สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

ข้าวมันไก่สามแปด ไก่นุ่ม น้ำจิ้มเด็ด

.
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวหน้าเป็ด อาหารจานเดียวประเภทนี้ เป็นอาหารจานโปรด ที่นักชิมหลายคนชอบและรักที่จะทานเป็นอาหารจานหลักได้ตลอดเวลา โดยไม่มีวันเปลี่ยนใจ สัปดาห์นี้แม่พลอยชวนไปชิมอาหารประเภทนี้ ที่ร้านข้าวมันไก่สามแปด หรือ ข้าวมันไก่ 888 อ่านถูกต้อง “ข้าวมันไก่สามแปด” ซอยโยธินพัฒนา 3 แยก 8

ถ้าใครคุ้นชื่อนี้แม่พลอยบอกตามตรงว่า ร้านข้าวมันไก่สามแปดแห่งนี้ เป็นสาขา 2 เพิ่งเปิดได้ประมาณ 6 เดือนในย่านโยธินพัฒนา  สาขาแรกอยู่ที่พัฒนาการ อยู่ระหว่างซอยพัฒนาการ 48 กับพัฒนาการ 50 ชื่อร้านไม่ได้มาจากตอง 8 หรือเลขแปดสามตัว แต่ตัวเลข 888 มาจากภาษาอังกฤษ “เอทตี้ เอท เอท” ถ้าออกเสียง ฟังดูแล้วเหมือนเสียงไก่ขันทำนองนี้

ป้ายร้านบอกว่าเป็นร้านข้าวมันไก่ แน่นอนละว่าเราต้องลองลิ้มรส ข้าวมันไก่ เป็นเมนูแรก ตามแบบฉบับข้าวมันไก่ ร้านนี้เป็นข้าวมันไก่สูตรไหหลำ ตัวข้าวหุงได้สวยไม่แฉะ เม็ดข้าวสวยหอมมัน โปะด้วยเนื้อไก่เนื้อแน่นนุ่ม ไม่มีการทุบเนื้อไก่ให้แบน ส่วนน้ำจิ้มเด็ดโดนลิ้น ใส่เต้าเจี้ยว+พริก ปรุงได้รสเข้มข้นกลมกล่อมดีจริง

ข้าวมันไก่ทอด มีความกรอบนอกนุ่มในหอมกรุ่น เครื่องปรุงทานกับน้ำจิ้มออกรสหวานนิด รสกำลังดี ถ้าตัดสินใจไม่ถูก หรือชอบแบบอร่อยสองบวกหนึ่ง อยากทานสองอย่างในจานเดียวกัน ลองสั่งแบบ ทูอินวัน มีทั้งไก่ต้มและไก่กรอบรวมอยู่ในจานเดียวกัน

ข้าวหน้าเป็ด ทานกับน้ำจิ้มแบบซีอิ๊วดำ บอกตามรสลิ้นที่ได้ลิ้มรสว่าเป็ดนุ่ม หอม หนังกรอบ ถ้าชอบทาน ข้าวหมูแดง ต้องบอกว่าเมนูนี้มาแรง เนื้อสันคอหมักอย่างดีทำเป็นหมูแดง นุ่มมาก ทานกับน้ำจิ้มซีอิ๊วดำ  ออกรสหวานนิด ๆ สุดจะเข้ากันได้ดีทีเดียว

ข้าวหมูกรอบ ไม่เลี่ยนเลยหมูทอดได้กรอบ กัดโดนเนื้อหมูนุ่มโดนใจที่สุด ถ้าไม่หนำใจแนะนำสั่งแบบ เมนูผสมเป็นหมูกรอบกับหมูแดงล้วน ๆ รวมเป็นความอร่อยจานเดียวกัน

ถ้าอยากทานบะหมี่สั่งได้เป็นเมนูใหม่ร้านนี้มีบะหมี่เป็ดชอบใจตรงเส้นบะหมี่ ออกแบบเหนียวนุ่ม ถ้าอยากดื่มเครื่องดื่มให้ชื่นใจมีโอเลี้ยง เก๊กฮวย น้ำมะตูม บริการ นึกอยากทานของหวานเย็น ๆ ตบท้ายมี สละ ลูกตาล และสตรอเบอรี่ เกล็ดน้ำแข็งไว้บริการ

