สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ข้าวเหนียวรากบัว


เมนูขึ้นสำรับวันนี้ รับรองได้เลยว่า ในเมืองไทยหาทานที่ไหนไม่ได้ และก็คงไม่มีใครรู้จักหรือเคยเห็นมาก่อนด้วย ทั้งๆที่เป็นของหวาน แต่ตามภัตตาคารเลื่องชื่อเกือบทุกแห่งในจีนเสิร์ฟเป็นเมนูเรียกน้ำย่อย โดยมีชื่อเรียกว่า “กุ่ยฮัว ถังโอ่ว” ซึ่งคำว่ากุ่ยฮัว ในภาษาจีนหมายถึงดอกพิกุล ส่วนถังโอ่ว ก็คือรากบัว เมนูนี้มีส่วนผสมหลักเพียง 3 อย่าง ได้แก่ รากบัว ดอกพิกุล และข้าวเหนียว

คุณเต๋อจี๋ ตัววา สาวจีนหน้าตาสวยสะ พูดไทยปร๋อแถมสำเนียงไม่เพี้ยนอีกต่างหาก ได้แนะนำสูตรและวิธีทำรากบัวยัดไส้ข้าวเหนียวให้คนไทยได้รู้จักกัน และก็คงไม่ต้องถามว่าทำไมถึงพูดไทยได้เก่งขนาดนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้เข้าคอร์สเรียน ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะเธอมีครูดีอยู่ข้างกาย เนื่องจากเธอเป็นลูกสะใภ้เจ้าของยาสีฟันดอกบัวคู่ และช่วยบริหารงานบริษัท TwinLotus China ของครอบครัวสามี (คุณป่อป้อ-กำธน ลีเลิศพันธ์) คุณเต๋อจี๋จึงพยายามหัดพูดภาษาไทย ถึงจะเขียนอ่านไม่ได้ เพราะเธอบอกว่าภาษาไทยยากมาก แต่ก็พยายามเรียนรู้วิถีชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะเรื่องกิริยามารยาทแบบไทย และยังมีชื่อไทยด้วยว่า “ธนธร ลีเลิศพันธ์”

คุณเต๋อจี๋ เป็นชาวจีนมณฑลซิงไห่ (ติดกับทิเบต) คุณพ่อเป็นผู้อำนวยการและผู้บริหารระบบการศึกษาของมณฑลซิงไห่ จึงให้ความสำคัญด้านการศึกษากับลูกๆทั้ง 4 เป็นอย่างมาก ทำให้เธอมีโอกาสเข้ามาเรียนในกรุงปักกิ่ง และได้พบรักกับสามี ก่อนแต่งงานก็เคยทำงานในตำแหน่ง Media Planner On Line ให้กับบริษัทต่างชาติในจีนมาก่อน ในหน้าที่ภรรยาเธอก็ได้รับการถ่ายทอดความรู้ด้านการครัวจากคุณแม่ ซึ่งมีฝีมือในการปรุงอาหาร ทำให้คุณเต๋อจี๋เป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ

สำหรับเมนูข้าวเหนียวรากบัว หรือรากบัวยัดไส้ข้าวเหนียว ส่วนผสมประกอบด้วย : รากบัว 1 หัว/ข้าวเหนียวพันธุ์เมล็ดสั้นป้อม 100 กรัม/น้ำตาลทรายแดง แบ่งเป็น 2 ส่วน สำหรับต้ม 50 กรัม และทำน้ำเชื่อมราด อีก 100 กรัม/น้ำตาลกรวด แบ่งเป็น 2 ส่วนเช่นกัน สำหรับต้ม 150 กรัมและสำหรับทำน้ำเชื่อมราด 250 กรัม/ดอกพิกุลอบแห้ง 1 ชต. (หาซื้อได้ที่เยาวราช).........

วิธีทำ 1) ซาวข้าวเหนียวให้สะอาดและแช่น้ำทิ้งไว้ราว 4 ชม. จึงนำขึ้นพักไว้ 2) ปอกเปลือกรากบัวออกแต่เพียงบางๆ 3) ตัดส่วนหัวของรากบัวออกความยาวประมาณ 1 นิ้ว สำหรับนำมาทำเป็นฝาปิด 4) กรอกข้าวเหนียวใส่ลงตามรูๆของรากบัว รวมทั้งส่วนที่ตัดออก วิธีกรอกข้าวเหนียวต้องคอยเคาะให้ข้าวเหนียวลงไปตามช่องจนแน่นเต็มทั้งราก 5) นำรากบัวท่อนที่ตัดออก มาประกบปิดกับรากบัวท่อนใหญ่ เพื่อไม่ให้ข้าวเหนียวหลุดออก และยึดทั้งสองท่อนให้ติดกันด้วยไม้จิ้มฟันอย่างแน่นหนา โดยรอบรากบัว 6) นำรากบัวลงต้มด้วยไฟแรง โดยให้น้ำท่วมรากบัว พอน้ำเดือดใส่น้ำตาลทั้งสองชนิดที่เตรียมไว้ คนน้ำตาลให้ละลายและปิดฝาเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนราว 2 ชม. จึงเปิดฝาหม้อพลิกรากบัวกลับด้าน เพื่อให้สีของน้ำตาลซึมเข้าไปในเนื้อรากบัวอย่างทั่วถึงกัน และคอยดูระดับน้ำในหม้อต้มอย่าให้แห้ง เคี่ยวต่อจนกว่ารากบัวจะสุก เนื้อใส สีสวยออกชมพูแดง ทดสอบว่าสุกได้ที่ยัง โดยใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปในรากบัว หากดึงขึ้นมาโดยไม่มีอะไรติดไม้จิ้มฟัน แปลว่าสุกดีแล้ว (หากใช้หม้อความดันสูงจะช่วยร่นระยะเวลาในการทำได้มากทีเดียว)

7) นำขึ้นจากหม้อแล้วพักให้คลายร้อน จึงนำเข้าตู้เย็นแช่ทิ้งไว้ราว 30 นาที 8) ระหว่างนี้ก็ไปเตรียมเคี่ยวน้ำตาลสำหรับใช้ราด โดยต้มน้ำเปล่าประมาณ 2 ถต. กับน้ำตาล 2 ชนิดที่เหลือ เคี่ยวไฟอ่อนจนเหนียวขึ้นเล็กน้อย 9) นำรากบัวออกจากตู้เย็น หั่นเป็นแว่นๆ แล้วราดน้ำเชื่อม และโรยดอกพิกุลแห้งปิดท้าย.

