สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

‘ฮ่อยจ๊อปู’ สูตรลับจากภูมิปัญญา!!


ธุรกิจขายอาหารยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เมื่ออาหารคือหนึ่งสิ่งสำคัญและจำเป็นในการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกคน ทั้งยังเป็นสินค้าที่ไม่สามารถวนกลับมาใช้ใหม่ได้ ก่อให้เกิดความถี่ในการจ่ายของผู้บริโภคกระทั่งสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการขายอาหารอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจขายอาหารมีความน่าสนใจมากเป็นพิเศษ วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ขอหยิบยกธุรกิจขายอาหารทานเล่นมานำเสนอ เผื่อจะเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับผู้ที่กำลังมองหาอาชีพ...

วสิษฐ์ ยืนหยัดชัย หรือ “เผือก” เจ้าของร้านอาหารชาวไร่ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง เล่าที่มาของร้านให้ฟังว่า เริ่มจากร้านเล็ก ๆ ที่อยู่ในป่ามีแต่ชาวไร่ชาวสวนมาทาน จากฝีมือของคุณแม่ (นางลั้ง แซ่ลี้ ) ซึ่งเปิดร้านขายข้าวแกง อยู่ที่วังจันทร์ ระหว่างที่ขายอาหารก็มีการสอบถามลูกค้าที่มาทาน เพื่อพัฒนาคุณภาพของอาหารเรื่อยมา จนเป็นร้านอาหารชาวไร่ ถึงปัจจุบันกว่า 30 ปี จนได้รับรางวัลระดับ 5 ดาว จากหอการค้าจังหวัดระยอง เป็นเครื่องการันตีให้กับทางร้าน

อาหารร้านนี้มีหลากหลายอย่าง ที่เด่น ๆ ก็มี เต้าหู้ทรงเครื่อง, แกงป่าเห็ดโคน, หัวปลาเก๋าต้มเผือก, ออส่วนหอยนางรม, ปลาเก๋าผัดพิโรธ, ปลาอินทรีแดดเดียว ฯลฯ สำหรับอาหารทานเล่นขึ้นชื่อก็คือ ฮ่อยจ๊อปู ซึ่งกว่าจะได้รสชาติที่อร่อยลงตัวอย่างทุกวันนี้ ต้องผ่านการทดสอบ ทดลอง พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ จนหมดเงินไปเป็นจำนวนมาก “เสน่ห์ของฮ่อยจ๊อปูวังจันทร์อยู่ที่เนื้อปูที่สดใหม่ ถึงเครื่อง การห่อที่สวยงาม สะอาด ทำสดใหม่ขึ้นทุกวัน ด้วยวิธีทำที่เป็นสูตรลับ พิถีพิถันในทุกขั้นตอน การห่อที่ไม่แตก ทอดออกมาแล้วจะกรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน อร่อยติดลิ้นในแบบฉบับของทางร้าน ลูกค้าและแขกต่างถิ่นแวะเวียนกันเข้ามาซื้อเป็นของฝากกัน มีลูกค้าชาวต่างชาติมาสั่งซื้อกลับไปทานที่ต่างประเทศด้วย”

อุปกรณ์ ที่ใช้มี เครื่องผสม, บล็อกพิมพ์ฮ่อยจ๊อ (สั่งทำ), กะละมังสเตนเลสหลายขนาด, เขียงขนาดใหญ่, ถาดสเตนเลส, รังถึงขนาดใหญ่, ถุงมือ, ผ้าขาวบาง, กรรไกร และอุปกรณ์เครื่องครัวเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ

ส่วนผสม มี เนื้อสันคอ กับหมูสามชั้น 12 กก., ปูม้าแกะ 5 กก., แป้งสาลี 2.4 กก., ไข่เป็ด 15 ฟอง, พริกไทย, แห้ว, กระเทียม, เครื่องปรุงรส, ต้นหอม และแผ่นฟองเต้าหู้

ขั้นตอนการทำ “ฮ่อยจ๊อปู” นำเนื้อสันคอหมู กับหมูสามชั้น เนื้อปูแกะ คลุกเคล้าเข้าด้วยกัน เติมเครื่องปรุงรสลงไป แล้วนำไปปั่นในเครื่องผสม จนส่วนผสมละเอียดและเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ค่อย ๆ โรยแป้งสาลีทีละน้อย เรื่อย ๆ จนหมด พักทิ้งไว้สักครู่ ระหว่างนั้น นำแผ่นฟองเต้าหู้มาตัดเตรียมไว้เป็นรูปสามเหลี่ยมขนาด 10x10x10 นิ้ว เสร็จแล้วนำผ้าขาวบางชุบน้ำสะอาดบิดพอหมาด ๆ มาห่อแผ่นฟองเต้าหู้ทิ้งไว้สักครู่ เพื่อให้นิ่ม

การห่อ “ฮ่อยจ๊อ” นำแผ่นฟองเต้าหู้แผ่วางบนเขียง โดยนำด้านป้านหันมาทางคนห่อ นำเนื้อปูม้าโรยลงในส่วนผสมมากพอสมควร แล้วคลุกเคล้าให้ทั่ว แต่อย่าคลุกทีเดียวหมด ให้แบ่งคลุกเคล้าเป็นส่วน ๆ ทีละน้อย แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาวางเลยจากขอบแผ่นฟองเต้าหู้ 2 นิ้ว (ชั่งก่อนโดย 1 เส้น หนัก 200 กรัม) พับหัวพับท้าย แล้วพับส่วนขอบม้วนให้แน่นไปเรื่อย ๆ พอม้วนใกล้ถึงปลายแผ่นฟองเต้าหู้ เอาส่วนผสมทานิดหน่อยแล้วบีบให้แน่นเพื่อให้ฮ่อยจ๊ออยู่ตัว เสร็จแล้ววางเรียงลงในบล็อกพิมพ์ที่เตรียมไว้ เรียงลงลังถึง 3 แถว นำไปนึ่ง 20 นาที

สุกแล้วนำมาเป่าพัดลมให้เย็นสนิท ก่อนนำไปทอด ให้ตัดเป็นท่อนขนาดตามที่ต้องการ ทานร้อน ๆ คู่กับน้ำจิ้มบ๊วย หรือแพ็กใส่ถุง เพื่อจำหน่าย ถ้าใส่ไว้ในช่องแช่แข็งอยู่ได้นานเป็นเดือน ราคาขายฮ่อยจ๊อปู ยังไม่ทอด ขายลูกละ 20 บาท ทอดแล้วขายลูกละ 23 บาท!!

ร้านชาวไร่ ตั้งอยู่ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงชุมแสง อ.วังจันทร์ ถนนสายบ้านบึง-แกลง ทางหลวงหมายเลข 344 ฝั่งขาเข้าชลบุรี สังเกตง่าย หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่ 0-3866-6209 และ 08-1454-6374 เปิดตั้งแต่ 11.00-22.00 น. ทุกวัน นอกจากนี้ที่ร้านยังรับจัดโต๊ะจีน ทั้งในและนอกสถานที่ด้วย (สำหรับท่านที่มาแจ้งว่า ได้อ่านจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ทางร้านมีส่วนลดค่าอาหาร 10% )

นี่ก็เป็นอีกบทพิสูจน์ว่า อาหารพื้น ๆ บางอย่าง หากทำให้เด็ดก็ขายดีจนเป็นธุรกิจที่เติบโตได้.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง/จิรัฏฐ์นนท์ ฐิตะสิริ : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/294539/‘ฮ่อยจ๊อปู’+สูตรลับจากภูมิปัญญา!!

Read More...


หม้อไฟเกาหลี’ ทำเงินจากเทรนด์ใหม่


ในปัจจุบัน อาหารเกาหลีในบ้านเรากำลังได้รับความนิยมอย่างมากอันเนื่องจากละครเกาหลีหลายต่อหลายเรื่องที่ได้แพร่ภาพผ่านจอโทรทัศน์หลาย ๆ ช่อง จนกลายเป็นกระแสความนิยมอาหารเกาหลีนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นบิมบิมบับ หรือข้าวยำเกาหลี, จาจังเมียน, ซุปกิมจิ ฯลฯ และล่าสุด!! เมนูยอดฮิต อย่าง “หม้อไฟเกาหลี” ที่กำลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ ซึ่งทีมคอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอในวันนี้...

ประมวล บุญกาญจน์วนิชา เจ้าของร้านทูดาริ ที่ จ.พระนคร ศรีอยุธยา กล่าวว่า ชอบและสนใจอาหารเกาหลีมาตั้งแต่เรียนที่ต่างประเทศแล้ว และพยายามที่จะหัดทำเรื่อยมา แต่ในขณะนั้นยังไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อกลับมาเมืองไทยพบว่ากระแสความนิยมอาหารเกาหลีในประเทศนั้นแรงมาก จึงได้เปิดร้านอาหารเกาหลีร่วมกับครอบครัว เพราะคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการทำธุรกิจของตนเอง

“เหตุที่เลือกเปิดที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพราะว่าไม่ห่างจากบ้านที่ จ.สุพรรณบุรี และอยากจะให้คนพระนครศรีอยุธยาได้มีโอกาสทานอาหารเกาหลีโดยที่ไม่ต้องเดินทางเข้าถึงในกรุงเทพฯ ซึ่งช่วงแรกที่เปิดร้านปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะ หม้อไฟเกาหลี เป็นเมนูยอดฮิตที่คนนิยมสั่งรับประทานมากที่สุด”

อุปกรณ์ในการทำหม้อไฟเกาหลี หลัก ๆ มี เตาแก๊ส, หม้อน้ำซุป, เขียง-มีด, กะละมังใส่ผัก และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดที่ใช้ในครัวทั่วไป

วิธีทำหม้อไฟเกาหลี ประมวล กล่าวว่า เคล็ดลับความอร่อยของหม้อไฟเกาหลีนั้น อยู่ที่น้ำซุป, ซอส รวมไปถึงวัตถุดิบต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของหม้อไฟ

โดย น้ำซุปผัก ประมวล กล่าวว่า น้ำซุปผัก ประกอบไปด้วยกะหล่ำปลีหั่น, แครอทหั่น และสาหร่ายคอมบุ

วิธีทำน้ำซุปผัก คือ นำส่วนผสมทั้งหมดลงไปต้มพร้อมกับน้ำเปล่า เมื่อน้ำเดือดแล้ว ค่อย ๆ หรี่ไฟลง แล้วเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้น้ำซุปผักที่หวาน และมีรสชาติอร่อย

ส่วนซอสที่ใช้นั้น จะมี 2 แบบ ได้แก่ ซอสชุนจัง (ซอสสีดำ) วิธีทำ คือ นำถั่วดำไปหมักกับกระเทียม และเกลือ นานประมาณ 1-2 เดือน เท่านี้ก็ใช้ได้ ซอสที่ใช้ได้จะมีสีดำ และรสชาติออกเค็ม และ ซอสโกซูจัง (ซอสสีแดง) นำซอสโกซูจังสำเร็จรูป มาผสมกับกระเทียมบด, น้ำตาลทราย และพริกป่นเกาหลี โดยลักษณะของซอสโกซูจังนี้ จะมีสีแดงจัดจ้านแต่ไม่เผ็ด รสชาติจะออกเค็มแทน

