เมื่อพูดถึงน้ำเต้าหู้ ทุกคนรู้จัก ในจีน น้ำเต้าหู้เป็นเครื่องดื่มที่ชาวจีนนิยมดื่มกัน ปีหลังๆนี้ ไม่ว่าในจีนหรือต่างประเทศ ก็นิยมดื่มน้ำเต้าหู้ ในจีนเกือบทุกแห่ง เราจะพบเห็นร้านน้ำเต้าหู้ และร้านค้าไม่ว่าใหญ่หรือเล็กก็มีน้ำเต้าหู้ขายด้วยเช่นกัน คนจำนวนมากเชื่อว่า น้ำเต้าหู้มีประโยชน์ทางโภชนาการมากกว่านมด้วยซ้ำ
น้ำเต้าหู้ทำจากถั่วเหลือง มีกลิ่นหอมจากถั่วเหลือง รสหวานหน่อย เป็นเครื่องดื่มที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ มีคุณประโยชน์หลายประการในการบำรุงสุขภาพ
น้ำเต้าหู้อุดมด้วยโปรตีนที่ดี และสารอาหารอีกหลายอย่างที่ร่างการต้องการ ชาวจีนเรียกว่าเป็น "นมสีเขียว" เนื่องจากสัดส่วนของกรดอะมิโนโปรตีนในน้ำเต้าหู้คล้ายคลึงกับกรดอะมิโนที่ ร่างการมนุษย์ต้องการ ร่างกายมนุษย์จึงดูดซึมง่าย แต่สัดส่วนของไขมันในน้ำเต้าหู้ต่ำมาก มีเพียง 0.7 กรัมต่อ 100 มิลลิลิต ต่ำกว่านมที่มีถึง 3.2กรัมต่อ 100 มิลลิลิต
อีกทั้ง น้ำเต้าหู้ไม่มีคอเลสเตอรอลและน้ำตาล ยิ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพ ชาวจีนบอกว่า "ดื่มน้ำเต้าหู้วันละ 1 แก้ว สุขภาพแข็งแรงทุกวัน"
คนจำนวนไม่น้อยเข้าในว่า น้ำเต้าหู้กำเนิดที่ญี่ปุ่น แต่ความจริง บ้านเกิดของน้ำเต้าหู้แท้ๆ คือ จีน เล่ากันว่า เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน อ๋องหวายหนาน สมัยราชวงศ์ซีฮั่นชื่อหลิวอาน เป็นผู้ทำน้ำเต้าหู้คนแรก อ๋องหลิวอานเป็นบุตรที่กตัญญูต่อพ่อแม่ เมื่อมารดาของเขาป่วย รับประทานอาหารไม่ลง ร่างกายผ่ายผอมลงทุกวัน เขาก็พยายามแสวงหาอาหารที่มารดารับประทานได้ และเอาถั่วเหลืองฝนกับน้ำพร้อมกัน ทำเป็นน้ำเต้าหู้ ให้มารดาดื่มทุกวัน มารดาหลิวอานดื่มแล้วรู้สึกรสหอม หวานดี จึงชอบมาก สุขภาพก็ได้ฟื้นฟูขึ้นเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นั้นมา น้ำเต้าหู้ก็กลายเป็นเครื่องดื่มที่ชาวจีนนิยมกันมาจนถึงทุกวันนี้
แล้วน้ำเต้าหู้มีสารอาหารอะไรบ้าง เห็นว่ามิคุณค่าในการบำรุงสุขภาพสูงกว่านมด้วย
น้ำเต้าหู้มีคุณค่าทางโภชนาการเทียบเท่านม และคุณค่าด้านการบำรุงสุขภาพสูงกว่านม น้ำเต้าหู้มีโปรตีน 1.8 กรัมต่อ 100 มิลลิลิต ซึ่งเป็นโปรตีนจากพืชที่มีคุณภาพดีมาก ผลการทดลองปรากฎว่า ร่างกายเราสามารถย่อยและดูดซึ่มน้ำเต้าหู้ได้กว่า 90% ที่เดียว สูงกว่าถั่วเหลืองต้มที่มี 65% น้ำเต้าหู้มีสารอาหารหลายชนิด อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก สังกะสี และเซเลเนียม สัดส่วนของเหล็กในน้ำเต้าหู้มากกว่านมถึง 1.6 เท่า นอกจากนั้น ยังมีวิตามีนอีกหลายชนิด เช่น วิตามินA วิตามินE วิตามิน B1 และวิตามิน B2 ถือเป็นเครื่องดื่มที่ราคาถูกแต่มีคุณค่าสูง
นอกจากนั้น น้ำเต้าหู้ยังมีกรดอะมิโน 18 ชนิด ในจำนวนนี้ รวมทั้งกรดอะมิโน 8 ชนิดที่ร่างกายมนุษย์ขาดเสียไม่ได้ และมีสารบำรุงสุขภาพอีกหลายชนิด เช่น เซลลูโรสถั่วเหลือง เลซิธินถั่วเหลือง เป็นต้น
