สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

‘สุกี้น้ำจิ้มกวางตุ้ง’ญี่ปุ่นสไตล์จีนทำเงิน

“คนที่เคยมากินของผมบ่อย ๆ มาถามว่าขายแฟรนไชส์หรือเปล่า หลังคิดคำนวณ ดัดแปลงสูตรจนทุกอย่างเข้าที่แล้ว ก็เลยขายแฟรนไชส์ จากวันนี้มาจนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 5 ปีแล้ว ตอนนี้มีแฟรนไชส์เกือบ 20 สาขาแล้ว”
 
วิถีชีวิตคนไทยเปลี่ยนไป สู่ยุคที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว ไม่เว้นแม้แต่เรื่องอาหารการกิน ซึ่งอาหารจานเดียว หรืออาหารจานด่วนนั้น เมนู “สุกี้ยากี้” ก็สามารถจะเป็นได้ สามารถจะทำขายทั่วไปได้ ซึ่งวันนี้ทางทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูล “สุกี้กวางตุ้ง” สุกี้รวมมิตร ทั้งแบบนํ้าและแห้ง มานำเสนอให้แฟนคอลัมน์ได้ลองพิจารณากันดู…




พัน-อำพัน พงศ์พันษ์ เจ้าของร้านและเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ “สุกี้ นายพัน” เล่าให้ฟังถึงจุดกำเนินของธุรกิจว่า หลังเรียนจบเคยทำธุรกิจเลี้ยงกุ้งตามเพื่อน แต่ก็ล้มไม่เป็นท่าเพราะไม่มีประสบการณ์ จากนั้นก็ทำงานประจำ แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบกินและชอบทำอาหาร ยามว่างจะชวนเพื่อน ๆ มาทำสุกี้กินกันเป็นประจำ โดยดัดแปลงจนได้นํ้าจิ้มสุกี้สูตรเฉพาะที่เพื่อน ๆ กินแล้วติดใจในรสชาติและพากันเชียร์ให้ทำขาย ซึ่งด้วยความที่อยากทำงานอิสระอยู่แล้ว ตอนเย็นหลังเลิกงานจึงลองทำสุกี้หม้อดินขาย ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก จึงทำมาเรื่อย ๆ จนที่สุดก็ออกจากงานมาขายเต็มตัว

“คนที่เคยมากินของผมบ่อย ๆ มาถามว่าขายแฟรนไชส์หรือเปล่า หลังคิดคำนวณ ดัดแปลงสูตรจนทุกอย่างเข้าที่แล้ว ก็เลยขายแฟรนไชส์ จากวันนี้มาจนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 5 ปีแล้ว ตอนนี้มีแฟรนไชส์เกือบ 20 สาขาแล้ว” 

พันบอกว่า สุกี้จะอร่อยก็ตรงที่นํ้าจิ้ม จุดเด่นของนํ้าจิ้มสูตรนายพันคือเน้นออก 3 รส เผ็ด เปรี้ยว และหวาน ความอร่อยมาจากส่วนผสมที่ลงตัว และใช้วัตถุดิบสดใหม่ รวมถึงสามารถประยุกต์ไปใช้ประกอบอาหารอื่น ๆ ได้ด้วย 

อุปกรณ์ที่ใช้ทำสุกี้ ก็เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำครัวทั่วไป อาทิ เตาแก๊ส, หม้อมีหูจับ, กระทะบาง, ตะหลิว, กะละมัง, กระชอน, มีด, เขียง ฯลฯ ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ทำสุกี้ยากี้รวมมิตร ก็มี หมูสด, ไก่สด, กุ้งสด, ปลาหมึกสด, ลูกชิ้นรักบี้, เกี๊ยวปลา, ไข่ไก่ สำหรับผักสดก็ตามใจชอบ แต่หลัก ๆ ก็มี ผักกาดขาว, ผักบุ้งจีน, ต้นหอม, แครอท และวุ้นเส้น นํ้าซุปกระดูกหมู

ส่วนผสมในการทำนํ้าจิ้ม หลัก ๆ ประกอบด้วย... ซอสพริก, ซอสมะเขือเทศ, นํ้ามันงาปรุงรส, พริกขี้หนู, กระเทียม, นํ้ามันหอย, งาขาวคั่วบุบ, ผักชีสับ, นํ้าตาลทราย, เกลือ, นํ้าส้มสายชู และนํ้ามะนาว
ขั้นตอนการทำ “สุกี้รวมมิตร แบบนํ้าและแห้ง นํ้าจิ้มกวางตุ้ง” ก่อนอื่นต้องทำนํ้าจิ้มสุกี้เป็นอันดับแรก ผสมซอสพริก ซอสมะเขือเทศ นํ้ามันหอย นํ้ามันงา คนให้เข้ากัน จากนั้นเติมเกลือ นํ้าตาล นํ้าส้มสายชู นํ้ามะนาว นํ้าต้มสุก แล้วยกขึ้นตั้งไฟ ระหว่างรอให้ก็นำกระเทียมสดกับพริกขี้หนูที่เตรียมไว้มาโขลกรวมกันหรือปั่น ก็ได้ เมื่อส่วนผสมซอสเดือดดีแล้วให้ชิมรสดูตามชอบ จึงใส่งาขาวคั่วบุบ พริกขี้หนูปั่น กระเทียมปั่น ผักชีสับ คนให้เข้ากัน ยกลงจากเตาตั้งไว้ให้เย็น

ผักกาดขาว ผักบุ้งจีน นำมาล้างให้สะอาด เอาขึ้นสะเด็ดนํ้า หั่นเป็นท่อนขนาดยาวประมาณ 2 นิ้ว ตั้งพักไว้ก่อน แครอท นำมาปอกเปลือก ล้างแล้วหั่นให้สวยงาม ส่วนปลาหมึกสด ดึงหัวและหมึกออก ลอกหนังออกให้หมด ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นหรือท่อนตามชอบ กุ้งตัวโต ๆ แกะเปลือกผ่าหลังเอาไส้ดำออก หมูสด และไก่สด ล้างแล้วผึ่งให้สะเด็ดนํ้า แล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดตามที่ต้องการ ส่วนวุ้นเส้นแช่นํ้าให้นิ่ม หั่นเป็นท่อนสั้นเตรียมไว้

ขั้นตอนการปรุงสุกี้นํ้า เตรียมเนื้อหมู ไก่ กุ้งสด ปลาหมึกสด ที่หั่นเสร็จแล้ว ใส่ภาชนะเตรียมไว้ ตามด้วยเกี๊ยวปลา ลูกชิ้นรักบี้ ตวงนํ้าซุปใส่หม้อมีหูจับพอประมาณ ยกตั้งไฟแรง พอเดือดเทเนื้อสัตว์ใส่ลงไป ตามด้วยผักกาดขาว ผักบุ้ง แครอท และตอกไข่ตามลงไป ใช้ทัพพีคนสองสามครั้งให้ ผักนิ่มทั่ว เป็นอันใช้ได้ ตักใส่ชามเสิร์ฟพร้อมนํ้าจิ้ม

ขั้นตอนการทำสุกี้แห้ง ทำเหมือนการปรุงสุกี้นํ้า แต่ยังไม่ใส่ไข่ เสร็จแล้วเทใส่กระชอนกรองเอานํ้าออก จากนั้นตั้งกระทะ ใส่นํ้ามันนิดหน่อย ตอกไข่ลงไปใช้ทัพพีขยี้พอ กระจาย นำส่วนผสมที่กรองนํ้าทิ้งแล้วมาใส่โปะลงบนไข่ ราดด้วยนํ้าจิ้มกวางตุ้งนิดหน่อย ใช้ทัพพีพลิกกลับไข่ขึ้นด้านบน ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมนํ้าจิ้ม

สำหรับเมนูร้านนายพัน มีทั้ง สุกี้นํ้า แห้ง หมู-ไก่ (40 บาท) สุกี้นํ้า แห้ง ทะเล และรวม (50 บาท) ใครอยากกินบะหมี่หยกเปล่า ๆ ก็สามารถสั่งได้ (ธรรมดา 20 บาท จานเล็ก 10 บาท) มีเกี๊ยวปลาลวก (30 บาท) ลูกชิ้นรักบี้ลวก (30 บาท) ที่ทางร้านเลือกซื้อจากร้านเจ้าประจำที่คัดคุณภาพ ลูกชิ้นเคี้ยวเด้งไม่คาว เกี๊ยวปลาก็นุ่ม หอมกลิ่นพริกไทยนิด ๆ

ใครสนใจทำ “สุกี้ยากี้” ขายเป็น “ช่องทางทำกิน” ก็ลองฝึกลองทำกันดู เผื่อจะได้สูตรนํ้าจิ้มที่อร่อยไม่เหมือนใคร ส่วนใครอยากชิม “สุกี้นายพัน” ร้านหลักตั้งอยู่ที่ 246/1 ซอยประชาสงเคราะห์ 27 (ซอยเพิ่มสิน) เขตดินแดง กรุงเทพฯ ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.00 - 21.00 น. หรือสนใจแฟรนไชส์ก็ติดต่อสอบถามกับพันได้ที่ โทร. 09-1004-1807.

เชาวลี ชุมขำ :เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล :ภาพ
........................................
คู่มือลงทุน...สุกี้น้ำจิ้มกวางตุ้ง
ทุนอุปกรณ์ ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 50% ของราคา
รายได้ ราคาขาย 40-50 บาท/จาน
แรงงาน ตั้งแต่ 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ย่านอาหาร ชุมชน สำนักงาน
จุดน่าสนใจ เป็นอีกหนึ่งจานด่วนที่ขายดี


Read More...


‘ข้าวมันส้มตำ’ ‘สูตรโบราณ’ ทำไม่ยาก

“ข้าวมันส้มตำ” เป็นอาหารที่มีมาแต่สมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันก็มีร้านอาหารหลายร้านที่หยิบนำมาทำเป็นเมนูในร้าน ซึ่งก็อาจจะมีการดัดแปลงสูตร

 “ข้าวมันส้มตำ” เป็นอาหารที่มีมาแต่สมัยโบราณ ซึ่งปัจจุบันก็มีร้านอาหารหลายร้านที่หยิบนำมาทำเป็นเมนูในร้าน ซึ่งก็อาจจะมีการดัดแปลงสูตรการทำที่หลากหลาย และวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีสูตรการทำ “ข้าวมันส้มตำสูตรโบราณ” จากคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี มาให้พิจารณากัน...

 

อาจารย์สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม คือผู้ที่จะมาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ โดยเริ่มจากบอกว่า เมนูข้าวมันส้มตำนั้นมีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอาหารว่างในวัง ซึ่งข้าวมันในสมัยนั้นเป็นการหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำ และส้มตำก็ไม่ใช่ส้มตำแบบที่ขายกันในร้านอาหารอีสานในปัจจุบัน แต่ส้มตำที่ทานกับข้าวมันนั้นจะเป็นการคลุกเคล้าเส้นมะละกอกับน้ำยำที่ทำ ขึ้นมา ซึ่งข้าวมันส้มตำแบบชุดใหญ่สมัยโบราณนั้นนอกจากจะมีข้าวมัน ส้มตำ ก็ยังมีแกงเผ็ดไก่ใส่มะเขือ น้ำพริกมะขามเปียก กระเทียมเผา พริกชี้ฟ้าแห้ง กุ้งหรือปลาแห้ง

“ปัจจุบันข้าวมันส้มตำหากินได้ยาก ซึ่งเป็นเมนูที่ทำไม่ยาก น่าจะสามารถทำขายได้ดีไม่แพ้อาหารอื่น ๆ ทำเป็นชุด มีข้าวมัน ส้มตำ หมูฝอย คิดว่าเป็นอีกเมนูที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาช่องทางค้าขายอาหาร” อ.พงษ์ศักดิ์ กล่าว

อุปกรณ์หลัก ๆ ที่ใช้ในการทำ ก็เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำครัวทั่ว ๆ ไป ที่ส่วนใหญ่ก็น่าจะมีอุปกรณ์เหล่านี้อยู่แล้ว เช่น เตาแก๊ส, กระทะ, ทัพพี, เขียง, มีด, ครก, สาก, กะละมัง ฯลฯ และอุปกรณ์ที่ควรต้องมีด้วยคือ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า

เริ่มจาก “การหุงข้าวมัน” ก่อน วัตถุดิบที่ใช้ ตามสูตรก็มี ข้าวสาร 1 1/2 ถ้วย (300 กรัม), มะพร้าว (สำหรับคั้นน้ำกะทิ) 300 กรัม, น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ, เกลือ 2 ช้อนชา วิธีทำนั้น เมื่อมีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าก็ง่ายมาก เริ่มจากนำข้าวสารมาซาวด้วยน้ำสะอาด เอาสิ่งที่ปะปนมากับข้าวสารออกไป โดยซาวข้าวเพียงครั้งเดียวแล้วใส่กระชอนพักไว้

จากนั้นก็คั้นน้ำกะทิ นำมะพร้าวขูดใส่ในกะละมัง ใส่น้ำสะอาดลงไปประมาณ 2 1/2 ถ้วย ใช้มือคั้นมะพร้าวให้ได้กะทิ 3 ถ้วย เมื่อได้กะทิแล้วก็ให้นำเอาน้ำตาลทรายและเกลือเทผสมลงไปในกะทิ ทำการคนให้น้ำตาลและเกลือละลาย แล้วก็เทใส่ลงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า เวลาเทกะทิลงห้อหุงข้าวไฟฟ้าต้องเทผ่านผ้าขาวบางเพื่อทำการกรองเอาเศษสิ่ง ที่ปะปนออกด้วย จากนั้นก็นำข้าวสารที่ซาวเตรียมไว้มาใส่ลงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า คนให้เข้ากัน ปิดฝาหม้อ กดสวิตช์หุงข้าว รอไฟหม้อหุงข้าวตัดข้าวก็สุก เปิดฝาเอาทัพพีคุ้ยข้าวหน่อย แล้วปิดฝาให้ข้าวมันระอุ เท่านี้ก็ได้ข้าวมันสำหรับทานกับส้มตำ

“ส้มตำมะละกอ” สำหรับทานกับข้าวมัน ใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุง ดังนี้... มะละกอดิบ 1 ผล, กระเทียม 6 กลีบ, พริกแห้งแช่น้ำ 1 เม็ด, พริกไทย 7 เม็ด, น้ำส้มมะขาม 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ, กุ้งแห้งป่น 1/4 ถ้วย (ปั่นในเครื่องปั่น หรือใช้ครกโขลก), มะนาวหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 1/4 ถ้วย ขั้นตอนการทำก็เริ่มด้วยการนำมะละกอดิบมาปอกเปลือกแล้วล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นทำการขูดหรือสับมะละกอให้เป็นเส้นเล็ก ๆ ให้ได้ประมาณ 4-5 ถ้วย แล้วนำไปใส่ในครก ทำการโขลกเบา ๆ พอให้เส้นมะละกอช้ำ ๆ ก็ทำการตักขึ้นมาพักเตรียมไว้ก่อน

