สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

‘คุกกี้คอนเฟล็กซ์’ ชิ้นเล็กๆ ก็อาจ ‘รวยได้’

จากการที่ เดลินิวส์ ร่วมกับ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)/ เซเว่น-อีเลฟเว่น และ บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด จัด “ฝึกอาชีพให้ประชาชนฟรี” เป็นรุ่นที่ 7 ตาม โครงการ “เดลินิวส์ฝึกอาชีพ” ไปเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมาวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” นำสูตร-วิธีทำ “คุกกี้คอนเฟล็กซ์” มานำเสนอ เพื่อให้กิจกรรมนี้เป็นประโยชน์ในวงกว้างมากขึ้น.... 

“คุกกี้คอนเฟล็กซ์” นี้ วิลัย จันโต คือวิทยากรผู้ฝึกสอนให้กับผู้เข้าฝึกอาชีพ โดยวิทยากรบอกว่า คุกกี้คอนเฟล็กซ์ ในตลาดยังมีคนทำไม่มาก ที่สำคัญสูตรที่สอนนี้ผู้ที่ได้เรียนรู้สามารถนำไปดัดแปลงทำคุกกี้ได้หลาก หลาย


สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ทำคุกกี้คอนเฟล็กซ์ หลัก ๆ ก็มี... อ่างผสม ขนาด 1   และ 2 ลิตร, ที่ร่อนแป้ง, พายยาง, มีดฟันเลื่อย, ถ้วยตวงของแห้ง, ช้อนตวง, ตาชั่งอย่างละเอียด, ตะแกรง, กระดาษไข, ถ้วยตวง, ถาดอบคุกกี้, นาฬิกาจับเวลา, เครื่องตีไข่ (ใช้แบบอัตโนมัติหรือแบบมือตีก็ได้) และเตาอบไฟฟ้าหรือเตาอบแก๊ส ซึ่งราคาเตามีตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น แต่ถ้าใครมีเตาอบอยู่แล้ว ก็จะลงทุนอุปกรณ์อื่น ๆ ในวงเงินประมาณ 2,500 บาทเท่านั้น

เตาอบนั้นมีความสำคัญในการทำขนม เตาอบที่มีคุณภาพมีผลต่อการอบขนม ซึ่งขนมจะฟูหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่เตาอบด้วย ถ้าเตามีคุณภาพไม่ดี อุณหภูมิเตาจะไม่คงที่ การอบขนมก็จะเป็นเรื่องที่ควบคุมคุณภาพได้ลำบาก....

ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ทำคุกกี้คอนเฟล็กซ์ ตามสูตรมีดังนี้... เนยสด 150 กรัม, น้ำตาลไอซิ่ง 135 กรัม, แป้งเค้ก 150 กรัม, แป้งขนมปัง 100 กรัม, ไข่ไก่ 2 ฟอง, ผงฟู 4 กรัม, โซดาผง 2.5 กรัม, เกลือ 2.5 กรัม, ลูกเกดสับหยาบ 87.5 กรัม, เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 125 กรัม, คอน
เฟล็กซ์ 200 กรัม

ขั้นตอนการทำ... เริ่มจากเปิดเตาอบ เปิดไฟบน-ไฟล่าง ให้อยู่ที่อุณหภูมิ 150 องศา เพื่อเป็นการวอร์มเตาให้ร้อนได้ที่ พร้อมใช้งาน ระหว่างนั้นก็มาเตรียมวัตถุดิบ เริ่มจากการนำแป้งเค้ก, แป้งขนมปัง, ผงฟู, โซดาผง และเกลือ ผสมรวมกันเทใส่ลงบนที่ร่อนแป้ง แล้วร่อนส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในกะละมัง พักไว้ก่อน จากนั้นก็นำเนยสดและน้ำตาลไอซิ่งเทผสมใส่ลงในกะละมังอีกใบ นำเครื่องตีแป้งแบบมือใส่ลงไป เริ่มตีโดยเปิดเครื่องให้เริ่มความเร็วจากเบอร์ 1 ทำการตีผสมไปเรื่อย ๆ ให้ส่วนผสมเนยสดและน้ำตาลไอซิ่งเข้ากัน โดยใช้เวลาในการตีประมาณ 5 นาที

หลังจากส่วนผสมเนยสดและน้ำตาลไอซิ่งเข้ากันแล้ว ให้เพิ่มระดับความเร็วเครื่องตีที่เบอร์ 3 ตีส่วนผสมต่อ โดยให้หัวตีของเครื่องยังคงจุ่มอยู่ในส่วนผสม ลักษณะการตีส่วนผสมคือ ไม่ควรยกส่วนหัวตีสูงเกินไป เพราะส่วนผสมจะฟุ้งกระจาย ตีโดยการหมุนส่วนของเครื่องตีแป้งแบบมือให้ถูกส่วนผสมมากที่สุด ตีต่อไปนานประมาณ 10 นาที โดยการตีส่วนผสมนั้น พอตีไปได้ 5 นาที ให้หยุดเครื่อง แล้วปาดส่วนผสมที่ติดอยู่ขอบด้านข้างให้เข้ามาอยู่ตรงกลาง เมื่อเสร็จแล้วเปิดเครื่องไปที่เบอร์ 3 ตีต่ออีก 5 นาที เมื่อครบตามจำนวนเวลาก็ปิดเครื่องตีแป้งพักไว้ก่อน

จากนั้นก็นำไข่ไก่ตอกใส่ภาชนะเตรียมไว้ แล้วใช้เครื่องตีแป้งแบบมือโดยใช้ส่วนของหัวตีจุ่มลงในส่วนผสมอีกครั้ง ค่อย ๆ เปิดเครื่องไล่ความเร็วจากเบอร์ 1 ไปจนถึงเบอร์ 3 ตีไปประมาณ 1 นาที แล้วจึงใส่ไข่ฟองแรกผสมลงไปในแป้งขณะที่ยังเปิดเครื่องตีอยู่ ตีต่อไปอีก 1 นาที จึงใส่ไข่ฟองที่สอง และตีต่ออีก 1 นาที แล้วก็ปิดเครื่อง

เมื่อส่วนผสมเนยน้ำตาลไข่ไก่เข้ากันดีแล้ว นำส่วนผสมแป้งเค้ก แป้งขนมปัง ผงฟู โซดาผง เกลือ ที่ร่อนเตรียมไว้ มาใส่รวมกัน โดยการเทผสมรวมกันต้องค่อย ๆ เท โดยเปิดเครื่องตีแป้งจุ่มลงในส่วนผสม เปิดความเร็วเบอร์ 1 ค่อย ๆ เทส่วนผสมที่ร่อนไว้ลงไปจนหมด จับเวลาตีต่อ 5 นาที ปิดเครื่อง ปาดส่วนผสมให้เข้ามาอยู่ตรงกลาง แล้วตีต่ออีก 5 นาที

หลังจากนั้นก็นำลูกเกดสับหยาบค่อย ๆ เทผสมลงไป โดยที่เครื่องตียังคงทำงานอยู่ที่ความเร็วคงที่ เบอร์ 1 ตีไปประมาณ 1 นาที พอลูกเกดเข้ากับส่วนผสมแล้วก็นำเม็ดมะม่วง หิมพานต์ค่อย ๆ เทลงในส่วนผสม ขณะที่เครื่องตียังทำงานอยู่ที่ความเร็วคงที่ เบอร์ 1 ใช้เวลาตีอีก 2 นาที จึงปิดเครื่อง เมื่อส่วนผสมเข้ากันเป็นอย่างดีแล้วจะมีความเหนียวไม่ติดมือ ปั้นเป็นก้อนได้ ก็ตักส่วนผสมปั้นเป็นก้อน ๆ ให้ได้น้ำหนักก้อนละ 20 กรัม โดยใช้ตาชั่งในการชั่ง จากนั้นเทคอนเฟล็กซ์ลงในถาดเตรียมไว้ นำคุกกี้ที่ปั้นเป็นก้อนลงคลุกกับคอนเฟล็กซ์ เตรียมไว้

นำกระดาษไขวางบนถาด และนำคุกกี้ที่คลุกคอนเฟล็กซ์แล้ววางเรียงลงไป ให้แต่ละชิ้นห่างกันประมาณ 1 นิ้ว วางจนเต็มถาดแล้วนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศา ใช้เวลาอบประมาณ 15-20 นาที จนคุกกี้สุกเหลืองทั่วก็นำออกจากเตาอบ แซะคุกกี้ออกจากถาดพักไว้บนตะแกรงให้เย็น จึงจัดเก็บในภาชนะที่ปิดกั้นอากาศเข้า

จากปริมาณวัตถุดิบที่ว่ามา จะสามารถทำคุกกี้คอนเฟล็กซ์ได้ประมาณ 50 ชิ้น มีต้นทุนเฉพาะวัตถุดิบประมาณ 100 บาท หรือเฉลี่ยชิ้นละไม่เกิน 2 บาท สามารถจะตั้งราคาขายได้ที่ชิ้นละประมาณ 4 บาท
.........................

ทั้งนี้ นี่ก็เป็นสูตรการทำ “คุกกี้คอนเฟล็กซ์” ที่ทาง ซีพี รีเทลลิงค์ และวิทยากรคือ วิลัย จันโต ฝึกสอนให้ประชาชนตาม โครงการ “เดลินิวส์ฝึกอาชีพ” รุ่น 7 หัวข้อ “คืนกำไรสู่สังคม ฝึกอบรมเบเกอรี่ ชี้ทางรวย” ซึ่งคุกกี้ชิ้นเล็ก ๆ นี้ก็อาจเป็น “ช่องทางทำกิน” ที่ทำให้รวยได้ ถ้าฝีมือดี การตลาดดี โดยในส่วนของ “เทคนิคการตลาด” นั้นในการจัดฝึกก็มีการบรรยายแนะนำ ซึ่งในหน้า “ช่องทางทำกิน” ก็จะสรุปมานำเสนอในวันเสาร์ที่ 12 ต.ค.
โปรดติดตาม...
ทีมช่องทางทำกิน :รายงาน / สันติ มฤธนนท์
วรัญญู เหมือนเดช, วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์ :ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/96754/‘คุกกี้คอนเฟล็กซ์’+ชิ้นเล็กๆ+ก็อาจ+‘รวยได้’

Read More...


‘เค้กกล้วยหอม’ช่องทางทำเงินยังไม่ตัน!

’เค้กกล้วยหอม“ ที่มีการทำขายในปัจจุบัน มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบถ้วยกลม ๆ หรือเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม มีทั้งขนาดใหญ่-เล็ก ขนมชนิดนี้ได้รับความนิยมชมชอบจากคนทุกเพศทุกวัย เพราะทานง่าย รสชาติอร่อยนุ่ม-ชุ่มลิ้น มีกลิ่นหอมของกล้วยหอม และสำหรับผู้ที่สนใจ ’ช่องทางทำกิน“ จากขนมชนิดนี้ วันนี้ ณ ที่นี้ก็มีข้อมูลมานำเสนอกัน...

ผลิวรรณ บุญมี เจ้าของร้านขนม “ช่อมะเฟือง” ย่านรามคำแหง 150 กรุงเทพฯ เล่าให้ฟังว่า ทำขนมขายมานานกว่า 6 เดือนแล้ว ซึ่งขนมที่ร้านมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้ เค้กหน้านิ่ม รสต่าง ๆ รวมถึง “เค้กกล้วยหอม” และที่ร้านยังมีพายสับปะรด และคุกกี้ช็อกโกแลตชิพอีกด้วย



“สำหรับสูตรนั้น คุณน้าเป็นคนสอนให้ แต่ก็ต้องฝึกฝนนานอยู่เหมือนกัน กว่ารสชาติจะลงตัว และสำหรับขนมนี้ เป็นของที่ขายเสริมจากร้านอาหารตามสั่งที่เป็นอาชีพหลัก นอกจากนี้ ยังรับสอนพิเศษอีกด้วย” ผลิวรรณบอก

อุปกรณ์ในการทำเค้กกล้วยหอม หลัก ๆ ก็มี เครื่องตีแป้ง, เตาอบ, ถ้วยพิมพ์, ที่ร่อนแป้ง, ที่ตีไข่, ถาด, กะละมัง, ชุดช้อนชา, ชุดถ้วยตวง และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ 

สำหรับการทำ “เค้กกล้วยหอมสูตรนุ่ม” วัตถุดิบหลัก ๆ ตามสูตรก็มี แป้งเค้ก 270 กรัม, ผงฟูพอประมาณ, เบกกิ้งโซดา (โซเดียม ไบคาร์บอเนต) พอประมาณ, นํ้าตาลทราย 240 กรัม, เกลือป่นเล็กน้อย, ไข่ไก่ 4 ฟอง, นํ้ามันพืช 2/3 ถ้วย, กล้วยหอมสุกบด 300 กรัม และนํ้ามะนาวพอประมาณ
วิธีทำ เริ่มที่ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา ให้เข้ากัน แล้วพักเตรียมไว้ 

บดกล้วยหอมสุกกับ นํ้ามะนาวให้เข้ากันเตรียมไว้
ตีไข่ไก่ นํ้าตาลทราย และเกลือ ให้เข้ากัน ตี ด้วยเครื่องด้วยความเร็วสูงประมาณ 7-8 นาที หรือรอจนกว่าส่วนผสมจะข้นขาว จากนั้นปรับความเร็วของเครื่องตีลงให้เป็นความเร็วต่ำ แล้วใส่ส่วนผสมของแป้งที่เตรียมไว้ลงไป ตีต่อให้เข้ากันอีกประมาณ 1 นาที 

จากนั้นก็ค่อย ๆ เติมนํ้ามันพืชลงไป แล้วปรับความเร็วเครื่องตีให้เป็นระดับกลาง ตีต่อไปอีก 2 นาที สุดท้ายใส่ส่วนผสมของกล้วยหอมบดลงไป แล้วปรับความเร็วของเครื่องตีให้เป็นระดับต่ำ ตีต่ออีกประมาณ 1 นาที 

ขั้นต่อไปนำส่วนผสมที่ตีเสร็จแล้วเข้าแช่ในตู้เย็น แช่ไว้ประมาณ 30 นาที
เมื่อแช่ตามเวลาแล้วจึงจะนำแป้งขนมออกมาหยอดใส่พิมพ์ โดยระหว่างนั้นให้เปิดเตาอบเพื่ออุ่นให้เตาร้อนที่อุณหภูมิ 400-450 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้ก่อน

การหยอดแป้งใส่พิมพ์ เตรียมถ้วยกระดาษวงกลมใส่ในพิมพ์เค้กกล้วยหอมที่เป็นถ้วยวงกลม ขนาดกว้าง 7.5 ซม. สูง 2.5 ซม. แล้วเรียงพิมพ์เค้กกล้วยหอมใส่ถาดอะลูมิเนียมไว้ นำส่วนผสมของเค้กกล้วยหอมที่ตีเสร็จเรียบร้อยแล้วออกมาจากตู้แช่  แล้วค่อย ๆ หยอดใส่ถ้วยจนครบถ้วยที่เตรียมไว้
นำเข้าเตาอบที่อุ่นร้อนรอไว้แล้ว ใช้เวลาอบประมาณ 15 นาที ก็จะได้เค้กกล้วยหอมสูตรนุ่มที่ขึ้นฟู มีสีนํ้าตาลเข้ม ส่งกลิ่นหอมชวนรับประทาน 

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่อบเค้กกล้วยหอม ต้องหมั่นคอยดู ด้วยว่าเค้กขึ้นฟูหรือยัง ระวังอย่าให้หน้าเค้กไหม้ เมื่อเค้กสุกแล้วให้นำออกมาบรรจุในกล่องให้เรียบร้อย

เค้กกล้วยหอมสูตรนี้มีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ชิ้นละประมาณ 3 บาท ส่วนราคาขายอาจจะขาย ในราคาชิ้นละ 5 บาท หรือมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับทำเลและต้นทุนส่วนอื่น ๆ 

สนใจ ’เค้กกล้วยหอมสูตรนุ่ม“ สูตรนี้ ต้องการติดต่อ ผลิ วรรณ บุญมี เจ้าของร้านขนมช่อมะเฟือง ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 150 ถนนรามคำแหง กรุงเทพฯ หรือติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2373-5396 ซึ่งนี่ก็เป็นอีกรูปแบบ ’ช่องทางทำกิน“ ที่แม้จะมีคนทำกันไม่น้อยแล้ว แต่ช่องว่างทำเงินในตลาดก็ยังพอมีอยู่อีกมาก.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ



Read More...


