก่อนเล็กน้อย ถ้าแป้งลงไปในน้ำมันที่ร้อนแล้วฟูขึ้นมา แสดงว่าแป้งนั้นใช้ได้แล้ว

เมื่อแป้งที่หมักไว้ได้ที่ ก็นำออกมาจากตู้เย็น ตัดแป้งเป็นก้อนพอดี ๆ ใช้ไม้นวดแป้งกลิ้งนวดแป้งให้เป็นแผ่นให้ได้ความหนาประมาณเส้นก๋วยเตี๋ยว จากนั้นก็ตัดให้เป็นเส้น ๆ พอประมาณ นำแป้งที่ตัดเป็นเส้นข้าวซอยลงทอดในน้ำมัน โดยใช้ไฟแรงในการทอด นำเส้นลงทอดไม่นานก็ตักขึ้น เพื่อไม่ให้เส้นอมน้ำมันมาก นำขึ้นพักไว้ให้เส้นสะเด็ดน้ำมัน

ต่อไปเตรียมน้ำเชื่อม โดยนำน้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม ใส่ในน้ำสะอาด 1.5 ลิตร ตั้งเคี่ยวบนเตาไฟจนน้ำตาลละลายก็จะได้น้ำเชื่อม จากนั้นก็นำเส้นข้าวซอยที่ทอดเตรียมไว้ใส่ลงในน้ำเชื่อม ทำการคลุกให้น้ำเชื่อมซึมเข้าเส้นข้าวซอยจนทั่ว แล้วก็ตักใส่ถาดกดอัดให้แน่น นำเข้าแช่ในตู้เย็นให้ขนมแข็งตัว แล้วก็นำออกมาตัดเป็นชิ้น ๆ ตามขนาดที่ต้องการการทำขนม “ข้าวซอยตัด” ขายเป็น “ช่องทางทำกิน” โดยทำแบบเล็ก ๆ อาจจะขายราคาชิ้นละ 5-10 บาท แล้วแต่ต้นทุนต่าง ๆ ซึ่งการลงทุนในส่วนของการซื้ออุปกรณ์ในการทำขนมข้าวซอยตัดขายนั้น อยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท

ทั้งนี้ สำหรับขนมข้าวซอยตัดของ หจก.ชัยสิทธิ์ ฤทธา ตรา “ปลาทอง” จะมีรสดั้งเดิม รสน้ำอ้อย วางขายใน เซเว่น อีเลฟเว่น ส่วนตรา “กิตติตะวัน” ที่วางขายทั่วไปจะมีรสดั้งเดิม, รสสตรอเบอรี่, รสน้ำอ้อย, รสอัลมอนด์
   
สำหรับผู้ที่สนใจ ’ข้าวซอยตัด“ ของ หจก.ชัยสิทธิ์ ฤทธา ผู้ประกอบการรายนี้ มีที่ตั้งอยู่ที่ 1/3 หมู่ 7 ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ต้องการสั่งออร์เดอร์ไปจำหน่ายต่อ ติดต่อได้ที่ โทร. 08-3209-1448, 0-5344-6939.
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน

Credit by..http://www.dailynews.co.th/article/384/206700



แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.