สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

พิซซ่าหน้าแฮมมายองเนสฉบับโฮมเมดโดยใช้ขนมปัง! ได้ออกมาเป็นแป้งพิซซ่าบางกรอบ เมนูง่ายๆแต่อร่อยคับอกค่า


เช้าวันหยุดแบบนี้แม่ครัว Ching Can Cook ภูมิหัวใจเสนอเมนูสุดพิเศษ “พิซซ่าขนมปังบางกรอบฉบับโฮมเมด” ซึ่งเป็นเมนูพิซซ่าที่แสนง่ายดาย ไม่ต้องผสมป้งผสมแป้งให้ยุ่งยากแม้แต่น้อย เพราะวันนี้แม่ครัวชุ้งชิ้งจะใช้ขนมปังแทนค่ะ รับรองว่าถ้าลองแล้วจะติดใจจ้า ^___<


DSC04101_resize

 วัตถุดิบ
1 ขนมปัง
2 Eden Cheese
3 แฮม หรือเพื่อนๆจะใช้ไส้กรอก เบค่อนได้หมดค่ะ
4 มะเขือเทศ
5 มายองเนส
6 ซอสพิซซ่า
วิธีทำ
1 เตรียมซอสพิซซ่า หาถ้วยมาซักใบ ปรุงรสด้วย ซอสมะเขือเทศ น้ำมันหอย ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย ผงปรุงรส เนย ซอสเปรี้ยว พริกไทยป่น ชิมแล้วปรับจนได้รสชาติที่ชอบ พักไว้

DSC04099_resize
DSC04100_resize
DSC04097_resize
DSC04098_resize
3 ใช้ขนมปัง 2 แผ่นซ้อนกัน หาขวดมาซักใบ จากนั้นก็รีดขนมปังให้บางที่สุด
DSC04102_resize
DSC04103_resize
DSC04104_resize
4 ใช้มีดตัดขอบเพื่อความสวยงาม
DSC04105_resize
DSC04106_resize
DSC04107_resize
5 ทาขนมปังด้วยซอสพิซซ่า จากนั้นก็วางมะเขือเทศ ตามด้วยแฮม มายองเนส โรยหน้าด้วย Eden Cheese
DSC04108_resize
DSC04109_resize
DSC04110_resize
DSC04111_resize
DSC04112_resize
6 สุดท้ายนำเข้าเตาอบไฟบน ประมาณ 200 องศานานประมาณ 10 นาที หรือจนชีสละลายเกรียมสวยกำลังดี
DSC04113_resize

วันนี้บอกวิธีการทำอย่างละเอียดเลย รับรองว่านำสูตรไปทำกันได้ทุกคนค่ะ เอาหล่ะ มาชมผลงานกันอีกครั้งนะคะ ^ ^

DSC04114_resize
DSC04116_resize
DSC04119_resize
DSC04117_resize
DSC04118_resize

เชื่อว่าตอนนี้ต้องมีคนน้ำลายหก อิอิ รีบออกไปหาซื้อ Eden Cheese เลยค่ะ แล้วเข้าครัวทำเมนูนี้กัน วัตถุดิบน้อยมาก อาหย่อยจุงเบย งั่มๆ ^ ^

#Eden Cheese สินค้าใหม่ ที่การันตีความอร่อยจากผู้ผลิต Kraft ^___<

ใครชอบกด Share ให้กำลังใจชิ้งน้อยด้วยนะคะ ขอบคุณค่า ^ ^ แล้วอย่าลืมเข้าไปกด Like เพจ Eden Cheese ด้วยนะคะจะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ คลิ๊กเลยที่
https://www.facebook.com/EdenCheeseThailand

Read More...


ข้ า ว ต้ ม จิ้ ม


วัตถุดิบ...
1.ข้าวเหนียว 1 1/2 กิโลกรัม ซาวล้างให้สะอาด ไม่ต้องแช่
2.กล้วยนำ้ว้าสุกงอม 1 หวี ปอกเปลือกผ่าครึ่ง
3.มะพร้าวอ่อนค่อนแก่ หรือ มะพร้าวห้าว(อย่าอ่อนมาก)ขูดรอไว้
4.เกลือป่น
5.ใบตอง สำหรับห่อ ฉีกตามปริมาณที่จะมัด (ตัดตากแดดให้ใบตองนิ่ม)
6.ตอกไม้ไผ่สำหรับมัด แช่นำ้ 30 นาที

วิธีทำ...
1.ประกบ ใบตองสองใบเอาด้านมันออก ตักข้าวเหนียว 2 ช้อนโต๊ะ วางด้วยกล้วย ตักข้าวเหนียว 2 ช้อนโต๊ะ ห่อด้วยใบตองเหมือนข้าวต้มมัดทั่วไป ทำเหมือนกัน สองกลีบจับมัดด้วยตอก ห่อไปจนหมด
2.นำข้าวต้มที่มัดเสร็จแล้วใส่ลงหม้อโดยเรียงใส่ในหม้อให้แน่ (จะตั้งขึ้นหรือนอนอยู่ที่จำนวนมากน้อย)ถ้าไม่แน่นจะลอย
3.เรียง ข้าวต้มเสร็จ ใส่นำ้ในหม้อให้ท่วมข้าวต้มมัด นำใบตองที่เหลือมาวางปิดด้านบน (เผื่อข้าวต้มลอยก็จะอยู่ใต้ใบตองจะไม่ลอยขึ้นมาเหนือนำ้) ใช้เวลาในการต้ม 2 ชั่วโมง นับตั้งแต่นำ้เดือด ครบเวลาปิดไฟ
4.ตักข้าวต้มมัดที่สุกขึ้นใส่ ชาม/ถาด พักไว้ให้เย็น
5.นำมะพร้าวขูดผสมกับเกลือให้ออกเค็มนิดหน่อย
6.แกะข้าวต้มออกแบ่งเป็นสามส่วน โรยมะพร้าวขูด จิ้มน้ำตาลทราย

Read More...


