สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

นักวิจัย มก. คิดค้นสูตรเครื่องดื่ม"ลดน้ำตาล"ทำจากผลไม้ พืชผัก สมุนไพร


       ปัจจุบันคนไทยบริโภคน้ำตาลจากผลิตภัณฑ์อาหาร ขนม และเครื่องดื่ม ถึงวันละ 88 กรัมหรือ 22 ช้อนชา จากการสำรวจพบว่าเพิ่มขึ้น 2.3 เท่า ซึ่งมากเกินความต้องการของร่างกาย การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปจะมีผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน เป็นต้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนควรได้รับการดูแลในการเลือกรับประทานอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเพื่อสุขภาพฟันที่ดี
      
       เครื่องดื่มที่ทำจากผลไม้ พืชผัก และสมุนไพรไทยมีความโดดเด่นทั้งในด้านรสชาติ มีกลิ่นหอม สีสวยสะดุดตา มีสรรพคุณเป็นยา มีคุณค่าทางอาหาร ปัจจุบันเครื่องดื่มเหล่านี้ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้รักสุขภาพเป็นอย่า ยิ่ง พืชผักผลไม้หลากหลายชนิดนำมาปั่น คั้นเป็นน้ำผลไม้เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ไม่ชอบกินผักผลไม้สด
ดร.เนตรนภิส วัฒนสุชาติ หัวหน้าโครงการวิจัย
       ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยจากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วย ดร.เนต รนภิส วัฒนสุชาติ นางเพ็ญพิมล จาตุรนต์รัศมี นางสาวพิศมัย ศรีชาเยช นางพยอม อัตถวิบูลย์กุล นางสาวสมจิต อ่อนเหม นางสาวมาลา ศิรทรัพย์ไพสิฐ และนางปราณี เหลืองวรา ได้ทำการพัฒนาสูตรการผลิตเครื่องดื่ม ลดน้ำตาล ทำจากผลไม้ พืชผัก และสมุนไพร เพื่อสุขภาพที่ดี โดยได้รับทุนสนับสนุนจากกองทันตสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข
      
       ดร.เนตรนภิส วัฒนสุชาติ หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า ปัจจุบันเครื่องดื่มที่โรงเรียนจัดเตรียมให้เด็กนักเรียนทดแทนน้ำอัดลม ได้แก่ น้ำผลไม้ พืชผัก สมุนไพรต่างๆ น้ำหวาน น้ำปั่น รวมทั้งนมถั่วเหลือง เป็นต้น มีทั้งที่เตรียมโดยทางโรงเรียนและจ้างเหมาให้ร้านค้าผลิตเพื่อจำหน่าย ใช้วิธีการเตรียมที่ไม่ยุ่งยากโดยการต้มสกัดผลไม้ เติมน้ำตาล และชิมรสชาติ ซึ่งการเตรียมแต่ละครั้งอาจทำตามสูตรหรือใช้การประมาณ ทำให้น้ำผลไม้ที่เตรียมมีรสชาติไม่คงที่อาจหวานมากเกินไป และอาจมีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในวัตถุดิบหรือจากการเตรียมที่ ไม่ถูกต้อง เนื่องจากขาดความรู้พื้นฐานในการแปรรูป และสุขลักษณะที่ดีในการผลิตอาหาร ดังนั้น ผู้รับผิดชอบในการเตรียมเครื่องดื่มสำหรับโรงเรียนควรเข้าใจหลักการแปรรูป และการควบคุมคุณภาพ เพื่อสามารถผลิตเครื่องดื่มที่มีความปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการในการ บริโภคสำหรับเด็กนักเรียน
      
       ดังนั้น เด็กนักเรียนควรได้รับการดูแลในการเลือกรับประทานเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ ต่อร่างกาย การดื่มเครื่องดื่ม ลดน้ำตาล ที่ทำจากผลไม้ พืชผัก และสมุนไพร ที่มีคุณภาพปลอดภัย จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนำไปสู่สุขภาพฟันและภาวะโภชนาการที่ดีของเด็กนัก เรียนอีกด้วย
      
       คณะนักวิจัยจึงได้พัฒนาสูตรเครื่องดื่ม ลดน้ำตาล ที่ทำจากผลไม้ พืชผักและสมุนไพร จำนวน 15 สูตร ได้แก่ น้ำลำไย น้ำมะพร้าว น้ำมะตูม น้ำตะไคร้ใบเตย น้ำเก๊กฮวย น้ำมะนาว น้ำกระเจี๊ยบ น้ำส้ม น้ำผลไม้รวม น้ำเสาวรส น้ำเสาวรสผสมมะม่วง นมข้าวโพด นมถั่วเหลืองโกโก้ และนมเย็น
      