ท่านทราบไหมคะว่า น้ำเต้าหู้ไม่มีน้ำตาลขณะที่ในนมมักทำให้บางท่านท้องเสีย แต่น้ำเต้าหู้ผู้ดื่มจะไม่มีอาการแพ้ใดๆ เหมาะสำหรับทุกกลุ่ม โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ลดความอ้วน
น้ำเต้าหู้ดื่มได้ในทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี ในประเทศที่มี 4 ฤดู ดื่มในฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง สามารถปรับยินกับหยางในร่างกายในสมดุล รักษาความชื้นของร่างกาย ดื่มในฤดูร้อน สามารถแก้ร้อนใน ขจัดความร้อนออกจากร่างกาย แก้อาการกระหายน้ำ ส่วนในฤดูหนาว การดื่มน้ำเต้าหู้ร้อนๆ จะไล่ความหนาว ทำให้กระเพาะอาหารอุ่น สุขภาพแข็งแรง
น้ำเต้าหู้มีคุณมากมายขนาดนี้ น่าจะเป็นผลดีต่อการรักษาโรคหลายชนิดด้วยเช่นกัน แล้วส่วนช่วยรักษาโรคอะไรบ้างคะ?
เนื่องจากร่างกายมนุษย์ดูดซึมสารอาหารต่างๆ ในน้ำเต้าหู้ได้ง่าย ดื่มน้ำเต้าหู้บ่อยๆ จะเป็นผลดีต่อการลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมัน ลดความดันโลหิตสูง ช่วยให้จุลินทรีย์ที่ดีเจริญเติบโตในลำไส้ ช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนตัว ปรับระดับอินซูลิน บำรุงสมอง เสริมภูมิต้านทาน ช่วยขับเสมหะให้ออกจากปอด บำรุงตับและไต ป้องกันมะเร็ง ชะลอวัย บำรุงม้าม และเสริมความงาม นักวิทยาศาสตร์เรียกน้ำเต้าหู้ว่า เป็น "อาหารซุปเปอร์สตาร์บนโต๊ะอาหารในศตวรรษที่ 21"
ดีจังเลย กล่าวได้ว่า น้ำเต้าหู้ไม่ใช่เครื่องดื่มธรรมดา ๆ เรียกว่าเป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพก็ว่าได้ เพราะว่าสารอาหารหลายชนิดในน้ำเต้าหู้มีคุณประโยชน์ต่อการรักษาโรคจริงๆ อย่างโรคหลอดเลือดหัวใจ
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคโรคหลอดเลือดในหัวใจคือ คอเลสเตอรอลในหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น ผลการวิจัยปรากฎว่า โปรตีนจากถั่วเหลืองในน้ำเต้าหู้สามารถลดคอเลสเตอรอลได้ สำนักงานบริหารอาหารและยารักษาโรคของสหรัฐอเมริกา หรือ FDA ยืนยันว่า โปรตีนถั่วเหลืองเป็นสารอาหารที่มีอยู่ในอาหารประเภทไขมันต่ำไม่อิ่มตัวและ อาหารคอเลสเตอรอลต่ำได้ ถ้ารับประทานโปรตีนถั่วเหลือง 25 กรัมต่อวัน จะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้
นอกจากนี้ น้ำเต้าหู้ก็ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ด้วย เพราะทุกๆ วัน ร่างกายเราจะสูญเสียแคลเซียมไปกับปัสสาวะ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า การป้องกันไม่ให้แคลเซียมสูญเสียไปพร้อมกับปัสสาวะ สำคัญกว่าการรับแคลเซียม ผลการวิจัยปรากฎว่า เมื่อเทียบกับโปรตีนจากสัตว์แล้ว โปรตีนจากถั่วเหลืองมีส่วนช่วยให้สูญเสียแคลเซียมไปกับปัสสาวะน้อยลง ประมาณ 103 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ถ้ารับประทานอาหารที่เป็นโปรตีนจากสัตว์ จะสูญเสียแคลเซียมประมาณ150 มิลลิกรัมต่อวัน