เค้กโรลกล้วยลายยีราฟ Giraffe Mini Banana Cake -

 โตเกียวบานาน่าลายยีราฟ Tokyo Banana เป็นเค้กที่หลายๆ คนชื่นชอบ เพราะเนื้อเค้กนุ่มและมีกลิ่นหอมของกล้วย คลิปนี้เลยนำเค้กโรลธรรมดามาวาดลวดลายลงบนผิวให้เหมือนผิวของยีราฟ เพื่อเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับตัวเค้ก ใครที่ชอบเค้กโรลไม่ควรพลาดเลย


วัตถุดิบ
สำหรับ 6-10 ชิ้น เวลา 45 นาที

1.ไข่แดง 3 ฟอง
2.น้ำตาลทราย(1) 35 กรัม
3.น้ำมันสลัด 40 มิลลิลิตร
4.น้ำเปล่า 60 มิลลิลิตร
5.แป้งเค้ก 80 กรัม
6.ผงฟู 1/2 ช้อนชา
7.เกลือ 1/8 ช้อนชา
8.ไข่ขาว 3 ฟอง
9.น้ำตาลทราย(2) 35 กรัม
10.ผงโกโก้ 1 ช้อนชา
11.สีผสมอาหารสีเหลือง
12.กลิ่นกล้วย
13.ไส้ Banana Cream

วิธีทำ
1. อุ่นเตาอบ 175 องศาเซลเซียส

2. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ พักไว้

3. ตีไข่แดงกับน้ำตาลทราย(1) ให้สีอ่อนลงเล็กน้อย

4. ใส่น้ำ น้ำมันลงไปผสมให้เข้ากัน

5. ใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงไป ผสมให้เข้ากัน

6. ตีไข่ขาวให้เป็นฟองหยาบๆ ทยอยใส่น้ำตาล(2) ลงไป ตีจนไข่ขาวตั้งยอดอ่อน

7. นำไปผสมลงในส่วนผสมแรกที่พักไว้ แบ่งใส่ 3 รอบ

8. ตะล่อมให้ส่วนผสมเข้ากัน

9. ตักส่วนผสมแยกออกมา 2 ช้อนโต๊ะ ผสมผงโกโก้ลงไป ค่อยๆ คนให้เข้ากัน ใส่ถุงบีบ

10. บีบลงบนกระดาษไขให้เป็นลายยีราฟ ตามต้องการ นำไปอบประมาณ 30 วินาที - 1 นาที

11. เทส่วนผสมที่เหลือลงพิมพ์ที่วาดลายไว้อบไฟบนล่างอุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ประมาณ 10-12 นาที

12. นำเค้กออกจากเตาแล้วคว่ำเค้กลง ลอกกระดาษไขออก

13. วางพักจนเค้กเย็นสนิท

14. นำไส้ Banana Cream ใส่ถุงบีบเตรียมไว้

15. เมื่อเค้กเย็นแล้ว นำเค้กมาตัดแบ่งเป็น 4-6 ส่วนเท่าๆ กัน ถ้าชิ้นไหนบางสไลด์เป็น 2 แผ่น

16. นำเค้กวางบนพลาสติกคลุมอาหารบีบไส้ลงไปตรงกลาง ม้วนเค้กไปจนสุดแล้วห่อด้วยพลาสติกคลุมอาหารให้แน่น

17. บิดหัวท้ายให้เค้กแน่น นำไปแช่ตู้เย็นจนแข็งตัวแล้วจึงนำออกมาตัด

ที่มา Foodtravel.tv

Read More...


ช็อกโกแลตซาลาเปาไส้ไหล Lava Chocolate Steamed Buns

ซาลาเปา สูตรนี้ รับประทานเป็นของหวานร้อนๆ อิงตามกระแสเล็กน้อย เนื่องจากมีไส้ที่ไหลอกมาได้ แต่ตัวแป้งเป็นรสช็อกโกแลตที่มาจากผงโกโก้ ส่วนไส้นั้นเป็นช็อกโกแลตนุ่มๆ ที่ใครๆ ก็หลงรัก


 

ส่วนประกอบ

แป้งซาลาเปา

น้ำอุ่น 125 กรัม
ยีสต์ 1 ช้อนชา
แป้งเค้ก 250 กรัม
ผงโกโก้ 8 กรัม
ผงฟู ¼ ช้อนชา
น้ำตาลทราย 55 กรัม
เกลือ 1⁄8 ช้อนชา
เนยขาว 25 กรัม

ไส้ช็อกโกแลต

ไข่แดง 2 ฟอง
น้ำตาลทราย 50 กรัม
แป้งข้าวโพด 15 กรัม
นมสด 200 กรัม
ช็อกโกแลต 200 กรัม

วิธีทำ


1. ทำไส้ช็อกโกแลต โดยตีไข่แดง น้ำตาลทราย และแป้งข้าวโพดให้เข้ากัน พักไว้


2. นำนมไปตั้งไฟ พอร้อนดี ก็นำมาผสมกับส่วนผสมไข่ ใช้ตะกร้อตีให้เข้ากัน ถ่ายกลับใส่หม้อนำไปตั้งไฟ ใช้ตะกร้อตีให้ข้นดี นำออกจากความร้อน สับช็อกโกแลตคอมพาวด์ลงไป ผสมให้เข้ากัน พักให้เย็นลง แบ่งออกเป็น 15 ส่วน เพื่อเป็นไส้


3. ผสมยีสต์ในน้ำอุ่น พักไว้ประมาณ 5 นาที


4. ร่อนแป้งเค้ก ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือ ใส่ลงในโถผสม ใส่น้ำตาลทรายลงไป ตามด้วยน้ำที่ผสมกับยีสต์ ใช้หัวตีตะขอหรือมือนวดแป้งให้เนียนดี แล้วใส่เนยขาวลงไป นวดต่อจนแป้งเข้ากันดี ตัดแป้งแบ่งเป็นก้อนละ 30 กรัม คลึงเป็นทรงกลม ห่อไส้ แล้วนำไปพักให้ขึ้น 2 เท่า ประมาณ 1 ชั่วโมง นำซาลาเปาไปนึ่งด้วยไฟแรงเป็นเวลา 12 นาที รับประทานทันที


ที่มา : พลพรรคนักปรุง 30 ตุลาคม 2556
สูตรโดย : พล ตัณฑเสถียร 

credit by :  https://plus.google.com/+KanokonPanyabun/posts/ePQBuBCg41L

Read More...


กลมกล่อม “สลัดอกเป็ดรมควัน” “เชอเบทส้ม”อร่อยชื่นใจ

 

 หลายเดือนมาแล้วที่ผมได้ไป จ.เชียงใหม่ และได้แวะไปร้านสุริยันจันทรา ซึ่งเป็นร้านขายของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ และแผ่นซีดีต่าง ๆ เมื่อไปถึงก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงเพราะเขาเปิดเป็นร้านอาหารด้วย ชื่อว่า เลเลฟอง บาย สุริยันจันทรา เป็นอาหารฝรั่งเศส และทำได้ดีมาก

ร้านนี้ จัดร้านได้อย่างสวยงาม น่านั่ง บรรยากาศดี วันนั้นผมไปกัน 5 คน เลยสั่งอาหารมาลองชิมเยอะพอสมควร เมื่อหาที่นั่งได้แล้ว สิ่งแรกที่สั่งมากิน คือ สลัดอกเป็ดรมควัน เสิร์ฟกับผักร็อกเก็ตและน้ำสลัด อกเป็ดทางร้านไม่ได้รมควันเอง เพราะเดี๋ยวนี้มีขายสำเร็จรูปแล้ว ซึ่งก็ใช้ได้มีคุณภาพพอสมควร นุ่ม รสชาติไม่เค็มเกินไปนัก ส่วนน้ำสลัดก็รสชาติดีกลมกล่อม

