สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

อาหารพื้นบ้านภาคใต้

อาหารพื้นบ้านภาคใต้มีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ สืบเนื่องจากดินแดนภาคใต้ 

เคยเป็นศูนย์กลางการเดินเรือค้าขายของพ่อค้าจากอินเดีย จีนและชวาในอดีต ทำใหวัฒนธรรม ของชาวต่างชาติโดยเฉพาะอินเดียใต้ ซึ่งเป็นต้นตำรับในการใช้เครื่องเทศปรุงอาหารได้เข้ามามีอิทธิพลอย่างมาก
           อาหารพื้นบ้านภาคใต้ทั่วไป มีลักษณะผสมผสานระหว่างอาหารไทยพื้นบ้านกับอาหารอินเดียใต้ เช่น น้ำบูดู ซึ่งได้มาจากการหมักปลาทะเลสดผสมกับเม็ดเกลือ และมีความคล้ายคลึงกับอาหารมาเลเซีย อาหารของภาคใต้จึงมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่น ๆ และด้วยสภาพภูมิศาสตร์อยู่ติดทะเลทั้งสองด้านมีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ แต่สภาพอากาศร้อนชื้น ฝนตกตลอดปี อาหารประเภทแกงและเครื่องจิ้มจึงมีรสจัด ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ป้องกันการเจ็บป่วยได้อีกด้วย
           เนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงเป็นอาหารส่วนมากนิยมสัตว์ทะเล เช่น ปลากระบอก ปลาทู ปูทะเล กุ้ง หอย ซึ่งหาได้ในท้องถิ่น อาหารพื้นบ้านของภาคใต้ เช่น แกงเหลือง แกงไตปลา นิยมใส่ขมิ้นปรุงอาหารเพื่อแก้รสคาว เครื่องจิ้มคือน้ำบูดู 
           อาหาร ของภาคใต้จะมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่นๆ แกงที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ คือ แกงเหลือง แกงไตปลา เครื่องจิ้มก็คือ น้ำบูดู และชาวใต้ยังนิยมนำน้ำบูดูมาคลุกข้าวเรียกว่า "ข้าวยำ" มีรสเค็มนำและมีผักสดหลายชนิดประกอบ อาหารทะเลสดของภาคใต้มีมากมาย ได้แก่ ปลาหอยนางรม และกุ้งมังกร เป็นต้น        


อาหารไทยภาคใต้
          อาหารของภาคใต้จะมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่นๆ แกงที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ คือ แกงเหลือง แกงไตปลา เครื่องจิ้มก็คือ น้ำบูดู และชาวใต้ยังนิยมนำน้ำบูดูมาคลุกข้าวเรียกว่า "ข้าวยำ" มีรสเค็มนำและมีผักสดหลายชนิดประกอบ อาหารทะเลสดของภาคใต้มีมากมาย ได้แก่ ปลาหอยนางรม และกุ้งมังกร เป็นต้น

         เม็ดเหรียง เป็น คำเรียกของคนภาคใต้ มีลักษณะคล้ายถั่วงอกหัวโต แต่หัวและหางใหญ่กว่ามาก สีเขียว เวลาจะรับประทานต้องแกะเปลือกซึ่งเป็นสีดำออกก่อน จะนำไปรับประทานสดๆ หรือนำไปผัดกับเนื้อสัตว์  หรือนำไปดองรับประทาน
กับแกงต่างๆ หรือกับน้ำพริกกะปิ หรือ กับหลนก็ได้



        ลูกเนียง  มีลักษณะกลม เปลือกแข็งสีเขียวคล้ำเกือบดำ ต้องแกะเปลือกนอก แล้วรับประทานเนื้อใน ซึ่ง มีเปลือกอ่อนหุ้มอยู่ เปลือกอ่อนนี้จะลอกออกหรือไม่ลอกก็ได้แล้วแต่ความชอบ ใช้รับประทานสดๆ กับน้ำพริกกะปิ หลนแกงเผ็ด โดยเฉพาะแกงไตปลา ลูกเนียงที่แก่จัดใช้ทำเป็นของหวานได้ โดยนำไปต้มให้สุกแล้วใส่มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย และน้ำตาลทรายคลุกให้เข้ากัน


         ฝักสะตอ มีลักษณะเป็นฝักยาว สีเขียว เวลารับประทานต้องปอกเปลือกแล้วแกะเม็ดออก ใช้ทั้งเม็ดหรือนำมาหั่น ปรุงอาหารโดยใช้ผัดกับเนื้อสัตว์หรือใส่ในแกง นอกจากนี้ยังใช้ต้มกะทิรวมกับผักอื่นๆ หรือใช้เผาทั้งเปลือกให้สุก แล้วแกะเม็ดออกรับประทานกับน้ำพริก หรือจะใช้สดๆ โดยไม่ต้องเผาก็ได้ ถ้าต้องการเก็บไว้นานๆ ควรดองเก็บไว้
อาหารพื้นบ้านภาคใต้ที่มีชื่อเสียง เช่น แกงไตปลาน้ำข้น


เครื่องปรุง

ปลาสำลีหรือปลาโอ 1 ตัว
ไตปลาอย่างดี 1/4 ถ้วย
น้ำมะขามเปียกนิดหน่อย
ใบมะกรูด 5-6 ใบ


วิธีทำ

1. ทำความสะอาดปลา ควักไส้ออก แล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ 
จากนั้นนำไปย่างให้สุกแห้ง แล้วแกะเอาแต่เนื้อ
2. นำน้ำ 2 ถ้วยใส่หม้อเคลือบ ตั้งไฟ พอน้ำเดือดพล่าน ใส่ไตปลาลงไป 
ปล่อยให้เดือดสักครู่ จึงยกลงกรองเอาแต่น้ำ แล้วนำขึ้นตั้งไฟใหม่
3. ใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไป พอหอม ใส่เนื้อปลาย่าง คนให้ทั่ว 
ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก (ถ้าชอบอาจตัดรสด้วยน้ำตาลปึกนิดหน่อย) 
พอเดือดอีกครั้ง ใส่ใบมะกรูดฉีก แล้วยกลง เสิร์ฟพร้อมผักสด
เครื่องแกง
ขมิ้น 1 แง่งเล็ก ๆ
ข่าหั่นตามขวาง 5 - 7 แว่น
ตะไคร้ซอยละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
ผิวมะกรูดซอยละเอียด 1/2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง 2 หัว
กระเทียม 1 หัว
พริกขี้หนูสดสีเขียวและสีแดง 20 เม็ด
พริกขี้หนูแห้ง 10 - 15 เม็ด
พริกไทย 1 ช้อนชา
กะปิ 1/ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด

เครื่องปรุง
ออกดิบ (ต้นคูน) 3 ก้าน (300กรัม)
ปลา 300 กรัม
ส้มแขก/มะนาว 10 ชิ้น
พริกขี้หนูแห้ง 30 เม็ด (30 กรัม)
ขมิ้น 1 นิ้ว (15 กรัม)
กระเทียม 2 หัว (20 กรัม)
เกลือ 1 ช้อนชา (8 กรัม)
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)
น้ำตาล 1 ช้อนชา (8 กรัม)
วิธีทำ
1. ล้างปลาให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นขนาด 2 นิ้ว
2. ลอกเปลือกคูนออก หั่นตามขวางเป็นท่อนสั้นพอคำ ล้างให้หมดทราย
3. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด
4. ใส่น้ำในหมอแกงประมาณ 3 ถ้วย นำเครื่องแกงที่โขลกไว้แล้วคนให้ละลาย ตั้งไฟให้เดือด ใส่ต้นคูนให้เดือด ใส่ส้มแขก (ทำให้มีรสเปรี้ยว) หากไม่มีส้มแขกอาจใช้น้ำมะนาวหรือมะขามแทนได้ ใส่ปลาเนื้อปลาสุก ปรุงรสตามชอบ แกงส้มออกดิบมักจะมีรสเปรี้ยวนำ


แกงหมูกับลูกเหรียง



เครื่องปรุง
เนื้อหมูหั่นบาง 1 กิโลกรัม
ลูกเหรียงเด็ดหางออก  500 กรัม
มะพร้าวขูด      1 กิโลกรัม
น้ำตาลปีบ       1 ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนชา
เครื่องแกง
พริกขี้หนูสด    50 เม็ด
หอมแดงซอย   4 หัว
กระเทียม         1 หัว
ข่าหั่นละเอียด  5 แว่น
ตะไคร้หั่นฝอย 3-4 ต้น
ขมิ้นหั่นยาว 1 นิ้ว        1 ชิ้น
พริกไทยเม็ด    2 ช้อนชา
เกลือป่น          1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 1 ถ้วย และหางกะทิ 3 ถ้วย
2. ใส่หางกะทิลงใสหม้อ ตั้งไฟพอเดือด ใส่น้ำพริกแกงที่ โขลกคนให้ละลาย ใส่เนื้อหมู
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล พอหมูสุก ใส่ลูกเหรียง หัว กะทิ ต้มต่อสักครู่ ปิดไฟ ยกลง
4. ตักใส่ชาม เสิร์ฟ

เครื่องปรุง
สะตอนำมาแกะเอาเม็ด ประมาณ 1 ถ้วย
หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นๆ ประมาณ 15 ชิ้น
กะปิอย่างดี ประมาณ 1-2 ช้อน
พริกชี้ฟ้าหั่นยาวๆ ประมาณ 4-5 เม็ด
หอมแดงหั่นหยาบ ประมาณ 3-4 หัว
กระเทียมปอก ประมาณ 7-8 กลีบ
น้ำตาล ประมาณ 1-2 ช้อน
น้ำมะนาว ประมาณ 1-2 ช้อน
น้ำปลา และน้ำมันพืช
วิธีทำ
1. นำหอม กระเทียมมาโขลกรวมกันกับกะปิให้ ละเอียด ตักมาพักไว้ก่อน
2. กระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพืชลงไปพอสมควร
3. ใส่หอมกระเทียมและกะปิที่โขลกลงไปผัดใน กระทะให้หอม แล้ว จึงใส่หมูที่หั่นแล้วลงไปผัดให้เข้ากัน
4. แล้วใส่เม็ดสะตอที่แกะเตรียมเอาไว ผัดรวม กันในกระทะ
5. ใส่น้ำปลา น้ำตาล และ น้ำมะนาว ปรุงรส และผัดให้พอสะตอสุก
6. ก่อนยกลง ให้ใส่พริกชี้ฟ้าหั่นยาวลงไปและ ตักไปรับประทานได้

ข้าวยำ

     ข้าวยำปักษ์ใต้ เป็นอาหารที่เชื่อว่าทุกคนต้องเคยลิ้มลองกันมาบ้างแล้ว เพราะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของชาวใต้จนดูเหมือนจะกลายเป็นสัญลักษณ์อาหารปักษ์ใต้อีกเมนูหนึ่ง
     ข้าวยำของชาวใต้ จะอร่อยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับน้ำบูดูเป็นสำคัญ น้ำบูดูมีรสเค็ม แหล่งที่มีการทำน้ำบูดูมากคือจังหวัดยะลาและปัตตานี เวลานำมาใส่ข้าวยำต้องเอาน้ำบูดูมาปรุงรสก่อน จะออกรสหวานเล็กน้อยแล้วแต่ความชอบ น้ำบูดูของชาวใต้มีกลิ่นคาวของปลา เพราะทำมาจากปลา กลิ่นคล้ายของทางภาคอีสาน แต่กลิ่นน้ำบูดูจะรุนแรงน้อยกว่า เนื่องจากน้ำบูดูมีรสเค็ม ชาวใต้จึงนำมาใส่อาหารแทนน้ำปลา
เครื่องปรุง
ข้าวสวย 60 กรัม หรือ 1/2 ถ้วย 
กุ้งแห้งป่น 45 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ
มะพร้าวหั่นฝอย คั่วจนเหลืองกรอบ 45 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูคั่วป่น 15 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
ผักถั่วงอกเด็ดหาง 25 กรัม หรือ 1/3 ถ้วย 
ตะไคร้หั่นฝอย 30 กรัม หรือ 2 ช้อนโต๊ะ 
ใบมะกรูดอ่อนหั่นฝอย 15 กรัม หรือ 1 ช้อนโต๊ะ 
มะม่วงดิบสับหั่นเส้นเล็ก 30 กรัม หรือ 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วฝักยาวหั่นฝอย 45 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ 
มะนาว 1 ลูก 
เครื่องปรุงน้ำบูดู
น้ำบูดู 45 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ 
น้ำ 1 ถ้วยครึ่ง 
ปลาอินทรีย์เค็ม 10 กรัม หรือ 1 ชิ้น 
น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม หรือ 1 ถ้วย 
หอมแดงทุบพอแตก 300 กรัม
ตะไคร้หั่นท่อนสั้น 40 กรัม หรือ 1 ต้น 
ใบมะกรูดฉีก 7 กรัม หรือ 3 ใบ 
ข่ายาว 1 นิ้ว 
ทุบพอแตก 5 กรัม หรือ 1 ชิ้น 
วิธีทำ
1. ทำน้ำบูดูโดยการต้มปลาอินทรีย์จนเปื่อย แกะเอาแต่เนื้อใส่หม้อ เติมน้ำบูดู น้ำ แล้วตั้งไฟ
2. ใส่หอม ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูดฉีก น้ำตาลปี๊บ ต้มต่อจนน้ำบูดูข้น ชิมให้รสเค็มนำหวาน ยกลง
3. จัดเสริ์ฟโดยตักข้าวใส่จาน ใส่มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้งป่น และผักทั้งหมดใส่อย่างละน้อย พอคลุกรวมกันแล้วจะมากยิ่งขึ้น ราดน้ำบูดู ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว เคล้าให้เข้ากันดีรับประทานได้
ประโยชน์ทางอาหาร
      ข้าวยำปักษ์ใต้ที่ปรุงสำเร็จแล้วจะออกรสหลายรสด้วยกัน ได้แก่ รสมันของมะพร้าว รสเปรี้ยวจากมะม่วงดิบและน้ำมะนาว รสเค็มหวานจากน้ำบูดู รสเผ็ดของพริกป่น เรียกว่าเป็นอาหารที่บำรุงธาตุก็ไม่ผิดนัก
น้ำพริกระกำ