       เครื่องดื่มที่พัฒนาดังกล่าวมีระดับความหวานในระดับน้อย และ น้อยมาก หรือมีค่าระหว่าง 6 ถึง 7 Brix และ เครื่องดื่มน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว มีค่าระหว่าง 10 ถึง 11 Brix จากนั้น ได้ทำการทดสอบความชอบและการยอมรับ โดยผู้ชิม จำนวน 20 คน ด้วยวิธีการให้คะแนน 1 ถึง 9 พบว่า ตัวอย่างที่มีความหวานระดับน้อยมาก ส่วนใหญ่ได้รับคะแนนมากกว่า 6 หมายถึงอยู่ระหว่าง ชอบน้อย - ชอบปานกลาง นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบคุณค่าทางโภชนาการ และปริมาณน้ำตาลทั้งหมด พร้อมกับรวบรวมสูตร และขั้นตอนการเตรียมเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ได้แก่ น้ำกระเจี๊ยบ น้ำตะไคร้ใบเตย และน้ำมะตูม สูตรน้ำตาลน้อย หรือสูตรอ่อนหวาน ดังนี้
      
       น้ำกระเจี๊ยบ สูตรอ่อนหวาน
น้ำกระเจี๊ยบ
       
ส่วนผสมสูตรหวานน้อยมากสูตรหวานน้อย
ดอกกระเจี๊ยบแห้ง4040
น้ำ27002700
เกลือ2.52.5
น้ำตาลทราย180 (6.3%)*200 (6.9%)*

      
       ขั้นตอนการเตรียม
นำดอกกระเจี๊ยบแห้งมาล้างน้ำอย่างรวดเร็ว 2 ครั้ง นำใส่หม้อน้ำ ตั้งไฟ เมื่อเดือดแล้วให้ลดไฟลง ต้มนาน 7-8 นาที ลง แล้วกรองด้วยกระชอนเติมน้ำตาลทรายและเกลือ คนจนละลาย กรองด้วยผ้าขาวบาง ต้มน้ำกระเจี๊ยบอีกครั้งพอเดือด ยกลง พักไว้รอให้อุณหภูมิลดลง บรรจุใส่ขวดพลาสติกที่ล้างสะอาดและแห้ง ปิดฝา ทำให้เย็นลงทันทีด้วยน้ำเย็น
      
       น้ำตะไคร้ใบเตย สูตรอ่อนหวาน
น้ำตะไคร้ใบเตย
       
ส่วนผสมสูตรหวานน้อยมากสูตรหวานน้อย
น้ำเปล่า25002500
ตะไคร้ทั้งใบและต้น100100
ใบเตยตัดท่อน25 (3-4 ใบ)25 (3-4 ใบ)
น้ำตาลทราย110 (4.2 %)*130 (4.9 %)*

      
       ขั้นตอนการเตรียม ล้างตะไคร้ให้สะอาด แยกต้นและใบ ทุบต้นตะไคร้ให้แตก หั่นต้นและใบเป็นท่อนสั้นๆ นำน้ำตั้งไฟพอเดือด ใส่ต้นตะไคร้และใบเตยลงต้มจนเดือด นาน 2-3 นาทีใส่ใบตะไคร้ลงต้มให้เดือดสักครู่ ปิดไฟ ตักตะไคร้และใบเตยออก เติมน้ำตาลทราย คนให้ละลาย แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางต้มอีกครั้งจนเดือด ยกลง พักไว้รอให้อุณหภูมิลดลงบรรจุใส่ขวดพลาสติกที่ล้างสะอาดและแห้ง ปิดฝา ทำให้เย็นลงทันทีด้วยน้ำเย็น
      
       น้ำมะตูม สูตรอ่อนหวาน
น้ำมะตูม
       
ส่วนผสมสูตรหวานน้อยมากสูตรหวานน้อย
น้ำเปล่า25002500
มะตูมแห้ง100100
น้ำตาลทราย115 (4.4 %)*140 (5.3 %)*