หลังจากนั้น ผมสั่ง เนื้อรมควันต่าง ๆ มากิน โดยจะต้องกินกับขนมปังฝรั่งเศสที่พนักงานปิ้งและห่อด้วยผ้าขาวบางใส่ตะกร้า มาให้ สวยงาม หรูหราดีเหลือเกินเหมือนกำลังนั่งกินอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสเลย ต้องเอาเนื้อรมควันมาใส่ในขนมปังกินกับผักดองและหอมหัวเล็ก ๆ ดอง หรือจะทาเนยนิดหน่อยแล้วกินเคียงกับขนมปังก็อร่อยเช่นกัน

ยังมี ตับบด ทำจากตับไก่บดแล้วนำไปแช่เย็นเอาไว้ เมื่อมีคนสั่งก็นำมาเสิร์ฟ ทาคู่กินกับขนมปัง มัน ๆ ดีครับ เนื้อตับบดอร่อยดี ไม่ขม ผมรู้สึกว่าเขาน่าจะใส่เหล้าลงไปด้วยเล็กน้อย


ต่อมาเป็น สลัดร็อกเก็ตกับแอปเปิ้ลและบูลชีส ซึ่งคนที่ไม่ชอบกินบูลชีสคงจะไม่ชอบเมนูนี้สักเท่าไรนักเพราะเป็นชีสที่มี กลิ่นค่อนข้างแรง ออกเหม็น ๆ สักหน่อย เสิร์ฟมากับแอปเปิ้ลและถั่ววอลนัท มีน้ำสลัดใส ๆ ราดมาให้เลย เมื่อผมได้ชิมแล้วอร่อย เข้ากันเป็นอย่างดี แม้บูลชีสอาจจะมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์นัก แต่ผมอยากให้ลองชิมดูก่อน เพราะเมื่อนำมาใส่รวมกับวัตถุดิบอื่น ๆ แล้ว รสชาติออกมาอร่อยครับ

จาก นั้นเป็นสลัดปลาแซลมอนดิบ หรือที่มีชื่อเรียกว่า สลัดปลาแซลมอนทาร์ทาร์ จานนี้ไม่ประทับใจผมสักเท่าไรเพราะน่าจะใช้ปลาแซลมอนที่สด ไม่ใช่เอาปลาแซลมอนแบบแช่แข็งมาทำ เพราะจะทำให้เนื้อปลาเหนียวด้าน ๆ ไม่อร่อย

ยังมี ลาบเนื้อของฝรั่งเศสด้วยนะครับเป็น ยำเนื้อดิบทาร์ทาร์ มีไข่แดงวางอยู่ข้างบนเนื้อด้วย และมีเครื่องเคียงต่าง ๆ จัดวางไว้ข้าง ๆ จาน ตัวเนื้อสับด้วยมือทำเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วเอาไปยำมีคัสตาร์ดใส่เข้าไปด้วยคลุกเคล้ากันให้มีความมัน แต่ยำแบบฝรั่งเศสนี้จะไม่มีรสชาติของความเผ็ดและจะไม่ใส่ข้าวคั่วนะครับ โดยจะต้องกินกับขนมปังที่ปิ้งมาบาง ๆ จะอร่อยมาก เป็นอาหารจานโปรดของผมเลยครับสำหรับเมนูนี้

อาหารหลักผมสั่ง ขาเป็ดคองฟี่ ซึ่งเป็ดจะต้องนำไปตุ๋นเสียก่อนในน้ำซุปที่จะให้กลิ่นที่หอมและให้ความชุ่ม ชื่น หลังจากนั้นก็ทำให้เย็น แล้วถึงจะนำไปแช่ในน้ำมันของห่าน และแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ พอถึงเวลาก็ค่อยเอามาปาดน้ำมันออกและเอาไปอบ โดยจะต้องอบกระทั่งกรอบและหอม เสิร์ฟกับผักและราดด้วยซอส โดยที่ร้านทำได้ดี นุ่มและไม่แห้ง รสชาติดีใช้ได้

ต่อมาเป็นเมนูพาสต้า ผมสั่งมา 2 อย่าง อย่างแรกเป็น เส้นพาสต้าผัดหอยเชลล์ โดยเขาจะทำมาเป็นจานเล็ก ๆ แล้วนำมาเสิร์ฟให้เรากิน รสชาติไม่เลี่ยนเพราะไม่ได้ผัดด้วยซอสมะเขือเทศ ซึ่งทำได้ดีอร่อย ส่วนอีกจานเป็น เส้นพาสต้าผัดกุ้งแม่น้ำ จานนี้ก็อร่อยเหมือนกัน และก็ไม่เลี่ยนจนเกินไปนัก
ยังมีปลาแซลมอนทอดเสิร์ฟกับซอส หน้าตาดูน่ากิน จัดตกแต่งจานมาอย่างสวยงาม และ สันในหมูห่อด้วยเบคอนทอด โดยจะเสิร์ฟคู่กับซอสเห็ดแบบฝรั่งเศส จานนี้ก็หน้าตาดีเช่นกัน เมื่อชิมแล้วทั้ง 2 จาน รสชาติดีทั้งคู่

ส่วน ของหวานมี เชอเบทส้ม ที่ทางร้านทำเอง อร่อยและช่วยตัดความเลี่ยนได้เป็นอย่างดี เพราะมีรสเปรี้ยว และยังมี เครม บรูเล่ ซึ่งทำมาเป็นถ้วยโดยจะแช่เย็นเอาไว้ ด้านหน้าเป็นน้ำตาลเผาให้ไหม้ อร่อยดี ทั้ง 2 อย่างผมแค่ขอชิมแต่สำหรับผมทางร้านทำ ชีสนานาชนิดเสิร์ฟกับผลไม้ มาเป็นของหวานให้ผมกินก็อร่อยไม่แพ้กัน

ร้าน นี้ทำให้ผมตกใจเพราะเชฟยังเด็ก ๆ กันอยู่เลยครับ ครัวก็เล็กนิดเดียวแต่อาหารของเขาเสิร์ฟไม่ช้า ไม่ต้องรอนาน ถ้าเพื่อน ๆ ได้ไป จ.เชียงใหม่ ผมอยากให้ลองไปชิมที่ร้านนี้กันดู อาหารอร่อยครับ.
หมึกแดง
www.mcdangguide.com


Read More...