จากนั้นก็ทำน้ำปรุงรส โดยนำเอาน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ใส่หม้อตั้งไฟ คนพอละลาย พอเดือดให้ยกลงพักทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงเทน้ำมะนาวผสมลงไปคนให้เข้ากัน ก็จะได้น้ำปรุงเตรียมไว้ ขั้นตอนต่อไปก็คือการนำกระเทียม พริกแห้ง พริกไทย ใส่ลงในครกแล้วโขลกให้ส่วนผสมทั้งหมดละเอียด นำน้ำปรุงรสที่เตรียมไว้ใส่กะละมัง เทพริกกระเทียมที่โขลกไว้ผสมลงไป คนส่วนผสมทั้งสองให้เข้ากัน นำเส้นมะละกอที่เตรียมไว้ใส่ลงคลุกเคล้าให้เข้ากับน้ำปรุงรส จากนั้นก็ใส่กุ้งแห้งป่น มะนาวที่หั่นไว้ ตามลงไป คนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี เท่านี้ก็ได้ส้มตำสำหรับไว้ทานกับข้าวมัน

การทำ “หมูฝอยผัดหวาน” ที่ใช้ทานกับข้าวมันส้มตำ ใช้ส่วนประกอบ ดังนี้... เนื้อหมู 250 กรัม, น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม, น้ำมันพืช 50 มิลลิลิตร, น้ำสะอาด 50 มิลลิลิตร, หอมแดงซอย 80 กรัม, เกลือ 2 ช้อนชา วิธีทำก็ต้มเนื้อหมูประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจนกระทั่งเปื่อยนุ่ม นำขึ้นพักไว้ให้เย็น นำเนื้อหมูมาทุบแล้วฉีกให้เป็นเส้นฝอยพักไว้ จากนั้นก็เจียวหอมแดง โดยนำกระทะตั้งไฟ เทน้ำมันลงไป พอร้อนก็โรยหอมแดงซอยลงไปเจียวพอให้เป็นสีเหลืองทอง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

ส่วนน้ำมันที่ผ่านการเจียวหอมแดงนั้นให้นำหมูที่ฉีกเป็นฝอยเตรียมไว้ใส่ ลงไปคั่วด้วยไฟอ่อนจนกรอบ แล้วตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วให้เทน้ำมันในกระทะออก ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำสะอาด เกลือ ลงไปเคี่ยวให้ละลายจนข้น จากนั้นก็เอาหมูและหอมเจียวที่เตรียมไว้ผสมลงไป ทำการคลุกเคล้าให้เข้ากัน ถ้าชอบแบบหมูนุ่ม ๆ ให้ลดเวลาคั่วหมูลง ส่วนความเค็มถ้าชอบกลิ่นของซอสปรุงรสก็ให้ใส่ได้ แต่ต้องลดปริมาณเกลือลงด้วย

สำหรับการขายนั้น ให้จัดเสิร์ฟเป็นชุด ก็จะมี ข้าวมัน ส้มตำ หมูฝอยผัดหวาน โดยมีผักกาดหอม, ใบชะพลู ใบทองหลาง เป็นผักแนม ขายในราคาชุดละ 50 บาท โดยมีต้นทุนประมาณ 50% จากราคาขาย

ใครสนใจทำ “ข้าวมันส้มตำ” เป็น “ช่องทางทำกิน” ต้องการสอบถามเพิ่มเติม ก็สามารถติดต่อ ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม ได้ที่ สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี โทร.08-9600-0993.

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน / สุทธิภัทร พฤกษ์เจริญสุข : ภาพ

Read More...


‘เครปสด-ขนมปังโทสต์’ อิงกระแสวัยรุ่นสร้างธุรกิจ

ปัจจุบันมีร้านกาแฟเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งจุดขายแต่ละร้านก็อาจแตกต่างกันไปสุดแท้แต่ไอเดีย โดยในจุดขายต่าง ๆ นอกจากรูปแบบร้าน

ปัจจุบันมีร้านกาแฟเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งจุดขายแต่ละร้านก็อาจแตกต่างกันไปสุดแท้แต่ไอเดีย โดยในจุดขายต่าง ๆ นอกจากรูปแบบร้าน เมนูหรือรายการเครื่องดื่ม กับขนมต่าง ๆ ที่ต้องมีความน่าสนใจ นี่ก็เป็นจุดขายด้วย รวมถึงกับการจะทำขนมขายโดยไม่ต้องมีร้านกาแฟ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอ 2 เมนูขนมที่น่าสนใจ นั่นคือ “รัมเรซิ่นเครป” และ “แฮมชีส    โทสต์” ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น...



สำหรับข้อมูล 2 เมนูขนมที่น่าสนใจนี้ เป็นของร้าน แรนดี้ นิวยอร์ก เครป ในซอยวิภาวดีรังสิต 2 ฝั่งตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่ง 2 เมนูนี้เป็นเมนูเด็ดประจำร้าน เป็นที่นิยมของลูกค้า โดยผู้ที่จะมาให้ข้อมูลคือ แรนดี้ ชูเที่ยงตรง และ เกศริน สะตะ เจ้าของร้าน ซึ่งแรนดี้เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของร้านว่า เขาเกิดและเติบโตที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ครอบครัวของเขาเปิดร้านอาหารอยู่ที่สหรัฐ ตั้งแต่เล็กจนโตก็ช่วยคุณพ่อคุณแม่ที่ทำร้านอาหารมาตลอด เขาจึงคุ้นเคยกับการค้าขายและทำอาหารต่าง ๆ มากมาย และเคยเปิดร้านขายไอศกรีมเป็นของตัวเองตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ก่อนจะมาเรียนต่อที่เมืองไทย และหลังเรียนจบก็ได้งานทำอยู่ที่นี่

“ผมชอบเมืองไทยมาก อยากอยู่และอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แม้จะมีงานประจำทำ แต่ด้วยความที่เราชอบทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ คิดทำร้านขนม ชาและกาแฟ เพราะเห็นว่าวัยรุ่นไทยนิยม และที่สำคัญผมทำเป็นอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเริ่มต้น จากนั้นก็เริ่มเดินสำรวจตลาด ดูทำเลว่าที่ไหนเหมาะ จนมาได้ที่นี่ คิดได้ทันทีว่าเป็นร้านเล็ก ๆ ไว้เป็นที่พักผ่อน พูดคุยกัน ลักษณะคล้าย ๆ บ้าน ตั้งแต่เปิดร้านมีกระแสตอบรับดีมาก เครื่องดื่มและขนมในร้านขายในราคาไม่แพง แต่อุดมด้วยคุณภาพ เพราะวัตถุดิบสั่งซื้อมาจากต่างประเทศโดยตรง โดยแป้งเครปสดนั้นทำเอง จะมีความนุ่ม เหนียวและหอมกรุ่น ส่วนขนมปังโทสต์จะสั่งให้ร้านทำตามสูตรที่ส่งไปให้ จึงมั่นใจได้ว่าไม่เหมือนร้านไหนแน่นอน” 
อุปกรณ์การทำขนม 2 เมนูนี้ หลัก ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ก็มี เตาเครป (จะเป็นเตาไฟฟ้าหรือเตาแก๊สก็ได้), ไม้ปาดเครป, ไม้พายพลาสติก, ไมโครเวฟ, แปรงป้ายเนย, มีด ฯลฯ

ขั้นตอนการทำ เริ่มจาก “รัมเรซิ่นเครป” เริ่มที่การทำแป้งเครปก่อน ส่วนผสมก็มี แป้งอเนกประสงค์, ไข่ไก่, นมสด, เนยละลาย, นํ้าตาล, เกลือป่น และกลิ่นวานิลลา โดยการนำแป้งอเนกประสงค์ เกลือ ร่อนรวมกัน ตั้งพักไว้ก่อน

ตอกไข่ใส่อ่างผสม ตามด้วยนมสด กลิ่นวานิลลา คนผสมจนเข้ากันดี แล้วค่อย ๆ ใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงคนให้เข้ากัน เติมเนยละลายทีละน้อย จนหมด นำเข้าเครื่องปั่นประมาณ 10 นาที เติมกลิ่นวานิลลานิดหน่อยพอให้มีกลิ่นหอม คนให้ส่วนผสมเข้ากัน สังเกตว่าแป้งเนียนดีแล้ว จึงเทใส่ภาชนะนำเข้าตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้แป้งเซตตัว ก็เป็นอันใช้ได้

เมื่อต้องการทำเป็นเครป ก็นำแป้งออกจากตู้เย็น แล้วคนแป้งให้เข้ากันอีกรอบ รอให้กระทะร้อนจนทั่ว ตักแป้งเทลงไปตรงกลาง เกลี่ยแล้วหมุนวนไปทางเดียว เกลี่ยแป้งให้เสมอกัน ใช้ไฟปานกลาง พอแป้งสุกใช้เกรียงแซะออกมาวางลงถาดให้คลายร้อน ก่อนจะจัดใส่จาน พับเป็นรูปสามเหลี่ยม (คล้ายกรวย) 
ส่วนผสมที่ใช้ในการตกแต่งหน้าเครป ก็มี ลูกเกด, อัลมอนด์สไลด์, กล้วยหอมสุก, ไอศกรีมรสวานิลลา, วิปปิ้งครีม และซอสคาราเมล โดยเริ่มจากปอกเปลือกกล้วยหอมสุกหั่นเป็นแว่นจัดให้สวยงามบนตัวเครป โรยทับด้วยอัลมอนด์สไลด์ ลูกเกด เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมรสวานิลลา วิปปิ้งครีม และราดซอสคาราเมลให้สวยงามดูน่ารับประทาน

ราคาขายเครปสด (ทุกหน้า) ชุดละ 69 บาท

ต่อไปมาถึง “แฮมชีสโทสต์” ส่วนผสมก็มี ขนมปัง ปอนด์, เนยสด, นํ้าผึ้ง, แฮม, ชีส, ไอศกรีมรสวานิลลา และวิปปิ้งครีม การทำเริ่มจากเตรียมวัตถุดิบพร้อมใช้ก่อนหั่นแฮม กับชีส เป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้ นำขนมปังปอนด์มาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าก้อนใหญ่ สูงประมาณ 5-6 นิ้ว วางขนมปังเป็นแนวตั้ง ใช้มีดหั่นขนมปังเป็นตารางให้ได้ 9 ร่องเท่า ๆ กัน (แต่ไม่ให้ขาดจากกัน) ใช้แปรงจุ่มลงไปในเนยสดละลาย ทาลงบนขนมปังให้ทั่วและตามร่องขนมปังด้วย

จากนั้นนำแฮมหั่นใส่ลงบนขนมปัง โรยหน้าด้วยชีสหั่น นำเข้าตู้อบด้วยความร้อน 200 องศา ประมาณ 5-10 นาที จนชีสที่โรยหน้าไว้ละลาย ผิวขนมปังด้านนอกเหลืองกรอบ เนยละลายซึมเข้าเนื้อขนมปังทุกร่อง จึงนำออกมาจัดใส่จานแบน โรยผงชิเนม่อนเพิ่มความหอมบนที่ว่างของจาน ราดหน้าด้วยนํ้าผึ้ง เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมรสวานิลลา วิปปิ้งครีม

ราคาขายขนมปังโทสต์ ชุดละ 95 บาท

แรนดี้บอกว่า เครปสดของที่ร้านมีหลากหลายหน้าให้เลือก นอกจากรัมเรซิ่นแล้วก็ยังมีสตรอเบอรี่ ชีส เค้ก ช็อกโกแลต ฯลฯ ส่วนขนมปังโทสต์ นอกจากแฮมชีสโทสต์แล้ว ยังมี ซูเปอร์ ช็อกโกแลต โทสต์, นูเทลล่า สตรอเบอรี่ โทสต์, นูเทลล่า บานาน่า โทสต์, บานาน่า ฮันนี่ โทสต์, แฮมชีสโทสต์ ฯลฯ 

ร้านแรนดี้ นิวยอร์ก เครป เปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สนใจติดต่อได้ที่ โทร.08-8616-0615 และ www.facebook.com/Randy-Crepe ซึ่ง “เครปสด” และ “ขนมปังโทสต์” นี้ คนไทยรุ่นใหม่ ๆ ให้ความนิยม การทำการขายจึงกลายเป็นอีกหนึ่งรูปแบบ “ช่องทางทำกิน” ที่ไม่ควรมองข้าม.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ
credit by :
 http://www.dailynews.co.th/Content/Article/‘เครปสด-ขนมปังโทสต์’+อิงกระแสวัยรุ่นสร้างธุรกิจ

Read More...