‘ส้มตำ-น้ำพริกเห็ด’ เมนูเด็ดทำเงินอิงสุขภาพ

ทีม “ช่องทางทำกิน” เคยนำเสนอการทำการขายแกงเห็ด-ลาบเห็ด-เห็ดคั่ว ซึ่งเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่อินเทรนด์ในยุคที่ชีวิตปนเปื้อนไปด้วยสารเคมี โดย เสงี่ยม สุทัศน์ ณ อยุธยา หรือที่ใคร ๆ เรียกว่า “แม่เสงี่ยม” เคยให้ข้อมูลไว้เป็นวิทยาทานเมื่อราว 2 ปีที่แล้ว และวันนี้ ณ ที่นี้ก็มีข้อมูลเมนูเห็ดอีกรูปแบบจากแม่เสงี่ยมมานำเสนอให้พิจารณากัน นั่นก็คือ “ส้มตำเห็ด” และรวมถึง “น้ำพริกเห็ด” เมนูที่อาจจะดูว่าพื้น ๆ แต่กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่าสนใจ...

แม่เสงี่ยมบอกว่า เมื่อก่อนขายขนมหวานอยู่ที่ตลาด อ.ต.ก ขายอยู่หลายปี แต่ตอนหลังมีปัญหาต้นทุนขนมแพง ประกอบกับคนเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย ทานหวานกันน้อยลง ทำให้ขายของได้ยาก จึงคิดเปลี่ยนของที่จะขายเป็นอย่างอื่น

“ตอนนั้นเรื่องสุขภาพเริ่ม ๆ จะมาแรง เห็ดต่าง ๆ ที่ปลอดสารพิษได้รับความนิยม เพราะไม่มีคอเลสเตอรอล มีแร่ธาตุทางอาหาร มีประโยชน์กับร่างกาย จึงคิดทำอาหารที่เกี่ยวกับเห็ดต่าง ๆ ขาย ด้วยความที่ทำอาหารทุกประเภทเป็นอยู่แล้ว เรื่องเมนูเห็ดต่าง ๆ จึงไม่ใช่เรื่องยาก” แม่เสงี่ยมกล่าว

สำหรับการขาย “ส้มตำเห็ด” แม่เสงี่ยมบอกว่า ส้มตำเป็นอาหารที่ทุกคนชอบ ปัจจุบันมีคนทำส้มตำมากมายหลากหลาย จึงลองนำเห็ดมาเป็นส่วนประกอบในส้มตำ และคิดว่าน่าจะเป็นเมนูส้มตำที่ถูกปากคนไทยได้อีกอย่างหนึ่ง

อุปกรณ์ที่ใช้ทำ หลัก ๆ ก็มี ครก-สาก, โถใส่ของต่าง ๆ, กะละมัง, มีด, ที่ขูดเส้น, เตาแก๊ส, หม้ออะลูมิเนียม ฯลฯ อุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ถ้าลงทุนใหม่หมดก็อยู่ที่ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป

เห็ดที่ใช้ในการทำส้มตำ มีหลัก ๆ 5 อย่างคือ เห็ดฮังการี, เห็ดหูหนู, เห็ดฟาง, เห็ดออรินจิ, เห็ดเข็มทอง นอกจากนี้ยังสามารถนำเห็ดพื้นบ้านที่หาได้ตามฤดูกาล อย่างเห็ดระโงก และเห็ดเผาะ มาใส่เพิ่มได้ ซึ่งเห็ดทุกอย่างนี้ต้องนำไปต้ม หรือลวกน้ำร้อนให้สุกก่อน จึงจะนำมาใช้ทำส้มตำ

ส้มตำอย่างแรกที่จะแนะนำ คือ “ตำแตงใส่เห็ด” เป็นเมนูชูโรงของร้าน ส่วนผสมก็มี ถั่วฝักยาว, กุ้งแห้ง, พริกขี้หนู, กระเทียม, น้ำตาลปี๊บ, น้ำปลาร้า, น้ำมะนาว, แตงไทยอ่อนขูดฝอย และเห็ด 5 อย่างดังที่ว่ามาข้างต้น

วิธีทำ เตรียมครก ตำกระเทียมกับพริกขี้หนูให้เข้ากัน ตามด้วยถั่วฝักยาว ตำให้ส่วนผสมเข้ากัน เติมเครื่องปรุงรสอย่างน้ำตาลปี๊บ น้ำปลาร้า น้ำมะนาว ใส่ลงไป ชิมรสให้ได้ 3 รส คือ หวาน-เปรี้ยว-เค็ม จากนั้นใส่เห็ดที่ลวกสุกแล้วลงไปคลุกเคล้า และตามด้วยแตงไทยอ่อนขูดฝอย เคล้าให้เข้ากันอีกที ตักขึ้นใส่จาน โรยหน้าด้วยพริกขี้หนูสวน และกุ้งแห้ง เท่านี้ก็เรียบร้อย ขายในราคาจานละ 50 บาท มีต้นทุนวัตถุดิบประมาณ 70% ของราคา

ส้มตำอีกอย่างที่จะแนะนำคือ “ตำโคราชใส่เห็ด” ส่วนผสมก็มี ถั่วฝักยาว, กุ้งแห้ง, พริกขี้หนู, กระเทียม, มะเขือเหลือง หรือมะเขือเปราะ, มะเขือเทศลูกเล็ก, ถั่วลิสงคั่ว, น้ำตาลปี๊บ, น้ำปลาร้า, น้ำมะนาว และเห็ด 5 อย่าง

วิธีทำ ตำกระเทียมกับพริก ขี้หนูให้เข้ากัน ตามด้วยถั่วฝักยาว ถั่วลิสงคั่ว หั่นมะเขือเหลืองหรือมะเขือเปราะ และมะเขือเทศลูกเล็ก ใส่ลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำปลาร้า, น้ำมะนาว ชิมรสให้ได้ 3 รส คือ หวาน-เปรี้ยว-เค็ม จากนั้นใส่เห็ดลวกสุกแล้วลงไปคลุกเคล้า เท่านี้ก็เรียบร้อย ขายในราคาจานละ 50 บาท

นอกจากส้มตำเห็ดแล้ว แม่เสงี่ยมยังได้ให้สูตร “น้ำพริกเห็ด” มาอีกอย่างด้วย ซึ่งตามสูตรก็มีส่วนผสมของพริกหนุ่ม 1 กก. เสียบไม้ย่างให้หอม, กระเทียมปอกเปลือก 300 กรัม, หอมแดงปอกเปลือก 100 กรัม คั่วในกระทะให้หอม และใช้เห็ดฟาง 2 กก. โดยนึ่งหรือลวกให้สุกก็ได้ ก่อนจะใช้เป็นส่วนผสมของน้ำพริก พริกหนุ่ม กระเทียม หอมแดง ทั้งหมดนำมาตำโขลกให้เข้ากัน จากนั้นใส่เห็ดฟางลงโขลกด้วย ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลาร้า และน้ำตาลปี๊บ ให้ได้ 3 รส เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย ตักแบ่งใส่จาน หรือใส่ถุง ขายในราคาชุดละ 50 บาท ทานกับผักเคียงอย่างถั่วฝักยาว และกะหล่ำปลี

“ส้มตำเห็ด” รวมถึง “น้ำพริกเห็ด” เป็นเมนูจากเห็ดที่ประยุกต์เป็นเมนูใหม่ ๆ ได้หลายแบบ ซึ่งก็เป็นอีกรูปแบบ “ช่องทางทำกิน” ที่น่าสนใจ ส่วนใครสนใจส้มตำเห็ด น้ำพริกเห็ด เมนูเห็ด ของ แม่เสงี่ยม ต้องการจะติดต่อ ก็ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-5146-8771.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : เรื่อง / ภาณุพงศ์ พนาวัน : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/189090/'ส้มตำ-น้ำพริกเห็ด’+เมนูเด็ดทำเงินอิงสุขภาพ‘

Read More...


‘ข้าวตังไรซ์เบอรี่’ชูสุขภาพ..สร้างจุดขาย

ข้าวตังก็ยังได้รับความนิยม ตำรับความอร่อยยังไม่สูญหาย อาหารว่างชนิดนี้สามารถพลิกแพลงให้อร่อยได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ ข้าวตังหน้าตั้ง ข้าวตังเมี่ยงลาว

 “ข้าวตัง” เป็นอาหารว่างชนิดหนึ่งที่มีมาแต่โบราณ เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมทางอาหารของไทย จนปัจจุบันข้าวตังก็ยังได้รับความนิยม ตำรับความอร่อยยังไม่สูญหาย อาหารว่างชนิดนี้สามารถพลิกแพลงให้อร่อยได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ ข้าวตังหน้าตั้ง ข้าวตังเมี่ยงลาว ข้าวตังหมูหยอง ฯลฯ และสำหรับคนรักสุขภาพข้าวตังก็สามารถปรับเข้ากระแสรักสุขภาพได้ลงตัว อย่าง “ข้าวตังข้าวไรซ์เบอรี่ เสริมนํ้าพริกเผา-เกสรบัว” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอในวันนี้…


ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม อาจารย์สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ผู้คิดค้นเมนูชูสุขภาพเมนูนี้ บอกว่า ที่ผ่านมามีการพูดถึงข้าวกล้องไรซ์เบอรี่กันมากเพราะเป็นข้าวเพื่อสุขภาพ มีคุณประโยชน์สูง ช่วยป้องกันและรักษาโรคได้หลายโรค จนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นข้าวกล้องเกรดดีที่สุด คุณสมบัติเด่นด้านโภชนาการคือ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีเบต้าแคโรทีน แกมมาโอไรซานอล วิตามินอี แทนนิน สังกะสี มีโฟเลตสูง มีดัชนีนํ้าตาลต่ำถึงปานกลาง ซึ่งจากคุณสมบัติ นอกจากจะใช้รับประทานเพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ทางการแพทย์ยังนำไปใช้ทำผลิตภัณฑ์อาหารโภชนบำบัดอีกด้วย

“ได้คิดพัฒนาโดยนำข้าวกล้องไรซ์เบอรี่มาเป็นส่วนผสมหลักของข้าวตัง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของปู่ย่าตายาย มีมาเป็นร้อย ๆ ปี และเสริมด้วยนํ้าพริกเผาและเกสรบัว ให้มีความหอมหวาน อร่อยไม่เหมือนใคร ที่สำคัญคือดีต่อสุขภาพ และสามารถนำไปต่อยอดเป็นธุรกิจและอาชีพให้กับผู้ที่สนใจ สามารถปรับเปลี่ยนผสมได้หลากหลายตามความต้องการ”

อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำข้าวตัง หลัก ๆ ก็มี... เตาไฟฟ้า (ใช้เตาถ่านหรือเตาแก๊สก็ได้), แม่พิมพ์ข้าวตังแบบดั้งเดิม ชุดหนึ่งจะมี 2 พิมพ์ ลักษณะคล้ายพิมพ์ขนมทองม้วน มีลวดลายสวยงาม หาซื้อได้จากร้านขายอุปกรณ์ทำขนม, เครื่องปั่น, พลาสติกใส, ทัพพี, กะละมัง, ถาด, ไม้พาย, เกรียง และเครื่องมือเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่สามารถหยิบฉวยเอาจากในครัวได้

ส่วนผสมที่ใช้ในการทำ ตามสูตรก็มี...ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ 150 กรัม, ข้าวหอมมะลิอย่างดี (ต้องเป็นข้าวใหม่) 100 กรัม, ข้าวเหนียว 50 กรัม, นํ้าสะอาด 1,440 กรัม, นํ้าพริกเผาสำเร็จรูป 130 กรัม, เกสรบัวหลวง, เกลือและนํ้ามันพืช

ขั้นตอนการทำ “ข้าวตังข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ เสริมนํ้าพริกเผา-เกสรบัว” เริ่มจากนำส่วนผสมหลักที่ต้องใช้คือข้าว 3 ชนิดมาชั่งตามอัตราส่วน ทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ จากนั้นก็แยกซาวล้างนํ้าให้สะอาด พักไว้ แล้วเตรียมดอกบัวหลวงมาคลี่เอากลีบดอกออกไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่น เพื่อเอาเกสรข้างในมาเป็นส่วนผสมข้าวตัง

นำข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว และข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ ที่ซาวล้างเสร็จแล้ว มาเทผสมลงในหม้อขนาดกลาง ใส่นํ้าลงไปพอประมาณ ยกขึ้นตั้งไฟ ใช้ความร้อนปานกลาง โดยปล่อยให้ข้าวค่อย ๆ สุกไปเรื่อย ๆ เมื่อข้าวอืดเมล็ดข้าวจะบานออก ก็ให้เพิ่มไฟแรงขึ้นอีกหน่อย หมั่นใช้ทัพพีคอยคนอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ข้าวติดก้นหม้อ ใส่เกลือลงไปนิดหน่อยเพื่อเพิ่มรสชาติ หมั่นใช้ไม้พายคอยกวนข้าวไปเรื่อย ๆ จนกว่าข้าวจะเหนียวคล้ายแป้งเปียก ก็เป็นอันใช้ได้

ยกลงตั้งพักไว้ให้เย็นสนิท แล้วจึงนำไปปั่นด้วยเครื่องปั่นให้ละเอียด ขั้นต่อไปนำข้าวที่ปั่นมาใส่นํ้าพริกเผาและเกสรบัวลงไป คนให้ส่วนผสมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ ใช้พลาสติกใสปิดไว้เตรียมใช้ทำเป็นข้าวตัง

เตรียมแม่พิมพ์ข้าวตังขึ้นเตา เปิดไฟตั้งอุณหภูมิ 150 องศาเซล เซียส รอประมาณ 10 นาทีให้พิมพ์ร้อน จึงเปิดแม่พิมพ์ทานํ้ามันพืชพอหมาด ๆ ใช้ช้อนตักส่วนผสมข้าวที่เตรียมไว้ 1 ช้อน ใส่ลงบนแม่พิมพ์ ปิดแม่พิมพ์อีกด้านลงทับข้าวให้แบน ไม่ถึง 1 นาที ข้าวตัง จะสุก ก็ใช้เกรียงแซะ ขึ้นจากพิมพ์ได้เลย เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

เคล็ดลับการทำข้าวตังข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ เสริมนํ้าพริกเผาและเกสรบัว ผศ.พงศ์ศักดิ์ บอกว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่การอบ อบบนเตาเป็นแผ่น ๆ จะดีกว่าการอบข้าวตังด้วยตู้อบ การอบบนเตาจะทำให้ข้าวตังกรอบ อร่อย ไม่เหนียว ที่สำคัญจะมีกลิ่นหอมและสีสันก็น่ารับประทานกว่า แต่ต้องอาศัยฝีมือ ประสบการณ์ และความชำนาญพอสมควร ทั้งนี้ การทำก็สามารถปรับเปลี่ยนดัดแปลงส่วนผสมเสริมได้ตามใจชอบ

ส่วนการขายนั้น บรรจุข้าวตังใส่ถุงเป็นแพ็กเก๋ ๆ หรือเป็นกล่องให้ดูหรูสวยงาม ขึ้นอยู่กับไอเดียของแต่ละคน ซึ่งสามารถใช้เป็นของฝากของขวัญให้กับผู้รักสุขภาพและคนทั่วไปได้ ขณะที่การลงทุนทำขายก็ไม่ต้องใช้เงินมาก

ใครสนใจทำ “ข้าวตังข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ เสริมนํ้าพริกเผา-เกสรบัว” ขายเป็น “ช่องทางทำกิน” ก็ลองนำสูตรไปฝึกฝนพลิกแพลงกันดู หรือถ้าต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ต้องการติดต่อ ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม อาจารย์สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี ติดต่อได้ที่ โทร. 08-9600-0993 ซึ่งทาง ผศ.พงษ์ศักดิ์บอกว่ายินดีให้ข้อมูล เพราะอยากให้คนไทยช่วยกันอนุรักษ์
อาหารแบบไทย ๆ ไว้นาน ๆ.