ร้านข้าวมันไก่ 888 เปิดบริการตั้งแต่เวลา 07.00-20.30 น. ขับรถจากปากซอยโยธินพัฒนาผ่านปั๊มน้ำมันบางจาก อยู่ด้านซ้ายมือ ตรงมาเรื่อย ๆสังเกตร้านเซเว่นอีเลฟเว่น อยู่ด้านขวาให้เลี้ยวขวาซอยโยธินพัฒนา 3 แยก 8 ร้านอยู่ขวามือ จอดรถสะดวกเพราะโซนนี้เป็นทำเลร้านอาหารหลายร้าน หากไปไม่ถูกหรืออยากสั่งอาหารก่อน โทร. 08-1989-8883 และ 08-9111-5055.

เรื่อง แม่พลอย / ภาพ จามิกร ศรีคำ

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : http://www.dailynews.co.th/

Read More...


‘ขนมไข่สอดไส้’ มีจุดขายคือความต่าง

  ขนมไข่สอดไส้








อาชีพทำขนมขายยังเป็น “ช่องทางทำกิน”  ที่หลายคนสนใจอยู่เสมอ ซึ่งอาชีพนี้แม้ไม่มีหน้าร้านก็สามารถทำขายได้ หากรู้จักการบริหารจัดการการตลาดที่เหมาะสม ซึ่งก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ แต่ก็ต้องรู้จักดัดแปลงหน้าตาหรือรูปแบบของขนมให้แตกต่าง ซึ่งกับขนมชื่อคุ้น ๆ ธรรมดาอย่าง “ขนมไข่” ก็พลิกแพลงสร้างจุดต่างได้หลากหลาย ทั้งรูปแบบและรสชาติ และวันนี้ลองมาดู “ขนมไข่สอดไส้” อีกหนึ่งกรณีศึกษาช่องทางทำกินที่น่าพิจารณา...

ภคนันท์ ธัญจิร หรือ แอปเปิ้ล ซึ่งทำ “ขนมไข่สอดไส้” ในชื่อ “ยิ้ม ยิ้ม” จำหน่าย เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของอาชีพนี้ว่า หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรีก็ได้เข้าทำงานตามบริษัทต่าง ๆ มาเป็นเวลากว่า 20 ปี สุดท้ายอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการอาวุโสของฟิตเนสมีชื่อแห่งหนึ่งเป็นเวลากว่า 8 ปี ก็รู้สึกเบื่อ จึงได้ลาออกมาเพื่อจะทำธุรกิจของตัวเอง แต่จังหวะไม่ดี ด้วยขณะนั้นในปี 2553 ภาวะทางการเมืองไม่สู้ดีนัก จึงทำให้ต้องปิดร้านสปาลง จากนั้นก็พยายามมองหาช่องทางอาชีพอื่นที่ใช้เงินลงทุนน้อย พอดีได้ติดตามคอลัมน์เกี่ยวกับอาชีพในหนังสือพิมพ์ที่ทำของขายโดยไม่ต้องมี หน้าร้าน

“ก็ปิ๊งทันทีว่าน่าจะทำขนมดีกว่า เพราะเป็นคนชอบทำอาหารและขนมอยู่แล้ว คิดว่าทำงานอยู่กับบ้านน่าจะดีกว่า ไม่ต้องวุ่นวาย แถมประหยัดค่าใช้จ่าย ขนมที่คิดจะทำขายก็มีอยู่หลายอย่าง แต่ก็มาลงตัวที่ขนมไข่ ซึ่งก็คิดว่าถ้าเราจะทำขนมธรรมดาพื้น ๆ นี้ให้ขายได้ จะต้องพัฒนาดัดแปลงสูตรให้มีความแตกต่างจากเจ้าอื่น ๆ จึงคิดทำขนมไข่สอดไส้ รสชาติต่าง ๆ เช่น ไส้ครีมวานิลลา สังขยาใบเตย ส้ม สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ลูกเกด เป็นต้น แต่ยังคงรูปแบบของขนมไข่โบราณอยู่ ซึ่งปัจจุบันหาทานยาก โดยตอนแรกไม่รู้จะทำขายใคร ก็เริ่มจากเพื่อน ๆ และลูกน้องเก่า ก็ไม่ผิดหวังค่ะ ทุกคนยินดีอุดหนุน และช่วงปีใหม่ก็จัดเป็นรูปแบบกล่องของขวัญ ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ ที่สำคัญได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากพี่ชายคนเดียว เป็นผู้นำขนมที่ทำแล้วไปส่งขายตามที่ต่าง ๆ ด้วยค่ะ”

