นานมากแล้วที่ผมไม่ได้เขียนถึงสูตรอาหารที่เป็นของหวาน
ล่าสุดผมเพิ่งกลับมาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ซึ่งโรงแรมวังใต้ที่ผมไปพักเขาทำขนมเปียกปูนให้กินเลยได้แรงบันดาลใจให้ลูก
น้องโทรฯ ไปขอสูตรกับโรงแรมมาให้เพื่อน ๆ ได้ทำกันดู
หวานหอมอร่อยที่สุดเลยครับ โดยผมใช้ชื่อเมนูว่า
เปียกปูนใบเตยซอสคาราเมลกะทิ
การทำขนมเปียกปูนนั้นไม่ยากครับ
สิ่งแรกที่จะต้องทำคือชั่งตวงวัดแป้งข้าวเจ้าและแป้งเท้ายายม่อมให้เรียบ
ร้อย จากนั้นผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม และเกลือป่นลงในภาชนะ
หลังจากนั้นเทน้ำปูนใสแบบที่ทำให้ตะกอนตกอยู่ข้างล่างใส่ลงไปและคนให้เข้า
กัน แล้วใส่น้ำใบเตยสีเข้มข้นลงไปผสมให้เข้ากัน
สิ่งสุดท้ายที่จะใส่คือน้ำตาลปี๊บ ไม่ต้องใส่ให้มากนักนะครับเพราะว่าเราไม่ได้อยากให้ขนมเปียกปูนหวานมาก แต่เราอยากให้ขนมเปียกปูนมีรสชาติที่อร่อยและกลมกล่อมเท่านั้น ไม่หวานเกินไป ที่ต้องใส่เกลือลงไปด้วยเพราะเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากเกลือจะทำให้รสชาติ ทุกอย่างสมดุล มีรสเค็ม ๆ หวาน ๆ
หลังจากผสมเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เทใส่ในหม้อเอาตั้งไฟปานกลาง คนไปเรื่อย ๆ จนขนมเปียกปูนมีความข้นขึ้น หลังจากนั้นแทนที่จะใช้ไม้พายให้เปลี่ยนมาเป็นใช้ไม้ตีไข่แทน โดยจับตรงโคนที่เป็นซี่ให้แน่น แล้วตีคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งจะต้องรีบคนก่อนที่ขนมเปียกปูนจะเดือดและสุก เพราะฉะนั้นถ้าต้องการขนมเปียกปูนที่ยังนุ่มและไม่แข็งจนเกินไปนัก สิ่งที่ควรทำคืออย่ากวนขนมเปียกปูนให้เหนียวจนเกินไปนัก และต้องให้เป็นเนื้อเดียวกันไม่เป็นก้อน ๆ
เสร็จแล้วเทลงไปในแม่พิมพ์ที่มีกระดาษไขรองอยู่ ทิ้งให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง แล้วปล่อยให้เซตตัวเองซึ่งจะใช้เวลา 2–3 ชั่วโมง จึงจะตัดเป็นชิ้นได้
ในระหว่างนั้นก็มาทำซอสคาราเมลกัน โดยเอากระทะตั้งไฟใส่น้ำตาลทรายลงไป แล้วทิ้งให้น้ำตาลทรายละลาย ซึ่งเวลาที่น้ำตาลทรายละลายอุณหภูมิของกระทะจะอยู่ที่ประมาณ 180-200 องศาเซลเซียสนะครับ จากนั้นต้องค่อย ๆ คนอย่าให้ไหม้ เมื่อน้ำตาลทรายเริ่มเป็นสีน้ำตาลเข้มขึ้นก็ให้เอาน้ำตาลปี๊บใส่ลงไปแล้วคน ให้เข้ากัน เมื่อคนเสร็จเรียบร้อยแล้วเอาหัวกะทิเทใส่ลงไปพร้อมคนให้เข้ากัน
อย่าลืมใส่เกลือลงไปอีกเล็กน้อยแล้วคนด้วยไม้พาย โดยคนจนกระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเหนียวและข้นพอ จากนั้นนำมาเทใส่ภาชนะ เมื่อเย็นลงจะข้นและเหนียวขึ้น ไม่ต้องเอาไปใส่ในตู้เย็นนะครับเพราะจะแข็ง
หลังจากนั้นก็เอาจานมาแล้วราดน้ำซอสวน ๆ เป็นเส้น ข้างล่างของจาน เอาขนมเปียกปูนที่ตัดมาจะเป็นสี่เหลี่ยมหรือรูปทรงอะไร
ก็ได้ตามที่เราอยากจะตัด แล้วโรยมะพร้าวขูดสด ๆ หรือมะพร้าวขูดที่นึ่งแล้วไว้ข้างบน จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยครับ เพื่อน ๆ ลองหาเวลาว่าง ๆ ทำกันดูนะครับ.