โดยส่วนประกอบของ หม้อไฟเกาหลี อย่าง “ชินดังดงต๊อกโปกิ” หลัก ๆ มี แป้งต๊อกโปกิ, ไข่ต้ม (ผ่าครึ่ง), สาหร่ายทอด, เส้นชิราเมียน (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเกาหลี), กะหล่ำปลีหั่นสี่เหลี่ยมขนาดกลาง-ใหญ่, แครอทหั่นเฉียง, ต้นหอมญี่ปุ่นหั่นเฉียง, พริกขี้หนูตำพอประมาณ และน้ำซุปสต๊อกผัก 700 กรัมวิธีขาย จัดวางกะหล่ำปลีตรงกลางหม้อไฟฟ้า พยายามประกบผักให้แน่น เพื่อเวลาที่เทน้ำซุปลงไปกะหล่ำปลีจะได้ไม่กระจายออก จากนั้นวางแป้งต๊อกโปกิเรียงสลับกับเนื้อสัตว์ต่าง ๆ อาทิ หมู, ลูกชิ้น และผักต่าง ๆ จากนั้นวางเส้นบะหมี่เกาหลีไว้ตรงกลางของยอดผักต่าง ๆ แล้วค่อย ๆ บีบซอสลงบนเส้น โดยกำหนดระดับปริมาณที่ 5-15 กรัม ขึ้นอยู่กับระดับความเผ็ดที่ต้องการ

จากนั้นตักน้ำซุปลงไปในหม้อ แล้วตั้งไฟเพื่อให้น้ำซุปร้อน และพร้อมรับประทาน

ส่วนราคาขายนั้นอยู่ที่ 399-499 บาทตามขนาด และประเภทของหม้อไฟ แถมด้วยข้อมูล บิมบิมบับ หรือ ข้าวยำเกาหลี อาหารขึ้นชื่ออีกอย่างมีส่วนประกอบ ได้แก่ เนื้อหมัก หรือเนื้อหมูหมัก หรือเนื้อไก่หมัก ส่วน วัตถุดิบอื่น ๆ ประกอบด้วย เห็ดหอม, เห็ดนางฟ้า, ถั่วงอก, ผักกวางตุ้ง, แครอท, เนยสดรสเค็ม และกิมจิในส่วนวัตถุดิบที่เป็นผักนั้น จะต้องหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อน แล้วนำไปลวกน้ำร้อน ผ่านน้ำเย็น บีบน้ำออกให้หมด แล้วนำไปคลุกเคล้ากับน้ำมันงา, เกลือ และน้ำตาลทราย ซึ่งจะเรียกว่า “ยำผัก”

นอกจากนี้ ต้องเตรียมน้ำซุป ซึ่งมีส่วนผสมของหัวไชเท้า, ต้มหอมญี่ปุ่น, ไข่ขาวฝอย และไข่แดงฝอย ส่วน วิธีทำน้ำซุป ก็คล้าย ๆ กับการทำน้ำซุปผักที่กล่าวไว้ข้างต้น

ขั้นตอนการทำบิมบิมบับ เริ่มที่ทาเนยสดลงในชามหิน แล้วตักข้าวสวย 150 กรัมใส่ลงไป

นำเนื้อสัตว์ และยำผักต่าง ๆ ที่ได้เตรียมไว้ค่อย ๆ วางลงบนข้าวจัดเรียงให้สวยงาม และเป็นระเบียบ เสร็จแล้วใส่ซอสบิมบิมบับ (เป็นส่วนผสมของซอสโกซูจัง, กระเทียมบด และน้ำตาลทราย) จำนวน 20 กรัมไว้ตรงกลาง แล้วนำไปตั้งไฟนาน 4-7 นาที

เสร็จแล้วตอกไข่ไก่ใส่ถ้วย 1 ฟอง แล้วเอาช้อนตักเฉพาะไข่แดงวางบนซอสบิมบิมบับ แล้วโรยงาดำด้านบนเล็กน้อย แล้วเสิร์ฟพร้อมซุป, กิมจิ และเครื่องเคียงอื่น ๆ อีก 1 อย่าง เท่านี้ก็เรียบร้อย

ขายในราคาชามละ 170-190 บาท ตามประเภทของเนื้อสัตว์ที่ทาน

ใครสนใจ “หม้อไฟเกาหลี” ต้องการติดต่อ ประมวล เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-3580-1990.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล /รายงาน

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/293000/‘หม้อไฟเกาหลี’+ทำเงินจากเทรนด์ใหม่

Read More...


ดื่มชาชมสวน สดชื่นสไตล์ ‘ไทนี่ ทรี’

ยังไม่ทันพ้นเดือนแรกของปี แสงแดดร้อนแรงทำท่าข่มฤดูหนาวเสียแล้ว ดังนั้นช่วงสาย ๆ ของวันว่าง หากใครไม่รีบร้อน ลองมาหลบแดดชมความรื่นรมย์ของต้นไม้ใบหญ้าให้สบายใจ ในร้านเก๋ ๆ อย่าง ไทนี่ ทรี การ์เด้นท์ (Tiny Tree Garden) ซึ่งหลบมุมอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 ทันทีที่เท้าก้าวเข้ามาภายในร้าน จะพบกับความ “สดชื่น” แปลกตาไม่ซ้ำใคร เพราะต้นไม้ใบหญ้าที่พูดถึงนี้ไม่ได้เขียวครึ้มบนสวนหย่อมใหญ่ หากเป็นเพียงต้นไม้ต้นเล็ก ๆ บรรจุอยู่ในขวดหลากหลายรูปแบบ หรือที่เรียกกันว่า “สวนขวด” ที่ น้ำค้าง-ณัฐจรินทร์ พฤกษดานนท์กุล ปลุกปั้นมาเองกับมือ

หลังจากปิ๊งไอเดียระหว่างพักฟื้นรักษาร่างกายให้กลับมาแข็งแรงจากระบบภูมิคุ้มกันไวผิดปกติ “ก่อนเปิดร้านเป็นพนักงานออฟฟิศระยะหนึ่ง พอไม่สบายจึงลาออกกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านสวน จ.จันทบุรี วันหนึ่งเกิดแรงบันดาลใจหยิบเอาต้นไม้ ขวด และวัตถุดิบตกแต่ง ลองจัดเป็นสวนขวดเล็ก ๆ ประดิดประดอยให้เพื่อน ๆ เป็นของขวัญ โดยจัดบ่งบอกตามสไตล์ของเพื่อนแต่ละคน วันหนึ่งมีรุ่นพี่แนะนำให้ทำขาย เห็นว่าหนุ่มสาวออฟฟิศน่าจะชอบ ตัดสินใจลองผิดลองถูกเกือบครึ่งปี เปิดขายช่องทางแรกคือเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ทำให้ได้รับความนิยมมาเรื่อย ๆ เพราะคนชอบซื้อแล้วมอบเป็นของขวัญ” เจ้าของร้านร่างเล็กไม่แพ้ชื่อร้านบอกเล่าที่มา

พอสวนขวดเริ่มเป็นเทรนด์และมีคนสนใจมากขึ้น จึงตั้งหลักปักฐานเปิดหน้าร้านที่ซอยสุขุมวิท 31 นอกจากเป็นพื้นที่พบปะระหว่างคนชอบธรรมชาติและความคิดสร้างสรรค์แล้ว คุณน้ำค้างยังดึงดูดร้านให้น่านั่งเล่นมากยิ่งขึ้น ด้วยการบรรจุเมนูเครื่องดื่มไว้ดับกระหาย และมีขนมหวานรสชาติเข้าคู่กันอย่างลงตัวจากฝีมือหุ้นส่วนของร้าน “เครื่องดื่มและขนมทางร้านจะไม่หวานจัด เพราะเราปรับสูตรเพื่อสุขภาพ หวานแค่นี้กำลังดีนะ บางครั้งลูกค้าติดหวานเราก็จะอธิบายว่าใส่นมและน้ำตาลเยอะแล้ว อย่าเติมอีกเลย เรียกว่าไม่ตามใจลูกค้าเลย” คนร่างเล็กเล่าพลางหัวเราะ

เมนูสั่งซ้ำของทางร้านมีทั้ง “น้ำมะนาวดองสูตร 80 ปี” รสเปรี้ยวซ่ากระชากใจสูตรจาก จ.สุพรรณบุรี และ “ชาไทยใส่นม” ที่คิดสูตรจากเครื่องดื่มแก้วโปรดประจำบ้าน “สูตรนี้นำมาบรรจุเป็นเมนูแรก ๆ ของทางร้าน เพราะคุณพ่อชอบกินชาเย็นมาก เสาะแสวงหาร้านจนเจอเจ้าประจำแถวเจริญรัถ ย่านวงเวียนใหญ่ ขนาดบ้านอยู่แถบสุขุมวิทแท้ ๆ ยังต้องขับรถไปซื้อ ซึ่งร้านเป็นรถเข็นธรรมดา แต่รสชาติล้ำลึกมากและตั้งชื่อรู้กันเฉพาะสมาชิกภายในบ้านว่า ชาเขย่า เพราะเวลาทำคุณลุงเจ้าของร้านจะมีลีลา “เขย่า” ชาเป็นเอกลักษณ์ คุณพ่อสังเกตวิธีการชงอย่างละเอียดละอ่อน ค้นพบว่าหากชงชาให้อร่อยเคล็ดลับอยู่ที่น้ำต้องร้อนจัด”

วันนี้จึงขอให้คุณน้ำค้างวางมือจากสวนขวด มาเป็นมือวางขวดแก้วอันกลมกล่อมแทน สำหรับ “ชาไทยใส่นม” สูตรคุณพ่อโปรดปรานใช้ส่วนผสมดังนี้ ผงชา 5 ช้อนชา จะเลือกเป็นชาไทยหรือชาที่ชื่นชอบก็ได้, น้ำเดือด 150 มล., นมคาร์เนชั่น 60 มล., นมข้น 40 มล. และนมสดสำหรับตีทำฟอง

วิธีทำ ตักชาใส่ถุงกรอง แช่ในน้ำเดือดจัดประมาณ 2 นาที รอจนกลิ่นชาหอมฉุย แล้วค่อยเติมนมคาร์เนชั่น และนมข้นตามลงไป แนะนำให้ใช้ผงชาชงแก้วต่อแก้ว เพื่อความเข้มข้นและสดใหม่ จากนั้นใช้เครื่องตีฟองชนิดมือตีนมสดจนกลายเป็นฟอง เคล็ดลับขั้นตอนนี้ คุณน้ำค้างเผยว่าต้องใช้นมสดที่เย็นจัด จึงจะได้เนื้อฟองที่นุ่มเนื้อละเมียดลิ้น เสร็จแล้วตักน้ำแข็งใส่โหลแก้วราดชาเย็นลงไปแล้วตักฟองครีมเติมด้านบน เสิร์ฟพร้อมเบเกอรี่หรือจิบพลางชมสวน...ชื่นตาสบายใจ ลองทำไว้ดื่มเองหรือแวะมาที่ร้านก็ไม่ขัดศรัทธา.

‘ช้องมาศ’

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/291242/‘ผัดไทยสุโขทัย’+จานร้อนรสย้อนยุค

Read More...


