สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

เมี่ยงฟองเต้าหู้

ก่อนที่จะหมดเทศกาลถือศีลกินเจ ขอแนะนำอาหารเจทำเองง่ายๆส่งท้ายอีกสัก 1 เมนู เผื่อไว้ทำทานเองในช่วงหมดเทศกาลแล้ว เพราะถึงตอนนั้นจะไม่ค่อยมีอาหารเจสำเร็จรูปวางขายอย่างดาษดื่นนัก

Pic_375011


ดร.อธิ โชค วินทกร หรือ ดร.อ้วน คุณพ่อบ้านที่แสนน่ารัก พอรู้ว่าภรรยาทานเจก็รีบจัดแจงคิดหาเมนูเจแปลกๆเพื่อทำให้ทาน โดยใช้วัตถุดิบจากแปลงผักที่ปลูกไว้หลังบ้านมาเป็นเครื่องปรุง  แบบไม่ซ้ำเมนูกันเลยตลอดช่วงทานเจ มีอาทิ ข้าวยำเจ, ผัดมะเขือ 5 สี, มะระผัดเต้าเจี้ยว และเมี่ยงฟองเต้าหู้ เป็นต้น


คุณ อ้วนเล่าว่า โดยส่วนตัวเป็นคนชอบทำอาหาร และเป็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว จะต้องตามคุณแม่ไปตลาดทุกเช้า คุณแม่ก็จะสอนวิธีเลือกปลา เนื้อหมู ของสดต่างๆ รวมถึงผัก ผลไม้ เวลาที่คุณแม่เข้าครัว จะต้องเข้าไปช่วยด้วยตลอด ทำให้ได้เคล็ดลับการทำอาหารต่างๆจากคุณแม่ค่อนข้างมาก พอถึงช่วงปิดเทอม ยังเคยไปสมัครทำงานในครัวที่ร้านอาหาร เพื่อเพิ่มเติมความรู้ให้มากขึ้น คุณอ้วนแนะว่า การทำอาหารเป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง ต้องใช้ความอดทน ไม่วอกแวก การทำอาหารต้องรู้จักจังหวะไฟที่จะใช้ เพราะอาหารแต่ละอย่างจะใช้ความร้อนไม่เท่ากัน ที่สำคัญต้องรู้จักสังเกต นำสิ่งต่างๆมาปรับใช้แบบบูรณาการกันครับ


สำหรับ “เมี่ยงฟองเต้าหู้” เมนูเจที่คุณอ้วนคิดขึ้นเอง ตามวัตถุดิบที่มีในตู้เย็น  เป็นอาหารว่างทานเล่นๆแต่ได้สุขภาพ เครื่องปรุง : ฟองเต้าหู้ /เห็ดหอมคั่ว/แปะก๊วยต้มสุก/แครอทหั่นลูกเต๋า/เต้าหู้ปลาเจ/เต้าหู้เหลือง ย่าง/ พริกขี้หนูสวน/ผักสลัด......วิธีทำ 1) นำฟองเต้าหู้ไปย่างบนกระทะให้แห้ง  แล้วโรยเกลือเล็กน้อย 2) นำเครื่องทั้งหมดตั้งแต่ เห็ดหอมคั่ว, แปะก๊วยต้มสุก, แครอทหั่นลูกเต๋า, เต้าหู้ปลาเจ, เต้าหู้เหลืองย่าง มาผัดรวมกันด้วยไฟอ่อนๆ ด้วยน้ำมันมะกอก และปรุงรสด้วยซีอิ๊วเจกับน้ำตาลทรายให้ได้รสชาติตามชอบ ทานแบบเมี่ยงพร้อมกับผักกาดหอมหรือผักสลัดตามชอบ.

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/life/375011

Read More...


ฮา สุย เก๋า (เกี๊ยวกุ้งน้ำ)

หลังจากอิ่มบุญกับการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ในเทศกาลถือศีลกินเจกันแล้ว ก็ยังไม่ควรด่วนรีบรับประทานเนื้อแดงทันที ควรจะรับประทานเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย ประเภท ปลา ไก่ เพื่อให้ลำไส้ได้ปรับตัวให้คุ้นชินก่อน และตามคำแนะนำของคุณหมอ ท่านแนะให้ทานไข่ทุกวันระยะหนึ่ง  เพราะไข่ขาวเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย จะช่วยเพิ่มส่วนที่ขาดไป นอกจากนี้ไข่แดงยังมีไบโอตินกับวิตามินดี ที่จำเป็นต่อสมอง และให้รับประทานผักสดสีเขียวและม่วง ซึ่งมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์สูง... วันนี้จึงขอแนะนำเมนู เกี๊ยวกุ้งน้ำ หรือ ฮา สุย เก๋า อาหารอ่อนๆและมีน้ำซุปให้ซดคล่องคออีกด้วย

Pic_376622




คุณ ตุ๊กตุ่น–กองทอง ใบหยก บุตรสาวคนเดียวซึ่งกำลังอยู่ในวัยอยากพิสูจน์ฝีมือ (22 ปี) ของ คุณกิ่งทอง ใบหยก ซึ่งเป็นน้องสาวคนเล็กของคุณพันธ์เลิศ ใบหยก เจ้าของตึกใบหยก 2 อาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทยนั่นเอง คุณตุ๊กตุ่น เพิ่งจบเป็นบัณฑิตหมาดๆจากรั้วจามจุรี คณะรัฐศาสตร์ และมาช่วยงานคุณแม่ดูแลธุรกิจของครอบครัว โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องการออกแบบและจัดหาของที่ระลึก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อติดมือกลับบ้าน เป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยอีกทางหนึ่ง


นอก จากนั้น คุณตุ๊กตุ่นยังช่วยคุณแม่ตรวจเช็กและพัฒนาโรงแรม ตั้งแต่หน้าบ้าน (ส่วนบริการลูกค้า) ยันหลังบ้าน (ในครัว) อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะพัฒนาคุณภาพอาหารบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมฯ ซึ่งมีอยู่ถึง 6 ห้องให้ได้มาตรฐาน และด้วยความที่คุณตุ๊กตุ่นชอบรับประทานอาหารจีนและชอบทำอาหารด้วย จึงเข้าไปตรวจภัตตาคารจีนสเตลล่า พาเลซ บนชั้น 79 ของโรงแรมใบหยกสกายบ่อยที่สุด พร้อมกับสมัครเป็นลูกศิษย์ของเชฟวิชัย สุขขี เชฟผู้ควบคุมอาหารจีนทุกรายการของโรงแรมใบหยกสกายมากว่า 16 ปีด้วย วันนี้เลยขอพิสูจน์ฝีมือปรุงเมนูโปรดคือ เกี๊ยวกุ้งน้ำ (ฮา สุย เก๋า) ซึ่งไส้ของเกี๊ยวกุ้ง เมื่อเติมหมูสับลงไปและเปลี่ยนแป้งห่อ แล้วนำไปนึ่ง ก็จะได้ขนมจีบกุ้งแสนอร่อย เพิ่มมาอีกหนึ่งเมนู