.................................
เครื่องปรุงแป้งเปียกปูน
- แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
- แป้งเท้ายายม่อม 1/4 ถ้วย
- น้ำปูนใส 3 ถ้วย
- น้ำใบเตย 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
เครื่องปรุงซอสคาราเมลกะทิ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
- หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
- เกลือ 1 ช้อนชา
- เปียกปูนใบเตยสำเร็จแล้ว 200 กรัม
- ข้าวพอง สำหรับโรยหน้า
- มะพร้าวขูดเป็นเส้น สำหรับโรยหน้า
..................................
ร้านอาหารชวนชิม
ผมมีสำนักงานอยู่ที่อำเภอบางบัวทอง ซึ่งเยื้อง ๆ กันมีร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ ชื่อว่า ก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้-เป็ดตุ๋น เป็นบรรยากาศแบบง่าย ๆ สบาย ๆ ดี
ผมซึ่งชอบกินเป็ดพะโล้อยู่แล้วได้กิน ก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ และอยากกิน เครื่องในเป็ดพะโล้ ด้วย เลยลองหมดทุกอย่างที่มีให้กิน มี ไส้แก้ว ซึ่งเป็นไส้ของเป็ดที่เอามาลวกและสับ กรอบดี ไม่เหนียวครับ มี เป็ดพะโล้ ที่เขาหั่นมาบาง ๆ รสชาติดี ไม่แห้งจนเกินไป
ในส่วนของไส้ ถ้าทิ้งไว้ข้างนอกนานเกินไปโดยที่ไม่ได้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมจะมีกลิ่น คาว ควรลวกให้พอดีเพราะถ้าลวกนานเกินไปจะทำให้มีกลิ่นคาว แต่สามารถใช้น้ำจิ้มช่วยดับกลิ่นคาวได้ครับ
นอกจากไส้แก้วแล้วยังมี กึ๋น ตับ และหัวใจพะโล้ ซึ่งผมกินกับข้าว อร่อยพอใช้ได้ครับ มี ปีกเป็ดพะโล้ และ ขาเป็ดตุ๋น เป็นของกินเล่นเพลิน ๆ อร่อยดีครับ นอกเหนือจากนั้นก็ยังมี ผัดกะเพราเป็ดพะโล้ กินกับข้าวแล้วรสชาติดี แซบ ถึงพริกถึงขิงถึงเครื่องดีครับ ในส่วนของ เป็ดย่าง ไม่อร่อยเท่าเป็ดพะโล้และเป็ดตุ๋นครับ
มาที่ก๋วยเตี๋ยว ผมสั่ง บะหมี่เป็ดพะโล้ ทั้งแห้งและน้ำเลยครับ เส้นบะหมี่ที่อร่อยอยู่แล้วเมื่อกินกับเป็ดพะโล้ก็ยิ่งอร่อยครับ ที่ร้านยังทำ ปีกและขาเป็ดอบหม้อดิน มาให้ผมกินด้วย ผมคิดว่าจานนี้ควรจะใส่เส้นบะหมี่ลวกหรือวุ้นเส้น แล้วเสิร์ฟ น่าจะอร่อยเพิ่มขึ้นครับ ยังมี เลือดเป็ดพะโล้ ซึ่งผมกินกับบะหมี่ที่สั่งมาครับ
ที่ร้านนี้มีของให้กินหลายอย่างแต่มีคนช่วยน้อย ทำให้ผมเกรงว่าเขาจะทำงานไม่ได้คล่องแคล่ว การที่มีทั้งเป็ดย่าง เป็ดพะโล้ และเป็ดตุ๋นน่าจะมากเกินไปสำหรับคนทำ 2 คน ทำให้ผมชั่งใจตัวเองอยู่นานว่าจะเขียนให้ดีหรือไม่ เพราะว่าอาหารเขารสชาติดี แต่ถ้าเขียนไปแล้ว เพื่อน ๆ ไปกันครั้งละมาก ๆ ที่ร้านจะลำบากเพราะอาจจะทำไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ลองไปกินกันดูนะครับ ผมคิดว่าอร่อยในระดับหนึ่งทีเดียวครับ.
