สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ขายอะไรดี? กับอาชีพขายโรตีข้างถนน


            หลายๆ คนคงจะต้องพบกับคำถามนี้กันแทบจะส่วนใหญ่ก่อนที่จะเริ่มขายของอะไรซักอย่าง  โดยที่ไม่มีพื้นฐานหรือเคยผ่านประสบการณ์การขายของไม่ว่าจะเป็นขายของตาม ตลาดนัด ปูพื้นแบกะดิน หรืออยากจะไปเปิดร้านอะไรซักอย่าง ก็จะต้องพบกับคำว่า ” ขายอะไรดี ” เพราะต่างคนก็ต่างขายกันหมดแล้ว แต่ว่าบางทีสิ่งที่เรายังไม่เคยเข้าไปลองทำดู เราอาจจะ “คิดไปเอง” มากเกินไปก็เป็นได้

            วันนี้ได้เจอการแชร์มาจากเฟสบุ๊คถึงเรื่องราวอาชีพขายโรตีของอาบังที่เราพบ เห็นกันอย่างแพร่หลายในตอนนี้ เมื่อได้อ่านแล้วก็รู้สึกว่า โอ้โห มันสุดยอดมากจริงๆ หากไม่ได้อ่านก็คงไม่มีทางรู้มาก่อน ก็เลยเกิดความรู้สึกว่าอยากจะแบ่งปันสิ่งดีๆ แบบนี้ให้กับหลายๆ คนที่อยากเริ่มขายอะไรซักอย่างแต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะ ” ขายอะไรดี ” ให้ได้อ่านกันบ้าง


            เรื่องราวของอาบังกับอาชีพการขายโรตีข้างถนน หลายๆ คนคงจะเคยคิดว่ามันดูท่าทางจะเหนื่อย อ่อนล้า ต้องเข็นของเดินไปตามถนน ชุมชนต่างๆ เพื่อให้ขายโรตีได้ และก็ดูเหมือนจะไม่ได้กำไรอะไรมากมายเท่าไหร่ กว่าจะขายได้แต่ละชิ้นละอันช่างเหนื่่อยยากลำบากแสนเข็ญ กว่าจะปั้นแป้ง กว่าจะเตรียมของ ขายก็อันละไม่กี่บาท วันนี้แอดมินขออนุญาตยกเรื่องเล่าเกี่ยวกับอาบังขายโรตีที่คุณวิชญ์ได้กล่าว ไว้ในเพจของเขาครับ ต้องขอขอบพระคุณมากครับ

“จู่ๆแม่ผมก็อยากกินโรตีไม่ใส่ไข่ ประจวบเหมาะกับอาบังขายโรตีเข็นรถเข็นผ่านอีกฟากถนนหน้าบ้านพอดี ผมเลยรีบวิ่งไปกระโดดขวางรถ หมายจะถูกชนให้ตายถ้าหากเขาไม่จอด ผมยอมพลีชีพเพื่อให้แม่ได้กินโรตีแสนอร่อย ช่างกตัญญูจริงๆ… : )

ผมสั่งโรตีไม่ใส่ไข่ 2 ชิ้น อาบังพยักหน้า หยิบแป้งก้อนกลมๆตบกับรถจนกลายเป็นแผ่นแบนๆ ระหว่างนั้นใจของผมเกิดจั๊กจี้ (ตอนนั้นอยู่ในช่วงตกงาน) เลยถามอาบังว่าขายเดือนๆนึงได้เท่าไหร่เนี่ย…???
ถึงแม้ผมจะถามด้วยความคะนองปาก แต่รอยยิ้มของอาบังกับทำให้ผมสะท้าน และผมก็สะท้านจริงๆเมื่ออาบังบอกว่า ประมาณ 40,000 บาทครับ ผมยังคำนวน 40,000 บาทหักลบต้นทุนคงประมาณ 20,000 อืม กำไรเดือนละ 20,000 นี่ไม่เลวนะ อาบังบอกว่าไม่ใช่ครับ กำไรเดือนละ 40,000 บาท หรือถ้าขายไม่ดี ก็จะได้ราวๆ 30,000 บาทครับ

พระเจ้าช่วย…!!! นี่มันเยอะกว่าเงินเดือนของคนที่จบปริญญาโทอีก ตอนนั้นผมเกิดคำถามที่ส่งใสในใจ และกำลังคิดว่าอาบังโม้หรือเปล่า (น่าคิด) และอาบังได้ให้แสงสว่างกัับผมเมื่ออาบังพูดว่า
“ผมเข็นขายสิบโมงเช้าจนถึงบ่ายสอง ก็หมดแล้วครับ ทำงานวันละ 4 ชั่วโมงเอง วันไหนขายไม่ดีก็อยู่นานหน่อย แต่ส่วนใหญ่จะไม่เหลือ งานสบายๆอย่างนี้ดีจะตาย เมื่อก่อนผมส่งเงินให้ครอบครัว ตอนนี้พ่อแม่ผมเสียแล้ว ก็ไม่รู้จะส่งเงินให้ใคร ก็เก็บเอาไว้เฉยๆ” โอ้ว..!!! ฟังแล้วสุดยอดไหมครับ ใช่… สำหรับผมสุดยอดมาก ที่ว่าสุดยอดไม่ใช่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว แต่มันคือ

1. ได้เงินเยอะกว่าคนจบปริญญาโท
2. ออกแบบเวลาในชีวิตเองได้
3. ไม่ต้องทนกดดันและเครียดจากเจ้านาย
4. มีความสุข สบายใจ เพราะเป็นงานของเขาเอง
5. ไม่ได้ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง
6. แน่ๆละ ภาษีไม่ต้องเสีย เพราะไม่รู้จะยื่น ภงด. กับใคร (หรือเปล่า)

ผมมองหน้าอาบังแบบกึ่งๆอึ้ง บางคนที่ดูจนๆกลับรวยกว่าพวกเราเสียอีก (หา่พวก) สุดยอด สุดยอด สุดยอด สุดยอด สุดยอด…!!!

