สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้แบบฉบับชาวสวนแปดริ้ว

mango_ice_cream ไอศกรีมมะม่วง
ไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้ใส่ในแพคเกจจิ้งราดหน้าด้วยมะม่วง

เมื่อย่างเข้าสู่ ฤดูที่ผลผลิตมะม่วงออกสู่ตลาด ทุกคนจะได้บริโภคมะม่วงกันในราคาถูก และได้เห็นการแปรรูปมะม่วงออกมาในรูปแบบต่างๆ อาทิ มะม่วงกวน มะม่วงดอง เป็นการถนอมอาหารแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่ในยุคปัจจุบัน ถ้าเป็นคนเมืองพอถึงเวลานี้ ก็ต้องตั้งหน้ารอดูการโปรโมทของร้านไอศกรีมชื่อดัง เพราะจะได้กินไอศกรีมมะม่วง

สำหรับชาวสวน เจ้าของผลผลิตมะม่วง ที่เดิมทำแต่มะม่วงกวน หรือ มะม่วงดอง วันนี้ ชาวสวนมะม่วงของอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เจ้าของสวนที่มีชื่อว่า “สวนมะม่วงน้องปลื้ม” ไม่ได้แค่แปรรูปมะม่วงตามภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่สามารถนำมะม่วงจากสวนมาเพิ่มมูลค่า ออกมาเป็นไอศกรีมมะม่วง สำหรับรสชาติ เชื่อว่า คนที่ชอบไอศกรีมกะทิสดแบบโบราณ ต้องชื่นชอบไอศกรีมมะม่วง ของสวนมะม่วงน้องปลื้มแห่งนี้

mango_ice_cream ไอศกรีมมะม่วง
นางสาวสุพัตรา พัชรารัตน์ หนึ่งในทายาท เจ้าของสวนมะม่วง

นางสาวสุพัตรา พัชรารัตน์ หนึ่งในทายาท เจ้าของสวนมะม่วงแห่งนี้ เล่าว่า ปัจจุบันครอบครัวของเราปลูกมะม่วงบนพื้นที่กว่า 100 ไร่ มะม่วงที่สวนจะมีหลากหลายชนิด แต่ที่ปลูกมากที่สุด คือ น้ำดอกไม้สีทอง ซึ่งในช่วงที่ผลผลิตออกมากๆ ในระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม จะนำมะม่วงมาแปรรูปเป็นไอศกรีม ส่วนหนึ่งมาจากครอบครัวของเรา นอกจากปลูกมะม่วงขายแล้ว ตั้งแต่สมัยคุณย่า ทำไอศกรีมกะทิขายในพื้นที่ เพราะที่สวนของเรามีผลผลิตมะพร้าวจำนวนมาก

โดยไอศกรีมกะทิของย่าทำขายมานานกว่า 30 ปี ซึ่งวิ่งรถมอเตอร์ไซด์พ่วงขายตามหมู่บ้าน ชุมชนตลาดสด ใกล้เคียง ไอศกรีมกะทิของย่า จะเป็นสูตรโบราณในช่วงหลังได้ปรับมาใส่ในลูกมะพร้าว เนื่องจากที่สวนมีผลผลิตมะพร้าวจำนวนมาก เนื้อและน้ำก็แบ่งมาทำไอศกรีม ส่วนตัวกะลามะพร้าวที่ติดเนื้อ ก็นำมาเป็นภาชนะใส่ไอศกรีม ลูกค้าชื่นชอบ เพราะได้กินเนื้อมะพร้าวที่ติดมากับกะลาด้วย คนส่วนใหญ่ในย่านนั้นจะรู้จักไอศกรีมกะทิในลูกมะพร้าวของย่า ปัจจุบันย่าไม่ได้ขายเอง แต่ให้ลูกๆ หลานออกไปขาย ส่วนสูตรต่างๆ ยังคงเป็นสูตรดั้งเดิมอยู่

สูตรไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้

สำหรับในส่วนของไอศกรีมมะม่วง เป็นสูตรเดียวกับไอศกรีมกะทิ แต่จะเพิ่มเนื้อมะม่วงลงไปปั่นด้วย โดยมะม่วงที่ลือกใช้มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง เบอร์ 4 เพราะมีรสชาติหวาน และเนื้อแน่น ทำให้ได้เนื้อเยอะเวลานำมาปั่นรวมกับไอศกรีม ไอศกรีมหนึ่งถังประมาณ 8 กิโลกรัม จะใช้มะม่วงน้ำดอกไม้ประมาณ 5 กิโลกรัม เราใส่มะม่วงได้เต็มที่ เพราะมีต้นทุนมะม่วงที่สวนของตัวเอง มะม่วงที่นำมาใช้ได้ จะเป็นมะม่วงที่สุกแบบพอดี ไม่สุกมากหรือน้อยเกินไป

นอกจากการใส่เนื้อมะม่วงลงไปปั่นรวมกับไอศกรีมกะทิ จนออกมาเป็นไอศกรีมมะม่วงแล้ว เติมกลิ่นวนิลาลงไปเพื่อเพิ่มความหวานหอม และเพื่อให้สีสันที่ออกเหลืองนวลขึ้นมามากกว่า ความเหลืองของมะม่วงเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะออกสีซีดดูไม่น่ารับประทาน และในส่วนของท็อปปิ้ง ใช้เนื้อมะม่วงสุกมาหั่นพอดีคำ แต่งเป็นท็อปปิ้ง พร้อมกับข้าวเหนียวมูลนึ่งสุก ข้าวเหนียวจะไม่หวานมาก เพราะตัวไอศกรีมและมะม่วงหวานอยู่แล้ว ตักใส่ถ้วยกระดาษ ขายในราคาถ้วยละ 25 บาท ซึ่งเป็นราคาเดียวกับไอศกรีมกะทิสดในลูกมะพร้าว

“แม้เติมมะม่วงลงไปแต่เราก็ยังขายในราคาไอศกรีมกะทิของเดิมได้ เพราะต้นทุนมะม่วงมาจากสวนของตัวเอง และเราก็จะทำออกขายเฉพาะฤดูที่ผลผลิตมะม่วงออกเท่านั้น ต้นทุนมะม่วงจึงไม่สูง แต่ถ้าคิดราคามะม่วงอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท (ราคาจากหน้าสวน) โดยขายอยู่ประมาณ 3-4 เดือนเท่านั้น ดังนั้น ลูกค้าก็จะตั้งตารอคอยไอศกรีมมะม่วงจากที่สวนของเรา ซึ่งไม่ใช่เฉพาะชื่อเสียงไอศกรีมของเราเท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งมาจากชื่อเสียงความหวาน หอม อร่อยของมะม่วงจากที่สวนของเราด้วย ที่ทำให้ทุกคนตั้งตารอ”

mango_ice_cream ไอศกรีมมะม่วง
ไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้ที่ปั่นในถังเหมือนไอศกรีมกะทิสด

นางสาวสุพัตรา เล่าว่า ได้ทำไอศกรีมมะม่วงออก ขายมานานกว่า 4 ปี เคยนำมาขายในงานเทศกาลมะม่วงเมื่อปีที่ผ่านมาเป็นปีแรก และปีนี้ (2554) เป็นครั้งที่ 2 ผลตอบรับในปีแรกดีมาก สามารถขายไอศกรีมมะม่วงได้มากกว่า 300 ถ้วยต่อวัน ซึ่ง ในปีนี้ ผลตอบรับก็ดีเช่นกัน มีลูกค้าเก่า แวะเวียนมาอุดหนุน ส่วนลูกค้าก็มีมาทดลองชิม ส่วนใหญ่ค่อนข้างพึ่งพอใจกับรสชาติ คงจะไม่ต้องมีการปรับรสชาติแต่อย่างใด
โทร. 08-1752-9684
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


แฟรนไชส์ไก่ทอด“ชิกกี้ชิก” ขอแจ้งเกิดใหม่ ชูเสี่ยงต่ำ กำไรน่าลุ้น

แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก
แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก

ไก่ทอดแบรนด์ “ชิกกี้ชิก” (CHICKY CHIC) เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ พ.ศ.2549 ในรูปแบบขายอาชีพกึ่งแฟรนไชส์ เคยมีสาขาคีออสกว่า 400 จุดทั่วประเทศ แต่เพราะขาดความจัดเจนในการบริหารสาขา จนล้มหายตายจากไปจำนวนมาก เหลือแค่ประมาณ 150 จุดในปัจจุบัน
ทว่า ล่าสุดแบรนด์นี้ขอกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง โดยยกเครื่องระบบบริหารใหม่ พร้อมชูจุดขายเป็นช่องทางอาชีพที่ออกแบบให้ง่ายต่อการลงทุน ใช้พื้นที่และงบประมาณน้อย รายได้น่าสนใจ เหมาะสำหรับคนกำลังมองหาอาชีพที่ไม่ต้องรับความเสี่ยงมากเกินไป

ธนินวัฒน์ พรพัฒน์เดชอุดม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส บริษัท เอ็มดี 79 จำกัด เจ้าของแบรนด์ไก่ทอด “ชิกกี้ชิก” ที่พกประสบการณ์พัฒนาระบบแฟรนไชส์ ในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองไทยกว่า 20 ปี เข้ามารับหน้าที่ปรับระบบใหม่นับแต่ต้นปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา เล่าว่า เดิม ปัญหาสำคัญของชิกกี้ชิก คือ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ ทำให้ดูแลคุณภาพสาขาไม่ทั่วถึง อีกทั้ง ทำเลและผู้ลงทุนบางรายไม่เหมาะสมกับธุรกิจ ทำให้หลายรายต้องยุติกิจการ ดังนั้น ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ให้มีระบบดูแลชัดเจน

กล่าวคือ เน้นการปล่อยอาชีพรูปแบบกึ่งแฟรนไชส์ที่ ใช้งบลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ รายได้น่าสนใจ แต่ผู้ลงทุนต้องมียอดขายน่าพอใจ ไม่เช่นนั้นจะถูกยกเลิกสัญญา ซึ่งเป็นระบบที่กระตุ้นให้ผู้ลงทุนต้องเอาใจใส่ในอาชีพอย่างจริงจัง

แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก
คีออส แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก

สำหรับรูปแบบลงทุนแฟรนไชส์ชิกกี้ชิก มี 3 รูปแบบ คือ คีออสรถเข็น แบบฟู้ดคอร์ส และแบบร้าน Stand alone โดยเบื้องต้นจะเน้นปล่อยสาขาแบบคีออส กำหนดงบลงทุน ได้แก่ 1.ค่าการตลาดต่อจุดขาย 5,000 บาท 2.ค่าอุปกรณ์ย่อยประมาณ 4,000 บาท(สามารถเลือกซื้อเองได้หลายรายการ) 3.ค่าเช่าตู้แช่แข็ง 500 บาทต่อเดือน(ไม่เอาตู้แช่ไม่ต้องจ่าย) 4.เงินประกันอุปกรณ์ 25,000 บาท (คืนเมื่อเลิกและคืนอุปกรณ์โดยหักค่าซ่อมแซมให้ใช้งานได้ปกติ) 5.ค่าวัตถุดิบแรกเริ่ม(ตามยอดสั่งประมาณ8,000บาท) เบ็ดเสร็จงบลงทุนเบื้องต้น ประมาณ 45,000 บาท แต่จ่ายจริงประมาณ 20,000 บาท เนื่องจากจะได้เงินคืน 25,000 บาท หากยกเลิกสัญญาระหว่างกัน