น้ำเต้าหู้กับโรคโลหิตจาง
น้ำเต้าหู้มีโปรตีนถั่วเหลืองที่ดี สารแร่ธาตุและวิตามินหลายชนิด เช่นแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก จึงเป็นอาหารป้องกันและรักษาโรคโลหิตจางที่ดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลจีนได้ทำการทดลองคือ ให้นักเรียน 6,573 คนดื่มน้ำเต้าหู้ต่อเนื่องกันหนึ่งปีครึ่ง ผลการตรวจปรากฎว่า เม็ดเลือดแดงของนักเรียนเหล่านี้เพิ่มขึ้น0.10%-0.17% เมื่อเทียบกับนักเรียนที่ไม่ได้ดื่มน้ำเต้าหู้
น้ำเต้าหู้กับการเสริมสวย
น้ำเต้าหู้มีฮอร์โมนเพศหญิงชนิดหนึ่ง ชื่อว่า Soybean Isoflavones P.E. สามารถปรับปรุงระบบหลั่งน้ำเหลืองของร่างกาย ผู้หญิงดื่มน้ำเต้าหู้ทุกวัน สามารถทำให้ผิวนิ่วนวล เปล่งปลั่ง มีความยืดหยุ่น นักวิจัยญี่ปุ่นเห็นว่า ผู้หญิงควรดื่มน้ำเต้าหู้มากกว่านม จะเป็นผลดีต่อสุขภาพ และหน้าตาสดใสยิ่งขึ้น
น้ำเต้าหู้กับการบำรุงสมอง
น้ำเต้าหู้มีเลซิธินจากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นสารประกอบสำคัญในการผลิตเยื่อเซลล์เส้นประสาม และไขสมอง ดังนั้น จึงมีบทบาทในการบำรุงสมองและเซลล์ร่างกาย ทำให้ความจำดีขึ้น
น้ำเต้าหู้กับการลดความอ้วน
เปปไทด์จากถั่วเหลืองในน้ำเต้าหู้มีบทบาทช่วยละลายไขมัน และสารเคมีอีกชนิดหนึ่ง น้ำเต้าหู้สามารถลดคอเลสเตอรอลในเลือด ผู้เชี่ยวชาญพบว่า ผู้ที่อ้วนเกินไปส่วนใหญ่รับประทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ อย่างเช่นรับประทานเนื้อสัตว์ ไข่ นม และอาหารที่มีไขมันจากสัตว์มากเกินไป จนทำให้ไขมันตกค้างในร่างกายมากขึ้น จนอ้วนขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น รับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ให้น้อยลง และรับประทานอาหารประเภทพืชให้มากขึ้น จะเป็นวิธีที่ดีสำหรับผู้ที่อยากลดความอ้วน ดื่มน้ำเต้าหู้บ่อยๆ จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างสมดุล ละลายไขมันที่มากเกิน และทำให้กล้ามเนื้อมีกำลังวังชามากขึ้น
ปัจจุบัน คนจีนจำนวนมากยิ่งขึ้นนิยทำน้ำเต้าหู้เอง เพราะทั้งสะดวก สะอาด และราคาถูกกว่าซื้อจากร้านด้วย ดิฉันก็เช่นกัน ได้ซื้อเครื่องทำน้ำเต้าหู้ไว้บนโต๊ะที่ห้องครัว ทำน้ำเต้าหู้ทุกเช้า ดื่มได้ทั้งวันเลย
น้ำเต้าหู้ไม่เพียงแต่มีน้ำถั่วเหลืองอย่างเดียว ยังมีอีกหลายอย่าง ถ้ามีเครื่องทำน้ำเต้าหู้ที่บ้าน ก็สามารถทำเองที่บ้านได้ อาทิ น้ำเต้าหู้ข้าว คือเอาถั่วเหลือง 20 กรัมผสมกับข้าวเจ้า 20 กรัม เอาถั่วเหลืองแช่ในน้ำธรรมดาประมาณ 10 ชั่วโมง แล้วเทถั่วเหลืองและข้าวใส่ในเครื่องทำน้ำเต้าหู้ เติมน้ำเปล่าในปริมาณที่พอเหมาะ กดปุ่มสตาร์ต รอสัก 20 นาที ก็จะได้น้ำเต้าหู้ที่เอร็ดอร่อย กินได้ 3-4 คน