ข้าวต้มไรซ์เบอร์รีกุ้งกระเทียม เมนูสุขภาพจากข้าวสายพันธุ์ใหม่


ข้าวต้มไรซ์เบอร์รีกุ้งกระเทียม เมนูสุขภาพจากข้าวสายพันธุ์ใหม่
เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม

          ข้าวต้มไรซ์เบอร์รีกุ้งกระเทียม เมนูข้าวต้มสูตรพิเศษที่เปลี่ยนจากการใช้ข้าวขาวแบบเดิม ๆ มาเป็น "ข้าวไรซ์เบอร์รี" ข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและกำลังเป็นที่นิมยมในหมู่คนรัก สุขภาพอยู่ในขณะนี้ เสิร์ฟเป็นเมนูข้าวต้มร้อน ๆ ต้อนรับเช้าวันใหม่ได้อย่างอบอุ่น เหมาะกับช่วงหน้าหนาวแบบนี้สุด ๆ เป็นสูตรมาจาก นิตยสารแม่บ้าน คนที่รักสุขภาพต้องไม่พลาดนะคะ

          ข้าวต้มไรซ์เบอร์รีกุ้งกระเทียม (นิตยสารแม่บ้าน, เรื่อง : Wichuda, สูตร : อารมณ์ดี และภาพ : ณฐาภพ)

          "ข้าวต้มไรซ์เบอร์รีกุ้งกระเทียม" เสิร์ฟ ด้วยความหอมของข้าวที่ต้มในน้ำซุปหอมกรุ่น กับกุ้งกระเทียมที่ผัดจนเข้ากันเนื้อกรอบเด้ง อร่อย ส่วนข้าวไรซ์เบอร์รี ไม่ได้มีแค่ความหอมเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีคุณประโยชน์ในด้านของ สารต้านอนุมูลอิสระสูง ทั้งเบต้าแคโรทีน แกมมาโอไรซานอล วิตามิน E แทนนิน สังกะสี และโฟเลตสูง มีดัชนีน้ำตาลต่ำ-ปานกลาง ที่มีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของตับและระบบประสาทให้แข็งแรงอีกด้วย แล้วยิ่งนำมาต้มกับก้งุ ที่เป็นอาหารทะเลที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต ยิ่งช่วยให้สดชื่น กระปรี้กระเปร่า เรียกได้ว่า เป็นเมนูสำหรับคนรักสุขภาพโดยแท้ ส่วนวิธีการทำก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เข้าไปในครัวเพียง 15 นาทีก็พร้อมกินกันทั้งครอบครัวเลยทีเดียว

 ส่วนผสม
           
          น้ำซุปไก่ 1 1/2 ถ้วยตวง

          ข้าวไรซ์เบอร์รีหุงสุก 1 ถ้วยตวง

          กุ้งสด 5 ตัว(ปอกเปลือกผ่าหลังดึงเส้นดำออก)

          ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนชา

          หน่อไม้ฝรั่ง (หั่นเฉียง) 2 ช้อนโต๊ะ

          แครอท (หั่นเต๋า) 2 ช้อนโต๊ะ

          กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ

          น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

          พริกไทยดำบดหยาบ 1/2 ช้อนชา

          ซอสเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ

          น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ

          ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ

          ผักชีสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ
           
          1. ต้มน้ำซุปไก่พอเดือด ใส่ข้าวไรซ์เบอร์รีลงต้มประมาณ 5 นาที
           
          2. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา จากนั้นใส่หน่อไม้ฝรั่งและแครอทลงต้มต่อจนผักสุก ยกลงจากเตา
           
          3. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชพอร้อน นำกระเทียมสับลงผัดพอเหลืองหอม จากนั้นใส่กุ้งลงผัดพอสุก
           
          4. ใส่ซอสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า และพริกไทยดำ ผัดพอเข้ากัน โรยต้นหอมตักข้าวต้มใส่ถ้วย ราดด้วยกุ้งผัดกระเทียมตกแต่งด้วยผักชี จัดเสิร์ฟ

           ข้าว ต้มไรซ์เบอร์รีกุ้งกระเทียม อีกหนึ่งเมนูสุขภาพที่ทำออกมาได้น่ากิน เสริ์ฟร้อน ๆ ได้ประโยชน์เต็ม ๆ ถ้วยแบบนี้ ต้องลองกันหน่อยแล้ว

credit by :  http://cooking.kapook.com/view108241.html

Read More...


'กิน ดื่ม' ช่วงปีใหม่ อย่างคนสุขภาพดี



อีกไม่กี่วันก็ถึงเทศกาลปีใหม่ เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองที่มีอาหาร และเครื่องดื่มเป็นตัวเชื่อมประสาน บางคนสนุกสนานต่อเนื่องแบบเที่ยงวันยันเที่ยงคืน แถมอาจลากยาวไปอีกหลาย ๆ วัน ซึ่งเมื่อดูวันหยุดปีนี้แล้วเฉลี่ย ๆ ก็อย่างน้อย 4 วัน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่อย่าลืมใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองด้วย ทั้งเรื่องการดื่ม กิน และการพักผ่อน เพื่อต้อนรับศักราชใหม่ด้วยร่างกายที่สมบูรณ์ เต็ม 100%

วันนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ อย่างนายสง่า ดามาพงษ์ ได้ออกมาแนะนำถึงการกิน อยู่ สังสรรค์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้เป็นเทศกาลแห่งความสุขอย่างแท้จริง ด้วยหลักการง่าย ๆ คือ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รับประทานอาหารที่ไม่หวานจนเกินไป ไม่มันเกินไป และไม่เค็มเกินไป ขณะเดียวกันก็ควรเพิ่มสัดส่วนการรับประทานผัก ผลไม้ให้มากขึ้น เพราะในผักผลไม้จะมีไฟเบอร์สูง ตรงนี้จะเป็นตัวช่วยการย่อยสิ่งที่รับประทานเข้าไปได้ดี

นายสง่า บอกด้วยว่า ถึงแม้จะเป็นช่วงแห่งการเฉลิมฉลองเพียงสั้น ๆ ไม่กี่วัน แต่ก็สามารถก่อให้เกิดความทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บตามมาได้ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ เพราะ อาหารหลักที่นิยมรับประทานกันในช่วงนี้ส่วนใหญ่จะอุดมไปด้วยรสหวานจัด มัน เค็มจัด และเต็มไปด้วยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ทั้งนี้เพราะโปรตีนเป็นตัวผลิตไนโตรเจน เมื่อร่างกายได้รับไนโตรเจนมากเกินไปจะทำให้ร่างกายเสียความสมดุล ระบบการย่อยเป็นไปด้วยความยาก นอกจากนี้ยังนำพาไปสู่โรคต่าง ๆ ตามมาในระยะยาวได้ เช่น กระดูกบาง เพราะไนโตรเจนที่เข้าไปจะไปดูดซึมเอาแคลเซียมในร่างกายออกมา

อีกหนึ่งความนิยมรับประทานในเทศกาลปีใหม่มากที่สุดก็คือ “เค้ก” ซึ่งเป็นตัวที่อุดมไปด้วยน้ำตาล ไขมัน ครีม นม เนยสูงมาก เรียกว่าอุดมไปด้วยความอ้วน การห้ามรับประทานเลยอาจจะดูใจร้ายเกินไปดังนั้นการรับประทานเค้กควรเลือกชนิดที่น้ำตาลน้อย หวานน้อย ที่สำคัญรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะพอควร อย่าให้มากเกินไป และไปเพิ่มการรับประทานอาหารที่ประเภทผัก ผลไม้เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยดูดซับเอาไขมันที่เรากินเข้าไปออกมาได้ส่วนหนึ่ง

“ปัญหาที่ตามมาจากการกินอาหาร แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ก็มากพอที่จะทำให้เราเปลี่ยนพฤติกรรมการกินได้ สมมุติเรากินอาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน น้ำตาลสูง ในที่สุดนิสัยเราจะเริ่มติดรสชาติของอาหารในช่วงปีใหม่นี้ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังก็จะตามมากลายเป็นการทำร้ายตัวเองเสียมากกว่า”

มาที่เครื่องดื่มในการสังสรรค์ช่วงปีใหม่ คือแอลกอฮอล์ ที่วันนี้จะไปห้ามใครดื่มคงไม่ได้ แต่ก็อยากให้ประชาชนรับทราบและดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งโดยหลักการทั่ว ๆ ไป หากเป็นไวน์ก็ไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้ว ถ้าเป็นเบียร์เฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 แก้ว ประมาณนั้นซึ่งแต่ละคนอาจจะดื่มได้ในปริมาณที่แตกต่างกัน ดังนั้นการสังเกตตัวเองว่าถึงจุดที่ควรจะพอหรือไม่ คือถ้าดื่มแล้วลิ้นพันกัน พูดไม่รู้เรื่อง หน้า ตึง ๆ และรู้สึกว่าครองสติไม่อยู่ก็ควรหยุดดื่ม ที่สำคัญคือเมาแล้วไม่ขับ เพราะเป็นอันตรายมาก เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำลายประสาทส่วนกลางทำให้ครองสติไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ จนเกิดอุบัติเหตุตามมาดังนั้นขอให้ดื่มแต่พอดี แต่ถ้าไม่ดื่มเลยก็ดี เพราะความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดื่มแอลกอฮอล์มาเป็นตัวเริ่มต้น คุณสามารถรับประทานอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ ทำให้มีความสุขได้เช่นเดียวกัน

ปีใหม่ปีนี้คุณจะหาของขวัญอะไรให้กับตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นแก้วแหวน เงินทอง หรือวัตถุ แต่เริ่มต้นด้วยการทำให้สุขภาพตัวเองดี กินเป็น ออกกำลังกาย ควบคุมอารมณ์ได้ เชื่อว่าของขวัญปีใหม่ชิ้นนี้น่าจะมีคุณค่ามากที่สุดในชีวิตคุณ ของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุดคือปรับนิสัยการรับประทาน ออกกำลังกาย ควบคุมอารมณ์ และในที่สุดเราก็จะสุขภาพดีตลอดปี ตลอดไป นี่คือของขวัญชิ้นงามแล้ว.

อภิวรรณ เสาเวียง : รายงาน

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/289997/‘‘กิน+ดื่ม’+ช่วงปีใหม่+อย่างคนสุขภาพดี

Read More...


ลิ้มรสความอร่อย‘อาหารญี่ปุ่น’ หอมนุ่มลิ้น‘ปลาหิมะย่างมิโซะ’



ก่อนอื่นผมต้องขอสวัสดีปีใหม่ 2558 คุณผู้อ่านทุกคนนะครับ ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกประการ ส่วนตัวผมก็จะทำหน้าที่หาร้านอาหารที่อร่อย ๆ บรรยากาศดี ๆ รวมทั้งเมนูอาหารที่อร่อย ทำกินกันได้ทั้งครอบครัวมาคอยเสิร์ฟเพื่อน ๆ คุณผู้อ่านอย่างที่ดีที่สุดครับ

สำหรับอาทิตย์นี้ผมจะขอนำเสนอร้านอาหารญี่ปุ่น เพราะเมื่อปลายปีที่ผ่านมาผมได้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดฯแถวสุขุมวิท มีความสุขมากเพราะการเดินทางสะดวกไม่ต้องใช้รถยนต์ แต่ใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินแทน โดยในขณะที่ผมใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสผมจะต้องลงที่สถานีพร้อมพงศ์ ซึ่งหลายครั้งที่ผมเหลือบไปเห็นร้านอาหารญี่ปุ่นเล็ก ๆ ทางบันไดขึ้น

หลังจากที่เดินผ่านแล้วมองมาหลายครั้ง วันนั้นผมตัดสินใจเข้าไปลองชิมดู ร้านมีชื่อว่า อาหารญี่ปุ่น ซันญ่า เจ้าของร้านเป็นเชฟคนไทย แต่ลูกค้าในร้านมีแต่คนต่างชาติและชาวญี่ปุ่นที่เข้าไปกินกันไม่มีคนไทยสักเท่าไร ส่วนน้องสาวเจ้าของร้านสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นและอ่านภาษาญี่ปุ่นได้ดี โดยจะมีเมนูพิเศษให้ชาวญี่ปุ่นรับประทานกันด้วย เมื่อผมได้ลองกินอาหารของเขาแล้วจึงรู้ว่าอาหารเขาอร่อย จากนั้นมาผมก็ได้มีโอกาสแวะไปกินมาเป็นสิบครั้งเลยครับ