ผมกลับมาเล่าให้ครอบครัวผมฟัง คนต่างประเทศมาทำมาหากินบ้านเรา สามารถทำเงินได้ขนาดนี้เชียวเหรอ ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ต้องตื่น 7 โมง อยู่บนถนนวันละ 2-4 ชั่วโมง ได้เงินมาก็แทบจะไม่พอใช้ ในขณะที่อาบังนั่งชมนกชมไม้ รอให้มีคนมาซื้อโรตีที่ไม่รู้ว่าอร่อยไม่อร่อย กลับมีคนอย่างเราๆที่กำลังเครียดทั้งเรื่องงาน เงิน ความรัก สุขภาพ บลาๆๆๆ

คนทำงาน 4 ชั่วโมงต่อวัน สามารถทำเงินได้มากกว่าคนทำงาน 12 ชั่วโมงต่อวันอีกเหรอ แถมขายโรตีด้วยเนี๊ยนะ ผมโครตสงสัย…!!!

เรื่องนี้ทำให้ผมเริ่มคิดว่าเป็นไปได้หรือเปล่า ว่าเราสามารถออกแบบชีวิตตัวเองเหมือนอาบังคนนี้ได้หรือเปล่า เราสามารถก้าวจากวงจรเดิมๆมาสู่วงจรที่เรากุมชะตาตัวเองได้หรือไม่ เราเป็นชาวพุทธ เมื่อสงสัยเราต้องพิสูจน์ และผมเริ่มลงมือพิสูจน์ทันทีทันใดครับ

คำตอบที่ผมได้คือ…
คือ… 3
คือ… 2
คือ… 1
>>>โรตีอาบังกรอบอร่อยจนน้ำตาไหลจริงๆ<<<

วิชญ์”
credit:https://www.facebook.com/vittarot

            หลังจากที่ได้อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้างครับ อาชีพทุกอาชีพต่างก็มีจุดดีจุดเด่นของตัวมันเองจริงๆ ขอแค่เพียงว่าเรามีขยันทำงาน มีความอดทนต่อความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย มุ่งมั่นที่จะทำงานบนพื้นฐานของการวิเคราะห์และวางแผนการขาย การตลาด ที่สำคัญมั่นเพียรพยายามเพิ่มพูลความรู้ ทักษะ ความสามารถอยู่เสมอเพราะทุกคนต่างก็พัฒนาไม่หยุดนิ่ง สุดท้ายอนาคตที่เราอยากจะเป็นก็สามารถทำได้ดังเช่น อาชีพขายโรตีของอาบังข้างถนน

credit by : www.ทําเลขายของ.com/?p=3530

Read More...


ห้องน้ำแมวอัจฉริยะ Litter Twister ธุรกิจเงินล้าน

ห้องน้ำแมวอัจฉริยะ Litter Twister ธุรกิจเงินล้านที่ทำรายได้ให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์อย่างสมค่าความคิดในการประดิษฐ์ผลงานออกสู่สาธารณะชน


           ในยุคสมัยที่การแข่งขันสูงอย่างในปัจจุบันการทำธุรกิจค่อนข้างยากลำบากมาก ขึ้นทุกนาที  มีเพียงธุรกิจที่มีความพิเศษแตกต่างเท่านั้นจึงจะอยู่รอด  เฉกเช่น ธุรกิจของ  สาธิต ศิวารัตน์  เจ้าของผลิตภัณฑ์  Litter Twister ซึ่งเป็นคนที่รักเจ้าแมวเหมียวคนหนึ่ง  แต่ด้วยการเลี้ยงแมวนั้นย่อมต้องมีปัญหาในการเลี้ยง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเข้า ห้องน้ำแมว  ซึ่งจะมีกลิ่นอันไม่ค่อยจะโสภาเท่าไหร่เลยของน้องแมว ทั้งกลิ่นของอุจจาระและกลิ่นปัสสาวะของน้องแมว

           ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาเจ้ากะบะทรายแบบธรรมดาเดิมๆ  ให้ขจัดปัญหาต่างๆเหล่านี้ออกไป  โดยใช้เวลา 2 ปี ในการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์โมเดลต้นแบบสู่สินค้าห้องน้ำแมวที่ใช้งานได้จริง  จากการลองผิดลองถูก มีการทดลองใช้งานจริงจากอาสาสมัครผู้รักน้องแมวทั้งหลาย

ห้องน้ำแมวอัจฉริยะ Litter Twister

จุดเด่นของ ห้องน้ำแมวอัจฉริยะ คือเป็น ห้องน้ำแมว ที่มีการควบคุมกลิ่นให้อยู่ในพื้นที่จำกัด  และการใช้งานที่ง่ายแปลกแตกต่างด้วย 3ขั้นตอน  ดังนี้

           1.หมุน หนึ่งรอบ  เพื่อให้ทรายและอุจระของน้องแมวเข้าไปรวมกันอยู่ในกล่องดักแบบลิ้นชัก ที่จะมีช่องปล่อยเม็ดทรายเหลือไว้แต่อุจระเท่านั้น

           2.เคาะ ก่อนจะดึงเอากล่องกรองออกมาให้เคาะเบาๆ  เพื่อเม็ดทรายหล่นกลับไปสู่ส่วนล่างของห้องน้ำแมวทั้งหมดเหลือไว้แต่สิ่งที่ ไม่พึงประสงค์

           3.เท  อุจระของน้องแมวใส่กล่องถุงพลาสติกเพื่อนำไปทิ้ง  ทุกขั้นตอนจะไม่มีการสัมผัสอุจระน้องแมวเลยแม้แต่น้อย  ง่ายแสนง่าย…แถมถูกสุขอนามัยอีกด้วย

ห้องน้ำแมวอัจฉริยะ Litter Twister

           สินค้า ห้องน้ำแมว อัจฉริยะนั้นได้จดสิทธิ์บัตรไว้เรียบร้อย  และจดเครื่องหมายการค้าภายใต้ชื่อว่า Litter Twister  ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆสำหรับสินค้าที่ใช้ความคิดสูงในการประดิษฐ์สร้าง สรรค์ผลิตภัณฑ์ขึ้นมา  หากคิดแทบหัวจะระเบิดกว่าจะได้ของดีๆซักชิ้น  กลับโดนคนอื่นก๊อปปี้ไปอย่างง่ายดาย  คงทำให้ชำใจอย่างสุดๆ  ฉะนั้นการจดสิทธิบัตรไว้ย่อมเป็นการดี

ห้องน้ำแมวอัจฉริยะ Litter Twister



เพื่อนๆคนไหนที่รักน้องแมว สนใจอยากหา ห้องน้ำแมว
           TEL:087-791-5777
           LINE:littertwister
           www.facebook.com/litter.twister.page

