สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

อิ่มอร่อยกับเมนูสุขภาพ "ซาลาเปารสขิง" หวานเผ็ดร้อน ส่งตรงจากมทร.ธัญบุรี

       (ว่าที่) เชฟสาวแห่งมทร.ธัญบุรี ปลีกตัวเข้าครัวหลังเล่นสาดน้ำสงกรานต์กับเพื่อนฝูง คิดค้นเมนูสุดแจ่ม “ซาลาเปารสขิง” หวานเผ็ดร้อน ขับลม แก้ท้องอืดจุกเสียด เมนูอาหารใหม่เพื่อคนสุขภาพ
“อ้อ” น.ส.สันศนีย์ จันทร์จันทร์ เจ้าของไอเดียซาลาเปารสขิง
       “อ้อ” น.ส.สันศนีย์ จันทร์จันทร์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ เจ้าของไอเดียซาลาเปารสขิง ส่งตรงมาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี โดยมี ผศ.สุชาดา งามประภาวัฒน์ เป็นที่ปรึกษาคอยแนะนำ
      
       เจ้าของไอเดีย เล่าว่า ซาลาเปารสขิงถือว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอีกชนิดหนึ่งที่นอกจากจะเป็นอาหาร ว่างที่มีรสชาติอร่อยสามารถพกพาได้สะดวกเวลาเดินทาง เพราะว่า สรรพคุณของขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน จากอาการเมารถเมาเรือ มีคุณสมบัติดีกว่ายาแก้เมา ทำให้ผู้ที่เดินทางสามารถทำกิจกรรมระหว่างการเดินทางได้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ต้องเดินทาง
      
       ด้วยสรรพคุณของขิงที่มีรสหวานเผ็ดร้อน ขับลม แก้ท้องอืดจุกเสียด แน่นเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน แก้หอบไอ ขับเสมหะ แก้บิด โดยขิงสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายรูปแบบรับประทานสด ขิงผง ขิงดอง น้ำขิง ส่วนซาลาเปาเป็นอาหารหลักที่นิยมรับประมานก่อนอาหารมื้อหลัก เพื่อรองท้องไม่ให้หิว นอกจากนี้ยังเป็นอาหารว่างที่กระตุ้นให้อยากรับประทานอาหารประเภทอื่นได้อีก ด้วย ซาลาเปามีทั้งไส้หวานและไส้เค็ม เช่น ไส้หมูสับ ไส้หมูแดง
ส่วนผสม
       ส่วนผสมในการทำซาลาเปาขิง
      
       
ส่วนผสมที่ 1แป้งสาลี 120 กรัม ยีสต์ 1 ½ ช้อนชา น้ำเปล่า 3 ½ ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมที่ 2แป้งสาลี 75 กรัม ผงฟู 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 35 กรัม เยนขาว 20 กรัม เกลือ ¼ ช้อนชา น้ำขิง 2ช้อนโต๊ะ

      
       อ้อ เริ่มต้นอธิบายขั้นตอนในการทำซาลาเปาขิง โดยเริ่มจากการผสมแป้งยีสต์ แล้วเติมน้ำ นวดพอเข้ากัน พักไว้ให้แป้งขึ้นเป็นเท่าตัว ผสมแป้ง ผงฟู น้ำตาลทราย นวดเข้าด้วยกัน ใส่น้ำ ใส่แป้งส่วนที่ 1 นวดพอเข้ากัน ใส่เนยขาว นวดจนส่วนผสมเนียนพักแป้งไว้ 10 นาที ตัดแป้งเป็นก้อนละ 20 กรัม ได้ 18 ก้อน ห่อไส้ พักแป้งให้ขึ้นอีกเท่าตัว หรือทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที นำไปนึ่งให้น้ำเดือดประมาณ 10 นาที
      
       ส่วนผสมในการทำไส้ไก่ผัดขิง
       
เนื้อไก่100 กรัม
ขิงอ่อน25 กรัม
เห็ดหูหนู50 กรัม
หอมหัวใหญ่50 กรัม
ซอสปรุงรส2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน2 ช้อนโต๊ะ

