สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

“ขนมเก้าไส้” ปรับสูตรซาลาเปา เสิร์ฟร้อนบนเตาปิ้งคู่เนยสด

สีสันสดใส ดึงดูดคนให้เข้ามาแวะดู
       เรื่องของขนมเก้าไส้ ไม่ใช่ขนมที่ได้ไอเดียมาจากประเทศไหน แต่ไอเดียขนมเก้าไส้นี้เกิดขึ้นมาจากการต่อสู้ชีวิตของน้องวัยรุ่นผู้หญิงคน หนึ่งชื่อว่า “แก้ว แสงอภัย” เธอได้พยายามเดินตามฝันที่อยากจะมีอาชีพเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน และที่สำคัญได้มีโอกาสช่วยเหลือครอบครัว
       ด้วยการเปิดร้านขนมเก้าไส้ “แก้ว” บอกกับทีมงาน “SMEs ผู้จัดการออนไลน์” ว่า เธอได้พยายามคิดสูตรแป้งของขนมนี้ขึ้นมา โดย เชื่อว่าที่อื่นๆ ก็คงจะไม่สามารถทำสูตรแป้งขนมเก้าไส้ได้เหมือนกับตนเอง และความเฉพาะตัวของแป้งขนมเก้าไส้นี้เอง ทำให้ตัดสินใจเปิดขายแฟรนไชส์ เพราะเชื่อว่าเมื่อมีคนได้ชิมจะต้องชื่นชอบความลงตัวของแป้งและไส้ที่มีหลากหลายมากมายถึง “เก้าไส้”
หนึ่งในรสชาติยอดนิยม
       สำหรับสูตรขนมเก้าไส้ เป็นขนมที่ทำขึ้นมาจากแป้งซาลาเปา หรือหม่านโถว และ ส่วนผสมอื่นๆ ที่เจ้าของสูตรบอกว่า “เป็นความลับ” รสชาติที่ออกมาคล้ายคลึงกับซาลาเปา หรือหม่านโถว แต่จุดเด่นคงอยู่ที่ตัวไส้ที่มีความหลากหลายถึงเก้าไส้ และเก้าสี ประกอบด้วย ช็อกโกแลต, หมูหยอง, คัสตาร์ด, ข้าวโพด, ใบเตย, เผือก, สตรอว์เบอร์รี, หมูสับ, เห็ดหอม และพิซซา ส่วนสีจะแตกต่างกันไปตามไส้ มีให้เลือกถึง 9 สีเช่นกัน โดยสีที่ใช้คือสีผสมอาหารที่ใช้ทำขนมทั่วไป
       แก้วเล่าว่า ส่วนสีที่ค่อนข้างฉูดฉาด เพราะต้องการทำให้เป็นจุดเด่น เมื่อ ลูกค้าเดินผ่านไปผ่านมาก็ต้องแวะเข้ามา และเมื่อได้ซื้อชิมเราเชื่อว่าเขาก็จะต้องกลับมาซื้ออีก ซึ่งในส่วนของขั้นตอนการทำไม่ได้แตกต่างจากซาลาเปา หรือหม่านโถว รสชาติคล้ายคลึงกัน แต่จะต่างกันที่ซาลาเปาไม่ได้มีไส้ให้เลือกมากขนาดนี้ และก่อนจะเสิร์ฟขายให้ลูกค้าจะนำมาปิ้งย่างบนเตาไฟฟ้าก่อน และทาเนยในระหว่างปิ้งย่างเพื่อเพิ่มความหอม และรสชาติที่อร่อยขึ้น ซึ่งแนะนำลูกค้าให้กินร้อนจะอร่อยและได้รสชาติมากกว่า ถ้าซื้อกลับบ้านไม่ควรที่จะปิ้ง ให้ซื้อกลับไปปิ้ง หรือใส่ไมโครเวฟก็ได้เช่นกัน ราคาขายหน้าร้านชิ้นละ 25 บาท
ใครจะคิดว่าพิซซาก็ไปด้วยกันได้กับหม่านโถว ซาลาเปา
       “ในส่วนของการขายแฟรนไชส์ เกิดขึ้นมาจากความต้องการของตัวเองที่ต้องการขายให้ได้มากๆ และส่วนหนึ่งมาจากลูกค้าได้มาเห็นและต้องการจะทำขายบ้าง เราก็เลยตัดสินใจเปิดขายแฟรนไชส์ โดยราคาเริ่มต้นที่ 15,000 บาทได้ขนม 100 ชิ้น พร้อมอุปกรณ์ และป้าย ราคาส่งขายให้แฟรนไชส์ส่งชิ้นละ 10 บาท (นึ่งให้แล้วและฟรีซแข็งไปให้) ลูกค้าจะเก็บได้ประมาณ 7 วัน แต่ถ้าแช่ช่องทำธรรมดาอยู่ได้ประมาณ 3 วัน
ทาเนยพร้อมปิ้งแบบไม่ติดเตาปิ้งและให้ความหอมเนย
       แก้วเล่าว่า เปิดร้านทำขนมเก้าไส้มาได้ประมาณ 1 ปี เปิดขายอยู่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 3 ยอดขายต่อวันประมาณ 200- 300 ชิ้น หักต้นทุน และค่าใช้จ่ายทั้งหมดเหลือประมาณวันละ 1,000 กว่าบาท สามารถทำคนเดียวได้ ไม่ยุ่งยากอะไร ปัจจุบันมีการขายแฟรนไชส์ไปแล้วในแขตปริมณฑล และต่างจังหวัดประมาณ 4-5 สาขา
       ที่มาจุดเริ่มต้นการทำขนมเก้าไส้ของ “แก้ว” เกิดขึ้น มา จากตัวเองชอบกินซาลาเปา และทำกินเองภายในครอบครัวบ่อยครั้ง เกิดความคิดว่าน่าจะลองทำแป้งซาลาเปา และไส้ซาลาเปาที่แปลก แตกต่างจากที่มีอยู่มันก็น่าจะขายได้ ซึ่งค่อยๆ ปรับและคิดสูตรขึ้นมาเอง โดยเฉพาะตัวแป้งที่ใช้เวลาทุ่มเทกับการคิดสูตรแป้งที่ลงตัว และไม่เหมือนใครอยู่นาน ส่วนไส้อาศัยดูขนมในท้องตลาดมีไส้ขนมอะไรบ้างที่คนชอบกิน ก็นำมาปรับให้มันเข้ากันได้กับตัวแป้ง จึงออกมาเป็นขนมเก้าไส้จนถึงปัจจุบัน
แก้ว แสงอภัย เจ้าของแฟรนไชส์