ห้องน้ำแมวอัจฉริยะ Litter Twister

เจ้าของและผู้คิดค้นตัวสินค้าคุณสาธิต


           สำหรับห้องน้ำแมวอัจฉริยะ เป็นสินค้าที่เติมความคิดลงไปในสินค้าได้อย่างลงตัวแบบคาดไม่ถึง  ตอบโจทย์การแก้ปัญหาจากการเลี้ยงน้องแมว  โดยนำเอาความรักน้องแมวที่อยากจะดูแลน้องแมวให้ดีที่สุด  กลายมาเป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการอยู่แล้ว  เพียงแต่ทุกคนมองข้ามไป  เมื่อคุณสาธิตมองเห็นถึงความต้องการที่แอบแฝงอยู่แล้วดึงเอามาเป็นจุดขายของ สินค้าห้องน้ำแมวอัจฉริยะ ภายใต้แนวความคิดที่ว่า ม้วนเดียวจบ…ถือเป็นสุดยอดสินค้าที่หาคู่ชกได้ยากจริงๆ

credit by : www.ทําเลขายของ..com/?p=9649


Read More...


‘สลัดเจลกระเจี๊ยบ’ เมนูแปลกชูสุขภาพเด่น!!





“สลัดนํ้าใสเจลกระเจี๊ยบ” แค่ชื่อก็ทำให้นึกไปถึงไหนต่อไหน คนไทยส่วนใหญ่มักนำกระเจี๊ยบเขียว มาจิ้มนํ้าพริกและทำอาหารอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นแกง ยำ ผัด ทอด เป็นพืชผักสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ กับสลัดนํ้าใสที่ทำจากเจลกระเจี๊ยบเขียวสด ๆ ให้ความรู้สึกชุ่มคอ ด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยว เมื่อรับประทานคู่กับผักสลัดจะกลมกล่อมเข้ากันดี เป็นเมนูสินค้าน่าแปลก น่าลอง และน่าทำขาย สำหรับคนรักสุขภาพต้องหันมามองที่ทานแล้วต้องลืมป่วย หายห่วงเรื่องโรคภัยไข้เจ็บไปอีกนาน ทีมงาน “ช่องทางทำกิน” จึงได้ข้อมูลเมนูนี้มาแนะนำเพื่อเป็นแนวทางต่อยอดให้กับผู้ที่สนใจนำไป ประกอบอาชีพ

ผู้ค้นคิดเมนูแปลกเช่นนี้ เป็นสองนักศึกษาสาว จันจิรา นาคฉัตรีย์ และ จีระประไพ เจริญธรรม จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คณะคหกรรมศาสตร์ สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ โดยมี ดร.อรวัลถ์ อุปถัมภานนท์ เป็นอาจารย์ผู้ควบคุมกำกับดูแล สองนักศึกษาสาวเล่าให้ฟังถึงที่มาว่า ไอเดียที่คิดเมนูนี้ขึ้นมา เพราะผู้คนในเมืองนิยมบริโภคอาหารที่เน้นไปทางมังสวิรัติ หรือ อาหารชีวจิตเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากห่วงใยสุขภาพ และจากการศึกษาทำให้รู้ว่าผลของกระเจี๊ยบเขียวมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงตับ กำจัดพยาธิ และช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้ผิวพรรณผ่องใสอีกด้วย

“กระเจี๊ยบเขียว เป็นสมุนไพรมีสรรพ คุณทางยาและประโยชน์ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ฝักของกระเจี๊ยบเขียวเป็นที่นิยมกินกันมากในหลายประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ที่นำเข้ากระเจี๊ยบเขียวจากไทยเป็นจำนวนมาก สร้างรายได้ให้กับบ้านเราปีละหลายร้อยล้านบาท ส่วนคนไทยก็มักจะนำมาลวกจิ้มนํ้าพริก ผัด ย่าง ชุบแป้งทอด ใส่ในแกงกะทิ แกงส้ม หรือแกงเลียง แค่ได้ยินว่าเอา ‘เมือก’ มาทำอาหาร บางคนก็ส่ายหัวร้องยี้กันหมด จึงทำให้การประกอบอาหารที่ทำจากกระเจี๊ยบเขียว นิยมลดเมือกกระเจี๊ยบให้น้อยลง ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายอย่างมาก เพราะในเมือกกระเจี๊ยบนี่แหละมีสารเพกทิน (PECTIN) และกัม (GUM) มีประโยชน์ช่วยหล่อลื่น ฉาบ เคลือบแผลในกระเพาะอาหารและที่ลำไส้ได้ ทั้งยังบรรเทาอาการระคายเคืองของเนื้อเยื่อที่อักเสบได้อีกด้วย”

นอกจากนี้ คนสมัยก่อนจึงใช้ทานเป็นยาบรรเทาอาการปวดท้องได้ในรายที่เยื่อบุกระเพาะ อาหารหรือลำไส้อักเสบ ยังช่วยลดความดันโลหิต เป็นยาระบายอ่อน ๆ และช่วยแก้อาการกระหายนํ้าได้อีกด้วย
อุปกรณ์ เครื่องตีแป้ง, เครื่องปั่นผลไม้, เครื่องชั่ง/ตวง วัตถุดิบ, ผ้าขาวบาง, หม้อ, ทัพพี, ภาชนะใส่อาหาร หาซื้อได้ตามศูนย์การค้าทั่วไป

ส่วนผสม ในการทำสลัดนํ้าใสจากเจลหรือเมือกกระเจี๊ยบ มีนํ้าตาลทราย 75 กรัม นํ้าส้มสายชู 85 กรัม นํ้าเมือกกระเจี๊ยบเขียว 40 กรัม เกลือ 5 กรัม นํ้าเปล่า 110 กรัม และผักสลัดตามแต่เลือกรับประทาน
ขั้นตอนการทำ “สลัดนํ้าใสเจลกระเจี๊ยบ”

เริ่มจากการสกัดเจลหรือนํ้าเมือกจากผลกระเจี๊ยบก่อนเป็นอันดับแรก โดยนำผลกระเจี๊ยบเขียวมาล้างให้สะอาด ผึ่งให้สะเด็ดนํ้า ก่อนจะนำไปหั่นเป็นแว่น ๆ แล้วนำไปต้มในนํ้าร้อนที่ไม่ต้องเดือดมาก ใช้เวลาต้มประมาณ 10 นาที จากนั้นนำมา กรองด้วยผ้าขาวบางก็จะได้นํ้าเมือกเป็นเจลใส ๆ