...............................................
คู่มือลงทุน…ข้าวตังไรซ์เบอรี่
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 3,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ไม่เกิน 30-40% ของราคา
รายได้ ตั้งราคาให้มีกำไร 60-70%
แรงงาน ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านชุมชน, ย่านอาหารทั่วไป
จุดน่าสนใจ เพื่อสุขภาพเป็นจุดขายที่ดี
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/193695/‘ข้าวตังไรซ์เบอรี่’ชูสุขภาพ..สร้างจุดขาย

Read More...


‘กิมจิเห็ดสามอย่าง’อีกหนึ่งช่องทางสร้างเงิน

“กิมจิเห็ดสามอย่าง” เป็นเมนูที่เป็นทางเลือกในการรับประทานเห็ดอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งในสูตรนี้มีการใช้น้ำหมักเอ็นไซม์เห็ดร่วมด้วย เพื่อเป็นการดึงสรรพคุณทางยาออกมา

 อิทธิพลของซีรีส์เกาหลีฟีเวอร์ จากละครที่ออนแอร์ในประเทศไทย ทำให้เทรนด์อาหารเกาหลีเป็นที่สนใจและได้รับความนิยมในไทยเพิ่มขึ้น เพราะในเนื้อเรื่องในการแสดงได้มีการสอดแทรกวัฒนธรรมเรื่องอาหารไว้อย่างลง ตัว เรียกได้ว่าเกือบทุกเรื่องจะต้องมีฉากรับประทานอาหาร ชวนให้คนดูอยากลิ้มชิมรสเหมือนตัวละครในเรื่องบ้าง

อย่าง “กิมจิ” ซึ่งเป็นอาหารสามัญประจำมื้อของชาวเกาหลี เป็นตัวชูรสชูโรงทุกมื้อ เพราะเป็นทั้งเครื่องเคียง ของแกล้ม และส่วนผสมของอาหารบางเมนู รสชาติออกเปรี้ยว เคี้ยวกรุบ ๆ ซึ่งกิมจิที่นิยมมากและเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็เห็นจะเป็น “กิมจิผักกาดขาว” แต่ ณ ที่นี้ในวันนี้จะนำเสนอข้อมูล “กิมจิเห็ดสามอย่าง” ที่สามารถจะทำเป็น “ช่องทางทำกิน” ในไทยได้...

เก็บตกจากการสาธิตในการอบรมระยะสั้น ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 10 ซึ่งจัดโดยกรมการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 4-8 ก.ย. 2556 ที่ผ่านมา ทีม “ช่องทางทำกิน” ไปได้ข้อมูลการทำ “กิมจิเห็ดสามอย่าง” มานำเสนอ

ทั้งนี้ อ.เยาวนุช เอื้อตระกูล วิทยากรจากศูนย์เห็ดครบวงจร www.AnonBiotec.com กล่าวว่า ที่ศูนย์เห็ดฯ ได้มีการทำน้ำหมักเอ็นไซม์เห็ดเพื่อเป็นการดึงสรรพคุณทางยาของเห็ดออกมา เพราะไม่มั่นใจว่าสรรพคุณทางยาของเห็ดจะได้จากวิธีการต้มธรรมดา ๆ หรือไม่ และไม่มั่นใจว่าร่างกายของเรามีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เพียงพอในการย่อยสาร ที่เป็นยาในเห็ดที่รับประทานเข้าไป จึงได้มีการคิดค้นการทำน้ำหมักเอ็นไซม์เห็ดนี้ขึ้นมา

สำหรับ “กิมจิเห็ดสามอย่าง” เป็นเมนูที่เป็นทางเลือกในการรับประทานเห็ดอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งในสูตรนี้มีการใช้น้ำหมักเอ็นไซม์เห็ดร่วมด้วย เพื่อเป็นการดึงสรรพคุณทางยาออกมา เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยตรง

อ.เยาวนุช กล่าวว่า สูตรกิมจิเห็ดสามอย่างนี้ เป็นสูตรที่ได้จากการดัดแปลงการทำกิมจิของเกาหลี และญี่ปุ่น เพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกปากคนไทยเป็นสำคัญ และจากสูตรที่จะมาดูกันต่อไปนี้จะได้กิมจิประมาณ 6-7 กก.

อุปกรณ์ในการทำกิมจิ หลัก ๆ ก็มี เครื่องปั่น, เตาแก๊ส, เขียง-มีด, หม้ออะลูมิเนียม, ไม้พายขนาดย่อม, หม้อสเตนเลส, ผ้าขาวบาง ฯลฯ

ส่วนผสมกิมจิ ประกอบด้วย ผักกาดขาว 2 กก., เห็ดนางฟ้าอ่อน เห็ดแครง และเห็ดหูหนูขาว อย่างละ 1 กก. รวมเป็น 3 กก., หัวไชเท้า 0.5 กก., แครอท 0.5 กก., ต้นหอม100 กรัม, และน้ำหมักเอ็นไซม์เห็ด 50 ซีซี

ในส่วนของเห็ด อ.เยาวนุช บอกว่า ทำความสะอาดเห็ดแล้วฉีกตามยาวให้ได้ 4-5 ชิ้น/ดอกเห็ด 1 ดอก แล้วนำไปลวกน้ำร้อนประมาณ 3-5 นาที จากนั้นนำขึ้นมาแช่น้ำเย็นทันที สำหรับผักกาดขาวนั้นควรล้างทำความสะอาดแล้วหั่นให้เป็นชิ้น ๆ ขนาด 4-5 ซม./ชิ้น แล้วแยกแต่ละชิ้นออกจากกัน นำไปผึ่งแดด หรือใช้พัดลมเป่าให้ผักเหี่ยวหมาด ๆ ส่วนแครอท และหัวไชเท้าให้นำไปขูดฝอยให้ได้ปริมาณอย่างละ 0.5 กก. และต้นหอมก็ให้หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้

นอกจากนี้ ในการทำยังต้องมีส่วนผสมของ น้ำปรุงรสกิมจิ ซึ่งประกอบด้วย กระเทียมบด 100 กรัม, ขิงสดหั่นฝอย หรือแบบลูกเต๋า 200 กรัม, ขิงสดบด 100 กรัม, พริกขี้หนูแดง 150 กรัม, เกลือทะเล 200 กรัม, น้ำตาลทราย 100 กรัม และน้ำเปล่าพอประมาณ วิธีทำ นำส่วนผสมทั้งหมด ไล่ตั้งแต่น้ำเปล่า พริกขี้หนูแดง (หากกลัวเผ็ดให้แกะเอาเมล็ดพริกออกมา) ขิงบด ขิงหั่น กระเทียมบด ใส่ลงเครื่องปั่น ทำการปั่นรวมกันด้วยความเร็วปานกลาง จนส่วนผสมเข้ากัน เสร็จแล้วใส่ส่วนผสมปรุงรสคือเกลือทะเล น้ำตาลทราย ลงปั่นรวมด้วย ชิมรสให้กลมกล่อม มีรสเผ็ด หวาน และเค็ม เป็นอันใช้ได้ วิธีหมักเพื่อทำ “กิมจิเห็ดสามอย่าง” เตรียมหม้อเคลือบสเตนเลส ใส่ผักกาดขาว, เห็ด 3 อย่าง, แครอทขูดฝอย และหัวไชเท้าขูดฝอย และต้นหอมหั่น ใช้ไม้พายขนาดย่อมคลุกเคล้าให้ส่วนผสมของผักเข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ เทน้ำปรุงรสกิมจิลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันกับผัก เมื่อเข้ากันดีแล้ว ใส่น้ำหมักเอ็นไซม์เห็ดที่เตรียมไว้ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันด้วย

เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีทุกอย่างแล้ว ใช้ผ้าขาวบางคลุมภาชนะเอาไว้ ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องธรรมดา 1-2 คืน หากไม่ต้องการให้เปรี้ยวมาก ทิ้งไว้ 1 คืนพอ หากต้องการให้เปรี้ยวมากก็ทิ้งไว้ 2 คืน เมื่อได้ความเปรี้ยวและรสชาติที่ต้องการแล้ว ก็ตักใส่ถ้วยพลาสติกที่มีฝาปิด นำไปเก็บในตู้เย็น สามารถเก็บไว้รับประทานได้หลายเดือน ส่วนการขาย ราคาขาย อ.เยาวนุช บอกว่า ในท้องตลาดขายกันประมาณ 35 บาท/100 กรัม ในขณะที่มีต้นทุนประมาณ 50% ของราคาขาย

ใครสนใจเรื่องการถนอมอาหาร-ทำอาหาร อย่าง “กิมจิเห็ดสามอย่าง” ก็ลองไปฝึกฝนกัน และถ้าต้องการติดต่อ อ.เยาวนุช เอื้อตระกูล ก็ติดต่อไปได้ที่ชมรมเห็ดสากล (คมชัด) หมายเลขโทรศัพท์ 0-2579-9200 และ 0-2579-7759 และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.AnonBiotec.com ทั้งนี้ แม้กิมจิจะไม่ใช่อาหารไทย แต่ก็อาจจะเป็น “ช่องทางทำกิน” ในไทยได้.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน
................................................
คู่มือลงทุน...กิมจิเห็ดสามอย่าง
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาท
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 50% ของราคา
รายได้ ราคา 35 บาท/100 กรัม
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ตลาดทั่วไป, ร้านอาหาร
จุดน่าสนใจ คนไทยยุคนี้ก็นิยมกินกิมจิ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/195329/‘กิมจิเห็ดสามอย่าง’อีกหนึ่งช่องทางสร้างเงิน

Read More...


‘สุกี้น้ำจิ้มกวางตุ้ง’ญี่ปุ่นสไตล์จีนทำเงิน

“คนที่เคยมากินของผมบ่อย ๆ มาถามว่าขายแฟรนไชส์หรือเปล่า หลังคิดคำนวณ ดัดแปลงสูตรจนทุกอย่างเข้าที่แล้ว ก็เลยขายแฟรนไชส์ จากวันนี้มาจนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 5 ปีแล้ว ตอนนี้มีแฟรนไชส์เกือบ 20 สาขาแล้ว”
 
วิถีชีวิตคนไทยเปลี่ยนไป สู่ยุคที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว ไม่เว้นแม้แต่เรื่องอาหารการกิน ซึ่งอาหารจานเดียว หรืออาหารจานด่วนนั้น เมนู “สุกี้ยากี้” ก็สามารถจะเป็นได้ สามารถจะทำขายทั่วไปได้ ซึ่งวันนี้ทางทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูล “สุกี้กวางตุ้ง” สุกี้รวมมิตร ทั้งแบบนํ้าและแห้ง มานำเสนอให้แฟนคอลัมน์ได้ลองพิจารณากันดู…




พัน-อำพัน พงศ์พันษ์ เจ้าของร้านและเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ “สุกี้ นายพัน” เล่าให้ฟังถึงจุดกำเนินของธุรกิจว่า หลังเรียนจบเคยทำธุรกิจเลี้ยงกุ้งตามเพื่อน แต่ก็ล้มไม่เป็นท่าเพราะไม่มีประสบการณ์ จากนั้นก็ทำงานประจำ แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบกินและชอบทำอาหาร ยามว่างจะชวนเพื่อน ๆ มาทำสุกี้กินกันเป็นประจำ โดยดัดแปลงจนได้นํ้าจิ้มสุกี้สูตรเฉพาะที่เพื่อน ๆ กินแล้วติดใจในรสชาติและพากันเชียร์ให้ทำขาย ซึ่งด้วยความที่อยากทำงานอิสระอยู่แล้ว ตอนเย็นหลังเลิกงานจึงลองทำสุกี้หม้อดินขาย ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก จึงทำมาเรื่อย ๆ จนที่สุดก็ออกจากงานมาขายเต็มตัว

“คนที่เคยมากินของผมบ่อย ๆ มาถามว่าขายแฟรนไชส์หรือเปล่า หลังคิดคำนวณ ดัดแปลงสูตรจนทุกอย่างเข้าที่แล้ว ก็เลยขายแฟรนไชส์ จากวันนี้มาจนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 5 ปีแล้ว ตอนนี้มีแฟรนไชส์เกือบ 20 สาขาแล้ว” 

พันบอกว่า สุกี้จะอร่อยก็ตรงที่นํ้าจิ้ม จุดเด่นของนํ้าจิ้มสูตรนายพันคือเน้นออก 3 รส เผ็ด เปรี้ยว และหวาน ความอร่อยมาจากส่วนผสมที่ลงตัว และใช้วัตถุดิบสดใหม่ รวมถึงสามารถประยุกต์ไปใช้ประกอบอาหารอื่น ๆ ได้ด้วย 

อุปกรณ์ที่ใช้ทำสุกี้ ก็เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำครัวทั่วไป อาทิ เตาแก๊ส, หม้อมีหูจับ, กระทะบาง, ตะหลิว, กะละมัง, กระชอน, มีด, เขียง ฯลฯ ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ทำสุกี้ยากี้รวมมิตร ก็มี หมูสด, ไก่สด, กุ้งสด, ปลาหมึกสด, ลูกชิ้นรักบี้, เกี๊ยวปลา, ไข่ไก่ สำหรับผักสดก็ตามใจชอบ แต่หลัก ๆ ก็มี ผักกาดขาว, ผักบุ้งจีน, ต้นหอม, แครอท และวุ้นเส้น นํ้าซุปกระดูกหมู

