สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

แบร์ลีนเนอร์ สูตร 2 : Berliner


แป้ง สูตรนี้อร่อยเหลือร้ายจริงๆ ค่ะ นุ่มม๊ากมาก ทำก็ไม่ยากด้วย เราเอาพุงป่องๆ ของเราการันตีความอร่อยเลยอ่ะจ้า แค่เนื้อโดนัทอย่างเดียวไม่ต้องพึ่งน้ำตาลไม่ต้องพึ่งไอซิ่ง เมินแยม หรือช็อคโกแล็ตก็อร่อยแล้วจ้า

ส่วนผสมโดนัท สำหรับโดนัทประมาณ 15 ชิ้น
1. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 400 กรัม
2. ยีสต์แห้ง 8 กรัม
3. นมอุ่น 150 มล.
4. ไข่ไก่ 2 ฟอง
5. เนยนุ่มๆ 50 กรัม
6. น้ำตาลทราย 40 กรัม
7. น้ำตาลวานิลา 1 ซอง (หรือกลิ่นวานิลา 1 ชช.)
8. ผิวมะนาวขูด 1 ลูก
9. กลิ่นรัม 2-3 หยด
10. กลิ่นอัลมอนด์ 2 หยด
11. เกลือ 1/2 ชช.
12. Shortening สำหรับทอด
13. แยมสตรอว์เบอรี่ แยมเชอรี่ แยมแอพริคอท นูเทล่า พุดดิ้ง น้ำตาลไอซิ่ง

หมายเหตุ สำหรับไข่ไก่
* ขนาดเล็ก น้ำหนักชั่งรวมเปลือกประมาณ 50-55 กรัม ใช้ไข่ทั้งฟอง
* ขนาดกลาง น้ำหนักชั่งรวมเปลือกประมาณ 60-65 กรัม ไข่แดง 1 ฟอง+ไข่ทั้งฟอง
* ขนาดใหญ่ น้ำหนักชั่งรวมเปลือกประมาณ 70> กรัม ใช้แค่ไข่แดงค่ะ

วิธีทำ ถ้าใครนวดมือก็ทำตามนี้นะคะ
  • หมัก ยีสต์โดยแบ่งนมอุ่นมา 3 ชต. เทยีสต์ลงไปคนให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทราย 1/4 ชช. แล้วพักไว้ในที่อุ่นประมาณ 10 นาที หรือ จนกว่ายีสต์จะ ขึ้นฟูดีค่ะ จากนั้นเทครึ่งหนึ่งของแป้งใส่อ่างผสม ทำบ่อตรงกลาง เทนมอุ่นส่วนที่เหลือลงไป ใส่น้ำตาลทราย ไข่ น้ำตาลวานิลา รัม กลิ่นอัลมอนด์ ผิวมะนาว และยีสต์ที่หมักจนขึ้นฟูแล้ว ใช้เครื่องตีมือถือหัวเกลียวตีส่วนผสมให้เข้ากันด้วยความเร็วต่ำ 2 นาที (หรือจะใช้พายไม้คนๆ ส่วนผสมให้ เข้ากันแทนก็ได้ค่ะ) แล้วคลุมผ้าพักไว้ในที่อุ่นประมาณ 15 นาที ให้ยีสต์ทำงานค่ะ 
  • ใส่เนยและเกลือลงไปใน อ่างแป้ง นวดจนแป้งเนียนมือดี และแป้งหลุดจากขอบอ่างได้ง่าย แล้วทำเป็นก้อนกลม คลุมผ้าพักไว้ในที่อุ่นอีก ประมาณ 30 นาทีจนแป้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตรงนี้ขึ้นอยู่กับอากาศด้วยค่ะ ถ้าหน้าหนาวยังไงก็เอาอ่างแป้งไปวางไว้บนฮีตเตอร์ หรือหาชามอ่างที่มีขนาดเล็ก กว่าอ่างแป้งหน่อย ใส่น้ำอุ่นเกือบร้อนลงไป แล้วนำอ่างแป้งวางบนอ่างน้ำอุ่น ทำแบบนี้แป้งจะได้ขึ้นเร็วๆ ได้กินเร็วๆ ไม่ต้องรอ

ขั้น ตอนพวกนี้สำหรับเพื่อนๆ ที่นวดแป้งด้วยมือนะคะ หากใครใช้เครื่องนวดให้เหมือนเราก็ไม่ต้องยุ่งยากทำขั้นตอนพวกนี้เลยค่ะ แค่ใส่ทุกอย่างใน เครื่องแล้วก็ใช้โปรแกรมนวดตามปกตินะคะ ปกติเวลาที่ทำขนมปังทั่วไปเครื่องจะใช้เวลานวดรวมถึงพักแป้งรอบแรก 20 นาทีค่ะ แต่ถ้าทำโดนัท เนี่ยเราไม่จำเป็นต้องนวดนานขนาดนั้นค่ะ แค่ไม่เกิน 15 นาที พอแป้งเนียนดีก็ใช้ได้แล้วค่ะ


พอ แป้งเนียนดีแล้วเราก็ดึงเอาขาที่นวดออก แล้วทำแป้งเป็นก้อนกลม (จริงๆ แล้วไม่ต้องก็ได้ค่ะ แต่เราทำแบบนี้เพราะตอนแป้งขึ้นแล้วมันจะติด ขานวดเลอะเทอะเกรอะกรังน่ะค่ะ) พักไว้ในเครื่องอีกประมาณ 30 นาทีจนแป้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


เนี่ยค่ะ รูปนี้แหละ แป้งมันพองๆ ขึ้นมาแบบนี้ก็ใช้ได้แล้วจ้า

จาก นั้นก็จัดการโรยแป้งนวลบางๆ ที่โต๊ะก่อนนำแป้งมาคลึง ถ้าใครมีที่ตัดโดนัทก็สบายไป แต่หากใครไม่มีก็ใช้อาวุธแบบที่เราใช้ก็ได้ค่ะ ปกติจะ ใช้แก้วตัด แต่วันนี้อยากได้ขนาดใหญ่เต็มปากเต็มคำ เลยใช้กระป๋องตัดฝาออกให้เรียบแทนแก้วค่ะ กระป๋องนี้เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 9-10 ซม. ได้โดนัทมา 13 ชิ้นค่ะ ถ้าใครอยากได้ขนาดมาตรฐานก็ใช้แก้วหรือกระป๋องเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 ซม. ตัดนะคะ แล้วจะได้โดนัทมาประมาณ 15 ชิ้นค่ะ


เตรียม ของเสร็จแล้วก็นำแป้งมาคลึงให้หนาประมาณ 1 ซม. ค่ะ เราแบ่งแป้งเป็น 2 ก้อน ก้อนแรกนำมาคลึง อีกก้อนก็พักไว้ในเครื่องก่อนค่ะ คลึง เสร็จแล้วก็ใช้กระป๋องตัดค่ะ อันนี้เป็นแบบกลมๆ มีไส้แต่ไม่มีรู


ส่วนนี่เป็นแบบมีรูไม่มีไส้ ก็ใช้ฝาขวดตัดแป้งตรงกลางอีกทีจ้า

ตัด เสร็จแล้วก็นำไปวางบนผ้าสะอาดที่โรยแป้งบาง ๆ ไว้จนทั่ว แล้วคลุมพลาสติกใสกันลมและใช้ผ้าอีกผืนปูทับไว้ด้วยค่ะ พักแป้งหลังจากตัดแต่ละชิ้นไม่เกิน 30 นาทีนะคะ ไม่ต้องพักจนขึ้นสองเท่าเหมือนขนมปัง

เนี่ยค่ะ แป้งขึ้นได้ที่แล้วจะมีลักษณะฟูขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย ผิวของแป้งจะเรียบตึงอ่อนใสเหมือนใช้ลังโคม ปานนั้นเลยค่ะ หากพักแป้งนานเกินไปพอนำไปทอดโดนัท จะฟูมากๆ จริงๆ แต่ข้างในจะโปร่งมาก กินได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก ไม่ค่อยอร่อยเท่าที่ควรค่ะ 55 เมื่อแป้งพร้อมแล้วคราวนี้เราก็จัดการนำเนยขาวมาละลายเตรียมตัวลุ้นระทึกกับการทอดได้แล้วค่ะ


พอ เนยละลายหมดแล้วก็เปิดไฟกลางค่อนข้างอ่อนนะคะ รอจนน้ำมันร้อนได้ที่ก็นำเจ้าลูกเล็กๆ เศษของแป้งส่วนที่เหลือนำไปทอดทดสอบน้ำมันดูค่ะ ถ้านำแป้งลงทอดแล้วน้ำมันฟู่รอบๆ แป้ง ผิวโดนัทไม่เข้มเร็วจนเกินไปแสดงว่าใช้ได้ค่ะ เวลาที่ใช้ทอดโดนัทในแต่ละด้านประมาณ 1 นาที นะคะ ถ้าใช้ไฟอ่อนเกินไปโดนัทก็จะอมน้ำมัน ถ้าไฟแรงเกินข้างนอกจะไหม้แต่ข้างในจะไม่สุกค่ะ


ทอด เจ้าตัวเล็กเสร็จแล้วลองบิดูเนื้อโดนัทด้วยนะคะว่าสุกทั่วถึงดีหรือเปล่า ถ้าข้างในยังไม่สุกก็แสดงว่าไฟแรงเกินไปค่ะ แต่ถ้าได้ออกมาแบบนี้ก็แสดงว่าความร้อนได้ที่ดีแล้วจ้า
หมด เวลาซ้อมใหญ่แล้วก็ได้เวลาลงสนามจริงค่ะ หยิบโดนัทมาแล้วนำด้านบนลงทอดก่อนนะคะ ตอนนำโดนัทลงทอด 5 วินาทีแรกก็ใช้ตะเกียบวนๆ รูตรงกลางโดนัทเพื่อไม่เป็นวงกลมสวยและกันไม่ให้แป้งขึ้นฟูติดกันค่ะ