ทั้งนี้แฟรนไชส์ชิกกี้ชิกมีเงื่อนไขว่า 1.ระยะ เวลาของสัญญาปีต่อปี 2.ไม่สามารถโอนหรือขายกรรมสิทธิ์ได้ 3.ต้องซื้อวัตถุดิบหลักจากบริษัทฯเท่านั้น คือ ไก่ทอดแช่แข็ง และบรรจุภัณฑ์ 4.ชำระค่าสินค้าเป็นเงินสดหรือโอนล่วงหน้าเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าแรงงาน ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภคและอื่นๆ ผู้ลงทุนต้องรับผิดชอบเอง

ด้านทำเลที่เหมาะสมจะนำแฟรนไชส์ชิกกี้ชิกไปลงนั้น ควรจะเป็นย่านชุมชน สถานศึกษา และห้างโมเดิร์นเทรด ซึ่งผู้ลงทุนต้องเป็นฝ่ายนำเสนอเพื่อให้บริษัทพิจารณา

สำหรับสินค้าหลักที่ขายในปัจจุบัน มี 8 ชนิด คือ ป๊อป ป๊อป, สไปซี่ ป๊อป, ชิก อบูริ, ชิกนักเก็ต, ชิก คาราเกะ, ชิก โกกอน, ชิก คัสซุ และเฟรนช์ฟราย โดยเฉลี่ยขายปลีกชุดละ 25 บาท ในน้ำหนักประมาณ 80 กรัม โดยเงื่อนไขการสั่งสินค้าจากบริษัท ขั้นต่ำ 30 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 130 บาท ส่ง ณ จุดขาย (กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่คิดค่าขนส่ง ส่วนต่างจังหวัดคิดตามระยะทาง) มีรอบการสั่งสินค้าสัปดาห์ละ 2 วัน โดยเฉลี่ยหลังหักต้นทุนค่าวัตถุดิบไก่แล้ว ผู้ขายจะมีกำไรประมาณ 40-50% จากยอดขาย แต่เมื่อรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว จะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 20-30% จากยอดขาย โดยข้อมูลที่ผ่านมา เฉลี่ยจะคืนทุนได้ในเวลา 1 เดือน
“ทางบริษัทฯ กำหนดเป้าให้ว่า ผู้ลงทุนแฟรนไชส์ชิกกี้ชิกควร จะขายได้อย่างต่ำวันละ 10 กิโลกรัม ซึ่งจะทำให้มีกำไรสุทธิประมาณ 1,000 บาทต่อวัน โดยบริษัทฯ จะตรวจสอบคุณภาพสาขาจากยอดการสั่งวัตถุดิบ และมีทีมงานซุ่มตรวจ รวมถึงเปิดสายรับร้องเรียนจากผู้บริโภค หาก สาขาใดยอดไม่เข้าเป้า ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาทำเลไม่เหมาะสม หรือผู้ขายไม่ทำตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น ไม่เปลี่ยนน้ำมันทอดทุกวัน นำวัตถุดิบอื่นมาขายแทน ขาดความสะอาด ฯลฯ เบื้องต้นจะส่งทีมงานเข้าไปช่วยเหลือแนะนำปรับปรุง แต่ถ้ายอดยังไม่ดีขึ้น เราจะขอยกเลิกสัญญา ยึดธุรกิจคืน ซึ่งวิธีนี้ จะทำให้คนลงทุนต้องเอาใจใส่ธุรกิจ ทำยอดขายให้ได้ตามเป้า ซึ่งจะเกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย” ธนินวัฒน์ อธิบาย
เขาเผยด้วยว่า จุดแข็งของแฟรนไชส์ชิกกี้ชิก อยู่ที่ตัวผลิตภัณฑ์ ที่ออกแบบมาให้ง่ายต่อผู้ขาย โดยเป็นไก่ทอดแช่แข็งสำเร็จรูป ผู้ขายเพียงแค่ทอดอุ่นร้อนเท่านั้น ด้านรสชาติวิจัยและพัฒนามาแล้วว่าถูกปากคนไทย กินได้ทันทีโดยไม่ต้องมีน้ำจิ้ม โดยมีแหล่งผลิตจากบริษัท พนัสโพลทรี่ จำกัด ซึ่ง เป็นบริษัทแม่ ดำเนินกิจการเกี่ยวกับไก่ครบวงจร มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540 มีฟาร์มไก่ระบบปิด เลี้ยงด้วยธัญพืช ปลอดสารเคมี อีกทั้ง ไม่ใช้สารเร่งเจริญ (Growth Promoter) การผลิตได้รับมาตรฐานสากลครบถ้วน ทั้ง ISO 9002, HACCP, GMP และเครื่องหมายฮาลาล ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นด้านความสะอาดและปลอดภัย
สำหรับแผนทำตลาดใหม่นี้ เบื้องต้นได้ไปปรับปรุงร้านเดิมที่มีกว่า 150 จุด ให้มาอยู่ในมาตรฐานใหม่ทั้งหมด นอกจากนั้น ตั้งเป้าว่า ภายในปีนี้ จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 100 จุด รวมกับสาขาเดิมเป็น 250 จุด ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มียอดขายวัตถุดิบไก่ทอดแช่แข็ง ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี และเป้าระยะยาวอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะเพิ่มสาขารวมกันถึง 1,000 จุด
แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก
ไก่ทอด แฟรนไชส์ชิกกี้ชิก

ตารางลงทุนคีออสแฟรนไชส์ชิกกี้ชิก

การลงทุน
1.ค่าการตลาดต่อจุดขาย 5,000 บาท
2.ค่าอุปกรณ์ย่อยประมาณ 4,000 บาท(สามารถเลือกซื้อเองได้หลายรายการ)
3.ค่าเช่าตู้แช่แข็ง 500 บาทต่อเดือน(ไม่เอาตู้แช่ไม่ต้องจ่าย)
4.เงินประกันอุปกรณ์ 25,000 บาท (คืนเมื่อเลิกและคืนอุปกรณ์โดยหักค่าซ่อมแซมให้ใช้งานได้ปกติ)
5.ค่าวัตถุดิบแรกเริ่ม(ตามยอดสั่งประมาณ8,000บาท)
เงื่อนไข
1.ระยะเวลาของสัญญาปีต่อปี
2.ไม่สามารถโอนหรือขายกรรมสิทธิ์ได้
3.ต้องซื้อวัตถุดิบหลักจากบริษัทฯเท่านั้น คือ ไก่ทอดแช่แข็ง
4.ตั้งสั่งขั้นต่ำ 30 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 130 บาท
5.ชำระค่าสินค้าเป็นเงินสดหรือโอนล่วงหน้าเท่านั้น
6 .ค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าแรงงาน ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภคและอื่นๆ ผู้ลงทุนต้องรับผิดชอบเอง
ผลตอบแทน
1. หลังหักค่าวัตถุดิบไก่แช่เข็ง ผู้ขายจะมีกำไรประมาณ 40-50% จากยอดขาย
2. แต่เมื่อรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว จะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 20-30% จากยอดขาย
3. ข้อมูลที่ผ่านมา เฉลี่ยจะคืนทุนได้ในเวลา 1 เดือน
โทร.08-1339-6295
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


“ชะอำบาร์บีคิว” เผยสูตรเด็ด แฟรนไชส์ของคนทุนน้อย

ชะอำบาร์บีคิว
นายอภินันท์ โภคสวัสดิ์ เจ้าของสูตร ชะอำบาร์บีคิว
บาร์บีคิว อาหารว่างของนักชอปยามค่ำคืน โดยเฉพาะในยามที่อากาศเย็นในช่วงนี้ บาร์บีคิวเป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน ร้านรถเข็นขายบาร์บีคิว เกิดขึ้นมามากมาย แต่ละคนมีสูตรที่แตกต่างกัน สำหรับ “ชะอำบาร์บีคิว” มีสูตรเด็ด ให้คนที่อยากจะเป็นพ่อค้า แม่ค้า รถเข็นบาร์บีคิวไม่ต้องกังวล เพราะการทำบาร์บีคิวที่ย่างและไม่มีควันมากไปรบกวนร้านข้างๆ

นายอภินันท์ โภคสวัสดิ์ เจ้าของสูตร ชะอำบาร์บีคิว เล่า ว่า ที่มาของชะอำ บาร์บีคิว เริ่มต้นมาจาก การที่ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในร้านของอาหารแห่งหนึ่ง ในช่วงวัยรุ่น มาสักประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้น ต้องทำงานทุกอย่างภายในร้าน รวมถึงการเข้าไปช่วยพ่อครัวในห้องครัวด้วย ทำให้ไปได้สูตรการทำสเต็กจากพ่อครัวในร้านมา เป็นสูตรการทำสเต็กอิตาเลียนจานร้อน

ชะอำบาร์บีคิว
ชะอำบาร์บีคิวขณะย่างไม่มีควัน

ทั้งนี้ การทำสเต็กอิตาเลียน จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับบาร์บีคิว ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเรียกกันว่าสเต็กบาร์บีคิว หลังจากนั้น ได้นำมาดัดแปลงสูตรสเต็กบาร์บีคิวออกมาเป็นบาร์บีคิวเสียบไม้ขาย แต่ก็ยังคงใช้วิธีบางอย่าง เช่นเดียวกับการทำสเต็ก เช่น การหมักหมูเหมือนกับสเต็ก และที่หันมาทำเป็นบาร์บีคิวขายแทนที่จะขายสเต็กเป็นจานๆ เพราะ บาร์บีคิวทำง่าย ขายง่าย และขายได้เร็วกว่า ลูกค้าสามารถซื้อไปกินที่ไหนก็ได้ ที่สำคัญราคาไม่แพง ทุกคนสามารถซื้อกิน โดยจะเสียบเนื้อชิ้นใหญ่กว่าบาร์บีคิวที่ขายกันทั่วไปเล็กน้อย เพี่อให้อรรถรสของการกิน เช่นเดียวกับสเต็ก เนื่องจากสูตรได้มาเป็นสูตรสเต็กบาร์บีคิว
โดยได้ทดลองทำขาย เริ่มต้นขายที่หน้าร้าน ซึ่งเป็นสถานบันเทิงที่ตนเองเป็นผู้ช่วยในร้าน โดยร้านเปิดอยู่ ในย่านตลาดอตก.ก่อน ซึ่งในช่วงนั้นประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมาสถานบันเทิงหรือผับที่เปิดในย่านนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก มีผับเปิดติดๆ กันหลายร้าน ทำให้ขายดีมาก วันหนึ่งขายได้ 200-250 ไม้เกือบทุกวัน ลูกค้าจะเป็นพนักงานที่ทำงานในสถานบันเทิงเหล่านั้น และลูกค้าที่มาเที่ยวในย่านนั้น ซึ่งจะเริ่มขายตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม ไปจนถึง 5 ทุ่ม ขายไม้ละ 15 บาท ตอนหลังปรับราคาเป็นไม้ละ 20 บาท กำไรที่ได้ต่อวันประมาณ 1,700 – 1,800 บาท