Credit by..http://www.manager.co.th/ibizchannel/viewnews.aspx?NewsID=9560000081570


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


“ไก่ทอดพริกแห้ง”ฉีกรูปแบบสร้างธุรกิจแฟรนไชส์

ถ้าเอ่ยถึง ร้านไก่ทอดแล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพ ที่ได้รับความนิยม เพราะเป็นเมนูโปรดของคนไทย ที่ง่ายต่อการรับประทาน และที่สำคัญไม่ยุ่งยากในขั้นตอนการปรุง ปัจจุบัน เมนูไก่ทอด ไม่ได้เป็นอาหารบ้านๆ ที่ทำขายกันข้างถนน แต่ไก่ทอดยังได้ถูกยกระดับเป็นเมนูอาหารฟาสฟู๊ดระดับนานาชาติ ไปแล้ว

    
       แต่สำหรับคนไทยแล้ว เมนูไก่ทอดที่ถูกปากคนไทย ก็ยังคงต้องเป็นเมนูไก่ทอดรถเข็น หรือไก่ทอดหาดใหญ่ เพราะรสชาติความกลมกล่อม เมื่อขึ้นจากกระทะใหม่ ๆ บวกกับกลิ่นหอมชวนให้ต้องลองเข้าไปลิ้มลอง เรียกน้ำย่อยได้ดีเลยที่เดียว โดยเฉพาะเมื่อกินคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ ช่างไปด้วยกันได้อย่างลงตัว
       อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เบื่อรสชาติที่ซ้ำซากจำเจ ของไก่ทอดทั่วๆไป วันนี้ มีเมนู และช่องทางสร้างอาชีพ รูปแบบหนึ่ง ที่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่กำลังมองหาช่องทางสำหรับการขายอาหารที่ไม่ซ้ำแบบใคร เพราะขณะนี้ มีแฟรนไชส์ เมนูไก่ทอดพริกแห้ง ภายใต้แบรนด์ “ไก่ฮ็อต” มาแนะนำ
    
       “สุรัมภา พงเขตกรณ์” เจ้าของแฟรนไชส์ เล่าให้ฟังถึงที่มาของ ไก่ทอดพริกแห้ง “ไก่ ฮ็อต” ว่า มีจุดเริ่มต้นจากปี 2548 ตนเองได้เรียนจบทางด้านคหกรรมศาสตร์ด้านอาหารและโภชนาการ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ไม่ชอบที่จะไปเป็นพนักงานกินเงินเดือน อยาก มีธุรกิจของตัวเองมากกว่า จึงคิดที่จะขายอาหาร เพราะตัวเองมีความถนัดทางด้านอาหารอยู่แล้ว จึงตัดสินใจมาลงที่อาชีพแม่ค้าขายไก่ทอดเมนูยอดนิยมของคนไทยอีกหนึ่งเมนู
       "ในตอนนั้นคิดว่าไก่ทอดเป็นอาหารที่กินได้ง่ายกับข้าวเหนียว ข้าวสวย เป็นกับแกล้ม หรือกินคู่กับเมนูโปรด แซบเว่อร์ อย่าง ส้มตำก็อร่อย แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า จะทำอย่างไรให้ไก่ทอดที่เป็นเมนูแสนธรรมดา ที่มีขายอยู่ทั่วไป ให้แปลกไปจากไก่ทอดทั่วๆไป จึงเริ่มคิดสูตร ปรับเปลี่ยนทดลอง จนได้สูตร ไก่ทอดพริกแห้ง ลงตัวอย่างที่ทำอยู่ ไม่อมน้ำมัน ไม่เลี่ยน เผ็ดแซ่บ หอมเครื่องเทศสมุนไพรที่คัดสรรมาอย่างดี"
    
       โดยสูตรไก่ทอดของไก่ฮ็อต อยู่ที่ การหมักด้วยเครื่องปรุงที่เป็นสมุนไพรไทยทั้งหมด และที่สำคัญ คือ จะไม่อมน้ำมัน ทำให้สามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องกลัวเลี่ยน และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง เชื่อว่าน่าจะถูกปากคนไทย คือ รสชาติความเผ็ดแซบ และ หอมเครื่องเทศสมุนไพร
“สุรัมภา พงเขตกรณ์” เจ้าของแฟรนไชส์
       ส่วนช่องทางการขาย เนื่องจากเพิ่งเริ่มทำตรงนี้ได้ไม่นาน ดังนั้น นอกจากการมีหน้าร้านรถเข็นของตัวเอง อยู่ที่ ที่ประตูน้ำพระอินทร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลักของเราคือ การขายส่งเพื่อให้ผู้สนใจ นำ ไปขายต่อ ซึ่งมีผู้สนใจค่อนข้างมาก เพราะไม่ต้องยุ่งยากในการทำหรือคิดหาสูตร ซื้อไปก็นำไปทอดขายได้เลย และได้รสชาติเหมือนกับร้านต้นแบบของเรา ส่วนใหญ่ลูกค้ามาชิมก่อนและถึงจะซื้อกลับไป
    
       อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทางเราคงจะไม่ได้มีแผนขยายสาขาเอง จึงได้คิดรูปแบบของการขายแฟรนไชส์ขึ้น 2 รูปแบบ คือ รูปแบบที่ 1 สั่งเฉพาะไก่หมักจากเรา ขั้นต่ำ 50 ก.ก. ลูกค้าจัดหาอุปกรณ์เอง เรามีป้ายชื่อร้านไก่ทอดพริกแห้ง ไก่ฮ็อต ให้ฟรี
รูปแบบเคาน์เตอร์แฟรนไชส์
       ส่วน รูปแบบที่ 2 ตอนนี้อยู่ระหว่างสั่งทำรถเข็นและเคาน์เตอร์สำหรับลูกค้าที่สนใจต้องการได้ครบชุด ราคา 35,000 บาท โดย อุปกรณ์ที่ได้ประกอบไปด้วย 1.เคาน์เตอร์ไม้มีหลังคา มีป้ายชื่อร้าน 2.กระทะใบใหญ่พร้อมฝาปิด 3.เตาแก๊สหัวเร่ง (ไม่รวมถังแก๊ส) 4.ถาดวางพร้อมตะแกรง 3 ชุด 5.หม้อผสม 6.กะละมัง 7.ที่คีบ 3 อัน 8.ตะหลิว 1อัน 9.น้ำมันพืช1ปี๊บ 10.กระติกใบใหญ่ใส่ข้าวเหนียว 11.ผ้ากันเปื้อน 2ผืน 12.มีดและเขียง 13.แป้ง 10 ก.ก. 14.ถุงโลโก้ 2ก.ก. 15.ไก่หมักคละชิ้นส่วน 40 ก.ก. ทั้งหมดนี้ในราคา 35,000 บาท
    
       ทั้งนี้ ในส่วนของโอกาสคืนทุน ตั้งไว้ไม่เกิน 2 เดือน สิ่งสำคัญ เรื่องทำเลเป็นสิ่งสำคัญหลักๆที่มีผลต่อยอดขายมาก ถ้าคุณขายได้วันละ 50 ก.ก. จะใช้ระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 20 วัน ในรูปแบบที่ 1 ส่วนการลงทุนในรูปแบบที่ 2 ซึ่งราคาสูงกว่าก็อาจจะประมาณ 2 เดือน คืนทุนได้
       สำหรับ ร้านต้นแบบของ เราจะขาย 2 ช่วงคือ ช่วงเช้า 06.30 น. - 09.00 น. ช่วงบ่ายเวลาประมาณ 15.00 น. - 20.30 น. ขายวันละ 2 รอบก็ได้ประมาณ 100 กิโลกรัม ซึ่ง ทำเลที่ดี น่าจะอยู่ตามตลาดนัด ออฟฟิศ สำนักงาน มหาวิทยาลัย หรือตามแหล่งที่พักใกล้ๆโรงงาน ส่วนราคาขายต่อชิ้น ทางเราไม่ได้ตั้งไว้ให้ลูกค้าตั้งราคาเอง สำหรับการขายไก่หมัก 50 กิโลกรัม ลูกค้าจะได้กำไร ประมาณ 2,000 บาท (ไม่รวมข้าวเหนียวนึ่ง)

Credit by..http://www.manager.co.th/ibizchannel/viewnews.aspx?NewsID=9560000046965

แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


10 อาหารรถเข็น ที่คนไทยชอบมากที่สุด

Top Ten Thailand เผยโพลสำรวจ 10 อาหารรถเข็น ที่คนไทยโปรดปรานมากที่สุด  
อันดับ1.ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ จานนี้นี่เอง ถึงแม้ว่าแต่ก่อน ส้มตำ จะเป็นอาหารประจำภาคอีสาน แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นอาหารหลักประจำชาติไปแล้วครับ ที่ตอนนี้หากินกันได้ง่ายเหลือเกิน มีกันอยู่ทุกตรอก ซอก ซอย เลยทีเดียว บางครั้งยังมีเป็นรถมาขายถึงที่ด้วยซ้ำ แหมจะว่าไปแล้วก็เปรี้ยวปาก นึกอยากจะกินขึ้นมาเหมือนกันนะเนี่ย พูดถึงส้มตำแล้วก็มีหลายสูตรหลายรสด้วยกันไม่ว่าจะเป็น ตำไทย ตำปู ตำปลาร้า อันนี้ก็เป็นเมนูโปรดของหลายๆคน เห็นว่ากันว่าเป็นเมนูรสเลิศ แซบอิหลี ใครได้ลองแล้วจะติดใจ แล้วยังมีตำซั่ว อันนี้บางท่านอาจจะยังไม่รู้จัก ก็คือมันจะใส่ขนมจีนลงไปตำด้วย ก็อร่อยไปอีกแบบ มีเส้นขนมจีนลื่นๆคอ แถมอิ่มท้องด้วย ใครยังไม่ลองก็ลองดูจ้า สำหรับเมนูแซบๆๆ แบบนี้ ก็ได้คะแนนไปถึง 19.8% เป็นอันดับที่ 1 จากโพลของ toptenthailand ค่ะ

 10 อาหารรถเข็น ที่คนไทยช 
อันดับ2 ก๋วยเตี๋ยวต่างๆ

มาถึงอันดับที่ 2 เป็นของก๋วยเตี๋ยวต่างๆ ที่มีเมนูเยอะจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวน้ำข้น น้ำใส เกี๋ยวเตี๋ยวต้มยำ เย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก หรือบะหมี่เกี๊ยว นี่แค่ยกตัวอย่าง แต่แค่นี้ก็เลือกกินกันได้ไม่ซ้ำวันแล้วล่ะ แถมยังเป็นเมนูที่หากินได้ง่าย เพราะหลายๆเจ้า ก็ขยายเฟรนไชส์กันไปทั่วสารทิศ ทำให้มีอยู่ทุกซอกทุกมุมเหมือนกัน สำหรับเมนูที่กินง่าย สะดวก ประหยัด ได้คุณค่าอาหารครบ5หมู่แบบนี้ ก็ได้รับคะแนนไป 17.3%

อันดับ3 ข้าวมันไก่

เป็นอาหารจานเดียวที่ทุกคนต้องเคยกินมาอย่างแน่นอน ความอร่อยของมันนอกจากจะอยู่ที่เนื้อไก่นุ่มๆ ข้าวมันๆ แล้วยังอยูที่รสชาติน้ำจิ้ม กับน้ำซุบด้วย ก็เป็นอีกหนึ่งอาหารรถเข็นที่คนไทยโปรด ได้คะแนนไป 14.5 %