อาหารจานแรกที่ผมได้ชิมเริ่มด้วย ปลาดิบ ที่ร้านเขาใช้ปลาสด ๆ มาทำกันเลยทีเดียว โดยจะเน้นคุณภาพของวัตถุดิบเป็นอย่างมากทำให้ปลาดิบของเขาอร่อย ไม่เหม็นคาว จิ้มกินกับโชยุ ถ้าจะให้ถึงใจก็ให้ละลายวาซาบิลงไปในโชยุด้วยก็จะได้รสชาติที่จี๊ดขึ้นมาทันทีเลยครับ โล่งสบายดี แต่ใครที่ไม่ชอบก็จิ้มกินกับโชยุอย่างเดียวก็อร่อยเช่นกัน

ส่วนวัตถุดิบใดที่ไม่สดพอ เช่น ปลาหมึก ซึ่งไม่ใช่ของสดเขาก็จะทำเป็น ปลาหมึกต้มซีอิ๊วญี่ปุ่น คล้าย ๆ ต้มเค็มของไทยเรา หั่นมาเป็นชิ้น เป็นแว่น ๆ แต่ละชิ้นใหญ่พอสมควร ใส่จานเล็กมาเสิร์ฟ แต่ก็มีอยู่หลายชิ้นเหมือนกัน รสชาติดี เค็ม ๆ เขาทำได้ดีไม่คาวกินกับข้าวอร่อยครับ

จานต่อมาเป็น หมูชุบแป้งทอดซอสกะหรี่ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า ทงคัตซึ นั่นเองครับ ทอดหมูมาได้ดีไม่สุกเกินไป ส่วนตัวแป้งก็ไม่หนามาก ทำให้ไม่เลี่ยน จิ้มกินกับซอสรสชาติดีครับ ยิ่งกินตอนร้อน ๆ ยิ่งกรอบอร่อย จะกินกับข้าวหรือจะกินเปล่า ๆ ก็ได้

ยังมี เต้าหู้ทอด โรยด้วยต้นหอมมาด้านบน หั่นเป็นชิ้น ๆ มา ทำให้กินง่ายขึ้น ตัวเต้าหู้มีความเข้มข้นและนุ่มนวลพอสมควร ข้างนอกกรอบส่วนข้างในนุ่ม เมื่อกัดเข้าไปเหมือนกินคัสตาร์ดอร่อยดีมีประโยชน์ด้วย สำหรับเมนูนี้ผมกินคนเดียวหมดจานเลย

ลำดับต่อมาเป็น ยำไส้ปลา ทำจากปลาทะเลดิบ แล้วปรุงน้ำยำราดด้านบนเนื้อปลาก่อนจะนำมาเสิร์ฟ โดยจะเสิร์ฟมาเป็นชามเล็ก ๆ อร่อยดี เขาล้างสะอาดเลยไม่คาว

จากนั้นเป็น ปลาหมึกซาซิมิ เขาใช้ปลาหมึกกล้วยสด ๆ ผ่ากลางแล้วหั่นเป็นเส้น ๆ ก่อนเสิร์ฟให้กิน ตรงหนวดหวานกรอบ อร่อยเหลือเกินครับ จิ้มกินกับโชยุผสมวาซาบิ

ในส่วนของ ปูไส้ครีมชุบแป้งทอด ภาษาฝรั่งเรียกว่า โคเก็ต ก็อร่อยไม่แพ้กัน โดยเขาจะปั้นเป็นก้อน ๆ และเอาไปชุบแป้งทอด กินกับซอสแบบญี่ปุ่นที่รสเค็ม ๆ หวาน ๆ มีรสเปรี้ยวนิด ๆ อร่อยเหลือเกินครับ

ยังมี ยำผัก กินกับน้ำยำที่เป็นงาขาว กรอบอร่อยดี ต่อจากนั้นเขาก็เอาปลาหิมะมาเสิร์ฟ ซึ่งเขาทำ 2 แบบ คือ ปลาหิมะย่างเกลือ โดยเอาปลาไปย่างเกลือแบบง่าย ๆ ไม่แห้งจนเกินไป และอีกแบบไปหมักกับมิโซชิรุ คือ เต้าเจี้ยวญี่ปุ่นแล้วเอามาย่างให้เรากิน เรียกว่า ปลาหิมะย่างมิโซะ อร่อยทั้ง 2 แบบครับ แบบย่างเกลือก็จะได้กลิ่นหอมของถ่านที่ย่างเป็นแบบแห้ง ๆ ส่วนย่างมิโซะก็จะมีรสชาติของซอสเพิ่มขึ้นมา

ต่อด้วย ยำสาหร่ายทะเล ซึ่งเป็นเมนูที่อร่อยอยู่แล้ว หนึบ ๆ ดีครับ ผมไม่ชอบกินข้าวแต่ก็กินแป้งบ้างจึงสั่ง เกี๊ยวซ่า มากิน ตัวแป้งไม่หนามาก ชิ้นเล็ก ๆ ไม่ใหญ่ ด้านในเป็นผักผสมกับหมูรสชาติใช้ได้

ยังมี ผัดหัวโกโบ ซึ่งหัวโกโบนั้นจะเป็นรากไม้คล้าย ๆ เผือก หั่นเป็นเส้น ๆ แล้วเอาไปผัดปรุงรส เมื่อชิมแล้วกรอบมากอร่อย เมนูนี้ช่วยระบบย่อยอาหารได้เป็นอย่างดีและไม่อ้วนอีกด้วย

และที่ผมชอบมาก คือ มะเขือญี่ปุ่น เขาเอามาทำเป็นเมนูที่มีชื่อว่า มะเขือผัดกับหมู หรือไม่เช่นนั้น ก็จะเป็น มะเขือผัดกับมิโซะ คือ เอามะเขือญี่ปุ่นมาผัดกับมิโซชิรุ หรือ เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น ซึ่งเขาทำได้อร่อยทีเดียวทั้ง 2 อย่าง โดยรสชาติก็จะใกล้เคียงกัน

ยังไม่หมดเท่านี้ ยังมี ไก่คาราเกะ โดยส่วนตัวผมถือเป็นอาหารกินเล่น หรือใครจะกินกับข้าวก็ได้ครับ เด็ก ๆ น่าจะชอบ ซึ่งเขาก็ทอดได้ดีกรอบอร่อย

และยังมี เทมปุระ อีกด้วย ซึ่งก็เป็นเมนูหลักในการสั่งอาหารญี่ปุ่นของใครหลาย ๆ คน ของเขากรอบใช้ได้ มี สตูหมูกับมันบด และ สตูลิ้นวัว ด้วยนะครับ เมนูนี้ทั้ง 2 จานผมใช้ตะเกียบกินแบบญี่ปุ่นเลยครับ รสชาติเข้มข้นทั้ง 2 แบบ อร่อยทั้งคู่

มี ปลาซาบะย่าง มาชิมกันด้วย จานนี้ย่างแห้งไปนิด เพราะเนื้อปลาชนิดนี้แห้งอยู่แล้ว และมี ซุปใส ให้ล้างคอ

ร้านเขาธรรมดา ไม่หรูหราอะไร ทางเข้าเล็กนิดเดียว แต่เป็นร้านที่ผมกินบ่อย อยากให้ไปลองเพราะอาหารของเขาใช้ได้ แถมยังราคาย่อมเยา.

หมึกแดง
www.mcdangguide.com

Read More...


‘อาหารเช้า’ ชาวกรุงศรีอยุธยา มรดกการกินที่ถูกมองข้าม


ราชธานีกรุงศรีอยุธยา นอกจากเป็นแหล่งบ่มเพาะศิลปวัฒน ธรรมแล้ว เรื่อง อาหารการกินเป็นอีกสิ่งน่าสนใจ โดยเฉพาะอาหารเช้าที่คนปัจจุบันอ้างถึงหลักโภชนาการ แต่คนกรุงศรีฯ ก็พิถีพิถันอาหารเช้าตามแนวทางพุทธศาสนา ที่ทำให้พวกเขามีสุขภาพดีและถ่ายทอดมรดกเหล่านั้นสู่ปัจจุบัน

ปัทพงษ์ ชื่นบุญ นักวิชาการฝ่ายส่งเสริมและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม สถาบันอยุธยาศึกษา ม.ราชภัฏพระนคร ศรีอยุธยา เล่าว่า อาหารเช้าของคนกรุงศรีอยุธยากับปัจจุบันมีส่วนที่เหมือนกันและแตกต่าง เรื่องการกินข้าวยังมีการตกทอดมาอยู่ ส่วนที่แตกต่างจากอดีตตามบันทึกของ “มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์” อัครราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เขียนว่า “ไม่มีชนใดที่จะสมถะเท่าชนชาวสยาม ชาวบ้านดื่มกันแต่น้ำเปล่า และอยู่กันอย่างมีความสุขด้วยอาหารการกินง่าย ๆ เพียงข้าวเปล่ากับปลาแห้ง หรือปลาเค็มตัวเล็ก ๆ อาจมีเครื่องจิ้มบ้าง ปลานั้นชุกชุมเหลือเกินจับชั่วโมงหนึ่งนำไปกินได้หลายวัน”

อาหารเช้าคนอยุธยาสมัยก่อนส่วนหนึ่งเน้นปรุงง่าย และใช้การหุงข้าวสารที่เหนียวคล้ายข้าวเหนียว แต่ไม่ใช่ข้าวเหนียว เป็นข้าวพื้นเมืองคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันใน พม่า กัมพูชา หรือเวียดนามยังมีการปลูกอยู่ เม็ดข้าวจะอวบ เม็ดยาว ซึ่งคำว่า “จก” หรือ “เปิบ” มาจากการทานข้าวประเภทนี้

คนกรุงศรีอยุธยามีบริบทหนึ่งที่ว่า เวลากินต้องกินหลังพระ ตอนเช้าตื่นมาหัวหน้าครอบครัวไปหาปลา ขณะที่ภรรยามีหน้าที่เกี่ยวกับเกษตรกรรมทางบก โดยจำนวนวัดที่มากในอยุธยาทำให้สันนิษ ฐานได้ว่า คนอยุธยาเป็นคนชอบทำบุญ เช้าตื่นมาหุงข้าว อาหารมื้อแรกต้องนำไปถวายพระที่วัดก่อน แล้วถึงจะกลับบ้านมากินข้าว โดยวิถีชีวิตเหล่านี้ยังมีตกทอดมาถึงปัจจุบันในอยุธยา แต่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ

ความที่ต้องทำอาหารถวายพระทุกเช้า ทำให้คนกรุงศรีอยุธยาหลายครอบครัวได้ทานอาหารเช้าที่สดใหม่ ด้วยแนวคิดว่า วัตถุดิบในการปรุงอาหารที่ดีที่สุดมื้อนั้นต้องนำไปถวายพระก่อน แต่ถ้าพูดถึงชาวต่างประเทศที่เข้ามาช่วงนั้น มีวิถีการกินอาหารเช้าที่แตกต่าง เนื่องจากเขาไม่ได้นับถือพุทธศาสนา แต่มีการดื่มชา กาแฟตอนเช้ากับขนมปัง ซึ่งมีการพบหลักฐานในเครื่องใช้ที่สามารถนำมาดัดแปลงทำขนมปัง ตลอดจนพบภาชนะที่สามารถใส่สิ่งเหล่านี้ได้ที่หมู่บ้านโปรตุเกส