ส่วน ผสมเกี๊ยวกุ้งน้ำ (ฮา สุย เก๋า) รับประทานประมาณ 5 คน : กุ้งแชบ๊วย 5 ขีด / แป้งมันฮ่องกง 1 ช้อนโต๊ะ / มันหมูแข็ง 1 ขีด/น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา / เกลือป่น ½ ช้อนชา / พริกไทยป่น 1/3 ช้อนชา / น้ำมันงาเล็กน้อย / แผ่นเกี๊ยว 20 แผ่น / กุยช่ายขาวเล็กน้อย

ส่วนผสมซุปน้ำหนึ่ง : กระดูกสันหลังหมู 3 ขีด / เนื้อหมู 3 ขีด / ไก่แก่ 3 ขีด / ขาหมูแฮมยูนาน 3 ขีด / น้ำ 4 ถ้วย / แป้งปรุงรสเจ 1 ช้อนชา/ เกลือ.......วิธีทำน้ำซุป 1) นำกระดูกสันหลัง, เนื้อหมู, ไก่แก่ และขาหมูแฮมยูนาน สับเป็นชิ้นเล็กๆ และลวกน้ำทิ้งเพื่อล้างคาวเลือด 2) นำส่วนผสมทั้งหมดในข้อ 1 มาใส่หม้อที่ตั้งน้ำไว้ โดยใช้เวลาเคี่ยวน้ำซุป 5 ชั่วโมง คอยเติมน้ำให้ได้ปริมาณพอดีตลอดเวลา 3) หลังจากเคี่ยวครบ 5 ชั่วโมงแล้ว นำผ้าขาวบางมากรองเอาแต่น้ำ แล้วปรุงรสด้วยแป้งปรุงรสเจ และเกลือ


วิธี ทำเกี๊ยวกุ้ง : 1) นำกุ้งมาปอกเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด แล้วตบเบาๆ ให้ตัวกุ้งแตกพอประมาณ และพักไว้ 2) นำมันหมูมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และใส่ถ้วยไว้ 3) นำเนื้อกุ้ง มันหมู แป้งมันฮ่องกง และเครื่องปรุงทั้งหมด มาคลุกให้เข้ากันดี 4) นำแผ่นเกี๊ยวมาห่อกับไส้เนื้อกุ้งที่เตรียมไว้ ประมาณ 30 กรัมต่อเกี๊ยว 1 ตัว 5) นำเกี๊ยวไปลวกในน้ำเดือดให้สุกพอประมาณ ตักใส่ถ้วย แล้วนำซุปน้ำหนึ่ง ที่ปรุงรสแล้วตั้งไฟให้เดือด ตักใส่ถ้วยที่มีเกี๊ยวกุ้งลวกสุก โรยด้วยกุยช่ายขาว พร้อมเสิร์ฟขณะร้อนๆ.

credit :  http://www.thairath.co.th/content/life/376622

Read More...


นักชิมสิงคโปร์ต้องมนต์นะจังงัง ตำรับอาหารไทยคลาสสิก "นารา"

นักท่องเที่ยวสิงคโปร์ยกให้เมืองไทยเป็นสวรรค์บนดิน เพราะมีสีสันหลากหลายครบครัน โดยเฉพาะเรื่องความเป็นเลิศด้านอาหารการกิน ซึ่งเป็นจุดขายของไทยแลนด์ และด้วยเสียงเรียกร้องจากนักชิมแดนลอดช่อง ทำให้ร้านอาหารไทยระดับท็อป “นารา” ของนักธุรกิจสาวคนเก่ง “ยูกิ ศรีกาญจนา” ตัดสินใจบินลัดฟ้าไปเปิดบริการสาขาแรกในสิงคโปร์ เมื่อเร็วๆนี้ โดยยึดถนนออร์ชาร์ต เป็นทำเลทองของการสยายปีกธุรกิจครั้งสำคัญ

Pic_375513


แม้ จะอยู่ต่างบ้านต่างเมือง แต่การันตีว่า “ร้านนารา” สาขาสิงคโปร์ คงรักษามาตรฐานเดียวกับที่เปิดให้บริการในเมืองไทย ในฐานะร้านอาหารไทยคลาสสิกที่มีบรรยากาศโก้หรู และโดดเด่นด้วยรสชาติจัดจ้านสไตล์ไทยแท้ดั้งเดิม ครบรสทั้งความเผ็ดร้อน, หวาน, เปรี้ยว และเค็ม โดยหลายเมนูเป็นเมนูสตรีทฟู้ดเลื่องชื่อของไทย

สำหรับ บรรยากาศของร้านก็โก้หรูไม่แพ้เมืองไทย ครอบคลุมพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร รองรับลูกค้า 112 ที่นั่ง ออกแบบโดย “พงษ์ศักดิ์ มหัทธนสกุล” เน้นความเก๋ไก๋ทันสมัย ในโทนสีอบอุ่นของผนังไม้ เพิ่มเสน่ห์ด้วยองค์ประกอบของศิลปะไทยดั้งเดิมและสถาปัตยกรรมไทย โดยมีผนังวัดระฆังและระฆังสีทองอร่ามเป็นสัญลักษณ์ ส่วนเมนูอาหารสาขาสิงคโปร์ ก็ถอดแบบจากสาขากรุงเทพฯทุกกระเบียดนิ้ว และยังคงกลิ่นอายความเป็นไทยแท้ไม่ประนีประนอม เมนูซิกเนเจอร์ขาดไม่ได้มีอาทิ “ชุดออร์เดิร์ฟนารา” รวมของอร่อยสำหรับทานเล่นได้แก่ ทอดมันปลา, ไก่ห่อใบเตย, สะเต๊ะไก่ และยำส้มโอ นอกจากนี้ ยังมีเมนูยอดฮิต เช่น ต้มยำกุ้งแม่น้ำ, แกงส้มชะอมกุ้ง, ก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรดั้งเดิม, ปูผัดผงกะหรี่ และปลากะพงนึ่งมะนาว ส่วนเมนูของหวานต้อง “ไอติมนารา” ไอศกรีมมะพร้าวเสิร์ฟกับเครื่องเคียงแบบไทยๆเติมไม่อั้น มีทั้งทับทิมกรอบ, ถั่วคั่ว, วุ้นมะพร้าว, ลูกชิด, ขนุน, มันเชื่อม, ลอดช่อง และข้าวโพด.

credit by : http://www.thairath.co.th/content/life/375513

Read More...