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/493149

Read More...


หยุดความคิดผิดๆ … สต็อป 5 อาหารมื้อดึก ทำร้ายสุขภาพแย่ !


เวลาหิวคุณสามารถทานสารพัดอาหารที่อยู่ตรงหน้าได้ ไม่เว้นแม้แต่สแน็กขบเคี้ยว หรือของหวานทานเล่น อย่างช็อกโกแลต ที่ช่วยเพิ่มน้ำตาลในเลือดให้คุณไม่รู้สึกเป็นลม/หน้ามืด หากแต่บางทีคุณอาจคิดผิดแล้วล่ะที่ทานมัน โดยเฉพาะทานแก้หิวก่อนนอน (ที่ชอบทานเป็นประจำ) เพราะอาหารบางอย่างก็ทำร้ายสุขภาพของคุณให้แย่ลงไม่รู้ตัว อย่างเช่น โรคกรดไหลย้อน ที่คุณจะรู้สึกอาหารไม่ย่อย และพะอืดพะอมขณะนอนหลับ จนทำให้คุณหลับไม่สนิทเต็มที่ ...
1. แอลกอฮอล์ 

คุณอาจรู้สึกว่าแอลกอฮอล์ช่วยปลดปล่อยอารมณ์คุณ ให้รู้สึกสบายตัว โล่งสมองมากขึ้น ปล่อยวันหนักๆ ให้เบาลงได้ และถ้าคุณดื่มก่อนนอน ก็จะช่วยทำให้คุณนอนหลับสบาย-ลึกดีขึ้นตลอดคืน เหมือนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่จริงๆ ซึ่งนั่นมันก็จริง … หากแต่พอคุณตื่นขึ้นมา มันจะส่งผลเอฟเฟกต์กับคุณทันที อาทิ คุณจะรู้สึกปวดหัว-มึน ปวดท้อง และร่างกายของคุณจะไม่รู้สึกอยากอาหาร/ไม่ตอบสนองเท่าที่ควร ฉะนั้นทางที่ดีคุณควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ก่อนนอน เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณในตอนเช้า … จะโอเคกว่านะ !

แอลกอฮอล์ 
...
2. โซดา 

โซดา … ก็ต้องมาควบคู่กับแอลกอฮอล์เป็นแน่แท้ ! เมื่อแอลกอฮอล์ให้โทษ โซดาก็คงไม่ต่างกัน (แต่ไม่ถึงขนาดให้อันตรายรุนแรง) เพราะในโซดามีส่วนประกอบที่เป็น 'กรด' และ 'แก๊ส' อยู่มากกว่าทุกๆ สิ่งที่พบในธรรมชาติ ซึ่งกรดและแก๊สนี่แหละ จะเข้าไปทำร้ายระบบภายในต่างๆ ของร่างกายคุณ บางทีคุณอาจจะรู้สึกท้องอืด, มีกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น นั่นส่งผลให้กระเพาะอักเสบ หรือเกิดแผลในกระเพาะง่ายขึ้น …
3. ช็อกโกแลต

ช็อกโกแลตมีประโยชน์ก็จริง แต่นั่นก็เป็นของทานเล่นที่ให้ความอ้วนไม่น้อย รวมทั้งมันยังมีส่วนผสมของคาเฟอีน สารกระตุ้นที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นตัว และไม่ง่วงนอนแต่อย่างใด (หลายคนอาจจะยังไม่รู้ และคิดว่ามีแต่กาแฟเท่านั้นที่ช่วยคลายความง่วงให้คุณได้) ยิ่งถ้าคุณหยิบมาทานก่อนนอน แล้วหลับไปเลยภายใน 1-2 ชั่วโมงนั้น มันจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้คุณเห็นผลลัพธ์ความอ้วนเร็วขึ้น (เมื่อคุณตื่นขึ้นมา) รับรองได้ว่า อาการหน้าบวม-หน้าท้องพองขยายใหญ่ในตอนเช้า ไม่ได้เกิดจากที่คุณนอนหลับเต็มอิ่มมากไปแน่นอน แต่เกิดจากช็อกโกแลตที่เมื่อคืนคุณทานไปเมื่อคืนซะมากกว่าน่ะสิ !!

ช็อกโกแลต ...
4. ชีส(สุดเลี่ยน)

อาหารที่เต็มไปด้วยไขมันที่คุณควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด (ถึงบางคนจะบอกอร่อย และชอบมันมากมายก็เถอะ !) อย่าทานตามใจปากโดยเฉพาะมื้อค่ำและก่อนนอน ถึงแม้คุณจะหิวมากแค่ไหนก็ตาม หากในมื้อค่ำคุณเลี่ยงที่จะทานไม่ได้ เราแนะนำให้คุณทานเป็น 'พามิซาน ชีส' และ 'สวิส ชีส' ที่เป็นเนยแข็ง (แต่ในปริมาณที่พอดีเท่านั้นนะ) เพราะมันจะส่งผลต่ออาการ 'การไหลย้อน' เมื่อคุณนอนหลับ น้อยกว่าเนยที่มีความนิ่มกว่า จำพวกเช่น 'เฟตา ชีส' ที่ทำมาจากนมแพะ/นมแกะ และ 'มอสซาเรลลา ชีส' เนยเนื้อสัมผัสนุ่ม ที่ผลิตจากน้ำนมควาย/น้ำนมวัว