ส่วนผสมในการทำนํ้าจิ้ม หลัก ๆ ประกอบด้วย... ซอสพริก, ซอสมะเขือเทศ, นํ้ามันงาปรุงรส, พริกขี้หนู, กระเทียม, นํ้ามันหอย, งาขาวคั่วบุบ, ผักชีสับ, นํ้าตาลทราย, เกลือ, นํ้าส้มสายชู และนํ้ามะนาว
ขั้นตอนการทำ “สุกี้รวมมิตร แบบนํ้าและแห้ง นํ้าจิ้มกวางตุ้ง” ก่อนอื่นต้องทำนํ้าจิ้มสุกี้เป็นอันดับแรก ผสมซอสพริก ซอสมะเขือเทศ นํ้ามันหอย นํ้ามันงา คนให้เข้ากัน จากนั้นเติมเกลือ นํ้าตาล นํ้าส้มสายชู นํ้ามะนาว นํ้าต้มสุก แล้วยกขึ้นตั้งไฟ ระหว่างรอให้ก็นำกระเทียมสดกับพริกขี้หนูที่เตรียมไว้มาโขลกรวมกันหรือปั่น ก็ได้ เมื่อส่วนผสมซอสเดือดดีแล้วให้ชิมรสดูตามชอบ จึงใส่งาขาวคั่วบุบ พริกขี้หนูปั่น กระเทียมปั่น ผักชีสับ คนให้เข้ากัน ยกลงจากเตาตั้งไว้ให้เย็น

ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน นำมาล้างให้สะอาด เอาขึ้นสะเด็ดนํ้า หั่นเป็นท่อนขนาดยาวประมาณ 2 นิ้ว ตั้งพักไว้ก่อน แครอท นำมาปอกเปลือก ล้างแล้วหั่นให้สวยงาม ส่วนปลาหมึกสด ดึงหัวและหมึกออก ลอกหนังออกให้หมด ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นหรือท่อนตามชอบ กุ้งตัวโต ๆ แกะเปลือกผ่าหลังเอาไส้ดำออก หมูสด และไก่สด ล้างแล้วผึ่งให้สะเด็ดนํ้า แล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดตามที่ต้องการ ส่วนวุ้นเส้นแช่นํ้าให้นิ่ม หั่นเป็นท่อนสั้นเตรียมไว้

ขั้นตอนการปรุงสุกี้นํ้า เตรียมเนื้อหมู ไก่ กุ้งสด ปลาหมึกสด ที่หั่นเสร็จแล้ว ใส่ภาชนะเตรียมไว้ ตามด้วยเกี๊ยวปลา ลูกชิ้นรักบี้ ตวงนํ้าซุปใส่หม้อมีหูจับพอประมาณ ยกตั้งไฟแรง พอเดือดเทเนื้อสัตว์ใส่ลงไป ตามด้วยผักกาดขาว ผักบุ้ง แครอท และตอกไข่ตามลงไป ใช้ทัพพีคนสองสามครั้งให้ ผักนิ่มทั่ว เป็นอันใช้ได้ ตักใส่ชามเสิร์ฟพร้อมนํ้าจิ้ม

ขั้นตอนการทำสุกี้แห้ง ทำเหมือนการปรุงสุกี้นํ้า แต่ยังไม่ใส่ไข่ เสร็จแล้วเทใส่กระชอนกรองเอานํ้าออก จากนั้นตั้งกระทะ ใส่นํ้ามันนิดหน่อย ตอกไข่ลงไปใช้ทัพพีขยี้พอ กระจาย นำส่วนผสมที่กรองนํ้าทิ้งแล้วมาใส่โปะลงบนไข่ ราดด้วยนํ้าจิ้มกวางตุ้งนิดหน่อย ใช้ทัพพีพลิกกลับไข่ขึ้นด้านบน ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมนํ้าจิ้ม

สำหรับเมนูร้านนายพัน มีทั้ง สุกี้นํ้า แห้ง หมู-ไก่ (40 บาท) สุกี้นํ้า แห้ง ทะเล และรวม (50 บาท) ใครอยากกินบะหมี่หยกเปล่า ๆ ก็สามารถสั่งได้ (ธรรมดา 20 บาท จานเล็ก 10 บาท) มีเกี๊ยวปลาลวก (30 บาท) ลูกชิ้นรักบี้ลวก (30 บาท) ที่ทางร้านเลือกซื้อจากร้านเจ้าประจำที่คัดคุณภาพ ลูกชิ้นเคี้ยวเด้งไม่คาว เกี๊ยวปลาก็นุ่ม หอมกลิ่นพริกไทยนิด ๆ

ใครสนใจทำ “สุกี้ยากี้” ขายเป็น “ช่องทางทำกิน” ก็ลองฝึกลองทำกันดู เผื่อจะได้สูตรนํ้าจิ้มที่อร่อยไม่เหมือนใคร ส่วนใครอยากชิม “สุกี้นายพัน” ร้านหลักตั้งอยู่ที่ 246/1 ซอยประชาสงเคราะห์ 27 (ซอยเพิ่มสิน) เขตดินแดง กรุงเทพฯ ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.00 - 21.00 น. หรือสนใจแฟรนไชส์ก็ติดต่อสอบถามกับพันได้ที่ โทร. 09-1004-1807.

เชาวลี ชุมขำ :เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล :ภาพ
........................................
คู่มือลงทุน...สุกี้น้ำจิ้มกวางตุ้ง
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 50% ของราคา
รายได้ ราคาขาย 40-50 บาท/จาน
แรงงาน ตั้งแต่ 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านอาหาร ชุมชน สำนักงาน
จุดน่าสนใจ เป็นอีกหนึ่งจานด่วนที่ขายดี


Read More...


‘ข้าวมันส้มตำ’ ‘สูตรโบราณ’ ทำไม่ยาก

“ข้าวมันส้มตำ” เป็นอาหารที่มีมาแต่สมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันก็มีร้านอาหารหลายร้านที่หยิบนำมาทำเป็นเมนูในร้าน ซึ่งก็อาจจะมีการดัดแปลงสูตร

 “ข้าวมันส้มตำ” เป็นอาหารที่มีมาแต่สมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันก็มีร้านอาหารหลายร้านที่หยิบนำมาทำเป็นเมนูในร้าน ซึ่งก็อาจจะมีการดัดแปลงสูตรการทำที่หลากหลาย และวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีสูตรการทำ “ข้าวมันส้มตำสูตรโบราณ” จากคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี มาให้พิจารณากัน...

 

อาจารย์สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม คือผู้ที่จะมาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ โดยเริ่มจากบอกว่า เมนูข้าวมันส้มตำนั้นมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอาหารว่างในวัง ซึ่งข้าวมันในสมัยนั้นเป็นการหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำ และส้มตำก็ไม่ใช่ส้มตำแบบที่ขายกันในร้านอาหารอีสานในปัจจุบัน แต่ส้มตำที่ทานกับข้าวมันนั้นจะเป็นการคลุกเคล้าเส้นมะละกอกับน้ำยำที่ทำ ขึ้นมา ซึ่งข้าวมันส้มตำแบบชุดใหญ่สมัยโบราณนั้นนอกจากจะมีข้าวมัน ส้มตำ ก็ยังมีแกงเผ็ดไก่ใส่มะเขือ น้ำพริกมะขามเปียก กระเทียมเผา พริกชี้ฟ้าแห้ง กุ้งหรือปลาแห้ง

“ปัจจุบันข้าวมันส้มตำหากินได้ยาก ซึ่งเป็นเมนูที่ทำไม่ยาก น่าจะสามารถทำขายได้ดีไม่แพ้อาหารอื่น ๆ ทำเป็นชุด มีข้าวมัน ส้มตำ หมูฝอย คิดว่าเป็นอีกเมนูที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาช่องทางค้าขายอาหาร” อ.พงษ์ศักดิ์ กล่าว

อุปกรณ์หลัก ๆ ที่ใช้ในการทำ ก็เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำครัวทั่ว ๆ ไป ที่ส่วนใหญ่ก็น่าจะมีอุปกรณ์เหล่านี้อยู่แล้ว เช่น เตาแก๊ส, กระทะ, ทัพพี, เขียง, มีด, ครก, สาก, กะละมัง ฯลฯ และอุปกรณ์ที่ควรต้องมีด้วยคือ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า

เริ่มจาก “การหุงข้าวมัน” ก่อน วัตถุดิบที่ใช้ ตามสูตรก็มี ข้าวสาร 1 1/2 ถ้วย (300 กรัม), มะพร้าว (สำหรับคั้นน้ำกะทิ) 300 กรัม, น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ, เกลือ 2 ช้อนชา วิธีทำนั้น เมื่อมีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าก็ง่ายมาก เริ่มจากนำข้าวสารมาซาวด้วยน้ำสะอาด เอาสิ่งที่ปะปนมากับข้าวสารออกไป โดยซาวข้าวเพียงครั้งเดียวแล้วใส่กระชอนพักไว้

จากนั้นก็คั้นน้ำกะทิ นำมะพร้าวขูดใส่ในกะละมัง ใส่น้ำสะอาดลงไปประมาณ 2 1/2 ถ้วย ใช้มือคั้นมะพร้าวให้ได้กะทิ 3 ถ้วย เมื่อได้กะทิแล้วก็ให้นำเอาน้ำตาลทรายและเกลือเทผสมลงไปในกะทิ ทำการคนให้น้ำตาลและเกลือละลาย แล้วก็เทใส่ลงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า เวลาเทกะทิลงห้อหุงข้าวไฟฟ้าต้องเทผ่านผ้าขาวบางเพื่อทำการกรองเอาเศษสิ่ง ที่ปะปนออกด้วย จากนั้นก็นำข้าวสารที่ซาวเตรียมไว้มาใส่ลงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า คนให้เข้ากัน ปิดฝาหม้อ กดสวิตช์หุงข้าว รอไฟหม้อหุงข้าวตัดข้าวก็สุก เปิดฝาเอาทัพพีคุ้ยข้าวหน่อย แล้วปิดฝาให้ข้าวมันระอุ เท่านี้ก็ได้ข้าวมันสำหรับทานกับส้มตำ

“ส้มตำมะละกอ” สำหรับทานกับข้าวมัน ใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุง ดังนี้... มะละกอดิบ 1 ผล, กระเทียม 6 กลีบ, พริกแห้งแช่น้ำ 1 เม็ด, พริกไทย 7 เม็ด, น้ำส้มมะขาม 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ, กุ้งแห้งป่น 1/4 ถ้วย (ปั่นในเครื่องปั่น หรือใช้ครกโขลก), มะนาวหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 1/4 ถ้วย ขั้นตอนการทำก็เริ่มด้วยการนำมะละกอดิบมาปอกเปลือกแล้วล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นทำการขูดหรือสับมะละกอให้เป็นเส้นเล็ก ๆ ให้ได้ประมาณ 4-5 ถ้วย แล้วนำไปใส่ในครก ทำการโขลกเบา ๆ พอให้เส้นมะละกอช้ำ ๆ ก็ทำการตักขึ้นมาพักเตรียมไว้ก่อน

จากนั้นก็ทำน้ำปรุงรส โดยนำเอาน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ใส่หม้อตั้งไฟ คนพอละลาย พอเดือดให้ยกลงพักทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงเทน้ำมะนาวผสมลงไปคนให้เข้ากัน ก็จะได้น้ำปรุงเตรียมไว้ ขั้นตอนต่อไปก็คือการนำกระเทียม พริกแห้ง พริกไทย ใส่ลงในครกแล้วโขลกให้ส่วนผสมทั้งหมดละเอียด นำน้ำปรุงรสที่เตรียมไว้ใส่กะละมัง เทพริกกระเทียมที่โขลกไว้ผสมลงไป คนส่วนผสมทั้งสองให้เข้ากัน นำเส้นมะละกอที่เตรียมไว้ใส่ลงคลุกเคล้าให้เข้ากับน้ำปรุงรส จากนั้นก็ใส่กุ้งแห้งป่น มะนาวที่หั่นไว้ ตามลงไป คนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี เท่านี้ก็ได้ส้มตำสำหรับไว้ทานกับข้าวมัน

การทำ “หมูฝอยผัดหวาน” ที่ใช้ทานกับข้าวมันส้มตำ ใช้ส่วนประกอบ ดังนี้... เนื้อหมู 250 กรัม, น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม, น้ำมันพืช 50 มิลลิลิตร, น้ำสะอาด 50 มิลลิลิตร, หอมแดงซอย 80 กรัม, เกลือ 2 ช้อนชา วิธีทำก็ต้มเนื้อหมูประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจนกระทั่งเปื่อยนุ่ม นำขึ้นพักไว้ให้เย็น นำเนื้อหมูมาทุบแล้วฉีกให้เป็นเส้นฝอยพักไว้ จากนั้นก็เจียวหอมแดง โดยนำกระทะตั้งไฟ เทน้ำมันลงไป พอร้อนก็โรยหอมแดงซอยลงไปเจียวพอให้เป็นสีเหลืองทอง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

ส่วนน้ำมันที่ผ่านการเจียวหอมแดงนั้นให้นำหมูที่ฉีกเป็นฝอยเตรียมไว้ใส่ ลงไปคั่วด้วยไฟอ่อนจนกรอบ แล้วตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วให้เทน้ำมันในกระทะออก ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำสะอาด เกลือ ลงไปเคี่ยวให้ละลายจนข้น จากนั้นก็เอาหมูและหอมเจียวที่เตรียมไว้ผสมลงไป ทำการคลุกเคล้าให้เข้ากัน ถ้าชอบแบบหมูนุ่ม ๆ ให้ลดเวลาคั่วหมูลง ส่วนความเค็มถ้าชอบกลิ่นของซอสปรุงรสก็ให้ใส่ได้ แต่ต้องลดปริมาณเกลือลงด้วย

สำหรับการขายนั้น ให้จัดเสิร์ฟเป็นชุด ก็จะมี ข้าวมัน ส้มตำ หมูฝอยผัดหวาน โดยมีผักกาดหอม, ใบชะพลู ใบทองหลาง เป็นผักแนม ขายในราคาชุดละ 50 บาท โดยมีต้นทุนประมาณ 50% จากราคาขาย

ใครสนใจทำ “ข้าวมันส้มตำ” เป็น “ช่องทางทำกิน” ต้องการสอบถามเพิ่มเติม ก็สามารถติดต่อ ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม ได้ที่ สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี โทร.08-9600-0993.

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน / สุทธิภัทร พฤกษ์เจริญสุข : ภาพ

Read More...


‘เครปสด-ขนมปังโทสต์’ อิงกระแสวัยรุ่นสร้างธุรกิจ

ปัจจุบันมีร้านกาแฟเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งจุดขายแต่ละร้านก็อาจแตกต่างกันไปสุดแท้แต่ไอเดีย โดยในจุดขายต่าง ๆ นอกจากรูปแบบร้าน

ปัจจุบันมีร้านกาแฟเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งจุดขายแต่ละร้านก็อาจแตกต่างกันไปสุดแท้แต่ไอเดีย โดยในจุดขายต่าง ๆ นอกจากรูปแบบร้าน เมนูหรือรายการเครื่องดื่ม กับขนมต่าง ๆ ที่ต้องมีความน่าสนใจ นี่ก็เป็นจุดขายด้วย รวมถึงกับการจะทำขนมขายโดยไม่ต้องมีร้านกาแฟ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอ 2 เมนูขนมที่น่าสนใจ นั่นคือ “รัมเรซิ่นเครป” และ “แฮมชีส    โทสต์” ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น...