ตักความสดชื่น ด้วยขนมหวาน - สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ

ตั้งหน้าตั้งตาลุยงานการตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามาเกือบ 20 ปี ด้วยหัวคิดไม่หยุดนิ่ง “ทอมมี่-พิชัย รุ่งนพคุณศรี” ตั้งคำถามกับตัวเองว่าหลังเกษียณจากงานจะทำสิ่งใดแก้เหงา มองย้อนกลับไปพบว่าระหว่างเรียนต่อปริญญาโทตัวเองมักมีความสุขอยู่กับการ นั่งกิน ละเลียดลิ้มรสแกะสูตรขนมแต่ละชิ้นว่ามีส่วนผสมอะไร เมื่อหาคำตอบให้ตัวเองได้จึงไปเทกคอร์สเรียนทำขนมหวานครบสูตร 9 เดือนเต็ม ที่โรงเรียนสอนการประกอบอาหารเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต


คุณทอมมี่เล่าว่า ยิ่งเรียนยิ่งได้ใจเพราะทำออกมาแล้วให้เพื่อนชิมต่างขานรับเป็นเสียงเดียว กันว่า “อร่อย” จึงมองหาลู่ทางเปิดร้านขนมสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ มีรสหวานน้อย กินแล้วสดชื่นและมีโทนสีพาสเทล หลังเห็นว่า 2 ปีก่อนยังไม่มีร้านใดจำหน่ายมาก่อน ตัดสินใจเกษียณอายุงานเปิดร้านขนมญี่ปุ่นบนชั้น 3 อาคารปอร์ติโก้ หลังสวนในชื่อ “พาทิสเซอรี มาสะโทมิ” นับเป็นความท้าทายครั้งใหม่ในชีวิต เพราะไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย สมัยก่อนชอบใจก็ทำ มีความสุขก็ทำ แต่พอมาเปิดร้านแล้วคนละเรื่องกัน ในความสนุกต้องสร้างกลยุทธ์ดึงลูกค้า รังสรรค์เมนูเฉพาะฤดูกาลบ้าง แต่ส่วนใหญ่เน้นใช้วัตถุดิบในเมืองไทย เช่น มันสีม่วง, สตรอเบอรี่พันธุ์พระราชทาน 80 นอกจากหาซื้อง่ายยังช่วยส่งเสริมเกษตรกรไทยทางอ้อม

แต่ปีนี้โชคไม่เข้าข้างสตรอ เบอรี่หมดเร็ว เมนู แพนเค้กกล้วยหอมคาราเมลและสตรอเบอรี่สด สูตรดั้งเดิมจากเพื่อนสนิทชาวอเมริกันในวันนี้ จำเป็นต้องเลือกสตรอเบอรี่จากประเทศเกาหลีมาใช้แทน โดยประยุกต์สูตรให้รสชาติคล้ายคลึงสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนผสมแยกเป็น 2 ส่วน แป้งแพนเค้ก ประกอบด้วย ไข่ไก่ 3 ฟอง, แป้งสาลีอเนกประสงค์ 115 กรัม, ผงฟู 1  ช้อนชา, เกลือ 1 หยิบมือ, บัตเตอร์มิลค์ 135 กรัม ถ้าหาบัตเตอร์มิลค์ยากลงมือทำได้เองโดยใช้นมสด 125 กรัม ผสมน้ำมะนาว 10 กรัม แล้วคนให้เข้ากันทิ้งไว้ 5 นาที ได้นมที่มีลักษณะคล้ายบัตเตอร์มิลค์แต่รสชาติ กลิ่น รวมทั้งเท็กเจอร์แตกต่างกัน ส่วนผสมเครื่องเคียง กล้วยหอม 4 ลูก, สตรอเบอรี่ตามชอบ, ครีมสดตามชอบ, เนย 20 กรัม, น้ำตาล 35 กรัม

สูตรนี้ต้องแยกไข่แดงและไข่ขาว เคล็ดลับในการทำให้แป้งแพนเค้กฟูนุ่ม ผสมไข่แดง บัตเตอร์มิลค์ ผงฟู แป้งสาลีอเนกประสงค์ ไข่ขาวที่แยกออกมาตีตั้งยอดใส่เกลือเล็กน้อยเพื่อตัดรส ค่อย ๆ ตะล่อมแล้วนำมาตีให้

เข้ากันกับส่วนผสมไข่แดง นำมาหยอดลงกระทะใช้ไฟอ่อนสุก ทาเนยตามขนาดที่ต้องการทอดสุกแล้วกลับอีกด้าน เมื่อสุกทั้งสองด้านแล้วนำขึ้นพักไว้ หันมาทำกล้วยหอมคาราเมล ปอกกล้วยหอมฝานเป็นแผ่นแบนตามยาว นำน้ำตาลขึ้นกระทะแบน เกลี่ยให้กระจายทั่วกัน ใช้ไฟกลางจนน้ำตาลละลายและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน ยกลงจากไฟอย่าปล่อยกระทะทิ้งไว้บนไฟน้ำตาลจะไหม้มากเกินทำให้เกิดรสขม ใส่เนยคนทันทีให้เข้ากัน ยกกลับขึ้นไฟกลางใส่กล้วยหอมที่ฝานไว้ ทอดจนกล้วยหอมสุกคาราเมลฉาบเคลือบพอสมควรทั้ง 2 ด้าน ยกลงแล้วจัดจานพร้อมแพนเค้กที่ทอดไว้แล้ว แต่งด้วย สตรอเบอรี่สดและวิปครีม.

ช้องมาศ

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=151

Read More...


‘ฟักข้าวสามรส’ พืชผักพื้นบ้านสร้างอาชีพ

“ฟักข้าว” เป็นพืชผักพื้นบ้านที่คนในชนบทปลูกไว้ตามรั้ว หรือปลูกรวมกับพืชผักสวนครัวอื่น ๆ เพื่อนำผลอ่อน ยอด ใบอ่อน มาทำอาหารอย่างเช่นแกงส้ม หรือเครื่องเคียงจิ้มนํ้าพริก นำเนื้อเยื่อสีแดงมาหุงกับข้าวเหนียวจะได้ข้าวสีส้ม กลิ่นหอมน่ารับประทาน และได้มีการแปรรูปเป็นนํ้าฟักข้าวด้วยวิธีภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่ช่วงที่ฟักข้าวสุกมากจนรับประทานไม่ทันก็ต้องปล่อยทิ้งให้เน่าเสียน่า เสียดาย ซึ่งพืชผักชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ด้านการป้องกันและรักษาโรค จึงเกิดแนวคิดที่จะเพิ่มมูลค่าฟักข้าว ไม่ต้องปล่อยให้เน่าเสียเปล่าประโยชน์ จึงมีการนำมาแปรรูปเป็นขนม เป็นของทานเล่น กลายเป็นสินค้าที่มีจุดขายเด่นด้านสุขภาพ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอให้พิจารณา...


 “ฟักข้าว” เป็นพืชผักพื้นบ้านที่คนในชนบทปลูกไว้ตามรั้ว หรือปลูกรวมกับพืชผักสวนครัวอื่น ๆ

ผู้ที่จะให้ข้อมูลคือ สุ-ธนัญญาณ์ ตู้เซ่ง และ หนึ่ง-ธีรวัฒน์ ตู้เซ่ง ทายาทผู้สืบทอดการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฟักข้าวกวนสามรส แบรนด์ “หนึ่ง สอง สาม 1-2-3 มาร์เก็ตติ้ง” ของดีเมืองลุง ซึ่งทั้งคู่เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่า หลังจากที่ทำขนมปั้นขลิบได้ประสบความสำเร็จและมีการขยายตลาดมากขึ้น คุณแม่ซึ่งเป็นคนที่ชอบทำขนมมาก จึงได้คิดค้นผลิตสินค้าออกมาใหม่ให้มีความหลากหลาย เป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า คุณแม่คิดว่าน่าจะเอาพืชผักหรือผลไม้ในท้องถิ่นนำมาแปรรูปเพื่อให้ได้สินค้า ตัวใหม่ ๆ และหลังจากที่ได้ไปสำรวจก็พบว่าพืชผักที่มีมากในท้องถิ่นของ จ.พัทลุง คือ “ฟักข้าว” หรือ “ขี้พร้าไฟ” ของชาวใต้ ซึ่งปลูกง่ายและมีสรรพคุณมากมาย