ชีส(สุดเลี่ยน)
 ...
5. ถั่วต่างๆ
จะดีกว่าไหม …? หากคุณหลีกเลี่ยงการทานจำพวกถั่ว เช่น ถั่วพีนัท, มะม่วงหิมพานต์,  วอลนัท, พีนัท และแมคาเดเมีย ในตอนดึก มาเป็นอาหารทานเล่นยามบ่าย แก้หิวระหว่างวันแทน เพราะไม่เพียงมันจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มท้องไปเกือบตลอดวัน (อาหารลดอ้วน) แต่มันยังมีเวลาให้กระเพาะฯ คุณได้ย่อยอย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าคุณเลือกทานตอนดึก เพื่อระงับความหิวก่อนนอน โดยที่มันไม่ได้มีการย่อยอย่างเต็มที่ (ทานก่อนเข้านอน 1-2 ชั่วโมง) แน่ล่ะว่ามันต้องเกิดผลเอฟเฟกต์ในทางลบตามมา อย่างเช่น กรดไหลย้อนระหว่างคุณนอนหลับ หรือไขมันสะสม หนึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณตื่นมาแล้วมีอาการตัวบวม หน้าท้องบวมนั่นเอง !
อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากทานอาหารเบาๆ จำพวกถั่วก่อนนอน 'ถั่วพิสตาชิโอ' และ 'อัลมอนด์' ก็เป็นทางเลือกที่ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก แต่คุณก็ควรบริโภคก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง !

ถั่วต่างๆ ...
ปล. อาหารทุกข้อที่กล่าวมานั้น ควรทานเป็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ก่อนนอน …
ที่มา : womenshealthmag

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/487179

Read More...


ซัมเมอร์นี้พี่ไม่ร้อน! เมนูสุดเฟรช ‘แตงโมเจลลี่’ ทำง่าย ผ่อนคลาย สดชื่น


สองสามวันมานี้ฝนตกหนัก นำท่วม ลำบากกันทั่วกรุง ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเข้าหน้าร้อนมาได้ไม่นานแต่ฝนกลับตกหนักเหมือนเทวดากำลังร้องไห้ อยู่ หลายคนสงสัยว่านี่ฤดูอะไรกันแน่ ร้อนก็ร้อน น้ำก็ท่วม ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวยิ่งนัก Trend can do สัปดาห์นี้จึงจะพาคุณไปทำให้อารมณ์เย็นๆ กับเมนูสุดเฟรชกับ วุ้นแตงโม จะมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้างไปทำพร้อมๆ กันได้เลย...

แตงโมเจลลี่
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. ผงวุ้นสีแดง Red Jell-O ขนาด 3 ออนซ์ 4 กล่อง
2. เจลาตินผง ขนาด 1 ออนซ์ 2 กล่อง
3. แอลกอฮอล์สีใส 4 ถ้วยตวง
4. แตงโม 1 ลูก

อุปกรณ์
ขั้นตอนการทำ
1.ผ่าลูกแตงโมตามยาวออกเป็นสองซีก

ผ่าเป็นสองซีก
2.ใช้มีดและช้อนคว้านเอาเนื้อแตงโมออกให้หมดเหลือไว้เพียงเปลือกแตงโมสีเขียว

คว้านเนื้อแตงโมออกมา
3.นำกระดาษทิชชูหรือผ้าขนหนูมาวางไว้บนถาดเพื่อใช้รองผลแตงโม

นำกระดาษมาวางรองผลแตงโม
4.นำเจลาตินและผงวุ้นมาผสมเข้าด้วยกัน

ผสมเจลาตินและผงวุ้น
5.เติมน้ำต้มสุก 4 ถ้วยตวง และเติมแอกอฮอล์สีใสลงไปเล็กน้อย คนส่วนผสมเข้าด้วยกันและทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที ให้ส่วนผสมละลาย

เติมแอกอฮอล์สีใส
เติมน้ำต้มสุก
6.เทส่วนผสมทั้งหมดลงในผลแตงโม

เทส่วนผสมลงในแตงโม
7.นำไปแช่เย็นเป็นเวลา 4 ชั่วโมง จนกระทั่งวุ้นแข็งตัว

นำไปแช่เย็น
8.สุดท้ายแล้ว ตัดแบ่งวุ้นแตงโมออกมาเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปทาน แค่นี้คุณก็จะสดชื่นในซัมเมอร์นี้แล้ว

ตัดแบ่งวุ้น
แตงโมเจลลี่
ที่มา : buzzfeed
 
credit by  :  http://www.thairath.co.th/content/489254

Read More...


ยกซดให้หายร้อน! ‘ก้อนน้ำแข็งกาแฟ’ ครีเอตได้คลายร้อนด้วย!


หน้าร้อนแบบนี้แทบไม่อยากจะกระดิกตัวทำอะไร ร้อนนรกแตก ร้อนมากถึงมากที่สุด แต่ถ้าอากาศร้อนๆ แล้วได้กินน้ำแข็ง หรือน้ำเย็นๆ สักแก้วสองแก้ว คงจะช่วยทุเลาความร้อนลงได้บ้าง Trend can do สัปดาห์นี้จึงพาคุณไปพบกับ เมนูคลายร้อนซึ่งมีวิธีทำที่แสนง่ายดาย กับการทำก้อนน้ำแข็งกาแฟ เป็นกาแฟที่มีไอเดียสร้างสรรค์ ทำดื่มเองได้ง่ายๆ จะมีวิธีการอย่างไรบ้าง ไปทำพร้อมๆ กัน...