คุณแอปเปิ้ลบอกว่า ขนมไข่นี้ทำง่ายมาก ๆ ขนมที่ทำออกมานั้นตัวเนื้อขนมจะอร่อยคล้าย ๆ บัทเตอร์เค้ก ที่สำคัญขายได้กำไรดีทีเดียว จะส่งตามร้านขนม ร้านกาแฟ หรือเปิดหน้าร้านก็ได้

วัสดุอุปกรณ์ทำขนม มีไม่มากนัก หลัก ๆ ที่สำคัญก็ต้องมี เตาอบขนมไข่แบบ 16 หลุม (มาตรฐาน) จะใช้แบบเตาแก๊ส หรือเตาไฟฟ้า ก็ตามความสะดวก, ตาชั่ง, ไม้พายพลาสติก, เครื่องตีไข่, ช้อนสำหรับหยอดขนม, ช้อนตวง, ถ้วยตวง, แปรงสำหรับใช้ทาเนย, ไม้จิ้มฟัน และตะกร้าใส่ขนมที่สุกแล้ว

สำหรับส่วนผสม หลัก ๆ คือแป้งสาลีอเนกประสงค์, ไข่ไก่, น้ำตาลทราย, ผงฟู, นมผง, กลิ่นวานิลลา, น้ำมันปาล์ม, เกลือ, น้ำสะอาด โดยสัดส่วนและขั้นตอนในการทำ “ขนมไข่สอดไส้” ก็มีดังนี้คือ...เริ่มจากเตรียมไส้ขนม โดยนำไส้หลากรส ทั้งไส้วานิลลา, สังขยาใบเตย, ส้ม, สตรอเบอร์รี่, บลูเบอร์รี่ มาบรรจุให้เรียบร้อย และลูกเกดเอาใส่ภาชนะเตรียมไว้

จากนั้นนำแป้งสาลีอเนกประสงค์ 190 กรัม, ไข่ไก่ 6 ฟอง, น้ำตาลทราย 200 กรัม, ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ, นมผง 1 ช้อนโต๊ะ และกลิ่นวานิลลานิดหน่อย น้ำมันปาล์ม เกลือ น้ำสะอาด อย่างละพอประมาณ ใส่ลงในหม้อตีไข่ เมื่อส่วนผสมพร้อมแล้วก็เริ่มเดินเครื่องตีให้ส่วนผสมเข้ากันประมาณ 5-7 นาที พอแป้งขึ้นฟูก็นำมาเทลงในภาชนะพลาสติก เพื่อทำการพักแป้งประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้ผงฟูทำงานให้เต็มที่

ระหว่างรอก็วอร์มเตาหรืออุ่นเตาให้  ร้อน โดยให้อุ่นเตาบน ประมาณ 20 นาที ส่วนเตาล่าง อุ่น 5 นาที เพื่อให้ความร้อนคงที่ เวลาหยอดขนมจะได้พองและสุกพอดี เมื่อแป้งพร้อม-เตาพร้อมก็ใช้ช้อนตักแป้งหยอดให้เต็มพิมพ์ (ขั้นตอนการหยอดนี้ต้องอาศัยความชำนาญสักนิด มิฉะนั้นขนมอาจจะไหม้ได้)

หยอดแป้งเสร็จแล้ว ก็ต้องรีบนำไส้รสชาติต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ มาหยอดบีบใส่ลงตรงกลางขนม จังหวะที่บีบหยอดไส้ให้กดลงไปนิดหน่อย เพราะพอขนมสุกไส้จะได้เลื่อนลงไปอยู่ตรงกลางตัวขนมพอดี เมื่อหยอดไส้เสร็จแล้วก็ปิดฝาอบขนม รอสักครู่ไม่เกิน 3 นาทีขนมก็จะสุกเหลืองน่ารับประทาน ถึงตอนนี้กลิ่นขนมจะหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณเลยทีเดียว

จากสูตรการทำ “ขนมไข่สอดไส้” ข้างต้นนี้ จะสามารถทำขนมได้ประมาณ 8 เตา หรือจำนวนประมาณ 125 ชิ้น เมื่ออบขนมสุกดีแล้วก็นำขนมบรรจุกล่องรูปแบบตามใจชอบ ส่วนทางร้านของแอปเปิ้ลจะบรรจุ 11 ชิ้นต่อกล่อง ขายในราคา 25 บาท ขนมจะชิ้นพอดี ๆ ไม่ใหญ่มาก จะนุ่ม หอม หวาน มันอร่อย โดยจะได้รสชาติแปลกใหม่จากไส้ขนมไส้ต่าง ๆ

“ขนมไข่สอดไส้” ยิ้ม ยิ้ม ของ แอปเปิ้ล-ภคนันท์ ขายส่งตามร้านกาแฟ เช่น อินทนิล อะเมซอน บ้านใร่กาแฟ และรับสั่งทำด้วย ซึ่งใครสนใจสอบถาม ต้องการติดต่อกับคุณแอปเปิ้ล ก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-1907-6068 หรือทางอีเมล akananapple@hotmail.com ซึ่งนี่ก็เป็นกรณีศึกษาการสร้าง “ช่องทางทำกิน” จากขนม โดยไม่ต้องมีหน้าร้าน
.........................................
คู่มือลงทุน...ขนมไข่สอดไส้
ทุนอุปกรณ์ ขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจ
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 50% ของราคา
รายได้  ราคา 25 บาท / 11 ชิ้น
แรงงาน  1 คนขึ้นไป
ตลาด  ส่งร้านกาแฟ ร้านขนมทั่วไป
จุดน่าสนใจ ไส้รสชาติต่าง ๆ เป็นจุดขาย



เชาวลี  ชุมขำ : เรื่อง / กมลภัทร ทองกริต : ภาพ

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : http://www.dailynews.co.th/a

Read More...


ไอศกรีมสมุนไพร(1)ชื่ออัญมณี-ดีต่อสุขภาพ


หน้าร้อนแบบนี้ ของหวาน ๆ เย็น ๆ ขายดี และ “ไอศกรีม” ก็เป็นหนึ่งในของหวานเย็นที่ผู้คนนิยม วันนี้ทาง “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอข้อมูล “ไอศกรีมสมุนไพร” ที่ตั้งชื่อตามอัญมณีที่มีคุณค่า สูตรของสาขาวิชาเทคโนโลยี และการจัดการความปลอดภัยของอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ โดย รศ.อรวรรณ เคหสุขเจริญ, อาจารย์อาฒยา  สันตกุล, อาจารย์เบญจวรรณ  สุธรรมรักษ์ ให้ลองพิจารณากัน...
.........................................
ไอศกรีมสมุนไพรที่ตั้งชื่อตามอัญมณีดังกล่าวนี้ มีการจำแนกการรับประทานตามหมู่โลหิตสำหรับผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพด้วย  โดยประกอบด้วยไอศกรีม 5 รส ได้แก่ ไพฑูรย์ (ไอศกรีมเชอร์เบท อัญชัญ ตะไคร้ สมุนไพร), เขียวส่อง (ไอศกรีมเชอร์เบท สะระแหน่ มะนาว), บุษราคัม (ไอศกรีมกะทิสด ฟักทอง), มุกดาหาร (ไอศกรีมนมถั่วเหลือง งาดำ), ทับทิม (ไอศกรีมเชอร์เบท ลูกหม่อน) ซึ่งทางอาจารย์ได้บอกว่า ผลิตไอศกรีมดังกล่าวนี้เนื่องจากไอศกรีมทั่วไปประกอบด้วยเนื้อ นม เนย  อยากจะทำไอศกรีมไขมันต่ำ แต่มีคุณค่าทางอาหาร จึงมาลงตัวที่ไอศกรีมสมุนไพร

อุปกรณ์การทำ หลัก ๆ ก็มี ถังปั่นไอศกรีม เครื่องปั่นน้ำผลไม้ และอุปกรณ์สำหรับชั่งตวง เครื่องชั่งน้ำหนัก ถ้วยตวงน้ำ ถ้วยตวงของแห้ง ซึ่งที่ต้องใช้ทั้งเครื่องชั่งน้ำและถ้วยตวง ก็เพราะส่วนผสมบางอย่างต้องใช้ในสัดส่วนที่แน่นอน