“ในชนบทชาวบ้านมักปลูกฟักข้าวไว้ริมรั้ว ซึ่งจะมีผลให้เก็บเกี่ยวตลอดปี ช่วงที่เก็บผลสุกคือช่วงเดือน ก.ค. ถึง ก.พ. แต่ละต้นจะเก็บผลได้ 30-60 ผล ชาวบ้านจะนำผลแก่มาขายกิโลกรัมละไม่กี่สิบบาท แต่ช่วงที่ผลแก่มีมาก ๆ ชาวบ้านบางส่วนก็ต้องปล่อยให้เน่าเสียไป จึงนำมาทดลองแปรรูปเป็นขนม ผลฟักข้าวมีเปลือกหนา ผลสุกเนื้อในหนาสีส้มแดง ภายในมีเยื่อสีแดงเกาะเมล็ด ซึ่งได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่า เนื้อเยื่อสุกของฟักข้าวมีไลโคปีน ซึ่งเป็นสารมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่น ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งมากกว่าผลไม้อื่น มีงานวิจัยพบว่ามีสารเบต้าแคโรทีนมากกว่าแครอท 10 เท่า และมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศ 70 เท่า มีวิตามินซีมากกว่าส้ม 60 เท่า ฟักข้าวมีสารช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย มีสารช่วยชะลอความแก่ชรา บำรุงสายตา บำรุงสมอง และมีสารช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและระบบไหลเวียนโลหิต อีกทั้งยังมีโปรตีนที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อเอดส์ (HIV) และช่วยป้องกันโรคหัวใจ ฯลฯ”


สำหรับการนำฟักข้าวมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ “หนึ่ง สอง สาม 1-2-3 มาร์เก็ตติ้ง” ปัจจุบันมีการทำเป็นขนม “ฟักข้าวกวน” มีทั้งหมด 3 รสชาติ คือ ฟักข้าวสามรส, ฟักข้าวจี๊ดจ๊าด, ฟักข้าวทรงเครื่อง ซึ่งขายดีทุกรสชาติ

อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำขนมฟักข้าว หลัก ๆ ก็มี กระทะ, เตาแก๊ส, เครื่องบด, เครื่องกวน, มีด, เขียง, กะละมัง และเครื่องไม้เครื่องมือเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่หยิบยืมเอาจากในครัวได้

ส่วนวัตถุดิบหลักในการทำ ตามสูตรก็มี ฟักข้าวสด (ทั้งดิบและสุกอย่างละครึ่ง) สับหยาบ ๆ 2 กก., นํ้ามะนาว กก. (จะใช้นํ้ามะขามเปียกก็ได้), นํ้าตาลทราย 1 กก., เกลือ ถุง และพริกแดงป่น 2 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนการแปรรูปฟักข้าว กรณีทำเป็น “ฟักข้าวสามรส” เริ่มจากการนำฟักข้าวสดทั้งดิบและสุกที่เตรียมไว้มาปอกเปลือกออกให้หมด จากนั้นนำไปล้างให้สะอาด พักให้สะเด็ดนํ้า ก่อนจะนำมาหั่นเป็นแว่น ๆ คว้านเอาเมล็ดข้างในออกให้หมด เสร็จแล้วนำมาสับหยาบ ๆ ใส่ในภาชนะเตรียมไว้


จากนั้นนำส่วนผสม คือ นํ้าตาลทราย นํ้ามะนาวสด (หรือนํ้ามะขามเปียก) พริกป่น และเกลือ ใส่ลงไปบนฟักข้าวที่สับเตรียมไว้ ใช้ทัพพีคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน (ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะต้องคนให้นํ้าตาลทรายละลาย) เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้ว ก็นำไปบดหรือปั่นจนละเอียด
หลังจากนั้นก็นำไปกวนในกระทะ โดยใช้ไฟปานกลาง (การกวนต้องกวนไปทางเดียวกันตลอดเหมือนเข็มนาฬิกา) กวนไปเรื่อย ๆ อย่าให้ติดกระทะ ใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง จนได้ “ฟักข้าวกวน” ที่เหนียวจนได้ที่ จึงเทฟักข้าวกวนลงในถาด ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงนำมาตัดและห่อตามรูปแบบแพ็กเกจแต่ละแบบ ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน

ราคาขาย “ฟักข้าวสามรส” คือ 160 บาท/กก. ถ้าเป็นการแบ่งบรรจุ แพ็กเกจสวย ๆ สามารถขายได้แพ็กละ 50 บาท โดยสินค้าแบรนด์ “หนึ่ง สอง สาม 1-2-3 มาร์เก็ตติ้ง” ส่วนใหญ่จะขายตามร้านค้าและร้านขายของฝาก

ใครแวะเวียนไปแถวพัทลุง ก็เชิญชวนลิ้มลอง “ฟักข้าวสามรส” ของดีพัทลุง โดยแหล่งผลิตสินค้าเจ้านี้ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 205 หมู่ 12 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 93150 ซึ่งใครสนใจจะรับไปจำหน่ายต่อเป็น “ช่องทางทำกิน” ในอีกรูปแบบหนึ่ง ก็สามารถติดต่อที่ ป้าเล็ก หรือ น้องหนึ่ง ได้ที่ โทร. 08-5673-1774, 08-1092-2520 หรือ 0-7468-5049.
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / ภานุพงศ์ พนาวัน : ภาพ



Read More...


ข้าวเม่าหมี่จากข้าวกล้องงอก อาหารพื้นบ้านสู่สไตล์สากล

“ข้าวเม่าหมี่” เป็นอาหารไทยโบราณพื้นบ้านที่เด็กสมัยก่อนชื่นชอบ ลักษณะของข้าวเม่าหมี่จะทอดจนมีสีเหลืองนวล ผสมนํ้าตาลทราย กุ้งแห้ง ถั่วลิสง และเต้าหู้ทอดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่กระเทียมเจียวที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่ใส่สีและสารกันบูด ณ ปัจจุบันหากจะหารับประทาน ยากแสนยาก

แต่วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีสูตรการทำมานำเสนอ... อาจารย์ชมุค พรรณดวงเนตร อาจารย์ประจำภาควิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นผู้ประยุกต์ปรับปรุงเมนูอาหารไทยพื้นบ้านดังกล่าวนี้ให้เป็นเมนูจานใหม่ คิดทำ “ข้าวเม่าหมี่จากข้าวกล้องงอก” จากอาหารไทย สร้างให้เป็นสไตล์สากล เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน และเพื่อเผยแพร่ให้เด็กไทยยุคนี้ได้รู้จักและสามารถรับประทานได้ และก็น่าช่วยสร้างอาชีพให้คนไทยได้ด้วย