คนจีนในกรุงศรีอยุธยาไม่ได้เคร่งครัดพุทธศาสนา ยามเช้าจะดื่มน้ำชา โดยเฉพาะอาหารประเภทซุปหรือต้มจืด ไม่เน้นอาหารรสจัด อาหารเช้าส่วนใหญ่เป็นไปตามเชื้อชาติยังถือว่าไม่กลมกลืน จากการสันนิษ ฐานคนอยุธยามีการทานชา กาแฟ และขนมปังแล้ว แต่เป็นคนที่อยู่ในชนชั้นราชวงศ์หรือเศรษฐี เนื่อง จากกลุ่มคนพวกนี้มีกำลังทรัพย์พอไปซื้อหาสินค้าเหล่านี้

จากคำให้การ ขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ระบุถึงตลาดทั่วอยุธยาที่เรียกว่า “ป่า” ซึ่งมีผลต่อการทานอาหารเช้า โดยมีการระบุถึงตลาดทั่วพระนครในแต่ละย่าน มีการขายอาหารหลากหลายทั้งของสด ของคาว ของแห้ง และมีตลาดจำนวนมากที่แทรกอยู่ตามวัด โดยตลาดมีทั้งตอนเช้า กลางวัน และเย็น ถือเป็นแหล่งการค้าสำคัญที่คนนอกเมืองต้องเข้ามาซื้อหาสิ่งของ

“กลุ่มมุสลิมเปอร์เซียน สันนิษฐานว่าเป็นชนชาติแรกที่นำอาหารประเภทกะทิเข้ามาในอยุธยา ซึ่งกะทิพอใส่เข้าไปในอาหารแล้วจะเป็นแกง อาหารที่คนกลุ่มนี้ทาน เช่น ก๋วยเตี๋ยวแกง มัสมั่นต่าง ๆ ถ้ามองมาถึงอาหารที่ตกทอดมาถึงปัจจุบันอย่างข้าวยังมีการทานอยู่ แต่การปรุงมีการแปรรูปมากขึ้น โดยการทำให้กินง่ายและรวดเร็ว”

อาหารเช้าที่คนกรุงศรีอยุธยานิยมทานคือ “ข้าวเหนียวหัวหงอก” เป็นข้าวเหนียวคล้ายข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง แต่มีการโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด เมนูนี้พอไปถามคนพม่าจะบอกว่าคนโบราณกินกันมานาน พอไปดูที่เวียดนาม กัมพูชา ก็นิยมเหมือนกัน เราเลยสันนิษฐานว่า คนกรุงศรีอยุธยาสมัยก่อนเคยทานอาหารชนิดนี้ โดยเมนูนี้นิยมเพราะทำง่าย พอกินไปจะอยู่ท้อง รวมถึงมีความเค็มกับหวานอยู่ในตัว ในอยุธยาปัจจุบันอาหารชนิดนี้แทบไม่มีเหลือแล้ว ต่างจากประเทศเพื่อนบ้านยังรักษาการกินอยู่

อาหารเช้าของราชวงศ์ในอยุธยามีความหลากหลายกว่าชาวบ้านทั่วไป เช่น นำแกงเหงาหงอด ที่ชาวโปรตุเกส นิยมทาน ซึ่งถ้ามีฐานะดีจะกินอาหารเช้าต่างจากชาวบ้านปกติ อย่างชาวบ้านหาข้าวกับปลามาปิ้งย่างก็กินได้ แต่คนมีเงินจะกินอาหารที่มีเครื่องเทศ เช่น น้ำพริกกะปิ แกงกะทิที่ใส่หัวหอม มีหลักฐานการใช้ผักหวานนำมาประกอบอาหาร ผิดจากชาวบ้านที่วันไหนไม่มีเวลาทำอาหารก็อาศัยขุดเผือกหามันกิน

“คนกรุงศรีอยุธยาอาหารเช้ากับกลางวันเป็นมื้อหนักที่สุด ถือเป็นการกินที่ไม่ยึดถือตามเวลาแบบตะวันตก แต่ยึดถือการถวายข้าวพระ ขณะเดียวกันอาหารที่นำไปถวายพระเหมือนการแสดงถึงฐานะทางสังคม เช่นเดียวกับบันทึกที่ระบุว่า คนอยุธยาจะไม่นิยมฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ทำให้คนจีนที่เข้ามาต้องเปิดโรงฆ่าสัตว์ ขนมของหวานที่ใช้ทานตอนเช้าของคนอยุธยาไม่น่าจะมี แต่มีเป็นผลไม้แทน”

อาหารของอยุธยาที่ตกทอดมายังกรุงรัตนโกสินทร์เห็นได้จาก กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวาน ซึ่งเห็นว่าอาหารที่กล่าวในเนื้อหาเป็นอาหารนานาชาติ มีทั้งญี่ปุ่น จีน ไทย ยุโรป แขก มอญ รวมอยู่ในนั้น จึงแสดงให้เห็นถึงการตกทอดทางด้านอาหาร ดังนั้นเมื่อมาถึงชาวบ้านจากที่กินข้าวกับปลา เริ่มมีอาหารที่ใกล้เคียงกับของราชวงศ์มากขึ้น

ถ้ามองถึงเมนูอาหารเช้าที่ได้รับความนิยมปัจจุบัน ซึ่งมีรากฐานจากอาหารเมื่อครั้งอยุธยาเช่น โจ๊ก เป็นอาหารของตะวันตกที่รับเข้ามา ไม่ต่างจากซุปที่มีทั้งแบบของตะวันตกและจีน แต่อาหารที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานคือ ปลาร้า ที่เป็นอาหารหลักที่คนสมัยก่อนกินกันได้ทั้งปี ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำลำคลอง ที่เล่ากันว่า “แค่เอามือจุ่มน้ำตรงบันไดริมน้ำก็โดนกุ้งต่อยมือ หรือบางครั้งเหวี่ยงแหไปทีปลาติดจนแทบแบกปลากลับบ้านไม่ไหว” ดังนั้นเมื่อได้ปลาคราวละมาก ๆ เลยต้องนำไปแปรรูปเพื่อให้กินได้นาน ๆ เช่น หลนปลาร้า ที่มีการนำสูตรของมอญมาปรับใช้

“เมื่อเข้าสู่ยุคปัจจุบันอาหารเช้าในอยุธยาได้ถูกหลอมรวมกันจากหลายเชื้อชาติ เห็นได้จากหลายพื้นที่นิยมทานขนมปังกับไข่กระทะ หรือข้าวมันไก่แบบจีน ถ้าคนที่มาอยุธยาอยากทานอาหารเช้าแบบต้นตำรับยังหาทานได้ที่ ตลาดหัวรอ เปิดตั้งแต่ตีสาม แล้วเริ่มวายช่วงแปดโมงเช้า ส่วน ตลาดเจ้าพรหม เริ่มขายตั้งแต่ตีห้า เริ่มวายประมาณเก้าโมงเช้า ถ้าคนสนใจอาหารเช้าตามแบบอยุธยาดั้งเดิมต้องมาเดินตลาดเช้าที่นี่ที่ยังมีวิถีวัฒนธรรมแบบเดิมอยู่ โดยเฉพาะที่ตลาดหัวรอจะมีอาหารทั้งแบบจีน มุสลิม ตะวันตก แต่ตลาดเจ้าพรหมจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่มาขาย เช่นเดียวกับตลาดเสนาที่ยังมีการค้าขายปลาทางเรือที่จับมาได้ โดยถ้าคนที่ซื้อควรรีบไป เพราะมีลูกค้าหลายรายเหมาซื้อเพื่อนำไปถวายพระ”

เด็กรุ่นใหม่ที่จะสืบต่อการทำอาหารเช้าแบบโบราณค่อนข้างมีน้อย ขณะที่คนมาเที่ยวหลายคนยังไม่ค่อยมาลองชิมอาหารเช้าในแบบอยุธยาดั้งเดิมตามตลาดเหล่านี้มากนัก ดังนั้นถ้าใครมาอยุธยาถ้าได้ลองไปชิมอาหารเช้าจะทำให้เรียนรู้วิถีของคนสมัยก่อนว่า ทำไมเขาถึงมีสุขภาพดี แล้วลองย้อนกลับมาดูตัวเราเพื่อปรับเปลี่ยนการกิน

อยากฝากว่า ถ้าอยากเรียนรู้อาหารในสมัยก่อนลองหันมาดูอาหารของเพื่อนบ้าน ที่หลายประเทศยังรักษาไว้ได้อย่างดี เช่น ลาว เวียดนาม พม่า กัมพูชา โดยเฉพาะในชนบทของเขาที่ยังรักษาไว้อย่างดีมาก ต่างจากเราที่เปิดรับทุกอย่าง จนเหมือนว่าเป็นวัฒนธรรมที่ถูกกลืนกลายทำให้ไม่เหลือเมนูอาหารหลัก ๆ ไว้เลย.

..............................................................................................

ตลาดน้ำหลัก 4 แห่ง สมัยกรุงศรีฯ

สมัยอยุธยามีตลาดน้ำที่เป็นการค้าหลักหรือตลาดใหญ่ 4 แห่ง ตามคำให้การ ขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม คมขำ ดีวงษา ให้รายละเอียดในวิทยานิพนธ์เรื่อง บทบาทของตลาดในพระนครศรีอยุธยาต่อการค้าภายในและภายนอก พ.ศ. 2173–2310 ดังนี้

1. ตลาดน้ำวนบางกะจะ เป็นจุดที่แม่น้ำป่าสักกับแม่น้ำเจ้าพระยาไหลมาบรรจบกันตรงหน้าป้อมเพชร ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเมือง ตรงนี้ถือเป็นจุดบรรจบของการล่องเรือสำเภา และมีตลาดน้ำที่แยกจากตลาดนี้อีกมาก

2. ตลาดปากคลองคูจาม อยู่ด้านใต้เกาะเมือง ด้านตะวันตกมีพวกแขก ชวา มลายู บรรทุกหมาก หวาย ตลาดนี้ท้องน้ำถึงบ้านฉะไกรใหญ่และตลาดบริเวณคลองขุนละครไชย

3. ตลาดคูไม้ร้อง อยู่ฝั่งเหนือ เป็นเส้นทางแม่น้ำลพบุรี เดิมติดต่อกับตลาดคลองสระบัว คลองผ้าลาย ตลาดสำคัญที่พ่อค้านำผลผลิตพื้นบ้านหัตถกรรมไปขายภายในเมืองริมคลองวัดมหาธาตุภายในเกาะเมืองอยุธยา

4. ตลาดปากคลองวัดเดิม (วัดอโยธยา) เป็นตลาดภายในบริเวณแม่น้ำหันตรา หรือแม่น้ำเบี้ยเชื่อมระหว่างคลองข้าวเม่า คลองวัดประดู่ คลองกุฎีดาว คลองวัดมเหยงค์ ถือเป็นคลองย่อยของแม่น้ำป่าสัก

ศราวุธ ดีหมื่นไวย์

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content/Article/292255/‘อาหารเช้า’+ชาวกรุงศรีอยุธยา+มรดกการกินที่ถูกมองข้าม

Read More...