กาแฟสักแก้วมั้ยจ๊ะ
ก้อนกาแฟ เก๋อ่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. กาแฟ 6 ออนซ์
2. ผงโกโก้ 4 ช้อนชา
3. นมสด 6 ออนซ์
4. ถาดทำน้ำแข็ง
ขั้นตอนการทำ
1. เริ่มด้วยการต้มหรือชงกาแฟในรสชาติที่คุณชื่นชอบ จะเป็นกาแฟดำหรือจะใส่นมเพิ่มรสชาติก็ได้


ชงกาแฟกันก่อน
2. รอให้กาแฟที่ชงเย็นลง และเทลงในถาดน้ำแข็ง แช่ช่องฟรีซทิ้งไว้ 1 คืน


ทำก้อนกาแฟได้เลย
3. นำผงโกโก้ที่เตรียมไว้มาใส่ลงในก้นแก้วที่จะใส่ก้อนกาแฟ


ใส่ผงโกโก้กันสักนิด
4. อุ่นนมสดที่เตรียมไว้และเทลงไปในแก้ว คนให้ผงโกโก้ละลายเข้ากับนม


เทนมสดไปผสมกับผงโกโก้
5. ใส่ก้อนกาแฟลงในแก้ว ใช้หกก้อนต่อแก้ว หรือจะใส่เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่รสชาติที่คุณชื่นชอบ


ใส่ก้อนกาแฟลงในแก้ว
6. สุดท้ายให้ใส่นมสดและคนให้เข้ากับก้อนกาแฟ นมอุ่นจะค่อยๆละลายก้อนน้ำแข็ง หลังจากนั้นก็นำมาดื่มได้ ขอบอกว่าอากาศร้อนๆแบบนี้ได้จิบสักอึกสองอึก สดชื่นอย่าบอกใครเลย


ใส่นมและคนให้เข้ากับก้อนกาแฟ
สดชื่นอ่าาาาา
ที่มา : honestlyyum
 
credit by :  http://www.thairath.co.th/content/490672

Read More...


ปาร์ตี้ ‘อิซากายะ’


จัดปาร์ตี้ปิ้งย่างที่บ้านแบบไม่ซ้ำใคร ด้วยการนำเสนอเมนู “โทกะ เกนเซน คุชิยากิ”

ได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรมมีคอเลสเตอรอลสูงมาตั้งแต่เกิด แม้อิ่มเอมกับการกินปานใด แต่ จี๊ป-ศิริธร ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงแรมบัญดารา รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล จำเป็นต้องควบคุมอาหารงดแตะต้องของทอดทุกชนิด ดังนั้นแนว “ปิ้งย่าง” ไร้น้ำมันจึงตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์นักการตลาดสาวคนนี้มาก และถูกปากเป็นพิเศษกับปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ที่เรียกว่า “อิซากายะ”  

สาวอารมณ์ดีคนนี้เล่าว่า “หากเว้นวรรคจากงานทำอาหารที่บ้านทุกครั้งจะเป็นปิ้งย่างหมด จี๊ปเคยสงสัยทำไมคนญี่ปุ่นสามารถย่างอาหารได้แตกต่างจากเราคือไม่แห้ง มีความชุ่มฉ่ำนุ่มลิ้น ต่อมาได้เชฟมือดีของร้านโทกะช่วยสอน ทำให้รู้พื้นฐานว่าอันดับแรกต้องใช้วัตถุดิบดีมีคุณภาพ เช่น ไก่ย่าง ควรใช้ไก่ตอนหรือไก่บริสุทธิ์นั่นเอง เวลาปิ้งไม่จำเป็นต้องหมักให้นุ่ม เพิ่มรสชาติแค่โรยพริกไทยกับเกลือเท่านั้น แตกต่างจากปิ้งย่างแบบไทย มักนิยมหมักค้างคืน บางคนนำไปหมักกับน้ำสับปะรดแล้วรู้สึกเนื้อเละเกินไป ส่วนตัวจี๊ปไม่ถูกปากชอบสัมผัสดึ๋ง ๆ ในปากมากกว่า”

สำหรับร้านโทกะ เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ด้านหน้าของโรงแรมบัญดารา สวีท สีลม ถนนศาลาแดง ซอย 1 ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหารธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นที่แฮงก์เอาต์กึ่งผับในสไตล์ญี่ปุ่นต้นตำรับที่รวบรวมอาหารสไตล์ปิ้งย่าง สาเก และเครื่องดื่มนานาชนิด เป็นที่สำหรับมาพักผ่อนในวันทำงานที่เมื่อยล้า หลังจากมีโอกาสลิ้มลองแล้วติดใจ วันนี้คุณจี๊ปใช้เสน่ห์หว่านล้อมจนเชฟยอมเผยสูตรความอร่อย เพื่อให้ทุกคนนำเคล็ดลับไปจัดปาร์ตี้ปิ้งย่างที่บ้านแบบไม่ซ้ำใคร ด้วยการนำเสนอเมนู “โทกะ เกนเซน คุชิยากิ”

เมนูปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นประกอบด้วย 6 ชนิดดังนี้ โทริโมโม หั่นไก่ตอนเบตง 60 กรัมเป็นชิ้นพอดีคำแล้วเสียบไม้ ไก่ตอนเบตงเป็นไก่เลี้ยงตามธรรมชาติ มีมันแทรกอยู่ในเนื้อ ทำให้ไก่มีความนุ่มเป็นพิเศษ ก่อนนำไปย่างโรยเกลือและสาเก เพื่อเพิ่มรสชาติและความหอม เวลาย่างให้นำด้านหนังลงย่างก่อนเพื่อให้หนังกรอบ, มิยาซากิ วากิว ฮอน วาซาบิ เลมอน ใช้เนื้อวากิวอย่างดี 30 กรัม โรยเกลือและสาเก เสียบไม้ย่างด้วยไฟแรงรวดเดียวแค่พอให้ด้านนอกสุก แต่ข้างในยังคงความนุ่มอยู่ เสิร์ฟพร้อมวาซาบิสดและเลมอน