น้ำพริกระกำนับเป็นอาหารที่นิยมอย่างหนึ่งในช่วงฤดูร้อน ขณะที่มะนาวขาดแคลน ระกำซึ่งเป็นผลไม้พื้นเมืองก็ออกผล คนใต้จึงนิยมประยุกต์ใช้รสเปรี้ยวจากระกำแทนมะนาว นำมาทำน้ำพริกรับประทานกับผักต่าง น้ำพริกระกำจะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากจะมีรสชาติเปรี้ยวเค็มหวานอย่างกลมกล่อมแล้ว ยังมีกลิ่นหอมของระกำเจืออยู่ด้วย คนใต้นิยมรับประทานคู่กับลูกเนียงซึ่งมีกลิ่นฉุน เมื่อรับประทานคู่กันยิ่งทำให้เพิ่มรสชาติในการรับประทานยิ่งขึ้น นับเป็นของคู่กันเลยทีเดียว 
เครื่องปรุง
ระกำปอกเปลือกขูดเอาแต่เนื้อ 300 กรัม 
กะปิ 10 กรัม 
กุ้งแห้ง 40 กรัม 
กระเทียม 5 กรัม 
พริกขี้หนู 15 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
น้ำตาลทราย 150 กรัม 
วิธีทำ
1. ใช้ใบตองห่อกะปิย่างไฟให้หอม
2. โขลกกะปิ กระเทียม กุ้งแห้ง พริกขี้หนู น้ำตาลทราย
3. ใส่ระกำ โขลกให้เข้ากัน
4. เสริ์ฟพร้อมผักเหนาะ เช่น ถั่วฝักยาว, สะตอ, กระถิน เป็นต้น
ประโยชน์ทางอาหาร
   น้ำพริกระกำ เป็นน้ำพริกที่เพิ่มรสชาติของผักเหนาะให้รับประทานได้มากยิ่งขึ้น การรับประทานผักมาก และหลายชนิด ช่วยให้ร่างกายได้คุณค่าทางอาหารรวมตลอดถึงวิตามินครบถ้วน
ไก่ต้มขมิ้น


เครื่องปรุง
ไก่บ้าน 100 กรัม หรือ 1 ตัว
ตะไคร้ 30 กรัม หรือ 2 ต้น 
ขมิ้น 10 กรัม หรือ 2 นิ้ว 
หอมแดง 45 กรัม หรือ 5 หัว 
กระเทียม 30 กรัม หรือ 3 หัว 
ข่า 50 กรัม หรือ 7 แว่น 
เกลือป่น 5 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
ส้มแขก 5 กรัม หรือ 5 ชิ้น 
วิธีทำ
1. ล้างไก่ให้สะอาด แล้วสับชิ้นพอคำ
2. ทุบตะไคร้ให้แตก หั่นเป็นท่อน 2-3 นิ้ว ทุบข่า ขมิ้น แล้วบุบหอมแดง กระเทียม
3. เอาน้ำ 4 ถ้วยใส่หม้อตั้งไฟ พอเดือด ใส่เครื่องที่เตรียมไว้ (ข้อ 2) ต้มสักพักจนเครื่องหอม ใส่ส้มแขก
4. ใส่ไก่ต้มจนสุก ใส่เกลือ น้ำตาล ปรุงรสตามชอบ ยกลง
หมายเหตุ ควรให้มีรสเปรี้ยว โดยใช้ส้มแขก หากไม่มีส้มแขกสามารถใช้ส้มมะขามแทนได้
ประโยชน์ทางอาหาร
   ไก่ต้มขมิ้น เป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยวนำ เหมาะสำหรับคนธาตุน้ำ เป็นหวัดเรื้อรัง รับประทานเผ็ด แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
ผัดสะตอใส่กะปิ


อาหารประจำภาคใต้ที่ปรุงรสจากผักพื้นบ้านที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ สะตอ ซึ่งไม่เพียงแต่คนภาคใต้เท่านั้นที่จะชอบรับประทาน สะตอยังเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไปด้วย
เครื่องปรุง
สะตอแกะเมล็ด 300 กรัม 
หมูติดมัน 50 กรัม 
กุ้งชีแฮ้ 250 กรัม หรือ 10 ตัว 
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นตามยาว 10 กรัม 
กระเทียม 10 กรัม 
หอมแดง 20 กรัม 
กะปิ 8 กรัม 
น้ำปลา 8 กรัม 
น้ำตาลทราย 8 กรัม 
น้ำมะนาว 15 กรัม 
น้ำมัน 45 กรัม 
วิธีทำ
1. โขลกกระเทียม หอมแดง กะปิ ให้ละเอียด
2. ล้างหมูให้สะอาด หั่นชิ้นพอคำ
3. ล้างกุ้งชีแฮ้ตัดหัวออกปอกเปลือกไว้หาง ผ่าหลัง ชักเส้นดำออก
4. ตั้งกะทะใส่น้ำมัน ใส่เครื่องที่โขลก ผัดให้หอม ใส่หมู กุ้ง แล้วใส่สะตอ
5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว ผัดพอสุกทั่ว ใส่พริกชี้ฟ้า ยกลง
ประโยชน์ทางอาหาร
   อาหารที่ปรุงจากสะตอ จะมีรสชาติช่วยให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น และบำรุงเส้นเอ็น เครื่องปรุงต่าง ช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร
แกงหมูกับลูกเหรียง


เหรียง เป็นผักพื้นบ้านของภาคใต้ เป็นไม้ยืนต้น ลำต้นสูงใหญ่ ชาวใต้นิยมนำเมล็ดเหรียงมาเป็นอาหาร โดยจะนำเมล็ดมาเพาะให้แตกรากสั้น คล้ายถั่งงอก แต่หัวจะโตกว่าถั่วงอก มีสีเขียว เรียกว่าลูกเหรียง มีรสมัน กลิ่นฉุน นำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด ทั้งเป็นผักสดรับประทานกับน้ำพริก นำมาดองหรือแกงเป็นอาหาร
เครื่องปรุง
ลูกเหรียงเด็ดหางออก 500 กรัม 
เนื้อหมูหั่นบาง 1 กิโลกรัม 
มะพร้าวขูด 1 กิโล กรัม 
น้ำปลา 15 กรัม 
พริกขี้หนู 15 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
น้ำตาลปี๊บ 8 กรัม 
เครื่องแกง
ตะไคร้ 150 กรัม 
พริกขี้หนูสด 50 กรัม หรือ40 เม็ด 
กระเทียม 20 กรัม หรือ 1 หัว 
หอมแดง 40 กรัม หรือ 4 กลีบ 
ข่า 40 กรัม หรือ 5 แว่น 
พริกไทยเม็ด 15 กรัม หรือ 2 ช้อนชา
เกลือป่น 10 กรัม หรือ 1 ช้อนชา 
กะปิ 15 กรัม หรือ 1 ช้อนโต๊ะ
ขมิ้นชัน 5กรัม หรือ 1 นิ้ว 
 วิธีทำ
1. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
2. คั้นมะพร้าว แยกหัวกะทิไว้ 1 ถ้วย
3. เอาหางกะทิตั้งไฟ พอเดือดใส่เครื่องแกง พอน้ำเข้าเครื่อง ใส่เนื้อหมู น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ต้มจนหมูสุก ใส่ลูกเหรียง ใส่หัวกะทิ ตั้งไฟต่ออีกสักครู่ ปิดไฟ ยกลง
4. เสริ์ฟพร้อมผักเหนาะ
ผักเหนาะ ประกอบด้วยสะตอ ลูกเนียง ยอดชะอม ถั่วฝักยาว ยอดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วพู แตงกวา หน่อไม้
ประโยชน์ทางอาหาร
   แกงหมูกับลูกเหรียงมีส่วนประกอบของเครื่องปรุงส่วนใหญ่ออกไปทางเผ็ดร้อน ซึ่งเป็นที่นิยมของคนใต้ สรรพคุณจึงช่วยในการขับลม และช่วยให้เจริญอาหารได้ดี
ลูกปลาคั่วเกลือ


เนื่อง จากชีวิตของคนภาคใต้ผูกพันอยู่กับทะเล เมื่ออกทะเลหาอาหารมาได้มากเกินกว่าจะรับประทานให้หมดในหนึ่งมื้อ คนภาคใต้จึงนำอาหารที่ได้จากทะเลมาทำการถนอมอาหารโดยการหมักกับเกลือ หรือตากแห้งเพื่อเก็บไว้รับประทานได้นาน
     ลูกปลาคั่วเกลือเป็นอาหารปลาประเภทหนึ่งที่นิยมรับประทานกันโดยใช้ลูกปลาเล็กปลาน้อยที่หาได้จากทะเล นำมาผสมเครื่องปรุงและคั่วเกลือจนแห้ง ลูกปลาที่นิยมนำมาคั่วคือลูกปลากะตักหรือลูกปลาไส้ตัน
เครื่องปรุง
ลูกปลาไส้ตัน 300 กรัม 
กระเทียม 10 กรัม 
หอมแดง 40 กรัม 
ขมิ้นชัน 5 กรัม 
เกลือป่น 15 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
ตะไคร้ 150 กรัม 
วิธีทำ
1. ล้างปลาให้สะอาด เอาส่วนหัวออก ควักไส้ทิ้ง
2. ทุบตะไคร้ ขมิ้นชัน ทุบหอมแดงและกระเทียม
3. เอาน้ำ ½ ถ้วยใส่กะทะตั้งไฟ พอน้ำเดือดใส่ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ขมิ้นชัน สักครู่จึงใส่เกลือ
4. พอน้ำเดือดใส่ลูกปลา คั่วเบา จนน้ำแห้งปลาสุก ปิดไฟ ยกลง รับประทาน
หมายเหตุ ลูกปลา หมายถึง ปลาน้ำจืดตัวเล็ก หรืออาจใช้ปลาไส้ตันก็ได้
ประโยชน์ทางอาหาร
   ลูกปลาคั่วเกลือ เป็นอาหารที่ให้แคลเซียมสูงมาก จากปลาเล็กปลาน้อยผสมรวมกับเครื่องปรุงก็จะช่วยเพิ่มรสชาติ กระตุ้นให้เจริญอาหารได้ดี

น้ำพริกมะม่วงเบา

เครื่องปรุง


มะม่วงเบา 4 ลูก
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสด 20 เม็ด
กะปิ 2 ช้อนชา
หอมแดง 2 หัว
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
วิธีทำ
1.ล้างมะม่วงให้สะอาด ปอกเปลือก และสับเป็นเส้นๆ ใส่เกลือป่น คั้นมะม่วงน้ำเปรี้ยวออก ล้างน้ำ ใส่กระชอนไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2.โขลกพริกขี้หนูพอแตก ใส่กะปิ หอมแดง น้ำตาล โขลกให้เข้ากันไม่ต้องละเอียด
3.ใส่กุ้งแห้ง มะม่วง ใช้ช้อนเคล้าจนเข้ากันดี
4.เสิร์ฟพร้อมผักเหนา
ปลากระบอกต้มส้ม

เครื่องปรุง
ปลากระบอกตัวใหญ่ 2 ตัว
เกลือป่น 3 ช้อนชา
ตะไคร้หั่นทุบ 2 ต้น
หอมแดงบุบ 3 หัว
กระเทียมบุบ 3 หัว
น้ำส้ม 1/3 ถ้วย
ขมิ้นทุบ 2 ..
วิธีทำ
1.ล้างปลาให้สะอาด ควักไส้ทิ้ง
2.เอาน้ำ 2 ถ้วยตั้งไฟ พอเดือดใส่ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ขมิ้น
3.พอเดือดอีกครั้งใส่น้ำส้ม เกลือ แล้วจึงใส่ปลา
4.พอปลาสุกดีแล้วจึงปิดไฟ ยก
ไก่กอแหละ

เครื่องปรุง
ไก่อ้วนๆ 1 ตัว
มะพร้าวขูด 100 กรัม
เนย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก หรือน้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 5 เม็ด
ลูกผักชีคั่วป่น 1/4 ช้อนชา
ลุกยี่หร่าคั่วป่น 1/4 ช้อนชา
อบเชยป่น 1/4 ช้อนชา
หอมแดง 2 หัว
ขมิ้นสดหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
กะปิ 1 ช้อนชา
โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
วิธีทำ
1.คั้นมะพร้าวใส่น้ำ 2-2ครึ่ง ถ้วย คั้นให้ได้ 5-6 ถ้วย
2.ล้างไก่ หั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ ตัวหนึ่งประมาณ 10-12 ชิ้น ทอดด้วยเนย และน้ำมัน พอเหลืองตักไก่ใส่กะทิ ตั้งไฟกลาง พอเดือดลดไฟลง เคี่ยวไฟอ่อนๆ
3.เอาเครื่องแกงลงผัดในน้ำมันที่เหลือจากการทอดไก่ แล้วใส่ลงในหม้อไก่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล ให้ได้รสตามชอบ พอไก่เปื่อย ยกลง จัดเสิร์ฟ โรยพริกชี้ฟ้าแดง ให้สวยงาม

Read More...