ขณะ ที่ทอดโดนัทด้านแรกก็ปิดฝาหม้อไว้ด้วยค่ะ ทำอย่างนี้เพื่อให้แป้งขึ้นฟูจะได้เกิดวงสีแหวนสีขาวๆ รอบๆ โดนัท ขนมของเราจะได้ออกมาสวยงามน่ากินเหมือนที่ควรจะเป็นค่ะ


ทอด ด้านแรกไปเกือบๆ หนึ่งนาทีก็เปิดฝาสังเกตการณ์หน่อยนะคะ เมื่อเห็นว่าแป้งด้านล่างมีสีน้ำตาลอ่อนแล้วก็จัดการใช้ส้อมสองคัน ช่วยในการกลับโดนัทค่ะ ถึงตอนนี้เราก็เปิดฝาทอดนะคะ ทอดไปอีกประมาณ 1 นาที เช่นกันกับด้านบนค่ะ



เมื่อ ทอดเสร็จแล้วก็วางโดนัทบนตะแกรง เตรียมตัวปะแป้งแต่งหน้ากันค่ะ ไหน ๆ ก็ใช้แป้งแบร์ลีนเนอร์ทำแล้วก็ต้องแต่งหน้าแบบต้นตำหรับนิดนึงค่ะ ทอดเสร็จปุ๊บคลุกน้ำตาลทรายปั๊บ บีบไส้โช๊ะตามชอบเข้าไป แล้วโรยไอซิ่งทับซะหน่อย อร่อยซ้า


ส่วนนี่ใส่ไส้วานิลาพุดดิ้ง แล้วโรยไอซิ่งนิดหน่อยเพื่อความสวยงาม ไส้นี้เป็นของโปรดของหลายๆ คนแถวนี้รวมทั้งเราด้วยค่ะ

สูตรไส้วานิลาพุดดิ้ง
1. ไข่แดงขนาดใหญ่ 2 ฟอง
2. น้ำตาล 40 กรัม
3. แป้งข้าวโพด 2 ชต.
4. นมผง 15 กรัม
5. นมสด 125 มล.
6. เนยสด 20 กรัม
7. วานิลาเอกซ์แทร็ค 1/2 ชช.

ตี ไข่กับน้ำตาลรวมกันแล้วจึงใส่แป้งข้าวโพดและนมผงคนให้ละลาย ค่อยๆ เทนมจืดลงไปคนให้เข้ากัน กรอง 1 ครั้ง แล้วนำไปตุ๋นไฟอ่อนคนตลอดเวลาจนสุกข้นเนียนดีค่ะ จากนั้นยกลงจากเตา ใส่เนยลงไปคนจนเนยและวานิลาลงไปคนจนเนยละลายหมด ใช้พลาสติกใสคลุมหน้าไว้แล้วพักให้เย็นรอใส่ไส้ค่ะ


ลูก นี้เป็นแบร์ลีนเนอร์แบบกลายพันธุ์ค่ะ นอกจากจะราดไอซิ่ง ช็อคโกแล็ตและแต่งด้วยเชอรี่เชื่อมแล้ว ยังหยอดไส้แยมเชอรี่เข้าไปอีกดอก อร่อย ไม่มีวันหยุดเด้อค่า



หรือใครจะแค่คลุกน้ำตาล โรยไอซิ่ง เคลือบช็อคโกแล็ต เคลือบไอซิ่งละลาย หรือตกแต่งหน้าโดนัทยังไงก็สุดแต่ใจชอบนะคะ

ทำเสร็จแล้วก็ได้เวลาเพิ่มห่วงยางให้กับรอบเอว กัดโช๊ะเข้าให้ อือม์... หลับตาพริ้ม...ไม่อยากจะเซดดดดด (เพราะปากไม่ว่าง 55) หากใครลองทำก็ ขอให้ออกมาสวย ๆ อร่อย ๆ ถูกอกถูกใจกันทุกคนค่ะ 

Read More...


ชิฟฟอน 3 รส : chiffon cake



วันนี้ทำขนมเพื่อระลึกถึงยายค่ะ ยายเราชอบกินชิฟฟอนมาก ๆ เมื่อก่อนสมัยที่เราอยู่เมืองไทยยังทำขนมอะไรไม่เป็นสักอย่าง เวลาไปเยี่ยมยายเมื่อไรเป็นต้องซื้อชิฟฟอนไปฝากเยอะๆ ตอนนี้ยายไม่อยู่ซะแล้ว หากเราอยู่เมืองไทยคงอบชิฟฟอนแล้วเอาไปใส่บาตรให้ยาย แต่ตอนนี้อยู่ไกลวัดก็เลยไม่มีโอกาสได้ทำอย่างที่หวังค่ะ

ส่วนผสมบัตเตอร์ครีม
  • เนยสด 130 กรัม
  • เนยขาว 100 กรัม
  • น้ำตาลทราย 80 กรัม
  • เกลือ 1/4 ชช.
  • นมสด 40 มล.
  • วานิลาเอ๊กซ์แทรค 1/2 ชช.
วิธีทำ


ใส่น้ำตาลทราย เกลือ และนมในหม้อใบเล็ก นำขึ้นตั้งไฟอ่อน คนจนน้ำตาลละลายหมด ปล่อยให้เดือดประมาณ 1 นาที จนกลายเป็นน้ำเชื่อมเหนียวดี ปิดไฟพักไว้ให้เย็นค่ะ ระหว่างนั้นก็จัดการตีเนยขาว ด้วยความเร็วปานกลางพอเนียน ใส่เนยสดลงไปตีรวมกันจนมีสีขาวนวล อย่าลืมปาดขอบอ่างด้วยนะคะ จากนั้นก็ค่อยๆ เทน้ำเชื่อมใส่ลงไปที่ละน้อย ตีต่อไปเรื่อยๆ จนน้ำเชื่อมหมด ครีมมีลักษณะฟูเบาเนื้อเนียนมากๆ สุดท้ายใส่วานิลาตีด้วยความเร็วต่ำพอเข้ากันก็ได้บัตเตอร์ครีมแล้วค่ะ

 ชิฟฟอนใบเตย สำหรับถาดอบขนาด 7"x10"
ส่วนไข่แดง
  • แป้งเค้ก 60 กรัม
  • นมผง 1 ชต.
  • ผงฟู 1 ชช.
  • น้ำตาลทราย(1) 45 กรัม
  • เกลือ 1/4 ชช.
  • ไข่แดง 2 ฟอง
  • น้ำใบเตย 40 กรัม
  • นมสด 20 กรัม
  • น้ำมันพืช 40 กรัม
ส่วนไข่ขาว
  • ไข่ขาว 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย(2) 20 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ชช.
อุปกรณ์อื่นๆ
  • กระดาษไขสำหรับปูถาดอบ
  • กระดาษสำหรับห่อเค้ก
วิธีทำ  ถาดที่่ใช้อบปูกระดาษไขรองไว้ เสร็จแล้วก็อุ่นเตาอบไว้ที่ 190C ด้วยนะคะ 


ร่อน แป้ง นมผง และผงฟูรวมกัน 2 ครั้งใส่อ่างผสม เทน้ำตาลทราย(1) และเกลือลงไปคนให้เข้ากัน ทำบ่อตรงกลาง แป้งไว้ด้วยค่ะ จากนั้นหันไปตีไข่ขาวกับน้ำมะนาวด้วยความเร็วต่ำให้ฟู แล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุด ค่อยๆ ใส่น้ำตาล(2) ทีละน้อย ตีจนน้ำตาลหมด ไข่ขาวตั้งยอดอ่อนเกือบแข็งและไข่มีฟองที่ละเอียดมาก เราตีแค่ประมาณ 1 นาทีก็ได้ที่แล้วค่ะ

ใส่ ไข่แดง น้ำใบเตย นมสด และน้ำมันพืชลงในบ่อแป้ง ใช้ตะกร้อมือคนเร็วๆ ให้แป้งเข้ากับส่วนผสมอื่นๆ (คนแค่แป๊บเดียวนะคะ ถ้าคนนานแป้งจะเหนียวและเกาะกันเป็นปื้นค่ะ) เแล้วนำไข่ขาวที่ตีจนตั้งยอดแล้วมาผสมกับส่วนไข่แดง โดยแบ่งใส่สองครั้ง ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากันอย่างเบามือ เสร็จแล้วเทใส่ถาดอบ เกลี่ยให้เรียบเสมอกันแล้วเคาะถาดเบาๆ 2 ครั้ง เพื่อไล่อากาศค่ะ


นำเข้าเตาอบโดยวางไว้ชั้นที่ สองจากล่าง อบไฟบน-ล่างประมาณ 10 นาทีค่ะ ทดสอบเค้กโดยใช้นิ้วแตะผิวเค้กเบาๆ ถ้าเค้กสปริงตัวไม่ทิ้งรอยไว้ก็แสดงว่าสุกแล้วค่ะ หรือใครจะใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลางเค้ก หากไม่มีแป้งติดมาก็โอเคค่ะ


เมื่อเค้กสุกนำออกจากเตา พักไว้ให้เย็นตัวลงประมาณ 5 นาที แล้วปูพลาสติกใสที่โต๊ะ คว่ำเค้กบนพลาสติกแล้วแกะกระดาษไขทิ้งไป รอให้เค้กเย็นอุณหภูมิห้องจึงใช้มีดคมๆ ตัดขอบรอบๆ เพื่อให้เค้กเรียบสวยเสมอกัน แล้วตัดแบ่งครึ่ง ปาดบัตเตอร์ครีมบนเค้กหนึ่งแผ่นแล้วนำแผ่นที่เหลือมาประกบ ตัดแบ่งเค้กเป็นชิ้นๆ 3 เหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมตามต้องการ สุดท้ายก็ใช้พลาสติกหรือกระดาษสำหรับห่อชิฟฟอนห่อเค้กให้รอบค่ะ