เปิดตำนานผู้คิดค้น ‘ขนมปังฝรั่งเศส’



เปิดตำนานผู้คิดค้น ‘ขนมปังฝรั่งเศส’ ‘อีริค ไคย์เซอร์’ ทายาทรุ่นที่ 4
“บาแก็ต” (Baguette) หรือขนมปังฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นแท่งยาวขนาดใหญ่ เปลือกนอกแข็งกรอบ เนื้อข้างในหอมนุ่มเหนียว มีโพรงอากาศมากมาย ชาวฝรั่งเศสนิยมทานกับซุปร้อน ๆ หรือเนย ซึ่งชาวโลกรู้จักกันดีจนบาแก็ตแทบจะกลายเป็นขนมปังประจำชาติฝรั่งเศสไปแล้ว โดยตระกูล “ไคย์เซอร์” ผู้คิดค้นบาแก็ตได้มีการสืบทอดทายาทกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นรุ่น ที่ 4 แล้ว และมีการพัฒนากระบวนการผลิตจนสามารถขยายสาขาได้เป็นร้อยกระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย


เมื่อ ไม่นานมานี้ได้มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับ “อีริค ไคย์เซอร์” เชฟขนมปังระดับโลก ที่เดินทางมาเปิดสาขาร้าน “เมซง อีริค ไคย์เซอร์” ในประเทศไทย จัดโดย “ตีแยรี วีโต” เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ท่านทูตกล่าวต้อนรับว่า รู้สึกดีใจและยินดีที่อีริคจะเข้ามาเปิดร้านที่เป็นแบรนด์ระดับโลกของ สัญชาติฝรั่งเศสในประเทศไทย เพื่อให้คนไทยได้ลิ้มลองขนมปังต้นตำรับของฝรั่งเศส

ด้าน อีริค เล่าย้อนถึงอดีตว่า เท่าที่จำความได้ตอนนั้นอายุได้ 5 ขวบ ด้วยความที่ครอบครัวเปิดร้านขนมปัง ดังนั้นชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งเติบโตได้เรียนรู้อะไรมากมาย ตั้งแต่การนับเลข คือการหัดนับจำนวนไข่ที่นำมาใช้ทำขนมปัง การหัดทำขนมปัง ซึ่งขนมปังชิ้นแรกที่เริ่มหัดทำ คือ “พายแอปเปิ้ล” ร้านในยุคนั้นขนมปังจะมีทุกประเภท อาทิ ขนมปังกลม ทาร์ตขนมปังชาวเวอร์ โดว์ บาแก็ต และเพรสตี้ ต่อมาช่วงที่อายุ 10 ขวบ ครอบครัวได้เลิกกิจการร้านขนมปัง ซึ่งตอนนั้นไม่ทราบเหตุผลเพราะยังเด็ก


ถึง แม้ว่ากิจการของครอบครัวจะล้มเลิกไปในยุคของคุณพ่อ ซึ่งมีการทำขนมปังมาตั้งแต่รุ่นคุณทวด เมื่อมาถึงเขาซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 4 มีสายเลือดเชฟทำขนมปังอยู่เต็มตัว จึงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป เพราะการที่ได้อยู่ ในครอบครัวที่มีพื้นเพด้านนี้อยู่แล้ว สิ่งที่ได้คือ การซึมซับจิตวิญญาณของการเป็นช่างทำขนมอบ รวมถึงความรักและหลงใหลในวิชาชีพนี้ ทั้งหมดคงเรียกได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจในการสานต่อทำกิจการร้านขนมปัง ซึ่งจากประสบการณ์และการฝึกฝนทำให้เกิดการเรียนรู้ และพัฒนาสู่การเป็น “เมซง อีริค ไคย์เซอร์” ในปัจจุบัน

จากการที่สนใจเรียนรู้อยู่ ตลอดเวลา โดยการเดินทางไปเรียนทำขนมปังทั่วประเทศฝรั่งเศส จนกระทั่งในวัย 15 ปี จึงได้เริ่มเป็นครูสอนทำครัวซองและบาแก็ต และเมื่ออายุ 16 ปี ได้เข้าศึกษาเทคนิคการทำขนมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นที่ Compagnons du Devoir et du Tour de France ถือเป็นองค์กรที่ดีที่สุด เป็นระยะเวลา 6 ปี และตลอดเวลาที่ศึกษาอยู่ที่นั่นต้องย้ายเมืองเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ทุก 6 เดือน ดังนั้นประสบการณ์ที่ได้รับจากที่นี่คือการเป็นทั้งผู้ทำขนมและผู้สอนควบคู่ กันไป

กระทั่งในปี ค.ศ.1994 เริ่มคิดค้นเครื่องจักรที่เรียกว่า “แฟมองโตเลอแวงค์” (Fermentolevain) เพื่อช่วยให้ช่างทำขนมปังไม่ต้องอดหลับอดนอนตื่นตั้งแต่ตี 4 มาทำขนมปัง และยังสามารถรักษาอุณหภูมิของแป้งโดว์ให้คงความสดและให้อุณหภูมิของการหมัก มีการคงที่ จึงถือว่าเครื่องแฟมองโตเลอแวงค์เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้เชฟมีความ สะดวกสบายมากขึ้นโดยที่คุณภาพความเป็นต้นตำรับของขนมปังฝรั่งเศสยังคงเหมือน เดิม

ต่อมาในปี ค.ศ.1996 เปิดร้านเบเกอรี่ ชื่อ “เมซง อีริค ไคย์เซอร์” แห่งแรกบนถนน Monge ในกรุงปารีส จึงเป็นที่มาของการเรียกชื่อขนมปัง “บาแก็ต โมงช์”(Baguette Monge) กลายเป็นขนมปังฝรั่งเศส เพราะเป็นเอกลักษณ์ของร้าน ซึ่งเคล็ดลับของการทำขนมปังให้อร่อยและได้รับการยอมรับมี 4 อย่าง คือ 1.ใช้วัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ เช่น ยีสต์ธรรมชาติ รวมถึงไม่ใช้วัตถุดิบประเภทแช่แข็ง 2.เลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุด 3.ขบวนการหมักที่ยาวนานเหมาะสมมากพอ 4.คงความดั้งเดิมที่ผสานกับเทคโนโลยี เพื่อให้คนอบขนมได้มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่คุณภาพไม่เปลี่ยนแปลง


ส่วน เอกลักษณ์ของขนมปังหรือขนมอบของอีริคคือ 1.ลักษณะภายนอกที่มีความกรอบนอก นุ่มใน โดยเมื่อบีบเนื้อขนมปังบาแก็ตหรือครัวซองจะพบว่าผิวนอกมีความกรอบ 2.เมื่อทดลองบีบเนื้อขนมลงไปจะได้กลิ่นของความหอมสดใหม่ ที่เกิดจากการหมักยีสต์ธรรมชาติ 3. เมื่อผ่าเนื้อขนมปังทางแกนกลางจะเห็นว่ารูอากาศในเนื้อขนมปังจะมีขนาดที่แตก ต่างคละกัน นั่นหมายถึงการที่แป้งได้ผ่านการหมักที่เข้าที่ ถูกวิธี และยาวนาน สุดท้ายเมื่อลิ้มลองจะพบว่ามีความนุ่ม เพราะเกิดจากการใช้มือนวดอย่างถูกวิธี