น้ำพริก กุ้ง ปู ปลา แบบตำมือ มาตราฐานฮาลาล

?น้ำพริก กุ้ง ปู ปลา แบบตำมือ มาตราฐานฮาลาล - เกษตรทั่วไทย? ?น้ำพริก กุ้ง ปู ปลา แบบตำมือ มาตราฐานฮาลาล - เกษตรทั่วไทย? ?น้ำพริก กุ้ง ปู ปลา แบบตำมือ มาตราฐานฮาลาล - เกษตรทั่วไทย?
?น้ำพริก กุ้ง ปู ปลา แบบตำมือ มาตราฐานฮาลาล - เกษตรทั่วไทย? ?น้ำพริก กุ้ง ปู ปลา แบบตำมือ มาตราฐานฮาลาล - เกษตรทั่วไทย? ?น้ำพริก กุ้ง ปู ปลา แบบตำมือ มาตราฐานฮาลาล - เกษตรทั่วไทย? ?น้ำพริก กุ้ง ปู ปลา แบบตำมือ มาตราฐานฮาลาล - เกษตรทั่วไทย? ?น้ำพริก กุ้ง ปู ปลา แบบตำมือ มาตราฐานฮาลาล - เกษตรทั่วไทย?
?น้ำพริก กุ้ง ปู ปลา แบบตำมือ มาตราฐานฮาลาล - เกษตรทั่วไทย?

ตำบลเกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ลักษณะทั่วไปมีสภาพเป็นเกาะ หลายเกาะด้วยกัน อาทิ เกาะบริศรีบอยา เกาะจำ เกาะฮั่ง เกาะตูหลัง เกาะนกคอม และเกาะจำนุ้ย รวมแล้วมีจำนวน 7 หมู่บ้าน ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง ทำสวนยางพารา ปลูกปาล์มน้ำมัน ทำนา ทำไร่ มีอาชีพเสริมด้วยทำผลิตภัณฑ์และนำนักท่องเที่ยว เที่ยวชมพื้นที่รอบเกาะในรูปแบบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

 บนเกาะแห่งนี้ที่  บ้านคลองเตาะ หมู่ 1 เป็นชุมชนเล็กๆ ที่มีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ช่วงที่ว่างเว้นจากการออกทะเลหาปลา ก็มาจับกลุ่มกัน ทำน้ำพริกตำมือ ส่งขายใน จ.กระบี่ และกรุงเทพฯ จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่สะอาด รสชาติอร่อย แห่งหนึ่งจนสามารถนำมาเป็นผลิตภัณฑ์ในนามของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเศรษฐกิจพอ เพียงบ้านคลองแตะ หรือที่รู้จัดกันโดยทั่วไปในพื้นที่ว่า น้ำพริกตำมือรสเด็ด สำหรับวิสาหกิจแห่งนี้ได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2553 ที่ผ่านมา มีนางทิพย์สุดา กุลแดง เป็นประธานกลุ่ม มีสมาชิกเป็นแม่บ้าน 35 คนมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 1.2 แสนบาท จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยโรงไฟฟ้ากระบี่ ในการซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำน้ำพริกให้

 ขบวนการผลิตน้ำพริกของเกษตรกรกลุ่มนี้จะใช้วิธีการตำมือแบบโบราณ เน้นรสชาติเผ็ดตามแบบฉบับของคนท้องถิ่นภาคใต้ ผลิตออกมา 3 ชนิด คือ น้ำพริกปู น้ำพริกกุ้ง และน้ำพริกปลา เน้นคุณภาพในวัถุดิน ซึ่งก็มาจากในพื้นที่ด้วยเป็นชุมชนที่อยู่ชายทะเล กุ้ง ปู ปลา จึงสดกว่า ที่สำคัญในพื้นที่ยังมีการดำเนินโครงการบ้านปู บ้านปลา โดย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กระบี่ ภายใต้การสนับสนุนของ กฟผ. โดยโรงไฟฟ้ากระบี่ จึงทำให้วัตถุดินส่วนนี้มีไม่ขัดสน พร้อมทั้งมีความพิถีพิถันในขบวนการผลิตที่ยึดความสะอาดตามหลักศาสนาอิสลาม เป็นมาตราฐาน ด้วยกลุ่มผู้ทำการผลิตเป็นผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามทั้งหมดจึงมีความเข้าใจ เป็นอย่างดีในการจัดเตรียมและใช้วัสดุอุปกรณ์ที่นำมาเป็นอุปกรณ์เพื่อการ ผลิต ตลอดถึงขั้นตอนและวิธีการตามมาตราฐานหลักศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัดทุก ประการ เทียบเท่าผลิตภัณฑ์ฮาลาลทุกทีเดียว

 โดยน้ำพริกจะประกอบด้วย ปลา หรือปู  หรือกุ้ง ผสมด้วยหอม กระเทียม พริก ตะไคร้ ที่ผ่านการล้างจนสะอาด นำมาคั่วจนสุก แล้วตำด้วยมือจนละเอียด จึงนำไปผัดในกระทะด้วยไฟอ่อนๆ ปรุงรสตามสูตรคลุกเคล้าให้ทั่ว แล้ววางไว้ให้เย็น จึงนำมาบรรจุใส่กระปุกติดฉลากและส่งจำหน่าย ในราคาขายส่งกระปุกเล็กประมาณ 35 บาท กระปุกใหญ่ประมาณ 50 บาท โดยส่งขายในตลาดชุมชนและกลางเมืองกระบี่ เช่น ห้างเทลโก้โลตัส แม็คโครกระบี่ สนามบินกระบี่ และร้านจำหน่ายของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ ในห้างสรรพสินค้าบางแห่งในกรุงเทพมหานคร และร้านค้าภายในที่ทำการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( สำนักงานใหญ่ ) อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยการส่งเสริมและสนับสนุนของโรงไฟฟ้ากระบี่ ภายใต้การประสานงานของนายสุริยะ บุษบง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ทำให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านคลองแตะ มีช่องทางในการเพิ่มทุนและการขยายตลาดเพิ่มมากขึ้น

และจากยอดการจำหน่ายในช่วงที่ผ่านมาทำให้กลุ่มแม่บ้าน บ้านคลองเตาะมีรายได้เพิ่มขึ้น ยังมาซึ่งกำลังใจ และความตั้งใจที่จะดำเนินกิจการนี้ให้มากขึ้นควบคู่กับการคงไว้ซึ่งคุณภาพ และการขยายตลาดให้มากขึ้น ด้วยเป็นรายได้ที่ทุกคนในชุมชนได้รับกันไม่น้อยในแต่ละเดือนและอย่างทั่ว ถึง. 

 credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/agriculture/251548/น้ำพริก+กุ้ง+ปู+ปลา+แบบตำมือ+มาตราฐานฮาลาล+-+เกษตรทั่วไทย

Read More...


วิธีทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

เมนูนี้คงเป็นเมนูโปรดของคนที่ไม่ชอบก๋วยเตี๋ยวน้ำนะครับ โดยเฉพาะผมซึ่งชอบก๋วยเตี๋ยวผัดเป็นพิเศษนะครับ วันนี้เราจะมาดูกันว่าเมนูก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่นั้นทำไม่ยากเลยครับ ก่อนอื่นเรามาดูส่วนผสมกันก่อนครับ

ส่วนผสมก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

  • ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ประมาณ 500 กรัม (ครึ่งโล)
  • เนื้อไก่หั่นชิ้นพอดีคำ ประมาณ 200-300 กรัม (2-3 ขีด)
  • ปลาหมึกกรอบ หั่นให้พอดีคำ ประมาณ 200 กรัม
  • ตังฉ่าย 1/4 ถ้วย
  • ต้นหอมซอย 3 ต้น (แล้วแต่ชอบ)
  • ไข่ไก่ ประมาณ 3-4 ฟอง
  • น้ำมันหอย 3 ช้อนโต๊ะ
  • ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ (หากติดกระทะสามารถใส่เพิ่มได้เล็กน้อย)
  • พริกไทยป่นเล็กน้อย
  • ซอสพริกและผักกาดหอมสำหรับรองจาน

วิธีทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

  1. ก่อนอื่นเราต้องตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อนก่อน หลังจากนั้นให้ใส่เนื้อไก่ ปลาหมึกกรอบ และตังฉ่ายลงไปผัดด้วยไฟปานกลางให้หอม จากนั้นใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวลงผัดเร็วๆ พอเข้ากัน
  2. หลังจากนั้นให้ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซอสปรุงรส น้ำมันหอย และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากันจนทั่วครับ
  3. เขี่ยเส้นก๋วยเตี๋ยวไว้ที่ข้างๆ กระทะ แล้วตอกไข่ลงไปเขี่ยไข่ไก่ให้พอแตกๆ แล้วรอดูให้ไข่ขาวเป็นสีขาวทั่วแต่ยังไม่สุก แล้วให้กลบเส้นลงบนไข่แล้วรอให้สุก กลับข้าง แล้วผัดให้ดูว่าสุกทั่ว แล้วจึงยกขึ้น
  4. ตักใส่จานที่รองผักกาดหอมไว้ โรยหน้าด้วยต้นหอมและพริกไทยเล็กน้อย ทานด้วยซอสพริก

เคล็ดลับการทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

การทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ให้อร่อยนั้นควรผัดให้ไม่แห้งหรือเปียกจนเกินไป การใช้ไฟปานกลางสามารถช่วยให้ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ไม่แห้งเกินไป และที่สำคัญคือควรผัดที่ละจาน จะได้รสชาติที่ดีกว่าการทำหลายๆ จานในการผัดครั้งเดียว

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ หลังจากห่างหายไปนานข้ามปี วันนี้ได้โอกาสกลับมาอัพให้เพื่อนๆ ชาวก้นครัวได้มีเมนูทำในวันหยุดกันแล้ว สำหรับวันนี้ต้องขอตัวก่อนแล้วกันหล่ะครับ ไว้เมนูหน้าจะเป็นอะไร รอติดตามชมครับ สวัสดีครับ

credit by :  ขนมอาหาร.blogspot.com/2014/01/blog-post.html

Read More...