นอกจากน้ำเต้าหู้ข้าวแล้ว ยังมีน้ำเต้าหู้ถั่วเขียว คือผสมถั่วเหลือ ข้าวเจ้า อย่างละประมาณ 8 กรัมกับถั่วเขียวอีก 10 กรัม วิธีการทำเหมือนกัน น้ำเต้าหู้ฟักทอง คือเอาฟักทอง ข้าวเจ้า ถั่วเขียว เนื้อลำไยแห้ง และลิลลี่อย่างละประมาณ 8 กรัม พุทราแดง 3 เม็ด เมล็ดบัว 4 เม็ดผสมด้วยกัน นำถั่วเขียวแช่ในน้ำธรรมดาจนพอง แล้วเทลงไปในเครื่องทำน้ำเต้าหู้ประมาณ 20 นาทีก็ได้น้ำเต้าหู้ผสมออกมาแล้ว
น้ำเต้าหู้ดอกกุหลาบ เอาถั่วเหลือง 40 กรัมกับดอกกุหลาบ 5 ดอกผสมเข้าด้วยกัน แล้วใส่ในเครื่องบั่น น้ำเต้าหู้ชา เอาถั่วเหลืองประมาณ 40 กรัม ชามะลิประมาณ 4 กรัมและชาเขียวอีกประมาณ 4 กรัมผสมด้วยกัน วิธีการทำเหมือนกัน
นอกจากนั้น เรายังสามารถทำน้ำเต้าหู้ข้าวโพด น้ำเต้าหู้ข้าวฟ่างได้ด้วย ถ้าท่านผู้ฟังสนใจ รองทำบ้างซิคะ รับรองว่า จะได้ทั้งถูกปาก ถูกใจ และประหยัดเงินด้วยค่ะ
ผลการวิจัยยังพบว่า การดื่มน้ำเต้าหู้กับอาหารบางชนิด จะได้ผลดีเป็นพิเศษต่อสุขภาพ อย่างเช่น รับประทานน้ำเต้าหู้กับผักกาดขาว ผักกาดขาวอุดมก้วยสารสังกะสี รับประทานกับน้ำเต้าหู้ จะมีคุณในการผลิตเซลล์เม็ดเลือด ชะลอวัย ทั้งได้สารอาหารที่สมบูรณ์ และเสริมความงามด้วย
น้ำเต้าหู้กับกะหล่ำปลี รับประทานอาหารสองอย่างนี้ด้วยกัน จะได้ผลในการลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด ลดภาระของหลอดเลือดหัวใจ ทำให้หัวใจมีกำลังวังชามาขึ้น เลือกไหลเวียนได้คล่อง ป้องกันมะเร็ง เสริมภูมิต้านทาน และบำรุงตับและไต
น้ำเต้าหู้กับขาหมู ขาหมูมีคอลาเจลและไขมัน คาร์โบไฮเตรด รับประทานกับน้ำเต้าหู้ จะทำให้กล้ามเนื่อแข็งแรงยิ่งขึ้น เลือดหมุนเวียนได้คล่องขึ้น และเสริมความงามได้ด้วย
แม้ว่าน้ำเต้าหู้มีคุณประโยชน์มากมายหลายประการ แต่ก็ไม่ใช่เหมาะกับทุกกลุ่มคน ผู้ที่ป่วยเป็นลำไส้อักเสบเรื้อรัง ผู้ท้องเสียง่าย ก็ไม่ควรดื่มมากและบ่อย และแต่ละครั้ง ไม่ว่าใครก็ไม่ควรดื่มมากเกินไป เพราะจะทำให้กระเพาะมีภาระหนักขึ้นในการย่อยโปรตีนจากพืช จนท้องเฟ้อ และท้องเสีย
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ต้องต้มน้ำเต้าหู้ให้สุกเต็มที่ก่อนดื่ม ไม่งั้นจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และไม่ควรใส่ไข่ไก่ดิบเข้ากับน้ำเต้าหู้ เพราะจะทำให้น้ำเต้าหู้มีเชื้อโรค ทำลายสุขภาพ ส่วนการใส่น้ำตาลทรายแดงเข้าในน้ำเต้าหู้ก็ไม่ดี จะส่งผลกระทบต่อการดูดซึมแคลเซียมและสารอาหารอื่นๆ แต่ใส่น้ำตาลทรายขาวไม่มีปัญหาค่ะ
ดื่มน้ำเต้าหู้บ้างซิคะ ทั้งเป็นของดี มีประโยชน์ที่ซื้อก็ไม่แพง แถมยังทำเองง่าย :
credit : http://thai.cri.cn/461/2010/02/05/224s169803.htm
น้ำเต้าหู้ทำจากถั่วเหลือง มีกลิ่นหอมจากถั่วเหลือง รสหวานหน่อย เป็นเครื่องดื่มที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ มีคุณประโยชน์หลายประการในการบำรุงสุขภาพ
น้ำเต้าหู้อุดมด้วยโปรตีนที่ดี และสารอาหารอีกหลายอย่างที่ร่างการต้องการ ชาวจีนเรียกว่าเป็น "นมสีเขียว" เนื่องจากสัดส่วนของกรดอะมิโนโปรตีนในน้ำเต้าหู้คล้ายคลึงกับกรดอะมิโนที่ ร่างการมนุษย์ต้องการ ร่างกายมนุษย์จึงดูดซึมง่าย แต่สัดส่วนของไขมันในน้ำเต้าหู้ต่ำมาก มีเพียง 0.7 กรัมต่อ 100 มิลลิลิต ต่ำกว่านมที่มีถึง 3.2กรัมต่อ 100 มิลลิลิต