นักทำขนมอบจะมีลักษณะ เหมือนนักเคมีที่ควรจะรู้วิธีปรุงแต่ง นำส่วนผสมมารวมกัน และเป็นผู้ที่พร้อมรอคอย เพราะการรอคอยจะทำให้ได้ขนมอบที่ดี ซึ่งเป้าหมายและความฝันที่ตัวเองตั้งไว้คือเป็นนักอบขนมที่ดี และสอนผู้คนให้รู้ถึงการทำขนมอบที่ดี สิ่งเหล่านี้จึงเป็นที่มาของการเปิดสาขาและการเขียนหนังสือแนะนำวิธีการอบ ขนมสูตรต่าง ๆ ซึ่งประเทศที่ตนรู้สึกประทับใจตอนที่ไปสอนให้รู้จักการทำขนมอบและการนวดแป้ง คือ แอฟริกา

สาเหตุที่เริ่มเขียนหนังสือ เพราะอยากให้ผู้คนที่ชื่นชอบงานด้านนี้ได้เรียนรู้วิธีทำขนมและอาหารที่ ง่ายๆ สิ่งที่สังเกตเห็นคือบางคนที่รู้สูตร แต่ไม่รู้เคล็ดลับในแง่ของวิธีการที่จะทำขนมที่ง่ายๆ ให้มีข้อบกพร่องเกิดขึ้นน้อยที่สุดได้อย่างไร ซึ่งจุดเด่นของการทำขนมปังคือ การใช้มือนวดแป้งให้เข้ากัน ปัจจุบันได้เขียนหนังสือทั้งหมด 12 เล่ม โดยเล่มล่าสุดมีจำหน่ายที่ประเทศไทยด้วย ส่วนสูตรทำขนมปังเป็นสูตรดั้งเดิมของร้านที่สืบทอดกันมาถึง 4 รุ่น ผสมผสานกับกระบวนการผลิตสมัยใหม่ จึงมีขนมปังที่เป็นซิกเนเจอร์ คือ “บาแก็ต” ด้วยความที่ใช้ยีสต์สดหมักค้างคืนและค่อย ๆ นวดช้า ๆ

อย่าง ไรก็ตามอาจกล่าวได้ว่า การรับประทานขนมปังของชาวฝรั่งเศสเป็นเหมือนประเพณีและวัฒนธรรมที่คล้ายคลึง กับคนไทยที่จะรับประทานข้าวเป็นหลักและมีทุกมื้อ ชาวฝรั่งเศสก็เช่นกันทานขนมปังทุกมื้อไม่ว่าจะเป็นทานกับซุป เนย น้ำผึ้ง ไข่ และแฮม ซึ่งในความเป็นจริงนอกจากบาแก็ตแล้ว ขนมปังฝรั่งเศสยังมีอีกหลายชนิด เช่น ครัวซอง เพรสตี้ ซึ่งเป็นพายที่มีความเป็นชั้นแป้งให้รสหวานหรือคาว โดยมีผลไม้หรือเนื้อสัตว์ผสม ขนมปังซาวเวอร์ โดว์ที่มีเนื้อแป้งรสเปรี้ยว ตามความนิยม

ปัจจุบันร้าน “เมซง อีริค ไคย์เซอร์” มีสาขาอยู่ทั่วโลกมากกว่า 110 สาขา ใน 23 ประเทศทั่วโลก ในส่วนของเอเชีย มี 9 ประเทศคือ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และประเทศไทยเป็นประเทศล่าสุด หากใครสนใจอยากลิ้มลองขนมปังฝรั่งเศสสูตรต้นตำรับสามารถไปชิมได้ที่ ร้านเมซง อีริคไคย์เซอร์ (Maison Eric Kayser) ถนนทองหล่อ ระหว่างซอย 3 กับซอย 5 ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. ซึ่งเป็นสาขาแรกในประเทศไทย จึงไม่ต้องเดินทางไปชิมไกลถึงฝรั่งเศสกันแล้ว.

ชญานิษฐ คงเดชศักดา
................................................................................................
สโลแกนเด็ด
“Good Bread doesn’t lie” เป็นสโลแกนประจำตัวของ “อีริค ไคย์เซอร์” ที่มักพูดติดปากเสมอ แปลว่า “ขนมปังที่ดีโกหกกันไม่ได้” เพราะรสชาติที่ได้ลิ้มลองนั้นย่อมสื่อถึงคุณภาพของทุกส่วนผสมที่รังสรรค์ อย่างเข้าใจและรู้จริง

ปัจจุบันในแวดวงเชฟขนมหวานทั่วโลกต่างยอมรับ ว่า “อีริค ไคย์เซอร์” คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำขนมปังที่มีทั้งพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ ทั้งยังเป็นเจ้าของนวัตกรรม “แฟมองโตเลอแวงค์” (Fermentolevain) เครื่องที่ช่วยรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมของแป้งโดว์ เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดี ไม่เหมือนใคร โดยมีผู้ผลิตเครื่องไฟฟ้าอย่างอีเลคโทรลักซ์เป็นผู้ผลิตและทำการตลาดให้ นอกจากนี้เขายังเขียนตำราขนมอบสูตรต่าง ๆ ไว้หลายเล่ม รวมถึงการเป็นครูของสถาบันขนมอบชั้นสูงแห่งชาติฝรั่งเศสด้าน Baking และ Patisserie

“อีริค ไคย์เซอร์” ถือเป็นเชฟขนมปังในสายเลือด เพราะตระกูลไคย์เซอร์ ทำขนมปังมาตั้งแต่รุ่นทวด อยู่ที่แคว้นอัซซัส ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส เขาได้รับการฝึกอบรมความรู้เรื่องขนมปังตั้งแต่วัย 14 ปี และได้รับการฝึกเทคนิคต่าง ๆ ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเป็นเวลา 6 ปี ที่ Compagnons du Devoir et du Tour de France ถือเป็นองค์กรที่ดีที่สุดในด้านงานฝีมือและศิลปะจากนั้นไปฝึกฝนการอบขนมที่ สถาบัน INBP (Frence National School of Bakers) อีก 10 ปี

ด้วย ประสบการณ์ที่สั่งสมอย่างยาวนานจากการเป็นเชฟขนมปังตั้งแต่ปี 2529 และเป็นหนึ่งในบรรดาเชฟด้านขนมอบที่เดินทางไปทั่วประเทศฝรั่งเศส อีริค ไคย์เซอร์ จึงได้แต่งหนังสือและตำราขนมอบซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายจำนวนหลายเล่ม ได้แก่
1.Pains, Evolution et Traditions, INBP (1993)
2.100% Pain ; solar (2006)
3.Beyond the Bread Basket, Flammarion (2007)
4.Larousse du Pain ; Larousse (2013)
5.New Frence recipes, Flammarion

 


Read More...


