สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income: ของดีภาคใต้
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ของดีภาคใต้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ของดีภาคใต้ แสดงบทความทั้งหมด

วิธีทำแกงไตปลา การทำอาหารขึ้นชื่อของทางภาคใต้



แกงไตปลา อาหารของทางภาคใต้ที่ขึ้นชื่อ ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีส่วนผสมที่ลงตัวเป็นอย่างดี ผมว่าหลายๆ คนที่ได้รับประทานดูแล้วคงติดใจไปตาม ๆ กันจนลืมไม่ลงครั้งแรกที่ผมได้รับประทาน ต้องบอกตรง ๆ ไปเลยว่าผมรับประทานทั้งน้ำตาไหลหูแดงตามด้วยน้ำมูก เพราะสุดของอาหารภาคใต้เราต่างพากันรู้จักกันดีอยู่แล้วว่าเผ็ดขนาดไหน แต่ ก็ไม่ได้ทำให้ผมหยุดรับประทานต่อไปได้เลย สำหรับท่านได้อยากรู้จักขั้นตอนและวิธีทำแล้ววันทางเว็บได้นำเอาการทำอาหาร อย่างแกงไตปลามาลองทำกันดู ใครที่อยากทำเป็นอาชีพก็น่าศึกษาลองทำกินเองในครอบครัวแล้วค่อยทำขายต่อไป เรามาดูกันเลยครับ

อย่างแรกเครื่องปรุงแกงไตปลา

1. ไตปลาสำเร็จรูป 1 ถ้วยตวง
2. ปลาทูย่างแกะเอาแต่เนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ 3 ตัว
3. ปลากรอบโขลกละเอียด 1 ถ้วยตวง
4. มะเขือเจ้าพระยาผ่า สี่ เสี่ยว 5 ผล
5. ถั่วฝักยาวหั่น 5 ฝัก
6. หน่อไม้ลวกต้มหั่นเป็นชิ้นกำลังดี 1 ถ้วยตวง
7. ฟักทองไม่ต้องปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วยตวง
8. ใบมะกรูดหั่นขวางหยาบๆ 7 ใบ
9. เครื่องปรุงรสไก่ชนิดผง 2 ช้อนชา
10. น้ำสะอาด 3 ถ้วยตวง

ส่วนผสมน้ำพริกเครื่องแกง

1. พริกแห้งเม็ดใหญ่ แกะเอาเมล็ดออกแช่น้ำจนนิ่มบีบเอาน้ำออก 10 เม็ด
2. พริกขี้หนูแห้ง 50 เม็ด
3. พริกขี้หนูสด 15 เม็ด
4. ตระไคร้ซอยบางๆ 3 ช้อนโต๊ะ
5. หอมแดงปอกเปลือก 7 หัว
6. กระเทียมหัวเล็กปอกเลือก 3 หัว
7. ข่าแก่หั่นเป็นแว่นๆ 10 แว่น
8. ผิวมะกรูดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 2 ช้อนโต๊ะ
9. ขมิ้นชันสดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 1 ช้อนโต๊ะ
10. เม็ดพริกไทยล่อน 1 ช้อนชา
11. กะปิห่อใบตองเผาไฟ 1 ช้อนชา
12. เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุงน้ำพริกเครื่องแกง

ทำการโขลกเครื่องปรุงรสและส่วนผสมของแกงไตปลาละลายกับน้ำสะอาด สาม ถ้วยตวง เทใส่ลงไปในหม้อแกงทันที เอาขึ้นตั้งบนเตาไฟเร่งไฟให้แรงจนเดือด ใส่ไตปลาสำเร็จรูปลงไปผสมให้ละลายเข้าด้วยกัน เอาปลาทูสดที่แกะเอาแต่เนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปน้ำแกงนี้ ใส่ปลากรอบที่โขลกแล้วลงไปอีกอย่างหนึ่ง คนให้ผสมผสานเข้าด้วยกัน ใส่หน่อไม้ลวก ฟักทอง ใบมะกรูด ปล่อยให้เดือดอีกที หากน้ำน้อยให้เติมน้ำสะอาดลงไปได้อีกพอสมควร พอเดือดแล้วก็ใส่ถั่วฝักยาว และมะเขือเจ้าพระยา ใส่เครื่องปรุงลงไป ก็เป็นว่าเสร็จเรียบร้อย
วีดีโออย่างละเอียดวิธีทำแกงไตปลา


ขอบคุณเจ้าของคลิป foodtravel.tv คุณสามารถเข้าไปดูเพื่มเติมได้อีกที่ :: http://www.youtube.com/user/MrFoodandTravel

Read More...


ผัดสะตอกุ้งสด


ผัดสะตอกุ้งสด

  


อาหารอร่อย ๆ มีมาฝากอีกแล้วคะ วันนี้ขอนำเสนอ ผัดสะตอกุ้งสดแบบบ้านส้มนะจ๊ะ อร่อยอะป่าวอันนี้ต้องลองทำทานดูคะ อิอิ..