ที่มาของเมนูนี้ อ.ชมุค เล่าให้ฟังว่า มาจากการทำวิจัยในต่างจังหวัด ที่ชาวบ้านต้องการสร้างมูลค่าเพิ่ม “ข้าวกล้องงอก” ซึ่งข้าวกล้องงอกถือว่าเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่าง มากสำหรับคนที่รักสุขภาพ เพราะเป็นข้าวที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมายหลายชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มฟิโนลิคที่ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า ชะลอความแก่ และสารออริซานอลที่ช่วยควบคุมระดับ-ลดอาการผิดปกติของวัยทอง ที่สำคัญที่ต้องเน้นเป็นพิเศษคือ สารกาบา (GABA) ซึ่งกาบาเป็นกรดอะมิโนที่มีบทบาทสำคัญที่ทำหน้าที่สื่อสารประสาท ปัจจุบันวงการแพทย์มี การใช้สารกาบา รักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาทหลายโรค เช่น ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้จิตใจสงบ ลดความเครียดวิตกกังวล ลดความดันโลหิต และในข้าวนี้ยังมีเส้นใยอาหาร ช่วยควบคุมระดับนํ้าตาลในเลือด ช่วยควบคุมนํ้าหนัก ป้องกันมะเร็งลำไส้ และลดอาการท้องผูก นอกจากนี้ยังมีวิตามินอี ช่วยลดการเหี่ยวย่นของผิว

“ข้าวชนิดนี้มีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย จึงได้รับความนิยมในหมู่คนที่รักสุขภาพ ผู้ที่มีไอเดียจึงนำข้าวกล้องงอกไปแปรรูปเป็นของกินรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่า และให้ตรงความต้องการ เช่น นํ้าข้าวกล้องงอก ไอศกรีม ป๊อปไรท์ ข้าวแต๋น เต้าฮวยฟรุตสลัด ข้าวหมาก ข้าวจี่ชุบไข่ ฯลฯ จึงได้คิดค้นโดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านโบราณมาดัดแปลงข้าวเม่าหมี่ นำข้าวกล้องงอกมาแทนข้าวเม่าที่หายากและราคาแพง เพื่อให้ผู้ที่สนใจนำไปต่อยอดสร้างเป็นอาชีพ”

อ.ชมุค แจกแจงว่า ส่วนผสมในการทำ “ข้าวเม่าหมี่จากข้าวกล้องงอก” แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนผสมข้าวคลุก ใช้...ข้าวกล้องงอก, นํ้าตาลทราย, นํ้าผึ้ง, เกลือป่น, แบะแซ, เนยสด และส่วนของเครื่องผสม ก็มี...งาดำ, งาขาว, เต้าหู้ขาวชนิดแข็ง, แครอทอบแห้ง, กุ้งสดอบทอด, ต้นหอมอบแห้ง และนํ้ามันพืช

อุปกรณ์หลัก ๆ ที่ใช้ในการทำก็มี... ตู้อบลมร้อน, เตาแก๊ส, กระทะทอง, ไม้พายเล็ก, ถาด เเละอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดที่ใช้ครัวเรือนทั่ว ๆ ไป

ขั้นตอนการทำ “ข้าวเม่าหมี่จากข้าวกล้องงอก” เริ่มจากนำข้าวกล้องงอกที่หุงสุกแล้วมาเกลี่ยให้กระจายทั่วบนถาด นำเข้าอบในตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 5 ชั่วโมง

หั่นเต้าหู้ขาวชนิดแข็งเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า นำเข้าอบและใช้เวลาเหมือนกับข้าวกล้องงอก หั่นแครอทสดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ นำไปลวกให้สุก พักให้สะเด็ดนํ้า ก่อนจะอบเหมือนกับข้าวกล้องงอก ส่วนต้นหอมนำมาซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำเข้าอบเป็นเวลา 5 ชั่วโมง กุ้งสดนำมาล้างให้สะอาด แกะเปลือก สับหยาบ ๆ นำเข้าอบเป็นเวลา 2 ชั่วโมง (ส่วนผสมแต่ละอย่างต้องแยกกันอบ) เสร็จแล้วนำใส่ภาชนะเตรียมไว้

เมื่อเตรียมส่วนผสมข้าวคลุกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้นำข้าวกล้องงอกอบแห้ง เต้าหู้อบแห้ง และกุ้งอบแห้ง ลงไปทอดในนํ้ามัน ใช้ไฟอ่อน ทอดให้ส่วนผสมมีลักษณะเหลืองกรอบ แล้วตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดนํ้ามัน (การทอดส่วนผสมนั้น ต้องทอดทีละอย่าง อย่ารวมกัน เพราะส่วนผสมแต่ละอย่างจะสุกไม่พร้อมกัน)

นำส่วนผสมของนํ้าตาลทราย นํ้าผึ้ง เกลือ แบะแซ เนยสด และนํ้าสะอาด ใส่ลงกระทะทอง ตั้งไฟเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ จนนํ้าเชื่อมมีลักษณะเหนียวข้นคล้ายคาราเมล แล้วนำส่วนผสมของข้าวกล้องงอกอบแห้งทอด เต้าหู้อบแห้งทอด กุ้งอบแห้งทอด และแครอทอบแห้ง ต้นหอมอบแห้ง งาขาว งาดำ ใส่ลงอ่างผสม ใช้ไม้พายคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน

จากนั้นนำส่วนผสมที่คลุกเคล้ากันดีแล้วไป ใส่ลงในกระทะทองที่มีเครื่องผสม คลุกเคล้าให้เข้ากันโดยใช้ไฟอ่อน ๆ ชิมเพื่อปรับ แต่งรสชาติตามใจชอบ เสร็จแล้วปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็น เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิทหรือบรรจุผลิตภัณฑ์ โดย “ข้าวเม่าหมี่จากข้าวกล้องงอก” นี้สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือน ๆ โดยไม่ใส่สารกันบูด
****************

ใครสนใจทำ “ข้าวเม่าหมี่จากข้าวกล้องงอก” ขายเป็น “ช่องทางทำกิน” ก็ลองฝึกฝนกันดู หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก อ.ชมุค พรรณดวงเนตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ก็ติดต่อได้ที่ภาควิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ โทร. 0-2549-3160-61 หรือ 08-4094-8222 ซึ่งทางอาจารย์ยังมีสูตรอาหารเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจอีกหลายชนิด.
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=188653#

Read More...


‘เครปข้าวหอม’บวก‘ซอสมะม่วง’น่าสน

คนไทยเราผูกพันกับ “ข้าวหอมมะลิ” มาช้านาน ซึ่งข้าวหอมมะลิไทยมีรสชาติอร่อย เหนียวนุ่ม มีกลิ่นหอม จนได้รับการยอมรับว่าเป็นข้าวที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก ต่างชาติก็ยอมรับในความเป็นเลิศนี้ ซึ่งข้าวหอมมะลินี่แปรรูปเป็นขนมก็อร่อย และวันนี้ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลการแปรรูปข้าวไทย ทำเป็น “เครปข้าวหอมซอสมะม่วง”

มานำเสนอ... ผศ.มาริน สาลี อาจารย์ประจำสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เจ้าของสูตรและไอเดีย “เครปข้าวหอมซอสมะม่วง” เล่าให้ฟังว่า ได้มีการประยุกต์โดยนำข้าว 5 อย่าง ประกอบด้วย ข้าวซ้อมมือหอมมะลิ, ข้าวซ้อมมือมะลิแดง, ข้าวซ้อมมือมะลินิล, ข้าวกล้องเหนียว และจมูกข้าว มาเป็นวัตถุดิบหลักในการทำแผ่นเครป โดยในข้าวสายพันธ์ที่กล่าวมามีโปรตีนสูง มีธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียม
โพแทสเซียม ซึ่งต้านอนุมูลอิสระได้ดี จากคุณประโยชน์นี้จึงได้นำมาเป็นส่วนผสมในการทำแป้งเครป ส่วนซอสมะม่วงก็ช่วยให้เครปอร่อยหอมหวาน ประกอบกับไทยมีมะม่วงทุกฤดูกาล โดยมะม่วงที่ใช้คือ มะม่วงมหาชนก ซึ่งราคาไม่แพง