อีกทั้ง น้ำเต้าหู้ไม่มีคอเลสเตอรอลและน้ำตาล ยิ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพ ชาวจีนบอกว่า "ดื่มน้ำเต้าหู้วันละ 1 แก้ว สุขภาพแข็งแรงทุกวัน"
คนจำนวนไม่น้อยเข้าในว่า น้ำเต้าหู้กำเนิดที่ญี่ปุ่น แต่ความจริง บ้านเกิดของน้ำเต้าหู้แท้ๆ คือ จีน เล่ากันว่า เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน อ๋องหวายหนาน สมัยราชวงศ์ซีฮั่นชื่อหลิวอาน เป็นผู้ทำน้ำเต้าหู้คนแรก อ๋องหลิวอานเป็นบุตรที่กตัญญูต่อพ่อแม่ เมื่อมารดาของเขาป่วย รับประทานอาหารไม่ลง ร่างกายผ่ายผอมลงทุกวัน เขาก็พยายามแสวงหาอาหารที่มารดารับประทานได้ และเอาถั่วเหลืองฝนกับน้ำพร้อมกัน ทำเป็นน้ำเต้าหู้ ให้มารดาดื่มทุกวัน มารดาหลิวอานดื่มแล้วรู้สึกรสหอม หวานดี จึงชอบมาก สุขภาพก็ได้ฟื้นฟูขึ้นเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นั้นมา น้ำเต้าหู้ก็กลายเป็นเครื่องดื่มที่ชาวจีนนิยมกันมาจนถึงทุกวันนี้
แล้วน้ำเต้าหู้มีสารอาหารอะไรบ้าง เห็นว่ามิคุณค่าในการบำรุงสุขภาพสูงกว่านมด้วย
น้ำเต้าหู้มีคุณค่าทางโภชนาการเทียบเท่านม และคุณค่าด้านการบำรุงสุขภาพสูงกว่านม น้ำเต้าหู้มีโปรตีน 1.8 กรัมต่อ 100 มิลลิลิต ซึ่งเป็นโปรตีนจากพืชที่มีคุณภาพดีมาก ผลการทดลองปรากฎว่า ร่างกายเราสามารถย่อยและดูดซึ่มน้ำเต้าหู้ได้กว่า 90% ที่เดียว สูงกว่าถั่วเหลืองต้มที่มี 65% น้ำเต้าหู้มีสารอาหารหลายชนิด อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก สังกะสี และเซเลเนียม สัดส่วนของเหล็กในน้ำเต้าหู้มากกว่านมถึง 1.6 เท่า นอกจากนั้น ยังมีวิตามีนอีกหลายชนิด เช่น วิตามินA วิตามินE วิตามิน B1 และวิตามิน B2 ถือเป็นเครื่องดื่มที่ราคาถูกแต่มีคุณค่าสูง
นอกจากนั้น น้ำเต้าหู้ยังมีกรดอะมิโน 18 ชนิด ในจำนวนนี้ รวมทั้งกรดอะมิโน 8 ชนิดที่ร่างกายมนุษย์ขาดเสียไม่ได้ และมีสารบำรุงสุขภาพอีกหลายชนิด เช่น เซลลูโรสถั่วเหลือง เลซิธินถั่วเหลือง เป็นต้น
ท่านทราบไหมคะว่า น้ำเต้าหู้ไม่มีน้ำตาลขณะที่ในนมมักทำให้บางท่านท้องเสีย แต่น้ำเต้าหู้ผู้ดื่มจะไม่มีอาการแพ้ใดๆ เหมาะสำหรับทุกกลุ่ม โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ลดความอ้วน
น้ำเต้าหู้ดื่มได้ในทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี ในประเทศที่มี 4 ฤดู ดื่มในฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง สามารถปรับยินกับหยางในร่างกายในสมดุล รักษาความชื้นของร่างกาย ดื่มในฤดูร้อน สามารถแก้ร้อนใน ขจัดความร้อนออกจากร่างกาย แก้อาการกระหายน้ำ ส่วนในฤดูหนาว การดื่มน้ำเต้าหู้ร้อนๆ จะไล่ความหนาว ทำให้กระเพาะอาหารอุ่น สุขภาพแข็งแรง
น้ำเต้าหู้มีคุณมากมายขนาดนี้ น่าจะเป็นผลดีต่อการรักษาโรคหลายชนิดด้วยเช่นกัน แล้วส่วนช่วยรักษาโรคอะไรบ้างคะ?