หมึกแดง
www.mcdangguide.com
สิ่งสุดท้ายที่จะใส่คือน้ำตาลปี๊บ ไม่ต้องใส่ให้มากนักนะครับเพราะว่าเราไม่ได้อยากให้ขนมเปียกปูนหวานมาก แต่เราอยากให้ขนมเปียกปูนมีรสชาติที่อร่อยและกลมกล่อมเท่านั้น ไม่หวานเกินไป ที่ต้องใส่เกลือลงไปด้วยเพราะเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากเกลือจะทำให้รสชาติ ทุกอย่างสมดุล มีรสเค็ม ๆ หวาน ๆ
หลังจากผสมเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เทใส่ในหม้อเอาตั้งไฟปานกลาง คนไปเรื่อย ๆ จนขนมเปียกปูนมีความข้นขึ้น หลังจากนั้นแทนที่จะใช้ไม้พายให้เปลี่ยนมาเป็นใช้ไม้ตีไข่แทน โดยจับตรงโคนที่เป็นซี่ให้แน่น แล้วตีคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งจะต้องรีบคนก่อนที่ขนมเปียกปูนจะเดือดและสุก เพราะฉะนั้นถ้าต้องการขนมเปียกปูนที่ยังนุ่มและไม่แข็งจนเกินไปนัก สิ่งที่ควรทำคืออย่ากวนขนมเปียกปูนให้เหนียวจนเกินไปนัก และต้องให้เป็นเนื้อเดียวกันไม่เป็นก้อน ๆ
เสร็จแล้วเทลงไปในแม่พิมพ์ที่มีกระดาษไขรองอยู่ ทิ้งให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง แล้วปล่อยให้เซตตัวเองซึ่งจะใช้เวลา 2–3 ชั่วโมง จึงจะตัดเป็นชิ้นได้
ในระหว่างนั้นก็มาทำซอสคาราเมลกัน โดยเอากระทะตั้งไฟใส่น้ำตาลทรายลงไป แล้วทิ้งให้น้ำตาลทรายละลาย ซึ่งเวลาที่น้ำตาลทรายละลายอุณหภูมิของกระทะจะอยู่ที่ประมาณ 180-200 องศาเซลเซียสนะครับ จากนั้นต้องค่อย ๆ คนอย่าให้ไหม้ เมื่อน้ำตาลทรายเริ่มเป็นสีน้ำตาลเข้มขึ้นก็ให้เอาน้ำตาลปี๊บใส่ลงไปแล้วคน ให้เข้ากัน เมื่อคนเสร็จเรียบร้อยแล้วเอาหัวกะทิเทใส่ลงไปพร้อมคนให้เข้ากัน
อย่าลืมใส่เกลือลงไปอีกเล็กน้อยแล้วคนด้วยไม้พาย โดยคนจนกระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเหนียวและข้นพอ จากนั้นนำมาเทใส่ภาชนะ เมื่อเย็นลงจะข้นและเหนียวขึ้น ไม่ต้องเอาไปใส่ในตู้เย็นนะครับเพราะจะแข็ง
หลังจากนั้นก็เอาจานมาแล้วราดน้ำซอสวน ๆ เป็นเส้น ข้างล่างของจาน เอาขนมเปียกปูนที่ตัดมาจะเป็นสี่เหลี่ยมหรือรูปทรงอะไร
ก็ได้ตามที่เราอยากจะตัด แล้วโรยมะพร้าวขูดสด ๆ หรือมะพร้าวขูดที่นึ่งแล้วไว้ข้างบน จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยครับ เพื่อน ๆ ลองหาเวลาว่าง ๆ ทำกันดูนะครับ.
.................................