      
       สำหรับขั้นตอนในการทำไส้ไก่ผัดขิง เริ่มจากล้างเนื้อไก่ ขิงอ่อน เห็ดหูหนู หอมหัวใหญ่ แล้วหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ ใส่น้ำมันในกระทะใส่หอมใหญ่และขิงอ่อน ผัดให้หอม แล้วใส่เนื้อไก่ เห็ดหูหนู ปรุงรส พอสุกได้ที่ยกลงพักไว้ให้เย็นแล้ว นำไปห่อด้วยแป้งซาลาเปา
       ท้ายนี้ อ้อ แนะนำว่า ซาลาเปารสขิง สามารถเก็บไว้ได้ (ช่องแช่แข่ง) ถ้าจะนำมารับประทานให้นำมาเวฟ นอกจากความนุ่มของตัวแป้งซาลาเปาที่ผสมด้วยน้ำขิง เมื่อได้สัมผัสจะได้กลิ่นของขิง เป็นรสชาติที่ลงตัว แม่บ้านสามารถทำให้น้องๆที่บ้านทานได้ ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก สามารถนำไปเป็นสูตรสร้างรายได้เสริม ให้กับครอบครัวอีกอาชีพหนึ่ง                                     โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


ม.แม่โจ้ แนะวิธีปลูกลิ้นจี่คุณภาพดี ผลสวย น่ารับประทาน

       ม.แม่ โจ้แนะวิธีเพิ่มผลผลิตลิ้นจี่อย่างปลอดภัย โดยใช้วัสดุห่อผลก่อนเก็บ ได้ผลสวย สีสันน่ารับประทาน ลดโรคแมลงและปลอดภัยต่อผู้บริโภค
       

       ปัจจุบันการทำสวนลิ้นจี่ที่ผลิตด้วยระบบเกษตรปลอดภัยหรือสวนเกษตร อินทรีย์นั้นกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ กลุ่มเกษตรกรที่รวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่มลิ้นจี่อินทรีย์เพื่อผลิตลิ้นจี่ส่ง ออกไปยังต่างประเทศ ได้ใช้วิธีการห่อช่อผลด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 30 วัน พบว่าช่วยลดการระบาดของหนอนเจาะขั้วผล ลดสารเคมีตกค้างบนผลลิ้นจี่ ช่วยให้สีผิวลิ้นจี่สวยงาม และสามารถขายลิ้นจี่ที่ห่อช่อผลได้ในราคาที่สูงกว่าลิ้นจี่ที่ไม่ห่อผล
      
       ทั้งนี้ การห่อช่อผลลิ้นจี่นั้นยังมีข้อจำกัดเรื่องการใช้วัสดุห่อผล เนื่องจากยังไม่มีวัสดุอื่นๆ ที่ใช้ทดแทนการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ ซึ่งกระดาษหนังสือพิมพ์มีหมึกพิมพ์ติดอยู่ ในอนาคตตลาดต่างประเทศอาจใช้เป็นข้อกีดกันทางการค้าในการส่งลิ้นจี่ปลอดภัย และลิ้นจี่อินทรีย์ไปยังต่างประเทศได้
      
       ด้วยเหตุนี้ คณะผู้วิจัยฯ ภาควิชาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว คณะวิศวกรรมแลอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นำโดย รองศาสตราจารย์ดร.ยงยุทธ ข้ามสี่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พาวิน มะโนชัย นางจิรนันท์ เสนานาญ นายพิชัย สมบูรณ์วงศ์ นายนิคม วงศ์นันตา จึงได้มีการศึกษาเพิ่มเติมถึงการใช้วัสดุห่อ ชนิดต่าง ๆ ที่น่าจะสามารถนำมาใช้ห่อผลลิ้นจี่ทดแทนกระดาษหนังสือพิมพ์ที่เกษตรกรนิยม ใช้อยู่ และเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายมีราคาถูก โดยการศึกษาได้มีการนำถุงห่อผลไม้ชนิดอื่น ๆ ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด
       รองศาสตราจารย์ดร.ยงยุทธ กล่าวว่า คณะวิจัยฯ ได้ทำการศึกษาหน้านี้ถึงวิธีห่อผลลิ้นจี่แล้วทำให้สีผิวลิ้นจี่สวยงาม โดยวัสดุที่ใช้ศึกษามีดังนี้ คือ กระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษสีน้ำตาล ถุงซุนฟง (ถุงกระดาษสีขาวที่ใช้สำหรับห่อส้มโอปลายถุงจะปิด) ถุงรีเมย์ (ถุงผ้าห่อผลไม้ทั่วไปสีขาวก้นถุงปิด) ถุงพลาสติกใส(ก้นถุงปลายเปิด) และถุงพลาสติกขุ่น(ก้นถุงปลายเปิด) เปรียบเทียบกับการไม่ห่อช่อผล โดยได้มีการห่อผลก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 30 วัน ทำการห่อผลวันที่ 9 เมษายน 2552 เก็บเกี่ยว วันที่ 13 พฤษภาคม 2552 ทำการห่อผลลิ้นจี่ 2 สถานที่ คือสวนเกษตรกรบ้านเจริญราษฎร์ อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา และบ้านแม่สาใหม่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
      