สำหรับสูตรการทำไอศกรีมสมุนไพร มาดูกันที่ ไพฑูรย์ (ไอศกรีมเชอร์เบท อัญชัญ ตะไคร้ สมุนไพร) สีน้ำเงิน-ม่วง ซึ่งต้องใช้ น้ำตะไคร้สมุนไพร ซึ่งประกอบด้วยตะไคร้ (บุบพอแตก) 100 กรัม, สะระแหน่ 200 กรัม ดอกอัญชันแห้ง 100 กรัม น้ำสะอาด 2 ลิตร  ทำเป็นน้ำตะไคร้สมุนไพรโดยต้มน้ำพอเดือด ปิดไฟ ใส่ตะไคร้ ดอกอัญชัญแห้ง และใบสะระแหน่ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที หรือทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงกรอง พักไว้  นอกจากนี้ยังมีส่วนผสม น้ำส้มแขก ใช้ส้มแขก 20 กรัม น้ำสะอาด 500 กรัม ต้มน้ำพอเดือด ใส่ส้มแขกต้มต่อไปให้เดือดประมาณ 10 นาที ปิดไฟตั้งทิ้งไว้ให้เย็น แล้วกรอง ส่วนผสมสำหรับทำไอศกรีมไพฑูรย์ 1 กก. ใช้น้ำตะไคร้สมุนไพร 398 กรัม, น้ำส้มแขก 100 กรัม, วิปปิ้งครีม 100 กรัม, นมสด 199 กรัม, น้ำตาลทราย 199 กรัม, สารคงตัว 199 กรัม (อาทิ เจลาติน ซื้อตามร้านเคมีภัณฑ์สำหรับไอศกรีม)
วิธีทำ ชั่งตวงส่วนของน้ำตาลทราย สารคงตัว (ของแห้ง) รวมกันไว้แล้วพักไว้ จากนั้นชั่งหรือตวงส่วนผสมวิปปิ้งครีม นมสด น้ำตะไคร้สมุนไพร (ของเหลว) ตามส่วน ยกเว้นน้ำส้มแขก เทลงในหม้อสแตนเลสมีด้ามจับ ตั้งไฟแบบหม้อตุ๋น  คนด้วยทัพพีสแตนเลส  ใช้ความร้อนที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส จากนั้นจึงเติมส่วนผสมของแห้งที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากันจนละลายเป็นเนื้อเดียวกัน  ตุ๋นให้ร้อนที่อุณหภูมิ  65 องศาฯ เสร็จแล้วยกลงจากเตา แล้วจึงเติมน้ำส้มแขก จากนั้นค่อย ๆ เทส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้  ใช้ความเร็วสูงสุดปั่นนาน 1 นาที  แล้วนำไปพาสเจอร์ไรซ์โดยการตุ๋นให้ร้อนที่อุณหภูมิ 80 องศาฯ นาน 2 นาที เสร็จแล้วนำไปแช่ให้เย็นจัดทันที  บ่มไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงในตู้แช่เย็น  แล้วจึงนำมาปั่นในเครื่องปั่นไอศกรีมจนเป็นไอศกรีม นำเข้าแช่ช่องแข็งเพื่อบ่มอีกอย่างน้อย 1 คืน เป็นอันเสร็จขั้นตอน

มีข้อสังเกตว่า นมจะเป็นลิ่มเมื่อผสมกับกรด แต่จะกระจายและละลายตัวดีเมื่อปั่นด้วยเครื่องปั่นของเหลว ดูกันต่ออีกสูตรคือ ไอศกรีมสมุนไพร เขียวส่อง (ไอศกรีมเชอร์เบท สะระแหน่ มะนาว) สีเขียว ซึ่งส่วนผสมต้องใช้น้ำสะระแหน่ เตรียมสะระแหน่ 400 กรัม น้ำสะอาด 2 ลิตร ต้มน้ำพอเดือด ปิดไฟ ใส่ใบสะระแหน่ ทิ้งไว้ 15 นาที ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วกรอง ทั้งนี้ ส่วนผสมไอศกรีมเขียวส่อง 1 กก. ก็มี น้ำสะระแหน่ 460 กรัม, น้ำมะนาว 60 กรัม, นมสด 369 กรัม, น้ำผึ้ง 60 กรัม, น้ำตาลทราย 46 กรัม และสารคงตัว 5 กรัม วิธีทำ นำน้ำผึ้งใส่ในนมสด ตั้งไฟแบบตุ๋น ที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส ใส่สารคงตัวที่ผสมเข้ากันดีกับน้ำตาลทราย คนให้ละลาย อุ่นให้ร้อนที่อุณหภูมิ 65 องศาฯ เสร็จแล้วผสมกับน้ำมะนาวและน้ำสะระแหน่ จากนั้นนำลงปั่นด้วยเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ใช้ความเร็วสูงสุด ปั่น 1 นาที จึงนำไปพาสเจอร์ไรซ์โดยการอุ่นให้ร้อนที่อุณหภูมิ 80 องศาฯ 2 นาที แล้วนำไปแช่ให้เย็นจัดทันที บ่มไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงในตู้แช่เย็น จึงแต่งรสด้วยการเติมน้ำเชื่อมและน้ำมะนาว จากนั้นก็นำไปปั่นในเครื่องปั่นไอศกรีมจนได้ลักษณะไอศกรีมเชอร์เบท แล้นำเข้าแช่ช่องแข็งเพื่อบ่มอีกอย่างน้อย 1 คืน เป็นอันเสร็จ