ขั้นตอนการทำสลัดนํ้าจากเจลกระเจี๊ยบหรือเมือกกระเจี๊ยบ ให้นำนํ้าสะอาดใส่หม้อหรืออ่างผสมที่สะอาด ๆ ใส่     ตามด้วยนํ้าส้มสายชู นํ้าตาลทราย และเกลือ ใช้ทัพพีหรือช้อนคนผสมให้เข้ากัน คนไปเรื่อย ๆ จนนํ้าตาลและเกลือละลายดีแล้ว ตั้งพักไว้ก่อน

จากนั้นให้นำส่วนผสมนํ้าตาล เกลือ และนํ้าส้มสายชูเทใส่ในเครื่องตี นำเจลหรือนํ้าเมือกกระเจี๊ยบที่ทำเตรียมไว้ใส่ตามลงไป โดยใช้ความแรงในการตีไม่มาก ประมาณ 10 นาที ให้ส่วนผสมนํ้าตาลกับเจลหรือนํ้าเมือกกระเจี๊ยบเข้ากัน (ถ้าไม่มีเครื่องตี สามารถใช้ไม้หรือที่ตีไข่ตีแทนกันได้ แต่ต้องใช้ความเร็วมากกว่าเดิม) เมื่อครบตามเวลาหรือเครื่องผสมเข้ากันดีแล้ว ก็จะได้นํ้าเมือกกระเจี๊ยบที่มีลักษณะใสและหนืด ๆ คล้ายเจล เทใส่ภาชนะที่ได้จัดเตรียมไว้ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

สลัดนํ้าใสเจลกระเจี๊ยบนำมารับประทานควบคู่กับสลัดผักที่แช่เย็น ไม่ว่าจะเป็นผักสลัด ผักกาดแก้ว ผักกาดหอม แตงกวา หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ ฯลฯ และจะยิ่งช่วยเพิ่มรสชาติให้ดียิ่งขึ้น แต่ก็อย่าลืมนำผลกระเจี๊ยบมาหั่นให้พอดีคำเพื่อรับประทานควบคู่ไปกับผักนานา ชนิดด้วยนะคะจะได้ความอร่อยที่กลมกล่อมยิ่งขึ้น

สลัดนํ้าใสเจลกระเจี๊ยบ ขายอยู่ที่ ขวดละ 50 บาท สำหรับคนเมืองที่ใช้ชีวิตแข่งกับเวลา สามารถซื้อไปรับ  ประทานคู่กับผักสดได้ยามว่าง ยามพักเบรกในช่วงเวลาทำงาน ก็อร่อยรองท้องไปพลาง ๆ อย่างไม่ต้องกลัวโรคอ้วนมาเยือน เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปเป็นช่องทางทำกินได้ไม่แพ้ใคร
สนใจอยากจะลองฝึกทำ “สลัดนํ้าใสเจลกระเจี๊ยบ” ทำเป็นเมนูเพื่อสุขภาพรับประทานกันในครอบครัว หรือจะนำไปประกอบอาชีพทำขายก็ได้ หากมีข้อติดขัดสงสัยในขั้นตอนใด สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ ภาควิชาอาหารและโภชนาการ โทร. 0-2549-3160-61 ในเวลาราชการ

หากรู้จักนำสิ่งใกล้ ๆ ตัวมาปรับหรือประยุกต์ให้ดูดีเพิ่มมูลค่าก็สามารถใช้เป็นช่องทางอาชีพได้อย่างน่าทึ่ง!!!!.
.................................................................
คู่มือลงทุน...สลัดน้ำใสเจลกระเจี๊ยบ
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 3,000 บาท
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 50% ของราคา
รายได้ ราคาขาย 50 บาท/ขวด
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านอาหาร, ตลาด, ชุมชนทั่วไป
จุดน่าสนใจ ปัจจุบันยังมีคนทำขายน้อย
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / ภานุพงศ์ พนาวัน : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content/Article/253511/‘สลัดเจลกระเจี๊ยบ’+เมนูแปลกชูสุขภาพเด่น!!

Read More...


อาหารพื้นบ้านภาคใต้

อาหารพื้นบ้านภาคใต้มีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ สืบเนื่องจากดินแดนภาคใต้ 

เคยเป็นศูนย์กลางการเดินเรือค้าขายของพ่อค้าจากอินเดีย จีนและชวาในอดีต ทำใหวัฒนธรรม ของชาวต่างชาติโดยเฉพาะอินเดียใต้ ซึ่งเป็นต้นตำรับในการใช้เครื่องเทศปรุงอาหารได้เข้ามามีอิทธิพลอย่างมาก
           อาหารพื้นบ้านภาคใต้ทั่วไป มีลักษณะผสมผสานระหว่างอาหารไทยพื้นบ้านกับอาหารอินเดียใต้ เช่น น้ำบูดู ซึ่งได้มาจากการหมักปลาทะเลสดผสมกับเม็ดเกลือ และมีความคล้ายคลึงกับอาหารมาเลเซีย อาหารของภาคใต้จึงมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่น ๆ และด้วยสภาพภูมิศาสตร์อยู่ติดทะเลทั้งสองด้านมีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ แต่สภาพอากาศร้อนชื้น ฝนตกตลอดปี อาหารประเภทแกงและเครื่องจิ้มจึงมีรสจัด ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ป้องกันการเจ็บป่วยได้อีกด้วย
           เนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงเป็นอาหารส่วนมากนิยมสัตว์ทะเล เช่น ปลากระบอก ปลาทู ปูทะเล กุ้ง หอย ซึ่งหาได้ในท้องถิ่น อาหารพื้นบ้านของภาคใต้ เช่น แกงเหลือง แกงไตปลา นิยมใส่ขมิ้นปรุงอาหารเพื่อแก้รสคาว เครื่องจิ้มคือน้ำบูดู 
           อาหาร ของภาคใต้จะมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่นๆ แกงที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ คือ แกงเหลือง แกงไตปลา เครื่องจิ้มก็คือ น้ำบูดู และชาวใต้ยังนิยมนำน้ำบูดูมาคลุกข้าวเรียกว่า "ข้าวยำ" มีรสเค็มนำและมีผักสดหลายชนิดประกอบ อาหารทะเลสดของภาคใต้มีมากมาย ได้แก่ ปลาหอยนางรม และกุ้งมังกร เป็นต้น        