 ส่วนผสม
1. สะตอสด
2. แครอท
3. กุ้งสด
4. กะปิ
5. หอมหัวใหญ่
6. พริกขี้หนู / กระเทียม
7. น้ำมันพืช / น้ำปลา / น้ำตาลทราย (สำหรับปรุงรส)

ลุยกันเลยจ้า..
1.  เตรียมสะตอก่อนนะจ๊ะ 
 
      
2. จากนั้นก็ปอกคะ การปอกสะตอก็ไม่ยาก(สำหรับคนที่ยังไม่เคยทำ) คือเอา
มีด คม ๆ ผ่าเข้าไปตรงกลางเม็ดสะตอ (แต่เปลือกสะตอไม่ขาดนะจ๊ะ) จากนั้น ดึงเม็ดสะตอออกมาได้เลยคะ 1 เม็ด จะแยกได้ 2 ซีก (นึกออกอะป่าว^^’) เอาเปลือกสีขาวที่ห่อเม็ดสะตออยู่ออกด้วยนะจ๊ะ
 
3. กุ้งสดนำมาปลอกเปลือก ดึงไส้ดำออกด้วยนะจ๊ะ ส่วนกะปิใส่แค่ปลายช้อน
(ถ้า ใส่มากไปแทนที่จะหอมจะกลายเป็นเหม็นกลิ่นกะปิได้จ๊ะ) หอมหัวใหญ่และแครอทหั่นเตียมไว้เลยคะ  พริกขึ้หนู(ถ้าชอบเผ็ดใส่มากกว่านี้ก็ได้นะจ๊ะ)
  
      
 4.  จากนั้นก็มาตำเครื่องก่อนคะ โดยเริ่มจากกระเทียมสด ตำพอแหลก แล้วจึงใส่พริกขึ้หนูลงไป (พอดีส้มไม่ทานเผ็ดเลยใส่ไปแค่ 2-3 เม็ด^^’) ตำให้เข้ากันอีกครั้งคะ ไม่ต้องละเอียดมากนะจ๊ะ  จากนั้นตามด้วยกะปิคะ
 
 5.  เครื่องที่ได้จะมีลักษณะหยาบ ๆ คะ ไม่ถึงกับละเอียดมากนะจ๊ะ
         
 6.  กะทะตั้งไฟให้ร้อน จากนั้นใส่น้ำมันพืชลงไปคะ
      
 7.  จากนั้นใส่เครื่องที่เราตำไว้ลงไปคะ ผัดให้หอมก่อนนะจ๊ะ
 
 8.  ใส่ผักที่สุกยากลงไปก่อนคะ ก็คือแครอท  จากนั้นตามด้วยสะตอ ผัดให้เข้ากันคะ ให้ผักสุกก่อนนะจ๊ะ (ใช้เวลาไม่นานประมาณ 3-5 นาที) ถ้าน้ำแห้งให้เติมน้ำสะอาดลงไปนะจ๊ะ เติมไปประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะก็ได้คะ (กะ ๆ เอาคะ)

    
 9.  พอผักสุกก็ใส่กุ้งลงไปเลยคะ ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ปรุงรสตามชอบได้เลยคะ
  

credit : ส้มซ่าดอทคอม





     คำว่าสตอที่ฮิตๆ กัน ทำให้ความเป็นผู้ดีเก่าคู่บ้านคู่เมืองมานานของสะตอต้องแปดเปื้อนหมด ชาวสะตอเค้าเลยขอแก้ข่าวให้รู้ว่าสะตอเนี่ยเค้าดีจริงๆ นะ

     เมล็ดสะตอ มีสรรพคุณใช้ขับปัสสาวะ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ถ้ารับประทานเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้
- ช่วยให้ความดันโลหิตเป็นปกติ มีผลต่อการแบ่งตัวของเซลล์

- ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ทำให้ไม่ป่วย ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา

- ช่วยให้เม็ดเลือดแดงเกาะกลุ่มกันได้ดี มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ช่วยในการระบาย

นอกจากนี้ เมล็ดสะตอ 100 กรัม มีคุณค่าทางอาหารมากยิ่งกว่าแฮมเบอร์เกอร์อันละร้อย 1 อันซะอีก

โปรตีน 8.0 กรัม
ไขมัน 8.1 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 11.4 กรัม
กาก 0.5 กรัม
แคลเซียม 36 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 83 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.7 มิลลิกรัม
วิตามินเอ 734 หน่วยสากล
วิตามินบี 1 0.11 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.11 มิลลิกรัม
ไนอาซีน 1.0 มิลลิกรัม

Read More...


ผักเหลียง ราชินีแห่งผักพื้นบ้าน



        จากเอ็นทรีที่แล้ว อาหารยอดฮิตเห็นจะไม่พ้นผักพื้นบ้านแสนอร่อยของข้าพเจ้าไปได้ หลายคนที่เคยได้ลิ้มรสต่างก็หลงรักกันไปอย่างถ้วนทั่ว ข้าพเจ้าจึงขอนำสาระน่ารู้มาฝากกันซะเลย "ผักเหลียง" เป็นพืชยืนต้นที่มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ ๑-๒เมตร มีใบเรียวยาว สามารถนำยอดของผักเหลียงมารับประทานได้ แต่ต้องทำให้สุกก่อนโดยนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายอย่าง เช่น ผัดผักเหลียงใส่ไข่ แกงเลียงผักเหลียงใส่กุ้ง นำมาต้มกะทิ ใช้รองห่อหมก หรือลวกจิ้มน้ำพริก ซึ่งเป็นที่นิยมรับประทานมากของชาวภาคใต้อย่างกว้างขวาง  