เนื่องจากร่างกายมนุษย์ดูดซึมสารอาหารต่างๆ ในน้ำเต้าหู้ได้ง่าย ดื่มน้ำเต้าหู้บ่อยๆ จะเป็นผลดีต่อการลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมัน ลดความดันโลหิตสูง ช่วยให้จุลินทรีย์ที่ดีเจริญเติบโตในลำไส้ ช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนตัว ปรับระดับอินซูลิน บำรุงสมอง เสริมภูมิต้านทาน ช่วยขับเสมหะให้ออกจากปอด บำรุงตับและไต ป้องกันมะเร็ง ชะลอวัย บำรุงม้าม และเสริมความงาม นักวิทยาศาสตร์เรียกน้ำเต้าหู้ว่า เป็น "อาหารซุปเปอร์สตาร์บนโต๊ะอาหารในศตวรรษที่ 21"
ดีจังเลย กล่าวได้ว่า น้ำเต้าหู้ไม่ใช่เครื่องดื่มธรรมดา ๆ เรียกว่าเป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพก็ว่าได้ เพราะว่าสารอาหารหลายชนิดในน้ำเต้าหู้มีคุณประโยชน์ต่อการรักษาโรคจริงๆ อย่างโรคหลอดเลือดหัวใจ
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคโรคหลอดเลือดในหัวใจคือ คอเลสเตอรอลในหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น ผลการวิจัยปรากฎว่า โปรตีนจากถั่วเหลืองในน้ำเต้าหู้สามารถลดคอเลสเตอรอลได้ สำนักงานบริหารอาหารและยารักษาโรคของสหรัฐอเมริกา หรือ FDA ยืนยันว่า โปรตีนถั่วเหลืองเป็นสารอาหารที่มีอยู่ในอาหารประเภทไขมันต่ำไม่อิ่มตัวและ อาหารคอเลสเตอรอลต่ำได้ ถ้ารับประทานโปรตีนถั่วเหลือง 25 กรัมต่อวัน จะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้
นอกจากนี้ น้ำเต้าหู้ก็ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ด้วย เพราะทุกๆ วัน ร่างกายเราจะสูญเสียแคลเซียมไปกับปัสสาวะ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า การป้องกันไม่ให้แคลเซียมสูญเสียไปพร้อมกับปัสสาวะ สำคัญกว่าการรับแคลเซียม ผลการวิจัยปรากฎว่า เมื่อเทียบกับโปรตีนจากสัตว์แล้ว โปรตีนจากถั่วเหลืองมีส่วนช่วยให้สูญเสียแคลเซียมไปกับปัสสาวะน้อยลง ประมาณ 103 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ถ้ารับประทานอาหารที่เป็นโปรตีนจากสัตว์ จะสูญเสียแคลเซียมประมาณ150 มิลลิกรัมต่อวัน
น้ำเต้าหู้กับโรคโลหิตจาง
น้ำเต้าหู้มีโปรตีนถั่วเหลืองที่ดี สารแร่ธาตุและวิตามินหลายชนิด เช่นแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก จึงเป็นอาหารป้องกันและรักษาโรคโลหิตจางที่ดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลจีนได้ทำการทดลองคือ ให้นักเรียน 6,573 คนดื่มน้ำเต้าหู้ต่อเนื่องกันหนึ่งปีครึ่ง ผลการตรวจปรากฎว่า เม็ดเลือดแดงของนักเรียนเหล่านี้เพิ่มขึ้น0.10%-0.17% เมื่อเทียบกับนักเรียนที่ไม่ได้ดื่มน้ำเต้าหู้