       “เราพบว่า การห่อช่อผลลิ้นจี่ด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษสีน้ำตาล ถุงซุนฟง ถุงรีเมย์ ถุงพลาสติกใส และถุงพลาสติกขุ่น ช่วยลดการเข้าทำลายจากหนอนเจาะขั้วผลได้ โดยมีการถูกทำลายจากหนอนเจาะขั้วผลอยู่เพียง 3.75-7.50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าไม่ห่อผลลิ้นจี่เลยจะมีหนอนเจาะขั้วผลถึง 13.25 เปอร์เซ็นต์
       สำหรับสีผิวของเปลือกผลลิ้นจี่ พบว่า การใช้กระดาษสีน้ำตาล และกระดาษหนังสือพิมพ์ ทำให้สีผิวของลิ้นจี่สวยกว่าการห่อด้วยวัสดุชนิดอื่นๆ โดยผิวลิ้นจี่จะมีลักษณะเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ ผิวนวลไม่มีกระ เปลือกผิวบาง จากการชิมพบว่ารสชาติหวาน เนื้อผลบริเวณขั้วผลจะหนา มีกลิ่นหอม
      
       
ซึ่งการที่ผิวลิ้นจี่มีผิวสวยกว่าการห่อด้วยวัสดุอื่นๆ อาจเนื่องจากการใช้กระดาษสีน้ำตาลและกระดาษหนังสือพิมพ์ ห่อช่อผลมีความเหมาะสมในการยอมให้แสงผ่านในระดับที่เหมาะสมซึ่งจะมีผลในการ พัฒนาของสีเปลือก แต่การใช้วัสดุห่อผลชนิดต่างๆ ไม่มีผล ต่อน้ำหนักและขนาดของผลลิ้นจี่ คุณภาพผลด้านน้ำหนักและขนาดของเปลือก เนื้อ และเมล็ดของผลลิ้นจี่ ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้(TSS) หรือปริมาณน้ำตาล, ปริมาณกรดที่ไทเทรตได้ (TA) อัตราส่วนของ TSS/TA และปริมาณวิตามินซี ของผลลิ้นจี่”
      
       นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.ยงยุทธ ยังให้คำแนะนำสำหรับเกษตรกร ถึงวิธีการดูแลผลผลิตอย่างถูกวิธี ด้วยการใช้วัสดุชนิดต่างๆ ห่อช่อผล ช่วยลดเปอร์เซ็นต์หนอนเจาะขั้วผลลิ้นจี่ได้ดีกว่าการไม่ห่อช่อผล เกษตรกรควรมีการห่อช่อผลก่อนเกี่ยว 45 - 60 วัน ซึ่งจะช่วยลดการระบาดของหนอนเจาะขั้วผลให้ลดลงได้ ในการศึกษาครั้งนี้มีการห่อช่อผลก่อนเก็บเกี่ยว 30 วัน พบว่ายังมีหนอนเจาะขั้วผลทำลายลิ้นจี่อยู่ แสดงว่าหนอนมีการวางไข่ไว้ก่อนหน้านั้น เกษตรกรควรเลื่อนระยะเวลาการห่อผลจาก 30 วัน
      
       “ข้อดีของการใช้กระดาษสีน้ำตาลและ กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อช่อผล ช่วยทำให้สีผิวเปลือกของผลลิ้นจี่มีสีสวยงามกว่าการไม่ห่อช่อผล เกษตรกรที่ผลิตลิ้นจี่ปลอดภัยควรหันมาใช้กระดาษ สีน้ำตาล(ถุงปูน) ซึ่งในขณะนี้มีจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปเช่นกันเป็นถุงที่ใช้สำหรับห่อผล มะม่วง และมีราคาที่ถูกใกล้เคียงกับการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์”

Read More...


"บะหมี่มะรุม" เมนูอาหารสีเขียวสด อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยาเพียบ!