ผัดไทยกุ้งสด สูตรเด็ด รสเข้มข้น






สวัสดีครับ วันนี้เรายังอยู่กันในเมนูเส้นนะครับ สำหรับวันนี้ผมอยากพาเพื่อนๆ ไปทำเมนูสุดโปรดของใครหลายๆ คน และถือว่าเป็นเมนูที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจกันมากๆ นั่นก็คือ ผัดไทยกุ้งสด ครับ เอาหล่ะ อย่ามัวเสียเวลาเลย เรามาดูส่วนผสมกันก่อนดีกว่าครับ



ส่วนผสมผัดไทยกุ้งสด

  • ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก (หรือเส้นจันท์) ประมาณ 1 ขยุ่ม (ผมไม่รู้จะเรียกอย่างไรดี เพราะใช้มือหยิบๆ เอาขยุ่มนึง เอาเป็นว่าประมาณพอกิน 1 คนก็แล้วกันนะครับ)
  • กุ้งสดแกะเปลือก ผ่าหลังแล้วเอาเส้นดำๆ ที่หลังออก (ไม่ต้องเอาหางออกนะครับ) ประมาณ 5 ตัว (ใส่เยอะจะทำให้เครื่องเยอะมากไป อาจจะจืดได้)
  • เต้าหู้เหลือง หั่นเด๋า ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • หัวไชโป๊วสับให้ละเอียด ใช้ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • กุ้งฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • ถั่วงอกดิบ ครึ่งถ้วยตวง
  • ใบกุ้ยช่ายเล็กน้อย (ประมาณ 1-2 ต้น) นำมาหั่นเป็นท่อนๆ
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • น้ำตาลปึกเคี่ยว 2 ช้อนโต๊ะ (การทำน้ำมันปึกเคี่ยวนั้น ให้ใช้น้ำตาลปึกประมาณ 200 กรัม กับน้ำ 1 ถ้วยตวง)
  • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกป่นเล็กน้อย ประมาณปลายช้อนชา
  • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
  • ถั่วลิสงคั่ว แล้วนำมาโขลกให้พอแตกหยาบๆ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักสดสำหรับแกล้ม เช่น แตงกวา หัวฟลี ใบกุ้ยช่าย เป็นต้น
  • มะนาว 1 เสี้ยว สำหรับคนที่ชอบทานรสเปรี้ยว
ดูจากส่วนผสมแล้วจะยุ่งยากสักหน่อย เพราะต้องมีการเคี่ยวน้ำตาลปึกก่อน แต่เคล็ดลับของผมคือให้เคี่ยวน้ำตาลปึก น้ำปลา น้ำมะขามเปียกไปด้วยกันเลย แล้วจึงค่อยนำไปใส่ตอนที่ผัดเส้นครับ สำหรับรสชาติควรจะเป็น หวาน อมเปรี้ยว แล้วมีเค็มตามเล็กน้อยครับ เอาหล่ะ เมื่อเตรียมส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว เรามาดูวิธีทำกันเลยครับ

วิธีทำผัดไทยกุ้งสด

  1. ก่อนอื่นเรามาเริ่มกันที่การแช่เส้นกันก่อนครับ โดยการนำไปแช่ในน้ำเย็นพอให้นิ่ม หลังจากนั้นตักขึ้นแล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำครับ
  2. ตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อน นำเต้าหู้ใส่ลงคั่วให้พอเหลือง หลังจากนั้นตามด้วยหัวไชโป๊วและกุ้งฝอย ผัดให้เข้ากัน
  3. ปรุงรสด้วยน้ำซอสที่เคี่ยวไว้ครึ่งหนึ่ง (น้ำตาลปึก น้ำปลา น้ำมะขามเปียก)  และพริกป่น รอให้กลิ่นออกหอมและทิ้งไว้ให้เดือดสักพัก หลังจากนั้นใส่กุ้งลงผัดให้พอสุก
  4. ใส่เส้นที่เตรียมไว้ลงไปผัด โดยใช้ตะหลิวเกลี่ยเส้นให้กระจายไปทั่ว หลังจากนั้นใส่ซอสที่เคี่ยวไว้จนหมด (หากแห้งเกินไปให้ใส่น้ำเปล่าได้เล็กน้อย อย่าใส่เยอะเพราะจะทำให้เส้นเละและไม่อร่อย)
  5. ใช้ตะหลิวเขี่ยเส้นไว้ที่ข้างๆ กระทะแล้วจึงตอกไข่ลงไปที่ว่างๆ เขี่ยให้ไข่พอแตกแล้ว แล้วรอให้ไข่ขาวเริ่มเป็นสีขาวแล้วจึงผัดเส้นลงไปกลบ ใส่กุ้ยช่ายและถั่วงอก ผัดให้ถั๋วงอกพอสลดแล้วจึงปิดเตา
  6. เสิร์ฟพร้อมกับแตงกวาและ หัวปลี
เคล็ดลับการทำผัดไทยกุ้งสดให้อร่อย ควรผัดไม่ให้แฉะและเส้นจะต้องไม่เละ เรื่องรสชาติอาจจะเป็นตามที่แต่ละคนชอบได้ แต่โดยรวมรสชาติของผัดไทยจะออกเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม .. เอาหล่ะครับ สำหรับวันนี้เราคงต้องขอลากันแค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ สำหรับใครที่สงสัยหรือต้องการแลกเปลี่ยนก็สามารถลงความเห็นไว้ได้เลยครับ สำหรับวันนี้ สวัสดีจร้าาาา

credit by :  ขนมอาหาร.blogspot.com/2014/02/blog-post.html

Read More...


ผัดหมี่โคราชรสเด็ด สูตรต้นตำหรับ


 สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมมีเมนูท้องถิ่นที่บอกได้เลยว่าใครได้ลองเป็นต้องติดใจกันทุกคน นั้นก็คือ ผัดหมี่โคราช นั่นเองครับ วันนี้เวลามีไม่มาก เรามาดูสูตรผัดหมี่โคราชและวิธีการทำกันเลยดีกว่าครับ รับรองว่ามีเทคนิคเด็ดๆ ดีๆ แน่นอนครับ

ส่วนผสมผัดหมี่โคราช

  • เส้นหมี่โคราช ประมาณ 1 คนทาน
  • เนื้อหมู่หั่นชิ้นบาง (เป็นหมูแดง และหมูสามชั้น รวมกัน) ประมาณ 1 ขีด
  • ถั่วงอก 1 ถ้วย
  • ใบกุ้ยช่ายหั่นท่อน ประมาณ 2 ต้น
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • หอมแดงสับให้ละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมสับละเอียด ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
  • เต้าเจี้ยว 1-2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปึกหรือน้ำตาลปี๊ป ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2.5 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ้วดำ ครึ่งช้อนชา
  • พริกป่น ครึ่งช้อนชา
  • น้ำเปล่า 1-2 ถ้วย (อาจจะใส่ไม่หมดนะครับ)
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
เอาหล่ะครับเมื่อเตรียมส่วนผสมกันเรียบร้อยแล้ว เรามาดูวิธีทำผัดหมี่โคราชกันเลยดีกว่าครับ 
  1. เรามาเริ่มด้วยการตั้งกระทะให้ร้อนด้วยไฟปานกลาง หลังจากนั้นใส่น้ำมัน เมื่อน้ำมันร้อนดีแล้วให้ใส่หอมแดงและกระเทียมลงไปผัดให้พอหอม
  2. ใส่น้ำตาลปึกลงไปเคี่ยวให้ละลายและมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นให้ใส่เต้าเจี้ยว น้ำมะขามเปียก น้ำปลา พริกป่น และซีอิ๊วดำลงคนให้เข้ากันดี
  3. ใส่หมูลงผัดให้สุก แล้วเติมน้ำลงไปรอให้เดือดจึงลองชิมรสดูให้เข้มข้น
  4. ใส่เส้นหมี่ลงทีละนิดลงจนหมด และคลุกเคล้าให้เข้ากันกระทั่งน้ำปรุงซึมเข้าเส้นจนหมด ใช้ตะหลิวเกลี่ยเส้นหมี่ไว้ข้างกระทะ หลังจากนั้นให้ตอกไข่ลงไปในพื้นที่ว่างๆ ตีให้แตกเบาๆ แล้วผัดเส้นลงไปกลบ ทิ้งไว้สักพักแล้วจึงผัดให้ไข่สุก
  5. หลังจากนั้นใส่ใมบกุ้ยช่ายและถั่วงอกลงไป ผัดให้เข้ากันแล้วจึงปิดเตาตักใส่จาน
  6. เสิร์ฟพร้อม ถั่วงอก มะนาวหั่นซีก ใบกุ้ยช่าย และพริกป่น

เคล็ดลับ

  • เส้นที่ใช้จะเส้นเฉพาะของหมี่โคราช เพราะฉะนั้นเวลาผัดไม่จำเป็นต้องแช่น้ำก่อน สามารถใส่ลงไปผัดหลังจากเติมน้ำได้เลยครับ สำหรับการเติมน้ำนั้นอาจจะยากสักหน่อย แต่ให้ลองใส่น้ำลงไปก่อนสักประมาณ 1-1.5 ถ้วย ถ้าดูว่าแห้งก็ให้เติมลงไปได้อีก
  • กระทะที่เหมาะสมคือกระทะเหล็กขนาดใหญ่เพราะจะต้องใส่น้ำลงไปพอสมควร
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ จะเห็นว่าผัดหมี่โคราชนั้นจะมีลักษณะคล้ายๆ กับผัดไทยเลย เพียงแต่เส้นที่ใช้จะเป็นเส้นหมี่โคราชโดยเฉพาะ และตอนผัดจะใส่พริกป่นลงไปด้วย หากทำให้เด็กๆ ทานอาจจะไม่ใส่พริกป่นได้ครับ แต่รสชาติที่ควรจะเป็นสำหรับผัดหมี่โคราชคือ เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด หากใครชอบรสจัดก็สามารถเพิ่มอัตราส่วนของเครื่องปรุงได้ครับ

credit by :  ขนมอาหาร.blogspot.com/2014/02/blog-post_11.html


Read More...


วิธีทำโจ๊ก อาหารโปรดยามเช้า


สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำอาหารยามเช้าที่คาดว่าใครหลายๆ คนต้องชอบรับประทานกันอย่างแน่นอนเลยครับ นอกจากหมูสะเต๊ะแล้วก็ยังมีโจ๊กนี่แหละครับที่เป็นที่ชื่นชอบอีกหนึ่งเมนูนะครับ เอาหล่ะอย่างมัวแต่เสียเวลาเลยครับ เรามาดูส่วนประกอบกันครับ

ส่วนประกอบโจ๊ก

  1. ปลายข้าวหอมมะลิ ประมาณ 2 ขีด (อาจจะใช้ข้าวหอมมะลิแล้วทำมาบดหรือตำให้เมล็ดแตกก็ได้ครับ)
  2. น้ำปล่าว ประมาณ 1 ลิตรครึ่ง
  3. หมูหรือไก่บดละเอียด ประมาณ 1-2 ขีด (สำหรับหมัก)
  4. กระเทียมบดละเอียด 2 กลีบ (สำหรับหมัก)
  5. รากผักชีบดละเอียดประมาณ 2 ราก (สำหรับหมัก)
  6. พริกไทยโขลก ประมาณ ครึ่งช้อนชา (สำหรับหมัก)
  7. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนชาครึ่ง (สำหรับหมัก)
  8. ไส้หมู 1 ขีด (ใช้ไส้อ่อนนะครับ)
  9. ตับหมู
  10. เกลือ (สำหรับล้างไส้หมูและตับหมู เพื่อดับกลิ่นคาวครับ)
  11. กระดูกหมูสำหรับทำน้ำซุป ประมาณ 3-4 ขีด
  12. ต้นหอมซอย ขิงแก่ซอย ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  13. น้ำตาลทราย ประมาณ 1 ช้อนชา
  14. พริกไทยป่น ครึ่งช้อนชา
  15. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  16. ซอสถั่วเหลือง
  17. รากผักชี 2 ราก
  18. กระเทียม 3-4 กลีบ
  19. ไข่ไก่ลวก (อยากกินแบบไหนก็จัดเลยครับ)
เอาหล่ะครับหลังจากได้ส่วนผสมกันครบแล้ว เรามาเริ่มลงมือทำกันเลยครับ

วิธีทำโจ๊ก

  1. เรามาเริ่มกันที่น้ำซุปก่อนดีกว่าครับ เพราะมันต้องใช้เวลานาน ให้นำกระดูกหมูมาล้างน้ำสะอาดแล้วใส่ลงในหม้อที่ต้มน้ำเดือดรอไว้ 
  2. หลังจากนั้นให้ใส่ รากผักชี กระเทียม แล้วต้มให้เดือดด้วยไฟอ่อนทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงครับ
  3. หลังจากนั้นให้เราหมักเนื้อโดยใส่ส่วนผสม 3-7 แล้วนวดให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ 30 นาทีครับ (หร)ือจะทิ้งไว้จนน้ำซุปเสร็จเลยก็ได้ครับ
  4. นำไส้หมูและตับมาหั่นเป็นชิ้นๆ พอดีคำแล้วนำลงไปหมักกับเกลือไว้สักพักแล้วล้างออกด้วยน้ำจะช่วยลดกลิ่นลงได้
  5. นำหมูหมักหรือไก่หมัก และเครื่องในทั้งหมดลงไปลวกในน้ำร้อนแล้วพักไว้
  6. เมื่อครบ 1 ชั่วโมงให้นำน้ำซุปมากรองเอาแต่น้ำ แล้วนำไปต้มต่อกับข้าวหอมมะลิ (กระดูกหมูสามารถนำมาใส่ในข้าวต้มได้อีก)
  7. ต้มข้าวไปเรื่อยๆ ด้วยไฟปานกลาง ขยันคนไปเรื่อยๆ หากไม่คนจะทำให้ก้นหม้อไหม้ ประมาณ 30 นาที พอเห็นว่าข้าวได้ที่ก็ตักใส่ถ้วย
  8. โรยด้วยต้นหอมซอย ขิงแก่ ใส่หมูบด ไข่ต้ม และเครื่องใน พร้อมรับประทาน
เป็นไงหล่ะครับ วิธีทำก็ไม่ยากเลยนะครับ สามารถเป็นอาหารยามเช้าให้ลูกๆ ได้สบายๆ เลยครับ เอาหล่ะวันนี้พอไว้แค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ ท้องเริ่มร้องแล้วหล่ะ ไว้จะไปหาเมนูเด็ดๆ มาแนะนำกันอีกในโอกาสหน้านะครับ สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อนหล่ะครับ สวัสดีคร๊าบบบบบ :)

credit by :  ขนมอาหาร.blogspot.com/2013/04/blog-post.html

Read More...