‘ถุงทองทอด’ ของว่างมงคลยังน่าสน

 อาหารเรียกนํ้าย่อย ของว่างทานเล่น ที่ยอดนิยมของคนไทยนับแต่อดีตมีอยู่มากมายหลายอย่าง และกับ “ถุงทองทอด” อาหารว่างหน้าตาน่ารัก อร่อยกรอบ

อาหารเรียกนํ้าย่อย ของว่างทานเล่น ที่ยอดนิยมของคนไทยนับแต่อดีตมีอยู่มากมายหลายอย่าง และกับ “ถุงทองทอด” อาหารว่างหน้าตาน่ารัก อร่อยกรอบ ชื่อมงคล นี่ก็น่าจะอยู่ในข่าย ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลการทำถุงทองทอดมานำเสนอให้กับผู้ที่มองหาอาชีพเกี่ยวกับขนมแบบไทย ๆ เผื่อจะนำไปฝึกฝนต่อยอดเพื่อทำขายกันได้…





ผู้ที่ให้ข้อมูลการทำ “ถุงทองทอด” ก็คือ ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม อาจารย์ประจำสาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี โดยทางอาจารย์ระบุว่า นี่เป็นอาหารว่างไทยโบราณชนิดหนึ่งที่นับวันจะหารับประทานยาก จึงอยากจะช่วยอนุรักษ์ไม่ให้สูญหายไป พยายามรื้อฟื้นวิธีการทำขนมที่หาทานยากชนิดต่าง ๆ เพื่อให้คนที่สนใจนำไปต่อยอดทำเป็นอาชีพ และช่วยสานวัฒนธรรมขนมไทยให้สืบต่อไป

“ถุงทอง เป็นขนมที่มีชื่อเป็นมงคล เพราะคำว่าถุงเงิน ถุงทอง คล้ายกับจะอวยพรให้มีเงินมีทองใช้ตลอดไป ยิ่งใกล้เทศกาลปีใหม่ การให้ขนมที่เป็นมงคล จะสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ สมัยก่อนนิยมทำขนมชนิดนี้ใช้ในงานมงคล แต่ปัจจุบันมักจะใช้ในงานเลี้ยงหรู ๆ ถุงทองถูกจัดให้เป็นอาหารเรียกนํ้าย่อยตามบุฟเฟ่ต์ หรือตามโต๊ะจีน ประมาณว่ากินแล้ว อยากกินจานต่อ ๆ ไปอีก เป็นของว่างประเภทเดียวกับกระทงทอง เปาะเปี๊ยะทอด ที่ทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด วัตถุดิบก็หาง่าย แถมหน้าตาน่ากิน กลิ่นก็หอมเย้ายวนใจ ชวนนํ้าลายสออีกด้วย” ผศ.พงษ์ศักดิ์ กล่าว

อุปกรณ์หลัก ๆ ที่ต้องใช้ในการทำถุงทองทอด ก็มี เตาแก๊ส, กระทะ, ทัพพี, หม้อ, ตะแกรง, กระชอน, กะละมัง, ถาดสเตนเลส, เขียง, ครก นอกจากนี้ก็เป็นเครื่องมือเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่หยิบยืมได้จากในครัวทั่วไป

วัตถุดิบหลัก ๆ ประกอบด้วย แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะ (ขนาด 4 นิ้ว), เนื้อหมูสันใน, กุ้งสด, มันแกว, พริกไทย, รากผักชี, กระเทียม, ซีอิ๊วขาว, นํ้าตาลทราย, ต้นหอมหรือก้านขึ้นฉ่าย (สำหรับมัดปากถุงทอง), เกลือ, นํ้ามันสำหรับใช้ทอด 

ขั้นตอนการทำ “ถุงทองทอด” เริ่มจากการทำไส้ถุงทองก่อนเป็นอันดับแรก โดยการโขลกพริกไทย กระเทียม รากผักชี เข้าด้วยกันให้ละเอียด แล้วตักใส่ถ้วยพักไว้ นำกุ้งมาล้าง แกะเปลือกแล้วสับหยาบ ๆ ส่วนเนื้อหมูสันใน นำมาล้าง ผึ่งสะเด็ดนํ้า หั่นเป็นชิ้นเล็กแล้วสับหรือบดเตรียมไว้ มันแกว ล้างสะอาด สับให้ละเอียดเตรียมไว้ 

จากนั้นนำกระทะตั้งไฟ ใส่นํ้ามันพืชลงไปนิดหน่อย พอกระทะร้อนเอาเครื่องกระเทียม รากผักชี พริกไทย ที่โขลกเตรียมไว้ ลงไปผัดให้พอมีกลิ่นหอม จึงใส่กุ้งสับกับหมูสับลงไปผัด ตามด้วยมันแกวสับ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว นํ้าตาลทราย ผัดจนไส้ขนมมีกลิ่นหอมและแห้ง เป็นอันใช้ได้
นำต้นหอมหรือก้านขึ้นฉ่ายก็ได้ ที่หั่นตามยาวโดยยาวประมาณ 5 นิ้ว มาแช่นํ้าร้อน 5 นาที หรือนำมาลวก (เพื่อให้เกิดความอ่อนตัว ง่ายต่อการใช้มัดปากถุงทอง) แล้วนำขึ้นมาพักให้สะเด็ดนํ้า ฉีกเป็นเส้น ๆ เตรียมไว้

พอไส้เสร็จ มีแผ่นแป้งพร้อม ก็เตรียมห่อถุงทองได้เลย โดยนำแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะมาตัดเป็นรูปวงกลมให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว นำไส้ที่ผัดเตรียมไว้มาใส่ตรงกลางแผ่นแป้ง แล้วทำการพับครึ่งรวบขึ้น จับพับทบไปทบมาลักษณะเหมือนกับการพับ “พัด” แล้วมัดด้วยก้านขึ้นฉ่ายหรือต้นหอม 1 เส้น จับผูกสัก 2 ที ไม่ต้องแน่นมากเอาแค่ไม่หลุดก็พอ มัดแล้วก็ทำการคลี่ชายแป้งออกให้สวยงาม จะมีลักษณะคล้ายถุง ทำเช่นนี้จนหมดแป้ง หมดไส้ 

ต่อไปมาถึงขั้นตอนการทอด ตั้งกระทะ ใส่นํ้ามันให้ท่วม ใช้ความร้อนปานกลาง พอนํ้ามันร้อนให้ลดไฟลง แล้วนำถุงทองลงทอด เทคนิคในการทอดให้ใช้ทัพพีกดให้ถุงทองจมนํ้ามัน มิฉะนั้นปากถุงจะบานเป็นดอกไม้ใกล้โรย ดูไม่สวย ทอดจนถุงทองสุกมีสีเหลืองทอง ก็ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดนํ้ามัน เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ รับประทานพร้อมนํ้าจิ้มเปาะเปี๊ยะ

ผศ.พงษ์ศักดิ์ เผยเคล็ดลับการทอดถุงทองเพิ่มเติมว่า จะให้ถุงทองสวยต้องทอดนํ้ามันท่วม กลีบถุงจะได้บานเต็มที่ และมีสีสม่ำเสมอ หากใครมือใหม่ควรทอดทีละน้อย มิฉะนั้นอาจจะกลับไม่ทัน ถุงทองก็จะไหม้เสียก่อน

ถุงทองทอดนี้ทานกับนํ้าจิ้มเปาะเปี๊ยะ หรือนํ้าจิ้มบ๊วย หรือจะเป็นซอสศรีราชา ก็อร่อยไปอีกแบบ และควรต้องมีผักสด เช่น แตงกวา, ใบโหระพา, ผักกาดหอม ทานแกล้มด้วย จะยิ่งอร่อยครบเครื่อง

ใครสนใจจะทำ “ถุงทองทอด” ขายเป็น “ช่องทางทำกิน” ก็ลองนำสูตรไปฝึกฝนพลิกแพลงกันดู หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมจาก ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม อาจารย์ประจำสาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 0-2549-3160-1 หรือ 08-9600-0993 ซึ่งทาง ผศ.พงษ์ศักดิ์ บอกว่า ยินดีให้ข้อมูล เพราะอยากให้คนไทยช่วยกันอนุรักษ์อาหารแบบไทย ๆ ไว้นาน ๆ.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

Read More...


คิสสุ บาย เบรสซ่า

สำหรับท่านนักลงทุนที่กำลังหาแหล่งลงทุนอยู่ นั้นท่านคงมองหาแผนการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าได้ไม่ผิดที่นี้แน่ เนื่องจากคิสสุ บาย เบรสซ่า แห่งนี้เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะทำให้ท่านไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ท่านสามารถดูรายระเอียดได้ที่นี้เลยค่ะ


ทำไมต้อง คิสสุ บาย เบรสซ่า



Kis-Su by Brezza ขอนำเสนอไอศกรีมซอฟท์เสริฟ (Soft Serve Ice Cream) ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของนมสดแท้ รสชาดที่หวานกลมกล่อม และ สีสันสวยน่าลิ้มลอง ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของไอศกรีมซอฟท์เสริฟ (Soft Serve Ice Cream) ทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และ ความที่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน และไอศกรีมก็เป็นสินค้าที่ทานแล้วสดชื่น และเป็นทีนิยมของคนไทยมาช้านาน ดังนั้น การขายสินค้าที่ดับร้อน ให้ความสดชื่น จึงเป็นธุรกิจที่เหมาะสม และทำกำไรได้ไม่ยาก ทาง Kis-Su by Brezza จึงได้พัฒนารสชาดไอศกรีมซอฟท์เสริฟให้ถูกปากกับคนไทย และรูปแบบของสินค้าให้สวยงาม ดึงดูดใจ เพื่อสร้างโอกาสและความสำเร็จในการประกอบธุรกิจของผู้ซื้อแฟรนไชส์

ลักษณะของสินค้าและการบริการคิสสุ บาย เบรสซ่า

ใน ส่วนของลักษณะสินค้าที่ทางร้านนั้นต้องขายและการบริการที่ทางร้านนั้นจะต้อง มีก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะร่วมลงทุนกับ คิสสุ บาย เบรสซ่า นี้ เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของครอบครัวละก็ คุณนั้นจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจการต่อไปข้างหน้าค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้
1. Kis-Su by Brezza ขอนำเสนอไอศกรีมแบบซอฟท์เสริฟ (Soft Serve Ice Cream) ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของนมสด รสชาดที่หวานกลมกล่อม และ สีสันสวยน่าลิ้มลอง
• ไอศกรีมซอฟท์เสริฟ (Soft Serve Ice Cream)
• กลิ่นหอมของนมสดแท้ รสชาดที่หวานกลมกล่อม
• รสชาดที่หลากหลาย เป็นทางเลือกแก่ลูกค้า
• รูปแบบของสินค้าสวยงาม ดึงดูดใจ และ สีสันที่สวยน่าลิ้มลอง




• ขายง่าย ทานแล้วให้ความสดชื่น คลายร้อน เหมาะกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก
2. ระยะเวลาในการคืนทุน 1-3 เดือน (ขึ้นอยู่กับ สถานที่ตั้งร้านค้า ค่าเช่า และค่าแรง)
3. คุณสมบัติของผู้ลงทุน
3.1 สำหรับผู้ที่สนใจมีธุรกิจเป็นของตนเองแบบง่ายๆ สบายๆ ขายง่าย และกำไรดี
3.2 สำหรับผู้ที่มีกิจการร้านอาหาร/เบเกอรี่ ที่ต้องการได้สินค้าแปลกใหม่เสริม
4. สิ่งที่ท่านที่ลงทุนจะได้รับ
1. โอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง
2. อุปกรณ์ตั้งต้นในการตั้งร้านไอศกรีมแบบซอฟท์เสริฟได้ทันที
3. เครื่องทำไอศกรีมแบบซอฟท์เสริฟ
4. Kiosk รูปแบบร้านคิสสุ
5. ผงไอศกรีมรสชาดต่างๆ 20 กิโลกรัม (ขายได้กว่า 1,200 ถ้วย)
6. ถ้วยไอศกรีม และโคน กว่า 800 อัน
7. อุปกรณ์การผสมไอศกรีมแบบครบชุด
8. ธงโฆษณาแบบตั้งพื้น (J-Flag)
9. ป้ายเมนูโฆษณา แบบตั้งบนเครื่องไอศกรีม
10. เครื่องแบบพนักงาน
11. การอบรมการทำไอศกรีมแบบซอฟท์เสริฟ

คิสสุ บาย เบรสซ่า

12. บริการส่งฟรีทั้วกรุงเทพฯ และปริมณฑล
13. ส่วนลดค่าขนส่งสำหรับต่างจังหวัด
14. รับประกันคอมเพรสเซอร์ 2 ปี
ต้นทุนไอศกรีม ต่อโคน ประมาณ 5 บาท โดยสามารถตั้งราคาขายได้ถ้วยละ 15-25 บาท
วิธีการผสม
• ไอศกรีม 1000 กรัม (ราคา 120 บาท)
• ผสมน้ำร้อน 500 มิลลิลิตร (ราคา 5 บาท)
• ผสมนมสด 3000 มิลลิลิตร (ราคา 93 บาท)
• จะได้ส่วนผสม พร้อม ขาย 4500 กรัม ต้นทุนรวมทั้งหมด 218 บาท
• ทั้งนี้ ส่วนผสม 4500 กรัม (ต้นทุน 213 บาท) ขายไอศกรีมได้ 60 โคน จะเฉลี่ย ต้นทุนโคนละ 218/60 = 3.63โคนแบบ Sugar ราคา 1.20 บาท ต่อโคน ต้นทุนต่อโคน (ไอศกรีมและโคน) = 3.63 + 1.2 = 4.83 บาท

งบประมาณที่ต้องใช้ในการลงทุนและสามารถติดต่อ คิสสุ บาย เบรสซ่า

สำหรับ ท่านใดที่มีความสนใจที่ต้องการจะลงทุนกับธุรกิจนี้มีข้อมูลที่ท่านต้องศึกษา ดังนี้ ร้านขนาดประหยัดสุดคุ้ม เริ่มต้นที่ 117,000 บาท เท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจแบบง่ายๆ สบายๆ พร้อมขายได้ทันที * (ราคานี้ไม่รวมค่าเช่าพื้นที่ร้านค้า และค่าตกแต่งร้าน)
1. เครื่องทำไอศกรีมซอฟท์เสริฟ
2. Kiosk รูปแบบร้านคิสสุ
3. ผงไอศกรีมรสชาดต่างๆ 20 กิโลกรัม (ขายได้กว่า 1,200 ถ้วย)
4. ถ้วยไอศกรีม และโคน กว่า 800 อัน
5. อุปกรณ์การผสมไอศกรีมแบบครบชุด
6. ธงโฆษณาแบบตั้งพื้น (J-Flag)
7. ป้ายเมนูโฆษณา แบบตั้งบนเครื่องไอศกรีม
8. เครื่องแบบพนักงาน
หาก ท่านใดมีความสนใจที่จะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจ คิสสุ บาย เบรสซ่า ก็สามารถที่จะติดต่อสอบถามเรื่องของรายละเอียดและข้อมูลในการทำธุรกิจเบื้อง ต้นได้ที่ คุณ ศุภจิรา จันทาพูน(นิด) ที่อยู่1277 ซอยลาดพร้าว 94 ถนนลาดพร้าว แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310 โทร.0-2934-6692-3 โทรสาร 0-2539-4129 อีเมล์ admin@ubersuccess.co.th เว็บไซต์ www.facebook.com/KissuByBrezza

Read More...