“พอเราเสริมข้าวหอมเข้าไป ก็ทำให้แป้งเครปมีคุณค่าโภชนาการเพิ่มมากขึ้น โดยจะได้วิตามินบี 12 ป้องกันโรคเหน็บชาและโรคปากนกกระจอก เราผสมในส่วนของแป้งเครป ทำให้แป้งมีลักษณะพิเศษตรงที่มีส่วนผสมของข้าวหอม ขนมจะมีความนุ่ม เหนียว มีกลิ่นหอมมาก และมีความหวานในตัว เครปชนิดนี้รับประทานกับซอสผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวได้ทุกชนิด เช่น มังคุด สตรอเบอรี่ ฯลฯ สามารถปรับได้ตามความชอบ ใครสนใจสามารถนำไปต่อยอดไอเดียเป็นอาชีพก็ได้”

อุปกรณ์ที่ใช้ทำ “เครปข้าวหอมซอสมะม่วง” หลัก ๆ ก็มี... กระทะเทฟล่อน (ขนาดกลาง), เตาแก๊ส, ไม้พายขนาดเล็ก, ตะกร้อมือ และเครื่องไม้เครื่องมือเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่หยิบยืมเอาจากในครัวได้
วัตถุดิบหรือส่วนผสมหลัก ๆ ที่ใช้ในการทำ “ตัวแป้ง” ตามสูตรก็มี... แป้งเอนกประสงค์ ½ ถ้วยตวง, แป้งข้าวโพด ½ ถ้วยตวง, ข้าวหอมมะลินึ่งสุก 1 ถ้วยตวง, นมข้นจืด 1½ ถ้วยตวง, ไขไก่ 4 ฟอง, ไข่แดง 2 ฟอง, วานิลา 1 ช้อนโต๊ะ, เกลือ 1 ช้อนชา, น้ำตาลทราย ¼ ถ้วยตวง, เนยละลาย 85 กรัม และน้ำเย็น 1½ ถ้วยตวง

สำหรับส่วนผสมของ “ซอสมะม่วง” ประกอบด้วย... เนื้อมะม่วงสุก 250 กรัม, น้ำมะม่วง 1 ถ้วยตวง, น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ, นมสดรสจืด ½ ถ้วยตวง, น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ และเกลือ 1 ช้อนชา
ขั้นตอนการทำ “เครปข้าวหอมซอลมะม่วง” เริ่มจากทำแป้งเครป สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือนำข้าว 5 อย่างคือ ข้าวซ้อมมือหอมมะลิ, ข้าวซ้อมมือมะลิแดง, ข้าวซ้อมมือมะลินิล, ข้าวกล้องเหนียว และจมูกข้าว มาผสมรวมกัน แล้วหุง เมื่อข้าวสุกแล้วก็นำมาผึ่งไว้ให้เย็นสนิท จากนั้นนำไปปั่นรวมกับนมสดและน้ำเย็น ปั่นจนละเอียดแล้วเทใส่อ่างผสมพักไว้

นำแป้งเอนกประสงค์ แป้งข้าวโพด น้ำตาลทราย และเกลือ ผสมรวมกัน ใส่ตามลงไปในอ่างผสม คนให้เข้ากัน ใส่ไข่ไก่ ไข่แดง วานิลา นมข้นจืด และเนยละลาย ตามลงไป ใช้ตะกร้อมือคนส่วนผสมให้เข้ากันและเนียนดี
จากนั้นก็นำส่วนผสมแป้งไปทำการกรองด้วยกระชอนละเอียด เสร็จแล้วนำส่วนผสมแป้งที่ได้ไปพักไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 1 คืน เพื่อให้แป้งเซ็ตตัว (เมื่อต้องการนำออกมาใช้ก็จะได้ส่วนผสมที่ข้นขึ้น)

ต่อไปเป็นวิธีทำซอสมะม่วง นำเนื้อมะม่วงสุกที่เตรียมไว้หั่นใส่ในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำมะม่วง นมสด น้ำเชื่อม เกลือ ปั่นจนส่วนผสมละเอียด เทใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟให้เดือด ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว ชิมรสตามชอบ แล้วนำลงพักไว้ให้เย็น

ได้แป้งเครปและซอสมะม่วงเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการทำแผ่นเครป โดยนำแป้งออกมาจากตู้เย็น คนให้เข้ากันอีกรอบ ตั้งกระทะเทฟล่อนบนเตา ใช้ไฟอ่อน ๆ ทาเนยบาง ๆ ให้ทั่ว พอกระทะร้อนตักแป้งที่เตรียมไว้หยอดลงตรงกลางกระทะ กรอกแป้งให้กระจายทั่ว คอยดูแป้งไม่ให้หนาหรือบางเกินไป สังเกตเมื่อเห็นขอบแป้งเครปเริ่มร่อน ใช้ไม้พายแซะแล้วพลิกแป้ง อย่าให้ขาด แล้วทอดต่อไปอีกเล็กน้อย จนแป้งสุกเป็นสีเหลืองอ่อน จึงนำขึ้นมาพักไว้

เมื่อต้องการจะทำเครป ให้พับแผ่นแป้งตามรูปแบบที่ต้องการ ราดด้วยซอสมะม่วง ตักรับประทานพร้อม ๆ กัน ก็จะได้รับความอร่อยหวานนุ่มฉ่ำลิ้น ซึ่งจากส่วนผสมที่ว่ามาข้างต้นสามารถทำแผ่นแป้งเครปได้ประมาณ 80 แผ่น

“เครปข้าวหอมซอสมะม่วง” พลิกแพลงจากเครปแผ่นใหญ่มาเป็นเครปขนาดย่อม แป้งเหนียวนุ่มอร่อย ใครสนใจจะนำไปต่อยอดเป็นสูตรสร้าง “ช่องทางทำกิน” ก็เชิญได้ และหากต้องการสอบถามเพิ่มเติมจาก ผศ.มาริน สาลี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ก็ติดต่อได้ที่ภาควิชาอาหารและโภชนาการ โทร.0-2549-3160-61 หรือ 08-4094-8222 ซึ่งทางอาจารย์ก็ยังมีสูตรอาหารเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจอีกหลายชนิด.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ
----------------------------------------------
คู่มือลงทุน...เครปข้าวหอมซอสมะม่วง
ทุนเบื้องต้น ขึ้นอยู่กับรูปแบบการทำขาย
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 50% ของราคา
รายได้ ตั้งราคาขายให้มีกำไร 50%
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านอาหาร, ย่านชุมชนทั่วไป
จุดน่าสนใจ ดีต่อสุขภาพเป็นจุดขายที่ดี

credit by  http://www.dailynews.co.th/article/384/232853

Read More...