อาหารไทยภาคใต้
          อาหารของภาคใต้จะมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่นๆ แกงที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ คือ แกงเหลือง แกงไตปลา เครื่องจิ้มก็คือ น้ำบูดู และชาวใต้ยังนิยมนำน้ำบูดูมาคลุกข้าวเรียกว่า "ข้าวยำ" มีรสเค็มนำและมีผักสดหลายชนิดประกอบ อาหารทะเลสดของภาคใต้มีมากมาย ได้แก่ ปลาหอยนางรม และกุ้งมังกร เป็นต้น

         เม็ดเหรียง เป็น คำเรียกของคนภาคใต้ มีลักษณะคล้ายถั่วงอกหัวโต แต่หัวและหางใหญ่กว่ามาก สีเขียว เวลาจะรับประทานต้องแกะเปลือกซึ่งเป็นสีดำออกก่อน จะนำไปรับประทานสดๆ หรือนำไปผัดกับเนื้อสัตว์  หรือนำไปดองรับประทาน
กับแกงต่างๆ หรือกับน้ำพริกกะปิ หรือ กับหลนก็ได้



        ลูกเนียง  มีลักษณะกลม เปลือกแข็งสีเขียวคล้ำเกือบดำ ต้องแกะเปลือกนอก แล้วรับประทานเนื้อใน ซึ่ง มีเปลือกอ่อนหุ้มอยู่ เปลือกอ่อนนี้จะลอกออกหรือไม่ลอกก็ได้แล้วแต่ความชอบ ใช้รับประทานสดๆ กับน้ำพริกกะปิ หลนแกงเผ็ด โดยเฉพาะแกงไตปลา ลูกเนียงที่แก่จัดใช้ทำเป็นของหวานได้ โดยนำไปต้มให้สุกแล้วใส่มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย และน้ำตาลทรายคลุกให้เข้ากัน


         ฝักสะตอ มีลักษณะเป็นฝักยาว สีเขียว เวลารับประทานต้องปอกเปลือกแล้วแกะเม็ดออก ใช้ทั้งเม็ดหรือนำมาหั่น ปรุงอาหารโดยใช้ผัดกับเนื้อสัตว์หรือใส่ในแกง นอกจากนี้ยังใช้ต้มกะทิรวมกับผักอื่นๆ หรือใช้เผาทั้งเปลือกให้สุก แล้วแกะเม็ดออกรับประทานกับน้ำพริก หรือจะใช้สดๆ โดยไม่ต้องเผาก็ได้ ถ้าต้องการเก็บไว้นานๆ ควรดองเก็บไว้
อาหารพื้นบ้านภาคใต้ที่มีชื่อเสียง เช่น แกงไตปลาน้ำข้น


เครื่องปรุง

ปลาสำลีหรือปลาโอ 1 ตัว
ไตปลาอย่างดี 1/4 ถ้วย
น้ำมะขามเปียกนิดหน่อย
ใบมะกรูด 5-6 ใบ


วิธีทำ

1. ทำความสะอาดปลา ควักไส้ออก แล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ 
จากนั้นนำไปย่างให้สุกแห้ง แล้วแกะเอาแต่เนื้อ
2. นำน้ำ 2 ถ้วยใส่หม้อเคลือบ ตั้งไฟ พอน้ำเดือดพล่าน ใส่ไตปลาลงไป 
ปล่อยให้เดือดสักครู่ จึงยกลงกรองเอาแต่น้ำ แล้วนำขึ้นตั้งไฟใหม่
3. ใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไป พอหอม ใส่เนื้อปลาย่าง คนให้ทั่ว 
ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก (ถ้าชอบอาจตัดรสด้วยน้ำตาลปึกนิดหน่อย) 
พอเดือดอีกครั้ง ใส่ใบมะกรูดฉีก แล้วยกลง เสิร์ฟพร้อมผักสด
เครื่องแกง
ขมิ้น 1 แง่งเล็ก ๆ
ข่าหั่นตามขวาง 5 - 7 แว่น
ตะไคร้ซอยละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
ผิวมะกรูดซอยละเอียด 1/2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง 2 หัว
กระเทียม 1 หัว
พริกขี้หนูสดสีเขียวและสีแดง 20 เม็ด
พริกขี้หนูแห้ง 10 - 15 เม็ด
พริกไทย 1 ช้อนชา
กะปิ 1/ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด

เครื่องปรุง
ออกดิบ (ต้นคูน) 3 ก้าน (300กรัม)
ปลา 300 กรัม
ส้มแขก/มะนาว 10 ชิ้น
พริกขี้หนูแห้ง 30 เม็ด (30 กรัม)
ขมิ้น 1 นิ้ว (15 กรัม)
กระเทียม 2 หัว (20 กรัม)
เกลือ 1 ช้อนชา (8 กรัม)
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)
น้ำตาล 1 ช้อนชา (8 กรัม)
วิธีทำ
1. ล้างปลาให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นขนาด 2 นิ้ว
2. ลอกเปลือกคูนออก หั่นตามขวางเป็นท่อนสั้นพอคำ ล้างให้หมดทราย
3. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด
4. ใส่น้ำในหมอแกงประมาณ 3 ถ้วย นำเครื่องแกงที่โขลกไว้แล้วคนให้ละลาย ตั้งไฟให้เดือด ใส่ต้นคูนให้เดือด ใส่ส้มแขก (ทำให้มีรสเปรี้ยว) หากไม่มีส้มแขกอาจใช้น้ำมะนาวหรือมะขามแทนได้ ใส่ปลาเนื้อปลาสุก ปรุงรสตามชอบ แกงส้มออกดิบมักจะมีรสเปรี้ยวนำ


แกงหมูกับลูกเหรียง



เครื่องปรุง
เนื้อหมูหั่นบาง 1 กิโลกรัม
ลูกเหรียงเด็ดหางออก  500 กรัม
มะพร้าวขูด      1 กิโลกรัม
น้ำตาลปีบ       1 ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนชา
เครื่องแกง
พริกขี้หนูสด    50 เม็ด
หอมแดงซอย   4 หัว
กระเทียม         1 หัว
ข่าหั่นละเอียด  5 แว่น
ตะไคร้หั่นฝอย 3-4 ต้น
ขมิ้นหั่นยาว 1 นิ้ว        1 ชิ้น
พริกไทยเม็ด    2 ช้อนชา
เกลือป่น          1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 1 ถ้วย และหางกะทิ 3 ถ้วย
2. ใส่หางกะทิลงใสหม้อ ตั้งไฟพอเดือด ใส่น้ำพริกแกงที่ โขลกคนให้ละลาย ใส่เนื้อหมู
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล พอหมูสุก ใส่ลูกเหรียง หัว กะทิ ต้มต่อสักครู่ ปิดไฟ ยกลง
4. ตักใส่ชาม เสิร์ฟ