จาด้า กาแฟสด

กาแฟที่เราได้คิดค้นขึ้นมานี้เป็นลักษณะของ ธุรกิจการลงทุนโดยคอนเส็ปท์เรานำมาจากอิตาลี ซึ่งเขาจะขายตามท้องถนนทั่วไป ถ้าเทียบก็เหมือนกับกาแฟโบราณของเมืองไทย ซึ่งเรานำมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับบ้านเรา โดยด้านสูตร เราจะคิดค้นและทดลองเอง เป็นรสชาติอิตาเลียนประยุกต์ให้ถูกคอคนไทย มีทั้งหมด 5 รส โดยแต่ละรสชาตินั้นเราสามารถรับประกันสินค้าและรสชาติของแต่ละสูตรว่าลูกค้า จะเขามาบริโภคอย่างไม่ขาดสาย รวมถึงโอกาสที่จะนำความรู้จักและชื่อเสียงของสิ้นค้าหรือเครื่องดื่มบริโภค นี้ได้อย่างวิเศษและท่านผู้ลงทุนไม่ต้องกังวลเลยว่าจะขาดทุนหรือไม่ได้ผลตอบ แทนทั้งนี้ทางแฟรนไชส์ของเราขอรับประกันเลยว่าท่านผู้ลงทุนจะไม่ผิดหวัง อย่างแน่นอนและอีกอย่างทางแฟรนไชส์ของเรายังมีอุปกรณ์ในการขายที่ให้ท่านได้ จำหน่ายสินค้าอย่างสะดวกสบายโดยแทปที่จะไม่ต้องจัดเตรียมอะไรเลยซักอย่างและ กาแฟสดที่ได้นำไปจำหน่าวนี้ราคาก็พอซื้อสามารถขยายธุรกิจได้แบบสบายๆ

ทำไมถึงต้อง จาด้า กาแฟสด

แต่ ปัญหาหลักสำหรับลูกค้าที่ซื้อแฟรนไชส์ คือ หาทำเลขายยาก กับหาไฟฟ้าสำหรับเสียบเครื่องชงกาแฟได้ลำบาก ซึ่งจากประสบการณ์ของตัวเอง เคยเดินทางไปประเทศอิตาลี ตามท้องถนนจะมีเคาน์เตอร์ขายกาแฟสดที่ใช้เครื่องชงกาแฟด้วยแก๊สแทนเครื่อง ต้มด้วยไฟฟ้า ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายไปขายได้ทุกแห่ง จึงนำแนวทางนี้มาประยุกต์เป็นแฟรนไชส์กาแฟของตัวเองโดยที่สามารถประสบผม สำเร็จอย่างง่ายดาย

ลักษณะของสินค้าและการบริการ จาด้า กาแฟสด

ใน ส่วนของลักษณะสินค้าที่ทางร้านนั้นต้องขายและการบริการที่ทางร้านนั้นจะต้อง มีก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะร่วมลงทุนกับ จาด้า กาแฟสด นี้ เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของครอบครัวละก็ คุณนั้นจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจการต่อไปข้างหน้าค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้
1. กาแฟสดน้องใหม่สไตล์ท้องถิ่นอิตาเลี่ยน ชูจุดเด่นแก้ปัญหาทำเล และไฟฟ้าหายาก ด้วยรูปแบบเคลื่อนย้ายวางขายได้ที่ทุก ระบุใช้เครื่องชงด้วยแก๊ส เจ้าแรกของไทย โอ่รสชาติเข้มข้นทางเลือกใหม่คอกาแฟ พร้อมเปิดขายแฟรนไชส์ ด้วยเงินลงทุน 25,000 บาท หวังโตช้าๆ แต่ชัวร์!
2. การลงทุน
2.1 เงินลงทุน 25,000 บาท



2.2 ได้รับเคาน์เตอร์ อุปกรณ์พร้อมขาย และวัตถุดิบ 1,000 บ.
2.3 ไม่มีการเก็บค่าแฟรนไชส์
2.4ต้องรับวัตถุดิบเมล็ดกาแฟ ก.ก.ละ 250 บ. และน้ำซอส แกลอล ละ 40 บ.
2.5 ต้นทุนประมาณ 10 บ./แก้ว ผู้ซื้อแฟรนไชส์ มีกำไร 10-15 บ./แก้ว
2.6 ด้านการขยายในรูปแบบแฟรนไชส์ ผู้ซื้อต้องใช้เงินลงทุน 25,000 บาทซึ่งจะได้รับเคาน์เตอร์ อุปกรณ์พร้อมขาย และวัตถุดิบในราคา 1,000 บาท ไม่มีการเก็บค่าแฟรนไชส์ ส่วนแบ่งการขาย หรือค่าสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น
2.7 แต่ผู้ลงทุนต้องรับวัตถุดิบเมล็ดกาแฟ ในราคากิโลกรัมละ 250 บาท สามารถทำได้ประมาณ 100 แก้ว กับน้ำซอส ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะให้ความหวานกับความมัน (น้ำปรุงรสกึ่งสำเร็จรูป ผสมจากครีม น้ำตาล เป็นต้น) ในราคาแกลลอน ละ 40 บาท นำไปชงได้ 10 แก้ว รวมแล้วต่อแก้วจะมีต้นทุนประมาณ 10 บาท ผู้ซื้อแฟรนไชส์นำไปขายปลีกแก้วละ 20-25 บาท
3.สิ่งที่แฟรนไชส์จะได้รับ




จุด เด่นอีกข้อว่า เคาน์เตอร์ ออกแบบให้มีล้อเลื่อน และถอดประกอบเป็นชิ้นๆ ใส่ท้ายรถยนต์ได้เพื่อให้ผู้ลงทุน สามารถตระเวนนำไปเปิดขายได้ทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นย่านชุมชน ,แหล่งท่องเที่ยว , งานแสดงสินค้า , ตลาดนัด ฯลฯ ไม่ต้องยืดว่าต้องวางขายที่ใดที่หนึ่งเป็นประจำ เพิ่มโอกาสทางการตลาดอีกทางทั้งนี้ วัตถุดิบกาแฟมาจากเชียงราย เป็นพันธุ์อาราบิก้า ส่วนเครื่องชงกาแฟด้วยแก๊สนำเข้ามาประเทศอิตาลี ใช้เวลาชงประมาณ 30 วินาทีต่อแก้ว มีแรงดันขึ้น 18 บาร์รสชาติที่ได้จะเป็นกาแฟสดที่เข้มข้นมากกว่าต้มด้วยเครื่องไฟฟ้า ทำให้เป็นอีกทางเลือกสำหรับคอกาแฟ ที่ต้องการความแปลกใหม่ ซึ่งถือเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในประเทศไทยขณะนี้ โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางเมื่อกลางต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี่เอง

สามารถติดต่อ จาด้า กาแฟสด

นายสันติ รัตนกรรภิรมย์ เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ โทร.086-8925774

Read More...


หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้

เป็นการขายอาหารเน้นเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยการคิดเมนูต่างๆ ให้สอดคล้องกัน โดยมี 3 เมนู ได้แก่ น้ำเต้าหู้แบบต้นตำรับ ซึ่งเป็นถั่วเหลือง 100% ไม่ผสมแป้ง , น้ำเต้าหู้แครอทที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยป้องกันมะเร็ง กับทำให้ผิวสวย และน้ำเต้าหู้ข้าวกล้องงาดำ ช่วยบำรุงกระดูก นอกจากนี้ ยังเสริมด้วย หมวยเกี๊ยปาท่องโก๋ เป็นสูตรพิเศษผสมธัญพืชเข้ากับแป้งปาท่องโก๋ เหตุนี้สินค้าจึงเป็นที่รู้จักและผู้คนมักนิยมรับประทานกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ผู้ลงทุนนั้นไม่ผิดหวังแน่ๆที่นำเอาแฟรนไชส์นี้มาลงทุน

ทำไมถึงต้องหมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้



หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้ เริ่มออกวางขายครั้งแรกเดือนพฤษภาคม 2547 ที่ตลาดบางแค ตั้งราคาขายเท่าท้องตลาด คือ น้ำเต้าหู้ธรรมดา ถุงละ 5 บาท ใส่เครื่อง 6 บาท ส่วนสูตรแครอท , ข้าวกล้องงาดำ ถุงละ 7 บาท ซึ่งเมื่อหักต้นทุนแล้ว กำไรก็ยังงาม เพราะต้นทุนเฉลี่ยแล้ว ต่อแก้วไม่ถึง 2 บาทด้วยซ้ำต่อมา ได้ขยายเพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่ จรัญสนิทวงศ์ สาธุประดิษฐ์ และถนนเซ็นต์หลุยส์ ซึ่งความตั้งใจแรก จะขยายด้วยตัวเอง 20 จุด ทว่า เมื่อมีหลายสาขา เธอไม่สามารถดูแลทั่วถึง ประกอบกับต้องดูแลธุรกิจเสื้อผ้าอยู่ด้วย ต้องจ้างพนักงานขาย ยอดขายแต่ละแห่งจึงต่ำลงเหลือวันละ 2,000 กว่าบาท ทำให้เกิดแนวคิดขยายในรูปแบบของเพราะถ้าผู้ดูแลเป็นเจ้าของเอง ย่อมใส่ใจมากกว่าพนักงาน

ลักษณะของสินค้าและการบริการหมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้

โดย การรวมเอาแครอทและถั่วเหลืองเข้าด้วยกัน ได้เป็นน้ำเต้าหู้อีกสูตรหนึ่ง น้ำเต้าหู้แครอท และอีกสูตรหนึ่ง เป็นการนำข้าวกล้อง และงาดำ มารวมกับถั่วเหลือง ได้เป็นน้ำเต้าหู้ข้าวกล้อง งาดำ รวมแล้วหมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้ มีสูตรน้ำเต้าหู้ 3 สูตร คือ สูตรน้ำเต้าหู้ถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้แครอท และน้ำเต้าหู้ข้าวกล้อง งาดำนอกจากน้ำเต้าหู้ ก็ยังมีปาท่องโก๋ ที่มีส่วนผสมของธัญพืช ประกอบด้วย ข้าวโอ๊ต งาขาว ข้าวกล้อง ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครคิดสูตรดังกล่าวมาก่อน และเป็นสูตรที่คิดขึ้นมาเองและได้ผ่านการทดสอบรสชาติด้วยตัวเองก่อนนำออก จำหน่าย ในส่วนของลักษณะสินค้าที่ทางร้านนั้นต้องขายและการบริการที่ทางร้านนั้นจะ ต้องมีก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะร่วมลงทุน กับ หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้ นี้ เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของครอบครัวละก็ คุณนั้นจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจการต่อไปข้างหน้าค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้
1. จุดเด่นของแฟรนไชส์นี้ คือ การลงทุนต่ำ กำไรสูง คืนทุนเร็วภายใน 1 เดือน และไม่ต้องขายทั้งวัน เพราะน้ำเต้าหู้จะขายได้เฉพาะช่วงเช้า และค่ำ ดังนั้น จะเป็นช่องทางให้คนที่ทำงานประจำซื้อไปทำเป็นอาชีพเสริมได้ ทั้งนี้ เป้าที่วางไว้ จะขยาย 200 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากเปิดตัวแฟรนไชส์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มียอดจองแล้วกว่า 50 ราย แต่ทั้งนี้ จะให้ความสำคัญกับการคัดเลือกผู้ร่วมทุนให้มากที่สุด เพราะไม่อยากให้แบรนด์ที่สร้างขึ้นมาต้องเสียไป ส่วนการคุมจะมีทีมงานคอยสุ่มตรวจ เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง ถ้าทำผิดข้อตกลง และได้ออกหนังสือเตือน 3 ครั้งแล้ว จะถูกยกเลิกสัญญาทันที
2. การลงทุน



2.1. ค่าแฟรนไชฟี 35,000 บาทจ่ายครั้งเดียวสัญญา 2 ปี
2.2.ครบสัญญาต่อสัญญาฟรี
2.3.ทำเลต้องห่างจากเจ้าเดิมไม่ต่ำกว่า 500 เมตร
2.4.วัตถุ ดิบ 5 อย่าง คือถั่วเหลือง แป้งปาท่องโก๋ งาดำ ลูกเดือย และเม็ดแมลงลัก ต้องซื้อจากแฟรนไชซอร์ในราคาเท่ากับท้องตลาด โดยค่าขนส่งแฟรนไชซีจะต้องออกเอง
2.5.ต้องรักษามาตรฐานในการรักษาความสะอาด การใช้วัตถุดิบเพื่อการผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณตามที่กำหนดเท่านั้น
2.6.แฟรนไชซอร์จะอบรมการทำน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ทุกสูตรให้เป็นเวลา 2 วัน
2.7.กรณีผิดข้อตกลงตามเงื่อนไขมีการตัดเตือนเป็นหนังสือ 3 ครั้ง หากยังเพิกเฉยจะถูกถอดป้ายทันที
2.8.กรณีแฟรนไชซีเลิกสัญญาต้องคืนป้ายและโลโก้ให้กับแฟรนไชซี





2.9.แฟรนไชซีต้องเป็นผู้ที่มีความจริงใจในการทำธุรกิจ
2.10.ประมาณการณ์คืนทุน 1-2 เดือน
3. คุณสมบัติผู้ลงทุน
ผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องรับวัตถุดิบ เช่น ถั่วเหลือง แป้งปาท่องโก๋ และอื่นๆ จากเราเท่านั้น เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพ

งบประมาณที่ต้องใช้ในการลงทุนและสามารถติดต่อ หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้

หากท่านใดมีความสนใจที่จะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจ หมวยเกี๊ยน้ำเต้าหู้ ก็สามารถที่จะติดต่อสอบถามเรื่องของรายละเอียดและข้อมูลในการทำธุรกิจเบื้อง ต้นได้ที่ ชื่อผู้ติดต่อ สุจิตร์ คงสิริพรชัย เจ้าของแฟรนไชส์ที่อยู่ 556/47-48 ถนนสาธุประดิษฐ์ บางโพงพาง ยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทร.02-2944390 ,081-6135949

Read More...