” สุดท้ายผมก็ต้องทิ้งรายได้ชะอำบาร์บีคิวที่ดี ตรงนั้นไปด้วย เหตุผลเพียงแค่ว่า แฟนเห็นว่า เข็นรถขายบาร์บีคิวดูเป็นพ่อค้าไม่มีเกียรติ ก็ให้ได้เลิกขายและให้ไปสมัครทำงานประจำดู แต่การทำงานประจำรายได้กลับไม่ได้ดังที่คิด เพราะกิจการบริษัทที่ทำอยู่มีปัญหา สุดท้ายผมก็ตกงานจึงหันกลับมาขายบาร์บีคิวอีกครั้งที่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ขายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในย่านนั้น ซึ่งขายดีมากอีกเช่นกัน แต่การเข้ามาเปิดขายในกรุงเทพฯครั้งนี้ มาจากพี่ที่เคยทำงานร่วมกัน ได้ให้มาช่วยงานที่ร้านอาหาร ชื่อร้านแก้มลิง ถนนนวมินทร์ ตรงข้ามแฟลตคลองจั่น บางกะปิ ผมจึงนำบาร์บีคิวมาขายในร้านด้วย แต่ขายในร้านอย่างเดียวก็คงจะขายไม่ได้มาก จึงได้ทำบาร์บีคิวเสียบไม้ส่งให้กับพ่อค้า และคนที่สนใจรับไปขายต่อ พร้อมกับจ้างเด็กขายแบบรถเข็นใต้แฟลตคลองจั่นไปด้วย”

สำหรับแผนการตลาดชะอำบาร์บีคิวที่วางไว้ คือ ต้องการจะขายในลักษณะของแฟรนไชส์ เพื่อให้คนที่ต้องการจะมีอาชีพ และต้องการสูตรบาร์บีคิวในแบบของเรา ได้มาทำธุรกิจร่วมกัน โดยส่งวัตถุดิบที่เป็นเนื้อหมักเสียบไม้ เพื่อให้ได้รสชาติที่เหมือนกันทุกร้าน ส่วนผักลูกค้าสามารถนำไปเสียบเองได้ ขายส่งในราคาไม้ละ 8 บาท ที่เหลือลูกค้าก็ไปตั้งราคาขายเอง ส่วนน้ำซอสที่ราด ก็มีขายด้วยเช่นกัน หรือ ลูกค้าสามารถไปซื้อเองได้ ปัจจุบันมีคนมารับไปจำหน่ายหลายราย และขายในราคาที่แตกต่างกันตามสถานที่ ราคาเริ่มตั้งแต่ 10 บาท 15 บาท และ 20 บาท

แฟรนไชส์ชะอำบาร์บีคิว

ส่วนแฟรนไชส์ขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดวางระบบ ซึ่งตั้งราคาแฟรนไชส์ไว้ประมาณ 4,000 บาท ถึง 5,000 บาท โดยลูกค้าจะได้อุปกรณ์การขาย หลักที่เรามีให้คือ เตา โต๊ะ พร้อมป้ายชื่อ “ชะอำบาร์บีคิว” ส่วน ที่มาของชื่อชะอำบาร์บีคิว เป็นชื่อเดิม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เคยไปเที่ยวพื้นที่ดังกล่าว ยังการันตีความอร่อย สำหรับคนที่เคยกินได้ โดยร้านแรกของผมเอง ซึ่งเปิดขายที่ใต้แฟลตคลองจั่น ช่วงเย็นนั้น มีรายได้ต่อวันประมาณ 400 บาทถึง 500 บาท เปิดขายเฉพาะช่วงเย็นถึง 2 ทุ่ม ตั้งราคาขายไม้ละ 10 บาท เพราะเป็นแหล่งชุมชน

สำหรับจุดขายของชะอำบาร์บีคิวของเรา คือ เมื่อย่างเนื้อบาร์บิคิวไปแล้วเนื้อจะไม่ย้อยลงมา ทำให้น้ำมันไม่หยดลงไปในเตา ซึ่งเป็นที่มาของการเกิดควันเวลาย่าง เป็นเหตุให้ไม่สามารถขายในสถานที่หลายแห่ง โดยเฉพาะในตึก อาคาร หรือหน้าร้านในชุมชน แต่ถ้ากรณีไม่มีควันเวลาย่าง ทำให้สามารถขายที่ไหนก็ได้ และที่เนื้อไม่ย้อยลงไปเวลาย่าง เพราะ เราไม่เสียบสับปะรดทิ้งไว้ หรือ เสียบไว้ใกล้กับเนื้อ เนื่องจากสับปะรดมีฤทธิ์เป็นกรด เมื่อหมักอยู่ใกล้กับเนื้อสัตว์ จะทำให้เนื้อสัตว์ยุ่ยได้

ชะอำบาร์บีคิว
ชะอำบาร์บีคิวขายดีทุกวัน

ส่วนผักจะนำมา เสียบชะอำบาร์บีคิวที่หลังในระหว่างย่างขาย เพื่อให้ได้ผักที่สดและใหม่ แต่ส่วนของเนื้อสัตว์ จะหมักและเสียบทิ้งไว้ได้ เพราะถ้าเสียบหรือหมักทิ้งไว้ จะทำให้ซอสที่หมักเข้าเนื้อ และเนื้อนุ่มน่ากิน และได้กินผักที่สด โดยบาร์บีคิวของ จะเลือกใช้เนื้อสัตว์ 3 ชนิด คือ หมู เนื้อวัว และไก่ ที่ผ่านมา บาร์บีคิว เนื้อวัวจะขายดีมาก เพราะจะมีวิธีหมักเนื้อให้นุ่ม ไม่เหนียว โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบกินเนื้อวัว โดยเนื้อหมู และเนื้อวัวจะขายดีในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน

โทร. 08-7533-9934

ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

Read More...


ปาท่องโก๋ย่างโบราณ ถึงเก่าแต่ยังเก๋า

ปาท่องโก๋ย่าง
ปาท่องโก๋ย่าง รีดน้ำมันเอาใจคนรักสุขภาพ

ร้านปาท่องโก๋ ที่ไม่ใช่แค่ปาท่องโก๋ เด็กวัยรุ่นหลายคนอาจจะไม่เคยสนใจที่จะกินปาท่องโก๋ ด้วยความที่กลัวอ้วนและขยาดน้ำมัน แต่สำหรับ “ร้านปาท่องโก๋” ย่านบางลำพูแห่งนี้ กลับมีจุดดึงดูดใจวัยรุ่นแบบอินเทรนด์ด้วยการนำปาท่องโก๋โบราณมาย่างรีด น้ำมัน กินคู่กับไอศกรีม Home made และราดด้วยซอสรสชาติต่างจนลงตัวและได้รับความนิยมเป็นอย่างดี

นายฐิติกร โชคะสุต ทายาทรุ่นที่ 2 ร้านปาท่องโก๋ เล่า ว่า ทำธุรกิจปาท่องโก๋ย่างนี้มา 60-70 ปี ตั้งแต่รุ่น พ่อ-แม่ซึ่ง เดิมขายอยู่ที่สนามหลวง จะรู้จักกันในชื่อ “ปาท่องโก๋โต้รุ่ง” เพราะเปิดขายตั้งแต่ 5 โมงเย็น จนถึง 9 โมงเช้า ส่วนสาขาบางลำพูนี้เปิดได้ประมาณ 5 ปี โดยคนโบราณจะรู้จักปาท่องโก๋ย่างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากการย่างเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในการถนอมอาหารให้สามารถเก็บได้นานถึง 1 สัปดาห์ โดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น ปัจจุบันมีการขยายสาขาในลักษณะของธุรกิจครอบครัว ทำให้ไม่สามารถขยายได้มาก แต่ก็มีผู้ที่สนใจต้องการให้เราขยายในลักษณะของแฟรนไชส์ แต่เราให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพมากกว่ากำไร

ปาท่องโก๋ย่าง
บรรยากาศหน้าร้าน ขายพร้อมข้าวหมูแดงและอื่นๆ

ปาท่องโก๋ย่างปรับเปลี่ยนรูปแบบเดิมๆ

การทำธุรกิจปาท่องโก๋ย่างนั้น ได้มีการปรับรูปแบบของการขายให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยเปลี่ยนจากการขายเป็นตัว ราคาตัวละไม่กี่สตางค์ในอดีต มาเป็นการขายเป็นชุด โดยมีทั้งปาท่องโก๋ย่างราดซอส และปาท่องโก๋ย่างกับไอศกรีม ซึ่งราคาในการจำหน่ายอยู่ที่ชุดละ 30 บาท โดยซอสที่ใช้ได้แก่ สังขยา ช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี ส้ม และนมข้น ส่วนไอศกรีมก็จะมีหลายรสชาติ โดยรสชาติดั้งเดิมก็คือ รสกะทิ ส่วนที่มีเพิ่มขึ้นมาก็จะเป็น คุ้กกี้แอนด์ครีม รัมเรซิน บลูเบอร์รี เป็นต้น ซึ่งเป็นไอศกรีมโฮมเมดทั้งหมด และมีการตกแต่งรูปลักษณ์ของไอศกรีมในแบบญี่ปุ่นเพื่อให้น่ารับประทานมากยิ่ง ขึ้น อีกทั้งยังสามารถเข้ากับวัยรุ่นได้ดีอีกด้วย

“การนำปาท่องโก๋มาย่างทำให้เนื้อของปาท่องโก๋ย่างกรอบ นุ่ม ปาท่องโก๋ของเราจะมีผิวบางกว่าปาท่องโก๋ทั่วไป เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะมีความรู้สึก กรอบนอก นุ่มใน ถือเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของร้านเราไปเลย การเลือกใช้นำมัน ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำปาท่องโก๋ โดยร้านเราจะไม่ใช้น้ำมันเก่า มีการเปลี่ยนถ่ายทุกวัน เราเน้นเรื่องคุณภาพมากกว่าเรื่องผลกำไร ถือได้ว่าร้านเราเป็นรายแรกที่ทำปลาท่องโก๋ย่างและเก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ จริงๆ”

เดิมทีร้านนี้ชื่อร้าน “ปาท่องโก๋เสวย” แต่ลูกสาวเปลี่ยนมาเป็น “ปาท่องโก๋” เฉยๆ เนื่องจากต้องการให้ลูกค้าสงสัยว่า ปาท่องโก๋ทำไม?? และทำให้เกิดความอยากลองเข้ามารับประทาน กลุ่มลูกค้าไม่จำกัดช่วงอายุ เพราะตอนนี้ถือว่าตีตลาดวัยรุ่นได้แล้ว ทำให้ทำลายเส้นกั้นระหว่างเวลาและอายุในการขายไปเลย เมื่อก่อนคนรับประทานปาท่องโก๋ต้องกินช่วงเช้า เลยเวลานั้นก็จะไม่กิน แต่ตอนนี้ทำให้ปาท่องโก๋สามารถหารับประทานได้ตลอดทุกเวลาที่ต้องการ