         ผักเหลียงจัดเป็นผักพื้นบ้านประเภทไม้ยืนต้นขนาดกลางมีมากในแถบจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ชุมพร  ระนอง และแทบทุกจังหวัดในภาคใต้ ถือว่าเป็นผักประจำถิ่นใต้เลยก็ได้ ว่ากันว่าถ้าจะกินผักเหลียงที่มีรสหวานอร่อยแล้วละก็ต้องเป็นผักเหลียงที่ขึ้นในร่ม หรือไม่ก็ต้องหลังฤดูฝนไปแล้ว เพราะเป็นช่วงที่ผักเหลียงเริ่มแตกใบใหม่  แหล่งดั้งเดิมของผักเหลียงขึ้นอยู่ตามป่าเขา ที่ราบ  บางครั้งก็เห็นขึ้นเคียงข้างกับต้นสะตอและต้นยาง ลักษณะของผักเหลียงที่อร่อย

          คนใต้เขาแนะนำให้เลือกใบที่เป็นเพสลาด  คือไม่อ่อนหรือไม่แก่จนเกินไป ใบจะออกรสมันและหวานนิดๆและนอกจากความอร่อยแล้ว คนใต้บางคนบอกว่าหากผู้คนภาคอื่น ได้มีโอกาสลิ้มลองผักเหลียงมากขึ้น อาจจะหลงเสน่ห์ปักษ์ใต้เอาได้ง่ายๆ เลยทีเดียว


     "ผักเหลียง" มีการปลูกกันอยู่ในหลายจังหวัดทางภาคใต้  ทางพังงา ภูเก็ต กระบี่เรียกว่า "ผักเหมียง" สุราษฎร์ฯ เรียกว่า "ผักเขรียง" ส่วนทางชุมพร ระนอง ประจวบฯเรียกว่า "ผักเหลียง"  

       ต้นเหลียงมักไม่มีศัตรูพืชมากนัก ไม่โดนแมลงหรือเชื้อรารบกวนจึงมั่นใจได้ว่าเป็นผักปลอดจากสารพิษอย่างแน่นอน อันที่จริงผักจากไม้ยืนต้นส่วนใหญ่ก็มักจะปลอดสารพิษอยู่แล้ว ชาวบ้านที่ชุมพรจะกำมาขาย กำละ 5 บาทเท่านั้น เมื่อเทียบกับผักที่ไม่ปลอดสารพิษในกรุงเทพฯแล้ว ผักเหลียงทั้งปลอดภัย ทั้งอร่อยทั้งประหยัดกว่าหลายเท่าค่ะ เสียดายที่หาผักเหลียงในกรุงเทพฯได้ยากข้าพเจ้าจึงโชคดีกว่าคนกรุงก็ตรงนี้นี่เอง

       ผักเหลียงอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนที่ต้องถือว่าเป็นสารต้านออกซิเดชั่นที่ สำคัญ ทั้งยังเป็นสารตั้งต้นสร้างวิตามินเออีกด้วย มีข้อมูลออกมาจากภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตรมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ว่า ผักเหลียงร้อยกรัมหรือหนึ่งขีดไม่รวมก้านให้เบต้าแคโรทีน สูงถึง 1,089 ไมโครกรัมหน่วยเรตินัล สูงกว่าผักบุ้งจีนสามเท่ามากกว่าผักบุ้งไทย 5-10 เท่า ผักเหลียงมีเบต้าแคโรทีนมากกว่าใบตำลึงเสียด้วยซ้ำผักที่ถือว่า เป็นสุดยอดของแหล่งเบต้าแคโรทีนคือแครอท ก็ไม่ได้มีเบต้าแคโรทีนมากไปกว่าผักเหลียงเลย เบต้าแคโรทีนเป็นสารสีส้ม แต่กลับมองไม่เห็นสีส้มในผักเหลียงก็เพราะมันถูกสีเขียว ของใบผักปกปิดไว้จนหมด กินผักเหลียง จึงให้ทั้งคุณค่าของเบต้าแคโรทีนและสารพฤกษเคมีจากผักใบ และผักเหลียงยังให้คุณค่าของแคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยบำรุงกระดูก อีกด้วย
 
         อาหารยอดนิยมจากผักเหลียงที่ขึ้นชื่อของเมืองใต้คือ "ผักเหลียงต้มกะปิ" หรือที่รู้จักกันดีว่า "แกงเคย"  

          กรรมวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากเลย เพียงต้มน้ำให้เดือด  ใส่กะปิ หอมแดงบุบ  น้ำตาลทราย  พอเครื่องเดือดทั่วกันก็ใส่ผักเหลียงได้เลยส่วนใหญ่ใส่กันทั้งใบ ไม่เด็ดก้านใบทิ้ง

         เพราะก้านทำให้น้ำแกงมีรสหวานพอใส่ผักเหลียงแล้วยกลงได้เลย เคี่ยวนานไปผักจะสลดหมด แกงหม้อนี้ใช้เกลือปรุงรสแทนน้ำปลา แต่อาจเสริมรสชาติความอร่อยด้วยการใส่กุ้งแห้งหรือกุ้ง ใหญ่ลงไปด้วยก็ได้ รสชาติเหมือนแกงเลียง แต่ต่างกันตรงที่เครื่องแกงของแกงเลียงจะนำมาโขลกก่อน แล้วจึงใส่ลงในหม้อแกง แต่แกงผักเหลียงนี้ไม่ต้องนำเครื่องแกงไปโขลก 

        นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำอาหารจานผัดที่แสนธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดาอย่าง "ผักเหลียงผัดไข่" วิธีทำจะว่าไปแล้วก็เหมือนพวกหัวไชโป๊ผัดไข่  มะละกอสับผัดไข่เพียงแต่เราเปลี่ยนเป็นใบเหลียงเท่านั้น รับประทานกันข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ  แม้แต่ห่อหมกของคนใต้ยังนิยมใช้ใบเหลียงมารองก้นกระทง นอกเหนือไปจากใบโหระพา ผักกาดขาว และใบยออีกด้วย 

          หรือจะนำมาต้มกับกะทิเป็น"ผักเหลียงต้มกะทิ" ก็ได้ หรือง่ายกว่านั่น ก็คือผักเหลียงต้มน้ำปลาวิธีการแสนง่ายดายด้วยการต้มใบเหลียงในน้ำเดือดแล้ว ปรุงรสด้วยน้ำปลาอย่างดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น รสชาติหวานของผักเหลียงเข้ากับความเค็มอย่างกลมกล่อมของน้ำปลาเข้ากันได้เป็นอย่างดีเชียวค่ะ ถือเป็นอาหารพิเศษสำหรับเด็ก ๆ ที่ไม่ชอบทานผักได้อีกด้วยนะคะผักเหลียงจึงได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งผักพื้นบ้านด้วยคุณประโยชน์หลายประการเช่นนี้เอง
วิธีการขยายพันธุ์ผักเหลียง

         เกษตรกรที่คิดจะปลูกผักเหลียงไว้ขายเป็นรายได้เสริมหรือปลูกเพื่อบริโภค เริ่มลงมือปลูกวันนี้เพียง 2 ปี ก็เก็บยอดขายได้ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอดไป ขยายพันธุ์ง่ายได้ผลทุกวิธี ผักเหลียงเป็นพันธุ์ไม้ป่า และไม้ยืนต้นขนาดกลางที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพร่มเงา เป็นพืชที่นิยมบริโภค 
         เนื่องจากเป็นผักป่าปลอดสารเคมี มีรสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางอาหารสูง สามารถนำมาประกอบเป็นอาหารได้หลากหลายชนิด ปัจจุบันมีการขยายปลูกผักเหลียงในสวนผลไม้ สวนยางพารา ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี เช่น ด้วยเมล็ด ไหลราก กิ่งตอนและปักชำ โดยมีวิธีการดังนี้  

            1. เมล็ด เมล็ดสุกเปลือกนอกจะมีสีเหลือง เปลือกในแข็งสีน้ำตาล นำเมล็ดแช่น้ำเอาเปลือกนอกออก แล้วนำไปเพาะในกระบะทรายหรือขี้เถ้าแกลบผสมทรายประมาณ4 เดือน เมื่อเมล็ดงอกมีใบ 2-3 คู่ นำลงถุงเพาะชำเลี้ยงไว้ประมาณ 1 ปี จึงลงแปลงปลูก

           2. ไหลราก คือ รากแขนงที่อยู่ระดับผิวดินจะแตกเป็นต้นได้ ก็สามารถขุดต้นแล้วนำลงชำถุงเลี้ยงไว้ประมาณ 6 เดือน จึงลงแปลงปลูก 
  
           3. กิ่งตอน ควรเลือกกิ่งที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป คือ กิ่งที่มีสีน้ำตาลอ่อน ใช้เวลาตอนประมาณ 2 เดือน เมื่อรากออกสมบูรณ์แล้วนำลงชำถุงอีก 2-3 เดือน จึงนำลงแปลงปลูก
 
           4. ปักชำ ก็สามารถทำได้แต่ได้ผลค่อนข้างต่ำ เกษตรกรจึงไม่นิยมทำกันเพราะต้องใช้
ฮอร์โมนเร่งราก ปักชำในตู้ชื้นหรือใช้ระบบพ่นหมอก ซึ่งทำให้แตกรากช้า และมีเปอร์เซ็นต์งอกต่ำ 

          หวังว่าข้อมูลเล็กน้อยนี้อาจจะทำให้ท่านรัก "ผักเหลียง"  ผักพื้นบ้านของชาวใต้มากขึ้นไปอีกนะคะ  แต่ข้าพเจ้าเองนอกจากหลงรักแล้ว ยังรู้สึกภาคภูมิใจ

         เป็นของแถมด้วยค่ะ อ้อ!... ลืมบอกไปคนชุมพรไม่ค่อยมีใครเรียกเจ้าผักชนิดนี้ว่า"ผักเหลียง" หรอกนะคะ ถ้าจะไปหาซื้อต้องเรียกว่า "ใบเหลียง" ค่ะ

ที่มา http://www.oknation.net/blog/nnnnnn/2008/02/07/entry-1

Read More...