เต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์

เต้าฮวย นั้นเป็นขนมที่อร่อยและมีมานานตั้งแต่สมัยโบราณ และในปัจจุบันนั้นยังหาร้านที่ขายขนมเต้าฮวยหรือเต้าหู้นมสดที่อร่อยๆนั้น ยากเหลือเกินค่ะ วันนี้ผู้เขียนมีร้านขายขนมเต้าฮวยที่อร่อยสุดๆมาฝากกันค่ะ และนอกจากท่านจะสามารถหาซื้อไปรับประทานได้แล้วยังสามารถร่วมลงทุนกับแฟรนไช ส์ของเต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์ ได้อีกด้วยค่ะ สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถติดตามอ่านรายละเอียดได้ตามข้อมูลธุรกิจด้านล่างค่ะ

ทำไมต้อง เต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์

 


จาก การที่อาม่าได้ถ่ายทอดสูตรการทำเต้าฮวยนมสด นี้ให้แก่ลูกหลาน ซึ่งครั้งหนึ่งก็ได้มีโอกาสทำไปถวายพระในงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ แขกที่มาในงานติดใจในรสชาติ ถึงกับขอให้ทำขายในวาระต่างๆ จากนั้นในปี พศ. 2553 อาม่าเต้าฮวยนมสดจึงปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้น โดยใช้ชื่ออาม่าเต้าฮวยอินเตอร์เป็นชื่อทางการค้า เพื่อให้เกียรติแก่อาม่าผู้ซึ่งเป็นเจ้าของและถ่ายทอดสูตรให้ ในเบื้องต้นก็ทำตามออเดอร์ ต่อมาหลังจากดำเนินการขอ อย.เรียบร้อยแล้ว ก็ขยายตัวทำส่งตามร้านอาหาร, ภัตตาคาร ,โรงเรียน,โรงพยาบาล และโต๊ะจีน และเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเด็กเล็ก และกลุ่มที่ไม่ชอบทานนมสด จึงได้มีการพัฒนาสูตรให้เหมาะสมเพิ่มขึ้นอีก 2 รสชาติ คือ แต่งกลิ่นมะลิและแต่งกลิ่นใบเตยและในปี พศ. 2554 ทางอาม่าเต้าฮวยอินเตอร์ วางแผนจะขยายตลาดไปยังกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยการขายแฟรนไชส์ให้กับผู้สนใจ

ลักษณะของสินค้าและการบริการ เต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์

ใน ส่วนของลักษณะสินค้าที่ทางร้านนั้นต้องขายและการบริการที่ทางร้านนั้นจะต้อง มีก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะร่วมลงทุนกับ เต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์ นี้ เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของครอบครัวละก็ คุณนั้นจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจการต่อไปข้างหน้าค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้
1. ลักษณะของแฟรนไชส์
1.1 ขาย แฟรนไชส์ ฟรี
1.2 ผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องซื้อส่วนผสมสำเร็จรูป
2. คุณสมบัติของผู้ลงทุน



2.1 ผู้ที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว เช่น ร้านอาหาร, ร้านก๊วยเตี๋ยว, ร้านขายเบเกอรี่, ร้านกาแฟ, ร้านขายขนมอื่นๆ ฯลฯ สามารถนำไปขายเสริมได้
2.2 ผู้ที่ต้องการทำเป็นอาชีพเสริม ทำส่งตาม ร้านอาหาร, โต๊ะจีน, ซุปเปอร์มาเก็ต ฯลฯ
2.3 มีพื้นที่ขายที่ ตลาดนัด, ที่ชุมชน, โรงเรียน, โรงพยาบาลฯลฯ
3. สิ่งที่แฟรนไชส์นั้นจะได้รับ
3.1 ราคา 1,500 บาท สิ่งที่ได้รับ VCD สอนทำเต้าฮวยนมสด , แก้วฝาฉีก พร้อมสติ๊กเกอร์ 45ใบ, ผงปรุงสำเร็จสำหรับทำเต้าฮวย 1 ชุดทำได้ 45 แก้ว
3.2 ทางแฟรนไชส์ส่งส่วนผสมสำเร็จรูปให้ในราคาชุดละ 160 บาท จะได้รับส่วนผสม 2 ถุง คือ ส่วนผสมเนื้อเต้าฮวย, ส่วนผสมนมเติม ทำได้ 45 แก้ว
3.3 ค่าแก้วฝาฉีก พร้อมสติ๊กเกอร์อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์ ใบละ 2.50 บาท
3.4 จำนวนสั่งขั้นต่ำ 10 ชุด
4. นโยบายการขยายสาขา
ขาย แฟรนไชส์ ทางอาม่าเต้าฮวยอินเตอร์ วางแผนจะขยายตลาดไปยังกรุงเทพฯ, ปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยการขายแฟรนไชส์ให้กับผู้สนใจ และเพื่อเป็นเปิดโอกาสให้แก่ผู้มีเงินลงทุนน้อย หรือมีรายได้น้อย ได้เข้าสู่ธุรกิจนี้ เพื่อเติบโตไปพร้อมๆกัน จึงไม่มีการเก็บค่าแฟรนไชส์ หรือ ค่าธรรมเนียมรายปีใดๆทั้งสิ้น

งบประมาณที่ต้องใช้ในการลงทุนและสามารถติดต่อ เต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์

สำหรับ ท่านใดที่มีความสนใจที่ต้องการจะลงทุนกับธุรกิจนี้มีข้อมูลที่ท่านต้องศึกษา ดังนี้ค่ะ มีสาขาทั้งหมด 58 สาขา และเรื่องของการลงทุนมีดังต่อไปนี้มี รายละเอียดข้อมูลของแฟรนไชส์ที่น่าสนใจดังนี้
1. ราคา 1,500 บาท
2. ได้รับ VCD สอนทำเต้าฮวยนมสด
3. แก้วฝาฉีก พร้อมสติ๊กเกอร์ 45ใบ
4. ผงปรุงสำเร็จสำหรับทำเต้าฮวย 1 ชุดทำได้ 45 แก้ว
หากท่านใดมีความสนใจที่จะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจ เต้าหู้นมสด อาม่าเต้าฮวยอินเตอร์ ก็สามารถที่จะติดต่อสอบถามเรื่องของรายละเอียดและข้อมูลในการทำธุรกิจเบื้อง ต้นได้ที่ คุณมะลิวัลย์ วงษ์พันธ์ตรี ที่อยู่ 2000/45 หมู่ 6 ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี 72160 โทรศัพท์ 081-0187958, 081-8156573 โทรสาร 035-552890 อีเมลล์ wongphantri@gmail.com

Read More...


Ford Fiesta ฟอร์ด เฟียสต้า โปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษ ถึง 31 ธันวาคม 2556


ฟอร์ด เปิดโปรโมชั่นพิเศษ ส่งท้ายปี แล้ววันนี้สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อรถยนต์ Ford Fiesta ฟอร์ด เฟียสต้า กับ *ฟอร์ด ลีสซิ่ง ก็สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไปเลยง่ายๆ ก่อนใครกับ 











ข้อเสนอพิเศษ  :
1. ดอกเบี้ย 0 % ดาวน์ 20 % ผ่อนนาน 72 เดือน ฟรีประกันชั้น 1 และอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่า 10,000 บาท 

2. หรือ เลือกรับไปเลย ส่วนลดสูงสุดถึง 90,000 บาท และอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่า 10,000 บาท

Ford Fiesta ฟอร์ด เฟียสต้า โปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษ ถึง 31 ธันวาคม 2556
Ford Fiesta โปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษ
พบกับข้อเสนอดีๆ กับ Ford Fiesta ฟอร์ด เฟียสต้า ได้แล้ว ที่โชว์รูมรถยนต์ Ford-Ayutthaya จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 นี้เท่านั้น  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 035-880777-8

Read More...


Ford Focus โปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษ ถึง 31 ธันวาคม 2556

New Ford Focus ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ โปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษ ถึง 31 ธันวาคม 2556 ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ มอบโปรโมชั่นพิเศษ ส่งท้ายปี สุขขีกันถ้วนหน้า รับกันไปเลยทันทีกับข้อเสนอพิเศษที่พร้อมมาให้ท่านได้เป็นเจ้าของรถ Focus กันไปแบบง่ายๆ ดังนี้

ข้อเสนอพิเศษ
สำหรับลูกค้าที่เช่าซื้อรถยนต์ Ford Focus รุ่น 1.6 ลิตร ผ่าน*ฟอร์ด ลีสซิ่ง (ยกเว้นรุ่น 5 ประตู Trend) รับไปเลย
  • ดาวน์ 25% ผ่อนอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 60 เดือน พร้อม ฟรี!! ประกันภัยชั้นหนึ่ง

New Ford Focus ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ โปรโมชั่น-ข้อเสนอพิเศษ

ข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ Ford Focus รุ่น 1.6 ลิตร 5 ประตู Trend และ รุ่น 2.0 ลิตร 4 ประตู กับ*ฟอร์ด ลีสซิ่ง รับไปเลย
  • ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือนกับอัตราดอกเบี้ย 0.99% พร้อม ฟรี!! ประกันภัยชั้นหนึ่ง
ข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้ารถยนต์ Ford Focus รุ่น 2.0 ลิตร 5 ประตู กับ *ฟอร์ด ลีสซิ่ง เตรียมรับได้เลย
  • ฟรี!! ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะ (SSP) 3 ปี /60,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
พบกับข้อเสนอและโปรโมชั่นพิเศษ New Ford Focus ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ได้แล้ววันนี้ – 31 ธันวาคม 2556 ที่โชว์รูมรถยนต์ฟอร์ดอยุธยา
สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม  หมายเลขโทรศัพท์ 035-880777-8

Read More...


ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด

เป็นการเปิดร้านขายนามสดโดยมีธุรกิจที่มีคน นิยมบริโภคกันมากหลายเนื่องจากเป็นอาหารที่บำรุงร่างกายสามารถบริโภคได้ทุก วัยจึงเป็นการลงทุนที่ดีมากและสามารถได้รับผลตอบแทนที่ไวมากและคุ้มต่อเงิน ที่ลงทุนไปเป็นที่สุด


ทำไมต้อง ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด



ปัจจุบัน การทำแฟรนไชส์เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นมีธุรกิจเป็นของ ตนเอง ไม่ว่าจะทำเป็นธุรกิจหลักหรือแหล่งรายได้เสริม เพราะเป็นวิธีที่ง่าย มีพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำและแนวทางการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟรนไชส์ประเภท อาหารและเครื่องดื่ม คือหนึ่งในทางเลือกต้น ๆ ที่น่าสนใจ เนื่องด้วยแนวคิดที่ว่า คนทุกคนต้องกิน .. คำถามต่อมาจึงได้แก่ ขายอะไร ขายใคร และขายอย่างไรคำถามเหล่านี้ หาคำตอบได้จาก ธุรกิจ“ร้านปังสด สังขยา กาแฟ นมสด” ผู้เป็นเจ้าของแนวคิด ความเหมือนที่แตกต่างของร้านกาแฟสมัยใหม่ จากการสั่งสมประสบการณ์มายาวนาน ผ่านการลองผิดลองถูก ศึกษาหาความรู้เรื่องของกาแฟ นมสด สังขยา มาหลากหลายรูปแบบ เราได้พบวิธีการปรุงที่ได้ทั้งรสชาติที่ดี และรูปลักษณ์ชวนรับประทาน ถูกใจ คุ้นลิ้น ลูกค้าส่วนใหญ่ อีกทั้งยังพยายามฝึกฝนและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดยั้ง ใส่ใจกับคุณภาพของวัตถุดิบให้ได้มาตรฐานสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะกระจายสาขาออกไปมากเท่าใด ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะพบว่าปัจจุบันธุรกิจร้านปังสด มีสาขามากถึงกว่า 500 สาขา ทั่วประเทศ

ลักษณะของสินค้าและการบริการ ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด

ใน ส่วนของลักษณะสินค้าที่ทางร้านนั้นต้องขายและการบริการที่ทางร้านนั้นจะต้อง มีก็เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะร่วมลงทุนกับ ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด นี้ เพื่อให้ธุรกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของครอบครัวละก็ คุณนั้นจะต้องทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำเนินกิจการต่อไปข้างหน้าค่ะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นดังต่อไปนี้
1. ขั้นตอนการเปิดร้าน ปังสด
1.1 ผู้สนใจลงทุนจัดหาทำเลขาย (ควรเป็นแหล่งชุมชน เช่น ตลาดโต้รุ่ง ใกล้โรงเรียน ป้ายรถเมล์ ฯลฯ
1.2 โทรสอบถามจุดที่ต้องการขาย เพื่อสำรวจเส้นทางการจัดส่ง และการทับซ้อนของจุดขาย
1.3 โทรนัดวันอบรมสูตรและเทคนิคการชง (พร้อมโอนเงินมัดจำ 5,000 บาท)
1.4 อบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ในวันอบรม ทำสัญญาพร้อมชำระมัดจำอีก 5,000 บาท



1.5 ส่วนที่เหลือ ชำระ วันที่บริษัทฯ จัดส่งอุปกรณ์ให้ (จะได้รับอุปกรณ์ไม่เกิน 7 วัน นับจากวันที่มาอบรม)
กรณีต่างจังหวัด โอนเงินจอง 5,000 บาท ส่วนที่เหลือชำระเต็มในวันอบรม
2. การลงทุน
แบบที่ 1 เคาน์เตอร์ 25,000 บาท (ป้ายโลโก้ร้าน, อบรมวิธีการทำพร้อมคู่มือ, และวัตถุดิบ-เครื่องปรุงฯ รวมทำได้ 200 แก้ว ,อุปกรณ์ในการขายทั้งหมดครบชุด พร้อมเคาน์เตอร์ไม่มีหลังคา ขนาด 120×60 cm)
แบบที่ 2 รถเข็น 28,000 บาท (ป้ายโลโก้ร้าน, อบรมวิธีการทำพร้อมคู่มือ, และวัตถุดิบ-เครื่องปรุงฯ รวมทำได้ 200 แก้ว ,อุปกรณ์ในการขายทั้งหมดครบชุด พร้อมรถเข็น ขนาด 130×70 cm)
แบบที่ 3 เคาน์เตอร์ใหญ่ 30,000 บาท (ป้ายโลโก้ร้าน, อบรมวิธีการทำพร้อมคู่มือ, และวัตถุดิบ-เครื่องปรุงฯ รวมทำได้ 200 แก้ว ,อุปกรณ์ในการขายทั้งหมดครบชุด พร้อมเคาน์เตอร์ใหญ่ขนาด 150×80 cm)
แบบที่ 4 คีออส 50,000 บาท (ป้ายโลโก้ร้าน,อบรมวิธีการทำพร้อมคู่มือ, และวัตถุดิบ-เครื่องปรุงฯ รวมทำได้ 200 แก้ว ,อุปกรณ์ในการขายทั้งหมดครบชุด พร้อมคีออส ขนาด 180×70 cm) เหมาะสำหรับในห้างเท่านั้น
สำหรับ ผู้ที่สนใจแต่ไม่สะดวกเดินทางมาอบรม ทางเราจะจัดส่งสินค้าไปทางรถขนส่งเอกชน (เก็บค่าขนส่งปลายทาง) พร้อมคู่มือและวิธีการทำโดยละเอียด ซึ่งสามารถทำตามขั้นตอนจากคู่มือได้ง่าย และสามารถโทรสอบถามปรึกษาได้ตลอด หากมีข้อสงสัยในภายหลัง หรือถ้ายังไม่มั่นใจ จะมาเรียนทีหลังก็ได้
3. สิ่งที่แฟรนไชส์ซี่จะได้รับ
3.1 ป้ายร้าน และป้ายราคาตามแบบ **เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อนุญาต เมื่อเลิกกิจการต้องคืนป้าย**
3.2 เคาน์เตอร์อลูมิเนียม หรือ รถเข็น หรือ คีออส (แล้วแต่รูปแบบที่เลือก)
3.3 อุปกรณ์การขายทุกอย่างเราเตรียมให้ครบ ท่านเตรียมเฉพาะน้ำแข็งและปลั๊กไฟเท่านั้น
พิเศษสุด สุด!! สำหรับท่านที่ซื้อรูปแบบที่ 3 เคาน์เตอร์ใหญ่ 30,000 บาท รับฟรีอีกหนึ่งอย่าง !! อุปกรณ์วิปครีม พร้อมสูตร 1 ชุด (มูลค่ากว่า 2,500.-) รูปแบบอื่นต้องซื้อเพิ่มในราคา 2,000.- (จำนวนจำกัด)

งบประมาณที่ต้องใช้ในการลงทุนและสามารถติดต่อ ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด

หากท่านใดมีความสนใจที่จะลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจ ร้านปังสด ขนมปัง-นมสด ก็สามารถที่จะติดต่อสอบถามเรื่องของรายละเอียดและข้อมูลในการทำธุรกิจเบื้อง ต้นได้ที่ คุณนัท, คุณตาล, คุณมิ้น ที่อยู่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปังสด 83/52-53 หมู่3 แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ โทร. 089-8879275, 089-5098056,02-4506878 โทรสาร 02-4507050 อีเมลล์info@pangsod.co.th pangsod@gmail.com เว็บไซต์ bit.ly/pRSoyp

credit by : http://ohomakemoney.com/ร้านปังสด-ขนมปัง-นมสด.html


Read More...