ผลจากการพัฒนารูปแบบการขายปาท่องโก๋ย่างให้อิน เทรนด์น่ารับประทาน ทำให้มีกลู่มลูกค้าวัยรุ่นเพิ่มมากขึ้นตาม ยอดการขายจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากปาท่องโก๋ย่างแล้ว ยังมีข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวหน้าไก่ ก๋วยเตี๋ยวทะเล เพิ่มอีก เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่มักจะรับประทานขนมหวานต่อจากของคาว ทำให้ปาท่องโก๋กับไอศกรีมกลายเป็นสินค้าขายดี รวมถึงชาวต่างชาติก็ชื่นชอบด้วย เหมือนเปลี่ยนจากการกินวาฟเฟิลกับไอศกรีม เป็นการกินปาท่องโก๋กับไอศกรีมแทน

“ร้านปาท่องโก๋สาขาบางลำพูของเรา ถือเป็นประชาสัมพันธ์ของประเทศก็ว่าได้ เพราะเมื่อลูกค้าต่างชาติเข้ามารับประทานก็จะนำไปบอกต่อๆ กัน เป็นการเผยแพร่แบบปากต่อปาก เช่น ชาวจีน ฮ่องกง ซึ่งจะรู้จักปาท่องโก๋เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่สำหรับเกาหลียังไม่เป็นที่รู้จัก ทำให้นำไปพูดต่อ ส่งเมลต่อ เป็นที่รู้จักและสนใจอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น อีกทั้งราคาขายตามเมนู ไม่มีการชาร์จเพิ่มราคาสำหรับชาวต่างชาติเหมือนที่อื่น”

ปาท่องโก๋ย่าง
ปาท่องโก๋ย่างราดซอส

ในอนาคตมีแผนพัฒนาเป็นเฟรนไชส์ปาท่องโก๋ย่าง แต่ คงขยายแค่ในครอบครัวก่อน เพื่อให้คุณภาพยังคงเดิม การทำปาท่องโก๋ให้คุณภาพเหมือนเดิมเป็นเรื่องยาก เนื่องจากคนที่รับเฟรนไชส์ไปขายก็มุ่งหวังที่จะได้กำไร โดยอาจมองข้ามเรื่องคุณภาพที่สั่งสมมานาน ทำให้ต้องศึกษาเรื่องนี้อีกมาก และต้องมีเวลาในการใส่ใจและเรียนรู้ที่จะทำธุรกิจอย่างจริงจัง เพราะยอมรับว่าห่วงเรื่องคุณภาพจะลดลง โดย

ร้านอยู่ตรงข้ามธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำพู ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
โทร. 0-2281-9754
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์


Read More...


ไขความเชื่อ เมื่อแผ่นดินไหว วิ่ง หรือ มุดโต๊ะปลอดภัย...!

Pic_162132
















เป็นความเชื่อที่ “งุนงง” โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในตึกสูงพอสมควร กับการเผชิญหน้าเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ผู้รู้บางคนบอกว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวในกรณีที่อยู่ในตึกให้วิ่งหนีออกจากตึก แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าให้มุดอยู่ใต้โต๊ะ คำถามก็คืออย่างไหนจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไทยรัฐออนไลน์หาคำตอบมาให้หลังข่าวลือเขื่อนร้าว และ แผ่นดินไหวซ้ำที่ภาคเหนือครั้งล่าสุด

ลองมาดูคู่มือของกรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกระทรวงมหาดไทย ที่ออกแบบมาอ่านง่ายเล่มนี้ ระบุว่าอันดับแรกต้องควบคุมสติพร้อมกับเปิดวิทยุรับฟังคำเตือน คำแนะนำจากราชการ พร้อมกับย้ำว่าอย่าวิ่งเข้าออกนอกบ้านเพราะอาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บ ตรวจสอบและปิดวาล์วน้ำ ปิดแก๊ส และยกสะพานไฟสำหรับตัดกระแสไฟฟ้าและตัดตอนการส่งน้ำเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ห้ามใช้เทียน ไม้ขีดไฟ ไฟแช็ก หรือสิ่งที่ทำให้เกิดประกายไฟเพราะถ้ามีแก๊สรั่ว อาจจะทำให้ติดไฟได้
หลังจากนั้นให้ท่องเอาไว้ 3 คำ คือ 1.หมอบลงกับพื้นราบ 2.ป้องใช้แขนปกป้องศีรษะและคอ เพื่อป้องกันสิ่งของหล่นใส่ และ3.เกาะ ยึดเกาะโต๊ะให้แน่นและเคลื่อนตัวไปพร้อมโต๊ะ รอจนความสั่นไหวยุติลงแล้วจึงออกไปสู่จุดที่ปลอดภัย

สำหรับผู้ที่ อยู่ในบ้านเรือนแนะนำให้ยืนหรือหมอบอยู่ในส่วนโครงสร้างที่แข็งแรงสามารถรับ น้ำหนักได้มาก หรือหลบอยู่ใต้โต๊ะหรือเตียง ให้อยู่ห่างจากบริเวณที่อาจจะมีวัสดุหล่นใส่ หลบอยู่ใต้โต๊ะหรือมุมห้องและให้อยู่ห่างจากประตู ระเบียงและหน้าต่าง

ผู้ ที่อยู่ในตึกสูง แนะนำว่าหากอาคารมั่นคงแข็งแรงให้หลบอยู่ในอาคารนั้น ถ้าอาคารเก่าไม่มั่นคงให้หาทางออกจากอาคารโดยเร็วที่สุด แล้วหลังจากการสั่นสะเทือนสิ้นสุด ให้รีบออกมาจากอาคาร เมื่อมีการสั่งการอพยพจากผู้ที่ควบคุมการแจ้งเตือนภัย ถ้าอยู่ใกล้ทางออก ให้รีบหาทางออกจากอาคารโดยเร็วอย่าแย่งกันออกจากเกิดความชุลมุน กรณีที่คุณไม่ได้อยู่ใกล้ทางออก ให้ใช้สูตร หมอบ-ป้อง-เกาะ จนกว่าจะมีผู้เข้าไปช่วยเหลือ

ที่สำคัญเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ห้ามใช้ลิฟต์โดยเด็ดขาดเพราะหากไฟฟ้าดับ อาจจะติดอยู่ในลิฟท์ ให้ระวังชิ้นส่วนของอาคารหล่นใส่ อย่าอยู่ใต้คานที่ชำรุด ใกล้หน้าต่างกระจกระเบียง
ผู้ที่อยู่ในที่โล่งแจ้ง ให้อยู่ห่างจากอาคาร กำแพง ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ต้นไม้ขนาดใหญ่ และเสาไฟฟ้า ส่วนคนที่ขับรถยนต์ หากกำลังขับหรืออยู่ในรถ ให้หยุดจอดในที่ปลอดภัย จนกระทั่งการสะเทือนจบลง ส่วนผู้ที่อยู่ชายหาด ให้อยู่ห่างจากชายฝัง หรือหลบขึ้นที่สูงเพราะอาจจะเกิดสึนามิซัดเข้าหาฝั่ง

การปฏิบัติตน ภายหลังเกิดแผ่นดินไหว

ตรวจ สอบตัวเองและคนรอบข้างว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ปฐมพยาบาลขึ้นต้นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก่อน แล้วรีบออกจากอาคารที่เสียหายทันทีเพราะหากเกิดแผ่นดินไหวตามมา (After-Shock) อาคารอาจจะพังลงมาได้ ใส่รองเท้าหุ้มส้นเสมอ เพื่อป้องกันเศษแก้ว วัสดุแหลมคมและสิ่งหักพังทิ่มแทง ตรวจสอบสายไฟ ท่อน้ำ ท่อแก๊ส ถ้าแก๊สรั่วให้ปิดวาล์ว ถึงแก๊ส และยกสะพานไฟ เพื่อป้องกันอัคคีภัย ตรวจสอบแก๊สรั่วด้วยการดมกลิ่นเท่านั้น ถ้าได้กลิ่นให้เปิดประตู หน้าต่างทุกบ้านเพื่อระบายอากาศ อย่าจุดไม้ขีดหรือ ก่อไฟจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีแก๊สรั่ว ให้ออกจากบริเวณที่สายไฟขาดหรือวัสดุที่สายไฟพาดถึง สำรวจความเสียหายของท่อน้ำ ท่อน้ำทิ้ง ท่อส้วมก่อนใช้ พร้อมกันนี้ก็เปิดวิทยุติดตามฟังสถานการณ์และคำแนะนำฉุกเฉิน ห้ามใช้โทรศัพท์นอกจากจำเป็นจริงๆ สุดท้ายห้ามไปในเขตพื้นที่ที่มีความเสี่ยงหรือมีอาคารพัง และทำใจให้นิ่งๆ อย่าสร้าง หรือฟังข่าวลือเพื่อกันการตื่นตระหนก

จากปากคำผู้รู้ มุด หรือวิ่งหนีเมื่อเราอยู่ในตึก

ขณะ เดียวกัน รศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัยสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย(เอไอที)ในฐานะหัวหน้า โครงการลดภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวในประเทศไทย สกว. ย้ำข้อสงสัยเรื่องการหนีหลังจากแผ่นดินไหวขณะอยู่ในตึกสูงว่า หากคุณอยู่ภายในอาคารสูงให้หลบอยู่ใต้โต๊ะที่แข็งแรง ส่วนความเชื่อว่าถ้าเกิดแผ่นดินไหวให้วิ่งออกนอกอาคารนั้นเป็นความเชื่อที่ ผิด แต่ทำได้หากตึกนั้นแข็งแรงและไม่สูงมากแต่หากวิ่งออกไปให้ระวังสิ่งของตกใจ ซึ่งจะเป็นอันตรายมากกว่าการหลบอยู่ภายในอาคารที่แข็งแรง

รู้ไว้ให้พร้อมก่อนแผ่นดินไหว

นอกจากนี้ ควรตรวจสภาพเครื่องใช้ภายในบ้าน และยึดอุปกรณ์ที่อาจก่ออันตราย เช่น ยึดตู้ติดกับฝาบ้าน พร้อมทั้งซ้อมความพร้อมของคนในบ้านเกี่ยวกับวิธีปฎิบัติเมื่อเกิดแผ่นดินไหว และถ้าเป็นไปได้ให้กำหนดจุดนัดพบนอกบ้านไว้ล่วงหน้า

ทั้งนี้ คนในบ้านต้องรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ควรเตรียมไฟฉายและกระเป๋ายา พร้อมทั้งเครื่องมือดับเพลิงในบ้าน (ถ้ามี) และควรทราบตำแหน่งของวาล์วปิดน้ำ สะพานไฟฟ้าเพื่อตัดน้ำตัดไฟ อย่าวางของหนักบนชั้นสูง ๆ เพราะอาจตกลงมาก่อให้เกิดอันตรายได้