เครื่องปรุงแป้งเปียกปูน
- แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
- แป้งเท้ายายม่อม 1/4 ถ้วย
- น้ำปูนใส 3 ถ้วย
- น้ำใบเตย 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
เครื่องปรุงซอสคาราเมลกะทิ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
- หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
- เกลือ 1 ช้อนชา
- เปียกปูนใบเตยสำเร็จแล้ว 200 กรัม
- ข้าวพอง สำหรับโรยหน้า
- มะพร้าวขูดเป็นเส้น สำหรับโรยหน้า
..................................
ร้านอาหารชวนชิม
ผมมีสำนักงานอยู่ที่อำเภอบางบัวทอง ซึ่งเยื้อง ๆ กันมีร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ ชื่อว่า ก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้-เป็ดตุ๋น เป็นบรรยากาศแบบง่าย ๆ สบาย ๆ ดี
ผมซึ่งชอบกินเป็ดพะโล้อยู่แล้วได้กิน ก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ และอยากกิน เครื่องในเป็ดพะโล้ ด้วย เลยลองหมดทุกอย่างที่มีให้กิน มี ไส้แก้ว ซึ่งเป็นไส้ของเป็ดที่เอามาลวกและสับ กรอบดี ไม่เหนียวครับ มี เป็ดพะโล้ ที่เขาหั่นมาบาง ๆ รสชาติดี ไม่แห้งจนเกินไป
ในส่วนของไส้ ถ้าทิ้งไว้ข้างนอกนานเกินไปโดยที่ไม่ได้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมจะมีกลิ่น คาว ควรลวกให้พอดีเพราะถ้าลวกนานเกินไปจะทำให้มีกลิ่นคาว แต่สามารถใช้น้ำจิ้มช่วยดับกลิ่นคาวได้ครับ
นอกจากไส้แก้วแล้วยังมี กึ๋น ตับ และหัวใจพะโล้ ซึ่งผมกินกับข้าว อร่อยพอใช้ได้ครับ มี ปีกเป็ดพะโล้ และ ขาเป็ดตุ๋น เป็นของกินเล่นเพลิน ๆ อร่อยดีครับ นอกเหนือจากนั้นก็ยังมี ผัดกะเพราเป็ดพะโล้ กินกับข้าวแล้วรสชาติดี แซบ ถึงพริกถึงขิงถึงเครื่องดีครับ ในส่วนของ เป็ดย่าง ไม่อร่อยเท่าเป็ดพะโล้และเป็ดตุ๋นครับ
มาที่ก๋วยเตี๋ยว ผมสั่ง บะหมี่เป็ดพะโล้ ทั้งแห้งและน้ำเลยครับ เส้นบะหมี่ที่อร่อยอยู่แล้วเมื่อกินกับเป็ดพะโล้ก็ยิ่งอร่อยครับ ที่ร้านยังทำ ปีกและขาเป็ดอบหม้อดิน มาให้ผมกินด้วย ผมคิดว่าจานนี้ควรจะใส่เส้นบะหมี่ลวกหรือวุ้นเส้น แล้วเสิร์ฟ น่าจะอร่อยเพิ่มขึ้นครับ ยังมี เลือดเป็ดพะโล้ ซึ่งผมกินกับบะหมี่ที่สั่งมาครับ
ที่ร้านนี้มีของให้กินหลายอย่างแต่มีคนช่วยน้อย ทำให้ผมเกรงว่าเขาจะทำงานไม่ได้คล่องแคล่ว การที่มีทั้งเป็ดย่าง เป็ดพะโล้ และเป็ดตุ๋นน่าจะมากเกินไปสำหรับคนทำ 2 คน ทำให้ผมชั่งใจตัวเองอยู่นานว่าจะเขียนให้ดีหรือไม่ เพราะว่าอาหารเขารสชาติดี แต่ถ้าเขียนไปแล้ว เพื่อน ๆ ไปกันครั้งละมาก ๆ ที่ร้านจะลำบากเพราะอาจจะทำไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ลองไปกินกันดูนะครับ ผมคิดว่าอร่อยในระดับหนึ่งทีเดียวครับ.
หมึกแดง
www.mcdangguide.com
ขายของได้ทุกที่ บนรถขายขายของเคลื่อนที่ ได้ทั้งของกินและเครื่องดื่ม
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://commercial-on-wheels.blogspot.com/
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://commercial-on-wheels.blogspot.com/
adv001