น้ำเต้าหู้กับการเสริมสวย
น้ำเต้าหู้มีฮอร์โมนเพศหญิงชนิดหนึ่ง ชื่อว่า Soybean Isoflavones P.E. สามารถปรับปรุงระบบหลั่งน้ำเหลืองของร่างกาย ผู้หญิงดื่มน้ำเต้าหู้ทุกวัน สามารถทำให้ผิวนิ่วนวล เปล่งปลั่ง มีความยืดหยุ่น นักวิจัยญี่ปุ่นเห็นว่า ผู้หญิงควรดื่มน้ำเต้าหู้มากกว่านม จะเป็นผลดีต่อสุขภาพ และหน้าตาสดใสยิ่งขึ้น
น้ำเต้าหู้กับการบำรุงสมอง
น้ำเต้าหู้มีเลซิธินจากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นสารประกอบสำคัญในการผลิตเยื่อเซลล์เส้นประสาม และไขสมอง ดังนั้น จึงมีบทบาทในการบำรุงสมองและเซลล์ร่างกาย ทำให้ความจำดีขึ้น
น้ำเต้าหู้กับการลดความอ้วน
เปปไทด์จากถั่วเหลืองในน้ำเต้าหู้มีบทบาทช่วยละลายไขมัน และสารเคมีอีกชนิดหนึ่ง น้ำเต้าหู้สามารถลดคอเลสเตอรอลในเลือด ผู้เชี่ยวชาญพบว่า ผู้ที่อ้วนเกินไปส่วนใหญ่รับประทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ อย่างเช่นรับประทานเนื้อสัตว์ ไข่ นม และอาหารที่มีไขมันจากสัตว์มากเกินไป จนทำให้ไขมันตกค้างในร่างกายมากขึ้น จนอ้วนขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น รับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ให้น้อยลง และรับประทานอาหารประเภทพืชให้มากขึ้น จะเป็นวิธีที่ดีสำหรับผู้ที่อยากลดความอ้วน ดื่มน้ำเต้าหู้บ่อยๆ จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างสมดุล ละลายไขมันที่มากเกิน และทำให้กล้ามเนื้อมีกำลังวังชามากขึ้น
ปัจจุบัน คนจีนจำนวนมากยิ่งขึ้นนิยทำน้ำเต้าหู้เอง เพราะทั้งสะดวก สะอาด และราคาถูกกว่าซื้อจากร้านด้วย ดิฉันก็เช่นกัน ได้ซื้อเครื่องทำน้ำเต้าหู้ไว้บนโต๊ะที่ห้องครัว ทำน้ำเต้าหู้ทุกเช้า ดื่มได้ทั้งวันเลย
น้ำเต้าหู้ไม่เพียงแต่มีน้ำถั่วเหลืองอย่างเดียว ยังมีอีกหลายอย่าง ถ้ามีเครื่องทำน้ำเต้าหู้ที่บ้าน ก็สามารถทำเองที่บ้านได้ อาทิ น้ำเต้าหู้ข้าว คือเอาถั่วเหลือง 20 กรัมผสมกับข้าวเจ้า 20 กรัม เอาถั่วเหลืองแช่ในน้ำธรรมดาประมาณ 10 ชั่วโมง แล้วเทถั่วเหลืองและข้าวใส่ในเครื่องทำน้ำเต้าหู้ เติมน้ำเปล่าในปริมาณที่พอเหมาะ กดปุ่มสตาร์ต รอสัก 20 นาที ก็จะได้น้ำเต้าหู้ที่เอร็ดอร่อย กินได้ 3-4 คน
นอกจากน้ำเต้าหู้ข้าวแล้ว ยังมีน้ำเต้าหู้ถั่วเขียว คือผสมถั่วเหลือ ข้าวเจ้า อย่างละประมาณ 8 กรัมกับถั่วเขียวอีก 10 กรัม วิธีการทำเหมือนกัน น้ำเต้าหู้ฟักทอง คือเอาฟักทอง ข้าวเจ้า ถั่วเขียว เนื้อลำไยแห้ง และลิลลี่อย่างละประมาณ 8 กรัม พุทราแดง 3 เม็ด เมล็ดบัว 4 เม็ดผสมด้วยกัน นำถั่วเขียวแช่ในน้ำธรรมดาจนพอง แล้วเทลงไปในเครื่องทำน้ำเต้าหู้ประมาณ 20 นาทีก็ได้น้ำเต้าหู้ผสมออกมาแล้ว