       มะรุม เป็นพืชผักพื้นบ้านของไทย มีประโยชน์อเนกประสงค์ ทั้งทางด้านอาหาร ยาและอุตสาหกรรม สรรพคุณทางยา เช่น ดอกช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เมล็ด น้ำมันที่ได้จากการผลิตนำมาใช้ในการปรุงอาหาร ส่วนใบใช้ถอนพิษไข้ แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ แก้แผล ขับปัสสาวะ ป้องกันมะเร็ง โดยคนไทยนำฝักมะรุมอ่อนมาแกงส้ม ดอกลวกสุกหรือว่าดอกรับประทานกับน้ำพริก เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นนำใบมะรุมผลิตเป็นชา
       

       ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว จึงกลายมาเป็นเมนูอาหารรสเด็ดประจำวันหยุดสุดสัปดาห์ ทิ้งท้ายก่อนสิ้นเดือนปีใหม่ไทย อย่าง “บะหมี่มะรุม” ส่งตรงมาจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) โดย (ว่าที่) เชฟสาว “นัท” มณีรัตน์ ฤทธิ์สันเทียะ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ ได้คิดเมนูจานใหม่สำหรับคนรักสุขภาพ
      
       “นัท” เอ่ยถึงแรงบันดาลใจในการคิดค้นเมนูอาหารชนิดนี้ขึ้นมาว่า ปัจจุบันบะหมี่ได้รับความนิยมกันมา ตามท้องตลาดก็มีบะหมี่ให้เลือกมากมาย เช่น บะหมี่หยก บะหมี่เหลือง บะหมี่ไข่ บะหมี่อบแห้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่สนใจรับประทานสมุนไพรมะรุม จึงเกิดแนวคิดนำส่วนผสมของบะหมี่มาเสริมใบมะรุม
       หลังจากที่เอ่ยถึงจุดเริ่มต้นของการคิดค้นเมนูอาหาร นัทไม่รอช้า รีบจัดแจงเตรียม นำส่วนประกอบของ “บะหมี่มะรุม” อันได้แก่
ส่วนประกอบของ “บะหมี่มะรุม”
      
ใบมะรุม
       
แป้งอเนกประสงค์20 กรัม
ไข่50 กรัม
น้ำมันถั่วเหลือง1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ½ ช้อนชา
น้ำเปล่า15 กรัม
ใบมะรุม100 กรัม

นำใบมะรุมโขลกให้ละเอียด
      
      
นำส่วนประกอบทั้งหมดมารวมกัน
      
นวดจนส่วนประกอบเข้ากัน
      
      
แบ่งออกเป็น 3 ก้อน(พอประมาณ)
      
รีดด้วยเครื่องรีดเส้นบะหมี่
      
      
โรยแป้งนวลที่เส้นบะหมี่ที่ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นบะหมี่ติดกัน
       นัท กระซิบบอกว่า ส่วนผสมทั้งหมดจะได้บะหมี่ 5 ก้อน ก้อนละ 10 กรัม สำหรับขั้นตอนในการทำนั้นไม่ยุ่งยาก เริ่ม ต้นง่ายๆ แค่ นำแป้งสาลี เกลือร่อนรวมกัน นำใบมะรุมไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปชั่งโขลกให้ละเอียด จากนั้นนำไข่ไก่ น้ำมัน เกลือ น้ำเปล่า ใบมะรุมที่โขลกละเอียดผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นวดส่วนผสมของเหลวให้เข้ากับแป้ง นวดจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วพักแป้งไว้ 20-30 นาที นำแป้งที่พักไว้มาแบ่งเป็นก้อน 3 ก้อนเท่าๆกัน คลึงให้เป็นแผ่นบางๆ นำไปรีดด้วยเครื่องรีดเส้นบะหมี่ โดยเริ่มรีดจากเบอร์ 7-2 รีดเบอร์ละ 2 ครั้ง จากนั้นนำไปรีดเป็นเส้น ปิดท้ายด้วยการโรยแป้งนวลที่เส้นบะหมี่ที่ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นบะหมี่ ติดกัน เพียงเท่านี้ก็ได้บะหมี่ใบมะรุมที่แสนอร่อย
      
"นัท" เจ้าของเมนู การันตีความอร่อย
      
ผศ.สุชาดา งามประภาวัฒน์ (ซ้ายมือ) อาจารย์ที่ปรึกษาของนัท
      
       น่าเสียดายจริงๆ ที่เจ้าของสูตรเด็ดอย่าง น้องนัท ไม่มีโปแกรมทำออกมาจำหน่าย แต่น้องนัท ฝากมาบอกว่า ยินดีมาก หากมีผู้สนใจหรือว่าต้องการเอาสูตรบะหมี่ใบมะรุมไปทำขาย เพราะว่า เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ไม่มีใครทำมาก่อน หากมีข้อสงสัยโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ ผศ.สุชาดา งามประภาวัฒน์ อาจารย์ที่คอยให้คำแนะนำในการคิดค้นสูตรบะหมี่มะรุม ได้ทันที โทร.089-5267598    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


Read More...