“ที่ สำคัญทางด้านจิตใจควรอย่าตกใจ และควรตั้งสติให้ดีๆ ถ้าอยู่ในอาคารให้ระวังสิ่งที่อยู่สูงตกใส่ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เลื่อนชนหรือล้มทับ ให้ออกห่างจากประตู หน้าต่าง และ กระจก ถ้าการสั่นไหวรุนแรงให้หลบอยู่ใต้โต๊ะ หรือมุมห้อง อย่าใช้ลิฟท์เป็นอันขาด อย่าวิ่งออกจากบ้านเพราะอาจมีสิ่งของตกลงมาทับ พร้อมทั้งดับไฟทุกชนิด และเปิดประตูหน้าต่างค้างไว้ เพื่อสร้างความแน่ใจว่ามีทางหนีทีไล่หากอยู่นอกอาคารให้ออกห่างจากอาคารสูง กําแพง เสาไฟฟ้า และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ถ้าอยู่ในรถให้หยุดรถทันทีในที่ปลอดภัย และถ้าอยู่ชายหาดให้อยู่ห่างจากชายฝั่ง เพราะอาจเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าฝั่ง”

เรื่องเสบียงก็เป็นสิ่งสำคัญ

ควร เตรียมไฟฉายและหมวกกันน็อคอรวมถึงอุปกรณ์ปฐมพยาบาล ไว้ในที่ที่หยิบง่าย พร้อมทั้งจัดเก็บเอกสารที่จำเป็นไว้ในที่เดียวกัน เช่น บัญชีรายชื่อลูกจ้าง, เครื่องเขียนแผนที่เตรียมวิทยุ ครื่องปั่นไฟและน้ำมันไว้ให้พร้อมสำหรับช่วงเวลาที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เตรียมน้ำดื่ม, อาหาร, ถุงและถังพลาสติก, ผ้าห่มและผ้าเช็ดตัว, เตาแก๊สแบบเคลื่อนที่ได้ และยารักษาโรค สำหรับการดำรงชีวิต

ทั้ง หมดเป็นสิ่งที่การันตรีว่า นอกจากสติแล้ว ยังต้องเตรียมอุปกรณ์เพื่อรับมือไม่แน่เหยื่อรายต่อไปของแผ่นดินอาจจะไหวใน ประเทศก็ได้ใครจะรู้...?

Read More...


Web เตือนภัยสึนามิ (Tsunami Alert)

นนี ได้อ่านข่าวประกาศเตือนภัยสึนามิหลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.8 ริกเตอร์ในชิลี ก้อเลยนึกขึ้นมาได้ว่าตั้งใจจะลองเขียน Web Application ด้วย Ruby ไปดึงข้อมูลการเตือนภัยจาก Website ของต่างประเทศ ชื่อ NOAA จาก Website http://www.prh.noaa.gov/ptwc/ ที่ เขามีข้อความเตือน update เป็นระยะๆ ตามความเร่งด่วนของเหตุการณ์ อาจถี่ 3-5 นาทีหลังตรวจพบใหม่ๆ หรือครึ่ง - 1 ชั่วโมงหากเหตุการณ์เริ่มสงบ สำหรับเป็นเครื่องเตือนภัยแบบง่ายๆ แค่เปิด web ทิ้งไว้แค่ 1 หน้าจอ หากมีเสียงเตือนภัยขึ้นมาเมื่อไร ค่อยเปิดขึ้นมาดูกัน เหมาะสำหรับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่มีการอยู่เวรตลอด 24 ชั่วโมง หรือบุคคลทั่วไปก้อสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้คับ ไม่มีการสงวนลิขสิทธิ์


เลยเขียน Application ต้นแบบที่นำไปใช้งานได้จริง และหากมีข้อเสนอแนะ ยินดีนำไปปรับปรุงเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้งานกันต่อไป


หลักการทำงาน

  1. ดึงข้อมูลล่าสุดที่เป็น Text 1 record
  2. ตัดข้อมูลเฉพาะส่วนที่มีความสำคัญ
  3. หา Keyword คำว่า THAI ถ้ามี ให้แจ้งสัญญาณเตือนผ่านลำโพงคอมพิวเตอร์
  4. เพิ่ม link ไปยังแหล่งข้อมูลต้นกำเนิด เพื่อดูแผนที่ และรายละเอียด
  5. เพิ่มข้อมูล การปฏิบัติเมื่อเกิดสึนามิ
  6. เพิ่มปุ่ม ทดสอบ Alert เพื่อดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นกรณีที่พบ keyword THAI
  7. refresh web ทุก 15 วินาที
เครื่องมือที่ใช้
  • Ruby
  • Javascript
  • siren.wav
  • Web Server ขอทดลองติดตั้งไว้ที่ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข
  • URL: http://203.157.240.9/tsunami
การ ปรับปรุงที่อยากเพิ่มเติมคือ เพิ่ม VDO Broadcast จากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนภัย เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการแจ้งข่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับ มีความเป็นไปได้ในการเกิดสึนามิเพียงใด และจะช่วยให้การแจ้งเตือนภัยทำได้เร็วขึ้น แม้เพียงแค่ 5 นาที อาจหมายถึงการสามารถป้องกันการสูญเสียชีวิตได้ทันท่วงที


ลองใช้งานกันดูนะคร้าบบ












Read More...


วิธีทำ MSN Chat ติดหน้าเว็บเว็บ

พอดีวันนี้นึกถึงระบบ Live Chat หรือ ระบบ Support สมาชิกดีดีสักตัว เลยนั่งๆ หาและก็ไม่ถูกใจ ว่าจะเขียนขึ้นมาใช้เองก็เสียเวลาเยอะเหลือเกิน เลยนึกขึ้นได้ว่าปกติเรา Online Msn Support สมาชิก คอยช่วยเหลือให้คำปรึกษา แจ้งปัญหาต่างๆ อยู่แล้วนิหน่า จึงได้หาแนวทาง วิธีการทำ Chat Box ที่สามารถคุยกับเราทางหน้าเว็บ แต่เข้าทาง MSN ของเราได้ น่าสนใจใช่ไหมละครับ

ประโยชน์และการนำไปใช้

เราสามารถทำการติด Chat Box นี้ไว้หน้าเว็บของเราเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมเว็บเรา หรือต้องการติดต่อซื้อสินค้า หรือ Support ดูแลต่างๆ หรือไว้คุยกับเพื่อนกับฝูง หรือผู้เข้าชมเว็บ สามารถสนทนากับเราผ่าน MSN ของเราได้โดยทันที แบบ Realtime ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม Windows Live Messenger หรือ MSN ลงบนเครื่องเพื่อสนทนากับเราเพียงแค่เปิดเว็บก็คุย MSN กับเราได้แล้วครับ
MSN Messenger live chat on web

น่าสนใจมากทีเดียวเลยใช่ไหมครับ เรามาดูวิธีการกันครับ


1. เราต้องเป็นสมาชิก และมี MSN Account อยู่แล้วนะครับ หากยังไม่มี
—- 1. สมัครสมาชิกเปิดขอใช้บริการอีเมลจาก hotmail.com
——– http://www.hotmail.com
—- 2. หรือทำ อีเมลของเราภายใต้@โดเมนของเรา ให้เล่น MSN ได้
2. เมื่อเรามี Account ของ Hotmail แล้วไม่ว่าจะ ใช้บริการอีเมลภายใต้ @hotmail หรือภายใต้ @domain ของเรา
2.1 ให้เปิดเว็บไซต์ http://settings.messenger.live.com/Applications/Default.aspx
2.2 คลิกเมนู “การตั้งค่าเว็บ” (Web Settings)
—– ติ๊กอนุญาตให้เว็บไซต์สามารถมองเห็นสถานะของ Messenger ของคุณ และส่งข้อความถึงคุณได้
—– (Allow websites to see your Messenger status and send you messages)
—– กดบันทึก (Save)


2.3 สร้าง (HTMLCreate HTML)
—– ให้เลือกปรับขนาดและสีตามใจชอบได้เลยครับ
โดยบริการนี้จะมีให้เราเลือกสามส่วนคือ
หน้าต่าง IM (IM Window) สำหรับให้ระบบสร้าง Code หน้าต่าง MSN ให้เราไปติดเว็บครับ
ปุ๋ม (Button) สำหรับสร้างปุ๋มไว้ให้เราติดหน้าเว็บ
ไอคอนสถานะ(Status icon) สำหรับแสดง icon สถานะออนไลย์ของเราครับ
หลังจากนั้นให้นำ Code ที่ได้ด้านล่างมาแปะ ในหน้าเว็บที่เราต้องการ
แค่นี้เราก็มี live chat ไว้ให้ใครต่อใครคุย MSN กับเราได้สบายๆ และครับ
ลองดูและนำไปประยุคใช้กันดูนะครับ

สำหรับการเปลี่ยนภาษาที่แสดงหน้าต่างที่ไปติดบนเว็บเรานะครับ
หากจะให้เป็นภาษาไทยแก้ messenger.live.com&mkt=th-TH
ภาษาอังกฤษใส่ messenger.live.com&mkt=en-US
หวังว่าบทควานี้จะเป็นประโยชน์และถูกใจกันนะครับ
ใครลองนำไปปรับใช้อย่าลืมนำมาให้ชมผลงานบ้างนะครับ
เดี่ยวไว้ฉบับหน้าผมจะมาเขียนวิธีทำ Icon แสดงสถานะ Online บทหน้าเว็บโดยไม่ต้องพึ่ง ตัวแสดงสถานะของ hotmail ที่มีให้กันครับ
พบปัญหาเี่กี่ยวกับบทความหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติมได้
บทความดีดีจาก : http://www.select2web.com/other/msn-on-web.html
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ

มาทำ Icon แสดงสถานะ MSN ของเราบนเว็บกัน

วันนี้ผมเองหลังจากหาวิธีติด MSN Chat ไว้หน้าเว็บของ http://www.ireallyhost.com แล้วจึงหาวิธีมานั่งเขียน code เพื่อมาตรวจสอบสถานะการออนไลย์ MSN ของเรากัน
หลายคนถามว่า MSN ก็มี ลิงค์แสดงสถานะออนไลย์ให้เราอยู่แล้วนิ ถูกครับแต่รูปมันเล็กนิดเดียวเราไม่สามารถนำมาปรับแต่งหรือแสดงภาพที่เรา ต้องการได้ จึงนำมาสู่การแสดงสถานะแบบแนวๆ เราครับ
ย้อนกลับไปตามกระทู้ที่แล้ว ที่เมนู “การตั้งค่าเว็บ” (Web Settings) เลือก สถานะ ( Status icon ) นะครับ
ดูในส่วนของ Gen Code ตัวอย่างเราจะได้ Code ตามตัวอย่าง

Coding :
<a target=”_blank” href=”settings.messenger.live.com/Conversation /IMMe.aspx?invitee=f2fa313cabf2ป6d5@apps.messenger.live.com&mkt=en- US”> <img style=”border-style: none;” src=”messenger.services.live.com /users/f2fa313caปbf26d5@apps.messenger.live.com/presenceimage?mkt=en-US ” width=”16″ height=”16″ /></a>
ปรับแต่งสถานะตามความชอบเลยครับ
ด้านบนผมเขียน แบบง่ายๆ ว่าหาก สถานะปัจจุบัน Offline Print > Offline
มิเช่นนั้น Print > Online ครับ
Download : MSN Status Checking ได้จาก
http://www.ireallyhost.com/HowToInstall/Article/MSN-Status-Checking.zip
<?
// Title : Msn Status Checking
// Create PHP Source Date : 12-03-2008
// PHP Developer .. Easy And Share.....
// By K.Mean (เจริญรัตน์ จันทร์นิธิ)
// Website : (http://www.ireallyhost.com)
// สามารถเผยแพร่ได้ กรุณาอย่าลืมให้เครดิส ลิงค์มาหาผมนิดนึง
// http://www.ireallyhost.com/forums.php?p=topic&tid=132

$web="messenger.services.live.com";
$ports="80";
$path="/users/f2faป313cabf26d5@apps.messenger.live.com/presenceimage?mkt=en-US"; //ที่ๆ จะต้องแก้ไข
$fp=fsockopen($web,$ports);
fputs($fp,"POST $path HTTP/1.1\r\n");
fputs($fp,"Host: $host\r\n");
fputs($fp,"Content-type: image/gif\r\n");
fputs($fp,"Content-length: ".strlen($data)."\r\n");
fputs($fp,"Connection: close\r\n\r\n");

while(!feof($fp)){
     $result.=fgets($fp,128);
     }
fclose($fp);

list($temp,$a)=split("img/",$result);
list($status,$temp)=split(".gif",$a);

if($status == "presence/Offline"){
   echo"Offline"; // แสดงผล เมื่อมีสถานะ Offline
}else{
   echo"Online"; // แสดงผล เมื่อมีสถานะ Online
}
?>
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ
บทความจากคุณมีน
http://www.ireallyhost.com

 


Read More...