ชิฟฟอนวานิลา สำหรับถาดอบขนาด 7"x10"
ส่วนไข่แดง
  • แป้งเค้ก 60 กรัม
  • นมผง 1 ชต.
  • ผงฟู 1 ชช.
  • น้ำตาลทราย(1) 40 กรัม
  • เกลือ 1/4 ชช.
  • ไข่แดงขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • นมสด 45 กรัม
  • น้ำมันพืช 35 กรัม
  • วานิลาเอ็กซ์แทรค 1/2 ชช.
ส่วนไข่ขาว
  • ไข่ขาวขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย(2) 20 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ชช.
อุปกรณ์อื่นๆ
  • กระดาษไขสำหรับปูถาดอบ
  • กระดาษสำหรับห่อเค้ก
วิธีทำ ถาดที่่ใช้อบปูกระดาษไขรองไว้ เสร็จแล้วก็อุ่นเตาอบไว้ที่ 190C ด้วยนะคะ 

ร่อนแป้ง นมผง และผงฟูรวมกัน 2 ครั้งใส่อ่างผสม เทน้ำตาลทราย(1) และเกลือลงไปคนให้เข้ากัน ทำบ่อตรงกลาง แป้ง จากนั้นหันตีไข่ขาวกับน้ำมะนาวด้วยความเร็วต่ำให้ฟู แล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุด ค่อยๆ ใส่น้ำตาล(1) ทีละน้อย ตีจนน้ำตาลหมด ไข่ขาวตั้งยอดอ่อนเกือบแข็งและไข่มีฟองที่ละเอียดมาก เราตีแค่ประมาณ 1 นาทีก็ได้ที่แล้วค่ะ

ใส่ ไข่แดง นมสด น้ำมันพืชและวานิลาลงในบ่อแป้ง ใช้ตะกร้อมือคนเร็วๆ ให้แป้งเข้ากับส่วนผสมอื่นๆ แล้วพักไว้ (คนแค่แป๊บเดียวนะคะ ถ้าคนนานแป้งจะเหนียวและเกาะกันเป็นปื้นค่ะ) เสร็จแล้วนำไข่ขาวที่ตีจนตั้งยอดแล้วมาผสมกับส่วนไข่แดง โดยแบ่งใส่สองครั้ง ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากันอย่างเบามือ เสร็จแล้วเทใส่ถาดอบ เกลี่ยให้เรียบเสมอกันแล้วเคาะถาดเบาๆ 2 ครั้ง เพื่อไล่อากาศ 

นำเข้าเตาอบโดยวางไว้ชั้นที่ สองจากล่าง อบไฟบน-ล่างประมาณ 10 นาทีค่ะ ทดสอบเค้กโดยใช้นิ้วแตะผิวเค้กเบาๆ ถ้าเค้กสปริงตัวไม่ทิ้งรอยไว้ก็แสดงว่าสุกแล้วค่ะ หรือใครจะใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลางเค้ก หากไม่มีแป้งติดมาก็โอเคค่ะ

เมื่อ เค้กสุกนำออกจากเตา พักไว้ให้อุ่นประมาณ 5 นาที แล้วปูพลาสติกใสที่โต๊ะ คว่ำเค้กบนพลาสติกแล้วแกะกระดาษไขทิ้งไป รอให้เค้กเย็นอุณหภูมิห้องจึงใช้มีดคมๆ ตัดแบ่งครึ่ง ปาดบัตเตอร์ครีมบนเค้กหนึ่งแผ่นแล้วนำแผ่นที่เหลือมาประกบ ตัดแบ่งเค้กเป็นชิ้นๆ 3 เหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมตามต้องการค่ะ สุดท้ายก็ใช้กระดาษหรือพลาสติกมาห่อเค้กให้รอบค่ะ


ชิฟฟอนมอคค่า สำหรับถาดอบขนาด 7"x10"
ส่วนไข่แดง
  • แป้งเค้ก 60 กรัม
  • ผงโกโก้ 2 ชช.
  • นมผง 1 ชต.
  • ผงฟู 1 ชช.
  • น้ำตาลทราย(1) 45 กรัม
  • เกลือ 1/4 ชช.
  • นมสด 45 กรัม
  • ผงกาแฟสำเร็จรูป 1 ชต.
  • ไข่แดงขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • น้ำมันพืช 35 กรัม
ส่วนไข่ขาว
  • ไข่ขาวขนาดใหญ่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย(2) 20 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ชช.
อุปกรณ์อื่นๆ
  • กระดาษไขสำหรับปูถาดอบ
  • กระดาษสำหรับห่อเค้ก
วิธีทำ ถาดที่่ใช้อบปูกระดาษไขรองไว้ เสร็จแล้วก็อุ่นเตาอบไว้ที่ 190C ด้วยนะคะ 

ร่อนแป้ง ผงโกโก้ นมผง และผงฟูรวมกัน 2 ครั้งใส่อ่างผสม เทน้ำตาลทราย (1) และเกลือลงไปคนให้เข้ากัน ทำบ่อตรงกลาง หัน ตีไข่ขาวกับน้ำมะนาวด้วยความเร็วต่ำให้ฟู แล้วเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุด ค่อยๆ ใส่น้ำตาล(2)ทีละน้อย ตีจนน้ำตาลหมด ไข่ขาวตั้งยอดอ่อนเกือบแข็งและไข่มีฟองที่ละเอียดมาก เราตีแค่ประมาณ 1 นาทีก็ได้ที่แล้วค่ะ

ละลายผงกาแฟในนมสดแล้วเทใส่บ่อแป้ง ตามด้วยไข่ แดง และน้ำมันพืช ใช้ตะกร้อมือคนเร็ว ๆ ให้แป้งเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ แล้วพักไว้ (คนแค่แป๊บเดียวนะคะ ไม่เกิน 5 วินาที ถ้าคนนานเค้กจะเหนียวเกาะกันเป็นปื้นค่ะ) นำ ไข่ขาวที่ตีจนตั้งยอดแล้วมาผสมกับส่วนไข่แดง โดยแบ่งใส่สองครั้ง ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากันอย่างเบามือ เสร็จแล้วเทใส่ถาดอบ เกลี่ยให้เรียบเสมอกันแล้วเคาะถาดเบาๆ 2 ครั้งเพื่อไล่อากาศ 

นำเข้าเตาอบโดยวางไว้ชั้นที่ สองจากล่าง อบไฟบน-ล่างประมาณ 10 นาทีค่ะ ทดสอบเค้กโดยใช้นิ้วแตะผิวเค้กเบาๆ ถ้าเค้กสปริงตัวไม่ทิ้งรอยไว้ก็แสดงว่าสุกแล้วค่ะ หรือใครจะใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลางเค้ก หากไม่มีแป้งติดมาก็โอเคค่ะ

เมื่อ เค้กสุกนำออกจากเตา พักไว้ให้เย็นตัวลงประมาณ 5 นาที แล้วปูพลาสติกใสที่โต๊ะ คว่ำเค้กบนพลาสติกแล้วแกะกระดาษไขทิ้งไป รอให้เค้กเย็นอุณหภูมิห้องจึงใช้มีดคมๆ ตัดแบ่งครึ่ง ปาดบัตเตอร์ครีมบนเค้กหนึ่งแผ่นแล้วนำแผ่นที่เหลือมาประกบ ตัดแบ่งเค้กเป็นชิ้นๆ 3 เหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมตามต้องการ สุดท้ายก็ใช้กระดาษห่อเค้กให้รอบค่ะ

ส่วนผสมบัตเตอร์ครีมกาแฟ
  • เนยสดเค็ม 80 กรัม
  • น้ำตาลทราย 30 กรัม
  • นมสด 20 กรัม
  • ผงกาแฟสำเร็จรูป 2 ชช.
วิธีทำ

ใส่ น้ำตาลทราย นมสด และกาแฟในหม้อใบเล็ก นำขึ้นตั้งไฟกลาง คนจนน้ำตาลละลายหมด ปล่อยให้เดือดประมาณ 1 นาทีจนน้ำเชื่อมเหนียวดี ปิดไฟพักไว้ให้เย็นค่ะ ระหว่างนั้นก็จัดการตีเนยสดด้วยความเร็วปานกลางจนเนยฟูและมีสีขาวนวล อย่าลืมปาดขอบอ่างด้วยนะคะ จากนั้นก็ค่อยๆ เทน้ำเชื่อมกาแฟใส่ลงไปที่ละน้อย ตีต่อไปเรื่อยๆ จนน้ำเชื่อมหมด ครีมมีลักษณะฟูเบาเนื้อเนียนมากๆ ได้บัตเตอร์ครีมกาแฟแบบง่ายๆ แล้วค่ะ

credit : ภาพและสูตรอาหารและขนม © http://varithorn.blogspot.com

Read More...