'พายสับปะรด' วันนี้ยังซื้อง่ายขายคล่อง

“พายสับปะรด” ขนมอบชิ้นเล็ก ๆ ทำรูปลักษณ์ภายนอกให้มีลูกเล่นได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดย่อม หรือจะพับแป้งให้คล้ายขนมโตเกียว เป็นรูปเรือ เป็นรูปดอกไม้ หรือจะเป็นแบบตะกร้าก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้ทำว่าจะประดิษฐ์หน้าตาขนมให้ออกมาเป็นแบบใด ซึ่งขนมชนิดนี้ก็เป็นขนมอีกประเภทที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย เป็นขนมทานเล่นที่คู่กับชา-กาแฟ หรือใช้เป็นของฝากก็ได้ โดยวันนี้ “ช่องทางทำกิน” ก็มีข้อมูลขนมชนิดนี้มานำเสนอ...


ผลิวรรณ บุญมี เจ้าของร้านขนม “ช่อมะเฟือง” ย่านรามคำแหง 150 ทำขนมขายมานานกว่า 6 เดือน ซึ่งขนมที่ร้านนี้มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเค้กกล้วยหอม เค้กหน้านิ่มรสต่าง ๆ คุ้กกี้ช็อกโกแลตชิพ รวมถึง “พายสับปะรด” ด้วย
“สำหรับสูตรนั้น ญาติเป็นคนสอนให้ แต่ก็ต้องฝึกฝนนานอยู่เหมือนกัน กว่าจะทำได้ ทุกวันนี้ทำขนมชนิดนี้เสริมเพิ่มจากร้านอาหารที่ทำอยู่ โดยใช้เวลาว่างหลังจากส่งลูกไปโรงเรียนมานั่งทำขายทุกวัน จนมีลูกค้าประจำมากมาย ทั้งซื้อไปทาน หรือรับไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง” ผลิวรรณ กล่าว
อุปกรณ์ในการทำพายสับปะรด หลัก ๆ ก็มี เครื่องตีแป้ง, เตาอบ, ถ้วยพิมพ์, ที่ร่อนแป้ง, ถาด, กะละมัง, ชุดช้อนชา, ชุดถ้วยตวง, ไม้รีดแป้ง, มีดตัดแป้ง ฯลฯ
สูตรการทำพายสับปะรด วัตถุดิบที่ใช้หลัก ๆ ก็มี แป้งว่าว 500 กรัม, ผงฟู พอประมาณ, นมผง 3 ช้อนโต๊ะ, นํ้าเย็นจัด 0.5 ถ้วย, เกลือ พอประมาณ, นํ้าตาลทราย พอประมาณ, ไข่แดง 1 ฟอง, เนยสด 50 กรัม, มาการีน 150 กรัม และ นํ้ามันพืช ประมาณ 4-5 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ ร่อนแป้งว่าว ผงฟู และนมผง ให้เข้ากัน 2 ครั้ง พักไว้ จากนั้นนำนํ้าเย็นจัดผสมกับเกลือ นํ้าตาลทราย และไข่แดง คนให้ละลายเข้ากัน แล้วนำไปแช่เย็น พักไว้
เทส่วนผสมของแป้งที่พักไว้ลงในเครื่องตีแป้ง จากนั้นใส่เนยสด มาการีน และนํ้ามันพืช ตีให้เข้ากัน ใช้ความเร็วปานกลาง ตีจนส่วนผสมเข้ากัน เสร็จแล้วนำส่วนผสมของนํ้า เกลือ นํ้าตาลทราย และไข่แดง ที่แช่เย็นไว้ ใส่ลงตีให้เข้ากัน จนแป้งเนียน
เสร็จแล้วคลุมด้วยผ้าขาวบาง แล้วพักแป้งไว้ 1 ชั่วโมง
ส่วน “ไส้สับปะรดกวน” ที่ใช้นั้น ผลิวรรณบอกว่า มี 2 วิธี คือ ซื้อที่กวนสำเร็จรูปมาใช้ หรือกวนสับปะรดใช้เอง ซึ่งวิธีหลังหากทำได้จะมีดีมาก เพราะมั่นใจได้เรื่องความสะอาด มีคุณภาพ และได้รสชาติตามที่ต้องการ
วิธีทำสับปะรดกวน ตามสูตรการทำมีดังนี้ ใช้เนื้อสับปะรดสับละเอียด ประมาณ 10 ถ้วยตวง, เกลือป่น ประมาณ 1 ช้อนชา, นํ้าตาลทราย ประมาณ 3 ถ้วย และแบะแซ 4-5 ช้อนโต๊ะ ใส่กระทะทองเหลือง ยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใช้ไม้พายกวนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเหนียว เสร็จแล้วพักให้เย็น
ระหว่างที่กวน ให้ชิมรสสับปะรดกวนไปด้วย ควรจะให้สับปะรดกวนมีรสเปรี้ยวหวาน เพราะฉะนั้นอย่าใส่นํ้าตาลทรายลงไปคราวละมาก ๆ ค่อย ๆ ทยอยใส่ลงไประหว่างที่กวน
พายสับปะรดของผลิวรรณนี้จะทำเป็นถ้วย แล้วสานแป้งปิดหน้าถ้วย ทำให้หน้าตาคล้ายตะกร้า ซึ่งวิธีทำพายในขั้นตอนสุดท้าย มีดังนี้คือ เรียงถ้วยพิมพ์วงกลม ขนาดกว้าง 4 ซม. และสูง 2 ซม. ใส่ถาดอะลูมิเนียมให้เต็มถาด เตรียมไว้ เสร็จแล้วปั้นแป้งพายเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเท่ากับถ้วยพิมพ์ แล้วนำไปกรุใส่พิมพ์ให้เป็นรูปถ้วย ปั้นสับปะรดกวนที่เตรียมไว้ เป็นรูปวงกลมขนาดเล็กกว่าถ้วยพิมพ์เล็กน้อย แล้วใส่ลงไปในถ้วยที่ใส่แป้งพายอยู่เตรียมไว้
ใช้ไม้รีดแป้ง รีดแป้งให้เป็นแผ่นบาง ๆ แล้วใช้มีดตัดแป้ง ตัดแป้งเป็นเส้น ๆ ขนาดยาว 2 ซม. กว้าง 0.5 ซม. จำนวน 2 เส้น นำไปคาดทับหน้าถ้วยขนม โดยคาดให้เป็นรูปกากบาท ทำแบบนี้ไปจนครบจำนวนถ้วยแป้งพายที่เตรียมไว้ เสร็จแล้วนำไปอบในเตาอบ ด้วยความร้อน 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที อบเสร็จแล้วนำไปบรรจุใส่กล่องพลาสติก กล่องละ 12 ถ้วย ขายราคากล่องละ 30 บาท โดยมีต้นทุนประมาณ 70%
**********
สนใจ “พายสับปะรด” ของ ผลิวรรณ บุญมี ร้านขนมช่อมะเฟืองตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 150 ถนนรามคำแหง กรุงเทพฯ หรือติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2373-5396 นอกจากพายสับปะรดแล้ว กรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ยังทำเค้กหน้านิ่มรสต่าง ๆ คุ้กกี้ช็อคโกแลตชิพ และเค้กกล้วยหอม จำหน่ายด้วย.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=192041

Read More...


เมี่ยงฟองเต้าหู้

ก่อนที่จะหมดเทศกาลถือศีลกินเจ ขอแนะนำอาหารเจทำเองง่ายๆส่งท้ายอีกสัก 1 เมนู เผื่อไว้ทำทานเองในช่วงหมดเทศกาลแล้ว เพราะถึงตอนนั้นจะไม่ค่อยมีอาหารเจสำเร็จรูปวางขายอย่างดาษดื่นนัก

Pic_375011


ดร.อธิ โชค วินทกร หรือ ดร.อ้วน คุณพ่อบ้านที่แสนน่ารัก พอรู้ว่าภรรยาทานเจก็รีบจัดแจงคิดหาเมนูเจแปลกๆเพื่อทำให้ทาน โดยใช้วัตถุดิบจากแปลงผักที่ปลูกไว้หลังบ้านมาเป็นเครื่องปรุง  แบบไม่ซ้ำเมนูกันเลยตลอดช่วงทานเจ มีอาทิ ข้าวยำเจ, ผัดมะเขือ 5 สี, มะระผัดเต้าเจี้ยว และเมี่ยงฟองเต้าหู้ เป็นต้น


คุณ อ้วนเล่าว่า โดยส่วนตัวเป็นคนชอบทำอาหาร และเป็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว จะต้องตามคุณแม่ไปตลาดทุกเช้า คุณแม่ก็จะสอนวิธีเลือกปลา เนื้อหมู ของสดต่างๆ รวมถึงผัก ผลไม้ เวลาที่คุณแม่เข้าครัว จะต้องเข้าไปช่วยด้วยตลอด ทำให้ได้เคล็ดลับการทำอาหารต่างๆจากคุณแม่ค่อนข้างมาก พอถึงช่วงปิดเทอม ยังเคยไปสมัครทำงานในครัวที่ร้านอาหาร เพื่อเพิ่มเติมความรู้ให้มากขึ้น คุณอ้วนแนะว่า การทำอาหารเป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง ต้องใช้ความอดทน ไม่วอกแวก การทำอาหารต้องรู้จักจังหวะไฟที่จะใช้ เพราะอาหารแต่ละอย่างจะใช้ความร้อนไม่เท่ากัน ที่สำคัญต้องรู้จักสังเกต นำสิ่งต่างๆมาปรับใช้แบบบูรณาการกันครับ


สำหรับ “เมี่ยงฟองเต้าหู้” เมนูเจที่คุณอ้วนคิดขึ้นเอง ตามวัตถุดิบที่มีในตู้เย็น  เป็นอาหารว่างทานเล่นๆแต่ได้สุขภาพ เครื่องปรุง : ฟองเต้าหู้ /เห็ดหอมคั่ว/แปะก๊วยต้มสุก/แครอทหั่นลูกเต๋า/เต้าหู้ปลาเจ/เต้าหู้เหลือง ย่าง/ พริกขี้หนูสวน/ผักสลัด......วิธีทำ 1) นำฟองเต้าหู้ไปย่างบนกระทะให้แห้ง  แล้วโรยเกลือเล็กน้อย 2) นำเครื่องทั้งหมดตั้งแต่ เห็ดหอมคั่ว, แปะก๊วยต้มสุก, แครอทหั่นลูกเต๋า, เต้าหู้ปลาเจ, เต้าหู้เหลืองย่าง มาผัดรวมกันด้วยไฟอ่อนๆ ด้วยน้ำมันมะกอก และปรุงรสด้วยซีอิ๊วเจกับน้ำตาลทรายให้ได้รสชาติตามชอบ ทานแบบเมี่ยงพร้อมกับผักกาดหอมหรือผักสลัดตามชอบ.

credit by :  http://www.thairath.co.th/content/life/375011

Read More...