วิธีทำไข่ลูกเขย หอมอร่อย ด้วยสูตรต้นตำรับ


สวัสดีครับ วันนี้ได้มีโอกาสกลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ วันนี้ผมมีเมนูน่าทานอีกเมนูนึงมาแนะนำครับ แถมเป็นเมนูโปรดของผมตั้งแต่สมัยเด็กๆ เลยหล่ะครับ นั่นก็คือ ไข่ลูกเขยนั่นเองครับ สำหรับวิธีการทำนั่นก็ไม่ได้มีอะไรยากเลยครับ เรามาดูวัตถุดิบกันดีกว่าครับ


ส่วนประกอบในการทำไข่ลูกเขย

  • น้ำตาลปี๊ป 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะขามเปียกประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช (ในส่วนนี้เราต้องใช้น้ำมันในการทอดไข่และในการเคี้ยวน้ำปรุงด้วยครับ อาจจะต้องเตรียมไว้เยอะหน่อยสำหรับการทอดไข่ลูกเขย)
  • น้ำปลาประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่เป็ดต้ม 3 ฟอง (อาจจะใช้ไข่ไก่ก็ได้แต่ความมันและอร่อยไข่เป็ดจะอร่อยกว่า)
  • หอมแดงซอยเป็นแว่นๆ (สำหรับหอมแดงเราใช้ใส่ในน้ำปรุงและสำหรับเจียวไว้โรยหน้าด้วยครับ)
  • กระเทียมเจียว
  • พริกแห้ง (หากว่าทำให้เด็กๆ ทานก็ไม่ต้องใช้ครับ แต่หากเด็กๆ ทานเผ็ดได้ก็แนะนำให้ใส่ไปเล็กน้อย อาหารไทยต้องมีรสเผ็ดบ้างหล่ะนะ)
  • ผักชีสำหรับโรยหน้า
เอาหล่ะครับจะเห็นว่าส่วนประกอบของการทำไข่ลูกเขยนั้นจะไม่มีอะไรที่หายาก เลยครับ คิดว่าเข้าครัวทุกบ้านก็หาวัตถุดิบเหล่านี้ได้ง่ายๆ เลยหล่ะครับ อย่าพูดมากดีกว่าครับ เรามาดูวิธีทำกันเลยดีกว่าครับ

วิธีทำไข่ลูกเขย

  1. เริ่มแรกก่อนเลยคือให้เราทำไข่เป็ดมาต้มแล้วแกะเปลือกนำลงไปทอดในน้ำมันให้เหลืองแล้วตักขึ้นมาพักไว้ครับ (เคล็ดลับตรงนี้แนะนำว่าในระหว่างที่ทอดไข่นั้นให้เราขยันคน อย่าให้ไข่อยู่นิ่งๆ เพราะอาจจะสุกไม่เท่ากันได้นะ)
  2. เจียวหอมและกระเทียมเตรียมไว้
  3. ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง เทน้ำมันลงกระทะแล้วตามด้วย น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊ป น้ำปลา แล้วเคียวให้ดูว่าเริ่มงวด ให้ใส่หอมแดงลงไปเล็กน้อย (ตรงขั้นตอนนี้หากต้องการใส่พริกแห้งให้ตบพริกแห้งแล้วหั่นเป็นท่อนใหญ่ๆ ใส่ลงไปได้เลย)
  4. พอหอมซอยเริ่มสุกและน้ำราดไข่ลูกเขยเริ่มงวดแล้วก็ให้ตักใส่ถ้วยเตรียมจัดจานได้เลยครับ
  5. สำหรับการจัดจานนั้นอยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลเลยครับ อาจจะหั่นไข่เป็น 4 ส่วน หรือ 2 ส่วนก็แล้วแต่ชอบเลยครับ หลังจากนั้นก็ราดน้ำราดลงบนไข่ลูกเขยที่เตรียมไว้ โรยด้วยกระเทียมและหอมเจียว แต่งด้วยผักชีเล็กน้อยก็เป็นอันเสร็จแล้วหล่ะครับ
ถึงจุดนี้ผมแนะนำว่าให้ตักข่าวสวยร้อนๆ เตรียมไว้ได้เลยครับ พร้อมแล้วก็ลุยกันเลยครับ สำหรับวันนี้ผมต้องขอตัวไปทานบ้างแล้วหล่ะครับ เดี๋ยวจะไม่ทันเด็กๆ ที่ชอบเหลือแต่น้ำราดไว้ให้ผมราดข้าวกินปล่าวๆ ประจำเลยครับ แล้วเจอกันครับ สวัสดีจร้าาาาาา
 

Read More...


วิธีทำข้าวคลุกกะปิ อร่อยง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้


เมนูข้าวคลุกกะปินี้เป็นเมนูที่ผมว่าหลายๆ คนชอบไม่น้อยเลยครับ หากมีโอกาสได้ทำกินที่บ้านเมื่อไหร่ก็เป็นอันกินกันไม่พอตลอดเลยหล่ะครับ วันนี้ผมเลยจะมาบอกสูตรข้าวคลุกกะปิที่ทำกินเองที่บ้านๆ บ่อยๆ นะครับ อย่ารอช้าเลยมาดูกันเลยครับ
เอาหล่ะครับ เรามาดูส่วนผสมในการทำข้าวคลุกกะปิกันเลยครับ

ส่วนผสมข้าวคลุกกะปิ


  • ข้าวสวยประมาณ 6 ถ้วย
  • เนื้อหมูหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ ประมาณ 2 ขีด
  • กะปิ 3 ช้อนโต๊ะละลายน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ (แนะนำว่าให้เป็นกะปิที่ดีๆ หน่อยนะครับ)
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • หอมซอย 4-5 หัว
  • กระเทียมสับละเอียด ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • กุ้งแห้งโขลกให้ละเอียด ประมาณ 1/4 ถ้วย
  • มะนาว ประมาณ 2 ลูก
  • มะม่วงซอย ประมาณ 1-2 ลูก
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช 3-4 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • ผักชี 1 ต้น
  • พริกซอย 2-3 เม็ด
  • แตงกวา 3 ลูก 
เอาหล่ะครับ ในเมื่อเตรียมส่วนผสมทั้งหมดได้พร้อมแล้วก็มาดูวิธีทำเลยครับ
วิธีทำข้าวคลุกกะปิ
  1. ยีข้าวให้กระจาย พยายามอย่าให้ข้าวหักเพราะจะทำให้ไม่สวย (เคล็ดลับคือ ให้ใช้มือจุ่มน้ำให้พอเปียกก่อนยีข้าว)
  2. ต่อยไข่ตีให้เข้ากัน ตั้งกระทะให้ร้อนแล้วใส่น้ำมันพืชประมาณ 1 ช้อนชา เจียวไข่ให้บางๆ นำไข่เจียวมาม้วนแล้วหั่นให้เป็นฝอยๆ
  3. เจียวกระเทียมกับน้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะให้หอมเหลือง แล้วใส่เนื้อหมูลงไปผัด ใส่กะปิผัดให้หอม ใส่น้ำตาล กุ้งแห้ง ผัดให้เข้ากันดี แล้วชิมดู ถ้าไม่เค็มให้ใส่น้ำปลาลงไปเพิ่ม
  4. ใส่ข้าวลงไปผัด ถ้าไม่เค็มให้ใส่น้ำปลาเพิ่ม ยกลงจากเตาแล้วโรยด้วยมะม่วง หอมซอย แล้วคลุกให้เข้ากัน
  5. ใช้พิมพ์ในการจัดจานให้ส่วยงาม โรยผักชีลงบนข้าว วางไข่ฟอย พริกซอย มะม่วงซอย แตงกวา มะนาว ไว้ข้างๆ จาน

Read More...


วิธีทำมันบด สูตรฝรั่งเศส


เอาหล่ะครับใครที่พร้อมแล้วก็อย่ารอช้าเลยครับ ตามมาดูวิธีทำมันบดกันดีกว่าครับ รับรองว่าสูตรนี้ต้องถูกใจใครหลายๆ คนแน่นอนเลยครับ!

สำหรับส่วนประกอบสำหรับทำมันบดก็ไม่มีอะไรมากมายเลยครับตามด้านล่างเลยครับ

  1. มันฝรั่ง 2 ลูก
  2. เนยจืด
  3. เกลือ
  4. ครีม (ใครหาครีมไม่ได้ก็ใช้นมสดก็ได้ครับ)
  5. พริกไทยเล็กน้อย
เตรียมส่วนประกอบได้แล้วก็มาดูกันเลยครับ

วิธีทำมันบด

  1. ก่อนอื่นให้เราปอกเปลือกมันฝรั่งล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นให้เป็นชิ้นๆ ไม่ต้องเล็กมากครับ
  2. นำมันฝรั่งลงไปต้มในน้ำเดือดใส่เกลือเล็กน้อยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ให้สังเกตุดูว่ามันฝรั่งสุก (วิธีสังเกตุง่ายๆ คือให้ลองเอาซ้อมจิ้มดูหากจิ้มแล้วทะลุง่ายๆ ก็ถือว่าสุกแล้ว)
  3. หลังจากนั้นเทน้ำทิ้งให้หมดแล้วตั้งไฟต่ออีกเล็กน้อย พอดูว่าน้ำแห้งหมด (ระวังอย่าให้มันฝรั่งไหม้นะครับ)
  4. นำมันฝรั่งขึ้นแล้วใส่เนยแล้วบดกับที่บดมันฝรั่ง (ใครไม่มีที่บดมันฝรั่งใช้อย่างอื่นบดได้ครับ เช่น ทับพีที่เป็นรูๆ สำหรับทอดปลาก็ใช้ได้ดีนักแล)
  5. ขั้นตอนนี้ถือเป็นเคล็ดลับสำคัญเลยหล่ะครับที่จะทำให้มันบดของเรามี สัมผัสที่นุ่มละมุนสุด นั้นคือ นำมันบดลงไปปาดกรองกับกระชอนตาถี่ เสียเวลาหน่อยแต่ได้ความอร่อยเพิ่มขึ้น
  6. เมื่อปาดกรองกับกระชอนเรียบร้อยแล้วให้ใส่ครีมลงไป แล้วพยายามคนให้เข้ากัน ค่อยๆ เติมเกลือและพริกไทยเล็กน้อยและคนไปเรื่อยๆ ให้มันบดเข้ากับครีม (ในขั้นตอนนี้หากใครหาครีมไม่ได้ก็ให้ใส่นมสดลงไปได้เลยครับ) ชิมดูรสชาติ อย่าให้เค็มเกินไป
  7. ตักเสริฟใส่ถ้วยกินเล่น หรือทานพร้อมสเต็กก็อร่อยแบบสุดๆ เลยหล่ะครับ
จะเห็นว่าในสูตรนี้ไม่มีการราดน้ำเกรวี่ แต่หากใครที่ต้องการราดเกรวี่ด้วยก็สามารถราดได้ครับ น้ำเกรวี่สามารถซื้อแบบเป็นซองได้ที่ตามร้านขายอาหารทั่วไปเช่น Tops ครับ พูดแล้วก็อยากกินทันทีผมต้องขอตัวไปทำทานบ้างแล้วหล่ะครับ สวัสดีครับบบบ

credit by :  ขนมอาหาร.blogspot.com/2013/04/blog-post_15.html

Read More...