      
       ขั้นตอนการเตรียม   คั่วมะตูมให้หอม แล้ว แช่น้ำไว้ 30 นาทีนำหม้อน้ำที่แช่มะตูมไว้มาต้มจนเดือดสักครู่ ปิดไฟ ตักมะตูมออกเติมน้ำตาลทรายคนจนละลาย แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง 3-4 ชั้น ตั้งไฟให้เดือด ยกลง พักไว้ รอให้อุณหภูมิลดลง บรรจุใส่ขวดพลาสติกที่ล้างสะอาดและแห้ง ปิดฝา ทำให้เย็นลงทันทีด้วยน้ำเย็น
       นอกจากนี้ ดร.เนตรนภิส ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงประโยชน์และสรรพคุณ ของเครื่องดื่ม จากผลไม้ พืชผัก และสมุนไพร สูตรอ่อนหวาน ดังต่อไปนี้ น้ำกระเจี๊ยบ มีธาตุแคลเซียมสูง มีวิตามิเอ ซี กรดซิตริกและฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยขับปัสสาวะทำให้ปัสสาวะคล่องขึ้น ลดความดันโลหิตสูง ช่วยแก้กระหายน้ำ น้ำตะไคร้ใบเตย มีน้ำมันหอมระเหย ชื่อ LemonGrass น้ำมันนี้ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ลดอาการกระหายน้ำ เพิ่มความสดชื่น บำรุงหัวใจ ทำให้ชุ่มชื่น แก้ปวดท้องขับปัสสาวะ แก้อาการขัดเบาน้ำมะตูม แก้ลม เสมหะ บำรุงไฟธาตุ แก้กระหายน้ำ ขับลม แก้ปวดศีรษะ ตาลาย ช่วยให้เจริญอาหารและลดความดันโลหิตสูง
น้ำเก๊กฮวย
       น้ำเก๊กฮวย แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยให้สดชื่น ลดอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเพราะอากาศร้อน
น้ำมะนาว
       น้ำมะนาว มีวิตามินซีสูง มีกรดซิตริก จิบบ่อย ๆ แก้อาการเจ็บคอ ขับเสมหะ แก้อาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน
น้ำลำใย
       น้ำลำไย มีวิตามินซี แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส โปรตีนและน้ำตาล ช่วยบำรุงประสาท นอนไม่หลับ
น้ำส้ม
       น้ำส้ม มีวิตามินซี เอ บี มีธาตุแคลเซี่ยม เล็กและฟอสฟอรัส ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออตามไรฟัน บำรุงร่างกาย แก้ไอและขับเสมหะ
น้ำผลไม้รวม
       น้ำผลไม้รวม มีวิตามินซีจำนวนมาก ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารหลากหลายชนิด และมีแร่ธาตุอาหารที่สำคัญ ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมมาใช้งานได้และ ทำให้สดชื่น อารมณ์ดี
น้ำเสาวรส
       น้ำเสาวรส มีวิตามินเอสูง การดื่มน้ำเสาวรสเป็นประจำทุกวันจะดีต่อสุขภาพตา ทำให้การมองเห็นชัดเจน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ รสเปรี้ยวของเสาวรสยังช่วยลดอาการเจ็บคอ สร้างภูมิคุ้มกันโรค กำจัดสารพิษในเลือด บำรุงผิวพรรณ และช่วยฟื้นฟูตับและไตที่อ่อนแอ
น้ำเสาวรสผสมมะม่วง มี
       น้ำเสาวรสผสมมะม่วง มีวิตามินเอ และวิตามินซีสูง ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยลดอาการเจ็บคอ
น้ำนมข้าวโพด
       น้ำนมข้าวโพด อุดมไปด้วยวิตามิน เอ และวิตามิน อี มีรสชาติอร่อยและเหมาะที่จะนำไปผลิตเป็นน้ำนมข้าวโพด มีกรดเฟรุลิก ซึ่งช่วยชะล้างสารพิษในร่างกายและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ลดความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม และนอกจากนี้ดูดซับคลื่นแสงที่ทำร้ายดวงตา อีกทั้งยังป้องกันการเสื่อมสภาพของตา ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างได้ ต้องได้จากการรับประทานเท่านั้น
นมถั่วเหลือง
       นมถั่วเหลือง มีโปรตีน ไขมัน และคาร์ดโบไฮเดรท ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและมะเร็ง ช่วยดูดซับสารพิษและลดระดับคลอเลสเตอรอล ดีต่อระบบขับถ่าย
โกโก้
       โกโก้ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความดันเลือด และผลจากการลดความดันเลือดมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงจากโรคอัมพฤกษ์-อัมพาต (stroke) และโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันได้ 10-20%
นมเย็น
       นมเย็น มีแคลเซีย มีสารอาหารสำคัญอื่น ๆ อาทิ แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และอีกมากมาย และแคลเซี่ยมช่วยสลายไขมันส่วนเกินได้
      
       สำหรับ ผู้ปกครอง คุณครู และผู้ประกอบการที่ผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในเชิงการค้าสามารถนำสูตรการ พัฒนามาปรับปรุงได้ ซึ่งเป็นการควบคุมปริมาณการบริโภคน้ำตาลไม่ให้มากเกินไป เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตเครื่องดื่ม ลดน้ำตาล ทำจากผลไม้ พืชผัก และสมุนไพร สำหรับโภชนาการและสุขภาพฟันที่ดีของเด็กนักเรียน ทั้งนี้ ได้รวบรวมสูตรและขั้นตอนการเตรียมเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ ไว้ในคู่มือการเตรียม / ผลิตเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพ สูตรน้ำตาลน้อย เพื่อเผยแพร่ให้กับ ผู้ปกครอง โรงเรียน ผู้ประกอบการ และผู้สนใจทั่วไป โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ดร.เนตรนภิส วัฒนสุชาติ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน โทร. 0 - 2942 - 8629 - 35                                                                  โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