ขนมปังชีส : Cheese Bread


โหลๆ เพื่อนๆ กลับมาแล้วค่า หลังจากไปตระเวนเที่ยวทางใต้ของเยอรมนี รวมทั้งเลยไปเที่ยวออสเตรียด้วย กลับมาก็เหนื่อย หมดสภาพ ปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมดเพราะไปขึ้นๆ ลงๆ เขามาตั้งหลายลูก แต่ก็สนุกและประทับใจมากๆ ค่ะ ไว้ขยันเมื่อไหร่จะย่อรูปมาแปะบล็อกพาเพื่อนๆ เที่ยวนะคะ 

หลังจากหายไปหลายวัน พอกลับมาลงมือทำขนมปังชีสของโปรดของคนในครอบครัว (จริงๆ ก็มีกันอยู่แค่สองคนล่ะค่ะ พูดเหมือนมีหลายคนเลยเนอะ แหะๆ)  ขนมปังชีสนี้เมื่อก่อนเราเคยซื้อที่ร้านกินแล้วชอบมาก ก็เลยพยายามทำเลียนแบบ มั่วสูตรเหมือนเดิม ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยเปื่อย ทำกี่ครั้งผลก็ออกมาต่างกันทุกครั้ง อร่อยทุกครั้งแต่ไม่เหมือนกับที่ร้านสักครั้ง งงมั้ยคะ  จนเมื่อวานนี้ปรับสูตรใหม่อีกรอบ คราวนี้รสชาติออกมาใกล้เคียงกับที่ร้านมาก แต่คนที่บ้านบอกว่าอร่อยกว่า เราก็นะ ... อย่ากระนั้นเลย นำมาแปะบล็อกเผื่อเพื่อนๆ ดีกว่า มาดูสูตรกันเลยค่ะ สูตรนี้สำหรับ 3 คนกำลังดีนะคะ

ส่วนผสม  สำหรับขนมปัง 6 ชิ้น
  • แป้งขนมปัง 250 กรัม
  • ยีสต์สด 15 กรัม (ยีสต์แห้ง 5 กรัม)
  • นมสดอุ่น 170 กรัม
  • น้ำตาลทราย 15 กรัม
  • เกลือป่น 3 กรัม (2/3 ชช.)
  • เนยสด (ก) 10 กรัม
  • ชีสขูด (ก) (Emmenthal) 50 กรัม
  • เนยสด (ข) 10 กรัม
  • ชีสขูด (ข) (Emmenthal) 30 กรัม  สำหรับโรยหน้า
วิธีทำ


ใส่ยีสต์กับน้ำตาลทรายในนมสด คนจนยีสต์ละลายหมดก็เทใส่อ่างผสม ใส่แป้ง เกลือ และเนยสด (ก) ลงไป นวดส่วนผสมรวมกันจนแป้งเนียนมือและหลุดจากขอบอ่างได้อย่างง่ายดาย ใส่ชีสขูด (ก) ลงไปนวดให้เข้ากัน  แล้วรวบแป้งเป็นก้อนกลม พักไว้ในที่อุ่น 60 นาที หรือจนกว่าแป้งจะขึ้นสองเท่า 

จากนั้นนำแป้งมาคลึงไล่ลมประมาณ 2 นาทีแล้วตัดแบ่งเป็น 6 ก้อนเท่าๆ กัน คลึงกลมแล้วใช้ผ้าคลุมพักไว้ให้แป้งยืดหยุ่นดีอีกประมาณ 20 นาทีค่ะ  เมื่อครบ 20 นาทีแล้วนำแป้งมาแผ่เป็นแผ่นกลมๆ แบ่งเนยสด (ข) มานิดหน่อย วางบนริมแป้งด้านบน ตลบริมแป้งทับเนย แล้ววางเนยบนแป้งอีกรอบ รวบแป้งทับเนย แล้วคลึงเป็นรูปรักบี้ (อธิบายไม่เก่ง ดูรูปเอาแล้วกันนะคะ) จากนั้นก็วางบนถาดที่ปูกระดาษไขไว้ กดแป้งให้แบนเล็กน้อย เอาผ้าหรือพลาสติกคลุมกันลมไว้ด้วยค่ะ พักแป้งในที่อุ่นให้ขึ้นอีกประมาณ 30 นาทีหรือจนแป้งขึ้นประมาณเท่าครึ่งค่ะ


อุ่นเตาอบ 200 องศาเซลเซียส หาภาชนะทนความร้อนใส่น้ำร้อนประมาณ 300 มล. วางบนพื้นเตาอบด้วยค่ะ ระหว่างที่รอเตาอบร้อนก็ใช้แปรงขนนุ่มๆ ชุบนมสดทาผิวขนมให้ทั่ว (แต่วันนี้เราทาไข่ค่ะ พอดีมีไข่เหลือจากทำครัวซอง  สรุปว่าจะทาอะไรก็ได้เหมือนกันค่ะ)  แล้วโรยหน้าด้วยชีสขูด (ข)  เมื่อเตาอบร้อนก็นำเข้าอบ โดยวางตรงชั้นกลางของเตา ใช้เวลาอบประมาณ 20 นาทีจนขนมปังสุกสีสวยค่ะ (ถ้าอบลมร้อนก็ลดไฟเหลือ 180 องศาเซลเซียสนะคะ)


เมื่อขนมปังสุกก็นำออกจากเตาอบ นำออกจากถาดอบ วางไว้บนตะแกรงจนขนมปังเริ่มอุ่นก็สำเร็จโทษได้เลยค่ะ ขนมปังนี้เปลือกจะนุ่มแต่กรอบ เอ๊ะ! ยังไง  ข้างในจะนุ่มมมมม กัดทีจะนุ่มหยุ่นยวบยาบ อารมณ์คล้ายกับกินครัวซองตอนอุ่นๆ นิดๆ ยิ่งเจอชีสกรอบๆ บนหน้าขนมปังเข้าไปอีก อร่อยมากๆ ไม่เชื่อต้องลองค่ะ 


กัดให้ดูด้านในค่ะ ขนมปังนี้กินตอนที่ยังอุ่นอยู่อร่อยที่สุด หากใครกินไม่หมด วันรุ่งขึ้นก็นำไปอุ่นบนเครื่องปิ้งขนมปังได้ค่ะ รสชาติอาจจะไม่อร่อยเท่าตอนอบสดๆ ร้อนๆ แต่ก็ใกล้เคียงมาก ลองดูนะคะ


credit : ภาพและสูตรอาหารและขนม © http://varithorn.blogspot.com

Read More...


กะหรี่พัฟ : Curry Puff

กะ หรี่พัฟ ขนมกินเล่น 3 ชาติคือไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่จริงๆ แล้วต้นกำเนิดของกะหรี่พัฟ (Karipap) มาจากมาเลเซียค่ะ ภาษาไทยเราเรียกเหมือน ต้นฉบับเลย ส่วนชื่อที่รู้จักกันเป็นสากลคือ Curry Puff แต่ไม่ว่าจะเรียกยังไงกะหรี่พัฟก็เป็นของกินเล่นที่หลายๆ คนโปรดปราน จริงมั้ยคะ ว่าแล้วเราก็มาดูกัน ดีเลยว่ากว่าจะได้กะหรี่พัฟอร่อยๆ มากินเนี่ยต้องผ่านขั้นตอนไหนบ้าง

ส่วนผสมไส้ไก่ สำหรับกะหรี่พัฟประมาณ 30 ตัว
  • หอมหัวใหญ่ 1 หัว
  • อกไก่ 250 กรัม
  • มันฝรั่ง 250 กรัม
  • เนยสด 1 1/2 ชต.
  • น้ำตาลทราย 30 กรัม
  • ซีอิ้วขาว 1 1/2 ชต.
  • ผงกะหรี่ 1/2 ชต.
  • พริกไทย 1 ชช.
  • เกลือ 1/4 ชช.
วิธีทำ
หัวหอมใหญ่ปอกเปลือกแล้วหั่นเต๋าเล็ก อกไก่ล้างให้สะอาด หั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ มันฝรั่งปอกเปลือกแล้วหั่่นเต๋าเล็กๆ เช่นกันค่ะ




นำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยลงไปในกระทะ พอเนยละลายหมดใส่หอมหัวใหญ่ลงผัดพอส่งกลิ่นหอม ใส่ไก่และมันฝรั่งลงไปผัดรวมกัน พอไก่สุกก็ใส่น้ำตาลทราย ซีอิ้วขาว ผงกะหรี่ พริกไทย และเกลือลงไปผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ (ควรปรุงรสให้จัดไว้ก่อนนะคะ เพราะพอทานรวมกับแป้งรสชาติจะได้พอดีไม่อ่อนเกินไปค่ะ) ผัดต่อไปเรื่อยๆ จนมันฝรั่งสุกและน้ำแห้งดีก็ตักขึ้น พักไว้ให้เย็นค่ะ 

ส่วนผสมไส้แอ๊บเปิ้ลกวน สำหรับกะหรี่พัฟประมาณ 30 ตัว
  • แอ๊บเปิ้ลเปรี้ยว 400 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ชต.
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม
  • เกลือ 1/4 ชช.
  • อบเชยป่น 1/2 ชช.
วิธีทำ
ปอก เปลือกแอ๊บเปิ้ลออกให้หมดแล้วขูดเป็นเส้นๆ ใส่ในหม้อ (เหมือนรูปข้างบนค่ะ) แล้วใส่น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และเกลือตามไป นำหม้อขึ้นตั้งไฟ คนเป็นครั้งคราวจนน้ำเริ่มแห้ง ใส่อบเชยคนให้เข้ากัน กวนต่อไปจนน้ำแห้งหมด ปิดไฟ พักไว้ให้เย็นค่ะ



ส่วนผสมแป้งชั้นนอก สำหรับกะหรี่พัฟประมาณ 30 ตัว
  • แป้งอเนกประสงค์ 240 กรัม
  • น้ำตาลทราย 20 กรัม
  • เกลือ 1/2 ชช.
  • น้ำปูนใส 50 กรัม
  • น้ำเย็นจัด 2 ชต.
  • น้ำมันพืช 50 กรัม
วิธีทำ