สำหรับข้อมูล 2 เมนูขนมที่น่าสนใจนี้ เป็นของร้าน แรนดี้ นิวยอร์ก เครป ในซอยวิภาวดีรังสิต 2 ฝั่งตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่ง 2 เมนูนี้เป็นเมนูเด็ดประจำร้าน เป็นที่นิยมของลูกค้า โดยผู้ที่จะมาให้ข้อมูลคือ แรนดี้ ชูเที่ยงตรง และ เกศริน สะตะ เจ้าของร้าน ซึ่งแรนดี้เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของร้านว่า เขาเกิดและเติบโตที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ครอบครัวของเขาเปิดร้านอาหารอยู่ที่สหรัฐ ตั้งแต่เล็กจนโตก็ช่วยคุณพ่อคุณแม่ที่ทำร้านอาหารมาตลอด เขาจึงคุ้นเคยกับการค้าขายและทำอาหารต่าง ๆ มากมาย และเคยเปิดร้านขายไอศกรีมเป็นของตัวเองตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ก่อนจะมาเรียนต่อที่เมืองไทย และหลังเรียนจบก็ได้งานทำอยู่ที่นี่

“ผมชอบเมืองไทยมาก อยากอยู่และอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แม้จะมีงานประจำทำ แต่ด้วยความที่เราชอบทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ คิดทำร้านขนม ชาและกาแฟ เพราะเห็นว่าวัยรุ่นไทยนิยม และที่สำคัญผมทำเป็นอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเริ่มต้น จากนั้นก็เริ่มเดินสำรวจตลาด ดูทำเลว่าที่ไหนเหมาะ จนมาได้ที่นี่ คิดได้ทันทีว่าเป็นร้านเล็ก ๆ ไว้เป็นที่พักผ่อน พูดคุยกัน ลักษณะคล้าย ๆ บ้าน ตั้งแต่เปิดร้านมีกระแสตอบรับดีมาก เครื่องดื่มและขนมในร้านขายในราคาไม่แพง แต่อุดมด้วยคุณภาพ เพราะวัตถุดิบสั่งซื้อมาจากต่างประเทศโดยตรง โดยแป้งเครปสดนั้นทำเอง จะมีความนุ่ม เหนียวและหอมกรุ่น ส่วนขนมปังโทสต์จะสั่งให้ร้านทำตามสูตรที่ส่งไปให้ จึงมั่นใจได้ว่าไม่เหมือนร้านไหนแน่นอน” 
อุปกรณ์การทำขนม 2 เมนูนี้ หลัก ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ก็มี เตาเครป (จะเป็นเตาไฟฟ้าหรือเตาแก๊สก็ได้), ไม้ปาดเครป, ไม้พายพลาสติก, ไมโครเวฟ, แปรงป้ายเนย, มีด ฯลฯ

ขั้นตอนการทำ เริ่มจาก “รัมเรซิ่นเครป” เริ่มที่การทำแป้งเครปก่อน ส่วนผสมก็มี แป้งอเนกประสงค์, ไข่ไก่, นมสด, เนยละลาย, นํ้าตาล, เกลือป่น และกลิ่นวานิลลา โดยการนำแป้งอเนกประสงค์ เกลือ ร่อนรวมกัน ตั้งพักไว้ก่อน

ตอกไข่ใส่อ่างผสม ตามด้วยนมสด กลิ่นวานิลลา คนผสมจนเข้ากันดี แล้วค่อย ๆ ใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงคนให้เข้ากัน เติมเนยละลายทีละน้อย จนหมด นำเข้าเครื่องปั่นประมาณ 10 นาที เติมกลิ่นวานิลลานิดหน่อยพอให้มีกลิ่นหอม คนให้ส่วนผสมเข้ากัน สังเกตว่าแป้งเนียนดีแล้ว จึงเทใส่ภาชนะนำเข้าตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้แป้งเซตตัว ก็เป็นอันใช้ได้

เมื่อต้องการทำเป็นเครป ก็นำแป้งออกจากตู้เย็น แล้วคนแป้งให้เข้ากันอีกรอบ รอให้กระทะร้อนจนทั่ว ตักแป้งเทลงไปตรงกลาง เกลี่ยแล้วหมุนวนไปทางเดียว เกลี่ยแป้งให้เสมอกัน ใช้ไฟปานกลาง พอแป้งสุกใช้เกรียงแซะออกมาวางลงถาดให้คลายร้อน ก่อนจะจัดใส่จาน พับเป็นรูปสามเหลี่ยม (คล้ายกรวย) 
ส่วนผสมที่ใช้ในการตกแต่งหน้าเครป ก็มี ลูกเกด, อัลมอนด์สไลด์, กล้วยหอมสุก, ไอศกรีมรสวานิลลา, วิปปิ้งครีม และซอสคาราเมล โดยเริ่มจากปอกเปลือกกล้วยหอมสุกหั่นเป็นแว่นจัดให้สวยงามบนตัวเครป โรยทับด้วยอัลมอนด์สไลด์ ลูกเกด เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมรสวานิลลา วิปปิ้งครีม และราดซอสคาราเมลให้สวยงามดูน่ารับประทาน

ราคาขายเครปสด (ทุกหน้า) ชุดละ 69 บาท

ต่อไปมาถึง “แฮมชีสโทสต์” ส่วนผสมก็มี ขนมปัง ปอนด์, เนยสด, นํ้าผึ้ง, แฮม, ชีส, ไอศกรีมรสวานิลลา และวิปปิ้งครีม การทำเริ่มจากเตรียมวัตถุดิบพร้อมใช้ก่อนหั่นแฮม กับชีส เป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้ นำขนมปังปอนด์มาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าก้อนใหญ่ สูงประมาณ 5-6 นิ้ว วางขนมปังเป็นแนวตั้ง ใช้มีดหั่นขนมปังเป็นตารางให้ได้ 9 ร่องเท่า ๆ กัน (แต่ไม่ให้ขาดจากกัน) ใช้แปรงจุ่มลงไปในเนยสดละลาย ทาลงบนขนมปังให้ทั่วและตามร่องขนมปังด้วย

จากนั้นนำแฮมหั่นใส่ลงบนขนมปัง โรยหน้าด้วยชีสหั่น นำเข้าตู้อบด้วยความร้อน 200 องศา ประมาณ 5-10 นาที จนชีสที่โรยหน้าไว้ละลาย ผิวขนมปังด้านนอกเหลืองกรอบ เนยละลายซึมเข้าเนื้อขนมปังทุกร่อง จึงนำออกมาจัดใส่จานแบน โรยผงชิเนม่อนเพิ่มความหอมบนที่ว่างของจาน ราดหน้าด้วยนํ้าผึ้ง เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมรสวานิลลา วิปปิ้งครีม

ราคาขายขนมปังโทสต์ ชุดละ 95 บาท

แรนดี้บอกว่า เครปสดของที่ร้านมีหลากหลายหน้าให้เลือก นอกจากรัมเรซิ่นแล้วก็ยังมีสตรอเบอรี่ ชีส เค้ก ช็อกโกแลต ฯลฯ ส่วนขนมปังโทสต์ นอกจากแฮมชีสโทสต์แล้ว ยังมี ซูเปอร์ ช็อกโกแลต โทสต์, นูเทลล่า สตรอเบอรี่ โทสต์, นูเทลล่า บานาน่า โทสต์, บานาน่า ฮันนี่ โทสต์, แฮมชีสโทสต์ ฯลฯ 

ร้านแรนดี้ นิวยอร์ก เครป เปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สนใจติดต่อได้ที่ โทร.08-8616-0615 และ www.facebook.com/Randy-Crepe ซึ่ง “เครปสด” และ “ขนมปังโทสต์” นี้ คนไทยรุ่นใหม่ ๆ ให้ความนิยม การทำการขายจึงกลายเป็นอีกหนึ่งรูปแบบ “ช่องทางทำกิน” ที่ไม่ควรมองข้าม.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ
credit by :
 http://www.dailynews.co.th/Content/Article/‘เครปสด-ขนมปังโทสต์’+อิงกระแสวัยรุ่นสร้างธุรกิจ

Read More...


‘ถุงทองทอด’ ของว่างมงคลยังน่าสน

 อาหารเรียกนํ้าย่อย ของว่างทานเล่น ที่ยอดนิยมของคนไทยนับแต่อดีตมีอยู่มากมายหลายอย่าง และกับ “ถุงทองทอด” อาหารว่างหน้าตาน่ารัก อร่อยกรอบ

อาหารเรียกนํ้าย่อย ของว่างทานเล่น ที่ยอดนิยมของคนไทยนับแต่อดีตมีอยู่มากมายหลายอย่าง และกับ “ถุงทองทอด” อาหารว่างหน้าตาน่ารัก อร่อยกรอบ ชื่อมงคล นี่ก็น่าจะอยู่ในข่าย ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลการทำถุงทองทอดมานำเสนอให้กับผู้ที่มองหาอาชีพเกี่ยวกับขนมแบบไทย ๆ เผื่อจะนำไปฝึกฝนต่อยอดเพื่อทำขายกันได้…





ผู้ที่ให้ข้อมูลการทำ “ถุงทองทอด” ก็คือ ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม อาจารย์ประจำสาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี โดยทางอาจารย์ระบุว่า นี่เป็นอาหารว่างไทยโบราณชนิดหนึ่งที่นับวันจะหารับประทานยาก จึงอยากจะช่วยอนุรักษ์ไม่ให้สูญหายไป พยายามรื้อฟื้นวิธีการทำขนมที่หาทานยากชนิดต่าง ๆ เพื่อให้คนที่สนใจนำไปต่อยอดทำเป็นอาชีพ และช่วยสานวัฒนธรรมขนมไทยให้สืบต่อไป

“ถุงทอง เป็นขนมที่มีชื่อเป็นมงคล เพราะคำว่าถุงเงิน ถุงทอง คล้ายกับจะอวยพรให้มีเงินมีทองใช้ตลอดไป ยิ่งใกล้เทศกาลปีใหม่ การให้ขนมที่เป็นมงคล จะสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ สมัยก่อนนิยมทำขนมชนิดนี้ใช้ในงานมงคล แต่ปัจจุบันมักจะใช้ในงานเลี้ยงหรู ๆ ถุงทองถูกจัดให้เป็นอาหารเรียกนํ้าย่อยตามบุฟเฟ่ต์ หรือตามโต๊ะจีน ประมาณว่ากินแล้ว อยากกินจานต่อ ๆ ไปอีก เป็นของว่างประเภทเดียวกับกระทงทอง เปาะเปี๊ยะทอด ที่ทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด วัตถุดิบก็หาง่าย แถมหน้าตาน่ากิน กลิ่นก็หอมเย้ายวนใจ ชวนนํ้าลายสออีกด้วย” ผศ.พงษ์ศักดิ์ กล่าว

อุปกรณ์หลัก ๆ ที่ต้องใช้ในการทำถุงทองทอด ก็มี เตาแก๊ส, กระทะ, ทัพพี, หม้อ, ตะแกรง, กระชอน, กะละมัง, ถาดสเตนเลส, เขียง, ครก นอกจากนี้ก็เป็นเครื่องมือเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่หยิบยืมได้จากในครัวทั่วไป

วัตถุดิบหลัก ๆ ประกอบด้วย แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะ (ขนาด 4 นิ้ว), เนื้อหมูสันใน, กุ้งสด, มันแกว, พริกไทย, รากผักชี, กระเทียม, ซีอิ๊วขาว, นํ้าตาลทราย, ต้นหอมหรือก้านขึ้นฉ่าย (สำหรับมัดปากถุงทอง), เกลือ, นํ้ามันสำหรับใช้ทอด 

ขั้นตอนการทำ “ถุงทองทอด” เริ่มจากการทำไส้ถุงทองก่อนเป็นอันดับแรก โดยการโขลกพริกไทย กระเทียม รากผักชี เข้าด้วยกันให้ละเอียด แล้วตักใส่ถ้วยพักไว้ นำกุ้งมาล้าง แกะเปลือกแล้วสับหยาบ ๆ ส่วนเนื้อหมูสันใน นำมาล้าง ผึ่งสะเด็ดนํ้า หั่นเป็นชิ้นเล็กแล้วสับหรือบดเตรียมไว้ มันแกว ล้างสะอาด สับให้ละเอียดเตรียมไว้ 

จากนั้นนำกระทะตั้งไฟ ใส่นํ้ามันพืชลงไปนิดหน่อย พอกระทะร้อนเอาเครื่องกระเทียม รากผักชี พริกไทย ที่โขลกเตรียมไว้ ลงไปผัดให้พอมีกลิ่นหอม จึงใส่กุ้งสับกับหมูสับลงไปผัด ตามด้วยมันแกวสับ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว นํ้าตาลทราย ผัดจนไส้ขนมมีกลิ่นหอมและแห้ง เป็นอันใช้ได้
นำต้นหอมหรือก้านขึ้นฉ่ายก็ได้ ที่หั่นตามยาวโดยยาวประมาณ 5 นิ้ว มาแช่นํ้าร้อน 5 นาที หรือนำมาลวก (เพื่อให้เกิดความอ่อนตัว ง่ายต่อการใช้มัดปากถุงทอง) แล้วนำขึ้นมาพักให้สะเด็ดนํ้า ฉีกเป็นเส้น ๆ เตรียมไว้

พอไส้เสร็จ มีแผ่นแป้งพร้อม ก็เตรียมห่อถุงทองได้เลย โดยนำแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะมาตัดเป็นรูปวงกลมให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว นำไส้ที่ผัดเตรียมไว้มาใส่ตรงกลางแผ่นแป้ง แล้วทำการพับครึ่งรวบขึ้น จับพับทบไปทบมาลักษณะเหมือนกับการพับ “พัด” แล้วมัดด้วยก้านขึ้นฉ่ายหรือต้นหอม 1 เส้น จับผูกสัก 2 ที ไม่ต้องแน่นมากเอาแค่ไม่หลุดก็พอ มัดแล้วก็ทำการคลี่ชายแป้งออกให้สวยงาม จะมีลักษณะคล้ายถุง ทำเช่นนี้จนหมดแป้ง หมดไส้ 

ต่อไปมาถึงขั้นตอนการทอด ตั้งกระทะ ใส่นํ้ามันให้ท่วม ใช้ความร้อนปานกลาง พอนํ้ามันร้อนให้ลดไฟลง แล้วนำถุงทองลงทอด เทคนิคในการทอดให้ใช้ทัพพีกดให้ถุงทองจมนํ้ามัน มิฉะนั้นปากถุงจะบานเป็นดอกไม้ใกล้โรย ดูไม่สวย ทอดจนถุงทองสุกมีสีเหลืองทอง ก็ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดนํ้ามัน เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ รับประทานพร้อมนํ้าจิ้มเปาะเปี๊ยะ

ผศ.พงษ์ศักดิ์ เผยเคล็ดลับการทอดถุงทองเพิ่มเติมว่า จะให้ถุงทองสวยต้องทอดนํ้ามันท่วม กลีบถุงจะได้บานเต็มที่ และมีสีสม่ำเสมอ หากใครมือใหม่ควรทอดทีละน้อย มิฉะนั้นอาจจะกลับไม่ทัน ถุงทองก็จะไหม้เสียก่อน

ถุงทองทอดนี้ทานกับนํ้าจิ้มเปาะเปี๊ยะ หรือนํ้าจิ้มบ๊วย หรือจะเป็นซอสศรีราชา ก็อร่อยไปอีกแบบ และควรต้องมีผักสด เช่น แตงกวา, ใบโหระพา, ผักกาดหอม ทานแกล้มด้วย จะยิ่งอร่อยครบเครื่อง

ใครสนใจจะทำ “ถุงทองทอด” ขายเป็น “ช่องทางทำกิน” ก็ลองนำสูตรไปฝึกฝนพลิกแพลงกันดู หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมจาก ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม อาจารย์ประจำสาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 0-2549-3160-1 หรือ 08-9600-0993 ซึ่งทาง ผศ.พงษ์ศักดิ์ บอกว่า ยินดีให้ข้อมูล เพราะอยากให้คนไทยช่วยกันอนุรักษ์อาหารแบบไทย ๆ ไว้นาน ๆ.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

Read More...