วิธีทำอาหาร กระเพาะปลาเห็ดหอมสูตรเข้มข้น

ส่วนผสม การทำกระเพาะปลา

  • กระเพาะปลา ประมาณ 1-2 ขีด (ชอบกินเยอะก็ใส่เยอะ แต่อย่าเยอะมากเกินไป)
  • ไก่ต้มฉีกเป็นฟอยๆ 
  • เนื้อปูทะเลเกาะเปลือกแล้ว 2 ขีด
  • หน่อไม้ ประมาณ 3 ขีด (เอาที่ขายตามตลาดสดก็ได้ครับ)
  • เห็ดหอมล้างและแช่น้ำ 5-7 ดอก (ผมชอบกินเยอะก็ใส่เยอะหน่อย)
  • เลือดไก่หั่นเป็นชิ้นๆ ปริมาณแล้วแต่ชอบ
  • ไข่นกกระทาต้มประมาณ 3-4 ลูก
  • น้ำซุป 10 ถ้วยตวง
  • แป้งข้าวโพด 1 ถ้วยตวง
  • พริกไทย 1-2 ช้อนชา
  • ซอสแมกกี้ 1/4 ถ้วย
  • ซีอิํวขาว ครึ่งถ้วย
  • ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำกระเพาะปลา
  1. นำน้ำซูปขึ้นตั้งไฟให้เดือด ใส่กระเพาะปลาต้มให้นุ่ม
  2. หลังจากนั้นให้ใส่ส่วนผสมดังต่อไปนี้: หน่อไม้, เห็ดหอม, เลือดไก่, ไข่ต้ม, ไก่ฉีก และเนื้อปูลงในหม้อ
  3. เมื่อดูว่าส่วนผสมสุกได้ที่แล้วให้ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ แมกกี้
  4. นำแป้งละลายน้ำ แล้วเทใส่ในหม้อ ดูให้พอข้น (เอาให้ข้นพอประมาณนะครับ) แล้วยกขึ้น
  5. ตอนรับประทานให้โรยด้วยพริกไทย ผักชี หากต้องการรสชาติเผ็ดให้ใส่พริกป่น หรือพริกน้ำส้มก็แซ่บนักแล
เป็นไงกันบ้างครับ จากดูวิธีทำก็ไม่ได้ยากมากมายอะไรนะครับ หากใส่ปีกไก่ลงไปด้วยก็น่าจะอร่อยเข้าไปอีกนะครับ เอาเป็นว่าไว้ผมได้ลองทำดูแล้วจะถ่ายรูปมาอัพเดทกันอีกครั้งแล้วกันนะ สำหรับวันนี้ก็ขอลากันไปก่อนหล่ะ สวัสดี

credit by :  ขนมอาหาร.blogspot.com/2013/03/blog-post.html


Read More...


วิธีทำเทมปุระโซบะ รสกลมกล่อม อร่อยลืม!


     สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำในการทำอาหารญี่ปุ่นกันน่ะคะ เมนูที่จะแนะนำในวันนี้ก็คือ เทมปุระโซบะ นั่นเองซึ่งหลายๆ คนก็คงจะคุ้นเคยกับเมนูนี้น่ะคะ เพราะเดี๋ยวนี้บ้านเราจะมองไปทางไหน ก็จะเจอแต่ร้านอาหารญี่ปุ่นเยอะแยะไปหมด อาหารญี่ปุ่นนอกจากจะมีหน้าตาที่ดูน่ากินแล้ว อืม ม ม ก็ยังอร่อยไม่แพ้อาหารไทยของเราเลยน่ะคะ งั้นอย่ารอช้า เรามาดูส่วนผสมกันเลยดีกว่าค่ะ


ส่วนแรกจะเป็นวิธีทำน้ำซุปปลาแห้งค่ะ

ส่วนผสมน้ำซุปปลาแห้ง

  • น้ำเปล่า 6   ถ้วย
  • ปลาโอแห้งขูดฝอยแผ่นใหญ่ 1 1/2 ถ้วย
  • โชยุ 3/4  ถ้วย
  • มิริน 3/4  ถ้วย
  • สาเก 3/4  ถ้วย

วิธีทำน้ำซุปปลาแห้ง

  1. เราจะตั้งน้ำให้เดือด จากนั้นใส่ปลาโอแห้งลงไป แล้วปิดไฟทันทีน่ะค่ะ(เพราะถ้าเราปล่อยให้น้ำเลือดขณะที่เราใส่ปลาโอแห้งลง ไปน้ำซุปเราจะขุ่น) พอเราปิดไฟแล้ว ให้พักไว้สักครู่ แล้วกรองเฉพาะน้ำใส่หม้ออีกใบ
  2. พอเราได้น้ำที่กรองไว้แล้วเมื่อกี้น่ะคะ เราจะใส่โชยุ มิริน และสาเก แล้วก็ยกขึ้นตั้งไฟ ต้มไว้ประมาณ 5-10 นาที จนมันเดือด แค่นี้ก็จะได้แล้วค่ะ น้ำซุปปลาแห้งของเรา
ต่อมาเราจะทำในส่วนของกุ้งทอดเทมปุระกันค่ะ

ส่วนผสมของกุ้งทอดเทมปุระ

  • กุ้งสดขนาดกลางแกะเปลือก เหลือหางของกุ้งไว้ด้วยน่ะคะ 8  ตัว
  • ไข่ไก่ เอาเฉพาะไข่แดง 1  ฟอง
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3/4  ถ้วย
  • น้ำเย็นจัด 3/4  ถ้วย
  • น้ำมันสำหรับทอดกุ้ง

วิธีทำกุ้งทอดเทมปุระ

  1. ขั้นแรกเราจะตีไข่ให้เข้ากัน และก็เติมน้ำเย็นลงไป คนเบาๆ จากนั้น ใส่แป้งสาลีลงผสมจนเหนียว
  2. คลุกเคล้ากุ้งกับแป้งสาลีให้ทั่ว (ตบๆ แป้งเบาๆ ที่มันเป็นส่วนเกินออกด้วยน่ะค่ะ) แล้วนำมาชุบกับส่วนผสมในขั้นตอนแรกที่เราทำเตรียมไว้ค่ะ จับส่วนหางขึ้นให้แป้งหยดออกจากตัวกุ้ง เพื่อไม่ให้แป้งเกาะจนหนาเกินไป เดี๋ยวจะไม่กรอบน๊า
  3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันรอจนน้ำมันร้อน ค่อยๆ หย่อนกุ้งลงทอด ใช้ไฟปานกลางน่ะคะ หลังจากนั้นให้เราโรยแป้งเทมปุระบนตัวกุ้งเล็กน้อย สังเกตดูให้กุ้งมีสีเหลืองๆ แสดงว่ากุ้งของเราสุกแล้วค้า ใช้กระชอนตักขึ้นมาพักไว้ ให้สะเด็ดน้ำมัน แค่นี้เราก็จะได้กุ้งทอดเทมปุระแล้ว เตรียมไว้ใส่กับโซบะของเราได้เลย
หลังจากเราเตรียมส่วนผสมทั้งหมดแล้ว ทั้งน้ำซุปปลาแห้ง, กุ้งทอดเทมปุระ ยังมีอีกส่วนผสมสำคัญ นั่นคือเส้นโซบะและผัก
จะเป็นเทมปุระโซบะได้ ต้องมีส่วนผสมตามนี้เลย 

ส่วนผสมของเทมปุระโซบะ

  • เส้นโซบะ 200 กรัม
  • กุ้งทอดเท็มปุระ
  • น้ำซุปปลาแห้งตามชอบ
  • ผักต่างๆ เช่น กวางตุ้ง ตังโอ๋ หรือจะผักที่เราชอบก็ได้ค่ะ
วิธีทำขั้นตอนสุดท้ายน่ะคะ

วิธีทำเทมปุระโซบะ

  1. ลวกเส้นโซบะในน้ำเดือดๆ (เวลาลวกให้เราดูเวลาตามซองของเส้นที่ซื้อมาได้เลยน่ะคะ) พอลวกได้ที่แล้ว ก็ตักขึ้นมาแช่น้ำเย็น วางพักไว้ในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นเราก็มาลวกผักพอสุก เตรียมไว้เลยค้า
  2. จัดเส้นโซบะและผักที่เราลวกไว้แล้วใส่ลงชาม แล้วราดน้ำซุปพอท่วมเส้นน่ะคะ
  3. ขั้นตอนสุดท้ายคือการวางกุ้งทอดเทมปุระไว้ข้างบนนั่นเอง เป็นอันว่าเสร็จแล้วพร้อมรับประทานกันเลย
ดูจากส่วนผสมและวิธีทำทั้งหมดแล้ว เป็นไงกันบ้างคะ พอจะทำได้กันบ้างมั้ยเอ่ย มันอาจจะดูยุ่งยากน่ะคะ แต่ถ้าได้ลงมือทำกันจริงๆ แล้ว ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดเลย ยังไงก็ลองทำกันดูน๊า า ^^ 
 

Read More...


กลมกล่อมรส ‘กุ้งเทมปุระโซบะ’


ตามธรรมเนียมของชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทาน “โซบะ” ในช่วงฤดูหนาว นอกจากทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นแล้ว ชาวญี่ปุ่นยังนิยมรับประทานในวันสิ้นปีคล้ายกับเป็นการขอพรให้มีชีวิตยืนยาว เหมือนเส้นโซบะและมีสุขภาพดี แต่โซบะกับคนไทยอาจเพิ่งทำความรู้จักกันบนโต๊ะอาหารได้ไม่นาน ถ้าเทียบกับชามเส้นที่มีลักษณะและรสชาติเข้มข้นต่างกันอย่าง “อุด้ง” และ “ราเม็ง” ความโดดเด่นของโซบะนั้นถูกยกให้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ รับประทานแล้วไม่อ้วนเพราะเส้นโซบะทำจากดอกข้าว หรือ “แป้งบัควีท” ซึ่งมีสรรพคุณล้นเหลือคือ ถูกย่อยและดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว รวมแร่ธาตุหลายชนิด เช่น เหล็ก, แคลเซียม, โพแทสเซียม และโปรตีน ช่วยให้กล้ามเนื้อกระดูกและเลือดสมบูรณ์แข็งแรง เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของเด็กและป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอย

เกริ่นมาขนาดนี้หลายคนคงอยากชิมแล้วว่ารสชาติเป็นอย่างไร โอกาสดี “เอ๋-ภาดล กิตติเดชาสกุล” เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นโซบะเต บนชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ผู้คลุกคลีอยู่ในวงการอาหารและเคยใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น อาสาสาธิตวิธีการทำ “โซบะกุ้งเทมปุระ” ชนิดร้อน ซึ่งหารับประทานได้ยากกว่าชนิดเย็นได้ลองทำกัน “สมัยก่อนวิธีการทำเส้นโซบะค่อนข้างซับซ้อน ปัจจุบันทำง่ายขึ้นเพราะใช้เครื่องทำเส้นมาเป็นตัวช่วยเหมือนกับทำเส้น สปาเกตตี แค่หมักแป้งทิ้งไว้ค้างคืนไม่ต้องนวดจับใส่เครื่องก็สามารถใช้ได้ทันที แตกต่างจากอดีตที่วิธีการทำซับซ้อนต้องใช้มือและเท้านวด” คุณเอ๋กล่าวถึงตัวช่วยที่กลายเป็นที่มาของร้านลำดับถัดมาจากร้านอาหาร อิตาเลียน

คุณเอ๋เล่าต่อว่า วันหนึ่งเพื่อนชาวญี่ปุ่นมาเยี่ยม พาไปรับประทานอาหารอิตาเลียนที่ร้าน ด้วยความที่เป็นร้านอาหารอิตาเลียนทำเส้นสปาเกตตีเอง นอกจากนำเข้าเครื่องทำเส้นไว้ที่ร้านแล้วยังเป็นตัวแทนจำหน่ายส่งตามโรงแรม ต่าง ๆ ด้วย เมื่อเพื่อนทราบก็สงสัยว่าทำไมไม่ทำโซบะขายเอง เพราะใช้เครื่องตัวเดียวกัน ระหว่างนั้นนำเข้าอาหารทะเลแช่แข็งส่งห้างอิเซตัน บัง เอิญเดินผ่านที่ตรงนี้เห็นว่าพื้นที่ว่างพอดี จึงดำเนินการติดต่อธุรกิจ หลังจากนั้นบินไปเทรนด์การใช้เครื่องทำเส้น ควบคู่กับลงลึกถึงการทำโซบะและซูชิ ที่ร้านของเพื่อนในชื่อเดียวกันประมาณ 3 เดือน พอคล่องแคล่วแล้วจึงกลับมาสานต่อความฝันให้เป็นจริง

ดังนั้นรสชาติจึงได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นขนานแท้ สำหรับวัตถุดิบและส่วนผสมของ “โซบะกุ้งเทมปุระ” แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย เส้นโซบะ ใช้แป้งบัควีท 1 กิโลกรัม, น้ำ 350 ซีซี น้ำโซบะ ใช้น้ำเปล่า 4,000 ซีซี (ต้มเป็นหม้อ), มิริน 1,000 ซีซี, ปลาแห้ง 1 กำมือ, เห็ดหอมแห้ง 4-5 ดอก, สาหร่ายคอมบุ 2-3 เส้น, ฮอนดาชิ 1 ช้อนโต๊ะ และโชยุ 1,000 ซีซี กุ้งเทมปุระ ใช้กุ้งกุลาดำ ขนาด 4-5 นิ้ว ประมาณ 2 ตัว สามารถใช้กุ้งของไทยตามสบาย เพราะคุณเอ๋การันตีว่ากุ้งของเมืองไทยคุณภาพดีกว่ายิ่งนัก กรณีที่ชอบเผือก มัน แครอท และลูกชิ้นปลา สามารถใส่เพิ่มได้ คลุกกับแป้งสาลีและแป้งเทมปุระ ก่อนทอดลงในน้ำมันร้อนโดยใช้ไฟธรรมดาเพื่อให้เทมปุระกรอบเหลือง

วิธีการทำเส้นโซบะ นำแป้งบัควีทผสมน้ำนวดทิ้งไว้หนึ่งคืนเพื่อให้แป้งนุ่ม คุณเอ๋เผยเทคนิคว่า ความจริงแล้วเส้นโซบะไม่ค่อยมีส่วนผสมของแป้ง ทำให้เส้นไม่ยึดติดกัน ขาดง่าย จึงต้องระมัดระวังสำหรับมือใหม่ เมื่อแป้งเข้าที่แล้วให้นำใส่เครื่องทำเส้น จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือด ปกติถ้าเป็นลิ้นคนญี่ปุ่นต้มเส้นแค่ 7 นาที แต่ลิ้นคนไทยอาจแข็งเกินไปอนุโลมให้ต้มเผื่อไปอีก 3 นาทีได้ เสร็จแล้วตักเส้นขึ้นจัดใส่ชาม ถ้าชอบกินแบบเย็นแนะนำให้น็อกเส้นในน้ำเย็นก่อน ส่วนน้ำโซบะ ต้มน้ำในกาที่มีตัวกรอง ใส่สาหร่ายคอมบุ พอน้ำเดือดนำสาหร่ายออกใส่ปลาแห้ง เห็ดหอมลงไป ปิดฝาทิ้งประมาณ 5 นาที ปรุงรสด้วยมิริน, ฮอนดาชิ และโชยุ เสร็จแล้วตักใส่ชามประดับด้วยกุ้งเทมปุระ ผักกวางตุ้งและลูกชิ้นปลา โดยทั่วไปจะเสิร์ฟพร้อมวาซาบิและสาหร่ายโนริ โซบะชนิดนี้หากเสิร์ฟแบบเย็นบนถาดไม้ไผ่จะเรียกว่า “ซารุโซบะ”.
‘ช้องมาศ’

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/251572/กลมกล่อมรส+‘กุ้งเทมปุระโซบะ’

Read More...