ใส่แป้งในอ่างผสมทำบ่อตรง กลาง ส่วนน้ำตาลทราย, เกลือ, น้ำปูนใส และน้ำเย็นผสมรวมกัน คนพอน้ำตาลละลายจึงเทใส่อ่างแป้ง ตามด้วย น้ำมันพืช ใช้มือเคล้าให้ส่วนผสมจับตัวกันแล้วนวดจนแป้งเนียน จากนั้นแบ่งแป้งเป็น 10 ส่วนเท่าๆ กัน (หนักประมาณก้อนละ 40 กรัมค่ะ) แล้ว ปั้นเป็นก้อนกลม พักไว้ก่อนค่ะ
ส่วนผสมแป้งชั้นใน
  • แป้งอเนกประสงค์ 120 กรัม
  • น้ำมันพืช 50 กรัม
วิธีทำ

ใส่แป้งในอ่างผสมทำบ่อตรง กลาง ใส่น้ำมันพืชลงในบ่อแป้ง ใช้มือเคล้าให้ส่วนผสมจับตัวกันแล้วนวดจนแป้งเนียน จากนั้นแบ่งแป้งเป็น 10 ส่วน เท่าๆ กัน (หนักประมาณก้อนละ 20 กรัมค่ะ) แล้วปั้นเป็นก้อนกลม พักไว้ก่อนค่ะ

เมื่อ ได้แป้งทั้งสองชั้นแล้ว จัดการนำแป้งชั้นนอกมาแผ่แบนๆ วางแป้งชั้นในตรงกลาง รวบริมแป้งชั้นนอกหุ้มแป้งชั้นในให้มิด พักแป้งไว้ประมาณ 20 นาที หลังจากพักแป้งครบเวลาแล้วก็นำแป้งมาคลึงขึ้นลงตามแนวตั้ง จากนั้นก็ม้วนแล้วคลึงและม้วนอีกครั้งก่อนตัดแบ่งแป้งแต่ละก้อนเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน


เริ่ม ห่อโดยจับแป้งที่ตัดไว้มาคว่ำให้ส่วนที่เป็นลายสวยอยู่ข้างล่างแล้วคลึงเป็น แผ่นกลมๆ ใส่ไส้ตรงกลางแป้ง พับริมแป้งบนล่างเข้าหากัน บีบแป้งให้ติดกันดี จากนั้นจับริมแป้งโดยบิดพับไปเรื่อยๆ เหมือนเกลียวเชือกค่ะ


เมื่อ ห่อเสร็จแล้วก็นำเนยขาวหรือน้ำมันพืชใส่หม้อหรือกระทะขึ้นตั้งไฟเตรียมทอด ค่ะ การทอดกะหรี่พัฟนี้ควรทอดด้วยไฟกลางค่อนข้างอ่อน แต่น้ำมันต้องร้อน ทอดจนแป้งสีเหลืองสวย ใส่ไขมันสำหรับทอดเยอะหน่อยนะคะ ถ้างกน้ำมันก็จะได้กะหรี่พัฟกระดำกระด่าง ทอดเสร็จแล้วก็ตักขึ้นวางบนกระดาษเพื่อซับน้ำมัน ผิวขนมจะได้แห้งไม่มันเยิ้ม ไม่น่ากินแล้วก็ทำให้เลี่ยนด้วยนะคะ


นี่ไส้ไก่ค่ะ อร่อยถูกใจมากๆ แป้งกรอบกิ๊ก ไส้อร่อยสุดยอด เผลอกินไปตั้งหลายตัวแน่ะ เรา ทำไส้ให้ออกหวานๆ เค็มๆ เผ็ดนิดๆ แล้วก็หอมผงกะหรี่มากๆ และถ้าอยากรู้ว่าแป้งกรอบ แค่ไหนก็สังเกตดูที่เปลือกได้ค่ะ มันกรอบจริงๆ ให้ตายจิ


ไส้ ครีมข้าวโพด อร่อยเหมือนกันค่ะ แต่ว่าคนทำอร่อยอยู่คนเดียว ไม่รู้ทำไมฝรั่งแถวนี้ไม่ค่อยชอบกินข้าวโพดก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เพราะคนไม่นิยมกินเลยหาข้าวโพดสดๆ กินยาก งานนี้ก็ต้องพึ่งข้าวโพดกระป๋องค่ะ



และ นี่ไส้แอ๊บเปิ้ลกวน เป็นไส้ที่คนแถวๆ นี้โปรดปรานมาก ไส้ไก่เค้าก็ชอบกินกันค่ะ แต่จะปลื้มไส้แอ๊บเปิ้ลกวนมากกว่า ส่วนเราก็ชอบทั้งสองไส้เลยค่ะ ใครชอบกินกะหรี่พัฟต้องลองค่ะ ทำไม่ยากเลยค่ะ ทำกินเองอร่อยกรอบกว่าซื้อเค้าเยอะเลยค่ะ


  
   
   credit : ภาพและสูตรอาหารและขนม © http://varithorn.blogspot.com

Read More...


ไข่ยัดไส้ : stuffed omelette


ไข่ยัดไส้ เป็นอาหารจานโปรดของเราตั้งแต่เด็กจนแก่ เอ๊ย! จนถึง ทุกวันนี้เลยค่ะ กินได้กินดี ไม่มีเบื่อเลยค่ะ

เครื่องปรุงโดยประมาณ สำหรับรับประทาน 2 คน
1. หมูสับ 60 กรัม
2. กุ้งสับ 40 กรัม
3. กระเทียมกลีบเล็ก 2-3 กลีบ
4. แครอท 1 หัว
5. มะเขือเทศ 1 ลูก
6. พริกหวานสีเขียว 1/4 ลูก
7. หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
8. ซอสมะเขือเทศ 2 ชต.
9. น้ำปลา 1 ชต.
10. น้ำมันหอย 1 ชต.
11. พริกไทยป่น
12. น้ำมันพืช
13. ไข่ไก่ 2 ฟอง

วิธีทำ

1. กระเทียมปอกเปลือก ตำหรือสับละเอียด หั่นแครอท พริกหวาน หอมหัวใหญ่ และมะเขือเทศเป็นลูกเต๋าเล็กๆ เอาไว้ค่ะ
2. กระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไป พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมเจียวพอหอม นำหมูลงผัด พอหมูเปลี่ยนสี ใส่กุ้งสับลงไปคนๆ หน่อย ก็ใส่ผักที่หั่นไว้ลงไปคนให้เข้ากัน
3. ใส่ซอสมะเขือเทศ น้ำปลา น้ำมันหอยและพริกไทย ชิมรสตามชอบ คนเป็นระยะประมาณ 4-5 นาที พอมะเขือเทศเปื่อยดีก็ตักออกใส่ถ้วยพักไว้ก่อน

4. นำไข่มาตีพอเข้ากัน แล้วนำกระทะอีกใบตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน ทาน้ำมันพืชบางๆ ให้ทั่วกระทะ พอร้อนก็ใส่ไข่ลงไป เอียง กระทะวนไปเรื่อย ๆ จนไข่เป็นแผ่นบาง ๆ เต็มกระทะ พอไข่สุกและขอบเริ่มร่อนออกจากกระทะ ก็ใส่ไส้ที่ผัดเตรียมไว้ลงไป พับแผ่นไข่ทั้งสี่ด้านเข้าหากัน ตักใส่จานเสิร์ฟได้เลยค่ะ

แหวกให้ดูโฉมหน้าด้านในหน่อยค่ะ หน้าตาก็ออกมาประมาณนี้แหละ


credit : ภาพและสูตรอาหารและขนม © http://varithorn.blogspot.com
 

Read More...


ไข่กระทะ 2 สูตร

ไข่กระทะ,สูตรอาหาร

ไข่กระทะ เมนู 'ทำเงินรับอรุณ'
การเปิดร้านขายเครื่องดื่ม-ร้านกาแฟในยุคปัจจุบัน จะทำให้ประสบผลสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ถ้ามีจุดขายที่เด่นและน่าสนใจ ซึ่งแต่ละร้านก็ต้องพยายามหาสิ่งที่ช่วยดึงดูดลูกค้า
เพื่อเป็นเอกลักษณ์ของร้าน เพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านให้มาก ๆ
และสำหรับรายที่ทีมงาน “ช่องทางทำกิน” นำมาเสนอกันในวันนี้...คือ “ไข่กระทะ”

พรทิพย์ อั่นใจเอก เจ้าของร้าน เล่าให้ทีมงานฟังว่า จบปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏสวนดุสิต
แล้วเรียนหาความรู้เพิ่มเติมด้านการตลาดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนเข้าสู่การทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน
ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และบริษัทเครื่องสำอาง แต่ต่อมา เพราะความจำเจของงานประจำจึงเกิดความเบื่อ
ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจดูบ้าง จึงลาออกมาเพื่อตามฝันของตัวเอง

“เปิดร้านขายน้ำชา-กาแฟโบราณมาหลายปีแล้ว เล็งเห็นว่า
ปัจจุบันคนนิยมบริโภคกาแฟกันมาก รวมถึงตัวเองด้วย เรื่องฝีมือไม่ต้องห่วง
เพราะครอบครัวเคยเปิดร้านขายกาแฟมาหลายรุ่น แต่ร้านขายกาแฟตอนนี้มีอยู่เยอะมาก ก็มานั่งคิด
ว่าจะทำวิธีไหน เพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้านให้มาก ก็คิดว่าพฤติกรรมคนไทยเช้า ๆ จะไม่ทานกาแฟอย่างเดียว
เราก็น่าจะเพิ่มอาหารเช้า 2-3 อย่าง ให้แปลกและแตกต่างไปจากร้านอื่นในพื้นที่ใกล้เคียง
จึงใช้เหตุผลนี้เพิ่มรายการอาหารเข้ามา และก็เป็นที่มาของเมนูไข่กระทะ”