มจธ.ช่วยคนไทยคลายร้อนด้วย "แอร์ประหยัดไฟกว่าเบอร์ 5"

       นัก ศึกษา JGSEE เผยผลงานวิจัยพัฒนาอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนในเครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความเย็น ให้สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดีขึ้น ส่งผลถึงประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น และช่วยลดการใช้พลังงานได้ส่วนหนึ่ง
      
       เครื่องปรับอากาศทั้งในบ้าน ในรถยนต์ และเครื่องทำความเย็นล้วนเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของคน ไทย แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าอุปกรณ์ทำความเย็นเหล่านี้เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่กิน ไฟมากที่สุด จึงมีความพยายามที่จะพัฒนาและปรับปรุงเพิ่มสมรรถนะการทำงานของเครื่องปรับ อากาศ และเครื่องทำความเย็นให้ใช้พลังงานลดลง ซึ่งงานวิจัยของ นักศึกษาปริญญาเอกบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นอีกหนึ่งในความพยายามนั้น โดยเป็นการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนในเครื่องปรับ อากาศ


       สุริยัน เลาหเลิศเดชา นักศึกษาปริญญาเอกบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) กล่าวว่า หลักการทำงานของเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นที่ใช้กันอยู่โดยทั่ว ไป ใช้กระบวนการของวัฏจักรอัดไอ (Vapor compression cycle) ซึ่งมีส่วนสำคัญหลักๆ 5 ส่วน ได้แก่ อุปกรณ์ขยายตัว (Expansion device), คอนเดนเซอร์ (Condenser), อีวาโปเรเตอร์ (Evaporator), คอมเพรสเซอร์ (Compressor) และ สารทำความเย็น (Refrigerant) โดยการเพิ่มสมรรถนะการทำงานของเครื่องปรับอากาศสามารถทำได้หลายส่วน แต่ในงานวิจัยนี้มุ่งเน้นทำวิจัยเรื่องการพัฒนาการเพิ่มความสามารถในการถ่าย เทความร้อนในคอนเดนเซอร์ (คอยล์ร้อน) และอีวาโปเรเตอร์ (คอยล์เย็น) ให้ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างสารทำความเย็นกับอากาศได้ดีขึ้น ภายใต้การดูแลของ ศ.ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ
      
       "การเพิ่มความสามารถในการถ่ายเทความร้อนของ อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน ทำโดยการใช้เทคนิค Electrohydrodynamic (EHD) หรือ การใส่สนามไฟฟ้าให้ไหลผ่านของไหล (สารทำความเย็น) ในขณะที่สารทำความเย็นเกิดการควบแน่น และขณะที่สารทำความเย็นกำลังเดือด ซึ่งในการทดลองนี้ใช้สนามไฟฟ้าประมาณ 2500 โวลต์ และใช้กระแสไฟฟ้าประมาณ 0.05 มิลลิโวลต์ เพื่อกระตุ้นสารทำความเย็นให้เกิดความปั่นป่วนขึ้น จากการวิจัยพบว่าเทคนิคนี้สามารถเพิ่มสัมประสิทธิ์การถ่ายเทความร้อนให้กับ เครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นได้ประมาณ 10-20% ทั้งนี้สารทำความเย็นที่ใช้ในการงานวิจัยครั้งนี้ได้เลือกใช้สาร R-134a ซึ่งเป็นสารทำความเย็นที่ปราศจากสาร CFC"
      
       นอกจากนี้ นายสุริยัน ยังได้ทำการศึกษาการเพิ่มความสามารถในการถ่ายเทความร้อนของอุปกรณ์แลก เปลี่ยนความร้อน โดยการปรับปรุงลักษณะท่อแอร์ จากเดิมที่เป็นท่อที่มีพื้นผิวเรียบเป็นท่อที่มีร่องเกลียว (Corrugated tube) ทั้งในส่วนของคอนเดนเซอร์ และอีวาโปเรเตอร์ ซึ่งจากการศึกษานี้พบว่าสามารถเพิ่มความสามารถของการแลกเปลี่ยนความร้อนใน สารทำความเย็นได้มากขึ้น
      