การลง Windows XP Professional & การฟอแมท ลงวินโดว์ xp

การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP โดยปกติ จะสามารถทำได้ 2 แบบคือ การติดตั้งโดยการอัพเกรดจาก Windows ตัวเดิม หรือทำการติดตั้งใหม่เลยทั้งหมด สำหรับตัวอย่างในที่นี้ จะขอแนะนำวิธีการ ขั้นตอนการติดตั้ง Windows XP แบบลงใหม่ทั้งหมด ซึ่งความเห็นส่วนตัว น่าจะมีปัญหาในการใช้งานน้อยกว่าแบบอัพเกรดครับ วิธีการติดตั้ง Windows XP ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบดังนี้
1. ติดตั้งแบบอัพเกรดจาก Windows ตัวเดิม โดยใส่แผ่น CD และเลือกติดตั้งจาก CD นั้นได้เลย
2. ติดตั้งโดยการบูตเครื่องใหม่จาก CD ของ Windows XP Setup และทำการติดตั้ง
3. ติดตั้งจากฮาร์ดดิสก์ โดยทำการ copy ไฟล์ทั้งหมดจาก CD ไปเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ ก่อนทำการติดตั้ง
เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ในขั้นตอนการติดตั้งระบบ Windows XP ตรงนี้ จะขอแสดงตัวอย่างการติดตั้ง โดยการบูตจากแผ่น CD ของ Windows XP Setup ครับ โดยก่อนที่จะทำการติดตั้ง ก็ให้ทำการสำรองข้อมูลต่าง ๆ ไว้ให้เรียบร้อย

ในการแบ่งพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ แนะนำให้ทำการวางแผนประมาณขนาดพื้นที่ไว้ล่วงหน้าด้วย โดยทั่วไปก็ไม่ควรจะใช้พื้นที่ต่ำกว่า 3G. และเนื่องจากระบบ Windows XP สามารถที่จะสร้างเมนู Multi Boot ได้หลังจากที่ติดตั้งไปแล้ว โดยยังสามารถเลือกเมนูว่า จะเรียก Windows ตัวเดิมหรือจะเรียก Windows XP ก็ได้ ดังนั้น หลาย ๆ ท่านมักจะแบ่งพื้นที่ไว้ลง Windows 98 ที่ Drive C: ประมาณ 5G. และเผื่อไว้สำหรับ Windows XP ที่ Drive D: อีกประมาณ 5G. ที่เหลือก็จะเป็น Drive E: สำหรับเก็บข้อมูลอื่น ๆ ทั่วไป แต่ถ้าหากลง Windows เพียงแค่ตัวเดียว ก็ไม่จำเป็นครับ
การตั้งค่าใน BIOS ก่อนทำการติดตั้ง Windows XP ใหม่จะต้องทำการ Disable Virus Protection ใน BIOS ซะก่อน เพราะว่าเมนบอร์ดบางรุ่นจะมีการป้องกัน Virus โดยการป้องกันการเขียนทับในส่วนของ Boot Area ของฮาร์ดดิสก์ ซึ่งเท่าที่เคยเห็นมา เครื่องคอมพิวเตอร์ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะมีให้เลือกตั้งค่านี้อยู่แล้ว ถ้าหากเครื่องของใครไม่มีก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเมนบอร์ด บางรุ่นอาจจะไม่มีก็ได้ วิธีการก็คือ
  • เริ่มจากการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ ขณะที่เครื่องกำลังทำ Memory Test หรือนับ RAM อยู่นั่นแหละ ด้านล่างซ้ายมือจะมีคำว่า Press DEL to enter SETUP ให้กดปุ่ม DEL บน Keyboard เพื่อเข้าสู่เมนูของ Bios Setup (แล้วแต่เมนบอร์ด ด้วยบางทีอาจจะใช้ปุ่มอื่น ๆ สำหรับการเข้า Bios Setup ก็ได้ลองดูให้ดี ๆ) จากนี้ก็แล้วแต่ว่าเครื่องของใคร จะขึ้นเมนูอย่างไร คงจะไม่เหมือนกันแต่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก จากนั้นให้มองหาเมนู Bios Features Setup ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูที่สอง ใช้ปุ่มลูกศรเลื่อนแถบลงมาแล้วกด ENTER ถ้าใช่จะมีเมนูของ Virus Warning หรือ Virus Protection อะไรทำนองนี้ ถ้าหากเป็น Enable อยู่ละก็ให้เปลี่ยนเป็น Disable โดยเลื่อนแถบแสงไปที่เมนูที่เราต้องการใช้ปุ่ม PageUp หรือ PageDown สำหรับเปลี่ยนค่าให้เป็น Disable
  • กดปุ่ม ESC เพื่อกลับไปเมนูหลักของ Bios Setup มองหาเมนูของ SAVE TO CMOS AND EXIT หรืออะไรทำนองนี้เลื่อนแถบแสงไปเลยแล้วกด ENTER ถ้าหากเครื่องถามว่าจะ Save หรือไม่ก็ตอบ Y ได้เลย หลังจากนี้เครื่องจะทำการ Reboot ใหม่อีกครั้ง ใส่แผ่น Startup Disk ที่เราทำไว้ตามขั้นตอนแรกรอไว้ก่อนเลย
มาดูขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้น การติดตั้ง Windows XP กันเลยครับ
เริ่มต้น โดยการเซ็ตให้บูตเครื่องจาก CD-Rom Drive ก่อน โดยการเข้าไปปรับตั้งค่าใน bios ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเลือกลำดับการบูต ให้เลือก CD-Rom Drive เป็นตัวแรกครับ (ถ้าหากเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร)

ทำการปรับเครื่อง เพื่อให้บูตจาก CD-Rom ก่อน จากนั้นก็บูตเครื่องจากแผ่นซีดี Windows XP Setup โดยเมื่อบูตเครื่องมา จะมีข้อความให้กดปุ่มอะไรก็ได้ เพื่อบูตจากซีดีครับ ก็เคาะ Enter ไปทีนึงก่อน

โปรแกรมจะทำการตรวจสอบและเช็คข้อมูลอยู่พักนึง รอจนขึ้นหน้าจอถัดไปครับ

เข้ามาสู่หน้า Welcome to Setup กดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

หน้าของ Licensing Agreement กดปุ่ม F8 เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

ทำการเลือก Drive ของฮาร์ดดิสก์ที่จะลง Windows XP แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

เลือกชนิดของระบบ FAT ที่จะใช้งานกับ Windows XP หากต้องการใช้ระบบ NTFS ก็เลือกที่ข้อบน แต่ถ้าจะใช้เป็น FAT32 หรือของเดิม ก็เลือกข้อสุดท้ายได้เลย (no changes) ถ้าไม่อยากวุ่นวาย แนะนำให้เลือก FAT32 นะครับ แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง รอสักครู่ครับ

หลังจากนั้น โปรแกรมจะทำการ Restart เครื่องใหม่อีกครั้ง (ให้ใส่แผ่นซีดีไว้ในเครื่องแบบนั้น แต่ไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ เมื่อบูตเครื่องใหม่ ปล่อยให้โปรแกรมทำงานไปเองได้เลยครับ)

หลังจากบูตเครื่องมาคราวนี้ จะเริ่มเห็นหน้าตาของ Windows XP แล้วครับ รอสักครู่

โปรแกรมจะเริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้งต่าง ๆ ก็รอไปเรื่อย ๆ ครับ

จะมีเมนูของการให้เลือก Regional and Language ให้กดปุ่ม Next ไปเลยครับ ยังไม่ต้องตั้งค่าอะไรในช่วงนี้

ใส่ชื่อและบริษัทของผู้ใช้งาน ใส่เป็นอะไรก็ได้ แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

ทำการใส่ Product Key (จะมีในด้านหลังของแผ่นซีดี) แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

หน้าจอให้ใส่ Password ของ Admin ให้ปล่อยว่าง ๆ ไว้แบบนี้แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

เลือก Time Zone ให้เป็นของไทย (GMT+07:00) Bangkok, Hanoi, Jakarta แล้วกดปุ่ม Next เพื่อทำการติดตั้งต่อไป

รอครับ รอ รอ รอสักพัก จนกระทั่งขั้นตอนต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อย ก็พร้อมแล้วสำหรับการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP ครับ จากนั้น จะมีการบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นการใช้งานจริง ๆ

บูตเครื่องใหม่คราวนี้ อาจจะมีเมนูแปลก ๆ แบบนี้ เป็นการเลือกว่า เราจะบูตจากระบบ Windows ตัวเก่าหรือจาก Windows XP ครับ ก็เลือกที่ Microsoft Windows XP Professional ครับ ถ้าของใครไม่มีเมนูนี้ก็ไม่เป็นไรนะครับ

เริ่มต้นบูตเครื่อง เข้าสู่ระบบปฏิบัติการ Windows XP แล้วครับ

ในครั้งแรก อาจจะมีการถามเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใช้งาน กด OK เพื่อให้ระบบตั้งขนาดหน้าจอให้เราได้เลยครับ นอกจากนี้ ถ้าหากเครื่องไหนมีการถาม การติดตั้งค่าต่าง ๆ ก็กดเลือกที่ Next หรือ Later ไปก่อน บางครั้งอาจจะมีให้เราทำการสร้าง Username อย่างน้อย 1 ฃื่อก่อนเข้าใช้งาน ก็ใส่ชื่อของคุณเข้าไปได้เลย

เสร็จแล้วครับ หน้าตาของการเข้า Windows XP สวยดีครับ

และนี่คือหน้าตาแรก ของระบบปฏิบัติการ Windows XP Professional ครับ ต่อไปก็เป็นการปรับแต่ง และการลง Driver ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เรียบร้อยต่อไป
ผมฟอแมทคอมครั้งแรกเป็นก็เพราะบทความนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นในการใช้คอมพิวเตอร์มาอีกหลายปีเลยขอเอามาลงไว้ เผื่อใครผ่านไปผ่านมาอ่านจะได้เป็นประโยชน์กับผู้เริ่มต้นครับ
ที่มา: http://www.com-th.net/windowsxp/?xpsetup

Read More...