พรทิพย์บอกว่า “ไข่กระทะ” สูตรที่ทำขายเป็นสูตรประยุกต์ไม่เหมือนต้นฉบับ
ซึ่งเธอเองก็เป็นคนชอบทานไข่กระทะ และได้ไปทานมาหลายที่ หลายจังหวัด แต่ละที่ก็ทำไม่ต่างกันเท่าไหร่
จะไม่เหมือนกันก็ตรงวัตถุดิบ ที่อาจต่างกันไปบ้างตามแต่ละท้องถิ่น

ในการทำขายของเธอ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ก็มี
เตาแก๊ส, เตาปิ้งขนมปัง, กระทะธรรมดา และกระทะเล็กขนาดปากกว้าง 6 นิ้ว, คีมคีบ, มีด, เขียง,
ผ้าสำหรับจับกันความร้อน, ฝาสำหรับปิดกระทะ และถาดขนาดเล็ก

ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ก็จะมี
ขนมปัง, ไข่ไก่, หมูยอ, หมูสับ, แฮม, ไส้กรอก, กุนเชียง, เนยสด, ต้นหอม, น้ำมันพืช,
พริกไทยป่น, ซอสมะเขือเทศ ซอสศรีราชา และซอสปรุงรส เป็นต้น

วิธีทำ
เริ่มจากนำกระทะตั้งไฟให้พอร้อน ใส่เนยและน้ำมันพืชนิดหน่อยลงไป ใส่หมูสับลงไปรวนให้สุก
ปรุงรสตามชอบ ตักขึ้นตั้งพักไว้

นำหมูยอ, กุนเชียง และไส้กรอก ลงทอดในน้ำมันน้อย ๆ พอให้สุกผิวตึง ตั้งพักไว้สักครู่
นำมาหั่นเฉียงเป็นชิ้นขนาดพอสวยงาม ใส่ภาชนะพักไว้

ต้นหอมก็ล้างสะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็ก แฮมหั่นเป็นเส้น ๆ เตรียมไว้

เมื่อต้องการจะทำเป็น “ไข่กระทะ” ก็นำกระทะขนาดเล็กที่ล้างสะอาดแล้วตั้งบนเตา ใช้ความร้อนปานกลาง
พอกระทะร้อนตักเนยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะใส่ลงไป พอเนยละลาย ใช้ช้อนช่วยเกลี่ยเนยให้ทั่วกระทะ

จากนั้นนำไข่ไก่ 2 ฟอง ตอกใส่ลงไปในกระทะที่ร้อนพอประมาณ
ใช้คีมคีบจับหูกระทะเทละเลงไข่ไก่ให้ทั่วกระทะ นำหมูสับที่รวนสุกเตรียมไว้แล้วใส่ตามลงไป
ตามด้วยหมูยอ, กุนเชียง และไส้กรอกที่เตรียมไว้

ใช้ช้อนช่วยกดให้วัตถุดิบทั้งหมดจมลงไปในไข่เล็กน้อย ใช้ฝาปิดอบทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที
หรือให้ไข่สุกตามความต้องการ เสร็จแล้วก็โรยหน้าด้วยแฮม, ต้นหอม และพริกไทย

เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมจะเสิร์ฟกับซอสมะเขือเทศ และซอสพริกศรีราชา

แต่ที่เป็นของคู่กันก็คือ “ขนมปัง” โดยนำขนมปังหัวกะโหลกมาเลื่อยหั่นเป็นชิ้น หนาประมาณ 1 นิ้ว
ปิ้งด้วยไฟอ่อน ๆ หมั่นกลับด้าน พอให้ขนมปังพอเหลือง และมีกลิ่นหอมกรุ่น ก็เป็นอันใช้ได้

ที่ร้านของพรทิพย์นั้น นอกจากจะขายชา กาแฟร้อน ๆ และเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่หลากหลาย
อาทิ นมเย็น, นมน้ำแดง, กาแฟเย็น, โกโก้เย็น, ชาเย็น, ชามะนาว, น้ำมะนาว, น้ำมะนาวโซดา,
บ๊วยมะนาว, น้ำสิงคโปร์, น้ำเขียวโซดา, บลูเบอรี่ปั่น, สตรอเบอรี่ปั่น, ลูกพรุนปั่น, ชาเขียวปั่น ฯลฯ
แล้ว...ก็ได้เมนูอาหารเช้าอย่าง “ไข่กระทะ” มาช่วยสร้างรายได้อีกทาง
และนอกจากนี้ก็ยังมี ข้าวต้มกระดูกหมู และขนมปัง...นม-เนย, เนย-สังขยาใบเตย, เนย- ช็อกโกแลต,
เนย-นมข้นหวาน, เนย-แยมส้ม/สตรอเบอรี่ และน้ำพริกเผา ซึ่งก็เป็นที่นิยมของลูกค้าเช่นกัน

พรทิพย์เปิดร้านขายอยู่ที่ซอยเฉยพ่วง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
ใครสนใจจะไปชิมรสชาติ “ไข่กระทะ” หรืออื่น ๆ ร้านนี้เขาใช้กลยุทธ์การขายแบบ “ครบเครื่อง”
ซึ่งก็ถือ “เป็นจุดดึงดูดลูกค้า” ที่ได้ผลดี

เชาวลี ชุมขำ : รายงาน




ไข่กระทะ,สูตรอาหาร

ไข่กระทะ

วันนี้ผมจะชวนท่านผู้อ่านทำอาหารเช้า แทนที่จะเป็นกับข้าวในสำรับมื้อเย็นอย่างที่เคย
เป็นตำรับที่ผมปรับปรุงเรื่อยมาเป็นลำดับจากการไปชะโงกดูร้านเจ้าอร่อยทำขายเมื่อยี่สิบปีก่อน
จนถือเป็นสูตร "หนานคำ" ก็คงจะได้ ส่วนขนมปังกระเทียมคนยากนั้น จำมาจากฝีมือของคุณ "นิลกังขา"

เครื่องปรุง
ไข่ไก่ตามจำนวนคนกิน เนยจืด 1-2 ก้อน
หมูบด 3 ขีด
กุนเชียง 1 ข้าง
หมูยอปริมาณเท่ากับกุนเชียง
หอมหัวใหญ่ 1 หัว
ซอสหอยนางรม
ซอสถั่วเหลือง
ซีอิ๊วขาว
พริกไทยป่น
ผักชีต้นใหญ่หน่อยสัก 3 ต้น
กระเทียม พริกไทยเม็ด น้ำตาลทราย เกลือป่น ขนมปังฝรั่งเศส

อุปกรณ์พิเศษ คือ กระทะลูกเล็กๆปากกว้างประมาณ 6-8 นิ้วฟุตสักครึ่งโหล
กับถาดหรือฝาหม้ออะลูมิเนียมขนาดใกล้เคียงกันพอใช้ปิดกระทะได้


วิธีทำหน้าไข่กระทะ
1. ปอกหอมหัวใหญ่ล้างให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าเล็กๆ เช่นเดียวกับกุนเชียงและหมูยอ


2. ตั้งกระทะประจำครัวใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ตัดเนยใส่ลงไปสัก 1 ใน 4 ก้อน
พอเนยละลายใส่หอมหัวใหญ่ที่หั่นไว้ลงไปผัดจนนิ่ม

3. เร่งไฟให้แรงขึ้นใส่หมูบดลงไปผัดรวมกับหอมหัวใหญ่ ตวงซอสหอยนางรม ๑ ช้อนคาวลงไปผัดให้เข้ากัน

4. พอหมูบดใกล้สุก ใส่กุนเชียงและหมูยอลงไปผัด เติมน้ำสะอาดลงไปเล็กน้อย
ปรุงรสเพิ่มด้วยซอสถั่วเหลือง ซีอิ๊วขาว และ น้ำตาลทรายนิดหน่อย

5. ชิมรสอีกครั้งเค็มน้อยๆ ไม่หวาน โรยพริกไทยป่นตามชอบ ผัดเคล้าให้เข้ากันตักขึ้นใส่ชามปากกว้างพักไว้

วิธีทำ ไข่กระทะ
1. ตั้งกระทะลูกเล็กใช้ไฟกลาง ตัดเนยก้อนเท่าหัวแม่มือใส่ลงไป
รอจนเนยละลายกลายเป็นน้ำมันร้อนดีแล้ว ต่อยไข่ไก่ลงไปในกระทะ ๑ ฟอง

2. ใช้ตะหลิวเขี่ยไข่แดงให้แตก ตักหน้าที่ผัดไว้แล้ว 1 ช้อนคาวพูนๆหรือมากกว่านั้นใส่ลงไปด้านบน
เหยาะซอสหอยนางรมลงไป 2-3 หยด ใช้ฝาหม้อที่เตรียมไว้ปิดกระทะ

3. รอจนไข่สุก ผมใช้วิธีแง้มฝาหม้อดูเป็นระยะๆ พอเห็นว่าไข่ด้านล่างเริ่มจะเกรียมเป็นอันว่าใช้ได้

4. ยกกระทะขึ้นค่อยๆรินน้ำมันเนยที่เกินต้องการใส่กระทะลูกต่อไป โรยพริกไทยป่นและผักชีหั่นหยาบๆ
เสิร์ฟพร้อมขนมปังกระเทียม ซอสถั่วเหลือง ซอสมะเขือเทศ ซอสพริกและพริกไทยป่น


วิธีทำ ขนมปังกระเทียมคนยาก

1. รากผักชีที่เหลือจากหั่นต้นและใบหยาบๆโรยหน้าไข่กระทะข้างต้น 2-3 ราก ซอยละเอียด
ใส่ลงในครกหินใบเก่ง โขลกรวมกับกระเทียมปอกเปลือกจนเกลี้ยง 20 กลีบ
พริกไทย ๑๐ เม็ด เกลือนิดหน่อยจนแหลกเข้ากันดี

2. ตัดเนยครึ่งก้อนใส่ในครกโขลกต่อรวมกับเครื่องปรุงตาม 1. จนเข้ากัน
ท่านผู้อ่านจะใช้เครื่องบดไฟฟ้าก็ได้ครับง่ายดี ตักส่วนผสมนี้ขึ้นใส่ถ้วยพักไว้

3. ตั้งกระทะให้ร้อน หั่นขนมปังฝรั่งเศสตามขวางแฉลบเป็นชิ้นหนาพอควร
(ตามภาพประกอบนั้นผมใช้ชนิดก้อนเท่ากำมือจึงผ่าครึ่ง) ลงวางเรียงนาบจนขนมปังข้างหนึ่งเริ่มเกรียม

4. ใช้ช้อนตักส่วนผสมตาม 2.ป้ายให้ทั่วชิ้นขนมปังด้านที่เกรียม กลับด้านที่ยังไม่โดนไฟลงด้านล่าง

5. รอจนเนยละลายซึมลงในชิ้นขนมปัง ด้านล่างจะเกรียมพอดี เสิร์ฟร้อนๆคู่กับไข่กระทะ


somsakksn/กศน.อำเภอผาขาว/อ้างอิงจากครัวเดลินิวส์

Read More...