ทั้งนี้ ทางอาจารย์ที่ให้ข้อมูลมาบอกว่า ไอศกรีมตามสูตรดังกล่าวนี้ จากการใช้ส่วนผสมที่เน้นคุณค่าของสมุนไพร มีส่วนผสมของนมสดหรือผลิตภัณฑ์นมเป็นส่วนน้อย ก็ทำให้จัดเป็นกลุ่มไอศกรีมที่มีไขมันค่อนข้างต่ำ

สำหรับต้นทุนวัตถุดิบในการทำไอศกรีม 2 กก. หากบรรจุถ้วยขนาด 4 ออนซ์ จะบรรจุได้ประมาณ 40 ถ้วย มีต้นทุนรวมประมาณไม่เกิน 16 บาท ส่วนราคาขายนั้นสามารถตั้งได้ที่ราคาถ้วยละ 20-25 บาท แล้วแต่ทำเลในการขาย
.........................................
ใครสนใจ “ไอศกรีมสมุนไพร” ดังที่ว่ามาข้างต้น สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ รศ.อรวรรณ เคหสุขเจริญ, อาจารย์อาฒยา สันตกุล, อาจารย์เบญจวรรณ สุธรรมรักษ์ โทร.0-2287-9722 ในวันและเวลาราชการ หรือที่ โทร.08-1485-3588 (อ.อาฒยา), 08-9529-0262 (อ.เบญจวรรณ) และในวันอาทิตย์ที่ 29 เม.ย. 2555 หน้า “ช่องทางทำกิน” ก็จะนำสูตรไอศกรีมสมุนไพรอีก 3 สูตรคือ บุษราคัม (ไอศกรีมกะทิสด ฟักทอง), มุกดาหาร (ไอศกรีมนมถั่วเหลือง งาดำ), ทับทิม (ไอศกรีมเชอร์เบท ลูกหม่อน) มานำเสนอกันต่ออีกตอน...

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล : รายงาน
.........................................
คู่มือลงทุน...ไอศกรีมสมุนไพร
ทุนอุปกรณ์   ประมาณ 10,000  บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ ไม่เกิน 16 บาท / ถ้วย 4 ออนซ์
รายได้  20-25 บาท / ถ้วย 4 ออนซ์
แรงงาน  1-2 คนขึ้นไป
ตลาด  ชุมชน, สถานศึกษา, สำนักงาน
จุดน่าสนใจ เพื่อสุขภาพใช้เป็นจุดขายที่ดีได้

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ :http://www.dailynews.co.th/

Read More...


ผลิตภัณฑ์เห็ดแปรรูป แหนมไส้อั่ว

</br> 

แหนมเห็ด

ผลิตภัณฑ์เห็ดแปรรูป แหนมไส้อั่ว


การแปรรูปเป็นการแก้ปัญหาการจัดเก็บของสด ในวันนี้เรามีวิธีการแปรรูปเห็ดให้เป็นผลิตภัณฑ์เห็ดแปรรูปแหนมและใส่อั่ว