'ไอศกรีมมะม่วง' เพิ่มค่าผลไม้ขายตามฤดูกาล


หนึ่ง ในของหวานทานเล่นที่ได้รับความนิยมยามที่อากาศร้อน หรือแม้แต่ช่วงที่ไม่ร้อน คือ “ไอศกรีม” ซึ่งไอศกรีมก็สามารถทำได้หลากหลายรสชาติ อย่างรายของ “สุพัตรา พัชรารัตน์” เจ้าของสวนมะม่วงน้ำดอกไม้ ที่ในช่วงนี้เป็นช่วงมะม่วงออกผลผลิต นอกจากขายผลสดแล้ว ก็ยังนำมะม่วงมาผลิตเป็น
’ไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้“ เป็นการนำผลผลิตมาแปรรูปจำหน่ายสร้างรายได้เสริม เป็นอีกหนึ่งรูปแบบ ’ช่องทางทำกิน“ ที่น่าพิจารณา..

สุ พัตรา พัชรารัตน์ ซึ่งทำสวนมะม่วงอยู่ที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ชื่อสวนมะม่วงน้องปลื้ม เล่าว่า ครอบครัวทำสวนมะม่วงมานาน ปลูกมะม่วงกว่า 100 ไร่ มีมะม่วงหลากหลายพันธุ์ ที่ปลูกมากที่สุดก็คือ “มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง” เป็นพันธุ์ที่ขึ้นชื่อและได้รับความนิยมที่สุด และในช่วงหน้ามะม่วงจะมีผลผลิตออกมามาก เร่งขายผลสดแล้วก็ยังมีเหลืออีกมาก ซึ่งก็จะต้องหาวิธีแปรรูปเพื่อไม่ให้มะม่วงเน่าเสียหายแบบเปล่าประโยชน์ โดยส่วนใหญ่ก็จะนำไปทำเป็นมะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงดอง มะม่วงกวน และล่าสุดก็ได้นำมะม่วงมาแปรรูปเป็น “ไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้” ขายอีกด้วย
“เนื่องจากคุณย่านั้นทำไอศกรีมกะทิขายมานานหลาย 10 ปีแล้ว ปัจจุบันก็ยังทำขายอยู่ และในช่วงที่มะม่วงออกผลผลิตนั้นจะตรงกับช่วงหน้าร้อนพอดี เราจึงมีความคิดที่จะนำมาทำเป็นไอศกรีม เพราะยังไงคุณย่าก็มีสูตรการทำไอศกรีมอยู่แล้ว เราจึงไปให้คุณย่าทดลองทำไอศกรีมมะม่วง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ยาก คุณย่าทดลองทำอยู่ไม่นานก็ได้สูตรการทำไอศกรีมมะม่วง และก็ทำขายตั้งแต่ปี 2553 เรื่อยมา”

ไอศกรีมมะม่วง ใช้สูตรการทำคล้ายไอศกรีมกะทิ แต่จะเพิ่มเนื้อมะม่วงลงไปปั่นผสมเพื่อให้มีกลิ่นหอมและมีรสชาติของมะม่วง ด้วย โดยเลือกใช้มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง เพราะมีรสชาติหวาน เนื้อแน่น ไอศกรีมมะม่วงที่ทำออกมานั้นจะไม่หวานมาก แต่จะต้องมีกลิ่นหอม และได้ความมันของกะทิแบบกลมกล่อมไอศกรีม 1 ถังจะมีอยู่ 3 ปั่น โดย 1 ปั่น เทียบได้ประมาณ 8 กิโลกรัม ซึ่งในการทำไอศกรีม 8 กิโลกรัมจะใช้มะม่วงน้ำดอกไม้ประมาณ 5 กิโลกรัม เนื่องจากมีมะม่วงเป็นต้นทุนอยู่แล้ว จึงใส่มะม่วงได้เต็มที่ ส่วนมะม่วงที่นำมาใช้ได้ จะเป็นมะม่วงที่สุกงอมกำลังพอดี ไม่สุกมากหรือน้อยเกินไปเพราะจะทำให้ไอศกรีมที่ทำออกมามีกลิ่นไม่หอมและไม่ อร่อย

“สำหรับการทำไอศกรีมมะม่วงนั้นเรา จะจำกัด ทำออกมาจำหน่ายเฉพาะในช่วงหน้ามะม่วงออกผลผลิตเท่านั้น เพราะเราต้องการคุณภาพของไอศกรีม เนื่องจากมะม่วงนอกฤดูนั้นเป็นมะม่วงที่จืด ไม่หอมไม่หวาน เวลานำมาทำเป็นไอศกรีมก็จะไม่อร่อย”

การทำไอศกรีม 8 กิโลกรัม มีส่วนประกอบในการทำไอศกรีมดังนี้... เนื้อมะม่วงน้ำดอกไม้สุกประมาณ 5 กิโลกรัม, น้ำตาลทราย 5 กิโลกรัม, น้ำกะทิ 10 กิโลกรัม, นมสด 3 กระป๋อง, ไวท์มอลต์ 2 ช้อนชา, กลิ่นวานิลลาเล็กน้อย

ขั้นตอนการทำ... เริ่มจากนำมะม่วงน้ำดอกไม้สุกมาทำการปอกเปลือก หั่นเอาแต่เนื้อ จากนั้นนำไปใส่ในเครื่องปั่น เทน้ำกะทิผสมลงไป ทำการปั่นให้เนื้อมะม่วงละเอียดเข้าเป็นเนื้อเดียวกับกะทิ พักทิ้งไว้



นำ น้ำตาลทรายผสมกับไวท์มอลต์และนมสดส่วนหนึ่ง (แยกนมสดไว้อีกส่วนหนึ่ง) ใส่ลงในหม้อนำขึ้นตั้งไฟอ่อนค่อย ๆ เคี่ยวไปเรื่อย ๆ ตอนเคี่ยวนั้นก็ให้ค่อย ๆ เทนมสดส่วนที่แยกไว้ผสมลงไปเรื่อย ๆ จนหมด จากนั้นก็เคี่ยวต่อ โดยนำมะม่วงที่ปั่นผสมกับน้ำกะทิใส่ลงไปเคี่ยวให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ใช้เวลาเคี่ยวประมาณ 5-7 นาที จนส่วนผสมที่เคี่ยวเดือดก็ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้ให้เย็น เติมกลิ่นวานิลลาลงไปเพื่อเพิ่มความหอม และเพื่อให้สีสันออกเหลืองนวลขึ้นมามากขึ้น แต่หากต้องการให้เป็นสีธรรมชาติก็ไม่ต้องใส่ก็ได้

หลังจากส่วนผสมที่ เคี่ยวไว้เย็น ก็ให้ตักใส่ถุงนำไปแช่ตู้เย็น เพื่อให้เนื้อส่วนผสมเข้ากันและจับตัว ใช้เวลาแช่ประมาณ 4 ชั่วโมง หลังจากเนื้อส่วนผสมจับตัวแข็งเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ก็ให้นำออกมาใส่ลงไปในเครื่องปั่นสำหรับทำไอศกรีม ทำการปั่นไปเรื่อย ๆ ประมาณ 30-40 นาที ก็จะได้ไอศกรีมที่มีเนื้อเนียนนุ่ม จากนั้นก็นำไปบรรจุไว้ในถังใส่ไอศกรีม เตรียมขาย



การ ตัก “ไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้” ขาย ก็จะใช้ถ้วยขนาด 260 กรัม ตักไอศกรีมใส่ประมาณ 4 ลูก โรยหน้าด้วยเนื้อมะม่วงน้ำดอกไม้สุกที่หั่นเป็นลูกเต๋า ขายในราคาถ้วยละประมาณ 20-25 บาท ซึ่งไอศกรีม 1 ถัง ใช้เงินทุนประมาณ 1,000 บาท ถ้าขายหมดก็จะได้ประมาณ 2,000 บาท

ไอศกรีมมะม่วงน้ำ ดอกไม้ของสุพัตราจะทำออกมาขายเฉพาะในช่วงฤดูมะม่วงเท่านั้น ซึ่งก็คือในช่วงนี้ ก็ตั้งแต่ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม หากเป็นช่วงนอกฤดูมะม่วงก็จะทำไอศกรีมกะทิมะพร้าวอ่อนขายแทน

สำหรับ ผู้ที่สนใจ ’ไอศกรีมมะม่วงน้ำดอกไม้“ ของสุพัตรา ในช่วงนี้แวะไปชิมกันได้ที่ตลาดน้ำบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ขายวันเสาร์-อาทิตย์ หรือถ้าต้องการสั่งทำก็สามารถโทรฯ ไปสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 08-1752-9684 โดยต้องสั่งล่วงหน้าก่อนประมาณ 2-3 วัน ซึ่งการทำ-การขายไอศกรีมผลไม้ชนิดนี้ ก็น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน.


Credit  http://www.dailynews.co.th/

Read More...


ชวนชิมหลากอาหาร“เมนูยำ”


หอมอร่อยกุ้งผัดซอสมะขาม
ปี ที่แล้วไปถ่ายทำรายการที่ร้านอาหารในโรงแรม วู้ดแลนด์ พัทยา มาครับ ร้านอาหารของเขาชื่อว่า ร้านลา บาเก็ต คำว่า บาเก็ต แปลว่า ขนมปังฝรั่งเศสเป็นแท่งกลม ๆ ยาว ๆ นั่นเองครับ ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่ม ร้านนี้ เป็นร้านค็อฟฟี่ชอปเล็ก ๆ สำหรับ ทานอาหารเช้า มีเบเกอรี่ ขนมเค้ก มีแซนวิชที่เป็นแบบฝรั่งเศสครับ เพราะใช้ขนมปังฝรั่งเศสทำ มีกาแฟดี ๆ ให้กิน เช่น คาปูชิโน่ เอสเปรสโซ่ และลาเต้
    
ที่นั่งกินของเขาเหมือนนั่งอยู่เมืองนอกเลยครับ มีเฉลียงอยู่ข้างนอกติดกับถนนให้เราได้ชมบรรยากาศรอบ ๆ ร้าน ส่วนอาหารที่ผมได้ชิมเป็นอาหารเช้า เป็นอาหารที่กินง่าย ๆ ครับ มีแซนวิชหลายต่อหลายอย่าง แต่ แซนวิชแฮมแอนด์ชีส ที่ผมกิน เขาเอาไปอุ่นให้ร้อนทำให้เนยแข็งละลายเวลาที่เรากินเข้าไปจะทำให้รู้สึกหอม
    
ทีมงานของผมได้ลองชิม ข้าวผัดปู เขาผัดได้ดีครับ ไม่แห้งและไม่แฉะจนเกินไปครับ เนื้อปูก็มีให้เห็นเยอะเหมือนกันนะครับ มาที่ ต้มยำกุ้ง ครับ รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว ครบรสของต้มยำเลยครับ มี กุ้งผัดซอสมะขาม จานนี้ก็อร่อยครับ ผัดได้ดี กุ้งก็สุกกำลังดี ไม่เหนียวครับ
   