ผักเหลียงผัดไข่

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ผักเหลียง  หรือบางคนเรียกผักเหมียง  เป็นผักพื้นบ้านของภาคใต้  นำมาทำอาหารได้หลายอย่าง  เช่น  ผัดไข่  ต้มกะทิ  รองห่อหมก  เวลาเลือกซื้อที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป  หากอ่อนจะไม่มีรสชาติ  แก่ก็จะแข็ง  หาซื้อได้ตามตลาดสดใหญ่ ๆ ที่มีผักพื้นบ้านขาย

ส่วนผสม
ผักเหลียง 2 กำ
ไข่ไก่ 2 ฟอง
กระเทียมกลีบกลาง 15 กลีบ
น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ
ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

วิธีทำ
  1. นำก้านผักเหลียงแช่น้ำ  ล้างน้ำ  สะบัดน้ำออกให้หมด
  2. ริดใบเหลียงออกจากก้าน  หากใบเหลียงใหญ่มากตัดให้เล็กลงได้
  3. กระเทียม  ปอกเปลือก  ล้างน้ำ  ทุบ  สับพอหยาบ
  4. ผสมซอสสำหรับผัดใส่ถ้วยใบย่อม  คือ  ซอสหอยนางรม  น้ำปลาและน้ำตาลทราย  คนให้เข้ากัน
  5. ตั้งกระทะ  ใส่น้ำมัน  ตั้งไฟกลาง  รอน้ำมันอุ่น
  6. น้ำมันอุ่นแล้วนำกระเทียมลงไปเจียวพอหอมหรือเริ่มเหลือง
  7. เทใบเหลียงใส่ลงไป  ผัดพอให้ใบเหลียงถูกไฟทั่ว
  8. ตอกไข่ใส่  แล้วใช้ตะหลิวยีให้ไข่แดงแตกคนพอให้ทั่วไข่ขาว  รอให้ไข่ด้านล่างสุก  อย่าเพิ่งรีบกลับไข่  ไข่จะได้เป็นชิ้นเป็นอัน  ไม่แหลกเละจนเกินไป
  9. ไข่ด้านล่างสุกแล้วจึงกลับด้านบนลงด้านล่าง  และด้านล่างขึ้นมาบน
  10. ราดซอสที่เตรียมไว้ให้ทั่ว  รอไข่สุกผัดให้ทั่วกันด้วยไฟแรงสักพัก
  11. ปิดเตา  ตักใส่จานเสิร์ฟค่ะ
Cooking Tips
  • บางร้านหรือบางบ้านอาจใส่วุ้นเส้นที่แช่น้ำให้นิ่มและตัดให้สั้น  และ/หรือกุ้งเสียบลงไปผัดด้วย
  • ปรับเครื่องปรุงตามชอบ  เช่น  ใส่แค่น้ำปลาและน้ำตาล  ไม่ใส่น้ำมันหอย  ใส่ซีอิ๊วขาวแทน  อื่น ๆ  ถ้าชอบเผ็ดใส่พริกขี้หนูสับเพิ่มได้
credit : http://www.maesalim.com/

Read More...


ผักเหลียงต้มกะทิ ผักพื้นบ้าน ของดีของภาคใต้


ผักเหลียงต้มกะทิ 2 สูตร


ผักเหลียงต้มกะทิ สูตร 1

เครื่องปรุง
หัวกะทิ 1 ถ้วย (มะพร้าวขูด 500 กรัม)
ผักเหลียง (เอาแต่ใบอ่อน) 2 กำ
พริกไทย 9 เม็ด
หอมแดง 3 หัวเล็ก
กะปิดี 1 ช้อนชา
กุ้งแห้งชนิดจืด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ล้างผักเหลียงให้สะอาด ผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. โขลกพริกไทยเม็ด หอมแดง กะปิดี กุ้งแห้ง รวมกันให้ละเอียด
3. นำหัวกะทิขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟอ่อนๆอย่าให้หัวกะทิแตกมันมาก
ใส่เครื่องที่โขลกลงไปในหม้อหัวกะทิ เติมน้ำตาลทรายนิดหน่อย ใส่ผักเหลียงสักครู่ก็เอาขึ้น ยกลงเสิร์ฟ



ผักเหลียงต้มกะทิ สูตร 2

เครื่องปรุง
ผักเหลียงใช้เฉพาะใบอ่อนหั่น 1 ถ้วยตวง
มะพร้าวขูด 400 กรัม
หอมแดง 3 หัว
พริกไทย 10 เม็ด
กะปิ 1 ช้อนชา
กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
กุ้งสด 10 ตัว

วิธีทำ
1. คั้นมะพร้าวให้ได้กะทิ 1 ถ้วยตวง
2. โขลกพริกไทย หอมแดง กุ้งแห้ง กะปิ เข้าด้วยกันให้ละเอียด กุ้งปอกเปลือกผ่าหลัง
3. ผสมเครื่องที่โขลกกับกะทิตั้งไฟ
พอเดือดใส่กุ้งพอกุ้งสุกใส่ใบเหลียงปรุงรสออกเค็ม หวาน ปรุงรสด้วยเกลือ เสิร์ฟร้อนๆ


ที่มา :
http://forums.212cafe.com/thungsong/board-3/topic-20.html
http://v2.zmeal.com/board/index.php?showtopic=7340