กะหรี่ปั๊บ ไส้สมุนไพร...กำไรดี

“กะหรี่ปั๊บ” อาหารสไตล์ตะวันตกผสมกับอินเดีย เดิมเป็นที่นิยมโดยชาวมุสลิมในประเทศไทย มีชื่อเสียงมากใน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ปัจจุบันมีขายทั่วไป ไส้กะหรี่ปั๊บที่เห็นมีหลากหลาย อาทิ ไส้ไก่,ไส้ถั่วเหลือง, ไส้ถั่วดำ, ไส้เผือก, ไส้สับปะรด, ไส้มะพร้าวอ่อน, ไส้องุ่น ,ไส้ช็อกโกแลต, ไส้ทุเรียน ฯลฯ รวมไปถึง “ไส้ไก่สมุนไพร” และ“ไส้เห็ดหอมสมุนไพร” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

นิภา อาบทอง และกรีฑา แซ่ตั้น เจ้าของร้าน “นิภา กะหรี่ปั๊บ และปั้นสิบ” ย่านถนนเลียบคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา เล่าว่า ตนและครอบครัวทำกะหรี่ปั๊บ, ปั้นสิบ, ครองแครงทอด และกรอบเค็ม มานานกว่า 20 ปี โดยอาศัยหมุนเวียนขายไปตามตลาดนัด และตลาดน้ำต่าง ๆ ตามกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

“ช่วงปีที่ผ่านมา เห็นว่าน่าจะเปลี่ยนแปลงไส้กะหรี่ปั๊บ เพื่อจะได้มีลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามา จึงได้ไปอบรมเกี่ยวกับเครื่องเทศในอาหาร และได้สูตรไส้กะหรี่ปั๊บใหม่ ๆ ขึ้นมา ได้แก่ ไส้ไก่สมุนไพร, ไส้เห็ดหอมสมุนไพร และไส้ปลาทูน่า จึงได้ทำขายเพิ่มตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา” นิภา กล่าว

อุปกรณ์ในการทำ กะหรี่ปั๊บ หลัก ๆ มี เครื่องนวดแป้ง, ไม้รีดแป้ง, ที่ตัดแป้ง, เตาแก๊ส, กระทะ และภาชนะต่าง ๆ ที่ใช้ในครัว

ส่วนผสมของ กะหรี่ปั๊บ หลัก ๆ มีแป้งชั้นนอก, แป้งชั้นใน และไส้กะหรี่ปั๊บ

ส่วนผสมของ แป้งชั้นนอก มี แป้งสาลี 5 กก., น้ำตาลทราย 500 กรัม, น้ำมันพืช 1 ลิตร, เกลือป่นเล็กน้อย, และไข่ไก่ 4 ฟอง

ในขณะที่ แป้งชั้นใน มีส่วนผสมของ แป้งสาลี 1 กก. และน้ำมันพืช 1/2 ลิตร

วิธีทำ แยกนวดแป้งชั้นนอก และแป้งชั้นในออกจากกัน ส่วนวิธีนวดเหมือนกัน คือ เทส่วนผสมทั้งหมดในกะละมัง แล้วใช้มือนวด หรือใช้เครื่องนวดแป้งนวด นวดให้แป้งและส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน

เมื่อนวดแป้งเข้ากันดีแล้ว ให้ตัดแป้งแต่ละชนิดออกเป็นชิ้น ๆ โดย แป้งชั้นนอก แบ่งออกเป็นชิ้น ๆ ละ 20 กรัม ในขณะที่ แป้งชั้นใน แบ่งออกเป็นชิ้น ชิ้นละ 1.4 กรัม

รีดแป้งแต่ละชิ้นให้บาง แล้ววางส่วนแป้งชั้นในลงบนแป้งชั้นนอก พับครึ่ง แล้วใช้ที่รีดแป้งรีดให้เข้ากัน เสร็จแล้วม้วนแป้งเป็นวงกลมเพื่อให้แป้งเป็นชั้น ๆ

ในส่วนของ ไส้กะหรี่ปั๊บ ข้อมูลมีดังนี้ คือ....

ไส้ไก่สมุนไพร มีส่วนประกอบคือ เนื้อสันในไก่บด 1 กก., มันฝรั่งหั่นชิ้นเล็ก 5 กก., หอมหัวใหญ่หั่น 5 กก. และหัวหอมแดงเจียวพอประมาณ ในขณะที่ส่วนผสมเครื่องปรุงรส หลัก ๆ มีน้ำตาลทราย 1.5 กก., ผงกะหรี่ 70 กรัม, ซอสปรุงรส, พริกไทยดำบด, งาดำ-งาขาวคั่ว และเกลือป่นอีกพอประมาณ

วิธีทำ ผัดหัวหอมใหญ่กับน้ำมันให้สุก แล้วใส่เนื้อไก่ลงไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสต่าง ๆ อาทิ ผงกะหรี่, ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย, หัวหอมเจียว, งาขาว-งาดำ, พริกไทยดำ และเกลือป่น ผัดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน เสร็จแล้วใส่มันฝรั่งหั่นลงไปผัดให้เข้ากันจนสุก ชิมรสให้ออกหวาน ๆ เค็ม ๆ ให้มีกลิ่นของผงกะหรี่ และกลิ่นพริกไทยด้วย เตรียมไว้

ส่วน ไส้เห็ดหอมสมุนไพร มีส่วนประกอบคือมันฝรั่งหั่นชิ้นเล็ก 2 กก., เห็ดหอมแช่น้ำ (หั่น) 500 กรัม, หัวหอมใหญ่หั่น 500 กรัม และแครอท(หั่นชิ้นเล็ก) 1 กก. ในขณะที่ส่วนผสมเครื่องปรุงรส หลัก ๆ มีน้ำตาลทราย 800 กก., พริกไทยดำบด 800 กรัม, ซอสปรุงรส, งาดำ-งาขาวคั่ว และเกลือป่นอีกพอประมาณ

วิธีทำ ผัดหัวหอมใหญ่กับน้ำมันให้สุก ตามด้วยเห็ดหอม ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสต่าง ๆ อาทิ ซอสปรุงรส, น้ำตาลทราย, หัวหอมเจียว, งาขาว-งาดำ, พริกไทยดำ และเกลือป่น ผัดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน เสร็จแล้วใส่มันฝรั่งหั่นลงไปผัดจนสุก ชิมรสให้ออกหวาน ๆ เค็ม ๆ ให้มีกลิ่นของผงกะหรี่ และกลิ่นพริกไทยด้วย เตรียมไว้