       สุริยัน กล่าวว่า ทั้ง 2 วิธีนี้จะเพิ่มสัมประสิทธิ์การถ่ายเทความร้อนประมาณ 10-20% ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานลงได้ หากงานวิจัยทั้ง 2 นี้ สามารถเชื่อมต่อกับภาคอุตสาหกรรมที่ผลิตเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความ เย็นได้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง "เนื่อง จากประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น และส่งออกเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นเป็นอันดับต้นๆของโลก ดังนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยลดการใช้พลังงานภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการใช้พลังงานไปได้ทั่วโลก เมื่อทั่วโลกสามารถลดการใช้พลังงานในส่วนของเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำ ความเย็นได้ ก็เท่ากับเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนไปได้อีกทางหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน"                        โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


อิ่มอร่อยกับเมนูสุขภาพ "ซาลาเปารสขิง" หวานเผ็ดร้อน ส่งตรงจากมทร.ธัญบุรี

       (ว่าที่) เชฟสาวแห่งมทร.ธัญบุรี ปลีกตัวเข้าครัวหลังเล่นสาดน้ำสงกรานต์กับเพื่อนฝูง คิดค้นเมนูสุดแจ่ม “ซาลาเปารสขิง” หวานเผ็ดร้อน ขับลม แก้ท้องอืดจุกเสียด เมนูอาหารใหม่เพื่อคนสุขภาพ
“อ้อ” น.ส.สันศนีย์ จันทร์จันทร์ เจ้าของไอเดียซาลาเปารสขิง
       “อ้อ” น.ส.สันศนีย์ จันทร์จันทร์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ เจ้าของไอเดียซาลาเปารสขิง ส่งตรงมาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี โดยมี ผศ.สุชาดา งามประภาวัฒน์ เป็นที่ปรึกษาคอยแนะนำ
      
       เจ้าของไอเดีย เล่าว่า ซาลาเปารสขิงถือว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอีกชนิดหนึ่งที่นอกจากจะเป็นอาหาร ว่างที่มีรสชาติอร่อยสามารถพกพาได้สะดวกเวลาเดินทาง เพราะว่า สรรพคุณของขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน จากอาการเมารถเมาเรือ มีคุณสมบัติดีกว่ายาแก้เมา ทำให้ผู้ที่เดินทางสามารถทำกิจกรรมระหว่างการเดินทางได้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ต้องเดินทาง
      
       ด้วยสรรพคุณของขิงที่มีรสหวานเผ็ดร้อน ขับลม แก้ท้องอืดจุกเสียด แน่นเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน แก้หอบไอ ขับเสมหะ แก้บิด โดยขิงสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายรูปแบบรับประทานสด ขิงผง ขิงดอง น้ำขิง ส่วนซาลาเปาเป็นอาหารหลักที่นิยมรับประมานก่อนอาหารมื้อหลัก เพื่อรองท้องไม่ให้หิว นอกจากนี้ยังเป็นอาหารว่างที่กระตุ้นให้อยากรับประทานอาหารประเภทอื่นได้อีก ด้วย ซาลาเปามีทั้งไส้หวานและไส้เค็ม เช่น ไส้หมูสับ ไส้หมูแดง
ส่วนผสม
       ส่วนผสมในการทำซาลาเปาขิง
      
       
ส่วนผสมที่ 1แป้งสาลี 120 กรัม ยีสต์ 1 ½ ช้อนชา น้ำเปล่า 3 ½ ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมที่ 2แป้งสาลี 75 กรัม ผงฟู 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 35 กรัม เยนขาว 20 กรัม เกลือ ¼ ช้อนชา น้ำขิง 2ช้อนโต๊ะ

      
       อ้อ เริ่มต้นอธิบายขั้นตอนในการทำซาลาเปาขิง โดยเริ่มจากการผสมแป้งยีสต์ แล้วเติมน้ำ นวดพอเข้ากัน พักไว้ให้แป้งขึ้นเป็นเท่าตัว ผสมแป้ง ผงฟู น้ำตาลทราย นวดเข้าด้วยกัน ใส่น้ำ ใส่แป้งส่วนที่ 1 นวดพอเข้ากัน ใส่เนยขาว นวดจนส่วนผสมเนียนพักแป้งไว้ 10 นาที ตัดแป้งเป็นก้อนละ 20 กรัม ได้ 18 ก้อน ห่อไส้ พักแป้งให้ขึ้นอีกเท่าตัว หรือทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที นำไปนึ่งให้น้ำเดือดประมาณ 10 นาที
      
       ส่วนผสมในการทำไส้ไก่ผัดขิง
       
เนื้อไก่100 กรัม
ขิงอ่อน25 กรัม
เห็ดหูหนู50 กรัม
หอมหัวใหญ่50 กรัม
ซอสปรุงรส2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน2 ช้อนโต๊ะ