‘ยำปลาช่อนแดดเดียวฯ’ รสเด็ด หอมอร่อย ‘ซี่โครงแกะอบกับมะเขือม่วง’


วันนี้ผมมีอาหารจานเด็ดที่ผมชอบกินมาบอกกล่าวให้ทุกท่านได้ทราบครับ คือ ก่อนหน้านี้ผมได้มีโอกาสไป จ.นครสวรรค์ แถวนั้นมีปลาช่อนแดดเดียวขายอยู่หลายร้าน และมีวัตถุดิบอีกชนิดหนึ่งเป็น กระเจี๊ยบแดง ผมเลยคิดว่า เมื่อมีวัตถุดิบอย่างนี้ควรจะนำมาทำเป็น ยำปลาช่อนแดดเดียวกับกระเจี๊ยบแดง ดีกว่า จึงเป็นที่มาของเมนูวันนี้ที่อยากจะแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำกันดู

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากการทำน้ำยำ ถ้าจะให้ได้รสที่อร่อยจะต้องโขลกน้ำยำในครก โดยเอาน้ำพริกเผา หอมแดงซอย พริกขี้หนูบุบ โขลกให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะนาว ผสมให้เข้ากัน ชิมรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวานเล็กน้อย ซึ่งจะเป็นรสน้ำยำที่อร่อย แล้วนำมาใส่ถ้วยพักไว้

ต่อมา นำปลาช่อนแดดเดียวมาแล่เอาก้างออกให้หมด จากนั้นให้นำไปทอดให้กรอบ โดยการทอดปลาที่ดีจะต้องใช้ไฟปานกลางไม่แรงหรืออ่อนจนเกินไป พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

ขั้นตอนต่อมา ให้เอาชามผสมมาใส่ปลาช่อนแดดเดียวที่เราทอดไว้แล้วลงไป ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดกรอบ ใส่หอมแดงซอย ใส่กระเจี๊ยบซอย ใส่ผักชีใบเลื่อยซอย และใส่น้ำยำที่เตรียมไว้ลงไป คลุกเบา ๆ พอให้เข้ากัน ชิมรสอีกครั้ง ตักใส่จานเสิร์ฟ แล้วโรยด้วยใบสะระแหน่เด็ดใบ หอมเจียว และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดกรอบ ยกเสิร์ฟทันที เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้ว วิธีการทำไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน เมนูนี้จะกินกับข้าว หรือกินเล่นก็อร่อย

หากเพื่อน ๆ มีเวลาว่าง หรือในช่วงวันหยุดลองทำกินกันดู นะครับ.

หมึกแดง
www.mcdangguide.com

..............................................................................................

ร้านอาหารชวนชิม

ผมได้แวะไปชิมอาหารอิตาเลียน ที่ร้าน อีโนติก้า ซึ่งร้านเป็นบ้านเล็ก ๆ อยู่ในซอยสุขุมวิท 27 บรรยากาศร้านดี และอบอุ่นครับ อาหารก็อร่อย มีคนเข้าร้านพอสมควรแต่ที่จอดรถมีน้อยไปหน่อย

อาหารเรียกน้ำย่อย มันเทศบดกับไข่หอยเม่น เป็นมันเทศที่เขาเอาไปบดแล้วใส่ครีมทำให้มีรสชาติมากขึ้น โดยจะเสิร์ฟพร้อมกับไข่หอยเม่นเป็นถ้วยเล็ก ๆ ตอนที่มาเสิร์ฟยังอุ่น ๆ อยู่เลยครับ รสชาติกลมกล่อม อร่อยมาก เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อกินเข้าไปแล้วทำให้รู้สึกอยากกินอาหารอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น

จานต่อมา ผมเป็นคนชอบกินเนื้อที่นำมาทำเมนูต่าง ๆ หรือเมนูแปลก ๆ จึงสั่งเป็น ลิ้นลูกวัวย่างเสิร์ฟกับมันหญ้าฝรั่น มาลองกิน ซึ่งเขาจะเอาลิ้นลูกวัวนึ่งหมักกับซอสที่เป็นหญ้าฝรั่น ซึ่งหญ้าฝรั่นจะทำให้มีสีเหลืองคล้าย ๆ ขมิ้นแต่จะมีกลิ่นที่หอมกว่า และอร่อยกว่าขมิ้น เมื่อชิมแล้ว อร่อย รสชาติดี

ต่อมาเป็น ตับนกพิราบบดกับเห็ดทรัฟเฟิล เห็ดทรัฟ เฟิลนี้จะมีราคาค่อนข้างสูงพอสมควร เป็นเห็ดที่ขึ้นอยู่ใต้ดินในสมัยก่อนจะต้องใช้หมูขุดเห็ดขึ้นมาถึงจะได้กินกัน โดยจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ เห็ดทรัฟเฟิลดำและเห็ดทรัฟเฟิลขาว เมนูนี้เขาจะเสิร์ฟมาเป็นคำ ๆ ผมชอบครับอร่อยดี

ส่วนอาหารจานต่อมามีลักษณะคล้ายๆ กับบัวลอยเป็นเมนูที่มีชื่อว่า เกี๊ยวทำจากแป้ง ลูกบีทรูทและชีส โดยเอามันและแป้งมาผสมกันให้มีรสชาติ แล้วใส่น้ำของลูกบีทรูทเพื่อให้มีสีแดงดูน่ากิน แปลกดีด้วยครับ แล้วปั้นเป็นก้อน ๆ เอาไปต้มในน้ำ พอสุกก็จะลอยขึ้นมาแล้วเอาไปผัดอีกที เมื่อทอดเสร็จแล้วก่อนเสิร์ฟจะเอาชีสมาโรย เป็นอาหารที่แปลกดี และอร่อยด้วยครับ

อีกเมนู เป็นเกี๊ยวอีกเหมือนกัน แต่ผมเลือกไส้ที่แปลกและเขาก็ทำได้ดีมากเป็น เกี๊ยวไส้เนื้อนกพิราบกับซอสนกพิราบ ลักษณะคล้ายเสี่ยวหลงเปาแต่น้ำมันไม่พุ่งออกมามากเท่าไรนัก แต่มีความอร่อยพอสมควร

พอถึงอาหารหลัก ผมสั่งมาแค่ 3 อย่าง มาแบ่งกันกิน จานแรกเป็น นกพิราบอบกับถั่วอัลมอนด์และทับทิม ซึ่งเขาจะเอาเนื้อส่วนน่องและตะโพกของนกพิราบเอาบดผสมทำเป็นก้อนแล้วก็นำไปชุบแป้งทอด โดยใช้แป้งไม่หนามาก ส่วนอกของนกพิราบนั้นจะเอามาจี้ในกระทะให้ยังคงแดง ๆ อยู่ เสิร์ฟกับซอสที่อร่อยมากมีถั่วอัลมอนด์บด ใส่ทับทิมลงไปในมันฝรั่งด้วย เป็นอีกเมนูหนึ่งที่แปลกดี และมีส่วนผสมที่ช่วยตัดความเลี่ยนได้ดีด้วยครับ

แต่ของโปรดของผมที่ชอบมากเป็นจานต่อมา ซึ่งก็คือ กระต่ายอบ เขาเสิร์ฟมาพร้อมกับแครอทเสียบไม้ จัดตกแต่งมาน่ารักและน่ากินมาก ลักษณะของเนื้อกระต่ายจะคล้าย ๆ กับเนื้อไก่ ไม่มีกลิ่นคาว มีรสชาติมากกว่าเนื้อไก่ จานนี้อร่อยมาก และหากินยากด้วย

อีกจานหนึ่งเป็น ซี่โครงแกะอบกับมะเขือม่วง ซี่โครงแกะอบมาต่างหากแล้วตัดมาเป็นชิ้น ๆ แต่งจานมาอย่างสวยงาม เอามะเขือม่วงญี่ปุ่นไปย่าง มีน้ำมันมะกอกใส่มาด้วย รสชาติดี อร่อยใช้ได้เลยครับ

วันนั้น ผมกินกาแฟด้วย เขาจัดขนมหวานเสียบไม้มาให้กินคู่กับกาแฟ รสชาติอร่อยดี ร้านนี้ต้องแวะไปชิม อาหารเขาอร่อย บรรยากาศก็ดีเหลือเกิน และเขาก็มีไวน์ดี ๆ เสิร์ฟด้วยนะครับ.

ที่อยู่ : 39 ซอยสุขุมวิท 27 ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
โทร : 0-2258-4386, 0-2260-5380
และ 09-2273-8843
เว็บไซต์ : www.enotecabangkok.com
เวลาทำการ : 17.30-24.00 น.

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/289952/‘ยำปลาช่อนแดดเดียวฯ’+รสเด็ด

Read More...


เจ๋งได้อีก ! 5 สูตรเค้กไมโครเวฟ ทำง่ายใน 1 นาที แบบนี้พลาดได้ไง



          เกาะกระแสเมนูไมโครเวฟง่าย ๆ ด้วย 5 สูตรเค้กไมโครเวฟ เชื่อไหมว่า ทำง่ายมาก ๆ ใช้เวลาแค่ 1 นาที เป็นอันเสร็จ ได้เค้ก 5 แบบ 5 รสชาติ เจ๋งสุด ๆ

          ใครที่ชอบทำอาหารง่าย ๆ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งกับเมนูขนมไมโครเวฟสุดง่ายที่เรานำมาฝากในวันนี้ถึง 5 สูตร 5 รสชาติด้วยกัน ทั้ง "เค้กวานิลลาที่ฟรุ้งฟริ้งด้วยเกล็ดน้ำตาลหลากสีสัน" หรือจะรักสุขภาพด้วย "เค้กกล้วยหอมช็อกโกแลตแบบไร้แป้ง" ต่อด้วยเค้กสีสันจัดจ้านอย่าง "เค้กเรดเวลเว็ท" ตามมาติด ๆ กับ "เค้กแอปเปิลครัมเบิล" หอม ๆ กรุบกรอบ และตบท้ายด้วย "เค้กสีรุ้ง" คัลเลอร์ฟูลสุด ๆ ซึ่งใครที่แค่เห็นภาพคงไม่เชื่อหรอกว่า บรรดาเค้กทั้งหมดนี้ใช้เวลาอบเพียง 1 นาทีเท่านั้น และยังสามารถทำได้ง่ายมาก ๆ ในแก้วกาแฟ แต่มีข้อแม้เล็กน้อยคือ สูตรทั้งหมดนี้ใช้กับเตาไมโครเวฟขนาด 1,100 วัตต์ ถ้าบ้านใครใช้ไมโครเวฟต่างไปจากที่มีก็ลองเพิ่ม-ลดเวลาในการทำกันดู แต่เชื่อว่าไม่ยากเกินความสามารถแน่นอน

 1. เค้กวานิลลาผสมเกล็ดน้ำตาลฟรุ้งฟริ้ง (Funfetti Mug Cake)


 ส่วนผสม (สำหรับ 2 ถ้วย)
          
          เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ (60 กรัม)

          น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย (50 กรัม)

          นมสด 2 ช้อนโต๊ะ

          ไข่ไก่ (ขนาดใหญ่) 1 ฟอง

          กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

          แป้งเค้ก 1 ถ้วย (150 กรัม)

          ผงฟู 2 ช้อนชา

          เกลือป่น เล็กน้อย

          เกล็ดน้ำตาลหลากสี ตามชอบ

วิธีทำ
          
          1. ใส่เนยจืดลงในถ้วย (หรือแก้วกระเบื้องที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้) นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 20-30 วินาที นำออกจาเตา
          
          2. ใส่น้ำตาลทราย ไข่ไก่ นมสด และกลิ่นวานิลลาลงไป ใช้ส้อมตีผสมให้เข้ากัน
          
          3. ใส่แป้ง ผงฟู และเกลือป่นลงไป ตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
          
          4. ใส่เกล็ดน้ำตาลหลากสีลงไป คนให้เข้ากัน แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 2 ถ้วย
          
          5. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 50 วินาที จนเนื้อเค้กฟู นำออกจากเตา แต่งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ


 2. เค้กกล้วยหอมช็อกโกแลตไร้แป้ง ไร้กลูเตน (Gluten-Free Chocolate Banana Mug Cake)




 ส่วนผสม (สำหรับ 2 ถ้วย)
          
          กล้วยหอม 1 ลูก

          เนยถั่ว 1/4 ถ้วย (4 ช้อนโต๊ะ)