ฮา สุย เก๋า (เกี๊ยวกุ้งน้ำ)

หลังจากอิ่มบุญกับการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ในเทศกาลถือศีลกินเจกันแล้ว ก็ยังไม่ควรด่วนรีบรับประทานเนื้อแดงทันที ควรจะรับประทานเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย ประเภท ปลา ไก่ เพื่อให้ลำไส้ได้ปรับตัวให้คุ้นชินก่อน และตามคำแนะนำของคุณหมอ ท่านแนะให้ทานไข่ทุกวันระยะหนึ่ง  เพราะไข่ขาวเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย จะช่วยเพิ่มส่วนที่ขาดไป นอกจากนี้ไข่แดงยังมีไบโอตินกับวิตามินดี ที่จำเป็นต่อสมอง และให้รับประทานผักสดสีเขียวและม่วง ซึ่งมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์สูง... วันนี้จึงขอแนะนำเมนู เกี๊ยวกุ้งน้ำ หรือ ฮา สุย เก๋า อาหารอ่อนๆและมีน้ำซุปให้ซดคล่องคออีกด้วย

Pic_376622




คุณ ตุ๊กตุ่น–กองทอง ใบหยก บุตรสาวคนเดียวซึ่งกำลังอยู่ในวัยอยากพิสูจน์ฝีมือ (22 ปี) ของ คุณกิ่งทอง ใบหยก ซึ่งเป็นน้องสาวคนเล็กของคุณพันธ์เลิศ ใบหยก เจ้าของตึกใบหยก 2 อาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทยนั่นเอง คุณตุ๊กตุ่น เพิ่งจบเป็นบัณฑิตหมาดๆจากรั้วจามจุรี คณะรัฐศาสตร์ และมาช่วยงานคุณแม่ดูแลธุรกิจของครอบครัว โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องการออกแบบและจัดหาของที่ระลึก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อติดมือกลับบ้าน เป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยอีกทางหนึ่ง


นอก จากนั้น คุณตุ๊กตุ่นยังช่วยคุณแม่ตรวจเช็กและพัฒนาโรงแรม ตั้งแต่หน้าบ้าน (ส่วนบริการลูกค้า) ยันหลังบ้าน (ในครัว) อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะพัฒนาคุณภาพอาหารบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมฯ ซึ่งมีอยู่ถึง 6 ห้องให้ได้มาตรฐาน และด้วยความที่คุณตุ๊กตุ่นชอบรับประทานอาหารจีนและชอบทำอาหารด้วย จึงเข้าไปตรวจภัตตาคารจีนสเตลล่า พาเลซ บนชั้น 79 ของโรงแรมใบหยกสกายบ่อยที่สุด พร้อมกับสมัครเป็นลูกศิษย์ของเชฟวิชัย สุขขี เชฟผู้ควบคุมอาหารจีนทุกรายการของโรงแรมใบหยกสกายมากว่า 16 ปีด้วย วันนี้เลยขอพิสูจน์ฝีมือปรุงเมนูโปรดคือ เกี๊ยวกุ้งน้ำ (ฮา สุย เก๋า) ซึ่งไส้ของเกี๊ยวกุ้ง เมื่อเติมหมูสับลงไปและเปลี่ยนแป้งห่อ แล้วนำไปนึ่ง ก็จะได้ขนมจีบกุ้งแสนอร่อย เพิ่มมาอีกหนึ่งเมนู


ส่วน ผสมเกี๊ยวกุ้งน้ำ (ฮา สุย เก๋า) รับประทานประมาณ 5 คน : กุ้งแชบ๊วย 5 ขีด / แป้งมันฮ่องกง 1 ช้อนโต๊ะ / มันหมูแข็ง 1 ขีด/น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา / เกลือป่น ½ ช้อนชา / พริกไทยป่น 1/3 ช้อนชา / น้ำมันงาเล็กน้อย / แผ่นเกี๊ยว 20 แผ่น / กุยช่ายขาวเล็กน้อย

ส่วนผสมซุปน้ำหนึ่ง : กระดูกสันหลังหมู 3 ขีด / เนื้อหมู 3 ขีด / ไก่แก่ 3 ขีด / ขาหมูแฮมยูนาน 3 ขีด / น้ำ 4 ถ้วย / แป้งปรุงรสเจ 1 ช้อนชา/ เกลือ.......วิธีทำน้ำซุป 1) นำกระดูกสันหลัง, เนื้อหมู, ไก่แก่ และขาหมูแฮมยูนาน สับเป็นชิ้นเล็กๆ และลวกน้ำทิ้งเพื่อล้างคาวเลือด 2) นำส่วนผสมทั้งหมดในข้อ 1 มาใส่หม้อที่ตั้งน้ำไว้ โดยใช้เวลาเคี่ยวน้ำซุป 5 ชั่วโมง คอยเติมน้ำให้ได้ปริมาณพอดีตลอดเวลา 3) หลังจากเคี่ยวครบ 5 ชั่วโมงแล้ว นำผ้าขาวบางมากรองเอาแต่น้ำ แล้วปรุงรสด้วยแป้งปรุงรสเจ และเกลือ


วิธี ทำเกี๊ยวกุ้ง : 1) นำกุ้งมาปอกเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด แล้วตบเบาๆ ให้ตัวกุ้งแตกพอประมาณ และพักไว้ 2) นำมันหมูมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และใส่ถ้วยไว้ 3) นำเนื้อกุ้ง มันหมู แป้งมันฮ่องกง และเครื่องปรุงทั้งหมด มาคลุกให้เข้ากันดี 4) นำแผ่นเกี๊ยวมาห่อกับไส้เนื้อกุ้งที่เตรียมไว้ ประมาณ 30 กรัมต่อเกี๊ยว 1 ตัว 5) นำเกี๊ยวไปลวกในน้ำเดือดให้สุกพอประมาณ ตักใส่ถ้วย แล้วนำซุปน้ำหนึ่ง ที่ปรุงรสแล้วตั้งไฟให้เดือด ตักใส่ถ้วยที่มีเกี๊ยวกุ้งลวกสุก โรยด้วยกุยช่ายขาว พร้อมเสิร์ฟขณะร้อนๆ.

credit :  http://www.thairath.co.th/content/life/376622

Read More...


นักชิมสิงคโปร์ต้องมนต์นะจังงัง ตำรับอาหารไทยคลาสสิก "นารา"

นักท่องเที่ยวสิงคโปร์ยกให้เมืองไทยเป็นสวรรค์บนดิน เพราะมีสีสันหลากหลายครบครัน โดยเฉพาะเรื่องความเป็นเลิศด้านอาหารการกิน ซึ่งเป็นจุดขายของไทยแลนด์ และด้วยเสียงเรียกร้องจากนักชิมแดนลอดช่อง ทำให้ร้านอาหารไทยระดับท็อป “นารา” ของนักธุรกิจสาวคนเก่ง “ยูกิ ศรีกาญจนา” ตัดสินใจบินลัดฟ้าไปเปิดบริการสาขาแรกในสิงคโปร์ เมื่อเร็วๆนี้ โดยยึดถนนออร์ชาร์ต เป็นทำเลทองของการสยายปีกธุรกิจครั้งสำคัญ

Pic_375513


แม้ จะอยู่ต่างบ้านต่างเมือง แต่การันตีว่า “ร้านนารา” สาขาสิงคโปร์ คงรักษามาตรฐานเดียวกับที่เปิดให้บริการในเมืองไทย ในฐานะร้านอาหารไทยคลาสสิกที่มีบรรยากาศโก้หรู และโดดเด่นด้วยรสชาติจัดจ้านสไตล์ไทยแท้ดั้งเดิม ครบรสทั้งความเผ็ดร้อน, หวาน, เปรี้ยว และเค็ม โดยหลายเมนูเป็นเมนูสตรีทฟู้ดเลื่องชื่อของไทย

สำหรับ บรรยากาศของร้านก็โก้หรูไม่แพ้เมืองไทย ครอบคลุมพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร รองรับลูกค้า 112 ที่นั่ง ออกแบบโดย “พงษ์ศักดิ์ มหัทธนสกุล” เน้นความเก๋ไก๋ทันสมัย ในโทนสีอบอุ่นของผนังไม้ เพิ่มเสน่ห์ด้วยองค์ประกอบของศิลปะไทยดั้งเดิมและสถาปัตยกรรมไทย โดยมีผนังวัดระฆังและระฆังสีทองอร่ามเป็นสัญลักษณ์ ส่วนเมนูอาหารสาขาสิงคโปร์ ก็ถอดแบบจากสาขากรุงเทพฯทุกกระเบียดนิ้ว และยังคงกลิ่นอายความเป็นไทยแท้ไม่ประนีประนอม เมนูซิกเนเจอร์ขาดไม่ได้มีอาทิ “ชุดออร์เดิร์ฟนารา” รวมของอร่อยสำหรับทานเล่นได้แก่ ทอดมันปลา, ไก่ห่อใบเตย, สะเต๊ะไก่ และยำส้มโอ นอกจากนี้ ยังมีเมนูยอดฮิต เช่น ต้มยำกุ้งแม่น้ำ, แกงส้มชะอมกุ้ง, ก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรดั้งเดิม, ปูผัดผงกะหรี่ และปลากะพงนึ่งมะนาว ส่วนเมนูของหวานต้อง “ไอติมนารา” ไอศกรีมมะพร้าวเสิร์ฟกับเครื่องเคียงแบบไทยๆเติมไม่อั้น มีทั้งทับทิมกรอบ, ถั่วคั่ว, วุ้นมะพร้าว, ลูกชิด, ขนุน, มันเชื่อม, ลอดช่อง และข้าวโพด.

credit by : http://www.thairath.co.th/content/life/375513

Read More...


ตักความสดชื่น ด้วยขนมหวาน - สูตรเด็ด...พร้อมเสิร์ฟ

ตั้งหน้าตั้งตาลุยงานการตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามาเกือบ 20 ปี ด้วยหัวคิดไม่หยุดนิ่ง “ทอมมี่-พิชัย รุ่งนพคุณศรี” ตั้งคำถามกับตัวเองว่าหลังเกษียณจากงานจะทำสิ่งใดแก้เหงา มองย้อนกลับไปพบว่าระหว่างเรียนต่อปริญญาโทตัวเองมักมีความสุขอยู่กับการ นั่งกิน ละเลียดลิ้มรสแกะสูตรขนมแต่ละชิ้นว่ามีส่วนผสมอะไร เมื่อหาคำตอบให้ตัวเองได้จึงไปเทกคอร์สเรียนทำขนมหวานครบสูตร 9 เดือนเต็ม ที่โรงเรียนสอนการประกอบอาหารเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต


คุณทอมมี่เล่าว่า ยิ่งเรียนยิ่งได้ใจเพราะทำออกมาแล้วให้เพื่อนชิมต่างขานรับเป็นเสียงเดียว กันว่า “อร่อย” จึงมองหาลู่ทางเปิดร้านขนมสไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ มีรสหวานน้อย กินแล้วสดชื่นและมีโทนสีพาสเทล หลังเห็นว่า 2 ปีก่อนยังไม่มีร้านใดจำหน่ายมาก่อน ตัดสินใจเกษียณอายุงานเปิดร้านขนมญี่ปุ่นบนชั้น 3 อาคารปอร์ติโก้ หลังสวนในชื่อ “พาทิสเซอรี มาสะโทมิ” นับเป็นความท้าทายครั้งใหม่ในชีวิต เพราะไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย สมัยก่อนชอบใจก็ทำ มีความสุขก็ทำ แต่พอมาเปิดร้านแล้วคนละเรื่องกัน ในความสนุกต้องสร้างกลยุทธ์ดึงลูกค้า รังสรรค์เมนูเฉพาะฤดูกาลบ้าง แต่ส่วนใหญ่เน้นใช้วัตถุดิบในเมืองไทย เช่น มันสีม่วง, สตรอเบอรี่พันธุ์พระราชทาน 80 นอกจากหาซื้อง่ายยังช่วยส่งเสริมเกษตรกรไทยทางอ้อม

แต่ปีนี้โชคไม่เข้าข้างสตรอ เบอรี่หมดเร็ว เมนู แพนเค้กกล้วยหอมคาราเมลและสตรอเบอรี่สด สูตรดั้งเดิมจากเพื่อนสนิทชาวอเมริกันในวันนี้ จำเป็นต้องเลือกสตรอเบอรี่จากประเทศเกาหลีมาใช้แทน โดยประยุกต์สูตรให้รสชาติคล้ายคลึงสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนผสมแยกเป็น 2 ส่วน แป้งแพนเค้ก ประกอบด้วย ไข่ไก่ 3 ฟอง, แป้งสาลีอเนกประสงค์ 115 กรัม, ผงฟู 1  ช้อนชา, เกลือ 1 หยิบมือ, บัตเตอร์มิลค์ 135 กรัม ถ้าหาบัตเตอร์มิลค์ยากลงมือทำได้เองโดยใช้นมสด 125 กรัม ผสมน้ำมะนาว 10 กรัม แล้วคนให้เข้ากันทิ้งไว้ 5 นาที ได้นมที่มีลักษณะคล้ายบัตเตอร์มิลค์แต่รสชาติ กลิ่น รวมทั้งเท็กเจอร์แตกต่างกัน ส่วนผสมเครื่องเคียง กล้วยหอม 4 ลูก, สตรอเบอรี่ตามชอบ, ครีมสดตามชอบ, เนย 20 กรัม, น้ำตาล 35 กรัม

สูตรนี้ต้องแยกไข่แดงและไข่ขาว เคล็ดลับในการทำให้แป้งแพนเค้กฟูนุ่ม ผสมไข่แดง บัตเตอร์มิลค์ ผงฟู แป้งสาลีอเนกประสงค์ ไข่ขาวที่แยกออกมาตีตั้งยอดใส่เกลือเล็กน้อยเพื่อตัดรส ค่อย ๆ ตะล่อมแล้วนำมาตีให้

เข้ากันกับส่วนผสมไข่แดง นำมาหยอดลงกระทะใช้ไฟอ่อนสุก ทาเนยตามขนาดที่ต้องการทอดสุกแล้วกลับอีกด้าน เมื่อสุกทั้งสองด้านแล้วนำขึ้นพักไว้ หันมาทำกล้วยหอมคาราเมล ปอกกล้วยหอมฝานเป็นแผ่นแบนตามยาว นำน้ำตาลขึ้นกระทะแบน เกลี่ยให้กระจายทั่วกัน ใช้ไฟกลางจนน้ำตาลละลายและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน ยกลงจากไฟอย่าปล่อยกระทะทิ้งไว้บนไฟน้ำตาลจะไหม้มากเกินทำให้เกิดรสขม ใส่เนยคนทันทีให้เข้ากัน ยกกลับขึ้นไฟกลางใส่กล้วยหอมที่ฝานไว้ ทอดจนกล้วยหอมสุกคาราเมลฉาบเคลือบพอสมควรทั้ง 2 ด้าน ยกลงแล้วจัดจานพร้อมแพนเค้กที่ทอดไว้แล้ว แต่งด้วย สตรอเบอรี่สดและวิปครีม.

ช้องมาศ

credit by : http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=151

Read More...


‘ฟักข้าวสามรส’ พืชผักพื้นบ้านสร้างอาชีพ

“ฟักข้าว” เป็นพืชผักพื้นบ้านที่คนในชนบทปลูกไว้ตามรั้ว หรือปลูกรวมกับพืชผักสวนครัวอื่น ๆ เพื่อนำผลอ่อน ยอด ใบอ่อน มาทำอาหารอย่างเช่นแกงส้ม หรือเครื่องเคียงจิ้มนํ้าพริก นำเนื้อเยื่อสีแดงมาหุงกับข้าวเหนียวจะได้ข้าวสีส้ม กลิ่นหอมน่ารับประทาน และได้มีการแปรรูปเป็นนํ้าฟักข้าวด้วยวิธีภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่ช่วงที่ฟักข้าวสุกมากจนรับประทานไม่ทันก็ต้องปล่อยทิ้งให้เน่าเสียน่า เสียดาย ซึ่งพืชผักชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ด้านการป้องกันและรักษาโรค จึงเกิดแนวคิดที่จะเพิ่มมูลค่าฟักข้าว ไม่ต้องปล่อยให้เน่าเสียเปล่าประโยชน์ จึงมีการนำมาแปรรูปเป็นขนม เป็นของทานเล่น กลายเป็นสินค้าที่มีจุดขายเด่นด้านสุขภาพ ซึ่งวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอให้พิจารณา...