เพติ โทมาโท เบคอน เบคอนรมควันอย่างดีสไลด์ นำมาพันมะเขือเทศเชอร์รี่จากโครงการหลวง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ปลอดสารพิษ โรยพริกไทยก่อนนำไปย่าง เป็นเทคนิคคงความสดให้มะเขือเทศสดเหมือนกินเป็นสลัด, สึคุเนะ โอโรชิ พอนซุ ส่วนผสมของตะโพกไก่ หมู กระดูกอ่อนไก่ สัดส่วน 3:2:1 นอกจากนี้ยังมีมันมือเสือ หอมหัวใหญ่ นำมาปั่นให้ละเอียด เติมไข่แดง น้ำมันงา เพื่อเพิ่มความหอม นำมาปั้นเป็นก้อนเสียบไม้ย่าง

ซาซามิ ชิโซะ ไบ คุนิ หั่นสันในไก่ 60 กรัมเป็นชิ้นพอคำ โรยด้วยเกลือ พริกไทย และสาเก นำไปย่างจนสุกกำลังดี นำมาแต่งด้วยใบโอบะและบ๊วยสด และ บานโน เนกิ นิคุมากิ เนื้อหมูสามชั้นสไลด์พันต้นหอม โรยด้วยพริกไทย นำไปย่างจนเหลือง ราดด้วยซอสพอนซุ สูตรพิเศษของทางร้าน ประกอบไปด้วย โชยุ มะนาว ปลาแห้ง เห็ดหอม สาหร่าย น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น

ก่อนอดใจไม่ไหวคว้ามาลองลิ้ม คุณจี๊ปเผยเคล็ดลับวิธีการย่างให้มีกลิ่นหอมว่าควรย่างบนเตาถ่านไม้โกงกาง ซึ่งสูตรทางร้านนี้ใช้ไม้โกงกางรีดน้ำมัน อบที่อุณหภูมิ 1,000 องศาเซลเซียส นอกจากไม่มีควันแล้วยังหอมฉุยกระทั่งเสิร์ฟบนโต๊ะ สำคัญที่สุดสำหรับอาหารปิ้งย่างคือต้องย่างกินตอนร้อน ๆ ห้าม!!! ย่างเก็บไว้เด็ดขาด จัดปาร์ตี้ครั้งหน้าอย่าลืมลองจัดเมนูนี้สักครั้ง.

‘ช้องมาศ’

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/ปาร์ตี้+‘อิซากายะ’

Read More...


‘ผลไม้ทอด’ หลากหลาย..กำไรดี


ผลไม้ไทย นอกจากจะทานกันแบบสด ๆ แล้ว ยังสามารถนำมาแปรรูป และถนอมอาหารเป็นสินค้าได้หลายประเภท รวมถึงนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง อาทิ สลัดผลไม้, ยำผลไม้, ส้มตำผลไม้ ฯลฯ รวมไปถึง “ผลไม้ทอด” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

ขวัญฤทัย ลินจงสุบงกช หรือ พี่เอ๋ เจ้าของร้านผลไม้ทอด “อิงภู” ในตลาดน้ำขวัญเรียม เขตมีนบุรี กล่าวว่า หลังจากเรียนจบได้ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเพียง 5 ปีก็อิ่มตัว เพราะมีใจรักในเรื่องค้าขาย และการทำธุรกิจมากกว่า จึงเปลี่ยนมาเป็นเซลส์ขายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งนานเกือบ 20 ปี

“ในช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.2554 ได้แนะนำแป้งสำหรับทอดผลไม้ให้กับลูกค้าที่ประสบปัญหา และต้องการประกอบอาชีพในช่วงนั้น ปรากฏว่าแป้งสำหรับทอดผลไม้ที่ขายได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จึงเกิดความสนใจที่จะค้าขายเองบ้าง เมื่อมีหน้าร้านเป็นของตนเอง จึงได้ลองทอดขายดู โดยอาศัยความรู้ของตนเอง ประกอบกับประสบการณ์ที่ผ่านมา ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ” ขวัญฤทัย กล่าว

ขวัญฤทัย กล่าวอีกว่า การค้าขายในแบบฉบับตัวเองนั้น วัตถุดิบต้องดี ใหม่ สด และสะอาด รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับใช้ทอดจะต้องแตกต่างจากร้านขายของทอดอื่น ๆ ดังนั้นจึงลงทุนกับวัตถุดิบและอุปกรณ์มาก ที่สำคัญจะเป็นคนหยิบขายด้วยตัวเอง เพราะต้องการจะสื่อสารกับลูกค้าให้เข้าใจ และหากหยิบของทอดชิ้นใดขึ้นมาแล้วไม่ถูกใจจะไม่ขายชิ้นนั้นให้ลูกค้าเลย เพราะให้ความสำคัญกับความรู้สึกลูกค้าเป็นอันดับแรก

ปัจจุบันผลไม้ทอดที่ขายขวัญฤทัยมี 8 อย่าง ได้แก่ กล้วยทอด, กล้วยตากทอด, มันไข่ทอด, มันต่อเผือกทอด, เผือกทอด, สับปะรดทอด, ฟักทองทอด และข้าวเม่าคำทอด ซึ่งได้รับความนิยมแทบทุกชนิด

อุปกรณ์ที่ใช้ทำ “ผลไม้ทอด” หลัก ๆ ก็มีเตาแก๊ส, กระทะทองเหลือง, มีด-เขียง, ถาดอะลูมิเนียม, ถังสเตนเลส, กระชอน, ตะกร้อตีแป้ง และอุปกรณ์เครื่องครัวเบ็ดเตล็ดทั่วไป