‘ข้าวต้มมัดกล้วย-ถั่ว’ อร่อยคนละแบบ...ขายดี!!


ประเทศไทยมีการปลูกกล้วยค่อนข้างมาก เราจึงได้ประโยชน์จากใบตองและกล้วยทำให้ได้เมนูขนมที่อร่อย เช่น “ข้าวต้มมัด” ขนมพื้นบ้านเป็นภูมิปัญญาไทยที่มีมาแต่โบราณ เป็นการนำเอาวัตถุดิบที่หาง่ายและมีอยู่ทั่วไปในท้องถิ่น อย่าง ข้าวเหนียวและกล้วยนํ้าว้าสุกมาแปรรูปเป็นอาหารว่างทำรับประทานกันในครอบ ครัว และทำขายได้ ซึ่งวันนี้ทีมงาน “ช่องทางทำกิน” มีสูตรข้าวต้มมัดมาเสนอ ซึ่งนอกจากจะใช้ในการดำรงชีพแล้วยังนำไปเป็นแบบอย่างใหม่คนรุ่นหลังได้ดูกัน อีกด้วย
 
พรภัส ระจิตดำรงค์ หรือ “เจ๊ชุ้น” อายุ 33 ปี เจ้าของสูตรข้าวต้มกล้วยสวน จ.ชลบุรี เล่าให้ฟังถึงที่มาของสูตรข้าวต้มมัดที่ใช้ในการทำขายว่า เป็นสูตรของคุณแม่ ซึ่งเป็นคนมีฝีมือด้านนี้ จึงทำให้ลูก ๆ กินกันเป็นประจำ และมักทำขายในช่วงเทศกาลงานบุญออกพรรษาเท่านั้น ไม่ได้ทำขายเป็นกิจจะลักษณะ มี 2 ไส้ คือ กล้วย และ ถั่ว ซึ่งขายดีมาก ทุกครั้งที่ทำจะมีคนสั่งเป็นจำนวนมาก โดยเธอจะเป็นผู้ช่วย แต่ตอนหลังคุณแม่ปวดเอวปวดขา เธอจึงลงมือทำคนเดียวมาโดยตลอด

“สูตรของคุณแม่มีขั้นตอนการทำไม่เหมือนกับของเจ้าอื่น ที่ต้องผัดข้าวเหนียวก่อนนำไปนึ่ง แต่ของเราจะนึ่งข้าวเหนียวก่อนผัด รับรองว่าข้าวเหนียวสุกแน่นอน เคยลองชิมของเจ้าอื่นส่วนมากข้าวเหนียวจะดิบไม่สุก ทำให้เสียความรู้สึกมาก เมื่อมีครอบครัวพี่ก็แยกตัวออกมาทำอาชีพขายผลไม้ พอมีหน้าร้านเลยลองทำข้าวต้มมัดออกมาขายเป็นเพื่อน กันปรากฏว่าขายดีมาก ลูกค้าขาประจำสั่งครั้งละเยอะ แต่มีลูกค้าอยู่คนหนึ่งบอกเห็นข้าวต้มมัดแล้วคิดถึงลูก เพราะลูกชอบกินมาก มักจะสั่งครั้งละเยอะมากแช่แข็งส่งไปต่างประเทศ ลูกเอาไปอุ่นรับประทานโทรศัพท์มาบอกอร่อยเหมือนกินในเมืองไทยเลย”

อุปกรณ์ ที่ใช้มี เตาแก๊ส, ลังถึง, กระทะ, กะละมัง และมีด วัสดุที่ใช้ในการห่อก็มี ใบตอง และตอกสำหรับมัด (แช่นํ้า 15 นาทีให้ตอกนิ่มจะมัดง่าย)

ส่วนผสม ข้าวเหนียวเขี้ยวงูชนิดพิเศษ (ต้องเป็นข้าวเหนียวเก่า) 3 กก., หัวกะทิ 2 กก., นํ้าตาลทราย 1.2 กก., เกลือป่น 4.5 ช้อนโต๊ะ, กล้วยนํ้าว้าสวนสุก, ถั่วดำต้ม และถั่วเขียวซีกนึ่ง 

วิธีทำ “ข้าวต้มมัดกล้วย-ถั่ว”
เริ่มจากการนำข้าวเหนียวเขี้ยวงู 3 กก. แช่นํ้าสะอาดทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง พร้อม ๆ กับถั่วดำและถั่วเขียวซีกที่ต้องแช่นํ้าทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงเช่นกัน ระหว่างนั้นให้ทำการคั้นนํ้าหัวกะทิให้ได้ 2 กก. ต่อนํ้าตาลทราย 1.2 กก. และเกลือ 4.5 ช้อนโต๊ะ 

นำข้าวเหนียวไปนึ่งให้สุก ตั้งพักไว้สักครู่ จากนั้นก็นำถั่วดำและถั่วเขียวซีกไปต้มและนึ่งให้สุกเช่นกัน 
เอาหัวกะทิลงไปเคี่ยวในกระทะสักครู่ (อย่าให้กะทิแตกมัน) ใส่เกลือตามลงไปคนให้เกลือละลาย นำข้าวเหนียวที่นึ่งเตรียมไว้ใส่ลงไปผัดในกระทะ โดยใช้ความร้อนปานกลาง พอผัดข้าวเหนียวเริ่มแห้งก็ใส่นํ้าตาลทรายตามลงไปผัดต่อ เมื่อผัด    ส่วนผสมเข้ากันดีแล้วและเริ่มแห้ง ยกลงจากเตาพักไว้ให้เย็น
ระหว่างรอก็ทำการเตรียมไส้ข้าวต้มมัด “ไส้กล้วย” นำกล้วยนํ้าว้าสุก แกะเปลือกออก แล้วผ่าครึ่งตามยาวและตัดครึ่งตามขวาง (กล้วยสวนผลใหญ่ 1 ผล จะผ่าได้ 4 ชิ้น) วางเตรียมไว้ในภาชนะ ส่วน “ไส้ถั่ว” นำถั่วเขียวซีกที่นึ่งสุกแล้วมาบดให้ละเอียดลงไปกวนกับหัวกะทิ นํ้าตาลทราย และเกลือ จนแห้ง รอให้เย็นปั้นเป็นก้อนตามขนาดที่ต้องการเตรียมไว้

การห่อ ให้ฉีกใบตองเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า สองขนาด คือ 5 นิ้วกับ 7 นิ้ว ตัดหัวให้เรียบร้อย เช็ดให้สะอาด วางใบตองซ้อนกันให้หน้านวลชนกัน ใบเล็กวางบนใบใหญ่ลักษณะกากบาท หยิบข้าวเหนียวที่ผัดวางบนใบตองเล็กน้อย ใส่กล้วยสุกที่หั่นเตรียมไว้วางข้าวเหนียวทับไส้ให้มิดบาง ๆ ไส้กล้วยใส่ถั่วดำวาง 4-5 เม็ด 

ทำการห่อให้มิด พับหัวท้าย ให้มีนมทั้งสองข้าง แล้วจับคู่มัดด้วยตอกให้แน่น (การห่อข้าวต้มมัดไส้ถั่ว ก็ทำเช่นเดียวกับไส้กล้วย) เสร็จแล้ววางเรียงลงในลังถึงยกขึ้นนึ่ง ประมาณ 50 นาที ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

พี่ชุ้นบอกว่าข้าวต้มมัดของที่ร้านจะรัดแน่น อร่อย หวานมัน ตั้งขายไม่ถึงชั่วโมงก็หมดแล้ว เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเลือกสรรวัตถุดิบ อย่าง กล้วยจะใช้กล้วยสวน ลูกจะโตรสหวานอร่อย ข้าวเหนียวก็ใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงู จะนุ่มพิเศษกว่าพันธุ์อื่น การเก็บสามารถอยู่ข้างนอกอยู่ได้ 2 วันโดยไม่เป็นยาง หากต้องการเก็บไว้รับประทานหลายวัน เก็บในตู้เย็นอยู่ได้นาน 7 วัน 
ราคาขาย “ข้าวต้มมัดกล้วย-ถั่ว” มัดละ 10 บาทเท่านั้น!!

ใครสนใจอยากจะทำขายเป็นรายได้เสริม ก็ลองฝึกทำกันดู หรือ สั่งไปใช้ในงานสัมมนาหรือออกร้านในเทศกาลต่าง ๆ ติดต่อสอบถาม พี่ชุ้น-พรภัส ได้ที่ โทร. 08-7007-1053 หากจะซื้อหาไปลองรับประทานว่าอร่อยจริงหรือเปล่า เชิญที่ตลาดจัตุจักร อ.พนัสนิคม เวลา 16.00–21.00 น. ทุกพุธ-อาทิตย์
นี่ก็เป็นอีกรูปแบบ “ช่องทางทำกิน” ที่ยังไปได้ดี!!.

คู่มือการลงทุน...“ข้าวต้มมัดกล้วย-ถั่ว”
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 3,000 บาท
ทุนวัตถุดิบ 50% ของราคาขาย
รายได้ 10 บาท/มัด
แรงงาน 1-2 คน
ตลาด ตลาดนัด, ย่านขายอาหาร
จุดน่าสนใจ ต่อยอดภูมิปัญญาสร้างเงินดี
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/250165/‘ข้าวต้มมัดกล้วย-ถั่ว’+อร่อยคนละแบบ...ขายดี!!

Read More...