ผักเหลียง ผักพื้นบ้านเพื่อสุขภาพ

ผักเหลียง เป็นพืชยืนต้นที่มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ ๑-๒ เมตร มีใบเรียวยาว สามารถนำยอดของผักเหลียงมารับประทานได้ โดยนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายอย่าง เช่น ผัดผักเหลียงใส่ไข่ แกงเลียงผักเหลียงใส่กุ้ง หรือ นำมาต้มกะทิ ใช้รองห่อหมก ซึ่งเป็นที่นิยมรับประทานมากของชาวภาคใต้ผักเหลียงจัดเป็นผักพื้นบ้านประเภท ไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีมากแถบจังหวัดระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะจังหวัดระนอง เขาถือเป็นผักประจำถิ่นเลย ถึงขนาดพูดกันว่า ถ้ามาระนองแล้วไม่ได้กินผักเหลียงแสดงว่ายังมาไม่ถึง ว่ากันว่าถ้าจะกินผักเหลียงที่มีรสหวานอร่อยแล้วละก็ ต้องเป็นผักเหลียงที่ขึ้นในร่ม หรือไม่ก็ต้องหลังฤดูฝนไปแล้ว เพราะเป็นช่วงที่ผักเหลียงเริ่มแตกใบใหม่ แหล่งดั้งเดิมของผักเหลียงขึ้นอยู่ตามป่าเขา ที่ราบ บางครั้งก็เห็นขึ้นเคียงข้างกับต้นสะตอและต้นยางด้วยรสชาติที่ออกจืดๆ มันๆ ของผัก เหลียง คนใต้จึงนิยมนำมากินสดเป็นผักเหนาะ กับขนมจีน น้ำยาปักษ์ใต้ และนำไปประกอบอาหารต่างๆ ลักษณะของผักเหลียงที่อร่อย คนใต้เขาแนะนำให้เลือกใบที่เป็นเพหลาด คือไม่อ่อนหรือไม่แก่จนเกินไป ใบจะออกรสหวานนิดๆ และนอกจากความอร่อยแล้ว ผักเหลียงยังมีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยป้องกันโรคตาฟางในตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังมีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส อีกด้วยอาหารยอดนิยมจากผักเหลียงที่ขึ้นชื่อของเมืองใต้คือ "ผักเหลียงต้มกะปิ" หรือที่รู้จักกันดีว่า "แกงเคย" กรรมวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากเลย เพียงต้มน้ำให้เดือด ใส่กะปิ หอมแดงบุบ น้ำตาลทราย พอเครื่องเดือดทั่วกันก็ใส่ผักเหลียงได้เลย ส่วนใหญ่ใส่กันทั้งใบ ไม่เด็ดก้านใบทิ้ง เพราะก้านทำให้น้ำแกงมีรสหวาน พอใส่ผักเหลียงแล้วยกลงได้เลย เคี่ยวนานไปผักจะสลดหมด แกงหม้อนี้ใช้เกลือปรุงรสแทนน้ำปลา แต่อาจเสริมรสชาติความอร่อย ด้วยการใส่กุ้งแห้งหรือกุ้งใหญ่ลงไปด้วย (กุ้งใหญ่ที่ว่านี้ก็คือกุ้งก้ามกรามนั่นเอง) รสชาติเหมือนแกงเลียง ต่างกันตรงที่เครื่องแกงของแกงเลียงจะนำมาโขลกก่อน แล้วจึงใส่ลงในหม้อแกง แต่แกงผักเหลียงนี้ไม่ต้องนำเครื่องแกงไปโขลกนอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำอาหาร จานผัดที่แสนธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดาอย่าง "ผักเหลียงผัดไข่" วิธีทำจะว่าไปแล้วก็เหมือนพวกหัวไชโป๊ผัดไข่ มะละกอสับผัดไข่ เพียงแต่เราเปลี่ยนเป็นใบเหลียงเท่านั้น รับประทานกันข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ แม้แต่ห่อหมกของคนใต้ยังนิยมใช้ใบเหลียงมารองก้นกระทง นอกเหนือไปจากใบโหระพา ผักกาดขาว และใบยออีกด้วย หรือจะนำมาต้มกับกะทิเป็น "ผักเหลียงต้มกะทิ" ก็ได้
โดย นางจิราภรณ์ กาญจนา นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ
ที่มา : สถานีทดลองยางระนอง ตำบลลำเลียงอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง

Read More...


ข้าวยำเมืองคอน(ข้าวยำคลุก)

.
อันที่จริงการกินอาหารมื้อเช้า เป็นมื้อที่เราควรทานมากที่สุด และจะเป็นประโยชน์มากที่สุดค่ะ แต่บางครั้งวิถีชีวิต การดำรงชีวิตของแต่ละคนในการทำงานเพื่อปากท้อง ของตนเองนั้น วิถีการดำรงชีพ ไม่เหมือนกัน เลทำให้หลายคนเลยทีเดียวที่ทำไม่ได้ แต่หากทำได้ก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะ


วันนี้ยายอิ๊ด อยากนำเสนอ อาหารชนิดหนึ่งของคนใต้นะคะ ภาพที่เห็นมาจากตลาดสด เสาร์-อาทิตย์ ของเทสบาลค่ะ




















1. ข้าวยำคลุก มีส่วนผสม 3 อย่าง คือ 1. เครื่องแกง (พริกแกง) มีส่วนผสมของพริกสด พริกไทยดำ หอมแดง กระเทียม ขมิ้น ข่า ผิวมะกรูด ตะไคร้ น้ำตาลปี๊บ และกะปิอย่างดี นำมาโขลกรวมกันจนละเอียดเหมือนการตำพริกแกง 2. ข้าวสวย ซึ่งนิยมใช้ข้าวที่หุงแล้วอ่อนนุ่ม เช่น ข้าวหอมมะลิ หรือข้าวสังหยด ที่มีสีเป็นสีน้ำตาล และ 3. ผักใบเขียว (ผักพื้นบ้าน) ที่ปลอดภัยจากสารพิษมาหั่นฝอย ได้แก่ ชะพลู ใบยอ กระพังโหม ใบขมิ้น ใบข่า ใบกะทือ ใบมะกรูด แล้วนำทั้ง 3 ส่วน ไปคลุกรวมกัน เรียกว่า "ข้าวยำคลุกเครื่อง"