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำ “ผลไม้ทอด” หลัก ๆ มี กล้วยน้ำว้า, กล้วยตาก, มันไข่, มันต่อเผือก, เผือกทอด, สับปะรด, ฟักทอง, ข้าวเม่า, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันปาล์ม นอกจากนี้ยังมี แป้งข้าวเจ้า, แป้งสาลี, แป้งข้าวเหนียว, แป้งมัน, น้ำตาลทราย, เกลือไอโอดีน, กลอยอบแห้ง, งาดำ, งาขาว, มะพร้าวขูด และน้ำเย็น

วิธีทำผลไม้ทอด

เตรียมไม้ผลต่าง ๆ อาทิ กล้วยน้ำว้าปอกเปลือกแล้วผ่าครึ่งเตรียมไว้ เช่นเดียวกับมันไข่, มันต่อเผือก, เผือก, สับปะรด, ฟักทอง ให้ปอกเปลือก แล้วล้างน้ำให้สะอาด (ยกเว้นสับปะรด) แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดพอคำ เตรียมไว้

ขวัญฤทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า พันธุ์ของผลไม้มีส่วนสำคัญมาก จะต้องคัดสรรเป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น กล้วยน้ำว้าจะใช้พันธ์ุจาก จ.กำแพงเพชร และที่ จ.นครสวรรค์, สับปะรดจะใช้พันธุ์ปัตตาเวีย หรือตราดสีทองเท่านั้น เพราะเนื้อจะกรอบและแห้ง ส่วน ฟักทอง จะใช้พันธุ์บางศรีเมือง โดยเน้นเลือกลูกฟักทองที่เนื้อเหนียวแน่น

ในส่วนของ แป้งทอดผลไม้ มีส่วนผสมของแป้งข้าวเจ้า 79%, แป้งสาลี 8%, แป้งข้าวเหนียว 5%, แป้งมัน 3%, น้ำตาล 2.5%, เกลือไอโอดีน 1.5%, กลอยอบแห้ง 1% ในขณะที่ แป้งชุบทอด ประกอบด้วย แป้งทอดผลไม้ 1 กิโลกรัม, งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ, งาขาว 1 ช้อนโต๊ะ, มะพร้าวขูด 100 กรัม และน้ำเย็นจัด 1.3 กิโลกรัม

วิธีผสมแป้งชุบทอด เทส่วนผสมของแป้งชุบทอดลงในภาชนะที่เตรียมไว้ ใช้ตะกร้อตีแป้งตีส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี แป้งชุบทอดที่ใช้ได้จะมีลักษณะเบาและฟู ในขั้นตอนนี้ ขวัญฤทัยแนะนำว่า แป้งชุบทอดที่ผสมไว้นาน อาจจะแห้ง สามารถเติมน้ำได้ตามความเหมาะสม

วิธีทอด ตั้งกระทะทองเหลือง เทน้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม ในอัตราส่วน 50:50 ใช้ไฟร้อน รอจนกระทั่งน้ำมันเดือด นำผลไม้ตามที่ต้องการลงไปชุบกับแป้งชุบทอด แล้วนำลงทอดในกระทะ ระหว่างทอดใส่ใบเตยหั่นลงไปทอดด้วย เพื่อเพิ่มความหอมให้กับผลไม้ทอด เมื่อทอดผลไม้จนออกสีเหลืองทองแล้วให้ตักขึ้นพักสะเด็ดน้ำมัน

ขวัญฤทัย กล่าวว่า เหตุที่เลือกใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นส่วนผสมของน้ำมันที่ใช้ทอด เพราะน้ำมันมะพร้าวดีต่อสุขภาพ สามารถรักษาคุณภาพรสชาติอาหารไว้ได้นาน และกำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่คนรักสุขภาพ

ส่วน ราคาขาย นั้น มี 2 ราคา คือ หากเป็นผลไม้ทอดชนิดเดียวกัน จำนวน 13-15 ชิ้น ขายราคา 25 บาท หากผลไม้ทุกอย่างรวมกัน จำนวน15-17 ชิ้น ขายราคา 30 บาท ส่วนข้าวเม่าคำ ขายชิ้นละ 5 บาท

ใครสนใจ “ผลไม้ทอด” ของขวัญฤทัย เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่ร้านอิงภูกล้วยทอด ตลาดน้ำขวัญเรียม ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. หรือโทร. 08-1346-6571.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล/สุรางค์รัตน์ เจนการ : รายงาน

........................................................................................

คู่มือลงทุน…ผลไม้ทอด

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 40 % ของราคาขาย

รายได้ 25-30 บาท/15-17 ชิ้น

แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป

ตลาด ชุมชน, ตลาดน้ำ, งานออกร้าน

จุดน่าสนใจ สินค้าหลากหลายเพิ่มมูลค่า

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/312285/‘ผลไม้ทอด’+หลากหลาย..กำไรดี

Read More...


อร่อย ‘เค้กอัพไซด์ดาวน์มะยงชิด’

 



    Previous
    Next

อร่อย
‘เค้กอัพไซด์ดาวน์มะยงชิด’

อร่อย ‘เค้กอัพไซด์ดาวน์มะยงชิด’
วันเสาร์ 28 มีนาคม 2558 เวลา 02:45 น.