หมักแป้งขนมจีนสำเร็จเพียงวันเดียว สูตรเด็ดจากนักวิจัยมทร.ธัญบุรี

       หลายคนอาจไม่ทราบว่ากว่าจะได้ขนมจีน มารับประทานกับน้ำยาแสนอร่อย และยังเป็นที่นิยมของคนไทยทั่วทุกภูมิภาคนั้นต้องผ่านกระบวนการทำหลายขั้น ตอน แม้ปัจจุบันจะมีการใช้เครื่องจักรเข้าช่วยแต่ก็ยังมีกระบวนการที่ต้องใช้ เวลาในการหมักแป้ง 2-3 วันอยู่ดี ซึ่งถ้าหากจะให้สะดวกและทันการการบริโภคยังนับว่าใช้เวลามาก อีกทั้ง ระหว่างการผลิต ยังมีน้ำทิ้งที่มีความเป็นกรดออกมามากทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อ ปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ อีกทั้งคุณภาพของขนมจีนที่ได้อาจจะเปลี่ยนไปตามปัจจัยที่ส่งผลในแต่ละครั้ง ในการทำ ไม่สามารถควบคุมได้
       จากปัญหาดังกล่าว ทำให้ “ดร.อรวัลภ์ อุปถัมภานนท์” นักวิจัยจากคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ไปคว้ารางวัล เหรียญเงิน จาก การประกวดสิ่งประดิษฐ์ของนักวิจัยสตรี ในงาน Korea International Women’s Invention Exposition 2010(KIVIE2010) ณ แปซิฟิคฮอลล์ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
       จากงานวิจัย การผลิตขนมจีนแป้งหมักโดยใช้เทคโนโลยีสะอาด ซึ่งการวิจัยชิ้นนี้สามารถแก้ปันหาที่กล่าวมาข้างต้นอย่างได้จนเป็นผลสำเร็จดร.อรวัลภ์ เปิดเผยว่า งานวิจัยนี้ สามารถแก้ปัญหาได้ถึงสามส่วนคือ สามารถลดระยะเวลาในการผลิต ลดปริมาณน้ำเสียจากกระบวนการผลิต และสามารถความคุมระบบการผลิต ควบคุณคุณภาพของขนมจีนได้
       “ขั้นตอนการทำขนมจีนโดยทั่วไป เริ่มจาก เตรียมข้าวเหนียว(หัก)มาล้างทำความสะอาด แช่น้ำ 6 ชม. แล้วนำไปโม่เปียก พอได้แป้งน้ำ นำไปหมักที่อุณหภูมิห้อง จากนั้นนำไปทับน้ำ เหลือก้อนแป้งที่มีความชื้น ประมาณร้อยละ50-55 แล้วนำก้อนแป้งที่ได้ไปนึ่งเป็นเวลา 30 นาที นำไปนวดให้ได้ที่แล้วนำไปโรยเส้น เป็นขนมจีน ซึ่งการลดระยะเวลาการผลิต จากปกติการหมักแป้งต้องใช้เวลา2-3 วัน ให้เหลือแค่ 1 วัน ซึ่งในกระบวนการนี้ จะมีการ คัดกล้าเชื้อเพื่อช่วยในการย่อยแป้ง เป็นกล้าเชื้อในกลุ่ม Lactobacillus plantarum กล้าเชื้อที่เติมลงไปมีคุณสมบัติช่วยให้ย่อยแป้งเร็วขึ้น ซึ่งจัดเป็นเทคโนโลยีสะอาดที่ช่วยในการพัฒนาการผลิต เช่นเดียวกับการผลิตโยเกิรต์”
       

       ส่วนการควบคุมคุณภาพ เนื่องจาก ในการหมักแป้งเกิดจากการหมักที่เติมกล้าเชื้อที่ได้คัดเลือกแล้วเพียงชนิด เดียว ทำให้ผู้ผลิตสามารถควบคุณคุณภาพได้
      
       “การหมักแบบนี้ ไม่เหมือนกับการหมักแป้งโดยทั่วไปที่ทิ้งให้แป้งย่อยเองซึ่งเสี่ยงกับการปน เปื้อนกับเชื้อชนิดอื่น และอาจส่งผลกับคุณภาพไปด้วย และน้ำเสียระหว่างการผลิตก็ลดปริมาณการกรดลดลง ทำให้ลดปริมาณน้ำเสียจากกระบวนการผลิตลงได้นอกจากจะได้ประโยชน์กับมนุษย์โดย ตรงแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเป็นปัญหาระดับโลกอีกด้วย”ดร.อลวัลภ์กล่าวสรุป                                             โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์



Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.