จานต่อมาเป็น ปลาราดซอสสามรส ซึ่งเขาใช้ปลากะพงทำนะครับ รสชาติดี ไม่เผ็ดเท่าไร ผมอยากให้เผ็ดมากกว่านี้ครับ เพราะผมเป็นคนที่กินเผ็ดครับ ส่วน แกงเขียวหวานก็ดีนะครับ อร่อยดี แต่ผมกินได้ไม่มาก กลัวอ้วนครับ เพราะผมกำลังลดความอ้วนอยู่ แต่สำหรับ เนื้อผัดพริกไทยดำ ของเขา ผมคิดว่าเนื้อค่อนข้างจะแข็งไปนิดหนึ่งครับ
    
ในส่วนของบรรยากาศร้าน ซึ่งแบ่งเป็นห้อง ๆ ตกแต่งแตกต่างกันโดยปริยายครับ ห้องหนึ่งเป็นแบบฝรั่ง ส่วนอีกห้องหนึ่งเป็นแบบไทย ๆ แต่ว่าอาหารของเขาดีมากครับ ผมชอบไปนั่งจิบกาแฟ กินขนมต่าง ๆ ของเขา และชอบไปกินอาหารเช้าที่ร้านลา บาเก็ตครับ เพราะเหมือน ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยผมก็เลยชอบไปกินที่นั่น
    
ยังมีอีกร้านหนึ่งครับที่ผมจะพาไปกิน ถ้ามาที่พัทยาแล้วคิดว่าอยากกินอะไรที่สะอาดนิดหนึ่ง ไม่ได้กินข้างถนน หรือร้านที่เป็นเพิง ก็แวะมาที่ร้านนี้ได้ เป็นร้านชื่อว่า ยำ แอนด์ ตำ อยู่ในชั้น 5 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยาบีช เลยครับ เป็นร้านที่มีทั้งยำและตำ ชื่อก็บอกแล้วครับ
    
มี ส้มตำปู และก็มี ส้มตำไทยใส่ปู เขาตำได้ถึงรสชาติครับ อร่อย มี ยำแตงกวา ซึ่งผมชอบมากเลยครับ อร่อย รสชาติจัดจ้านดีครับ และ ยำทะเล ของเขาก็อร่อยนะครับ
    
ที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่งก็คือ ยำคอหมูย่าง เนื้อหมูนิ่มอร่อยดีครับ ไม่เหนียวติดมันเล็กน้อย ผมกินไม่ยอมหยุดเลย และก็มี ยำผักบุ้งทอดกรอบซึ่งตอนแรก ๆ ก็กินยากนะครับ เพราะติดกันมาเป็นแพ เวลาตัดก็จะแตกกระจายเลยครับ ต้องค่อย ๆ ตัดเป็นคำ ๆ แต่พอกินไปเรื่อย ๆ ยิ่งกินยิ่งมันครับ เขาเอาผักบุ้งไปชุบแป้งทอดและเอาน้ำยำใส่ถ้วยมาให้และจิ้มกิน
    
ความจริงแล้วต้องเอาถ้วย   ใหญ่ ๆ มาใส่น้ำจิ้ม เพราะมาถ้วยเดียวคงไม่พอแน่ เพราะอร่อยที่น้ำจิ้มนี่ล่ะครับ ลองไปชิมกันดูนะครับ
    
ส่วน ต้มหมู ของเขาก็อร่อย ใช้ได้นะครับ เขาเอาซี่โครงหมูมาต้มและทำคล้าย ๆ ต้มยำ รสชาติอร่อยมาก และก็มี ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ใช้ได้เลยครับ แต่ ลาบหมู ของเขาผมไม่ชอบกินสักเท่าไรนัก เพราะลาบหมูที่ผมกินพอวางไว้สักพักหนึ่งมันจะเย็นแล้วขึ้นไข ซึ่งความจริงแล้วลาบหมูต้องอุ่น ๆ ตอนที่ทำเสร็จใหม่ ๆ ใส่จานมาเสิร์ฟแล้วต้องกินเลยครับ อย่าทิ้งไว้นานจนเกินไป
    
แต่สำหรับ หมูแดดเดียวทอดของเขาอร่อยมากครับ ผมกินเพลินเลยครับ เคี้ยวเล่นอร่อยดีครับ ผมชอบ ก๋วยเตี๋ยวหลอด ของเขาอันใหญ่มากเลย ต้องใช้นิ้วทานเลยครับ อย่าใช้ช้อนส้อม มิฉะนั้นมันจะร่วงหมดเลย จุ่มกับน้ำจิ้มให้ชุ่มมันถึงจะถึงรสถึงใจครับ ผมชอบมากสำหรับอาหารจานนี้
    
ใครไปที่พัทยาก็คงจะรู้ดีว่ามีที่กินและที่ท่องเที่ยวมากมาย มีคนบอกว่า อีก 5 ปีที่พัทยาจะไม่มีชายหาดแล้วเพราะฉะนั้นก็รีบไปเสียก่อนที่จะไม่มีชายหาดนะ ครับ ทั้ง 2 ร้านที่ผมพูดถึงถ้ามีโอกาสก็ลองแวะไปกินกันนะครับ.

หมึกแดง
www.mcdangguide.com


เข้าครัวกับหมึกแดง

แกะอบผัดรัตตาตุย

เครื่องปรุง

- ซี่โครงแกะ 300 กรัม เลาะกระดูกออกทั้งชิ้น   
- ซอสหมักเนื้อนุ่ม 6 ช้อนโต๊ะ
- พาสลี่ย์สับ 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
- โรสแมรี่สดสับ 1 ช้อนชา
- รัตตาตุย พอประมาณ
- ซอสราดแกะ พอประมาณ

วิธีทำ
1. เปิดเตาอบและอุ่นไว้ที่ 250 องศา
2. นำชิ้นเนื้อซี่โครงแกะ ที่แล่ให้เป็นแผ่นยาว ๆ โรยด้วย กระเทียมสับ โรสแมรี่สับ พาสลี่ย์สับ และเทซอสหมักเนื้อนุ่มลงไปทากับเนื้อแกะ
3. ม้วนเนื้อแกะจากตรงปลายที่มีแต่เนื้อกลับเข้ามาจนกระทั่งถึงตรงส่วนที่มี ไขมัน และหนังให้เครื่องปรุงที่เราโรยไว้อยู่ข้างในชิ้นแกะ ที่เราม้วน
4. ผูกชิ้นแกะม้วนแล้วด้วยเชือกเป็นท่อน ๆ
5. นำชิ้นแกะที่ผูกเชือกไว้มานาบกับกระทะร้อน ๆ บนเตาให้ทั่ว และเหลือง เพื่อปิดรูขนของเนื้อ ซึ่งความชุ่มชื้น จะได้ยังอยู่ในชิ้นเนื้อในเวลาอบอยู่
6. นำชิ้นเนื้อที่นาบแล้ว ใส่ถาดเข้าเตาอบที่เตรียมไว้ อบจนกระทั่งเหลืองและสุกปานกลาง ข้างในยังสีชมพูอยู่ ประมาณ 20 นาที
7. เมื่อสุกตามต้องการ จึงนำเนื้อแกะออกมาจากเตาอบ พักไว้ในที่อุ่น ๆ 10 นาที ก่อนจะหั่นเสิร์ฟเป็นแว่นหนา ๆ กับสตูผัดรัตตาตุย ราดด้วยซอสแกะ

เครื่องปรุงรัตตาตุย
- นํ้ามันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมใหญ่หั่นเต๋า 1/2 ลูก
- พริกตุ้มสามสีหั่นเต๋าอย่างละ 1/2 ลูก
- ซูกินี่หั่นเต๋า 1/2 ลูก
- มะเขือม่วงหั่นเต๋าล้างน้ำเกลือ 1/2 ลูก
- มะเขือเทศปอกเปลือกหั่นเต๋า 1 ลูก
- เกลือป่น พอประมาณ
- พริกไทยดำบดสด พอประมาณ
- ใบไธม์ พอประมาณ

วิธีทำ
1. ในกระทะที่นาบแกะ ใส่น้ำมันมะกอกลงไปพอ ร้อน ใส่กระเทียมลงไปผัดพอหยาบ
2. ใส่ผักทั้งหมดลงไปผัดให้สุก โดยเริ่มจากผักที่สุกยากก่อน
3. ปรุงรสด้วยเกลือป่น พริกไทยดำบดสด ใบไธม์ ผัดให้เข้ากัน จนผักสุกนุ่ม ยกออกพักไว้ (ถ้าต้มจนสุกนุ่มแล้วทิ้งไว้ค้างคืนจะอร่อยมาก)
4. นำไปเสิร์ฟคู่กับแกะอบ

ความรู้คู่ครัว
-ทำไมต้องใส่ กระเทียมสับ โรสแมรี่สับ พาสลี่ย์สับ ลงไปในเนื้อแกะที่เราจะม้วน? เพื่อเป็นการให้ความหอมและดับกลิ่นสาบของเนื้อแกะ

ชิมให้เป็น

สัปดาห์นี้จะพูดถึงเมนู“เนื้อผัดพริกไทยดำ”


สำหรับเนื้อผัดพริกไทยดำของที่ร้านลา บาเก็ต เนื้อค่อนข้างจะแข็งไปเล็กน้อย ซึ่งสาเหตุมาจากหลายประการด้วยกัน โดยข้อแรกอาจมาจากการเลือกใช้เนื้อที่มีคุณภาพไม่ค่อยดี หรือเลือกได้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของการนำมาทำเป็นอาหาร ประการต่อมา คือ อาจมาจากการปรุงอาหารที่ใช้เวลานานเกินไปจนทำให้เนื้อสุกเกินไป เวลานำมากินจะแข็งและเหนียว
    
ประการที่ 3 มาจากการหั่นเนื้อที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งปกติการหั่นเนื้อที่ดี คือ การหั่นขวางเส้นลายเนื้อ ไม่ใช่หั่นตามเส้นลายเนื้อเพราะการหั่นเช่นนี้จะทำให้เนื้อเหนียว ยิ่งถ้าการผัดใช้เวลานานยิ่งทำให้เนื้อแข็งอีกต่างหาก 
    
ส่วนวิธีในการผัดเนื้อพริกไทยดำ (ในแบบของผมนะครับ) ผมใช้เนื้อสันใน ซึ่งเป็นเนื้อส่วนที่ละเอียด นุ่มมากที่สุด และไม่มีไขมัน หรือไขมันน้อยที่สุด เป็นเนื้อส่วนที่ตัดจากกลางลำตัว เป็นส่วนของเนื้อที่อยู่ทั้งสองข้างของแนวกระดูกสันหลัง
    
เมื่อเลือกเนื้อได้แล้ว นำไปหมักกับแป้งมัน น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว พริกไทยดำบดสด สักประมาณ 5 นาที แล้วจากนั้น นำไปลวกในน้ำเดือด เพื่อต้องการให้เนื้ออยู่ตัว แต่ต้องลวกไม่ถึงกับสุกนะครับ เสร็จแล้ว นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพอร้อน ก็นำเนื้อและเครื่องปรุงทั้งหมดลงไปผัดให้หอม ช่วงนี้ให้ใช้ไฟแรงผัดจนกระทั่งเนื้อสุก ตักใส่จานเสิร์ฟกินได้ทันทีเลยครับ.

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.