อันดับ4 ลูกชิ้นปิ้ง

จัดเป็นอาหารที่กินง่าย และสะดวก กินได้ทุกที่ทุกเวลา กินเป็นอาหารว่างก็ได้ (ก็เป็นอีกเมนูนึง ที่หากินกันได้ง่าย ส่วนใหญ่ก็ขายกันริมถนน หรือในซอยต่างๆ ส่วนความอร่อยนั้นนอกจาจะอยู่ที่ลูกชิ้นแล้ว ยังอยู่ที่น้ำจิ้มด้วย บางร้านก็มีทั้งน้ำจิ้มหวาน น้ำจิ้มเผ็ด ให้ลูกค้าเลือกแล้วแต่ชอบ ลูกชิ้นปิ้งมีคนโปรดจำนวน 13.4% อยู่ในอันดับที่ 4 จากโพลของ toptenthailand

อันดับ 5 หมูสะเต๊ะ

เนื้อหมูนุ่มๆ สีสรรสดใสน่ากิน ราดด้วยน้ำจิ้มรสกลมกล่อม กินกับขนมปังนุ่มๆหอมๆ และแกล้มด้วยน้ำอาจาด(ที่มีแตงกวา พริก หัวหอม) ทำให้หมูสะเต๊ะ เป็นอาหารรถเข็นที่คนไทยโปรดที่สุด ลำดับที่ 5 ด้วยคะแนน 8.9%

อันดับ6 ยำ ตามสั่ง

ถือเป็นอาหารสำหรับคนที่ชอบรสจัดจ้าน และยังเป็นหนึ่งในเมนูอาหารของสาวๆที่กำลังไดเอต แถมเป็นเมนูที่นิยมกินเป็นกับแกล้มอีกด้วย ส่วนประเภทของยำนั้นก็มีด้วยกันหลายชนิด แล้วแต่ที่แล้วแต่ร้าน แต่หลักๆตามรถเข็นทั่วไปก็จะมี ยำวุ้นเส้น ยำมาม่า ยำทะเล ยำรวมมิตร ได้รับความโปรดปราน 7.3%

อันดับ7 ข้าวเหนียว หมูปิ้ง

เป็นเมนูที่กินง่าย และอิ่มแปล้ด้วยพลังข้าวเหนียว ถ้าเจอร้านไหนที่หมักเนื้อหมูได้รสชาติกลมกล่อม เนื้อนุ่มๆ ก็จะทำให้คุณๆติดอกติดใจต้องกลับมาซื้อกินอีกเป็นแน่ ข้าวเหนียว หมูปิ้งมีคนโหวตให้ 7.1%

อันดับ8 ผัดไทย หอยทอด

ผัดไทย หอยทอด สองเมนูนี้มักจะอยู่คู่กัน ส่วนใหญ่ร้านไหนขายผัดไทยก็มักจะขายหอยทอดคู่กันไป พูดถึงผัดไทยนับว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารไทยที่ขึ้นชื่อลือชา ด้วยรสชาติของผัดไทยแล้วนั้น เรียกว่าถ้าใครได้ลองกินแล้วเป็นต้องติดใจ เส้นนุ่มๆ เหนียวๆ เคล้ากับเครื่องปรุงครบสูตรของผัดไทย มีทั้งกุ้งแห้ง เต้าหู้ ไชโป้ และถ้าเด็ดสุดๆ ใส่กุ้งตัวโตๆ มาด้วย ส่วนหอยถอดนั้น ก็น่ากินไม่แพ้ผัดไทย ด้วยความที่มันกรอบนอกนุ่มใน เสริฟร้อนๆ ราดด้วยซอสอร่อยๆแล้วละก็ จะต้องมีเบิ้ลด้วยแน่ๆ เมนูคู่นี้ ได้รับคะแนนความโปรดปรานไป 6.7%

อันดับ 9 ข้าวไข่เจียว

อาหารยอดฮิต อีกอย่างนึงเลย ซึ่งเดี๋ยวนี้พ่อค้าแม่ขาย ก็นำมาเป็นเมนูอาหารรถเข็นกันทั่วสารทิศแล้ว โดยเติมรสชาติ และความแปลก ที่นอกเหนือจากไข่เจียวหมูสับลงไป เท่าที่เคยพอจะได้ลิ้มลอง ก็มีไข่เจียวกุ้งสับ ไข่เจียวปูอัด ไข่เจียวกะเพรา และยังมีรสชาติอื่นๆอีกตามแต่ท่านพ่อค้าแม่ขายจะคิดค้นขึ้นมา ข้าวไข่เจียว มีจำนวนคนโปรดคิดเป็น 3.4%

อันดับ 10 ปลาหมึกย่าง


อันดับ 10 จากการสำรวจอันดับอาหารรถเข็นที่คนไทยโปรดที่สุด นั่นคือ ปลาหมึกย่าง นั่นเองครับ ด้วยความเหนียวของเนื้อปลาหมึก ทำให้ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งมัน ยิ่งถ้าได้น้ำจิ้มรสเด็ดๆด้วยแล้วล่ะก็ แซบอย่าบอกใครเชียวล่ะ แถมปลาหมึกย่าง ยังถือเป็นกับแก้มชั้นยอดอีกด้วย แต่ขอเตือนว่าอย่าเผลอกินเยอะนะ เพราะอาจทำให้คอเรสเตอรอลขึ้นโดยไม่รู้ตัวได้เลย ปลาหมึกย่าง มีคนโปรดเป็นอันดับ10 อยู่ที่ 1.6%

Source : Top Ten Thailand / variety.teenee.com
ข้อมูล voicetv.co.th


Credit by..http://blog.eduzones.com/studyabroad/94865


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


โครงการ TIDA Top Talent : รถเข็นพวงมาลัย “แม่โจ้”

ในบรรดาแผงลอยบนทางเท้า “แผงขายพวงมาลัย” น่าจะเป็นร้านที่แสดงถึง “ความเป็นไทย” ได้มากที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะนอกจากจะพบเห็นได้ทั่วไปตามตลาดสดทุกแห่งแล้ว พวงมาลัยยังเป็นสัญลักษณ์แทนความเชื่อถือศรัทธา ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความกตัญญู ฯลฯ อันเป็นค่านิยมทางสังคมและวัฒนธรรมของคนไทย 