จุใจ จุกท้อง เมนูเบอเริ่มเทิ่ม จานนี้...นี่เอง

ในเมืองไทยจะมี ”อาหารจานยักษ์” ให้ได้อร่อยตามรอยรายการทีวีญี่ปุ่นบ้างไหมนะ ดูรายการทีวีญี่ปุ่นทีไรเป็นต้องน้ำลายหกซะทุกที เสิร์ฟอาหารแต่ละจานกองเป็นภูเขา ข้าวเป็นกิโล กิโล อัดแน่นๆ ลงในชาม เอ๊ะ! เรียกว่ากาละมังจะเหมาะสมกว่า จัดหนักด้วยเครื่องเครา เนื้อชิ้นใหญ่ อาหารทะเลนำเข้า ล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมทั้งนั้น ในยุคที่ข้าวของขึ้นราคา ไหนๆ จะต้องจ่ายแพงแล้ว ก็ควรได้ปริมาณที่จุใจไปด้วยเลย เริ่มต้นเคลียร์ท้องให้ว่างแล้วเริ่มกันเลย


เมื่อกายพร้อม Hey! ใจพร้อม Hey! เงินในกระเป๋าก็ต้องพร้อมด้วย... แป่ว!!! แต่อย่าเพิ่งตกใจไป บางเมนูอาหารจานยักษ์ เมื่อคุณทานหมดตามกติกา นอกจากจะอิ่มท้องแล้ว อาจจะได้สตางค์ติดกระเป๋ากลับบ้านไปอีกด้วย

ข้าวแกงกระหรี่ญี่ปุ่น : ร้าน Gold Curry Bangkok สุขุมวิท 39

ร้าน  Gold Curry Bangkok  ย่านซอยสุขุมวิท 39 ข้าวแกงกระหรี่สไตล์เมืองคานาซาว่า จากประเทศญี่ปุ่น  เอกลักษณ์ที่ต่างออกไปคือ เสิร์ฟมาในภาชนะเงินเท่านั้น  ภายในจานประกอบด้วยกะหล่ำปลีหั่นฝอย เนื้อแกงเหนียวข้น มีให้เลือกทั้งหมูและเนื้อตามชอบ  ข้าวแกงกระหรี่จานใหญ่ 1 จาน มีน้ำหนักถึง 2 กิโลกรัม ส่วนราคาอยู่ที่ 699 บาท  ถ้าหิวกันดึกหน่อยก็ยังไปทันนะ ร้านเปิดปิดช่วง 11.00 – 02.00 น.

Gold Curry Bangkok
Gold Curry Bangkok
โปรโมชั่นของทางร้าน ข้าวแกงกระหรี่จานใหญ่ 1 จาน 2 กิโลกรัม ราคา 699 บาท รับประทานหมดคนเดียวภายใน 15 นาที  ฟรี!!! อ๊ะ!!! แต่ถ้าเกินไปแม้เพียงวินาทีเดียวก็ต้องจ่ายตามปกตินะ

 ~ คลิ๊กดูภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~

พิซซ่าไซด์ใหญ่ขนาด 25” FAMILY : ร้าน Pizza N Pasta เชียงใหม่

จบจากข้าวแกงกะหรี่ มาต่อกันด้วยเมนูพิซซ่าจานยักษ์  ร้าน Pizza N Pasta  ผ่านไปผ่านมาแถวถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ลองไปแวะชิมกันได้ พิซซ่าสไตล์ New York ขอบแป้งหนานุ่ม ส่วนตรงกลางบางกรอบ ราคา 960 บาท ทีเด็ดความอร่อยมาจากซอสสูตรพิเศษที่เน้นใช้เครื่องเทศจากประเทศไทยเท่านั้น นอกจากนี้ทางร้านยังเพิ่มหน้าของพิซซ่า ทั้ง พิซซ่าหน้าไส้อั่ว พิซซ่าหน้าน้ำพริกอ่อง เพื่อเอาใจคนเจียงใหม่ด้วยกะจ้าววว มื้อเช้าไม่ต้องทานเยอะเดี๋ยวตัดกำลัง รอลุยมื้อเที่ยงทีเดียว ร้านเปิดปิด 11.00 – 22.00 น.

 Pizza N Pasta
Pizza N Pasta
Pizza N Pasta

โปรโมชั่นของทางร้าน  พิซซ่าไซด์ขนาด 20” LARGE (แป้งหนานุ่ม) ราคา 600 บาท รับประทานหมดคนเดียวภายในเวลา 40 นาที ฟรี!!!
 

ข้าวมันไก่ไจแอนท์ : ร้านศรีเหลืองโภชนา สะพานควาย

อีกเมนูที่ทานง่ายๆ สั่งปุ๊บ ได้ปั๊บ บางท่านที่คิดไม่ออกจะทานอะไรดี ก็มักจะสั่งเมนูนี้ แต่ที่นี่ ร้านศรีเหลืองโภชนา ร้านดังย่านสะพานควาย ถ้าจะสั่งต้องคิดหนักเลยทีเดียว  เพราะจานนี้ไจแอนท์สมชื่อ  โดย1 จาน ประกอบด้วย ข้าวมันหุงจากข้าวหอมมะลิ 2 กิโลกรัม เนื้อไก่ 1 กิโลกรัม จำหน่ายเพียง 6 จานต่อวันเท่านั้น ไปเริ่มมื้อแรกของวันกันได้เลย ร้านเปิดปิด07.00 – 16.00 น.

ร้านศรีเหลืองโภชนา
ร้านศรีเหลืองโภชนา
ร้านศรีเหลืองโภชนา

โปรโมชั่นของทางร้าน 1 คน 1 จาน รับประทานข้าวมันไก่ไจแอนท์ ให้หมดภายในเวลา 1 ชั่วโมง ฟรี!!! แต่ถ้าไม่หมดต้องจ่าย 500 บาท (เลือดกับแตงกวาไม่ต้องทานก็ได้) และลูกค้าที่สั่งข้าวมันไก่ไจแอนท์ จะได้รับเครื่องดื่มฟรี 5 แก้วทันที หมดเขต 30 มิ.ย.56 (เฉพาะทานในร้านเท่านั้น)

ข้าวคินนิจิดงบูริจานยักษ์ : ร้าน คินนิจิ U-Center (สามย่าน)

ร้านคินนิจิ U-Center (สามย่าน) เมนูสไตล์ญี่ปุ่น อีก 1 จาน ที่คนรักการทานต้องไม่พลาด ที่สำคัญใครที่ไม่ชอบผักเชิญทางนี้ เพราะจานนี้ เนื้อๆ เน้นๆ 1 จาน ประกอบไปด้วย ข้าวญี่ปุ่น 1 ก.ก. ตามด้วยเนื้อหนังมังสาแบบเต็มๆ  หมูชาชู 3 ชิ้น, ไก่คาราอาเกะ 5 ชิ้น, กุ้งเทมปุระ 2 ตัว, กุ้งคัตสึ 1 ตัว, หมูคัตสึ 1 ชิ้น, แซลมอนคัตสึ 1 ชิ้น, และแซลมอนเทริยากิ 2 ชิ้น สนนราคาจานยักษ์จานนี้อยู่ที่  599 บาท เท่านั้น
ใครสนใจอยากอิ่มท้องเชิญได้  ร้านเปิดจันทร์-เสาร์ 11.00-21.00 ขอหยุดวันอาทิตย์ 1 วันเพื่อไปสรรหาวัตถุดิบชั้นเยี่ยมมาเสิร์ฟถึงโต๊ะได้อย่างไม่ผิดหวัง

ร้านคินนิจิ U-Center (สามย่าน)
ร้านคินนิจิ U-Center (สามย่าน)
ร้านคินนิจิ U-Center (สามย่าน)

โปรโมชั่นของทางร้าน 1 คน 1 จาน รับประทานข้าวคินนิจิดงบูริจานยักษ์ให้หมดภายในเวลา 15 นาที ฟรี!!!