คิสสุ บาย เบรสซ่า

สำหรับท่านนักลงทุนที่กำลังหาแหล่งลงทุนอยู่ นั้นท่านคงมองหาแผนการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าได้ไม่ผิดที่นี้แน่ เนื่องจากคิสสุ บาย เบรสซ่า แห่งนี้เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะทำให้ท่านไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ท่านสามารถดูรายระเอียดได้ที่นี้เลยค่ะ


ทำไมต้อง คิสสุ บาย เบรสซ่า



Kis-Su by Brezza ขอนำเสนอไอศกรีมซอฟท์เสริฟ (Soft Serve Ice Cream) ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของนมสดแท้ รสชาดที่หวานกลมกล่อม และ สีสันสวยน่าลิ้มลอง ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของไอศกรีมซอฟท์เสริฟ (Soft Serve Ice Cream) ทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และ ความที่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน และไอศกรีมก็เป็นสินค้าที่ทานแล้วสดชื่น และเป็นทีนิยมของคนไทยมาช้านาน ดังนั้น การขายสินค้าที่ดับร้อน ให้ความสดชื่น จึงเป็นธุรกิจที่เหมาะสม และทำกำไรได้ไม่ยาก ทาง Kis-Su by Brezza จึงได้พัฒนารสชาดไอศกรีมซอฟท์เสริฟให้ถูกปากกับคนไทย และรูปแบบของสินค้าให้สวยงาม ดึงดูดใจ เพื่อสร้างโอกาสและความสำเร็จในการประกอบธุรกิจของผู้ซื้อแฟรนไชส์

ลักษณะของสินค้าและการบริการคิสสุ บาย เบรสซ่า

ใน ส่วนของลักษณะสินค้าที่ทางร้านนั้นต้องขายและการบริการที่ทางร้านนั้นจะต้อง มีก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะร่วมลงทุนกับ คิสสุ บาย เบรสซ่า นี้ เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของครอบครัวละก็ คุณนั้นจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจการต่อไปข้างหน้าค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้
1. Kis-Su by Brezza ขอนำเสนอไอศกรีมแบบซอฟท์เสริฟ (Soft Serve Ice Cream) ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของนมสด รสชาดที่หวานกลมกล่อม และ สีสันสวยน่าลิ้มลอง
• ไอศกรีมซอฟท์เสริฟ (Soft Serve Ice Cream)
• กลิ่นหอมของนมสดแท้ รสชาดที่หวานกลมกล่อม
• รสชาดที่หลากหลาย เป็นทางเลือกแก่ลูกค้า
• รูปแบบของสินค้าสวยงาม ดึงดูดใจ และ สีสันที่สวยน่าลิ้มลอง




• ขายง่าย ทานแล้วให้ความสดชื่น คลายร้อน เหมาะกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก
2. ระยะเวลาในการคืนทุน 1-3 เดือน (ขึ้นอยู่กับ สถานที่ตั้งร้านค้า ค่าเช่า และค่าแรง)
3. คุณสมบัติของผู้ลงทุน
3.1 สำหรับผู้ที่สนใจมีธุรกิจเป็นของตนเองแบบง่ายๆ สบายๆ ขายง่าย และกำไรดี
3.2 สำหรับผู้ที่มีกิจการร้านอาหาร/เบเกอรี่ ที่ต้องการได้สินค้าแปลกใหม่เสริม
4. สิ่งที่ท่านที่ลงทุนจะได้รับ
1. โอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง
2. อุปกรณ์ตั้งต้นในการตั้งร้านไอศกรีมแบบซอฟท์เสริฟได้ทันที
3. เครื่องทำไอศกรีมแบบซอฟท์เสริฟ
4. Kiosk รูปแบบร้านคิสสุ
5. ผงไอศกรีมรสชาดต่างๆ 20 กิโลกรัม (ขายได้กว่า 1,200 ถ้วย)
6. ถ้วยไอศกรีม และโคน กว่า 800 อัน
7. อุปกรณ์การผสมไอศกรีมแบบครบชุด
8. ธงโฆษณาแบบตั้งพื้น (J-Flag)
9. ป้ายเมนูโฆษณา แบบตั้งบนเครื่องไอศกรีม
10. เครื่องแบบพนักงาน
11. การอบรมการทำไอศกรีมแบบซอฟท์เสริฟ

คิสสุ บาย เบรสซ่า

12. บริการส่งฟรีทั้วกรุงเทพฯ และปริมณฑล
13. ส่วนลดค่าขนส่งสำหรับต่างจังหวัด
14. รับประกันคอมเพรสเซอร์ 2 ปี
ต้นทุนไอศกรีม ต่อโคน ประมาณ 5 บาท โดยสามารถตั้งราคาขายได้ถ้วยละ 15-25 บาท
วิธีการผสม
• ไอศกรีม 1000 กรัม (ราคา 120 บาท)
• ผสมน้ำร้อน 500 มิลลิลิตร (ราคา 5 บาท)
• ผสมนมสด 3000 มิลลิลิตร (ราคา 93 บาท)
• จะได้ส่วนผสม พร้อม ขาย 4500 กรัม ต้นทุนรวมทั้งหมด 218 บาท
• ทั้งนี้ ส่วนผสม 4500 กรัม (ต้นทุน 213 บาท) ขายไอศกรีมได้ 60 โคน จะเฉลี่ย ต้นทุนโคนละ 218/60 = 3.63โคนแบบ Sugar ราคา 1.20 บาท ต่อโคน ต้นทุนต่อโคน (ไอศกรีมและโคน) = 3.63 + 1.2 = 4.83 บาท

งบประมาณที่ต้องใช้ในการลงทุนและสามารถติดต่อ คิสสุ บาย เบรสซ่า

สำหรับ ท่านใดที่มีความสนใจที่ต้องการจะลงทุนกับธุรกิจนี้มีข้อมูลที่ท่านต้องศึกษา ดังนี้ ร้านขนาดประหยัดสุดคุ้ม เริ่มต้นที่ 117,000 บาท เท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจแบบง่ายๆ สบายๆ พร้อมขายได้ทันที * (ราคานี้ไม่รวมค่าเช่าพื้นที่ร้านค้า และค่าตกแต่งร้าน)
1. เครื่องทำไอศกรีมซอฟท์เสริฟ
2. Kiosk รูปแบบร้านคิสสุ
3. ผงไอศกรีมรสชาดต่างๆ 20 กิโลกรัม (ขายได้กว่า 1,200 ถ้วย)
4. ถ้วยไอศกรีม และโคน กว่า 800 อัน
5. อุปกรณ์การผสมไอศกรีมแบบครบชุด
6. ธงโฆษณาแบบตั้งพื้น (J-Flag)
7. ป้ายเมนูโฆษณา แบบตั้งบนเครื่องไอศกรีม
8. เครื่องแบบพนักงาน
หาก ท่านใดมีความสนใจที่จะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจ คิสสุ บาย เบรสซ่า ก็สามารถที่จะติดต่อสอบถามเรื่องของรายละเอียดและข้อมูลในการทำธุรกิจเบื้อง ต้นได้ที่ คุณ ศุภจิรา จันทาพูน(นิด) ที่อยู่1277 ซอยลาดพร้าว 94 ถนนลาดพร้าว แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 โทร.0-2934-6692-3 โทรสาร 0-2539-4129 อีเมล์ admin@ubersuccess.co.th เว็บไซต์ www.facebook.com/KissuByBrezza

Read More...


จาด้า กาแฟสด

กาแฟที่เราได้คิดค้นขึ้นมานี้เป็นลักษณะของ ธุรกิจการลงทุนโดยคอนเส็ปท์เรานำมาจากอิตาลี ซึ่งเขาจะขายตามท้องถนนทั่วไป ถ้าเทียบก็เหมือนกับกาแฟโบราณของเมืองไทย ซึ่งเรานำมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับบ้านเรา โดยด้านสูตร เราจะคิดค้นและทดลองเอง เป็นรสชาติอิตาเลียนประยุกต์ให้ถูกคอคนไทย มีทั้งหมด 5 รส โดยแต่ละรสชาตินั้นเราสามารถรับประกันสินค้าและรสชาติของแต่ละสูตรว่าลูกค้า จะเขามาบริโภคอย่างไม่ขาดสาย รวมถึงโอกาสที่จะนำความรู้จักและชื่อเสียงของสิ้นค้าหรือเครื่องดื่มบริโภค นี้ได้อย่างวิเศษและท่านผู้ลงทุนไม่ต้องกังวลเลยว่าจะขาดทุนหรือไม่ได้ผลตอบ แทนทั้งนี้ทางแฟรนไชส์ของเราขอรับประกันเลยว่าท่านผู้ลงทุนจะไม่ผิดหวัง อย่างแน่นอนและอีกอย่างทางแฟรนไชส์ของเรายังมีอุปกรณ์ในการขายที่ให้ท่านได้ จำหน่ายสินค้าอย่างสะดวกสบายโดยแทปที่จะไม่ต้องจัดเตรียมอะไรเลยซักอย่างและ กาแฟสดที่ได้นำไปจำหน่าวนี้ราคาก็พอซื้อสามารถขยายธุรกิจได้แบบสบายๆ

ทำไมถึงต้อง จาด้า กาแฟสด

แต่ ปัญหาหลักสำหรับลูกค้าที่ซื้อแฟรนไชส์ คือ หาทำเลขายยาก กับหาไฟฟ้าสำหรับเสียบเครื่องชงกาแฟได้ลำบาก ซึ่งจากประสบการณ์ของตัวเอง เคยเดินทางไปประเทศอิตาลี ตามท้องถนนจะมีเคาน์เตอร์ขายกาแฟสดที่ใช้เครื่องชงกาแฟด้วยแก๊สแทนเครื่อง ต้มด้วยไฟฟ้า ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายไปขายได้ทุกแห่ง จึงนำแนวทางนี้มาประยุกต์เป็นแฟรนไชส์กาแฟของตัวเองโดยที่สามารถประสบผม สำเร็จอย่างง่ายดาย

ลักษณะของสินค้าและการบริการ จาด้า กาแฟสด

ใน ส่วนของลักษณะสินค้าที่ทางร้านนั้นต้องขายและการบริการที่ทางร้านนั้นจะต้อง มีก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะร่วมลงทุนกับ จาด้า กาแฟสด นี้ เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของครอบครัวละก็ คุณนั้นจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจการต่อไปข้างหน้าค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้
1. กาแฟสดน้องใหม่สไตล์ท้องถิ่นอิตาเลี่ยน ชูจุดเด่นแก้ปัญหาทำเล และไฟฟ้าหายาก ด้วยรูปแบบเคลื่อนย้ายวางขายได้ที่ทุก ระบุใช้เครื่องชงด้วยแก๊ส เจ้าแรกของไทย โอ่รสชาติเข้มข้นทางเลือกใหม่คอกาแฟ พร้อมเปิดขายแฟรนไชส์ ด้วยเงินลงทุน 25,000 บาท หวังโตช้าๆ แต่ชัวร์!
2. การลงทุน
2.1 เงินลงทุน 25,000 บาท



2.2 ได้รับเคาน์เตอร์ อุปกรณ์พร้อมขาย และวัตถุดิบ 1,000 บ.
2.3 ไม่มีการเก็บค่าแฟรนไชส์
2.4ต้องรับวัตถุดิบเมล็ดกาแฟ ก.ก.ละ 250 บ. และน้ำซอส แกลอล ละ 40 บ.
2.5 ต้นทุนประมาณ 10 บ./แก้ว ผู้ซื้อแฟรนไชส์ มีกำไร 10-15 บ./แก้ว
2.6 ด้านการขยายในรูปแบบแฟรนไชส์ ผู้ซื้อต้องใช้เงินลงทุน 25,000 บาทซึ่งจะได้รับเคาน์เตอร์ อุปกรณ์พร้อมขาย และวัตถุดิบในราคา 1,000 บาท ไม่มีการเก็บค่าแฟรนไชส์ ส่วนแบ่งการขาย หรือค่าสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น
2.7 แต่ผู้ลงทุนต้องรับวัตถุดิบเมล็ดกาแฟ ในราคากิโลกรัมละ 250 บาท สามารถทำได้ประมาณ 100 แก้ว กับน้ำซอส ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะให้ความหวานกับความมัน (น้ำปรุงรสกึ่งสำเร็จรูป ผสมจากครีม น้ำตาล เป็นต้น) ในราคาแกลลอน ละ 40 บาท นำไปชงได้ 10 แก้ว รวมแล้วต่อแก้วจะมีต้นทุนประมาณ 10 บาท ผู้ซื้อแฟรนไชส์นำไปขายปลีกแก้วละ 20-25 บาท
3.สิ่งที่แฟรนไชส์จะได้รับ




จุด เด่นอีกข้อว่า เคาน์เตอร์ ออกแบบให้มีล้อเลื่อน และถอดประกอบเป็นชิ้นๆ ใส่ท้ายรถยนต์ได้เพื่อให้ผู้ลงทุน สามารถตระเวนนำไปเปิดขายได้ทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นย่านชุมชน ,แหล่งท่องเที่ยว , งานแสดงสินค้า , ตลาดนัด ฯลฯ ไม่ต้องยืดว่าต้องวางขายที่ใดที่หนึ่งเป็นประจำ เพิ่มโอกาสทางการตลาดอีกทางทั้งนี้ วัตถุดิบกาแฟมาจากเชียงราย เป็นพันธุ์อาราบิก้า ส่วนเครื่องชงกาแฟด้วยแก๊สนำเข้ามาประเทศอิตาลี ใช้เวลาชงประมาณ 30 วินาทีต่อแก้ว มีแรงดันขึ้น 18 บาร์รสชาติที่ได้จะเป็นกาแฟสดที่เข้มข้นมากกว่าต้มด้วยเครื่องไฟฟ้า ทำให้เป็นอีกทางเลือกสำหรับคอกาแฟ ที่ต้องการความแปลกใหม่ ซึ่งถือเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในประเทศไทยขณะนี้ โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางเมื่อกลางต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี่เอง

สามารถติดต่อ จาด้า กาแฟสด

นายสันติ รัตนกรรภิรมย์ เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ โทร.086-8925774

Read More...


หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้

เป็นการขายอาหารเน้นเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยการคิดเมนูต่างๆ ให้สอดคล้องกัน โดยมี 3 เมนู ได้แก่ น้ำเต้าหู้แบบต้นตำรับ ซึ่งเป็นถั่วเหลือง 100% ไม่ผสมแป้ง , น้ำเต้าหู้แครอทที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยป้องกันมะเร็ง กับทำให้ผิวสวย และน้ำเต้าหู้ข้าวกล้องงาดำ ช่วยบำรุงกระดูก นอกจากนี้ ยังเสริมด้วย หมวยเกี๊ยปาท่องโก๋ เป็นสูตรพิเศษผสมธัญพืชเข้ากับแป้งปาท่องโก๋ เหตุนี้สินค้าจึงเป็นที่รู้จักและผู้คนมักนิยมรับประทานกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ผู้ลงทุนนั้นไม่ผิดหวังแน่ๆที่นำเอาแฟรนไชส์นี้มาลงทุน

ทำไมถึงต้องหมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้



หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้ เริ่มออกวางขายครั้งแรกเดือนพฤษภาคม 2547 ที่ตลาดบางแค ตั้งราคาขายเท่าท้องตลาด คือ น้ำเต้าหู้ธรรมดา ถุงละ 5 บาท ใส่เครื่อง 6 บาท ส่วนสูตรแครอท , ข้าวกล้องงาดำ ถุงละ 7 บาท ซึ่งเมื่อหักต้นทุนแล้ว กำไรก็ยังงาม เพราะต้นทุนเฉลี่ยแล้ว ต่อแก้วไม่ถึง 2 บาทด้วยซ้ำต่อมา ได้ขยายเพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่ จรัญสนิทวงศ์ สาธุประดิษฐ์ และถนนเซ็นต์หลุยส์ ซึ่งความตั้งใจแรก จะขยายด้วยตัวเอง 20 จุด ทว่า เมื่อมีหลายสาขา เธอไม่สามารถดูแลทั่วถึง ประกอบกับต้องดูแลธุรกิจเสื้อผ้าอยู่ด้วย ต้องจ้างพนักงานขาย ยอดขายแต่ละแห่งจึงต่ำลงเหลือวันละ 2,000 กว่าบาท ทำให้เกิดแนวคิดขยายในรูปแบบของเพราะถ้าผู้ดูแลเป็นเจ้าของเอง ย่อมใส่ใจมากกว่าพนักงาน

ลักษณะของสินค้าและการบริการหมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้

โดย การรวมเอาแครอทและถั่วเหลืองเข้าด้วยกัน ได้เป็นน้ำเต้าหู้อีกสูตรหนึ่ง น้ำเต้าหู้แครอท และอีกสูตรหนึ่ง เป็นการนำข้าวกล้อง และงาดำ มารวมกับถั่วเหลือง ได้เป็นน้ำเต้าหู้ข้าวกล้อง งาดำ รวมแล้วหมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้ มีสูตรน้ำเต้าหู้ 3 สูตร คือ สูตรน้ำเต้าหู้ถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้แครอท และน้ำเต้าหู้ข้าวกล้อง งาดำนอกจากน้ำเต้าหู้ ก็ยังมีปาท่องโก๋ ที่มีส่วนผสมของธัญพืช ประกอบด้วย ข้าวโอ๊ต งาขาว ข้าวกล้อง ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครคิดสูตรดังกล่าวมาก่อน และเป็นสูตรที่คิดขึ้นมาเองและได้ผ่านการทดสอบรสชาติด้วยตัวเองก่อนนำออก จำหน่าย ในส่วนของลักษณะสินค้าที่ทางร้านนั้นต้องขายและการบริการที่ทางร้านนั้นจะ ต้องมีก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะร่วมลงทุน กับ หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้ นี้ เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของครอบครัวละก็ คุณนั้นจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจการต่อไปข้างหน้าค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้
1. จุดเด่นของแฟรนไชส์นี้ คือ การลงทุนต่ำ กำไรสูง คืนทุนเร็วภายใน 1 เดือน และไม่ต้องขายทั้งวัน เพราะน้ำเต้าหู้จะขายได้เฉพาะช่วงเช้า และค่ำ ดังนั้น จะเป็นช่องทางให้คนที่ทำงานประจำซื้อไปทำเป็นอาชีพเสริมได้ ทั้งนี้ เป้าที่วางไว้ จะขยาย 200 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากเปิดตัวแฟรนไชส์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มียอดจองแล้วกว่า 50 ราย แต่ทั้งนี้ จะให้ความสำคัญกับการคัดเลือกผู้ร่วมทุนให้มากที่สุด เพราะไม่อยากให้แบรนด์ที่สร้างขึ้นมาต้องเสียไป ส่วนการคุมจะมีทีมงานคอยสุ่มตรวจ เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง ถ้าทำผิดข้อตกลง และได้ออกหนังสือเตือน 3 ครั้งแล้ว จะถูกยกเลิกสัญญาทันที
2. การลงทุน



2.1. ค่าแฟรนไชฟี 35,000 บาทจ่ายครั้งเดียวสัญญา 2 ปี
2.2.ครบสัญญาต่อสัญญาฟรี
2.3.ทำเลต้องห่างจากเจ้าเดิมไม่ต่ำกว่า 500 เมตร
2.4.วัตถุ ดิบ 5 อย่าง คือถั่วเหลือง แป้งปาท่องโก๋ งาดำ ลูกเดือย และเม็ดแมลงลัก ต้องซื้อจากแฟรนไชซอร์ในราคาเท่ากับท้องตลาด โดยค่าขนส่งแฟรนไชซีจะต้องออกเอง
2.5.ต้องรักษามาตรฐานในการรักษาความสะอาด การใช้วัตถุดิบเพื่อการผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณตามที่กำหนดเท่านั้น
2.6.แฟรนไชซอร์จะอบรมการทำน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ทุกสูตรให้เป็นเวลา 2 วัน
2.7.กรณีผิดข้อตกลงตามเงื่อนไขมีการตัดเตือนเป็นหนังสือ 3 ครั้ง หากยังเพิกเฉยจะถูกถอดป้ายทันที
2.8.กรณีแฟรนไชซีเลิกสัญญาต้องคืนป้ายและโลโก้ให้กับแฟรนไชซี





2.9.แฟรนไชซีต้องเป็นผู้ที่มีความจริงใจในการทำธุรกิจ
2.10.ประมาณการณ์คืนทุน 1-2 เดือน
3. คุณสมบัติผู้ลงทุน
ผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องรับวัตถุดิบ เช่น ถั่วเหลือง แป้งปาท่องโก๋ และอื่นๆ จากเราเท่านั้น เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพ

งบประมาณที่ต้องใช้ในการลงทุนและสามารถติดต่อ หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้

หากท่านใดมีความสนใจที่จะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจ หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้ ก็สามารถที่จะติดต่อสอบถามเรื่องของรายละเอียดและข้อมูลในการทำธุรกิจเบื้อง ต้นได้ที่ ชื่อผู้ติดต่อ สุจิตร์ คงสิริพรชัย เจ้าของแฟรนไชส์ที่อยู่ 556/47-48 ถนนสาธุประดิษฐ์ บางโพงพาง ยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทร.02-2944390 ,081-6135949

Read More...


เต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์

เต้าฮวย นั้นเป็นขนมที่อร่อยและมีมานานตั้งแต่สมัยโบราณ และในปัจจุบันนั้นยังหาร้านที่ขายขนมเต้าฮวยหรือเต้าหู้นมสดที่อร่อยๆนั้น ยากเหลือเกินค่ะ วันนี้ผู้เขียนมีร้านขายขนมเต้าฮวยที่อร่อยสุดๆมาฝากกันค่ะ และนอกจากท่านจะสามารถหาซื้อไปรับประทานได้แล้วยังสามารถร่วมลงทุนกับแฟรนไช ส์ของเต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์ ได้อีกด้วยค่ะ สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถติดตามอ่านรายละเอียดได้ตามข้อมูลธุรกิจด้านล่างค่ะ

ทำไมต้อง เต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์

 


จาก การที่อาม่าได้ถ่ายทอดสูตรการทำเต้าฮวยนมสด นี้ให้แก่ลูกหลาน ซึ่งครั้งหนึ่งก็ได้มีโอกาสทำไปถวายพระในงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ แขกที่มาในงานติดใจในรสชาติ ถึงกับขอให้ทำขายในวาระต่างๆ จากนั้นในปี พศ. 2553 อาม่าเต้าฮวยนมสดจึงปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้น โดยใช้ชื่ออาม่าเต้าฮวยอินเตอร์เป็นชื่อทางการค้า เพื่อให้เกียรติแก่อาม่าผู้ซึ่งเป็นเจ้าของและถ่ายทอดสูตรให้ ในเบื้องต้นก็ทำตามออเดอร์ ต่อมาหลังจากดำเนินการขอ อย.เรียบร้อยแล้ว ก็ขยายตัวทำส่งตามร้านอาหาร, ภัตตาคาร ,โรงเรียน,โรงพยาบาล และโต๊ะจีน และเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเด็กเล็ก และกลุ่มที่ไม่ชอบทานนมสด จึงได้มีการพัฒนาสูตรให้เหมาะสมเพิ่มขึ้นอีก 2 รสชาติ คือ แต่งกลิ่นมะลิและแต่งกลิ่นใบเตยและในปี พศ. 2554 ทางอาม่าเต้าฮวยอินเตอร์ วางแผนจะขยายตลาดไปยังกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยการขายแฟรนไชส์ให้กับผู้สนใจ

ลักษณะของสินค้าและการบริการ เต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์

ใน ส่วนของลักษณะสินค้าที่ทางร้านนั้นต้องขายและการบริการที่ทางร้านนั้นจะต้อง มีก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะร่วมลงทุนกับ เต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์ นี้ เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของครอบครัวละก็ คุณนั้นจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจการต่อไปข้างหน้าค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้
1. ลักษณะของแฟรนไชส์
1.1 ขาย แฟรนไชส์ ฟรี
1.2 ผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องซื้อส่วนผสมสำเร็จรูป
2. คุณสมบัติของผู้ลงทุน



2.1 ผู้ที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว เช่น ร้านอาหาร, ร้านก๊วยเตี๋ยว, ร้านขายเบเกอรี่, ร้านกาแฟ, ร้านขายขนมอื่นๆ ฯลฯ สามารถนำไปขายเสริมได้
2.2 ผู้ที่ต้องการทำเป็นอาชีพเสริม ทำส่งตาม ร้านอาหาร, โต๊ะจีน, ซุปเปอร์มาเก็ต ฯลฯ
2.3 มีพื้นที่ขายที่ ตลาดนัด, ที่ชุมชน, โรงเรียน, โรงพยาบาลฯลฯ
3. สิ่งที่แฟรนไชส์นั้นจะได้รับ
3.1 ราคา 1,500 บาท สิ่งที่ได้รับ VCD สอนทำเต้าฮวยนมสด , แก้วฝาฉีก พร้อมสติ๊กเกอร์ 45ใบ, ผงปรุงสำเร็จสำหรับทำเต้าฮวย 1 ชุดทำได้ 45 แก้ว
3.2 ทางแฟรนไชส์ส่งส่วนผสมสำเร็จรูปให้ในราคาชุดละ 160 บาท จะได้รับส่วนผสม 2 ถุง คือ ส่วนผสมเนื้อเต้าฮวย, ส่วนผสมนมเติม ทำได้ 45 แก้ว
3.3 ค่าแก้วฝาฉีก พร้อมสติ๊กเกอร์อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์ ใบละ 2.50 บาท
3.4 จำนวนสั่งขั้นต่ำ 10 ชุด
4. นโยบายการขยายสาขา
ขาย แฟรนไชส์ ทางอาม่าเต้าฮวยอินเตอร์ วางแผนจะขยายตลาดไปยังกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยการขายแฟรนไชส์ให้กับผู้สนใจ และเพื่อเป็นเปิดโอกาสให้แก่ผู้มีเงินลงทุนน้อย หรือมีรายได้น้อย ได้เข้าสู่ธุรกิจนี้ เพื่อเติบโตไปพร้อมๆกัน จึงไม่มีการเก็บค่าแฟรนไชส์ หรือ ค่าธรรมเนียมรายปีใดๆทั้งสิ้น

งบประมาณที่ต้องใช้ในการลงทุนและสามารถติดต่อ เต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์

สำหรับ ท่านใดที่มีความสนใจที่ต้องการจะลงทุนกับธุรกิจนี้มีข้อมูลที่ท่านต้องศึกษา ดังนี้ค่ะ มีสาขาทั้งหมด 58 สาขา และเรื่องของการลงทุนมีดังต่อไปนี้มี รายละเอียดข้อมูลของแฟรนไชส์ที่น่าสนใจดังนี้
1. ราคา 1,500 บาท
2. ได้รับ VCD สอนทำเต้าฮวยนมสด
3. แก้วฝาฉีก พร้อมสติ๊กเกอร์ 45ใบ
4. ผงปรุงสำเร็จสำหรับทำเต้าฮวย 1 ชุดทำได้ 45 แก้ว
หากท่านใดมีความสนใจที่จะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจ เต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์ ก็สามารถที่จะติดต่อสอบถามเรื่องของรายละเอียดและข้อมูลในการทำธุรกิจเบื้อง ต้นได้ที่ คุณมะลิวัลย์ วงษ์พันธ์ตรี ที่อยู่ 2000/45 หมู่ 6 ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี 72160 โทรศัพท์ 081-0187958, 081-8156573 โทรสาร 035-552890 อีเมลล์ wongphantri@gmail.com

Read More...


Ford Fiesta ฟอร์ด เฟียสต้า โปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษ ถึง 31 ธันวาคม 2556


ฟอร์ด เปิดโปรโมชั่นพิเศษ ส่งท้ายปี แล้ววันนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อรถยนต์ Ford Fiesta ฟอร์ด เฟียสต้า กับ *ฟอร์ด ลีสซิ่ง ก็สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไปเลยง่ายๆ ก่อนใครกับ 











ข้อเสนอพิเศษ  :
1. ดอกเบี้ย 0 % ดาวน์ 20 % ผ่อนนาน 72 เดือน ฟรีประกันชั้น 1 และอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่า 10,000 บาท 

2. หรือ เลือกรับไปเลย ส่วนลดสูงสุดถึง 90,000 บาท และอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่า 10,000 บาท

Ford Fiesta ฟอร์ด เฟียสต้า โปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษ ถึง 31 ธันวาคม 2556
Ford Fiesta โปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษ
พบกับข้อเสนอดีๆ กับ Ford Fiesta ฟอร์ด เฟียสต้า ได้แล้ว ที่โชว์รูมรถยนต์ Ford-Ayutthaya จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 นี้เท่านั้น  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 035-880777-8

Read More...


Ford Focus โปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษ ถึง 31 ธันวาคม 2556

New Ford Focus ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ โปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษ ถึง 31 ธันวาคม 2556 ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ มอบโปรโมชั่นพิเศษ ส่งท้ายปี สุขขีกันถ้วนหน้า รับกันไปเลยทันทีกับข้อเสนอพิเศษที่พร้อมมาให้ท่านได้เป็นเจ้าของรถ Focus กันไปแบบง่ายๆ ดังนี้

ข้อเสนอพิเศษ
สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อรถยนต์ Ford Focus รุ่น 1.6 ลิตร ผ่าน*ฟอร์ด ลีสซิ่ง (ยกเว้นรุ่น 5 ประตู Trend) รับไปเลย
  • ดาวน์ 25% ผ่อนอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 60 เดือน พร้อม ฟรี!! ประกันภัยชั้นหนึ่ง

New Ford Focus ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ โปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษ

ข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ Ford Focus รุ่น 1.6 ลิตร 5 ประตู Trend และ รุ่น 2.0 ลิตร 4 ประตู กับ*ฟอร์ด ลีสซิ่ง รับไปเลย
  • ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือนกับอัตราดอกเบี้ย 0.99% พร้อม ฟรี!! ประกันภัยชั้นหนึ่ง
ข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้ารถยนต์ Ford Focus รุ่น 2.0 ลิตร 5 ประตู กับ *ฟอร์ด ลีสซิ่ง เตรียมรับได้เลย
  • ฟรี!! ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะ (SSP) 3 ปี /60,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
พบกับข้อเสนอและโปรโมชั่นพิเศษ New Ford Focus ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ได้แล้ววันนี้ – 31 ธันวาคม 2556 ที่โชว์รูมรถยนต์ฟอร์ดอยุธยา
สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม  หมายเลขโทรศัพท์ 035-880777-8

Read More...


ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด

เป็นการเปิดร้านขายนามสดโดยมีธุรกิจที่มีคน นิยมบริโภคกันมากหลายเนื่องจากเป็นอาหารที่บำรุงร่างกายสามารถบริโภคได้ทุก วัยจึงเป็นการลงทุนที่ดีมากและสามารถได้รับผลตอบแทนที่ไวมากและคุ้มต่อเงิน ที่ลงทุนไปเป็นที่สุด


ทำไมต้อง ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด



ปัจจุบัน การทำแฟรนไชส์เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นมีธุรกิจเป็นของ ตนเอง ไม่ว่าจะทำเป็นธุรกิจหลักหรือแหล่งรายได้เสริม เพราะเป็นวิธีที่ง่าย มีพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำและแนวทางการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟรนไชส์ประเภท อาหารและเครื่องดื่ม คือหนึ่งในทางเลือกต้น ๆ ที่น่าสนใจ เนื่องด้วยแนวคิดที่ว่า คนทุกคนต้องกิน .. คำถามต่อมาจึงได้แก่ ขายอะไร ขายใคร และขายอย่างไรคำถามเหล่านี้ หาคำตอบได้จาก ธุรกิจ“ร้านปังสด สังขยา กาแฟ นมสด” ผู้เป็นเจ้าของแนวคิด ความเหมือนที่แตกต่างของร้านกาแฟสมัยใหม่ จากการสั่งสมประสบการณ์มายาวนาน ผ่านการลองผิดลองถูก ศึกษาหาความรู้เรื่องของกาแฟ นมสด สังขยา มาหลากหลายรูปแบบ เราได้พบวิธีการปรุงที่ได้ทั้งรสชาติที่ดี และรูปลักษณ์ชวนรับประทาน ถูกใจ คุ้นลิ้น ลูกค้าส่วนใหญ่ อีกทั้งยังพยายามฝึกฝนและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้ง ใส่ใจกับคุณภาพของวัตถุดิบให้ได้มาตรฐานสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะกระจายสาขาออกไปมากเท่าใด ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะพบว่าปัจจุบันธุรกิจร้านปังสด มีสาขามากถึงกว่า 500 สาขา ทั่วประเทศ

ลักษณะของสินค้าและการบริการ ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด

ใน ส่วนของลักษณะสินค้าที่ทางร้านนั้นต้องขายและการบริการที่ทางร้านนั้นจะต้อง มีก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะร่วมลงทุนกับ ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด นี้ เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของครอบครัวละก็ คุณนั้นจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจการต่อไปข้างหน้าค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้
1. ขั้นตอนการเปิดร้าน ปังสด
1.1 ผู้สนใจลงทุนจัดหาทำเลขาย (ควรเป็นแหล่งชุมชน เช่น ตลาดโต้รุ่ง ใกล้โรงเรียน ป้ายรถเมล์ ฯลฯ
1.2 โทรสอบถามจุดที่ต้องการขาย เพื่อสำรวจเส้นทางการจัดส่ง และการทับซ้อนของจุดขาย
1.3 โทรนัดวันอบรมสูตรและเทคนิคการชง (พร้อมโอนเงินมัดจำ 5,000 บาท)
1.4 อบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ในวันอบรม ทำสัญญาพร้อมชำระมัดจำอีก 5,000 บาท



1.5 ส่วนที่เหลือ ชำระ วันที่บริษัทฯ จัดส่งอุปกรณ์ให้ (จะได้รับอุปกรณ์ไม่เกิน 7 วัน นับจากวันที่มาอบรม)
กรณีต่างจังหวัด โอนเงินจอง 5,000 บาท ส่วนที่เหลือชำระเต็มในวันอบรม
2. การลงทุน
แบบที่ 1 เคาน์เตอร์ 25,000 บาท (ป้ายโลโก้ร้าน, อบรมวิธีการทำพร้อมคู่มือ, และวัตถุดิบ-เครื่องปรุงฯ รวมทำได้ 200 แก้ว ,อุปกรณ์ในการขายทั้งหมดครบชุด พร้อมเคาน์เตอร์ไม่มีหลังคา ขนาด 120×60 cm)
แบบที่ 2 รถเข็น 28,000 บาท (ป้ายโลโก้ร้าน, อบรมวิธีการทำพร้อมคู่มือ, และวัตถุดิบ-เครื่องปรุงฯ รวมทำได้ 200 แก้ว ,อุปกรณ์ในการขายทั้งหมดครบชุด พร้อมรถเข็น ขนาด 130×70 cm)
แบบที่ 3 เคาน์เตอร์ใหญ่ 30,000 บาท (ป้ายโลโก้ร้าน, อบรมวิธีการทำพร้อมคู่มือ, และวัตถุดิบ-เครื่องปรุงฯ รวมทำได้ 200 แก้ว ,อุปกรณ์ในการขายทั้งหมดครบชุด พร้อมเคาน์เตอร์ใหญ่ขนาด 150×80 cm)
แบบที่ 4 คีออส 50,000 บาท (ป้ายโลโก้ร้าน,อบรมวิธีการทำพร้อมคู่มือ, และวัตถุดิบ-เครื่องปรุงฯ รวมทำได้ 200 แก้ว ,อุปกรณ์ในการขายทั้งหมดครบชุด พร้อมคีออส ขนาด 180×70 cm) เหมาะสำหรับในห้างเท่านั้น
สำหรับ ผู้ที่สนใจแต่ไม่สะดวกเดินทางมาอบรม ทางเราจะจัดส่งสินค้าไปทางรถขนส่งเอกชน (เก็บค่าขนส่งปลายทาง) พร้อมคู่มือและวิธีการทำโดยละเอียด ซึ่งสามารถทำตามขั้นตอนจากคู่มือได้ง่าย และสามารถโทรสอบถามปรึกษาได้ตลอด หากมีข้อสงสัยในภายหลัง หรือถ้ายังไม่มั่นใจ จะมาเรียนทีหลังก็ได้
3. สิ่งที่แฟรนไชส์ซี่จะได้รับ
3.1 ป้ายร้าน และป้ายราคาตามแบบ **เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อนุญาต เมื่อเลิกกิจการต้องคืนป้าย**
3.2 เคาน์เตอร์อลูมิเนียม หรือ รถเข็น หรือ คีออส (แล้วแต่รูปแบบที่เลือก)
3.3 อุปกรณ์การขายทุกอย่างเราเตรียมให้ครบ ท่านเตรียมเฉพาะน้ำแข็งและปลั๊กไฟเท่านั้น
พิเศษสุด สุด!! สำหรับท่านที่ซื้อรูปแบบที่ 3 เคาน์เตอร์ใหญ่ 30,000 บาท รับฟรีอีกหนึ่งอย่าง !! อุปกรณ์วิปครีม พร้อมสูตร 1 ชุด (มูลค่ากว่า 2,500.-) รูปแบบอื่นต้องซื้อเพิ่มในราคา 2,000.- (จำนวนจำกัด)

งบประมาณที่ต้องใช้ในการลงทุนและสามารถติดต่อ ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด

หากท่านใดมีความสนใจที่จะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจ ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด ก็สามารถที่จะติดต่อสอบถามเรื่องของรายละเอียดและข้อมูลในการทำธุรกิจเบื้อง ต้นได้ที่ คุณนัท, คุณตาล, คุณมิ้น ที่อยู่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปังสด 83/52-53 หมู่3 แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ โทร. 089-8879275, 089-5098056,02-4506878 โทรสาร 02-4507050 อีเมลล์info@pangsod.co.th pangsod@gmail.com เว็บไซต์ bit.ly/pRSoyp

credit by : http://ohomakemoney.com/ร้านปังสด-ขนมปัง-นมสด.html


Read More...


'พายสับปะรด' วันนี้ยังซื้อง่ายขายคล่อง

“พายสับปะรด” ขนมอบชิ้นเล็ก ๆ ทำรูปลักษณ์ภายนอกให้มีลูกเล่นได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดย่อม หรือจะพับแป้งให้คล้ายขนมโตเกียว เป็นรูปเรือ เป็นรูปดอกไม้ หรือจะเป็นแบบตะกร้าก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ทำว่าจะประดิษฐ์หน้าตาขนมให้ออกมาเป็นแบบใด ซึ่งขนมชนิดนี้ก็เป็นขนมอีกประเภทที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย เป็นขนมทานเล่นที่คู่กับชา-กาแฟ หรือใช้เป็นของฝากก็ได้ โดยวันนี้ “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลขนมชนิดนี้มานำเสนอ...


ผลิวรรณ บุญมี เจ้าของร้านขนม “ช่อมะเฟือง” ย่านรามคำแหง 150 ทำขนมขายมานานกว่า 6 เดือน ซึ่งขนมที่ร้านนี้มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเค้กกล้วยหอม เค้กหน้านิ่มรสต่าง ๆ คุ้กกี้ช็อกโกแลตชิพ รวมถึง “พายสับปะรด” ด้วย
“สำหรับสูตรนั้น ญาติเป็นคนสอนให้ แต่ก็ต้องฝึกฝนนานอยู่เหมือนกัน กว่าจะทำได้ ทุกวันนี้ทำขนมชนิดนี้เสริมเพิ่มจากร้านอาหารที่ทำอยู่ โดยใช้เวลาว่างหลังจากส่งลูกไปโรงเรียนมานั่งทำขายทุกวัน จนมีลูกค้าประจำมากมาย ทั้งซื้อไปทาน หรือรับไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง” ผลิวรรณ กล่าว
อุปกรณ์ในการทำพายสับปะรด หลัก ๆ ก็มี เครื่องตีแป้ง, เตาอบ, ถ้วยพิมพ์, ที่ร่อนแป้ง, ถาด, กะละมัง, ชุดช้อนชา, ชุดถ้วยตวง, ไม้รีดแป้ง, มีดตัดแป้ง ฯลฯ
สูตรการทำพายสับปะรด วัตถุดิบที่ใช้หลัก ๆ ก็มี แป้งว่าว 500 กรัม, ผงฟู พอประมาณ, นมผง 3 ช้อนโต๊ะ, นํ้าเย็นจัด 0.5 ถ้วย, เกลือ พอประมาณ, นํ้าตาลทราย พอประมาณ, ไข่แดง 1 ฟอง, เนยสด 50 กรัม, มาการีน 150 กรัม และ นํ้ามันพืช ประมาณ 4-5 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ ร่อนแป้งว่าว ผงฟู และนมผง ให้เข้ากัน 2 ครั้ง พักไว้ จากนั้นนำนํ้าเย็นจัดผสมกับเกลือ นํ้าตาลทราย และไข่แดง คนให้ละลายเข้ากัน แล้วนำไปแช่เย็น พักไว้
เทส่วนผสมของแป้งที่พักไว้ลงในเครื่องตีแป้ง จากนั้นใส่เนยสด มาการีน และนํ้ามันพืช ตีให้เข้ากัน ใช้ความเร็วปานกลาง ตีจนส่วนผสมเข้ากัน เสร็จแล้วนำส่วนผสมของนํ้า เกลือ นํ้าตาลทราย และไข่แดง ที่แช่เย็นไว้ ใส่ลงตีให้เข้ากัน จนแป้งเนียน
เสร็จแล้วคลุมด้วยผ้าขาวบาง แล้วพักแป้งไว้ 1 ชั่วโมง
ส่วน “ไส้สับปะรดกวน” ที่ใช้นั้น ผลิวรรณบอกว่า มี 2 วิธี คือ ซื้อที่กวนสำเร็จรูปมาใช้ หรือกวนสับปะรดใช้เอง ซึ่งวิธีหลังหากทำได้จะมีดีมาก เพราะมั่นใจได้เรื่องความสะอาด มีคุณภาพ และได้รสชาติตามที่ต้องการ
วิธีทำสับปะรดกวน ตามสูตรการทำมีดังนี้ ใช้เนื้อสับปะรดสับละเอียด ประมาณ 10 ถ้วยตวง, เกลือป่น ประมาณ 1 ช้อนชา, นํ้าตาลทราย ประมาณ 3 ถ้วย และแบะแซ 4-5 ช้อนโต๊ะ ใส่กระทะทองเหลือง ยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใช้ไม้พายกวนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเหนียว เสร็จแล้วพักให้เย็น
ระหว่างที่กวน ให้ชิมรสสับปะรดกวนไปด้วย ควรจะให้สับปะรดกวนมีรสเปรี้ยวหวาน เพราะฉะนั้นอย่าใส่นํ้าตาลทรายลงไปคราวละมาก ๆ ค่อย ๆ ทยอยใส่ลงไประหว่างที่กวน
พายสับปะรดของผลิวรรณนี้จะทำเป็นถ้วย แล้วสานแป้งปิดหน้าถ้วย ทำให้หน้าตาคล้ายตะกร้า ซึ่งวิธีทำพายในขั้นตอนสุดท้าย มีดังนี้คือ เรียงถ้วยพิมพ์วงกลม ขนาดกว้าง 4 ซม. และสูง 2 ซม. ใส่ถาดอะลูมิเนียมให้เต็มถาด เตรียมไว้ เสร็จแล้วปั้นแป้งพายเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเท่ากับถ้วยพิมพ์ แล้วนำไปกรุใส่พิมพ์ให้เป็นรูปถ้วย ปั้นสับปะรดกวนที่เตรียมไว้ เป็นรูปวงกลมขนาดเล็กกว่าถ้วยพิมพ์เล็กน้อย แล้วใส่ลงไปในถ้วยที่ใส่แป้งพายอยู่เตรียมไว้
ใช้ไม้รีดแป้ง รีดแป้งให้เป็นแผ่นบาง ๆ แล้วใช้มีดตัดแป้ง ตัดแป้งเป็นเส้น ๆ ขนาดยาว 2 ซม. กว้าง 0.5 ซม. จำนวน 2 เส้น นำไปคาดทับหน้าถ้วยขนม โดยคาดให้เป็นรูปกากบาท ทำแบบนี้ไปจนครบจำนวนถ้วยแป้งพายที่เตรียมไว้ เสร็จแล้วนำไปอบในเตาอบ ด้วยความร้อน 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที อบเสร็จแล้วนำไปบรรจุใส่กล่องพลาสติก กล่องละ 12 ถ้วย ขายราคากล่องละ 30 บาท โดยมีต้นทุนประมาณ 70%
**********
สนใจ “พายสับปะรด” ของ ผลิวรรณ บุญมี ร้านขนมช่อมะเฟืองตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 150 ถนนรามคำแหง กรุงเทพฯ หรือติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2373-5396 นอกจากพายสับปะรดแล้ว กรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ยังทำเค้กหน้านิ่มรสต่าง ๆ คุ้กกี้ช็อคโกแลตชิพ และเค้กกล้วยหอม จำหน่ายด้วย.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=192041

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.