แม้ว่าแผงขายพวงมาลัยจะแสดงเอกลักษณ์ไทย ได้ชัดเจน แต่ตัวแผงเองกลับดูเหมือนว่าจะยังขาด “บุคลิกเฉพาะตัว” บางอย่างเมื่อเทียบกับแผงลอยหรือรถเข็นประเภทอื่นๆ ดังนั้น การปรับแต่งบุคลิกของแผงขายพวงมาลัยจึงกลายมาเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบ “รถเข็นพวงมาลัย แม่โจ้” (Malai Maejo Cart) ของ คุณปิตุพงษ์ เชาวกุล Design Director จาก Supermachine Studio



จุดเริ่มต้นของแนวคิด
“รถเข็นพวงมาลัย แม่โจ้” (Malai Maejo Cart) ถือกำเนิดจากแนวคิดที่ว่าความเป็น “ไทยแท้” ไม่ใช่ภาพในอุดมคติที่ถูกสร้างขึ้น หากแต่เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นหาบเร่แผงลอยไร้ระเบียบหน้าปากซอย เรือนแพดิสโก้เธค หรือรถทัวร์พ่นรูปการ์ตูนดราก้อนบอล ฯลฯ คุณลักษณะดังกล่าวได้ถูกนำมาตีความและกลายเป็นโจทย์ในการออกแบบครั้งนี้
ปิตุพงษ์เล่าว่า เขาสนใจความงามแบบบ้านๆ หรือลูกทุ่งๆ ไม่สนภาพความเป็นไทยประเภทหลังคาหน้าจั่ว สำหรับเขาจุดแข็งของวัฒนธรรมไทยคือความเป็นไปบนท้องถนน มีวัฒนธรรมรถเข็น ซื้อผลไม้บนทางเท้า รักการแหกกฎ ฯลฯ ดังนั้น “ความเยอะ” ของชีวิตประจำวันคือสิ่งที่น่าสนใจ



“แนวทางการออกแบบของผมจะไม่กลัวเยอะ ไม่ห่วงหล่อ ผมสนใจอะไรที่ “จริง” และสำหรับรถเข็นคันนี้ผมตั้งใจให้ผู้ประกอบการรายย่อยนำไปใช้ได้จริงด้วย ถ้าต้องลงทุนเยอะไป เจ้าของรถเข็นก็คงนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ อีกทั้งทางโครงการยังจำกัดงบไว้ที่ 40,000 บาท ผมต้องสร้างรถขายพวงมาลัยขนาด 4 x 3 เมตรขึ้นมาให้ได้”


แรงบันดาลใจในการออกแบบ

ปิตุพงษ์เล่าต่อว่า โจทย์หลักของเขาคือ การออกแบบร้านขายพวงมาลัยที่คนซื้อไปเพื่อถวายพระ หรือไหว้ศาลพระภูมิ ไม่ใช่ร้านดอกไม้หรู ซึ่งในชีวิตจริงแผงขายพวงมาลัยส่วนใหญ่มีขนาดเล็กมาก และไม่มีเอกลักษณ์โดดเด่น คือมีแค่โต๊ะสูง 75 ซม. หุ้มพลาสติกเพื่อให้ฉีดน้ำได้ มีถังดอกไม้วางข้างบน ในขณะที่รถเข็นอื่นๆ จะมีบุคลิกเฉพาะชัดเจนกว่า เช่น รถขายปลาหมึกที่มีเครื่องบดปลาหมึกและกระบวนการในการบดปลาหมึก รถขายผลไม้ที่มีช่องใส่ผลไม้สามช่อง ฯลฯ 



ปิตุพงษ์รู้สึกว่ารถเข็นขายพวงมาลัยน่าจะ มีบุคลิกเฉพาะของตัวเองบ้าง โดยเห็นว่าความสวยงามของแผงขายพวงมาลัยอยู่ที่ “การนั่งร้อยมาลัย” จึงตั้งโจทย์ขึ้นมาอีกข้อว่า “ทำอย่างไรให้คนขายที่นั่งร้อยพวงมาลัยรู้สึกภาคภูมิใจในอาชีพของตัวเอง?” คำถามนี้ทำให้เขาเกิดไอเดียที่จะผสมอาชีพขายพวงมาลัยเข้ากับอีกอาชีพหนึ่ง นั่นก็คือ “แอร์โฮสเตส” นี่คือที่มาของรถเข็นขายพวงมาลัยที่มีลักษณะเหมือนกระเป๋าลากของแอร์ฯ ในยุค 50s สามารถพับเก็บและลากกลับบ้านได้สวยๆ ด้วยความมั่นใจ


รายละเอียดการสร้างสรรค์ + พัฒนา
เมื่อไอเดียตกผลึก การออกแบบรถเข็นที่เหมือนมีดพับสวิสผสมกับกระเป๋าเดินทางขนาดหนาราว 30 ซม.ก็เริ่มขึ้น 


- โครงสร้างรถเข็น : ตัวโครงจะมีลักษณะโค้งมน ออกแบบให้คล้ายรถยนต์ย้อนยุค และมี 4 ล้อแทนที่จะเป็น 3 ล้อแบบทั่วไป (รถเข็น 3 ล้อทั่วไปเวลาเลี้ยวจะต้องยกล้อหน้าขึ้น แต่ “มาลัย แม่โจ้” เป็นกระเป๋าลากล้อหน้าใส่ลูกปืนไว้หมุนตามผู้ลากได้) 

- ออพชั่นภายใน : โครงรถ/กระเป๋าลากใบนี้ถูกออกแบบให้มีราวเหล็กที่ยึดด้วยน็อต เพื่อใช้แขวนพวงมาลัยได้เมื่อเปิดกระเป๋าออก ราวแขวนนี้ได้แนวคิดมาจากรถเข็นขายปลาหมึก คือมาลัยพวงใหญ่อยู่แถวบนราคาแพงสุด นอกจากนั้นยังมีปีกที่เปิดออกไว้ใส่ของอื่นๆ และมีที่สำหรับวางถังดอกไม้ ใบเตย ฯลฯ ส่วนไฟเป็นท่อเหล็กหรือพลาสติก ทำความสะอาดด้วยการฉีดน้ำ ทุกอย่างมีฟังก์ชั่นชัดเจนทั้งในเรื่องการระบายน้ำ การพับเก็บ ฯลฯ