 “ฟักข้าว” เป็นพืชผักพื้นบ้านที่คนในชนบทปลูกไว้ตามรั้ว หรือปลูกรวมกับพืชผักสวนครัวอื่น ๆ

ผู้ที่จะให้ข้อมูลคือ สุ-ธนัญญาณ์ ตู้เซ่ง และ หนึ่ง-ธีรวัฒน์ ตู้เซ่ง ทายาทผู้สืบทอดการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฟักข้าวกวนสามรส แบรนด์ “หนึ่ง สอง สาม 1-2-3 มาร์เก็ตติ้ง” ของดีเมืองลุง ซึ่งทั้งคู่เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่า หลังจากที่ทำขนมปั้นขลิบได้ประสบความสำเร็จและมีการขยายตลาดมากขึ้น คุณแม่ซึ่งเป็นคนที่ชอบทำขนมมาก จึงได้คิดค้นผลิตสินค้าออกมาใหม่ให้มีความหลากหลาย เป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า คุณแม่คิดว่าน่าจะเอาพืชผักหรือผลไม้ในท้องถิ่นนำมาแปรรูปเพื่อให้ได้สินค้า ตัวใหม่ ๆ และหลังจากที่ได้ไปสำรวจก็พบว่าพืชผักที่มีมากในท้องถิ่นของ จ.พัทลุง คือ “ฟักข้าว” หรือ “ขี้พร้าไฟ” ของชาวใต้ ซึ่งปลูกง่ายและมีสรรพคุณมากมาย

“ในชนบทชาวบ้านมักปลูกฟักข้าวไว้ริมรั้ว ซึ่งจะมีผลให้เก็บเกี่ยวตลอดปี ช่วงที่เก็บผลสุกคือช่วงเดือน ก.ค. ถึง ก.พ. แต่ละต้นจะเก็บผลได้ 30-60 ผล ชาวบ้านจะนำผลแก่มาขายกิโลกรัมละไม่กี่สิบบาท แต่ช่วงที่ผลแก่มีมาก ๆ ชาวบ้านบางส่วนก็ต้องปล่อยให้เน่าเสียไป จึงนำมาทดลองแปรรูปเป็นขนม ผลฟักข้าวมีเปลือกหนา ผลสุกเนื้อในหนาสีส้มแดง ภายในมีเยื่อสีแดงเกาะเมล็ด ซึ่งได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่า เนื้อเยื่อสุกของฟักข้าวมีไลโคปีน ซึ่งเป็นสารมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่น ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งมากกว่าผลไม้อื่น มีงานวิจัยพบว่ามีสารเบต้าแคโรทีนมากกว่าแครอท 10 เท่า และมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศ 70 เท่า มีวิตามินซีมากกว่าส้ม 60 เท่า ฟักข้าวมีสารช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย มีสารช่วยชะลอความแก่ชรา บำรุงสายตา บำรุงสมอง และมีสารช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและระบบไหลเวียนโลหิต อีกทั้งยังมีโปรตีนที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อเอดส์ (HIV) และช่วยป้องกันโรคหัวใจ ฯลฯ”


สำหรับการนำฟักข้าวมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ “หนึ่ง สอง สาม 1-2-3 มาร์เก็ตติ้ง” ปัจจุบันมีการทำเป็นขนม “ฟักข้าวกวน” มีทั้งหมด 3 รสชาติ คือ ฟักข้าวสามรส, ฟักข้าวจี๊ดจ๊าด, ฟักข้าวทรงเครื่อง ซึ่งขายดีทุกรสชาติ

อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำขนมฟักข้าว หลัก ๆ ก็มี กระทะ, เตาแก๊ส, เครื่องบด, เครื่องกวน, มีด, เขียง, กะละมัง และเครื่องไม้เครื่องมือเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่หยิบยืมเอาจากในครัวได้

ส่วนวัตถุดิบหลักในการทำ ตามสูตรก็มี ฟักข้าวสด (ทั้งดิบและสุกอย่างละครึ่ง) สับหยาบ ๆ 2 กก., นํ้ามะนาว กก. (จะใช้นํ้ามะขามเปียกก็ได้), นํ้าตาลทราย 1 กก., เกลือ ถุง และพริกแดงป่น 2 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนการแปรรูปฟักข้าว กรณีทำเป็น “ฟักข้าวสามรส” เริ่มจากการนำฟักข้าวสดทั้งดิบและสุกที่เตรียมไว้มาปอกเปลือกออกให้หมด จากนั้นนำไปล้างให้สะอาด พักให้สะเด็ดนํ้า ก่อนจะนำมาหั่นเป็นแว่น ๆ คว้านเอาเมล็ดข้างในออกให้หมด เสร็จแล้วนำมาสับหยาบ ๆ ใส่ในภาชนะเตรียมไว้


จากนั้นนำส่วนผสม คือ นํ้าตาลทราย นํ้ามะนาวสด (หรือนํ้ามะขามเปียก) พริกป่น และเกลือ ใส่ลงไปบนฟักข้าวที่สับเตรียมไว้ ใช้ทัพพีคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน (ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะต้องคนให้นํ้าตาลทรายละลาย) เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้ว ก็นำไปบดหรือปั่นจนละเอียด
หลังจากนั้นก็นำไปกวนในกระทะ โดยใช้ไฟปานกลาง (การกวนต้องกวนไปทางเดียวกันตลอดเหมือนเข็มนาฬิกา) กวนไปเรื่อย ๆ อย่าให้ติดกระทะ ใช้เวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง จนได้ “ฟักข้าวกวน” ที่เหนียวจนได้ที่ จึงเทฟักข้าวกวนลงในถาด ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงนำมาตัดและห่อตามรูปแบบแพ็กเกจแต่ละแบบ ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน

ราคาขาย “ฟักข้าวสามรส” คือ 160 บาท/กก. ถ้าเป็นการแบ่งบรรจุ แพ็กเกจสวย ๆ สามารถขายได้แพ็กละ 50 บาท โดยสินค้าแบรนด์ “หนึ่ง สอง สาม 1-2-3 มาร์เก็ตติ้ง” ส่วนใหญ่จะขายตามร้านค้าและร้านขายของฝาก

ใครแวะเวียนไปแถวพัทลุง ก็เชิญชวนลิ้มลอง “ฟักข้าวสามรส” ของดีพัทลุง โดยแหล่งผลิตสินค้าเจ้านี้ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 205 หมู่ 12 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 93150 ซึ่งใครสนใจจะรับไปจำหน่ายต่อเป็น “ช่องทางทำกิน” ในอีกรูปแบบหนึ่ง ก็สามารถติดต่อที่ ป้าเล็ก หรือ น้องหนึ่ง ได้ที่ โทร. 08-5673-1774, 08-1092-2520 หรือ 0-7468-5049.
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / ภานุพงศ์ พนาวัน : ภาพ



Read More...


ข้าวเม่าหมี่จากข้าวกล้องงอก อาหารพื้นบ้านสู่สไตล์สากล

“ข้าวเม่าหมี่” เป็นอาหารไทยโบราณพื้นบ้านที่เด็กสมัยก่อนชื่นชอบ ลักษณะของข้าวเม่าหมี่จะทอดจนมีสีเหลืองนวล ผสมนํ้าตาลทราย กุ้งแห้ง ถั่วลิสง และเต้าหู้ทอดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่กระเทียมเจียวที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่ใส่สีและสารกันบูด ณ ปัจจุบันหากจะหารับประทาน ยากแสนยาก

แต่วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีสูตรการทำมานำเสนอ... อาจารย์ชมุค พรรณดวงเนตร อาจารย์ประจำภาควิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นผู้ประยุกต์ปรับปรุงเมนูอาหารไทยพื้นบ้านดังกล่าวนี้ให้เป็นเมนูจานใหม่ คิดทำ “ข้าวเม่าหมี่จากข้าวกล้องงอก” จากอาหารไทย สร้างให้เป็นสไตล์สากล เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน และเพื่อเผยแพร่ให้เด็กไทยยุคนี้ได้รู้จักและสามารถรับประทานได้ และก็น่าช่วยสร้างอาชีพให้คนไทยได้ด้วย




ที่มาของเมนูนี้ อ.ชมุค เล่าให้ฟังว่า มาจากการทำวิจัยในต่างจังหวัด ที่ชาวบ้านต้องการสร้างมูลค่าเพิ่ม “ข้าวกล้องงอก” ซึ่งข้าวกล้องงอกถือว่าเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่าง มากสำหรับคนที่รักสุขภาพ เพราะเป็นข้าวที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมายหลายชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มฟิโนลิคที่ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า ชะลอความแก่ และสารออริซานอลที่ช่วยควบคุมระดับ-ลดอาการผิดปกติของวัยทอง ที่สำคัญที่ต้องเน้นเป็นพิเศษคือ สารกาบา (GABA) ซึ่งกาบาเป็นกรดอะมิโนที่มีบทบาทสำคัญที่ทำหน้าที่สื่อสารประสาท ปัจจุบันวงการแพทย์มี การใช้สารกาบา รักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาทหลายโรค เช่น ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้จิตใจสงบ ลดความเครียดวิตกกังวล ลดความดันโลหิต และในข้าวนี้ยังมีเส้นใยอาหาร ช่วยควบคุมระดับนํ้าตาลในเลือด ช่วยควบคุมนํ้าหนัก ป้องกันมะเร็งลำไส้ และลดอาการท้องผูก นอกจากนี้ยังมีวิตามินอี ช่วยลดการเหี่ยวย่นของผิว

“ข้าวชนิดนี้มีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย จึงได้รับความนิยมในหมู่คนที่รักสุขภาพ ผู้ที่มีไอเดียจึงนำข้าวกล้องงอกไปแปรรูปเป็นของกินรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่า และให้ตรงความต้องการ เช่น นํ้าข้าวกล้องงอก ไอศกรีม ป๊อปไรท์ ข้าวแต๋น เต้าฮวยฟรุตสลัด ข้าวหมาก ข้าวจี่ชุบไข่ ฯลฯ จึงได้คิดค้นโดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านโบราณมาดัดแปลงข้าวเม่าหมี่ นำข้าวกล้องงอกมาแทนข้าวเม่าที่หายากและราคาแพง เพื่อให้ผู้ที่สนใจนำไปต่อยอดสร้างเป็นอาชีพ”

อ.ชมุค แจกแจงว่า ส่วนผสมในการทำ “ข้าวเม่าหมี่จากข้าวกล้องงอก” แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนผสมข้าวคลุก ใช้...ข้าวกล้องงอก, นํ้าตาลทราย, นํ้าผึ้ง, เกลือป่น, แบะแซ, เนยสด และส่วนของเครื่องผสม ก็มี...งาดำ, งาขาว, เต้าหู้ขาวชนิดแข็ง, แครอทอบแห้ง, กุ้งสดอบทอด, ต้นหอมอบแห้ง และนํ้ามันพืช

อุปกรณ์หลัก ๆ ที่ใช้ในการทำก็มี... ตู้อบลมร้อน, เตาแก๊ส, กระทะทอง, ไม้พายเล็ก, ถาด เเละอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดที่ใช้ครัวเรือนทั่ว ๆ ไป

ขั้นตอนการทำ “ข้าวเม่าหมี่จากข้าวกล้องงอก” เริ่มจากนำข้าวกล้องงอกที่หุงสุกแล้วมาเกลี่ยให้กระจายทั่วบนถาด นำเข้าอบในตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 5 ชั่วโมง

หั่นเต้าหู้ขาวชนิดแข็งเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า นำเข้าอบและใช้เวลาเหมือนกับข้าวกล้องงอก หั่นแครอทสดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ นำไปลวกให้สุก พักให้สะเด็ดนํ้า ก่อนจะอบเหมือนกับข้าวกล้องงอก ส่วนต้นหอมนำมาซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำเข้าอบเป็นเวลา 5 ชั่วโมง กุ้งสดนำมาล้างให้สะอาด แกะเปลือก สับหยาบ ๆ นำเข้าอบเป็นเวลา 2 ชั่วโมง (ส่วนผสมแต่ละอย่างต้องแยกกันอบ) เสร็จแล้วนำใส่ภาชนะเตรียมไว้

เมื่อเตรียมส่วนผสมข้าวคลุกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้นำข้าวกล้องงอกอบแห้ง เต้าหู้อบแห้ง และกุ้งอบแห้ง ลงไปทอดในนํ้ามัน ใช้ไฟอ่อน ทอดให้ส่วนผสมมีลักษณะเหลืองกรอบ แล้วตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดนํ้ามัน (การทอดส่วนผสมนั้น ต้องทอดทีละอย่าง อย่ารวมกัน เพราะส่วนผสมแต่ละอย่างจะสุกไม่พร้อมกัน)

นำส่วนผสมของนํ้าตาลทราย นํ้าผึ้ง เกลือ แบะแซ เนยสด และนํ้าสะอาด ใส่ลงกระทะทอง ตั้งไฟเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ จนนํ้าเชื่อมมีลักษณะเหนียวข้นคล้ายคาราเมล แล้วนำส่วนผสมของข้าวกล้องงอกอบแห้งทอด เต้าหู้อบแห้งทอด กุ้งอบแห้งทอด และแครอทอบแห้ง ต้นหอมอบแห้ง งาขาว งาดำ ใส่ลงอ่างผสม ใช้ไม้พายคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน

จากนั้นนำส่วนผสมที่คลุกเคล้ากันดีแล้วไป ใส่ลงในกระทะทองที่มีเครื่องผสม คลุกเคล้าให้เข้ากันโดยใช้ไฟอ่อน ๆ ชิมเพื่อปรับ แต่งรสชาติตามใจชอบ เสร็จแล้วปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็น เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิทหรือบรรจุผลิตภัณฑ์ โดย “ข้าวเม่าหมี่จากข้าวกล้องงอก” นี้สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือน ๆ โดยไม่ใส่สารกันบูด
****************

ใครสนใจทำ “ข้าวเม่าหมี่จากข้าวกล้องงอก” ขายเป็น “ช่องทางทำกิน” ก็ลองฝึกฝนกันดู หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก อ.ชมุค พรรณดวงเนตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ก็ติดต่อได้ที่ภาควิชาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ โทร. 0-2549-3160-61 หรือ 08-4094-8222 ซึ่งทางอาจารย์ยังมีสูตรอาหารเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจอีกหลายชนิด.
เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง / สุนิสา ธนพันธสกุล : ภาพ

credit by :  http://www.dailynews.co.th/Content.do?contentId=188653#

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.