      
       สำหรับขั้นตอนในการทำไส้ไก่ผัดขิง เริ่มจากล้างเนื้อไก่ ขิงอ่อน เห็ดหูหนู หอมหัวใหญ่ แล้วหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ ใส่น้ำมันในกระทะใส่หอมใหญ่และขิงอ่อน ผัดให้หอม แล้วใส่เนื้อไก่ เห็ดหูหนู ปรุงรส พอสุกได้ที่ยกลงพักไว้ให้เย็นแล้ว นำไปห่อด้วยแป้งซาลาเปา
       ท้ายนี้ อ้อ แนะนำว่า ซาลาเปารสขิง สามารถเก็บไว้ได้ (ช่องแช่แข่ง) ถ้าจะนำมารับประทานให้นำมาเวฟ นอกจากความนุ่มของตัวแป้งซาลาเปาที่ผสมด้วยน้ำขิง เมื่อได้สัมผัสจะได้กลิ่นของขิง เป็นรสชาติที่ลงตัว แม่บ้านสามารถทำให้น้องๆที่บ้านทานได้ ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก สามารถนำไปเป็นสูตรสร้างรายได้เสริม ให้กับครอบครัวอีกอาชีพหนึ่ง                                     โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


ม.แม่โจ้ แนะวิธีปลูกลิ้นจี่คุณภาพดี ผลสวย น่ารับประทาน

       ม.แม่ โจ้แนะวิธีเพิ่มผลผลิตลิ้นจี่อย่างปลอดภัย โดยใช้วัสดุห่อผลก่อนเก็บ ได้ผลสวย สีสันน่ารับประทาน ลดโรคแมลงและปลอดภัยต่อผู้บริโภค
       

       ปัจจุบันการทำสวนลิ้นจี่ที่ผลิตด้วยระบบเกษตรปลอดภัยหรือสวนเกษตร อินทรีย์นั้นกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ กลุ่มเกษตรกรที่รวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่มลิ้นจี่อินทรีย์เพื่อผลิตลิ้นจี่ส่ง ออกไปยังต่างประเทศ ได้ใช้วิธีการห่อช่อผลด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 30 วัน พบว่าช่วยลดการระบาดของหนอนเจาะขั้วผล ลดสารเคมีตกค้างบนผลลิ้นจี่ ช่วยให้สีผิวลิ้นจี่สวยงาม และสามารถขายลิ้นจี่ที่ห่อช่อผลได้ในราคาที่สูงกว่าลิ้นจี่ที่ไม่ห่อผล
      
       ทั้งนี้ การห่อช่อผลลิ้นจี่นั้นยังมีข้อจำกัดเรื่องการใช้วัสดุห่อผล เนื่องจากยังไม่มีวัสดุอื่นๆ ที่ใช้ทดแทนการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ ซึ่งกระดาษหนังสือพิมพ์มีหมึกพิมพ์ติดอยู่ ในอนาคตตลาดต่างประเทศอาจใช้เป็นข้อกีดกันทางการค้าในการส่งลิ้นจี่ปลอดภัย และลิ้นจี่อินทรีย์ไปยังต่างประเทศได้
      
       ด้วยเหตุนี้ คณะผู้วิจัยฯ ภาควิชาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว คณะวิศวกรรมแลอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นำโดย รองศาสตราจารย์ดร.ยงยุทธ ข้ามสี่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พาวิน มะโนชัย นางจิรนันท์ เสนานาญ นายพิชัย สมบูรณ์วงศ์ นายนิคม วงศ์นันตา จึงได้มีการศึกษาเพิ่มเติมถึงการใช้วัสดุห่อ ชนิดต่าง ๆ ที่น่าจะสามารถนำมาใช้ห่อผลลิ้นจี่ทดแทนกระดาษหนังสือพิมพ์ที่เกษตรกรนิยม ใช้อยู่ และเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายมีราคาถูก โดยการศึกษาได้มีการนำถุงห่อผลไม้ชนิดอื่น ๆ ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด
       รองศาสตราจารย์ดร.ยงยุทธ กล่าวว่า คณะวิจัยฯ ได้ทำการศึกษาหน้านี้ถึงวิธีห่อผลลิ้นจี่แล้วทำให้สีผิวลิ้นจี่สวยงาม โดยวัสดุที่ใช้ศึกษามีดังนี้ คือ กระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษสีน้ำตาล ถุงซุนฟง (ถุงกระดาษสีขาวที่ใช้สำหรับห่อส้มโอปลายถุงจะปิด) ถุงรีเมย์ (ถุงผ้าห่อผลไม้ทั่วไปสีขาวก้นถุงปิด) ถุงพลาสติกใส(ก้นถุงปลายเปิด) และถุงพลาสติกขุ่น(ก้นถุงปลายเปิด) เปรียบเทียบกับการไม่ห่อช่อผล โดยได้มีการห่อผลก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 30 วัน ทำการห่อผลวันที่ 9 เมษายน 2552 เก็บเกี่ยว วันที่ 13 พฤษภาคม 2552 ทำการห่อผลลิ้นจี่ 2 สถานที่ คือสวนเกษตรกรบ้านเจริญราษฎร์ อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา และบ้านแม่สาใหม่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
      