วิธีการห่อ และทอดกะหรี่ปั๊บ นำแป้งกะหรี่ปั๊บมารีดเป็นแผ่นบาง ๆ กว้าง 8 ซม. และยาว 12 ซม. ตักไส้กะหรี่ปั๊บพอประมาณใส่ลงไปตรงกลางแผ่น แล้วพับครึ่ง ใช้นิ้วหัวแม่โป้ง และนิ้วชี้จับจีบให้เป็นเกลียวที่ขอบแป้งเพื่อปิดขอบแป้งให้สนิท และดูสวยงาม ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้จำนวนกะหรี่ปั๊บตามที่ต้องการ บรรจุใส่ภาชนะ คลุมด้วยผ้าขาวบางกันไม่ให้ลมและฝุ่นเข้า

ตั้งกระทะ ใช้ไฟแรงปานกลาง ใส่น้ำมันพืชให้ท่วมตอนทอด รอจนกระทั่งน้ำมันเดือด ค่อย ๆ ใส่กะหรี่ปั๊บทีละชิ้นลงไปทอด รอจนกระทั่งกะหรี่ปั๊บลอยขึ้นมา แล้วค่อย ๆ หรี่ไฟลงเล็กน้อย และคอยหมั่นใช้ตะหลิวคอยพลิกไป-มา ระวังอย่าให้กะหรี่ปั๊บไหม้ เมื่อกะหรี่ปั๊บเริ่มสุก สังเกตว่ามีสีเหลืองทอง เท่านี้ก็ตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน บรรจุใส่ถุงถุงละ 6 ชิ้น ขายในราคา 60 บาท

ใครสนใจ “กะหรี่ปั๊บไส้สมุนไพร” ของ นิภา และกรีฑา เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ติดต่อได้ที่ โทร. 08-1406-1445, 08-1874-8976 และ 08-5555-8018.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน

สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

.....................................................................................................

คู่มือลงทุน…กะหรี่ปั๊บไส้สมุนไพร

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคาขาย

รายได้ ราคา 60 บาท/6 ชิ้น

แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป

ตลาด ชุมชน/ออกร้าน/ย่านท่องเที่ยว

จุดน่าสนใจ ใช้ไส้สมุนไพรเพิ่มมูลค่าให้ขนม

credit by : http://www.dailynews.co.th/article/318455

Read More...


ฉ่ำชื่นรื่นรสกับ ‘ยำทูน่าสลัด’



จังหวะ กลับมาเมืองไทยพานักข่าวแห่งเทเลกราฟไปสัมภาษณ์ล้วงลึกชีวิตตั้งแต่วัยเกิด ที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ดังนั้นคอลัมน์ “สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ” สบช่องมีโอกาสจองตัว แดง-สายพิณ มอร์ เจ้าของร้าน โรซ่า ไทย คาเฟ่ (Rosa’s Thai Cafe) ร้านอาหารไทยประจำกรุงลอนดอน ซึ่งฮอตฮิตติดอันดับ 1 ใน 50 ร้านที่ได้รับการโหวตจากคนอังกฤษ มาจับเข่าคุยเล่าประวัติบนเส้นทางสายอาหาร นับว่าแซ่บและจัดจ้านไม่แพ้รสชาติอาหารของร้านที่ปัจจุบันเติบโตงดงาม มี 6 สาขาทั่วกรุงลอนดอน ประกอบด้วย สปิตาฟิลด์, โซโห, เวสต์ฟิลด์ สแทรกฟอร์ด, คาร์นาบี้ สตรีท, แองเจิ้ล และเชลซี

สาวอารมณ์ดีเล่าว่าพื้นเพเป็นคน เขาค้อ ด้วยความที่เป็นลูกชาวไร่ ต้องช่วยพ่อแม่ทำอาหารหน้าที่หลักคือหุงข้าว โอกาสกินข้าวนอกบ้านแทบไม่มี ทำให้ปลูกฝังวิชางานครัวมาโดยอัตโนมัติ จนกระทั่งเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้ยินประกาศรับสมัครพี่เลี้ยงเด็กที่ฮ่องกงจึงยื่นใบสมัครไป การก้าวสู่โลกกว้างครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นแวดวงนี้จริงจัง “ดิฉันทำงาน 2 แห่ง นอกจากช่วยเชฟอยู่ในร้านอาหารแล้ว ยังเป็นพนักงานขายสินค้าไทยนำเข้า พอคลุกคลีตรงนี้ ทำให้ดิฉันรู้จักวัตถุดิบแต่ละชนิดลึกซึ้งขึ้น ต่อมามีลู่ทางจึงเปิดร้านขายของชำเอง เมื่อเห็นว่าของสดบางชนิดอยู่ได้ไม่นาน จึงแปรรูปเป็นอาหาร เช่น แกงเขียวหวาน น้ำยาขนมจีน แกงไตปลา ส้มตำ ขายกลุ่มแม่บ้านคนไทย ปรากฏว่าทำกำไรงาม แต่สามีชาวอังกฤษต้องย้ายกลับประเทศจึงตัดสินใจขายกิจการและนำเงินก้อนนั้น เป็นทุนเปิดร้านที่อังกฤษ”

ด้วยความที่อัธยาศัยดีมีเพื่อนเยอะ จึงได้รับเชื้อเชิญไปทำข้าวกล่องขายในโรงอาหารของบริษัทเพื่อนแถบลอนดอน บริดจ์ ทุกวันพฤหัสบดี และเหมือนโชคชะตานำพาวันหนึ่งคุณแดงและสามีเดินเล่นในตลาดย่านสปิตาฟิลด์ เห็นฟู้ดสโตร์หลายร้านเกิดความคิดอยากขายอาหารที่นี่บ้าง จึงติดต่อกับเจ้าของสถานที่และได้มาหนึ่งคูหา ทุกวันคุณแดงตื่นตี 4 มาปรุงอาหาร และซื้อเตาแก๊สปิกนิก 5 หัว เป็นเชื้อเพลิงทำเมนูแกงเขียวหวาน, แกงแดงหน่อไม้, พะแนงไก่, มัสมั่น, ผัดไทย, เปาะเปี๊ยะสด และส้มตำ