Read More...


ข้าวอบเบญจรงค์ - เครปข้าวซอสมะม่วง จาก มทร. ธัญบุรี

อรุณสวัสดิ์ยามเช้า พร้อมกับเมนูอาหาร ที่ Life on Campus ไม่พลาดนำมาเสนอให้คนรักสุขภาพที่ต้องการสารอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต วิตามินและแร่ธาตุ ที่เป็นแหล่งให้กำลังงานและความอบอุ่น ด้วยวัตถุดิบอย่าง“ข้าวไทย” ที่มาพร้อมกับเมนูอาหารที่มีชื่อแบบไทยว่า “ข้าวอบเบญจรงค์” เสิร์ฟพร้อมกับของหวาน “เครปข้าวซอสมะม่วง” 2 สูตรเด็ดนี้ส่งตรงมาจากคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี

“ข้าวอบเบญจรงค์”


       ผศ.สุวรรณี อาจหาญณรงค์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ เจ้าของเมนู “ข้าวอบเบญจรงค์” กล่าว ว่า ข้าวอบเบญจรงค์เป็นเมนูที่ทำรับประทานได้ง่าย นอกจากข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ส่วนผสมทั้ง 5 ที่ใส่ลงไปล้วนแต่อุดมไปด้วยสารอาหาร และคุณประโยชน์ แครอท มีวิตามินเอและสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา แก้โรคตาฝ้าฟางได้ดี แปะก๊วยมีรสหวานอมขมอมฝาด ช่วยบำรุงปอด แก้ไอ เห็ดหอมบำรุงสมอง เพิ่มความสดชื่น ลดคอเลสเตอรอล ถั่วฝักยาว อุดมไปด้วย แคลเซียม และกุ้งแห้ง

วัตถุดิบ
     
สำหรับ ส่วนผสมในการทำข้าวอบเบญจรงค์ ประกอบด้วย ข้าวสารข้าวเจ้า 250 กรัม ข้าวสารข้าวเหนียว 50 กรัม น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ ขิงแก่หั่นตามขวางบางๆ 80 กรัม น้ำ 2 ½ ถ้วย ผงปรุงรส (รสหมู) 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ เห็ดหอมแห้ง แช่น้ำหั่นเส้น 5 ดอกใหญ่ แครอทหั่น 100 กรัม ถั่วฝักยาวหั่น 1 ซม. 100 กรัม แปะก๊วย‎ต้มสุก 150 กรัม และกุ้งแห้ง 3 ช้อนโต๊ะ
     
วิธี ทำ เริ่มจากการซาวข้าวสารสองชนิดสรงให้สะเด็ดน้ำ ตั้งไฟใส่น้ำมันในกระทะใส่ขิงและเห็ดหอม ใส่กุ้งแห้งลงผัด จากนั้นใส่ข้าวสารผัดลงเติมซีอิ๊วใส่ผงปรุงรสใช้ไฟปานกลางประมาณ 10 นาที ผัดจนเม็ดข้าวสารดีดตัว เทข้าวที่ผัดใส่หม้อหุงข้าว เติมส่วนผสมที่เหลือ แครอท ถั่วฝักยาว แปะก๊วย‎ เติมน้ำ จากนั้นหุงข้าว หรือจะใช้เป็นการนึ่งก็ได้ 
“เครปข้าวซอสมะม่วง”

       ถัดมาที่ “เครปข้าวซอสมะม่วง” โดย ผศ.มาริน สาลี อาจารย์ประจำสาขาวิชาอาหารและโภชนาการ เจ้าของไอเดียเมนูดังกล่าว เผยถึงที่มาของหวานชนิดนี้ว่า การนำเอาข้าว 5 สายพันธุ์ ประกอบด้วย ข้าวซ้อมมือหอมมะลิ/ข้าวซ้อมมือมะลิแดง/ข้าวซ้อมมือมะลินิล/ข้าวกล้องเหนียว และจมูกข้าว โดยในข้าวดังกล่าวมามีโปรตีนสูง ธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้ดี
จาก คุณประโยชน์ดังกล่าวจึงได้นำมาเป็นส่วนผสมหลังในการทำแป้งเครป ทางด้านซอสมะม่วงต้องการให้เครปมีรสชาติที่อร่อย หอมหวาน บวกกับประเทศไทยมีมะม่วงทุกฤดูกาล โดยมะม่วงที่ใช้ คือ มะม่วงมหาชนก เพราะว่า มีราคาค่อนข้างถูก

วัตถุดิบ

       โดย ส่วนผสมประกอบด้วย แป้งอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วยตวง แป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วยตวง ข้าวหอมนิลนึ่งสุก 1 ถ้วยตวง นมข้นจืด 11/2 ถ้วยตวง ไข่ไก่ 4 ฟอง ไข่แดง 2 ฟอง วนิลา 1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา น้ำตาลป่น ¼ ถ้วย เนยละลาย 85 กรัม น้ำเย็น 1 ½ ถ้วยตวง ในส่วนของตัวซอสมะม่วง ประกอบด้วย เนื้อมะม่วงสุก 250 กรัม น้ำมะม่วง 1 ถ้วยตวง น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา นมสด ½ ถ้วยตวง

     

        วิธี ในการทำเริ่มจาก นำข้าวสุกมาปั่นรวมกับนมและน้ำเย็นจนละเอียด ผสมส่วนผสมที่เหลือ คนด้วยตะกร้อมือจนเข้ากัน นำไปกรองด้วยกระชอนละเอียด พักแป้งที่ได้ไว้ในตู้เย็น จากนั้นเทแป้งลงกระทะเทฟลอนโดยทาเนยเล็กน้อย คนจนแป้งสุกเป็นสีเหลืองนำมาพักไว้ ในการทำซอสมะม่วงเริ่มจากนำส่วนผสมทั้งหมดปั่นรวมกันจนเนื้อละเอียด นำมาตั้งไฟพอเดือดพักให้เย็นใช้ราดแผ่นเครป
โดย ส่วนผสมดังกล่าว สามารถทำแผ่นแป้งได้ถึง 100 แผ่น หรือถ้าใครต้องทำเป็นเครปเค้ก แนะนำให้ตีวิปปิ้งครีมผสมเนื้อมะม่วง แล้วทาวางเรียงเป็นชั้น ประมาณ 10 ชั้นสลับกัน ความเป็นไทยผสมผสานความเป็นตะวันตกได้อย่างลงตัว
       

“เครปข้าวซอสมะม่วง” โดย ผศ.มาริน สาลี
     

       2 เมนูแนะนำจากข้าว สามารถนำไปได้นะจ๊ะ เจ้าของไอเดียไม่สงวนลิขสิทธิ์ การนำข้าวมาเป็นส่วนผสม ไอเดียสุดเจ๋ง ทั้งคุณค่าทางโภชนาการ และเป็นการส่งเสริมข้าวไทยอีกด้วย

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.