- วัสดุหุ้มโครง : ส่วนวัสดุพื้นผิวนี้จะเป็นอะไรก็ได้ที่แสดงความเป็นตัวของตัวเอง อาทิเช่น ป้ายหาเสียง ฟิวเจอร์บอร์ดแปะสติกเกอร์ดารา หรือจะเป็นโครงเหล็กฉากอย่างเดียวก็ได้ เปิดโอกาสให้ผู้ขายได้สร้างสรรค์เครื่องมือทำมาหากินของตนได้ตามต้องการ (ในโครงการนี้ปิตุพงษ์ใช้แผ่นลามิเนตมาทำพื้นผิวเนื่องจากได้สปอนเซอร์) 


- ชื่อ “มาลัย แม่โจ้” : มีที่มาน่าสนใจไม่แพ้แนวคิดในการออกแบบ กล่าวคือตั้งชื่อตาม “พี่โจ้” รุ่นพี่ในออฟฟิศที่ถูกหวยทุกงวด ซึ่งตรงนี้ปิตุพงษ์มองว่า คนไทยเห็นดอกไม้และพวงมาลัยเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อ ความศรัทธา หวยออก ฯลฯ เมืองไทยใช้ดอกไม้เพื่อไหว้พระและศาลพระภูมิ ทำให้มิติของดอกไม้ไทยไม่เหมือนกับต่างประเทศที่ใช้เพื่อการตกแต่ง ดังนั้นสำหรับ “รถเข็นพวงมาลัย แม่โจ้” นอกจากจะมีพวงมาลัยแล้ว ยังต้องมีนางกวัก ธูป หมากพลู หรืออาจมีปุ่มกดตัวเลขใบ้หวยด้วย 


ข้อคิดฝากร้านค้าขนาดเล็ก
ในมุมของดีไซน์แล้ว การสร้างฝันในสไตล์ “Absolute beauty” ที่เห็นกันตามหน้านิตยสารนั้นไม่ใช่เรื่องผิด (เช่น ใช้เก้าอี้แพง ถือกระเป๋าแบรนด์เนม ชื่นชมวัสดุสวยๆ คุณภาพแสงเนี้ยบๆ ฯลฯ) แต่สังคมไทยที่เป็นจริงบนท้องถนน คือสังคมแบบ “ระเบิดเถิดเทิง” และเรื่องราวในสังคมที่เป็นจริงเหล่านี้ก็น่าจะได้รับการหยิบยกมาพูดถึงบ้าง ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้อง “พยายามลูกทุ่ง” หรือใส่ความคิดลงไปบนอัตลักษณ์ของใคร แต่น่าจะมองไปถึงชีวิตจริงของคนส่วนใหญ่แล้วแปลงร่างวัฒนธรรมของเราให้ เหมือนกับที่สังคมญี่ปุ่นทำได้สำเร็จ
** TiDA Top Talent เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ TiDA TEN PLUS โดยสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย
Credit ภาพ : SUPERMACHINE

Credit by..http://www.tcdcconnect.com/content/detail.php?ID=1132&sphrase_id=119300

ติดตาม ร้านค้าติดล้อขายของ ได้ที่ : http://commercial-on-wheels.blogspot.com/

แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


กาแฟขี้ช้าง ทำลายสถิติแชมป์กาแฟแพงที่สุดในโลก

วันนี้ที่สุดในโลกได้ ไปพบกับข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับกาแฟ แต่เมื่อเป็นที่สุดในโลกกาแฟนั้นย่อมจะไม่ธรรมดาแน่นอนเพราะว่ามันคือ กาแฟที่แพงที่สุดในโลกอันใหม่ที่ทำลายสถิติเดิมนั่นเองโดยรายละเอียดนั้นดู กันได้ดังต่อไปนี้ หากพูดถึงกาแฟที่แพงที่สุดในโลก หลายๆ คนมักจะนึกถึง กาแฟขี้ชะมด หรือ Kopi Luwak จากประเทศอินโดนีเซีย ขอบอก ว่าให้ลืมไปได้เลย! เพราะล่าสุด อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ รีสอร์ท แอนด์ สปา ร่วมกับรีสอร์ทหรูในเครืออนันตรา 4 แห่งในมัลดีฟส์ ได้เปิดตัว “กาแฟ ขี้ช้าง” โดยใช้ชื่อว่า แบล็ค ไอวอรี่ คอฟฟี่ (Black Ivory Coffee) ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีราคาแพงที่สุดในโลกเลย ทีเดียว


กาแฟขี้ช้าง เป็นผลผลิตที่ได้จากเมล็ดกาแฟที่ช้างกินเข้าไป แล้วขับถ่ายออกมา ซึ่งเอนไซม์ในกระบวนการย่อยอาหาร จะทำให้โปรตีนในเมล็ดกาแฟที่มีคุณสมบัติทำให้เกิดรสขม แตกตัวกลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก เมื่อโปรตีนถูกสลายให้ลดลง ความขมจึงลดลงไปด้วยเช่นกัน


สำหรับขั้นตอนในการทำกาแฟขี้ช้าง จะเริ่มจากการคัดเลือกเมล็ดกาแฟไทยอาราบิก้าจากแหล่งที่ปลูกบนความสูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แล้วนำมาให้ช้างกิน เมื่อช้างขับถ่ายออกมา ควาญช้างก็จะนำไปตากแห้ง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้กระทบกับพฤติกรรมการกินแบบปกติ แต่รอให้ช้างกินผลกาแฟโดยสมัครใจ ควาญช้างจึงต้องคอยสังเกตดูว่าช้างจะขับถ่ายออกมาเมื่อใด