ผมมีโอกาสได้ไป จ.สุโขทัย และได้ไปเยี่ยมชมสวนมะยงชิด ซึ่งมีอยู่ราว ๆ 300-400 ต้น ลักษณะเป็นสวนออร์แกนิกทั้งหมด ซึ่งปลูกที่สนามบินสุโขทัย และที่ไร่สุโข ผมจึงเอามะยงชิดมาทำเป็นเมนู เค้กอัพไซด์ดาวน์มะยงชิด ให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำกินกันดู แต่การทำจะต้องปอกเปลือกแล้วคว้านเม็ดมะยงชิดออกก่อนนะครับ

มาเริ่มการทำกันเลย โดยเตรียมเปิดเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ก่อน ในระหว่างรอเตาอบร้อน ให้ใส่เนยสด น้ำตาลทราย ลงในหม้อตีส่วนผสมให้เข้ากันจนกระทั่งเป็นสีเหลืองอ่อน พักทิ้งไว้

นำชามผสมใบที่ 1 มาอีกใบ ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ ผสมเข้าด้วยกันแล้วพักไว้ จากนั้น นำชามผสมใบที่ 2 ใส่ไข่ไก่ ใส่ไข่แดงของไข่ไก่ กลิ่นวานิลลา น้ำมันพืช นมสด ผสมให้เข้ากัน

ต่อจากนั้นให้เอาส่วนผสมใบที่ 1 ที่เป็นแป้ง และส่วนผสมใบที่ 2 ที่เป็นไข่ ใส่ลงไปในหม้อเนยที่ตีไว้ โดยใส่สลับกันทีละน้อยแล้วคนให้เข้ากันจนกระทั่งทุกอย่างผสมเข้ากันเป็นอย่างดี รวมกันเป็นเนื้อเดียวกัน

ขั้นตอนต่อมา ให้ละลายเนยในถาดอบที่มีขนาดประมาณ 9 นิ้ว โรยก้นถาดด้วยน้ำตาลทรายแดง จากนั้น เรียงชิ้นมะยงชิดที่หั่นแล้วลงไปในถาดที่มีเนยและน้ำตาลอยู่ ต่อมาให้เทส่วนผสมเค้กลงไปในถาดอบประมาณ ของขนาดพิมพ์

เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำเข้าเตาอบ โดยจะใช้เวลาอบประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนกระทั่งสุกซึ่งจะทดสอบได้โดยการลองเอาไม้จิ้มฟันลงไปจิ้มดูถ้าไม่มีแป้งติดไม้จิ้มฟันมาด้วยแสดงว่าสุกได้ที่แล้ว

เมื่อสุกแล้วให้นำเค้กออกมาจากเตาอบพักไว้สัก 5 นาที ก่อนที่จะคว่ำเค้กลงบนจานเสิร์ฟ แล้วเคาะออกให้เห็นหน้าเค้กเป็นมะยงชิด เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมกับวิปปิ้งครีม

เป็นเค้กที่ทำจากมะยงชิดผลไม้ของไทยที่มีรสชาติอมเปรี้ยวเล็กน้อย ใครมีเวลาว่าง หรือในโอกาสพิเศษ สามารถนำเมนูนี้มาทำกินกันได้นะครับ.

.............................

ส่วนผสมเค้ก

เนยสดจืด 6 ช้อนโต๊ะ

มะยงชิดหั่นเป็นชิ้น ๆ 100 กรัม

น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง

แป้งอเนกประสงค์ 1 1/2 ถ้วยตวง

ผงฟู 1 ช้อนชา

เนยสด 6 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทรายขาว 1 1/2 ถ้วยตวง

เกลือ 1/2 ช้อนชา

ไข่ไก่ทั้งฟอง 4 ฟอง

ไข่แดงของไข่ไก่ 2 ฟอง

กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา

น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

นมสดจืด 1/2 ถ้วยตวง

หมึกแดง


Read More...


‘บัวลอยสมุนไพร’ เม็ดเล็ก ๆ กำไรงาม ๆ



เหตุที่เลือกขายบัวลอยนั้น เพราะเห็นว่าไม่ค่อยมีบัวลอยขายตามงานออกร้าน หรือตลาดนัดต่าง ๆ จึงคิดว่าน่าจะขายได้ โดยมีคนรู้จักช่วยสอนทำบัวลอยให้ และมาปรับเป็นสูตรของตัวเอง กว่าจะลงตัวก็ใช้เวลาอยู่นาน

“ขนมบัวลอย” เป็นขนมไทยพื้นบ้าน เป็นที่รู้จักกันทั่วทุกภูมิภาค แต่ละพื้นที่จะมีสูตร และเคล็ดลับที่แตกต่างกันไป ในปัจจุบันมีการทำขนมบัวลอยมากมายหลายสูตร อาทิ บัวลอยทรงเครื่อง, บัวลอยถั่วเขียว, บัวลอยเผือก, บัวลอยไข่หวาน รวมไปถึง “บัวลอยสมุนไพร” ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

จรรยา ทองไพวัลย์ หรือพี่โอ เจ้าของ “บัวลอยสมุนไพร(เรือนขนมไทย)” กล่าวว่า เพิ่งจะมาทำบัวลอยสมุนไพรได้ประมาณ 2 ปี เพราะต้องการจะมีการค้าที่ทำด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาสินค้าจากคนอื่น เพราะจะเสียลูกค้าเวลาที่ไม่มีของขาย

“เดิมรับขนมที่ทำสำเร็จรูปมาขายตามตลาดนัดออฟฟิศต่าง ๆ เวลาที่ขายดีมาก ๆ เจ้าของขนมมักจะส่งขนมไม่พอกับจำนวนที่สั่งไป เกรงใจลูกค้ามาก จึงอยากทำขนมขายด้วยตัวเอง” จรรยา กล่าว

จรรยา กล่าวต่อไปว่า เหตุที่เลือกขายบัวลอยนั้น เพราะเห็นว่าไม่ค่อยมีบัวลอยขายตามงานออกร้าน หรือตลาดนัดต่าง ๆ จึงคิดว่าน่าจะขายได้ โดยมีคนรู้จักช่วยสอนทำบัวลอยให้ และมาปรับเป็นสูตรของตัวเอง กว่าจะลงตัวก็ใช้เวลาอยู่นาน