คิง หมี่ฮ่องกง” สูตรเส้นสด อร่อยจุใจในแบบต้นตำรับ

แฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง
บะหมี่เกี๊ยวของแฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง


สำหรับคนเอเชีย โดยเฉพาะคนจีน การกินบะหมี่ไม่ ได้เป็นเพียงอาหารประทังชีวิต แต่ยังแฝงไปด้วยวัฒนธรรมที่สืบทอดภูมิปัญญามานับพันปี จนเลื่องชื่อถึงความอร่อยชวนลิ้มลอง ทำให้คนยุคนี้อยากลองสัมผัสบ้าง

ร้าน “คิง หมี่ฮ่องกง” เข้ามาเติมเต็มความต้องการดังกล่าว เพราะเป็นบะหมี่เส้นสดสูตรต้นตำรับ มาพร้อมรูปโฉมภายนอกที่ชวนให้ย้อนถึงกลิ่นอายแห่งวันวาน ผ่านการตกแต่งร้าน และภาชนะชามโตที่เสิร์ฟปริมาณอิ่มจุใจ แต่ขายราคาที่ควักกระเป๋าจ่ายได้ง่ายๆ

แฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง
ดลยา รักวิชา (ซ้าย) และ อรัญ เรืองรองเจ้าของคิงหมี่ฮ่องกง

คิดค้นบะหมี่ต้นตำรับให้คนไทยได้ลอง

ร้าน“คิง หมี่ฮ่องกง” เปิดมาประมาณ 3 ปีแล้ว เจ้าของ คือ อรัญ เรืองรอง และดลยา รักวิชา จากแรงบันดาลใจที่อยากให้คนไทยได้กินบะหมี่ดีๆ เหมือนต้นตำรับ

อรัญ เล่าว่า เรียนจบด้านศิลปะ แต่พลิกชีวิตไปทำงานเป็นเชฟอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ 4 ปี จากนั้น ไปเป็นเชฟอยู่บนเรือท่องเที่ยวสตาร์ครูส อีกราว 4-5 ปี แล่นเส้นทางประจำโซนเอเชีย โดยเฉพาะฮ่องกง ซึ่งไปบ่อยครั้งที่สุด จนรับรู้ได้ถึงความผูกพันของคนเอเชียที่มีต่อการกินบะหมี่ และสังเกตได้ว่า ทุกร้านบะหมี่ที่ฮ่องกงจะพิถีพิถันในการทำบะหมี่มาก ทำเส้นสดใหม่วันต่อวัน และเอาใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งสะท้อนถึงความเคารพต่อผู้กินอย่างสูง

“จากที่เห็นความเอาใส่ใจ ในการทำบะหมี่ของร้านที่ฮ่องกง ทำให้ผมคิดอยากทำเหมือนเขาบ้าง แล้วขายให้คนไทยได้กิน ผมจึงเริ่มศึกษาวิธีทำเส้นบะหมี่แบบต้นตำรับจริงจัง จากทั้งตำรา สอบถามผู้รู้ และตระเวนกินบะหมี่อย่างเดียว 2 สัปดาห์ เพื่อให้เข้าใจถึงแก่น แล้วทดลองทำด้วยตัวเอง ตั้งแต่นวดแป้งด้วยมือ จนค้นพบส่วนผสมที่ลงตัว ซึ่งมีเพียงแป้ง ไข่ น้ำ และเกลือเท่านั้นเอง ไม่มีการใส่สารปรุงรสใดๆ ทั้งสิ้น แต่กลับให้รสชาติที่นุ่มเนียน ซึ่งผมเชื่อว่า ใกล้เคียงกับรสชาติดั้งเดิมอย่างแท้จริง” เชฟหนุ่ม เผย
นอกจากเส้นบะหมี่แล้ว เขายังคิดค้นสูตรเกี๊ยว หมูแดง รวมถึง น้ำซุปที่เป็นแบบน้ำตุ๋น ที่ปรับรสชาติจากต้นตำรับเล็กน้อยให้ถูกปากคนไทย

แฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง
คิงหมี่ฮ่องกง เส้นรีดสดโชว์หน้าร้าน

คิงหมี่ฮ่องกงแต่งโฉมภายนอก ขายกลิ่นอายต้นตำรับ

ด้านรูปลักษณ์ภายนอกคิงหมี่ฮ่องกงให้ความสำคัญ ไม่แพ้กัน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงบรรยากาศแบบต้นตำรับแท้ๆ ผ่านการแต่งร้านในสไตล์ร้านจีนโบราณ ไม่ ว่าจะตู้โชว์ โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ พร้อมเสิร์ฟในชามขนาดใหญ่ บรรจุบะหมี่และเครื่องมาปริมาณจุใจ ให้ลูกค้าอิ่มและรู้สึกคุ้มค่า คล้ายกับไปกินที่ร้านบะหมี่ในต่างประเทศจริงๆ

อีกทั้ง หน้าร้านคิงหมี่ฮ่องกงยังมีการโชว์ลีลารีดเส้นบะหมี่สดๆ ให้ลูกค้าได้ชม ช่วยเพิ่มความสนใจ และยังตอกย้ำให้เห็นถึงความเอาใจใส่ที่มีต่อลูกค้า เปรียบเป็นบะหมี่ที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้าน “คิง หมี่ฮ่องกง”

อรัญ เผยว่า ใช้เงินลงทุนเปิดร้านเบื้องต้นกว่า 7 หลัก สาขาแรกอยู่ที่ สายไหม ซ.10 จากนั้นขยายสาขา 2 ที่ ถ.สีลม ซ.10 โดยขายชามละ 30-40 บาท (แล้วแต่เมนู) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เชื่อว่า คนทั่วไปตัดสินใจกินได้ง่ายๆ โดยเฉลี่ยยอดขายทั้ง 2 สาขา อยู่ที่ 150-200 ชามต่อวัน

ไม่เท่านั้น เชฟหนุ่มยังสร้างสรรค์เมนูแปลกใหม่ไว้บริการในร้านกว่า 30 รายการ เช่น บะหมี่ส้มตำ ข้าวมันไก่สมุนไพรจีน เส้นบะหมี่ยำ ข้าวหมูย่างนมสดโรยงา ลูกชิ้นเกี๊ยวลวกจิ้ม ฯลฯ อีกทั้ง ยังจัดชุดคอกเทลบะหมี่เกี๊ยว สำหรับบริการงานจัดเลี้ยงนอกสถานที่ด้วย

ต่อยอดขายแฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกงกระจายวัตถุดิบ

สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ (2554) ดลยา อธิบายว่า เนื่องจากพร้อมด้านการผลิตวัตถุดิบ โดยมีโรงงานทำเส้นบะหมี่ขนาดย่อมของตัวเอง จึงอยากเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าในรูปแบบขายอาชีพกึ่งแฟรนไชส์ แบ่งรูปแบบลงทุน 2 ลักษณะ คือ ชุด 1. ลงทุน 150,000 บาท เน้นทำเลในฟู้ด คอร์ต ตามห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรดต่างๆ โดยได้รับอุปกรณ์และวัตถุดิบพร้อมเปิดร้าน และ ชุด 2. ลงทุน 300,000 บาท เป็นรูปแบบร้านห้องแถว เน้นทำเลย่านสถานศึกษา ชอปปิ้งพลาซ่า และชุมชน โดยได้รับอุปกรณ์และวัตถุดิบพร้อมเปิดร้าน รวมถึง อุปกรณ์เครื่องเก็บเงิน และกล้องวงจรปิด 4 ตัวเพื่อดูแลร้าน
สำหรับเงื่อนไขแฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง ผู้ลงทุนต้องรับวัตถุดิบหลักจากส่วนกลางเท่านั้น เพื่อควบคุมรสชาติให้ได้มาตรฐานเดียวกัน ประกอบด้วย เส้นบะหมี่ หมูแดง เกี๊ยวชนิดต่างๆ และหัวเชื้อน้ำซุป โดยได้รับสิทธิฝึกอบรมที่ร้านต้นแบบ 7 วัน และมีทีมงานพร้อมบริการส่งวัตถุดิบ และแนะนำการตลาดให้อย่างสม่ำเสมอ