จากนั้นยังต้องนำไปผ่านกระบวนการและคัดแยก กาแฟขี้ช้างจึงมี มูลค่าสูงถึง 1,100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งกิโลกรัม ซึ่งแพงกว่ากาแฟขี้ชะมด ที่มีราคากิโลกรัมละ ประมาณ 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ


ใครที่สนใจ อยากสัมผัสกับรสชาติของกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถไปลองกันได้แล้วที่ อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ รีสอร์ท แอนด์ สปา ในราคาแก้วละ 1,200 บาท โดยรายได้จากการจำหน่าย แบล็ค ไอวอรี่ คอฟฟี่ นี้ จะถูกมอบให้กับมูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำเพื่อใช้สนับสนุนค่าใช้จ่ายของ สัตวแพทย์ในการดูแลและรักษาพยาบาลช้าง และการก่อสร้างห้องปฏิบัติการของมูลนิธิช้างสามเหลี่ยมทองคำอีกด้วยแพงสุดยอดเลยใครจะกล้ากินละทีนี้

Credit by.. ข้อมูลจาก www.thaibusinesspr.com


แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


“ชาเย็น” ของไทย ติดอันดับเครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดในโลก

ได้ทราบข่าวน่ารักๆว่า “ชาเย็น” ของไทยเราติดอันดับ 1 ใน 50 ของเครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดในโลก
ก็เลยอยากจะเล่าสู่กันฟังค่ะ เรามาดูกันนิดนึงนะคะ… ว่านอกจาก “ชาเย็น” แล้วมีเครื่องดื่มอะไรที่อร่อยและเป็นที่นิยมกันในระดับโลกค่ะ

อันดับที่ 1 – Water…แน่นอนล่ะค่ะว่าคงไม่มีใครไม่ดื่มน้ำเปล่า ถ้ามีก็คงน้อยนิดจริงๆค่ะ

อันดับที่ 2 – Coca Cola

อันดับที่ 3 – Coffee

อันดับที่ 4 – Bear

อันดับที่ 5 – Tea

อันดับที่ 6 – Air mata kucing จากมาเลเซีย

อันดับที่ 7 – Orange juice (สงสัยในโลกนี้คงมีนางเอกเยอะแน่ๆเลยค่ะ อิอิ)

อันดับที่ 8 – Red wine

อันดับที่ 9 – Gin and Tonic

อันดับที่ 10 – Hot chocolate with marshmallows

อันดับที่ 11 – Sangria จากสเปน

อันดับที่ 12 – Watermelon and cucumber punch

อันดับที่ 13 – Kool-Aids

อันดับที่ 14 – Pastis จากฝรั่งเศส

อันดับที่ 15 – Sake จากญีปุ่น

อันดับที่ 16 ของดื่มจาก Mini-bar ในห้องของโรงแรมค่ะ

อันดับที่ 17 – Lemonade

อันดับที่ 18 – White wine

อันดับที่ 19 – Es kelapa muda จาก อินโดนีเซีย (อันนี้ไม่รู้จัก จริงๆค่ะ)

อันดับที่ 20 – Sex on the beach (เป็นชื่อเครื่องดื่มชนิดหนึ่งในสหรัฐอเมริกาค่ะ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นชื่อกิจกรรมชนิดหนึ่งเข้าเชียวนา…)

อันดับที่ 21 - Eggnog




อันดับที่ 22 – Gatorade (เครื่องดื่มประเภทน้ำเกลือแร่ค่ะ ) 
อันดับที่ 23 – Milk 
อันดับที่ 24 – Raki (ก็ไม่รู้จักอีกเหมือนกันค่ะ) 
อันดับที่ 25 – Bubble Tea จากไต้หวัน (เป็นประเภทเดียวกับชานมไข่มุกที่ขายอยู่ในบ้านเราเลยค่ะ)
อันดับที่ 26 – Irish car bomb (เป็นเครื่องดื่มประเภทพันช์ค่ะ)
 
อันดับที่ 27– Thai “ICED TEA”

มาแล้วคร้าบบบบ… “ชาเย็น” ของไทยติดอันอับที่ 27 ของโลกค่ะ
ว่ากันว่า… ชาเย็นที่อร่อย ต้องดื่มจาก “ถุงพลาสติก” และซื้อจาก “รถเข็นข้างถนน” เท่านั้นค่ะ
รสชาติ หวาน มัน หอม เย็น ชื่นใจ และสีส้มนวลๆของชาไทยใส่นม นั่นล่ะค่ะ
ที่เป็นที่ติดอกติดใจกันไป ทั่วโลกเลยเชียวแหละ !!!
วันนี้ขอแค่ 27 อันดับแรกก่อนนะคะ…วันหลังค่อยมาอันดับที่ 28 -50 กันต่อค่ะ

จะไปหา “ชาเย็น” ดื่มก่อนนะคะ !!
เครดิต : ข้อมูลจาก www.cnngo.com
credit : http://www.oknation.net/blog/this-is-gee/2012/01/23/entry-
Credit by..

แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


อาหารไทยดีที่สุดอันดับ 8 ของโลก

ชาติไทยทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก วันนี้ขอนำเสนอความเป็นที่สุดในโลกของไทนเรากันกับ อาหารไทย เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นโก ยกอาหารไทยดีที่สุดอันดับ 8 ของโลก เพราะมีรสชาติที่หลากหลาย ชูต้มยำกุ้ง มัสมั่น ส้มตำ เป็นเมนูเด็ด

Zoe Li นักเขียนบทความเกี่ยวกับอาหารในเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นโก เขียนบทความ “Which country has the best food?” โดยยกให้อาหารไทยยอดเยี่ยมเป็นอันดับ 8 ของโลก โดยกล่าวว่า ยากที่จะบรรยายส่วนผสมของอาหารไทย เพราะมีส่วนผสมของสมุนไพรและเครื่องเทศหลายอย่างในอาหารแต่ละจาน ซึ่งให้รสชาติที่หลากหลาย เหมือนดังเสียงเพลงจากวงออเคสตร้าที่มีเครื่องดนตรีหลากหลายบรรเลงพร้อมๆ กัน โดยคนไทยรวมเอารสเผ็ดเปรี้ยว เค็ม หวาน ความหนึบ ความกรอบ และความนิ่มผสมกันไว้ได้อย่างพอดีในอาหารหนึ่งจาน ด้วยวัฒนธรรมอันหลากหลายที่ได้รับมาจากจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า และศิลปะการทำอาหารแบบชาววัง ทำให้อาหารไทยเหมือนรวมเอาส่วนที่ดีที่สุดจากหลายๆ ประเทศ อีกทั้งการมากินอาหารในประเทศไทยยังจะได้รับการต้อนรับขับสู้อย่างอบอุ่น ด้วยรอยยิ้ม