อุปกรณ์หลัก ๆ ที่ใช้ในการทำ บัวลอยสมุนไพร มีเตาแก๊ส, ลังถึง, หม้อ, ทัพพีกลม, กะละมังสเตนเลสหลายขนาด, กระทะทองเหลือง, ไม้พาย, ถาด, ถุงพลาสติก และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ

ส่วน วัตถุดิบ ที่ใช้ในการทำ บัวลอยสมุนไพร มีแป้งข้าวเหนียว, น้ำตาลทราย, หัวกะทิ, ฟักทอง, แครอท, ดอกอัญชัน, ใบเตย, บีทรูท หรือดอกกุหลาบ, ไข่ไก่, เนื้อมะพร้าวอ่อน, เผือก, ข้าวโพด ฯลฯ

วิธีทำ เริ่มที่ นำ เนื้อฟักทอง ไปต้มให้สุก จากนั้นนำไปบด หรือปั่นให้เนื้อละเอียด เตรียมไว้, ในขณะที่ แครอท และ หัวบีทรูท ให้ทำเหมือนกับฟักทอง

ดอกอัญชัน ให้นำไปต้มกับน้ำให้สุก เสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำอัญชันมาใช้, ใบเตย ให้นำไปปั่นละเอียดกับน้ำเปล่าเล็กน้อย เสร็จแล้วบีบด้วยผ้าขาวบาง คั้นเอาแต่น้ำออกมา

ส่วน น้ำดอกกุหลาบ นั้น ซื้อสำเร็จรูปจากต่างประเทศมาใช้ หากหาไม่ได้ ใช้หัวบีทรูททดแทนได้

นำเนื้อผัก และผลไม้สมุนไพรแต่ละชนิดไปผสมกับแป้งข้าวเหนียวอัตราส่วน 50 : 50 แล้วนวดจนได้ที่ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที พอที่จะให้แป้งจับกันเป็นก้อน

เสร็จแล้วปั้นแป้งเป็นลูกเล็ก ๆ ขนาดเท่าหัวนิ้วชี้ หรือหัวแม่โป้ง แล้วคลุกด้วยแป้งมันอีกทีเพื่อไม่ไห้แป้งติดกัน เท่านี้ก็เป็นอันใช้ได้

หากยังไม่ได้ขายบัวลอยในตอนนั้นทันที ให้บรรจุแป้งใส่ภาชนะ หรือถุงพลาสติก แล้วแช่ใส่ตู้เย็นเก็บไว้

วิธีทำบัวลอยสมุนไพร

ต้มหัวกะทิด้วยไฟอ่อน ๆ ให้ร้อน เสร็จแล้วเติมน้ำตาลทราย และเกลือลงไปอย่างละเล็กน้อย ชิมรสให้ได้หวาน, เค็ม และมัน (ระหว่างต้มหัวกะทิ ระวังอย่าให้หัวกะทิแตกมัน) เตรียมไว้

เตรียมเครื่องเคียงบัวลอย ได้แก่ เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ, เผือกต้มสุกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือเม็ดข้าวโพดต้ม

ตั้งกระทะทองเหลือง ต้มน้ำเปล่า และน้ำตาลทราย ในอัตราส่วนประมาณ 70 : 30 รอจนกระทั่งน้ำเชื่อมเดือด จากนั้นค่อย ๆ ใส่แป้งบัวลอยลงไปต้มให้สุก (สังเกตจากแป้งที่ลอยขึ้นมาคือแป้งที่สุกแล้ว หากน้ำเดือดจัด ๆ จะใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที) เสร็จแล้วค่อย ๆ ใช้กระชอนช้อนแป้งบัวลอยขึ้นมาพักในถาดที่เตรียมไว้ แล้วตักน้ำเชื่อมราดลงไปบนแป้งบัวลอยเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้แป้งบัวลอยจับกันเป็นก้อน

ส่วนการทำ ไข่หวาน นั้น จรรยา บอกว่า ใช้วิธีดาวไข่ในน้ำเชื่อมที่ใช้ต้มแป้งบัวลอยได้เลย ใช้เวลาดาวไข่ 3-4 นาที (หากต้องการให้ไข่แดงสุกมาก อาจจะใช้เวลานานออกไปอีกหน่อย)

วิธีขาย หากเป็น บัวลอยธรรมดา ตักแป้งบัวลอยพอประมาณลงไปในถ้วย ตามด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน, เผือกต้ม หรือข้าวโพดต้มอย่างละเล็กน้อย แล้วราดด้วยกะทิปิดท้าย ขายในราคาถ้วยละ 25 บาท

หากเป็น บัวลอยไข่หวาน ตักแป้งบัวลอยพอประมาณลงไปในถ้วย ตามด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน, เผือกต้ม หรือข้าวโพดต้มอย่างละเล็กน้อย ตามด้วยไข่หวาน 1 ฟอง แล้วราดด้วยกะทิปิดท้าย ขายในราคาถ้วยละ 30 บาท

ใครสนใจ “บัวลอยสมุนไพร” ของจรรยา เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ติดต่อได้ที่ โทร. 09-2931-5554.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : เรื่อง/ภาณุพงศ์ พนาวัน : ภาพ

..........................................................................................

คู่มือลงทุน…บัวลอยสมุนไพร

ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป

ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 50% ของราคาขาย

รายได้ ราคา 25-30 บาท/ถ้วย

แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป

ตลาด ชุมชน/ออกร้าน/ย่านท่องเที่ยว

จุดน่าสนใจ ใช้พืชผักสมุนไพรเพิ่มมูลค่าให้ขนม

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/309144/‘‘บัวลอยสมุนไพร’+เม็ดเล็ก+ๆ+กำไรงาม+ๆ

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.