ดลยา เผยว่า ต้นทุน ก๋วยเตี๋ยวต่อชาม รวมค่าใช้จ่ายทุกด้านแล้ว เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าเช่า ค่าพนักงาน ฯลฯ เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 40-50% จากราคาขายปลีก ดังนั้น หากขายได้ประมาณ 50 ชามต่อวัน จะมีกำไรสุทธิอย่างต่ำประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน ทำให้อัตราคืนทุนอยู่ 6-15 เดือน (แล้วแต่รูปแบบลงทุน) อย่างไรก็ตาม หากยอดขายแฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกงสูงขึ้น ระยะเวลาคืนทุนจะสั้นลงตามไปด้วย

แฟรนไชส์คิงหมี่ฮ่องกง
รูปแบบเคาวน์เตอร์ของ “คิง หมี่ฮ่องกง”

 

ตารางลงทุนแฟรนไชส์ “คิง หมี่ฮ่องกง”

- รูปแบบลงทุน
    ชุด 1. ลงทุน 150,000 บาท เป็นร้านเปิดในฟู้ด คอร์ต
    ชุด 2. ลงทุน 300,000 บาท เป็นรูปแบบร้านห้องแถว
- กำไรสุทธิต่อหน่วยประมาณ 50%
- ต้องรับวัตถุดิบหลักจากส่วนกลางเท่านั้น
- คาดการณ์คืนทุน 6-15 เดือน (แล้วแต่ทำเล และรูปแบบลงทุน)
  โทร.08-1827-0709 หรือ www.kinghongkongnoodle.com
  ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

http://www.thaifc.net/


Read More...


โบ๊กเกี้ย” หวานเย็นไหหลำ ยึดหัวหาดบางลำพูกว่า 20 ปี

ขนมโบ๊กเกี้ย
กันทิมา อัครธรรมากุลเถ้าแก่เนี๊ยขนมโบ๊กเกี้ย

เริ่มเข้าหน้าร้อน ขนมที่ช่วยดับร้อนได้อย่างหนึ่งคือขนมหวานเย็นที่หลายคนเลือกคลายร้อน จากการหารับประทานได้ง่ายและราคาไม่แพง แต่ขนมหวานอย่าง “โบ๊กเกี้ย” แค่ชื่อยังไม่คุ้นหู ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึง แต่สำหรับคนจีนไหหลำน่าจะรู้จักดี เพราะเป็นขนมหวานที่มีเชื้อสายมาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ลักษณะเป็นแป้งเหนียวสีขาวคล้ายลอดช่องรับประทานคู่เครื่องเคียงธัญพืชนานา ชนิด เพิ่มความหวานด้วยน้ำเชื่อมจากน้ำตาลทรายแดง และเย็นฉ่ำจากน้ำแข็งบดละเอียด

กว่า 20 ปีที่ร้าน “ขนมโบ๊กเกี้ยเจ้าเก่าบางลำพู เปิด ขายบริเวณศาลเจ้าพ่อหนู (เชิงสะพานบางลำพู) หรือที่รู้จักกันในนามของตลาดนานา ที่เดิมเป็นตลาดโต้รุ่งอุดมไปด้วยอาหารอร่อยหลากหลายชนิด ปัจจุบันบรรยากาศนั้นไม่มีให้เห็นแล้ว แต่สำหรับร้าน “โบ๊กเกี้ย” ของ กันทิมา อัครธรรมมากุล ยึดอาชีพนี้มานานและไม่ย้ายทำเลไปที่อื่น

ซึ่งเดิมพื้นที่นี้เป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวของพ่อแม่ ส่วนตนเองก็ช่วยงานในร้านทำทุกอย่างที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้ รวมถึงพี่น้องก็ช่วยธุรกิจนี้ของครอบครัวด้วยเช่นกัน จนกระทั่งแต่งงานแยกครอบครัว ประกอบกับพ่อแม่เสียชีวิต ก็เลิกขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อไป ส่วนกันทิมาก็หาอาชีพอื่นทำ เช่น ขายส้มตำ และอาหารอื่นๆ ที่พอจะทำขายได้เพราะต้องหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว และส่งลูกชายทั้ง 3 คนเรียนหนังสือ แต่ลึกๆ แล้วกันทิมาต้องการหาชีพที่มั่นคง และให้น้องๆ ยึดเป็นอาชีพหลักได้ด้วยเช่นกัน

ขนมโบ๊กเกี้ย
ขนมโบ๊กเกี้ยพร้อมเครื่องครบครัน

จนกระทั่งลองฟื้นความ ทรงจำสมัยเยาวัยตอนอายุ 7 ขวบ ที่ไปช่วยปั้นโบ๊กเกี้ย ให้กับคนแก่ที่ทำขนมโบ๊กเกี้ยขาย ซึ่งสมัยนั้นไม่ได้คิดอะไร ทำสนุกๆ ได้กินขนมโบ๊กเกี้ยฟรี 1 ถ้วย ก็ดีใจแล้ว แต่นั่นกลับกลายเป็นความรู้ในเรื่องสูตรขนมโบ๊กเกี้ยโดยไม่ได้ตั้งใจ จากการเห็นการผสมแป้ง การนวดแป้งให้เหนียวทุกวัน จึงลองนำมาทำอีกครั้ง ซึ่งในช่วงแรกแป้งโบ๊กเกี้ยยังไม่เหนียวนุ่มเหมือนทุกวันนี้

สูตรจำเพาะขอมโบ๊กเกี๊ย

“สูตรขนมโบ๊กเกี้ยเป็นสูตรของคนแก่ที่เราอาศัยครูพักลักจำมา พร้อมกับปรับปรุงแป้งให้เหนียว รวมถึงรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า ส่วนน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลทรายแดง เป็นสูตรของเราเองซึ่งจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จากการต้มพร้อมใบเตย พร้อมกับการเคี่ยวที่ไม่เหนียวจนเกินไป ส่วนธัญพืชเครื่องเคียงในขนมโบ๊กเกี้ย เราจะเชื่อมเองเกือบทั้งหมด เช่น ถั่วแดง เม็ดบัวแปะก๊วย และถั่วแดงเม็ดเล็ก ส่วนมันเชื่อม วุ้นมะพร้าว เฉาก๊วย จะซื้อจากร้านประจำที่มีคุณภาพดี”

สำหรับแป้งขนมโบ๊กเกี้ยที่เป็นสูตรเฉพาะทางร้านจะใช้แป้งข้าวเจ้านำ มานวดจนเหนียว และใช้มือปั้นทีละชิ้นคล้ายเส้นลอดช่องแต่มีสีขาว ซึ่งในแต่ละวันใช้เวลาปั้นประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วนำมาต้มในน้ำเดือดเพียงไม่นาน แล้วมานำลวกในน้ำเย็น ก็จะได้เส้นโบ๊กเกี้ยใส เหนียวนุ่มน่ารับประทาน โดยทางร้านจะลวกไปขายไปเพื่อแป้งยังคงความนิ่ม เพราะหากทิ้งไว้นานจะลดความเหนียวลง

การที่ขนมโบ๊กเกี้ยเป็นขนมหวานเย็นที่หารับประทานค่อนยากในขณะนี้ ทำให้ลูกค้าที่มาอุดหนุนอยู่เป็นประจำ สนใจอยากเรียนรู้สูตรการทำแป้งโบ๊กเกี้ยให้เหนียวนุ่ม ซึ่งแรกๆ กันทิมา ก็ไม่คิดที่จะเปิดสอน แต่เมื่อกลับมาคิดอีกที ก็ถือเป็นการช่วยคนให้มีอาชีพ และรายได้เลี้ยงครอบครัว โดยปัจจุบันค่าเรียนอยู่ 5,000 บาท ใช้เวลาเรียนประมาณ 3-4 วัน โดยผู้เรียนต้องมาคลุกคลีกับขั้นตอนการทำตั้งแต่เริ่มแรก คล้ายลูกมือของกันทิมาเลยทีเดียว และเมื่อเรียนจบไปแล้วก็ต้องหมั่นฝึกฝนฝีมือ หากมีปัญหาติดขัดในกระบวนการทำก็สามารถโทรมาสอบถาม หรือมาเรียนเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา

นอกจากกันทิมา จะขายขนมโบ๊กเกี้ยหน้าร้านบริเวณศาลเจ้าพ่อหนูแล้ว ยังรับออกงานนอกสถานที่ด้วย ต้องสั่งอย่างน้อย 200 ถ้วยขึ้นไป ราคา 4,000 บาท (ยังไม่รวมค่ารถ) ซึ่งการออกงานนอกสถานที่จะมีเป็นประจำแทบทุกเดือน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลแห่งการงานรื่นเริงสังสรรค์

ขนมโบ๊กเกี้ย
โบ๊กเกี้ยลวกสุก

หากใครสนใจที่ยึดอาชีพทำขนมโบ๊กเกี้ยขายก็ถือ ว่ามีความน่า สนใจไม่น้อย เพราะจากสภาพอากาศของประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อน แค่กันทิมา บอกว่าคนที่คิดจะทำอาชีพนี้ต้องมีความอดทนสูง เพราะไม่เพียงแต่การนวดแป้งให้เหนียว และปั้นทีละเส้นแล้วเครื่องเคียงต่างๆ ก็ถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยเพื่อให้รสชาติโดยรวมของขนมโบ๊กเกี้ยถ้วยหนึ่งมี ความลงตัว ดังนั้นธัญพืชต่างๆ ต้องเชื่อมเอง ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นขนมโบ๊กเกี้ยสักหนึ่งถ้วยเรียกได้ว่าใช้เวลาไม่น้อย และต้องมีใจรักที่จะทำงานนี้เองในทุกๆ ขั้นตอนด้วย

สนใจติดต่อ 0-2281-9911 และ 08-9696-4422
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

http://www.thaifc.net/


Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.