ส้มตำ

นอกจากนั้น ในบทความยังกล่าวถึงอาหารไทยจานเด็ด ได้แก่ ต้มยำกุ้ง ที่รวมเอาสมุนไพรหลากหลายมาปรุงแต่งรสชาติ มัสมั่น อาหารไทยที่อร่อยเป็นอันดับ 1 ของโลก จาก 50 สุดยอดอาหารอร่อยที่สุดในโลกที่เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นโกทำผลสำรวจขึ้น และส้มตำ อาหารไทยยอดนิยมที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ส่วนประเทศที่ติดอันดับอาหารที่ดีที่สุดทั้ง 10 อันดับ ได้แก่ 1. อาหารอิตาเลียน 2. อาหารจีน 3. อาหารฝรั่งเศส 4. อาหารสเปน 5. อาหารญี่ปุ่น 6. อาหารอินเดีย 7. อาหารกรีก 8. อาหารไทย 9. อาหารเม็กซิกัน และ 10. อาหารอเมริกัน

Credit by..  ขอบคุณที่มาจาก http://www.manager.co.th



แนะนำรวมบทความงานฝีมือเพิ่มรายได้

สร้างรายได้เสริม สร้างอาชีพเสริม ด้วยการทำสินค้า Handmade

Read More...


10 อันดับ อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก


UploadImage


10 อันดับอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก

ใคร ที่เป็นแฟนพันธ์แท้อาหารต่างๆ พอได้มาอ่านหัวข้อนี้คงต้องน้ำลายสอกันทุกคนเป็นแน่แท้ เพราะนี่คือการจัดอันดับอาหารที่ได้ชื่อว่าเป็นที่สุดในโลกนี้แล้วนั่น เอง!!! ทีมงาน toptenthailand ขอนำเสนอ "10 อันดับอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก" มีอะไรบ้างเราไปชมกันครับ


10.   Chicken muamba, กาบอง

UploadImage

อาหาร ของชาวกาบองที่จะใส่ส่วนผสมลงไปในเนยถั่ว ส่วนประกอบที่จะต้องใช้มี ไก่ พริก กระเทียม มะเขือเทศ พริกไทย เกลือ กระเจี๊ยบ และไขมันปาล์ม


9.   ไอศครีม, สหรัฐอเมริกา

UploadImage

สไตล์ไอศครีมของอเมริกาที่จะมี ถั่วต่างๆ มาชเมลโลว์ และช็อคโกแลตซอส


8.   ต้มยำกุ้ง, ประเทศไทย

UploadImage

อาหารอันโด่งดังของไทย กุ้ง เห็ด มะเขือเทศ ตะไคร้ ข่า และใบมะกรูด กับกะทิที่เข้มข้น ให้รสชาติเปรี้ยว เค็ม และเผ็ด ถูกปาก


7.   Penang assam laksa, มาเลเซีย

UploadImage

ปลา ทู มะขาม พริก สะระแหน่ ตะไคร้ หัวหอม สับปะรด ตุ๋น หนึ่งในอาหารของมาเลเซียที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยรสเผ็ด เปรี้ยว ที่เข้ากันกับเส้นก๋วยเตี๋ยว


6.   แฮมเบอเกอร์, เยอรมัน

UploadImage
การรวมกันของขนมปัง เนื้อ สลัด ก็เป็นทางออกที่ดีสำหรับประเทศที่ผลิตเนื้อได้มาก



5.   เป็ดปักกิ่ง, จีน

UploadImage

น้ำเชื่อมที่เคลือบที่ผิวที่เป็นความลับ ย่างช้าๆ ในเตาอบ จนกรอบ


4.   ซูชิ, ญี่ปุ่น

UploadImage

อาจไม่มีอะไรซับซ้อนมากกว่าปลาดิบและข้าว แต่กลับเป็นวิธีที่ปลาและข้าวอยู่ด้วยกันแล้วทำให้ทั่วโลกชื่นชอบ


3.   ช็อคโกแลต, เม็กซิโก

UploadImage


ชาว มายันดื่มช็อคโกแลต เมล็ดโกโก้ที่ออกจากป่ามาเข้าสู่การพัฒนาในการทำอาหาร หากปราศจากเนื้อครีม รสหวานปนขม ของช็อคโกแลต วันวาร์เลนไทน์และอีสเตอร์คงดูจืดชืดลงไป


2.   neapolitan pizza, อิตาลี

UploadImage


พิซ ซ่าที่ดีที่สุดและยังคงความเรียบง่ายในแบบ neapolitan ได้รับการควบคุมจากองค์การการค้าให้ใช้เกลือทะเล แป้งสาลีคุณภาพสูง มะเขือเทศสดเพียงสามชนิด รีดแป้งด้วยมือ และใช้เตาอบที่ใช้ฟืน รวมถึงข้อกำหนดในเรื่องคุณภาพอื่นๆ


1.   แกงมัสมั่น, ประเทศไทย

UploadImage


ราชา แห่งแกง และอาจจะเป็นราชาแห่งอาหารเลยก็ได้ เพราะเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของรสชาติหวาน เค็ม เผ็ด ความหอมมันจากกะทิด้วยความเผ็ดร้อน และความอร่อยที่รวมอยู่ในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์กว่าอาหารไทยอื่นๆ จึงได้รับการยกย่องเป็น “ราชาแห่งแกงเผ็ด” เลยทีเดียว



ที่มา :   TOPTENTHAILAND

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.