          ไข่ไก่ (ขนาดใหญ่) 1 ฟอง

          น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา

          ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ

          กล้วยหอมฝานเป็นแว่นสำหรับแต่ง

วิธีทำ
          
          1. บดกล้วยหอมในถ้วย (หรือแก้วกระเบื้องที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้) ด้วยส้อมให้ละเอียด
          
          2. ใส่เนยถั่ว น้ำตาลทราย และไข่ไก่ลงไป คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวและน้ำตาลทรายละลาย
          
          3. เติมผงโกโก้ลงไป คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวอีกครั้ง แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 2 ถ้วย
          
          4. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที จนเนื้อเค้กฟู นำออกจากเตา แต่งด้วยกล้วยหอมฝานเป็นแว่น ๆ พร้อมเสิร์ฟ


 3. เค้กเรดเวลเว็ท (Red Velvet Mug Cake)



ส่วนผสม (สำหรับ 1ถ้วย)
          
          น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

          ไข่ไก่ 1 ฟอง

          สีผสมอาหารสีแดง 1/2 ช้อนชา

          บัตเตอร์มิลค์ (ซาวร์ครีมหรือโยเกิร์ต) 3 ช้อนโต๊ะ

          กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

          แป้งเค้ก 4 ช้อนโต๊ะ

          น้ำตาลทราย 4 1/2 ช้อนโต๊ะ

          ผงฟู 1/8 ช้อนชา

          ผงโกโก้ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

          เกลือป่น เล็กน้อย

          ผงอบเชย เล็กน้อย

          ครีมชีสฟรอสติ้งสำหรับแต่ง

วิธีทำ
          
          1. ใส่น้ำมันพืช ไข่ไก่ สีผสมอาหารสีแดง และกลิ่นวานิลลาลงในถ้วย (หรือแก้วกระเบื้องที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้) ตีผสมเข้าด้วยกัน
          
          2. เติมแป้งเค้ก น้ำตาลทราย ผงฟู ผงโกโก้ เกลือป่น และผงอบเชย ฃลงไป ตีผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
          
          3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 50 วินาที จนเนื้อเค้กฟู นำออกจากเตา พักไว้จนเย็นก่อนแต่งด้วยครีมชีสให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ

4. แอปเปิลครัมเบิลเค้ก (Apple Crumble Mug Cake)


ส่วนผสม (สำหรับ 1 ถ้วย)
         
          แป้งเค้ก 3 ช้อนโต๊ะ

          น้ำตาลทรายแดงป่น 1 ช้อนโตะพูน

          ผงอบเชย 1/2 ช้อนชา

          ผงฟู 1/8 ช้อนชา

          ซอสแอปเปิล 1 ช้อนโต๊ะ

          น้ำมันพืช 1/2 ช้อนโต๊ะ

          นมสด 1/2 ช้อนโต๊ะ

          กลิ่นวานิลลา 1/8 ช้อนชา

          ไอศกรีมวานิลลา (หรือรสชาติอื่นตามชอบ)

          ซอสคาราเมล สำหรับราด

ส่วนผสม ครัมเบิล
          
          เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ

          แป้งเค้ก 2 ช้อนโต๊ะ

          น้ำตาลทรายแดงป่น 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
          
          1. ใส่แป้งเค้ก น้ำตาลทรายแดง ผงอบเชย และผงฟูลงในถ้วย (หรือแก้วกระเบื้องที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้) คนผสมเข้าด้วยกัน
          
          2. เติมซอสแอปเปิลลงไปคนผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลา คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว เตรียมไว้
          
          3. ทำครัมเบิลโดยใส่เนยสดลงในอ่างผสม ตามด้วยแป้ง และน้ำตาลทรายแดง ใช้ส้อมคนผสมให้เข้ากันเป็นเม็ดทราย ตักใส่ลงในถ้วยเค้ก
          
          4. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 45 วินาที จนขึ้นฟู นำออกจากเตา เสิร์ฟพร้อมไอศกรีม และซอสคาราเมล

5. เค้กสายรุ้ง (Rainbow Mug Cake)



ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่)
          
          เนยสด (อุณหภูมิห้อง) 100 กรัม

          น้ำตาลทรายขาว 1/2 ถ้วย (100 กรัม)

          ไข่ไก่ (อุณหภูมิห้อง) 2 ฟอง

          กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

          แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย (110 กรัม)

          ผงฟู 1/2 ช้อนชา

          เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา

          เกลือป่น เล็กน้อย

          สีผสมอาหารสีแดง, สีเหลือง, สีส้ม, สีเขียว และสีฟ้า

          ครีมชีสฟรอสติ้ง สำหรับแต่ง

วิธีทำ
         
          1. ตีผสมเนยสดที่นิ่มแล้วกับน้ำตาลทรายในอ่างผสมด้วยตะหร้อมือจนเป็นเนื้อครีม (ประมาณ 3 นาที) จากนั้นตอกไข่ไก่ใส่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยกลิ่นวานิลลา ตีผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
         
          2. ใส่แป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือป่นลงไปคนผสมพอเข้ากัน จากนั้นตักแบ่งส่วนผสมเป็น 5 ถ้วย
         
          3. หยดสีผสมอาหารแต่ละสีประมาณ 2 หยดลงในถ้วยส่วนผสมแป้งแต่ละถ้วย คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน
         
          4. ใช้ปลายช้อนตักส่วนผสมเค้กแต่ละสีใส่ลงในถ้วยสำหรับเข้าไมโครเวฟ โดยตักใส่สลับสีสลับชั้นให้เป็นลายหินอ่อนให้สวยงามทั้ง 4 ถ้วย
         
          5. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 45 วินาที จนเค้กขึ้นฟู นำออกจากเตา แต่งด้วยครีมชีสฟรอสติ้งให้สวยงาม

          เจ๋งสุด ๆ ถ้าต่อไปนี้ทำเค้กได้ง่าย ๆ แบบนี้ก็อ้วนกันพอดีสินะ แต่อย่าไปแคร์ ! อุปสรรคมีไว้พุ่งชนเนอะจริงไหม ? อิอิ


credit by : http://cooking.kapook.com/view107956.html

Read More...


10 ไอเดียทำขนมในแก้วกาแฟ ง่าย ๆ ด้วยไมโครเวฟ


    แก้วกาแฟที่คนส่วน ใหญ่เอาไว้ใส่เครื่องดื่มร้อนดื่มกินกันอยู่ทุกวัน รู้ไหมว่า มีประโยชน์มากกว่าที่เห็นนะคะ อย่างน้อย ๆ ก็สามารถนำมาใช้เป็นถ้วยไว้ใส่ขนมใช้กับไมโครเวฟได้ และแน่นอนว่าเราก็ไม่ลืมที่จะหยิบยก 10 ไอเดียทำขนมในแก้วกาแฟ ง่าย ๆ ด้วยไมโครเวฟ จะน่ากิน และง่ายขนาดไหน ไปดูกันเลยจ้า



ดูวิธีทำได้ที่ No. 2 Pencil

   1. คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ

     หากก่อนหน้านี้คุณมีแก้วกาแฟใบโปรดเอาไว้ใส่เครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว หลังจากนี้ลองนำมาใส่ส่วนผสมคุกกี้ก่อนำไปอบกันบ้างดีกว่า จะได้ลิ้มลองรสชาติกรุบกรอบของเนื้อคุกกี้ที่มาพร้อมกับช็อกโกแลตชิพสุดเข้ม ข้น และชมความสวยงามของแก้วน้ำในเวลาเดียวกัน 
ส่วนผสม

 เนย 1 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

 กลิ่นวานิลลา 3 หยด

 เกลือป่นเล็กน้อย

 ไข่แดง 1 ฟอง

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย

 ช็อกโกแลตชิพ 2 ช้อนโต๊ะพูน

วิธีทำ

 1. ใส่เนยลงในแก้ว นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 5 วินาที นำออกจากเตา เติมน้ำตาล กลิ่นวานิลลา และเกลือป่นลงไป คนผสมให้เข้ากัน ใส่ไข่แดง แล้วคนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

 2. เติมแป้งสาลีอเนกประสงค์ลงไป คนผสมให้เข้ากัน แล้วเติมช็อกโกแลตชิพลงไปคนผสมจนเนื้อเหนียว 

 3. นำเข้าไมโครเวฟ ครั้งแรกใช้นานประมาณ 40-60 วินาที จนคุกกี้สุก พักทิ้งไว้จนเย็น พร้อมเสิร์ฟ 

ดูวิธีทำได้ที่ No. 2 Pencil 

   2. บราวนี่

    สำหรับคนที่ชื่นชอบรสชาติเข้มข้นของช็อกโกแลตเต็ม ๆ คำ พลาดไม่ได้เลยกับบราวนี่ที่อัดแน่นมาในแก้วใบสวย ที่ไม่ได้มีเพียงบราวนี่เนื้อแน่นแสนนุ่มเท่านั้น แต่เนื้อในยังมีช็อกโกแลตแท่งเอาไว้ให้เคี้ยวกันเพลิน ๆ ด้วย

ส่วนผสม

        เนย 2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ

 กลิ่นวานิลลา 1/4 ช้อนชา

 เกลือป่นเล็กน้อย

 ไข่แดง 1 ฟอง

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 4 ช้อนโต๊ะ

 ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ

 ช็อกโกแลตหักเป็นชิ้นเล็ก ๆ

วิธีทำ

    1. ใส่เนยลงในแก้ว นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 5 วินาที นำออกจากเตา เติมน้ำตาล กลิ่นวานิลลา และเกลือป่นลงไป คนผสมให้เข้ากัน ใส่ไข่แดง แล้วคนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

    2. เติมแป้งสาลีอเนกประสงค์ และผงโกโก้ลงไป คนผสมให้เข้ากัน สุดท้ายเติมช็อกโกแลตลงไปคนผสมจนเข้ากัน

    3. นำเข้าไมโครเวฟ ครั้งแรกใช้นานประมาณ 45 วินาที จนบราวนี่สุก พักทิ้งไว้จนเย็น พร้อมเสิร์ฟ



ดูวิธีทำได้ที่  How Sweet It Is

   3. ช็อกโกแลตฟัดจ์พร้อมมาร์ชเมลโลเนื้อนุ่ม

    อีกหนึ่งขนมหวานที่คนชอบช็อกโกแลตควรลองทำรับประทานดูสักครั้ง รับรองว่าจะต้องมีครั้งต่อไปตามมาแน่นอน เพราะในแก้วใบนี้คุณจะได้ลิ้มรสถึง 3 รสชาติในคราวเดียว ไม่ว่าจะเป็นแครกเกอร์บดกรอบ ๆ เนื้อช็อกโกแลตฟัดจ์รสเข้มข้น และมาร์ชเมลโลที่แสนจะเนียนนุ่ม

ส่วนผสม

 แครกเกอร์บด 2-3 ช้อนโต๊ะ

 เนยสดชนิดเค็ม 3 1/2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

 ไข่ไก่ 1 ฟอง

 กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา

 แป้งโฮลวีต 1/4 ถ้วย

 ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ

 ผงฟู 1/8 ช้อนชา

 ช็อกโกแลตนม 1 1/2 ออนซ์

 มาร์ชเมลโล

วิธีทำ

    1. ผสมเนย 3 ช้อนโตด๊ะกับช็อกโกแลต 1 ออนซ์ เข้าด้วยกัน นำไปละลายในไมโครเวฟ นานประมาณ 20 วินาที นำออกจากเตา เตรียมไว้