ละมุนรักรส ‘คอฟฟี่ โรล เค้ก’


ใช้ชีวิตลองผิดลองถูกเหมือนกับการทำขนมหวาน เพราะกว่าจะอร่อยถูกปากโดนใจสักชิ้น ชัยรัตน์ เขื่อนโพธิ์ หรือ “โจ้” อดีตนายธนาคารหนุ่มวัย 32 ปี ต้องใช้เวลาขบคิดปรับนิดเติมหน่อย จนชีวิตหวานกลมกล่อมลงตัวดั่งเช่นปัจจุบันที่ผันตัวเองมาเป็นเชฟขนมหวาน ประจำ “ร้านมิสซิสฟิลด์ส” ในตำแหน่งหัวหน้างานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ แผนกฟู้ดรีเทล ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค บริษัท ดีเคเอสเอช  (ประเทศ ไทย) จำกัด คอยคิดค้นสูตรขนมป้อนโรงงานผลิตสู่มือผู้บริโภค

อาชีพในฝันที่ปรุงชีวิตให้หอมหวานไม่แพ้คุกกี้ ขนมซิกเนเจอร์ประจำร้านนั้น เชฟโจ้เล่าประวัติให้ฟังคร่าว ๆ ว่า แม้ชื่นชอบทำอาหารมานาน แต่ไม่ได้จริงจังเรียนเป็นเรื่องเป็นราว ดังนั้นปริญญาตรีใบแรกจึงเอาดีด้านนิเทศศาสตร์ ที่ ม.นเรศวร ขณะเดียวกันเห็นว่า ม.ราชภัฏสวนดุสิต เปิดสอนสาขาอุตสาหกรรมและการบริการ ฝึกให้เป็นเชฟโดยตรง ด้วยความสนใจจึงโอนหน่วยกิตมาเรียนปริญญาตรีใบที่สอง หลังจากนั้นมีโอกาสเข้าร่วมโครงการเจวัน ฝึกงานกับร้านอาหารไทย ที่รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ใช้ชีวิตในต่างแดนประมาณหนึ่งปีครึ่ง กลับมาเมืองไทยทำงานเป็น “หนุ่มแบงก์” กับธนาคารธนชาตเพียง 6 เดือนจึงลาออก

“รู้สึกไม่ใช่ตัวเราแล้ว หลังจากลาออกได้สมัครเรียนด้านขนมหวานโดยตรง ที่โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอกอร์ดอง เบลอ ดุสิต เริ่มค้นพบตัวเองแล้วว่าชอบทางนี้ ส่วนสาเหตุที่เลือกเรียนรู้วิธีทำขนมหวานให้ลึกซึ้งนั้น เพราะนิสัยส่วนตัวเป็นคนไม่มีความละเอียดรอบคอบ แต่การทำขนมทุกอย่างต้องใส่ใจรายละเอียด คล้ายกับฝึกให้ใจเย็นลง ขณะเดียวกันยิ่งได้เรียนรู้ยิ่งสนุกมากขึ้น จนความสามารถฉายแวว มีพี่ที่รู้จักแนะนำให้มาทำงานที่มิสซิสฟิลด์ส ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นอาชีพเชฟที่ทำต่อเนื่องมา 2 ปี” เชฟโจ้เล่า
หลงรักขนมหวานนานาชนิดก็จริง แต่เชฟโจ้ต้องปรับตัวอีกครั้งเพราะไม่ชอบจับขนมหวานที่ชื่อคุกกี้ “มันยากสำหรับผม” เชฟโจ้เผยความลับ การทำคุกกี้เหมือนง่ายนะครับ แต่พอเข้ามาสัมผัสจริง ๆ ยากมาก ทุกคนคิดว่าทำคุกกี้ง่ายจะตาย แต่ผมมองว่าการจะทำให้อร่อยค่อนข้างยาก แต่ในวันนี้เชฟโจ้ได้ประยุกต์ความรู้ที่มีคิดค้นสูตรขนมหวานสำหรับคอลัมน์ “สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ” โดยเฉพาะให้ได้ลองทำตามกัน เอาใจคนรักขนมหวานด้วย “คอฟฟี่ โรล เค้ก”

ส่วนผสมแบ่งเป็นสามส่วน ขนมปังอ่อน เตรียมวัตถุดิบ
ไข่ 160 กรัม, ไข่แดง 65 กรัม, ไข่ขาว 100 กรัม, น้ำตาลทราย 160 กรัม, แป้งข้าวโพด 15 กรัม, แป้งอเนกประสงค์ 15 กรัม วิธีทำ ตีไข่และไข่แดงรวมทั้งน้ำตาลทราย 75 กรัมให้ขึ้นฟู พักไว้แบ่งไข่ขาวตีกับน้ำตาลทราย 75 กรัมให้เป็นเมแรงค์ จ

ากนั้นร่อนแป้งรวมกัน แบ่งเมแรงค์ผสมในไข่รวม เมื่อเข้ากันประมาณร้อยละ 70 ค่อยร่อนแป้งผสม เทใส่ถาดอบขนาด 30x40 เซนติเมตร ปาดให้เท่ากัน อบด้วยอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 8 นาที

พาสตรี ครีม ส่วนผสม นม 300 กรัม, น้ำตาลทราย 50 กรัม, ไข่แดง 4 กรัม, แป้งอเนกประสงค์ 18 กรัม, แป้งข้าวโพด 19 กรัม, ผงกาแฟสำเร็จรูป 2 กรัม และน้ำร้อน 10 มิลลิลิตร

วิธีทำ ต้มนมพอร้อนให้ตีไข่แดงและน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ใส่แป้งจากนั้นค่อยใส่นมคนจนเข้ากัน นำส่วนผสมทั้งหมดตั้งไฟ กวนจนรู้สึกเหนียวและแป้งสุก ต่อมาผสมผงกาแฟสำเร็จรูปกับน้ำร้อนใส่ตามลงไปผสมให้เข้ากัน พักไว้ให้เย็น, บัตเตอร์ครีม ส่วนผสม ไข่ขาว 45 กรัม, น้ำตาลทราย 75 กรัม, น้ำ 18 กรัม, เนย 115 กรัม, ผงกาแฟสำเร็จรูป 3 กรัม และน้ำร้อน 15 มิลลิลิตร วิธีทำ นำน้ำตาลทรายและน้ำต้มจนความร้อนถึง 117 องศาเซลเซียส ตีไข่แดงพอขึ้นฟู แล้วนำน้ำเชื่อมเทลงไป ตีจนรู้สึกเย็นนำน้ำร้อนผสมผงกาแฟสำเร็จรูปให้เข้ากัน ใส่ลงไปในไข่แดง ตีให้เข้ากัน ค่อยเทเนยลง ตีจนเนื้อเนียนการประกอบ นำแป้งเนื้ออ่อนตัดขอบทั้ง 4 ด้านออก แล้วนำคอฟฟี่ ครีม เทลงไป ปาดให้ทั่วแผ่นแล้วม้วนให้เป็นโรล หลังจากที่ม้วนเป็นโรลเสร็จให้นำบัตเตอร์ครีม มาปาดด้านนอกให้ทั่วและตกแต่งตามใจชอบ...คอฟฟี่ โรล เค้ก ก็พร้อมเสิร์ฟทุกคน.
‘ช้องมาศ’

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/246479/ละมุนรักรส+‘คอฟฟี่+โรล+เค้ก’

Read More...


ก๋วยเตี๋ยว-สัมตำทะเล



อาหารจานเดียว และอาหารว่างทั่ว ๆ ไป ก็สามารถมาทำให้แปลก ให้แตกต่าง หรือเพิ่มมูลค่าสินค้า ด้วยการแค่เปลี่ยนส่วนผสมของวัตถุดิบ ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์จากทะเล อาทิ กุ้ง, ปู, ปลาหมึก, ปลาทะเลต่าง ๆ ก็ทำให้อาหารจานนั้นกลายเป็นจุดเด่น เรียกลูกค้าเข้าร้านได้ทันที อย่าง “ก๋วยเตี๋ยวทะเล” และ “ส้มตำทะเล” ของ ชุมชนสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งแห่งประเทศไทย จ.ปทุมธานี โดยทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...  

ขจี ขำละม้าย หรือป้าแอ๊ด  ประธานชุมชนสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งแห่งประเทศไทย จ.ปทุมธานี  บอกว่า นอกจาก “ข้าวยำทะเล” ซึ่งเป็นเมนูหลักเวลาที่ไปออกร้านขายของแล้ว ยังมี “ก๋วยเตี๋ยวทะเล” และ “ส้มตำทะเล” เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมากทุกครั้งที่ไปออกร้าน  เพราะมีความแปลก และแตกต่างจากร้านค้าอื่น ๆ

“แม้ว่าอาหารทั้งสองอย่างนี้ จะยุ่งยากในขั้นตอนการเตรียมอุปกรณ์สักหน่อย แต่ถ้ามีสถานที่ หรือทำเลดี ๆ ที่มีคนเดินเยอะ ๆ ก็จะเป็นเมนูที่ได้คนสั่งทานเป็นอันดับแรก ๆ” ขจี กล่าว

เริ่มที่ “ก๋วยเตี๋ยวทะเล”  อุปกรณ์ที่ใช้ หลัก ๆ มีหม้อก๋วยเตี๋ยว, เตาแก๊ส, ตะกร้อลวกเส้น, ทัพพีตักน้ำซุป, ชาม-ตะเกียบ-ช้อน เป็นต้น ส่วนเครื่องปรุงรสชาติที่ต้องเตรียมไว้บริการลูกค้า มี น้ำปลา, น้ำตาล, พริกป่น, และน้ำส้มพริกดอง

ส่วน วัตถุดิบที่ใช้ หลัก ๆ มีเส้นก๋วยเตี๋ยวใช้สองชนิด คือ เส้นเล็ก และเส้นหมี่ขาว นอกจากนี้ยังมีเนื้อปูต้มสุก, กุ้งต้ม, ปลากรอบ, เนื้อปลากะพงต้ม, ปลาหมึกต้ม และผักอย่างกะหล่ำปลีต้ม, ผักคะน้าลวก, ผักชีซอย และเครื่องโรยหน้าอย่างกระเทียมเจียว และตั้งฉ่าย
วิธีทำ เริ่มที่ “การต้มน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว” ก่อน ซึ่งป้าแอ๊ด บอกว่า การต้มน้ำซุป ยิ่งต้มนาน ยิ่งดี เพราะน้ำจะยิ่งหวานรสชาติกลมกล่อม

วิธีต้ม เริ่มที่ ตักน้ำใส่หม้อสเตนเลสขนาดเบอร์ 40 หรือเบอร์ 60 ปริมาณค่อนหม้อ ใส่กระดูกคาตั๊ง 1 กก. ลงไปต้มจนเดือด ระหว่างต้มถ้ามีฟองอากาศขึ้นมาให้หมั่นช้อนฟองทิ้ง เมื่อกระดูกคาตั๊งสุกแล้ว ให้หรี่ไฟลง ใส่กระเทียม-พริกไทย (พอประมาณ) รากผักชี 20 ราก และน้ำตาลกรวด (พอประมาณ) ที่ปั่นหรือโขลกให้เข้ากัน  ใส่ลงไปต้มรวมกัน

ต้มไปเรื่อย ๆ ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เมื่อใกล้เวลาที่พร้อมจะออกขายแล้ว ให้ปรุงรสน้ำซุปอีกครั้งด้วยเกลือป่น และซอสปรุงรส พร้อมทั้งใส่หัวไชเท้าหั่นลงไปต้มด้วย เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย

วิธีขาย  หยิบผักกะหล่ำปลี และผักคะน้าใส่ลงตะกร้อลวกก๋วยเตี๋ยว ตามด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ลูกค้าสั่ง ลวกในหม้อน้ำร้อนที่ต้มจนเดือด ลวกเสร็จแล้วใส่ในชามที่เตรียมไว้ ใส่กระเทียมเจียว, ตั้งฉ่าย ลงไป จากนั้นใส่เครื่องทะเล อย่างปลาหมึกต้ม, กุ้งต้ม, เนื้อปูลวก และเนื้อปลากะพง เสร็จแล้ว ตักน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวลงไปพอประมาณ พร้อมหัวไชเท้า 1-2 ชิ้น โรยหน้าด้วยพริกไทย, ปลากรอบ และผักชีซอยเป็นขั้นสุดท้าย ราคาขายชามละ 50-60 บาท (ขึ้นอยู่กับสถานที่ และทำเล)

ส่วน “ส้มตำทะเล” นั้น  อุปกรณ์ที่ใช้ หลัก ๆ มี ครก, สาก, ทัพพี, มีด, จาน, ชาม, ตะกร้า, หม้อ และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดในครัวเรือน ซึ่งถ้าลงทุนครั้งแรกก็น่าจะประมาณไม่เกิน 5,000 บาท

วิธีทำ ตำกระเทียม และพริกขี้หนูลงไป  ตำให้เข้ากัน ตามด้วยมะเขือเทศสีดา เส้นมะละกอ และเส้นแครอทสับ ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำมะขามเปียกต้ม และน้ำมะนาว  จากนั้น ใส่ปูกะตอยต้ม, กุ้งต้ม และปลาหมึกต้ม  คลุกให้ทุกอย่างเข้ากัน  แล้วชิมรสให้ได้ 3 รส คือ เปรี้ยว หวาน เค็ม  เสร็จแล้วตักใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วโรยหน้าด้วยปลาป่น  เสิร์ฟพร้อมผักแกล้มอย่างผักกาดหอม, ใบชะพลู, กะหล่ำปลีสด และถั่วฝักยาว ราคาขายชุดละ 50-60 บาท (ขึ้นอยู่กับสถานที่ และทำเล)

 ใครสนใจ “ก๋วยเตี๋ยวทะเล-ส้มตำทะเล” ติดต่อ ขจี ขำละม้าย เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 08-1481-8988 นอกจาก “ก๋วยเตี๋ยวทะเล-ส้มตำทะเล” แล้วยังมีเมนูทะเลอื่น ๆ อีก อาทิ ข้าวยำทะเล, แกงเขียวหวานทะเล, ผัดกะเพราทะเล ฯลฯ ซึ่งเป็นอาหารที่ใช้ส่วนผสมเป็นผลิตภัณฑ์จากทะเลทั้งสิ้น.
...................................................................
คู่มือลงทุน...ก๋วยเตี๋ยว-ส้มตำทะเล
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 40% ของราคาขาย
รายได้ ราคาขาย 50-60 บาท/1ชุด
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ชุมชน, ร้านอาหาร, งานออกร้าน
จุดน่าสนใจ เป็นการสร้างเมนูใหม่ที่แตกต่าง
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน/สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/248504/ก๋วยเตี๋ยว-ส้มตำทะเล+สร้าง+‘ค่า’+จาก+‘ความต่าง’

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.