เครื่องปรุง
สะตอนำมาแกะเอาเม็ด ประมาณ 1 ถ้วย
หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นๆ ประมาณ 15 ชิ้น
กะปิอย่างดี ประมาณ 1-2 ช้อน
พริกชี้ฟ้าหั่นยาวๆ ประมาณ 4-5 เม็ด
หอมแดงหั่นหยาบ ประมาณ 3-4 หัว
กระเทียมปอก ประมาณ 7-8 กลีบ
น้ำตาล ประมาณ 1-2 ช้อน
น้ำมะนาว ประมาณ 1-2 ช้อน
น้ำปลา และน้ำมันพืช
วิธีทำ
1. นำหอม กระเทียมมาโขลกรวมกันกับกะปิให้ ละเอียด ตักมาพักไว้ก่อน
2. กระทะตั้งไฟใส่น้ำมันพืชลงไปพอสมควร
3. ใส่หอมกระเทียมและกะปิที่โขลกลงไปผัดใน กระทะให้หอม แล้ว จึงใส่หมูที่หั่นแล้วลงไปผัดให้เข้ากัน
4. แล้วใส่เม็ดสะตอที่แกะเตรียมเอาไว ผัดรวม กันในกระทะ
5. ใส่น้ำปลา น้ำตาล และ น้ำมะนาว ปรุงรส และผัดให้พอสะตอสุก
6. ก่อนยกลง ให้ใส่พริกชี้ฟ้าหั่นยาวลงไปและ ตักไปรับประทานได้

ข้าวยำ

     ข้าวยำปักษ์ใต้ เป็นอาหารที่เชื่อว่าทุกคนต้องเคยลิ้มลองกันมาบ้างแล้ว เพราะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของชาวใต้จนดูเหมือนจะกลายเป็นสัญลักษณ์อาหารปักษ์ใต้อีกเมนูหนึ่ง
     ข้าวยำของชาวใต้ จะอร่อยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับน้ำบูดูเป็นสำคัญ น้ำบูดูมีรสเค็ม แหล่งที่มีการทำน้ำบูดูมากคือจังหวัดยะลาและปัตตานี เวลานำมาใส่ข้าวยำต้องเอาน้ำบูดูมาปรุงรสก่อน จะออกรสหวานเล็กน้อยแล้วแต่ความชอบ น้ำบูดูของชาวใต้มีกลิ่นคาวของปลา เพราะทำมาจากปลา กลิ่นคล้ายของทางภาคอีสาน แต่กลิ่นน้ำบูดูจะรุนแรงน้อยกว่า เนื่องจากน้ำบูดูมีรสเค็ม ชาวใต้จึงนำมาใส่อาหารแทนน้ำปลา
เครื่องปรุง
ข้าวสวย 60 กรัม หรือ 1/2 ถ้วย 
กุ้งแห้งป่น 45 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ
มะพร้าวหั่นฝอย คั่วจนเหลืองกรอบ 45 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูคั่วป่น 15 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
ผักถั่วงอกเด็ดหาง 25 กรัม หรือ 1/3 ถ้วย 
ตะไคร้หั่นฝอย 30 กรัม หรือ 2 ช้อนโต๊ะ 
ใบมะกรูดอ่อนหั่นฝอย 15 กรัม หรือ 1 ช้อนโต๊ะ 
มะม่วงดิบสับหั่นเส้นเล็ก 30 กรัม หรือ 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วฝักยาวหั่นฝอย 45 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ 
มะนาว 1 ลูก 
เครื่องปรุงน้ำบูดู
น้ำบูดู 45 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ 
น้ำ 1 ถ้วยครึ่ง 
ปลาอินทรีย์เค็ม 10 กรัม หรือ 1 ชิ้น 
น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม หรือ 1 ถ้วย 
หอมแดงทุบพอแตก 300 กรัม
ตะไคร้หั่นท่อนสั้น 40 กรัม หรือ 1 ต้น 
ใบมะกรูดฉีก 7 กรัม หรือ 3 ใบ 
ข่ายาว 1 นิ้ว 
ทุบพอแตก 5 กรัม หรือ 1 ชิ้น 
วิธีทำ
1. ทำน้ำบูดูโดยการต้มปลาอินทรีย์จนเปื่อย แกะเอาแต่เนื้อใส่หม้อ เติมน้ำบูดู น้ำ แล้วตั้งไฟ
2. ใส่หอม ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูดฉีก น้ำตาลปี๊บ ต้มต่อจนน้ำบูดูข้น ชิมให้รสเค็มนำหวาน ยกลง
3. จัดเสริ์ฟโดยตักข้าวใส่จาน ใส่มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้งป่น และผักทั้งหมดใส่อย่างละน้อย พอคลุกรวมกันแล้วจะมากยิ่งขึ้น ราดน้ำบูดู ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว เคล้าให้เข้ากันดีรับประทานได้
ประโยชน์ทางอาหาร
      ข้าวยำปักษ์ใต้ที่ปรุงสำเร็จแล้วจะออกรสหลายรสด้วยกัน ได้แก่ รสมันของมะพร้าว รสเปรี้ยวจากมะม่วงดิบและน้ำมะนาว รสเค็มหวานจากน้ำบูดู รสเผ็ดของพริกป่น เรียกว่าเป็นอาหารที่บำรุงธาตุก็ไม่ผิดนัก
น้ำพริกระกำ