       “เราพบว่า การห่อช่อผลลิ้นจี่ด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษสีน้ำตาล ถุงซุนฟง ถุงรีเมย์ ถุงพลาสติกใส และถุงพลาสติกขุ่น ช่วยลดการเข้าทำลายจากหนอนเจาะขั้วผลได้ โดยมีการถูกทำลายจากหนอนเจาะขั้วผลอยู่เพียง 3.75-7.50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าไม่ห่อผลลิ้นจี่เลยจะมีหนอนเจาะขั้วผลถึง 13.25 เปอร์เซ็นต์
       สำหรับสีผิวของเปลือกผลลิ้นจี่ พบว่า การใช้กระดาษสีน้ำตาล และกระดาษหนังสือพิมพ์ ทำให้สีผิวของลิ้นจี่สวยกว่าการห่อด้วยวัสดุชนิดอื่นๆ โดยผิวลิ้นจี่จะมีลักษณะเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ ผิวนวลไม่มีกระ เปลือกผิวบาง จากการชิมพบว่ารสชาติหวาน เนื้อผลบริเวณขั้วผลจะหนา มีกลิ่นหอม
      
       
ซึ่งการที่ผิวลิ้นจี่มีผิวสวยกว่าการห่อด้วยวัสดุอื่นๆ อาจเนื่องจากการใช้กระดาษสีน้ำตาลและกระดาษหนังสือพิมพ์ ห่อช่อผลมีความเหมาะสมในการยอมให้แสงผ่านในระดับที่เหมาะสมซึ่งจะมีผลในการ พัฒนาของสีเปลือก แต่การใช้วัสดุห่อผลชนิดต่างๆ ไม่มีผล ต่อน้ำหนักและขนาดของผลลิ้นจี่ คุณภาพผลด้านน้ำหนักและขนาดของเปลือก เนื้อ และเมล็ดของผลลิ้นจี่ ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได้(TSS) หรือปริมาณน้ำตาล, ปริมาณกรดที่ไทเทรตได้ (TA) อัตราส่วนของ TSS/TA และปริมาณวิตามินซี ของผลลิ้นจี่”
      
       นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.ยงยุทธ ยังให้คำแนะนำสำหรับเกษตรกร ถึงวิธีการดูแลผลผลิตอย่างถูกวิธี ด้วยการใช้วัสดุชนิดต่างๆ ห่อช่อผล ช่วยลดเปอร์เซ็นต์หนอนเจาะขั้วผลลิ้นจี่ได้ดีกว่าการไม่ห่อช่อผล เกษตรกรควรมีการห่อช่อผลก่อนเกี่ยว 45 - 60 วัน ซึ่งจะช่วยลดการระบาดของหนอนเจาะขั้วผลให้ลดลงได้ ในการศึกษาครั้งนี้มีการห่อช่อผลก่อนเก็บเกี่ยว 30 วัน พบว่ายังมีหนอนเจาะขั้วผลทำลายลิ้นจี่อยู่ แสดงว่าหนอนมีการวางไข่ไว้ก่อนหน้านั้น เกษตรกรควรเลื่อนระยะเวลาการห่อผลจาก 30 วัน
      
       “ข้อดีของการใช้กระดาษสีน้ำตาลและ กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อช่อผล ช่วยทำให้สีผิวเปลือกของผลลิ้นจี่มีสีสวยงามกว่าการไม่ห่อช่อผล เกษตรกรที่ผลิตลิ้นจี่ปลอดภัยควรหันมาใช้กระดาษ สีน้ำตาล(ถุงปูน) ซึ่งในขณะนี้มีจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปเช่นกันเป็นถุงที่ใช้สำหรับห่อผล มะม่วง และมีราคาที่ถูกใกล้เคียงกับการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์”

Read More...


"บะหมี่มะรุม" เมนูอาหารสีเขียวสด อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยาเพียบ!