ปรากฏ ว่าขายดีถล่มทลาย วันหนึ่งตึกฝั่งตรงข้ามว่างลง คุณแดงกับสามีได้ประมูลร้านมาโดยคงชื่อร้านเดิมไว้ “โรซ่าเป็นชื่อที่ตั้งมานานแล้ว เป็นชื่อของเจ้าของร้านซึ่งเป็นป้าแก่ ๆ ขายประเภทอาหารเช้า เราไม่ต้องการเปลี่ยนชื่อเพราะดูขลังดีและตัดอักษรชื่อร้านก็สวย จึงเปลี่ยนเพียงเมนูที่นำเสนออาหารไทยรสชาติต้นตำรับและมีความสดใหม่” คุณแดงเล่า ทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นก่อนขยายธุรกิจร้านอาหาร 6 สาขา ในปีนี้คุณแดงตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา และจะให้ครบ 10 สาขาในอนาคต จึงเบนเข็มไปเปิดบูติกโฮเต็ลเล็ก ๆ สักแห่ง นับว่าคุณแดงมีหัวด้านบริหารแบบมืออาชีพ จนได้รับการคัดเลือกจากองค์กร Growth Accelerator มอบรางวัลธุรกิจอาหารและจัดเป็นระเบียบมากที่สุดมาครอง


การ ทำให้คนกินนับเป็นความสุขของคนอยู่ไม่สุขเช่นเธอ คุณแดงเล่าว่า “ช่วงหนึ่งกลับมาอยู่เมืองไทย อยู่เฉย ๆ ก็เบื่อพอส่งลูก ๆ ไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติเสร็จ ฝ่ายแม่ก็จัดของใส่รถไปเปิดท้ายขายข้าวยำแหนม ที่ตลาดนัดบึงกุ่มอีก เช่นเดียวกับที่อังกฤษเคยไปสอนทำอาหารอย่างสนุกสนานในสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ ตัน ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อีกด้วย”

ฟังมานานชัก เคลิ้มอยากลองชิมฝีมือ วันนี้เจ้าของผลงานหนังสือคุกบุ๊กโด่งดัง โดยมีออคโตปุส พับลิชชิ่ง เป็นผู้พิมพ์ จึงรังสรรค์เมนูอร่อยประจำร้าน ได้แก่ “ยำทูน่าสลัด” ส่วนผสมประกอบด้วย ปลาทูน่า 300 กรัม, ขิงซอย 50 กรัม, พริกขี้หนู 5 เม็ด, กระเทียมทุบ 3 หัว, พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา, แคปเปอร์ 2 ช้อนชา, น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ, เกลือ 1 หยิบมือ, เนย 10 กรัม, ผักสลัดตามชอบ และน้ำบัลซามิก

วิธีทำ ขั้นตอนแรกจัดการจี่ปลาทูน่า ด้วยการตั้งกระทะให้ร้อนนำเนยผัดในน้ำมันมะกอก พอสุกค่อยพลิกด้าน จากนั้นใช้มีดหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้วจัดวางบนจาน หันมาทำซอสด้วยการตั้งไฟใส่น้ำมันมะกอก เนย พริกไทย ขิง แคปเปอร์ ตามลำดับผัดให้เข้ากันแล้วใส่กระเทียม จากนั้นลดไฟใส่ผักชีและใบมะกรูดที่ซอยทิ้งไว้เพิ่มความหอม โรยเกลือให้รสพอปะแล่ม สูตรนี้คุณแดงแนะนำว่าไม่ควรสาดเกลือลงไปเยอะเพราะโดยธรรมชาติแคปเปอร์มีรส เค็มอยู่แล้ว จากนั้นตักราดบนเนื้อปลา ผสมน้ำบัลซามิกกับผักสลัดจัดเสิร์ฟได้ทันที

ก่อนโบกมือลาจากกันคุณ แดงกล่าวทิ้งท้ายกับคนไทยว่าหากมีโอกาสเดินทางไปอังกฤษอยากเชิญให้ไปชิมด้วย ตัวเองที่ร้าน หรือติดตามผ่านเว็บไซต์ www.rosasthaicafe.com, เฟซบุ๊ก www.facebook.com/rosasroadtrip และอินสตาแกรม rosasthaicafe

‘ช้องมาศ’

credit by :  http://www.dailynews.co.th/article/316712

Read More...


ร้อนตับแตก! ครีเอทไอติมแตงโมมะนาว สดชื่น ดับอุณหภูมิโลก


หน้าร้อนแบบนี้ ต้องกินอะไรถึงจะหายร้อน...? คำถามที่ใครๆ ก็ได้ยินในช่วงอากาศร้อนตับแตกแบบนี้ ถึงแม้เราจะผ่านวันที่ร้อนที่สุดในปีนี้มาแล้ว แต่ความร้อนก็ไม่ได้ทุเลาลงไปเลย และถึงจะร้อนแค่ไหนก็ตาม ก็ยังกลับมาพบกับ Trend can do ไทยรัฐออนไลน์ สัปดาห์นี้เราขอพาทุกคนไปดับอุณหภูมิความร้อนกับการทำไอติม จะง่ายสักแค่ไหน ไปลงมือพร้อมๆ กัน...
สิ่งที่ต้องเตรียม 
1.แตงโมไร้เมล็ด
2.น้ำมะนาว 3/4 ถ้วย
3.น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วย
4.เตกีล่า 1/2 ถ้วย
5.มะนาว
6.เกลื่อป่นหยาบ
7.ไม้ไอศกรีมแบบสั้น
8.แก้วกระดาษขนาดเล็ก
9.กระชอนกรอง
10.น้ำแข็ง

ไอติมแตงโมมะนาว
ขั้นตอนการทำ
1.นำแตงโมไร้เมล็ดใส่ลงไปในเครื่องปั่น เพิ่มรสชาติด้วยการใส่น้ำเชื่อมและเตกีล่าลงไปนิดหน่อยด้วยแล้วปั่นให้เข้ากัน

ปั่นแตงโม
2.ใช้กระชอนกรองแยกน้ำกับเนื้อแตงโมออกจากกัน

แยกน้ำกับกาก
3.นำมะนาวมาฝานเป็นสามส่วน โดยเราใช้แค่ส่วนตรงกลาง นำไม้ไอศกรีมเสียบตรงกึ่งกลางของมะนาว

ฝานมะนาวเสียบไม้ไอศกรีม
4.นำน้ำแตงโมใส่ลงไปในแก้วกระดาษ จากนั้นนำมะนาวที่เสียบไม้ไว้แล้วมาประกบบนแก้วดังภาพ พร้อมทั้งโรยเกลือไว้เล็กน้อย

นำน้ำแตงโมใส่แก้ว และนำมะนาวมาประกบบนแก้ว
5.นำไปแช่แข็งประมาณสองชั่วโมง หรือจนกว่าไอศกรีมจะแข็งตัว เสร็จแล้วก็นำไปเสิร์ฟกินเล่นกันในวันร้อนๆ ได้เลย

เสร็จแล้ว สดชื่น
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/494772

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.