น้ำพริกระกำนับเป็นอาหารที่นิยมอย่างหนึ่งในช่วงฤดูร้อน ขณะที่มะนาวขาดแคลน ระกำซึ่งเป็นผลไม้พื้นเมืองก็ออกผล คนใต้จึงนิยมประยุกต์ใช้รสเปรี้ยวจากระกำแทนมะนาว นำมาทำน้ำพริกรับประทานกับผักต่าง น้ำพริกระกำจะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากจะมีรสชาติเปรี้ยวเค็มหวานอย่างกลมกล่อมแล้ว ยังมีกลิ่นหอมของระกำเจืออยู่ด้วย คนใต้นิยมรับประทานคู่กับลูกเนียงซึ่งมีกลิ่นฉุน เมื่อรับประทานคู่กันยิ่งทำให้เพิ่มรสชาติในการรับประทานยิ่งขึ้น นับเป็นของคู่กันเลยทีเดียว 
เครื่องปรุง
ระกำปอกเปลือกขูดเอาแต่เนื้อ 300 กรัม 
กะปิ 10 กรัม 
กุ้งแห้ง 40 กรัม 
กระเทียม 5 กรัม 
พริกขี้หนู 15 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
น้ำตาลทราย 150 กรัม 
วิธีทำ
1. ใช้ใบตองห่อกะปิย่างไฟให้หอม
2. โขลกกะปิ กระเทียม กุ้งแห้ง พริกขี้หนู น้ำตาลทราย
3. ใส่ระกำ โขลกให้เข้ากัน
4. เสริ์ฟพร้อมผักเหนาะ เช่น ถั่วฝักยาว, สะตอ, กระถิน เป็นต้น
ประโยชน์ทางอาหาร
   น้ำพริกระกำ เป็นน้ำพริกที่เพิ่มรสชาติของผักเหนาะให้รับประทานได้มากยิ่งขึ้น การรับประทานผักมาก และหลายชนิด ช่วยให้ร่างกายได้คุณค่าทางอาหารรวมตลอดถึงวิตามินครบถ้วน
ไก่ต้มขมิ้น


เครื่องปรุง
ไก่บ้าน 100 กรัม หรือ 1 ตัว
ตะไคร้ 30 กรัม หรือ 2 ต้น 
ขมิ้น 10 กรัม หรือ 2 นิ้ว 
หอมแดง 45 กรัม หรือ 5 หัว 
กระเทียม 30 กรัม หรือ 3 หัว 
ข่า 50 กรัม หรือ 7 แว่น 
เกลือป่น 5 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
ส้มแขก 5 กรัม หรือ 5 ชิ้น 
วิธีทำ
1. ล้างไก่ให้สะอาด แล้วสับชิ้นพอคำ
2. ทุบตะไคร้ให้แตก หั่นเป็นท่อน 2-3 นิ้ว ทุบข่า ขมิ้น แล้วบุบหอมแดง กระเทียม
3. เอาน้ำ 4 ถ้วยใส่หม้อตั้งไฟ พอเดือด ใส่เครื่องที่เตรียมไว้ (ข้อ 2) ต้มสักพักจนเครื่องหอม ใส่ส้มแขก
4. ใส่ไก่ต้มจนสุก ใส่เกลือ น้ำตาล ปรุงรสตามชอบ ยกลง
หมายเหตุ ควรให้มีรสเปรี้ยว โดยใช้ส้มแขก หากไม่มีส้มแขกสามารถใช้ส้มมะขามแทนได้
ประโยชน์ทางอาหาร
   ไก่ต้มขมิ้น เป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยวนำ เหมาะสำหรับคนธาตุน้ำ เป็นหวัดเรื้อรัง รับประทานเผ็ด แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
ผัดสะตอใส่กะปิ


อาหารประจำภาคใต้ที่ปรุงรสจากผักพื้นบ้านที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ สะตอ ซึ่งไม่เพียงแต่คนภาคใต้เท่านั้นที่จะชอบรับประทาน สะตอยังเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไปด้วย
เครื่องปรุง
สะตอแกะเมล็ด 300 กรัม 
หมูติดมัน 50 กรัม 
กุ้งชีแฮ้ 250 กรัม หรือ 10 ตัว 
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นตามยาว 10 กรัม 
กระเทียม 10 กรัม 
หอมแดง 20 กรัม 
กะปิ 8 กรัม 
น้ำปลา 8 กรัม 
น้ำตาลทราย 8 กรัม 
น้ำมะนาว 15 กรัม 
น้ำมัน 45 กรัม 
วิธีทำ
1. โขลกกระเทียม หอมแดง กะปิ ให้ละเอียด
2. ล้างหมูให้สะอาด หั่นชิ้นพอคำ
3. ล้างกุ้งชีแฮ้ตัดหัวออกปอกเปลือกไว้หาง ผ่าหลัง ชักเส้นดำออก
4. ตั้งกะทะใส่น้ำมัน ใส่เครื่องที่โขลก ผัดให้หอม ใส่หมู กุ้ง แล้วใส่สะตอ
5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว ผัดพอสุกทั่ว ใส่พริกชี้ฟ้า ยกลง
ประโยชน์ทางอาหาร
   อาหารที่ปรุงจากสะตอ จะมีรสชาติช่วยให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น และบำรุงเส้นเอ็น เครื่องปรุงต่าง ช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร
แกงหมูกับลูกเหรียง


เหรียง เป็นผักพื้นบ้านของภาคใต้ เป็นไม้ยืนต้น ลำต้นสูงใหญ่ ชาวใต้นิยมนำเมล็ดเหรียงมาเป็นอาหาร โดยจะนำเมล็ดมาเพาะให้แตกรากสั้น คล้ายถั่งงอก แต่หัวจะโตกว่าถั่วงอก มีสีเขียว เรียกว่าลูกเหรียง มีรสมัน กลิ่นฉุน นำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด ทั้งเป็นผักสดรับประทานกับน้ำพริก นำมาดองหรือแกงเป็นอาหาร
เครื่องปรุง
ลูกเหรียงเด็ดหางออก 500 กรัม 
เนื้อหมูหั่นบาง 1 กิโลกรัม 
มะพร้าวขูด 1 กิโล กรัม 
น้ำปลา 15 กรัม 
พริกขี้หนู 15 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
น้ำตาลปี๊บ 8 กรัม 
เครื่องแกง
ตะไคร้ 150 กรัม 
พริกขี้หนูสด 50 กรัม หรือ40 เม็ด 
กระเทียม 20 กรัม หรือ 1 หัว 
หอมแดง 40 กรัม หรือ 4 กลีบ 
ข่า 40 กรัม หรือ 5 แว่น 
พริกไทยเม็ด 15 กรัม หรือ 2 ช้อนชา
เกลือป่น 10 กรัม หรือ 1 ช้อนชา 
กะปิ 15 กรัม หรือ 1 ช้อนโต๊ะ
ขมิ้นชัน 5กรัม หรือ 1 นิ้ว 
 วิธีทำ
1. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
2. คั้นมะพร้าว แยกหัวกะทิไว้ 1 ถ้วย
3. เอาหางกะทิตั้งไฟ พอเดือดใส่เครื่องแกง พอน้ำเข้าเครื่อง ใส่เนื้อหมู น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ต้มจนหมูสุก ใส่ลูกเหรียง ใส่หัวกะทิ ตั้งไฟต่ออีกสักครู่ ปิดไฟ ยกลง
4. เสริ์ฟพร้อมผักเหนาะ
ผักเหนาะ ประกอบด้วยสะตอ ลูกเนียง ยอดชะอม ถั่วฝักยาว ยอดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วพู แตงกวา หน่อไม้
ประโยชน์ทางอาหาร
   แกงหมูกับลูกเหรียงมีส่วนประกอบของเครื่องปรุงส่วนใหญ่ออกไปทางเผ็ดร้อน ซึ่งเป็นที่นิยมของคนใต้ สรรพคุณจึงช่วยในการขับลม และช่วยให้เจริญอาหารได้ดี
ลูกปลาคั่วเกลือ