       มะรุม เป็นพืชผักพื้นบ้านของไทย มีประโยชน์อเนกประสงค์ ทั้งทางด้านอาหาร ยาและอุตสาหกรรม สรรพคุณทางยา เช่น ดอกช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เมล็ด น้ำมันที่ได้จากการผลิตนำมาใช้ในการปรุงอาหาร ส่วนใบใช้ถอนพิษไข้ แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ แก้แผล ขับปัสสาวะ ป้องกันมะเร็ง โดยคนไทยนำฝักมะรุมอ่อนมาแกงส้ม ดอกลวกสุกหรือว่าดอกรับประทานกับน้ำพริก เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นนำใบมะรุมผลิตเป็นชา
       

       ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว จึงกลายมาเป็นเมนูอาหารรสเด็ดประจำวันหยุดสุดสัปดาห์ ทิ้งท้ายก่อนสิ้นเดือนปีใหม่ไทย อย่าง “บะหมี่มะรุม” ส่งตรงมาจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) โดย (ว่าที่) เชฟสาว “นัท” มณีรัตน์ ฤทธิ์สันเทียะ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ ได้คิดเมนูจานใหม่สำหรับคนรักสุขภาพ
      
       “นัท” เอ่ยถึงแรงบันดาลใจในการคิดค้นเมนูอาหารชนิดนี้ขึ้นมาว่า ปัจจุบันบะหมี่ได้รับความนิยมกันมา ตามท้องตลาดก็มีบะหมี่ให้เลือกมากมาย เช่น บะหมี่หยก บะหมี่เหลือง บะหมี่ไข่ บะหมี่อบแห้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่สนใจรับประทานสมุนไพรมะรุม จึงเกิดแนวคิดนำส่วนผสมของบะหมี่มาเสริมใบมะรุม
       หลังจากที่เอ่ยถึงจุดเริ่มต้นของการคิดค้นเมนูอาหาร นัทไม่รอช้า รีบจัดแจงเตรียม นำส่วนประกอบของ “บะหมี่มะรุม” อันได้แก่
ส่วนประกอบของ “บะหมี่มะรุม”
      
ใบมะรุม
       
แป้งอเนกประสงค์20 กรัม
ไข่50 กรัม
น้ำมันถั่วเหลือง1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ½ ช้อนชา
น้ำเปล่า15 กรัม
ใบมะรุม100 กรัม

นำใบมะรุมโขลกให้ละเอียด
      
      
นำส่วนประกอบทั้งหมดมารวมกัน
      
นวดจนส่วนประกอบเข้ากัน
      
      
แบ่งออกเป็น 3 ก้อน(พอประมาณ)
      
รีดด้วยเครื่องรีดเส้นบะหมี่
      
      
โรยแป้งนวลที่เส้นบะหมี่ที่ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นบะหมี่ติดกัน
       นัท กระซิบบอกว่า ส่วนผสมทั้งหมดจะได้บะหมี่ 5 ก้อน ก้อนละ 10 กรัม สำหรับขั้นตอนในการทำนั้นไม่ยุ่งยาก เริ่ม ต้นง่ายๆ แค่ นำแป้งสาลี เกลือร่อนรวมกัน นำใบมะรุมไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปชั่งโขลกให้ละเอียด จากนั้นนำไข่ไก่ น้ำมัน เกลือ น้ำเปล่า ใบมะรุมที่โขลกละเอียดผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นวดส่วนผสมของเหลวให้เข้ากับแป้ง นวดจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วพักแป้งไว้ 20-30 นาที นำแป้งที่พักไว้มาแบ่งเป็นก้อน 3 ก้อนเท่าๆกัน คลึงให้เป็นแผ่นบางๆ นำไปรีดด้วยเครื่องรีดเส้นบะหมี่ โดยเริ่มรีดจากเบอร์ 7-2 รีดเบอร์ละ 2 ครั้ง จากนั้นนำไปรีดเป็นเส้น ปิดท้ายด้วยการโรยแป้งนวลที่เส้นบะหมี่ที่ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นบะหมี่ ติดกัน เพียงเท่านี้ก็ได้บะหมี่ใบมะรุมที่แสนอร่อย
      
"นัท" เจ้าของเมนู การันตีความอร่อย
      
ผศ.สุชาดา งามประภาวัฒน์ (ซ้ายมือ) อาจารย์ที่ปรึกษาของนัท
      
       น่าเสียดายจริงๆ ที่เจ้าของสูตรเด็ดอย่าง น้องนัท ไม่มีโปแกรมทำออกมาจำหน่าย แต่น้องนัท ฝากมาบอกว่า ยินดีมาก หากมีผู้สนใจหรือว่าต้องการเอาสูตรบะหมี่ใบมะรุมไปทำขาย เพราะว่า เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ไม่มีใครทำมาก่อน หากมีข้อสงสัยโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ ผศ.สุชาดา งามประภาวัฒน์ อาจารย์ที่คอยให้คำแนะนำในการคิดค้นสูตรบะหมี่มะรุม ได้ทันที โทร.089-5267598    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์


Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.