น้ำเต้าหู้ดอกกุหลาบ เอาถั่วเหลือง 40 กรัมกับดอกกุหลาบ 5 ดอกผสมเข้าด้วยกัน แล้วใส่ในเครื่องบั่น น้ำเต้าหู้ชา เอาถั่วเหลืองประมาณ 40 กรัม ชามะลิประมาณ 4 กรัมและชาเขียวอีกประมาณ 4 กรัมผสมด้วยกัน วิธีการทำเหมือนกัน
นอกจากนั้น เรายังสามารถทำน้ำเต้าหู้ข้าวโพด น้ำเต้าหู้ข้าวฟ่างได้ด้วย ถ้าท่านผู้ฟังสนใจ รองทำบ้างซิคะ รับรองว่า จะได้ทั้งถูกปาก ถูกใจ และประหยัดเงินด้วยค่ะ
ผลการวิจัยยังพบว่า การดื่มน้ำเต้าหู้กับอาหารบางชนิด จะได้ผลดีเป็นพิเศษต่อสุขภาพ อย่างเช่น รับประทานน้ำเต้าหู้กับผักกาดขาว ผักกาดขาวอุดมก้วยสารสังกะสี รับประทานกับน้ำเต้าหู้ จะมีคุณในการผลิตเซลล์เม็ดเลือด ชะลอวัย ทั้งได้สารอาหารที่สมบูรณ์ และเสริมความงามด้วย
น้ำเต้าหู้กับกะหล่ำปลี รับประทานอาหารสองอย่างนี้ด้วยกัน จะได้ผลในการลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด ลดภาระของหลอดเลือดหัวใจ ทำให้หัวใจมีกำลังวังชามาขึ้น เลือกไหลเวียนได้คล่อง ป้องกันมะเร็ง เสริมภูมิต้านทาน และบำรุงตับและไต
น้ำเต้าหู้กับขาหมู ขาหมูมีคอลาเจลและไขมัน คาร์โบไฮเตรด รับประทานกับน้ำเต้าหู้ จะทำให้กล้ามเนื่อแข็งแรงยิ่งขึ้น เลือดหมุนเวียนได้คล่องขึ้น และเสริมความงามได้ด้วย
แม้ว่าน้ำเต้าหู้มีคุณประโยชน์มากมายหลายประการ แต่ก็ไม่ใช่เหมาะกับทุกกลุ่มคน ผู้ที่ป่วยเป็นลำไส้อักเสบเรื้อรัง ผู้ท้องเสียง่าย ก็ไม่ควรดื่มมากและบ่อย และแต่ละครั้ง ไม่ว่าใครก็ไม่ควรดื่มมากเกินไป เพราะจะทำให้กระเพาะมีภาระหนักขึ้นในการย่อยโปรตีนจากพืช จนท้องเฟ้อ และท้องเสีย
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ต้องต้มน้ำเต้าหู้ให้สุกเต็มที่ก่อนดื่ม ไม่งั้นจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และไม่ควรใส่ไข่ไก่ดิบเข้ากับน้ำเต้าหู้ เพราะจะทำให้น้ำเต้าหู้มีเชื้อโรค ทำลายสุขภาพ ส่วนการใส่น้ำตาลทรายแดงเข้าในน้ำเต้าหู้ก็ไม่ดี จะส่งผลกระทบต่อการดูดซึมแคลเซียมและสารอาหารอื่นๆ แต่ใส่น้ำตาลทรายขาวไม่มีปัญหาค่ะ
ดื่มน้ำเต้าหู้บ้างซิคะ ทั้งเป็นของดี มีประโยชน์ที่ซื้อก็ไม่แพง แถมยังทำเองง่าย :
credit : http://thai.cri.cn/461/2010/02/05/224s169803.htm
ขายของได้ทุกที่ บนรถขายขายของเคลื่อนที่ ได้ทั้งของกินและเครื่องดื่ม
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://commercial-on-wheels.blogspot.com/
ตัวอย่างอาชีพค้าขายที่ไม่ง้อทำเล(รูป)ตอน 1-12
download ...http://commercial-on-wheels.blogspot.com/
adv001