เนื่อง จากชีวิตของคนภาคใต้ผูกพันอยู่กับทะเล เมื่ออกทะเลหาอาหารมาได้มากเกินกว่าจะรับประทานให้หมดในหนึ่งมื้อ คนภาคใต้จึงนำอาหารที่ได้จากทะเลมาทำการถนอมอาหารโดยการหมักกับเกลือ หรือตากแห้งเพื่อเก็บไว้รับประทานได้นาน
     ลูกปลาคั่วเกลือเป็นอาหารปลาประเภทหนึ่งที่นิยมรับประทานกันโดยใช้ลูกปลาเล็กปลาน้อยที่หาได้จากทะเล นำมาผสมเครื่องปรุงและคั่วเกลือจนแห้ง ลูกปลาที่นิยมนำมาคั่วคือลูกปลากะตักหรือลูกปลาไส้ตัน
เครื่องปรุง
ลูกปลาไส้ตัน 300 กรัม 
กระเทียม 10 กรัม 
หอมแดง 40 กรัม 
ขมิ้นชัน 5 กรัม 
เกลือป่น 15 กรัม หรือ 2 ช้อนชา 
ตะไคร้ 150 กรัม 
วิธีทำ
1. ล้างปลาให้สะอาด เอาส่วนหัวออก ควักไส้ทิ้ง
2. ทุบตะไคร้ ขมิ้นชัน ทุบหอมแดงและกระเทียม
3. เอาน้ำ ½ ถ้วยใส่กะทะตั้งไฟ พอน้ำเดือดใส่ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ขมิ้นชัน สักครู่จึงใส่เกลือ
4. พอน้ำเดือดใส่ลูกปลา คั่วเบา จนน้ำแห้งปลาสุก ปิดไฟ ยกลง รับประทาน
หมายเหตุ ลูกปลา หมายถึง ปลาน้ำจืดตัวเล็ก หรืออาจใช้ปลาไส้ตันก็ได้
ประโยชน์ทางอาหาร
   ลูกปลาคั่วเกลือ เป็นอาหารที่ให้แคลเซียมสูงมาก จากปลาเล็กปลาน้อยผสมรวมกับเครื่องปรุงก็จะช่วยเพิ่มรสชาติ กระตุ้นให้เจริญอาหารได้ดี

น้ำพริกมะม่วงเบา

เครื่องปรุง


มะม่วงเบา 4 ลูก
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสด 20 เม็ด
กะปิ 2 ช้อนชา
หอมแดง 2 หัว
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
วิธีทำ
1.ล้างมะม่วงให้สะอาด ปอกเปลือก และสับเป็นเส้นๆ ใส่เกลือป่น คั้นมะม่วงน้ำเปรี้ยวออก ล้างน้ำ ใส่กระชอนไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2.โขลกพริกขี้หนูพอแตก ใส่กะปิ หอมแดง น้ำตาล โขลกให้เข้ากันไม่ต้องละเอียด
3.ใส่กุ้งแห้ง มะม่วง ใช้ช้อนเคล้าจนเข้ากันดี
4.เสิร์ฟพร้อมผักเหนา
ปลากระบอกต้มส้ม

เครื่องปรุง
ปลากระบอกตัวใหญ่ 2 ตัว
เกลือป่น 3 ช้อนชา
ตะไคร้หั่นทุบ 2 ต้น
หอมแดงบุบ 3 หัว
กระเทียมบุบ 3 หัว
น้ำส้ม 1/3 ถ้วย
ขมิ้นทุบ 2 ..
วิธีทำ
1.ล้างปลาให้สะอาด ควักไส้ทิ้ง
2.เอาน้ำ 2 ถ้วยตั้งไฟ พอเดือดใส่ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ขมิ้น
3.พอเดือดอีกครั้งใส่น้ำส้ม เกลือ แล้วจึงใส่ปลา
4.พอปลาสุกดีแล้วจึงปิดไฟ ยก
ไก่กอแหละ

เครื่องปรุง
ไก่อ้วนๆ 1 ตัว
มะพร้าวขูด 100 กรัม
เนย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก หรือน้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 5 เม็ด
ลูกผักชีคั่วป่น 1/4 ช้อนชา
ลุกยี่หร่าคั่วป่น 1/4 ช้อนชา
อบเชยป่น 1/4 ช้อนชา
หอมแดง 2 หัว
ขมิ้นสดหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
กะปิ 1 ช้อนชา
โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
วิธีทำ
1.คั้นมะพร้าวใส่น้ำ 2-2ครึ่ง ถ้วย คั้นให้ได้ 5-6 ถ้วย
2.ล้างไก่ หั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ ตัวหนึ่งประมาณ 10-12 ชิ้น ทอดด้วยเนย และน้ำมัน พอเหลืองตักไก่ใส่กะทิ ตั้งไฟกลาง พอเดือดลดไฟลง เคี่ยวไฟอ่อนๆ
3.เอาเครื่องแกงลงผัดในน้ำมันที่เหลือจากการทอดไก่ แล้วใส่ลงในหม้อไก่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล ให้ได้รสตามชอบ พอไก่เปื่อย ยกลง จัดเสิร์ฟ โรยพริกชี้ฟ้าแดง ให้สวยงาม

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.