2. ข้าวยำน้ำ มีส่วนผสม 7 อย่าง คือ 1. น้ำข้าวยำ มีส่วนผสมของน้ำสะอาด ปลากระบอกร้า (ปลาเค็ม) น้ำผึ้งจาก ข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม อ้อยเคี้ยว (ทุบ) เกลือ นำส่วนผสมทั้งหมดมาต้มรวมกันชิมให้ได้รสหวานนำ กรองเอากากทิ้งก่อนนำไปใช้ 2. ข้าวสวย (เหมือนกับการทำข้าวยำคลุก)

3. ผักใบเขียวหั่นฝอย (เหมือนกับการทำข้าวยำคลุก) 4. กุ้งแห้งป่น 5. มะพร้าวคั่ว 6. พริกป่น และ 7. ผักเครื่องเคียง ได้แก่ มะม่วงหั่นฝอย หรือส้มโอ ตะไคร้หั่นฝอย ถั่วฝักยาวหั่นฝอย ดอกดาหลาหั่นฝอย ถั่วงอก มะนาว พริกไทยสดและผักอื่นๆ นำข้าวสวยกับผักใบเขียว กุ้งแห้งป่น และมะพร้าวคั่ว มาคลุกรวมกัน ราดน้ำข้าวยำตามต้องการ และแกล้มด้วยผักเครื่องเคียง



บางถิ่นเรียก "ข้าวยำคลุก" ข้าวที่หุงไว้อย่า ให้แฉะให้เป็นเม็ดสวย วางพักไว้ให้เย็นเตรียม เครื่องแกงใช้พริกขี้หนูแห้ง พริกขี้หนูสด ตะไคร้ ขมิ้น พริก ไทยสด กระเทียม หอมแดง ข่า เกลือ ตำให้ละเอียด พักไว้ เอากุ้งแห้งหรือปลาย่าง มะพร้าวคั่วให้เหลืองกรอบตำให้ละเอียด หัวทือ ก็นำมาตำให้ ละเอียดหรือหั่นฝอยมากๆ รอเอาไว้ นำกะปิมาใส่ในเครื่องแกงคลุกเคล้าให้ทั่วนำ ส่วนที่ตำรวมทั้งหมด คือ กลุ่มเครื่องแกง กลุ่มกุ้ง แห้ง ปลาแห้ง กลุ่มหัวทือนำมาคลุกกับข้าวสวย ให้ทั่วถึง แล้วชิม รสตามชอบ แต่ข้าวยำชนิดนี้ จะมีรสเผ็ดจัด นิยมทำกินกันในช่วงฤดูฝนหรือ คนคลอดลูกใหม่ๆ ทั้งร้อน ทั้งเผ็ด อุดมด้วย สมุนไพรนานาชนิด ดีต่อสุขภาพ


เครื่องแกงก็ใช้พริกแห้งดอกใหญ่ (เอาเมล็ด ออก) นำไปแช่น้ำโขลกพร้อมกับกระเทียม หอม แดง ตะไคร้ พริกไทยละเอียดแล้ว จึงใส่กะปิ นิดหน่อยพอหอม นำเครื่องแกงไป ผัดกับหัวกะทิ แล้วจึง ใส่เนื้อไก่ หรือกุ้ง ชิ้นเล็กๆ ลงไป ใส่น้ำตาล แว่นและเกลือนิดหน่อยชิมรสให้ ออกหวานหน่อย แต่อย่าให้หวานมาก ใส่ใบมะกรูดอ่อนๆ หั่นเป็น ฝอยเพื่อแต่งรสให้หอม ราดข้าวเหนียวจะได้รส หอมหวาน เค็มพร้อมไปในตัว


รู้จัก ข้าวยำเมืองนคร มากขึ้น ใช่มั้ยค่ะ


มีความสุขค่ะ ยายอิ๊ดคนงามค่ะ

credit : http://www.bansuanporpeang.com/node/5008

Read More...


หม่ำขนมจีนรสเด็ด-ขนมหวานรสดี ที่ร้าน“ขนมจีนเมืองคอน”




คราวนี้ที่เราได้มีโอกาสเดินทางไปเยือนจังหวัดนครศรีธรรมราช เมืองจตุคามรามเทพอันขึ้นชื่อ ซึ่งหลังจากการไปสักการบูชาพระบรมธาตุเมืองนครที่ตอนนี้อยู่ในช่วงบูรณะแล้ว “ผ่านมาแวะกิน” เกิดอาการหิวตะหงิดๆขึ้นมาจึงสอบถามจากพ่อค้าแผงเช่าจตุคามหน้าวัดพระ มหาธาตุว่า แถวนี้มีอะไรอร่อยๆกินบ้าง

คุณพี่พ่อค้าแนะนำมาว่าให้ลองไปกินขนมจีนสไตล์นครฯที่ “ร้านขนมจีนเมืองคอน”ที่อยู่ห่างจากวัดพระมหาธาตุไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อได้ยินดังนั้นเราจึงมุ่งหน้าไปยังร้านขนมจีนดังกล่าวในทันที