    2. ผสมเนยที่เหลือกับแครกเกอร์บดให้เข้ากัน จากนั้นตักใส่แก้ว เตรียมไว้

    3. ตีผสมไข่ไก่ น้ำตาลทราย และกลิ่นวานิลลาให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเนียน เทลงในส่วนผสมเนยและช็อกโกแลต จากนั้นเติมแป้ง ผงฟู เกลือ และผงโกโก้ ตีผสมจนเนื้อเนียนขึ้นฟู เทส่วนผสมลงในแก้วสลับชั้นกับมาร์ชเมลโล โดยให้ชั้นบนสุดเป็นมาร์ชเมลโล นำเข้าเตาอบประมาณ 1-2 นาที นำออกจากเตา

    4. วางมาร์ชเมลโลไว้ด้านบน นำกลับเข้าไมโครเวฟต่ออีกประมาณ 5 วินาทีจนมาร์ชเมลโลละลาย นำออกจาเตา พร้อมเสิร์ฟ


ดูวิธีทำได้ที่ No. 2 Pencil

   4. คุกกี้เนยถั่ว

    คราวนี้เปลี่ยนมาเอาใจคนชอบเนยถั่วกันบ้างดีกว่า กับเมนูคุกกี้เนยถั่วในแก้ว ที่มาพร้อมกับคุกกี้กรุบกรอบอัดแน่นไปด้วยรสชาติหวานมันที่มาจากเนยถั่วสุด โปรดให้เลือกกินกันแบบไม่อั้น อีกทั้งด้านบนยังมีถั่วลิสงบดมาช่วยเติมความกลมกล่อมให้มากยิ่งขึ้น
ส่วนผสม

 เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ

 เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
       
 น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

 กลิ่นวานิลลา 2-3 หยด

 เกลือป่นเล็กน้อย

 ไข่แดง 1 ฟอง

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ

 ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ ๆ 

วิธีทำ

    1. ใส่เนยและเนยถั่วลงในแก้ว นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที นำออกมาคนผสมให้เข้ากัน เติมน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทราย กลิ่นวานิลลา และเกดลือป่นลงไป คนผสมให้เข้ากัน

    2. ใส่ไข่ไก่ลงไปตีผสม จากนั้นเติมแป้ง คนผสมให้เข้ากันจนเนื้อเหนียว เติมถั่วลิสงคั่วบดลงไปด้านบน

    3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 45 วินาที จนสุก นำออกจากเตา พักไว้จนเย็น พร้อมเสิร์ฟ


ดูวิธีทำได้ที่ Sizzlingveggies

   5. เค้กช็อกโกแลตหอมกรุ่น

    คำเดียวไม่เคยพอจริง ๆ สำหรับเค้กช็อกโกแลตที่นอกจากคุณจะสามารถสัมผัสได้ถึงรสชาติเข้มข้นของเนื้อ เค้กที่อัดแน่นอยู่ในแก้วแล้ว หากได้ลองตกแต่งหน้าเค้กช็อกโกแลตด้วยวิปปิ้งครีมกับผลสตรอว์เบอร์รีรับรอง ว่า อร่อยไม่รู้ลืมเลยล่ะ
ส่วนผสม

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ

 ผงโกโก้ 1 ช้อนชา

 ผงฟู 1/4 ช้อนชา 

 เกลือป่นเล็กน้อย

 นมสด 2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

 ช็อกโกแลตชิพ

 ท้อปปิ้งตามชอบ เช่น เนยถั่ว แยม ซอสคาราเมล นูเทลล่า 

วิธีทำ

    1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือป่นเข้าด้วยกัน

    2. เติมนมสด และน้ำมันพืช คนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักลงในแก้ว เติมช็อกโกแลตชิพ คนผสมให้เข้ากัน

    3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที จนเค้กสุก นำออกจากเตา ราดด้วยท้อปปิ้งตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ


ดูวิธีทำได้ที่ The Novice Chef

   6. เค้กช็อกโกแลตผสมเนยถั่วสุดเข้มข้น

    การผสมผสาน 2 ความต่างที่ลงตัวระหว่างความเข้มข้นจากช็อกโกแลต กับเนยถั่วรสหวานมันที่หากได้ชิมแล้วต้องติดใจ โดยเฉพาะเมื่อนำมารวมกันในเค้กช็อกโกแลตชิ้นนี้ความอร่อยก็เพิ่มขึ้นอีกเท่า ตัว ซึ่งเชื่อว่าหากได้ลองแล้วจะวางไม่ลงเลยล่ะ

ส่วนผสม

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

 ผงโกโก้ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

 ผงฟู 1/4 ช้อนชา

 เกลือป่นเล็กน้อย

 นมสด 3 ช้อนโต๊ะ

 น้ำมันพืช  1 1/2 ช้อนโต๊ะ

 เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

    1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทราย ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือป่นลงในแก้ว ใช้ส้อมคนผสมเข้าด้วยกัน 

    2. เติมนมสด น้ำมันพืช และเนยถั่ว คนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่แก้ว

    3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที จนเค้กสุก นำออกจากเตา พร้อมเสิร์ฟ



ดูวิธีทำได้ที่ Kurryleaves

   7. เค้กกาแฟช็อกโกแลต

     เค้กช็อกโกแลตที่มีรสชาติจากผงกาแฟมาช่วยลดความหวานผสานความกลมกล่อมให้กับ เนื้อเค้ก อีกทั้งยังเป็นเค้กช็อกโกแลตที่เหมาะสำหรับคนมีรัก เพราะหน้าเค้กมีรูปหัวใจที่สื่อให้เห็นถึงความรัก ความอบอุ่น ที่คุณเต็มใจมอบมันให้กับคนรัก
ส่วนผสม

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ

 ผงกาแฟ 1 ช้อนชา

 ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ

 ผงฟู 1/4 ช้อนชา

 นมสด 2 ช้อนโต๊ะ
       
 ไข่ไก่ 1 ฟอง

 น้ำมันพืช  2 ช้อนโต๊ะ

 กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

    1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงกาแฟ ผงโกโก้ น้ำตาลทราย และผงฟู เข้าด้วยกัน 

    2. เติมนมสด ไข่ไก่ น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลา ใช้ส้อมตีผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่แก้ว

    3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1-2 นาที จนสุก นำออกจากเตา โรยน้ำตาลไอซิ่ง พร้อมเสิร์ฟ


ดูวิธีทำได้ที่ Pretty Prudent

   8. เค้กครัมเบิลกรุบกรอบ

    เค้กครัมเบิลหอมกรุ่นถ้วยนี้ นอกจากจะได้สัมผัสเนื้อเค้กนุ่ม ๆ แล้ว ยังได้ความกรุบกรอบจากเนื้อครัมเบิลอีกด้วย แถมยังได้กลิ่นหอมเบา ๆ จากอบเชยอีกด้วย
ส่วนผสม

 เนยสด (สำหรับทำเนื้อเค้ก) 1 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

 ไข่ไก่ 1 ฟอง

 ซาวร์ครีม 2 ช้อนโต๊ะ

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ (สำหรับทำเนื้อเค้ก) 1/4 ถ้วย

 ผงฟู 1/8 ช้อนชา

 เนยสด (สำหรับทำครัมเบิล) 1 ช้อนโต๊ะ

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ (สำหรับทำครัมเบิล) 2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

 ผงอบเชยป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ

    1. ใส่เนยลงในแก้ว นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 10-15 วินาทีจนละลาย นำออกจากเตา ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนผสมให้เข้ากันจนฟู ประมาณ 30 วินาที

    2. ใส่ไข่ไก่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน เติมซาวร์ครีม และกลิ่นวานิลลาเล็กน้อยลงไป คนผสมให้เข้ากัน จากนั้นเติมแป้งสาลีอเนกประสงค์ และผงฟูลงไป คนผสมให้เข้ากัน

    3. ทำครัมเบิล โดยผสมเนย แป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทรายแดง และผงอบเชยป่นเข้าด้วยกัน จากนั้นเทลงในส่วนผสมเค้ก คนให้เข้ากัน 

    4. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที นำออกจากเตา พร้อมเสิร์ฟ

 ดูวิธีทำได้ที่ Heather Likes Food

   9. เค้กฟักทองแสนหวาน
    หากคุณรู้สึกว่าเค้กอย่างเดียวมันธรรมดาเกินไป คราวนี้ก็เพิ่มฟักทองลงไปในส่วนผสมดูบ้างเชื่อว่า เค้กฟักทองชิ้นนี้จะต้องกลายเป็นเค้กโปรดของคุณอย่างแน่นอน เพราะไม่ได้มีแค่รสกลมกล่อมเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์กับสุขภาพด้วย 

ส่วนผสม

 เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

 เนื้อฟักทองบดดละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ

 กลิ่นวานิลลาเล็กน้อย

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย

 ผงฟู 1/8 ช้อนชา

 เกลือป่นเล็กน้อย

 ผงกานพลูป่นเล็กน้อย

 เนยสด (สำหรับทำสตรูเซล) 1 ช้อนโต๊ะ

 แป้งสาลีอเนกประสงค์ (สำหรับทำสตรูเซล) 2 ช้อนโต๊ะ

 น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

 ผงอบเชยป่นเล็กน้อย 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ

    1. นำเนยสดใส่แก้ว นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 5 วินาที นำออกจากเตา ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนผสมให้เข้ากัน เติมเนื้อฟักทองบดดละเอียด กลิ่นวานิลลา แป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู เกลือป่น และผงกานพลูป่นลงไป คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว ตักใส่แก้ว เตรียมไว้

    2. ทำสตรูเซล โดยผสมเนยสด แป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทรายแดง และผงอบเชยป่นเข้าด้วยกัน จากนั้นนำลงไปผสมกับส่วนผสมเค้ก คนผสมให้เข้ากัน

    3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 50-60 วินาที นำออกจากเตา พร้อมเสิร์ฟ


ดูวิธีทำได้ที่ Pretty Prudent

   10. เฟรนช์โทสต์หอมกรุ่น

     นอกจากนี้คุณยังสามารถลิ้มลองรสชาติของขนมปังฝรั่งเศสในรูปแบบที่แตกต่าง โดยการหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปใส่ในแก้วและเสิร์ฟพร้อมกับเมเปิลไซรัป ที่จะทำให้คุณตกอยู่ในภวังค์ของความหวานละมุน และสัมผัสกรอบนอกนุ่มในแบบที่คุณอาจไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

ส่วนผสม

 ขนมปัง หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ

 เนยสด

 ไข่ไก่

 นมสด

 ผงอบเชยป่น

 น้ำผึ้ง

วิธีทำ
       
    1. ใส่เนยสดลงในแก้ว นำไปละลายในไมโครเวฟประมาณ 5 วินาที นำออกจากเตา ใส่ขนมปังลงไปจนเต็มแก้ว เตรียมไว้

    2. ผสมไข่ไก่กับนมสด และผงอบเชยป่นเข้าด้วยกัน จากนั้นเทลงในแก้วขนมปัง พักทิ้งไว้สักครู่ให้ของเหลวซึมเข้าขนมปัง

    3. นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที นำออกจากเตา ราดน้ำผึ้ง พร้อมเสิร์ฟ

    เมนู ขนมหวานไม่ว่าจะเป็นเค้ก บราวนี่ คุกกี้ ฯลฯ สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยที่คุณไม่ต้องมีเตาอบที่บ้านก็ได้ เพราะขอแค่คุณมีส่วนผสมตามที่กำหนดในแต่ละสูตร แก้วกาแฟ 1 ใบ และไมโครเวฟ เท่านี้ก็มากพอที่จะทำขนมหวานอร่อย ๆ สักเมนูได้แล้ว และรับรองว่ารสชาติที่ได้อร่อยไม่แพ้ขนมหวานที่อบด้วยเตาอบเลยทีเดียว

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.