“ร้านขนมจีนเมืองคอน”ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนพานยม แน่นอนว่าเมนูเด่นประจำร้านนี้จะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากขนมจีน ซึ่งคุณลุง สมบูรณ์ ณ นคร เจ้าของร้านบอกว่าเป็นสูตรพื้นเมืองนครเปิดขายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520

สำหรับขนมจีนที่นี่ทางร้านจะขายเฉพาะขนมจีนเส้นสดที่ทำเองวันต่อวัน ไม่มีการหมักทิ้งไว้ให้เกิดกลิ่นเหม็นเปรี้ยวแต่อย่างใด เส้นขนมจีนที่นี่จึงเหนียวนุ่มขาวเนียน

ส่วนที่ขาดไม่ได้ของขนมจีนก็คือน้ำยาซึ่งร้านนี้มีน้ำยา 4 ชนิดให้เลือกหม่ำกันตามความชอบของแต่ละคน

ใครชอบรสชาติกลมกล่อม เผ็ดปานกลาง ต้องนี่เลย “น้ำยากะทิ” ทำ จากเนื้อปลาทะเลปรุงกับเครื่องแกงและกะทิที่ให้กลิ่นหอมชวนกิน ส่วนถ้าชอบเผ็ดจัดขอให้ลอง“น้ำยาป่า” ทำจากเนื้อปลาทะเลปรุงกับน้ำซุปปลาและเครื่องแกง รสชาติเผ็ดถึงใจ

หรือหากอยากลองรสชาติเผ็ดจัดจี๊ดจ๊าดแบบปักษ์ใต้ ก็ให้สั่ง “ขนมจีนแกงไตปลา” ที่ ให้รสจัด เข้มข้น กินไปซี๊ดปากไปด้วยความอร่อย แต่หากใครไม่กินเผ็ดที่นี่ยังมี“น้ำพริก”ที่เข้มข้นด้วยเนื้อกุ้ง ถั่วลิสง กะทิและมะขามเปียกที่รสชาติหวานอมเปรี้ยว ชนิดที่เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดีไม่น้อยเลย ส่วนใครที่หลายใจรักพี่เสียดายน้องจะสั่งน้ำยาผสม เช่น น้ำยา+น้ำยาป่า หรือ น้ำยา+น้ำพริก มากินก็ได้ ทางร้านไม่ขัดข้อง

สำหรับขนมจีนที่นี่ทุกโต๊ะจะมีผักสดๆถาดใหญ่ให้กินแกล้ม ประกอบไปด้วยผักท้องถิ่นตามฤดูกาลมากมาย อาทิ ใบมะม่วงหิมพานต์, มันปู,สะตอ,ลูกเนียง,สมุย, ผักชีล้อม ฯลฯ ซึ่งถือว่าสุดคุ้มเพราะร้านขนมจีนเมืองคอนเขาขายขนมจีนในราคาเยาเพียงจานละ 15 บาทเท่านั้น หรือหากจะสั่งเป็นชุด(น้ำยา 4 อย่าง)ก็ขายกันที่ ชุดเล็ก 50 บาท ชุดใหญ่ 100 บาท

นอกจากขนมจีนแล้วร้านนี้ยังมีเมนูปักษ์ใต้รสเด็ดอย่าง “ข้าวยำ” (20 บาท) ให้ลิ้มลอง ข้าวยำที่นี่ใช้น้ำข้าวยำสูตรเฉพาะให้รสหวาน+เค็ม ทางร้านเสิร์ฟข้าวสวยเม็ดงามมาพร้อมกับเครื่องปรุงเพียบแน่นจาน ทั้ง มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้งป่น เม็ดกระถิน ถั่วงอกดิบและผักหั่นฝอยต่างๆ ก่อนกินข้าวยำ คลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนแล้วจึงค่อยๆบรรจงตักเข้าปาก รับรองว่าจะติดใจในความกลมกล่อมลงตัว

ไม่เพียงเท่านั้นร้านขนมจีนเมืองคอนยังมีข้าวแกงกับอาหารประมาณ 20 ชนิดให้เลือกกินกันตามใจปากโดยมี แกงส้มปลากระบอกกับสัปปะรด แกงพริกซี่โครงหมู ผัดเผ็ดสะตอ ปลากระบอกทอดขมิ้น เป็นเมนูเด่นของร้าน (สนนราคาราคาจานละ 25-30 บาท)


ส่วนของกินปิดท้ายอย่างขนมหวาน(ที่มีประมาณ 10 อย่าง)ที่ “ผ่านมาแวะกิน” หม่ำแล้วติดใจมั่กมั่กจนต้องขอเบิ้ลก็คือ “ขนมกวนขาว” (ถ้วย ละ 10 บาท) ขนมพื้นเมืองนครฯที่หากินไม่ได้ง่ายๆ ขนมชนิดนี้ทำจากแป้งข้าวจ้าวกวนกับกะทิตัดเป็นชิ้นๆโรยถั่วเขียวคั่ว ราดน้ำกะทิหวาน ให้รสชาติหวานหอมกลมกล่อม นับถือเป็นเมนูปิดท้ายมื้อที่ลงตัวเป็นอย่างยิ่ง

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.