เก็บตกจากการเยี่ยมชมเกษตรกรรุ่นใหม่กับ สกว. ที่นิคมเศรษฐกิจพอเพียง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ขากลับได้พบกับ “ผลิตภัณฑ์เห็ดแปรรูป” นานาชนิด อาทิ ไส้อั่วเห็ด แหนมเห็ดโคนญี่ปุ่น เห็ดโคนลวกจิ้ม ปลาหมึกบก ฯลฯ ที่เขาใหญ่ พาโนราม่า ฟาร์ม จึงได้ขอสัมภาษณ์สูตรเมนูเห็ดมาฝากกันใน “ช่องทางทำกิน” วันนี้…



ปรเมศร์ สิทธิวงศ์ เจ้าของเขาใหญ่ พาโนราม่า ฟาร์ม เล่าว่า ฟาร์มแห่งนี้เปิดขึ้นมาเพื่อทำการเกษตรใน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา รวมถึงการเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยโรงเรือนเพาะเห็ดนั้น มีเพื่อนซึ่งเป็นสถาปนิกเป็นผู้ช่วยออกแบบให้เพื่อเพาะเห็ดอากาศเย็นในโรง เรือนระบบปิด ซึ่งนอกจากการขายเห็ดสดแล้ว ยังได้คิดทำเห็ดแปรรูปต่าง ๆ

การแปรรูปเห็ดช่วยแก้ไขกรณีมีปัญหาขายเห็ดสดไม่หมด ซึ่งก็ทำได้หลายเมนู อาทิ ไส้อั่วเห็ด แหนมเห็ดโคนญี่ปุ่น เห็ดโคนลวกจิ้ม และปลาหมึกบก โดยเจ้าของสูตรไส้อั่วเห็ด และแหนมเห็ดโคนญี่ปุ่น คือ คุณแม่มาลี ศตพรพิสิทธิ์ แม่ของหุ้นส่วนคนหนึ่ง ส่วนอีก 2 เมนูหลังเป็นคำแนะนำของลูกค้า ขณะที่น้ำจิ้มซีฟู้ดเป็นสูตรของคุณแม่มาลี และญาติอีกคนหนึ่งช่วยกันทำขึ้นมา

สำหรับไส้อั่วเห็ด และแหนมเห็ดโคนญี่ปุ่นนั้น คุณแม่มาลีเล่าว่า อาหารทั้งสองชนิดนี้ตนทำเป็นอยู่แล้ว เพราะเมื่อก่อนคุณยายทำ เมื่อลูกชายไปหุ้นเปิดฟาร์มเห็ดร่วมกับเพื่อน และจะทำเห็ดแปรรูปขาย ตนจึงรับอาสาช่วยทำส่งไปให้ขายอุปกรณ์ในการทำไส้อั่วเห็ด และแหนมเห็ดโคนญี่ปุ่น ก็เป็นอุปกรณ์ทำครัวทั่ว ๆ ไป แต่จะเพิ่มในส่วนของเครื่องปั่นด้วย

วิธีทำ ผลิตภัณฑ์เห็ดแปรรูปไส้อั่วและแหนม

วิธีทำ “ไส้อั่วเห็ด” ตามสูตรก็เตรียมหมูบด 10 กก. ส่วนเครื่องเทศก็เตรียม ตะไคร้ 5 กก. ซอยให้ละเอียด, ใบมะกรูดซอย 1.5 กก., หอมแดงซอย 1 กก. และกระเทียมสับ 1 กก. ในส่วนของเห็ดนั้น เตรียมเห็ดหูหนูดำสด 2 กก., เห็ดนางฟ้า 2 กก. และเห็ดโคนญี่ปุ่น 2 กก. ซึ่งเห็ดดังกล่าวนำไปปั่นให้ละเอียด
นำส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกรวมกัน แล้วยัดใส่ไส้หมูซึ่งมีขายแบบสำเร็จรูป เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย โดยไส้หมู 1 มัด จะมีความยาว 100 เมตร ทำไส้อั่วได้ 20 กก. ขายในราคา กก.ละ 400 บาท
วิธีทำ “แหนมเห็ดโคนญี่ปุ่น” ตามสูตรให้เตรียมหุงข้าว สวย 1 กระป๋อง, กระเทียมบดละเอียด 1 กก., เกลือ 2 ถุงเล็ก และใช้เห็ดโคนญี่ปุ่นนึ่ง 20 กก. โดยนำส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกเคล้ารวมกัน แล้วบรรจุใส่ถุง ถุงละ 50 กรัม แล้วรวมเป็นแพ็ก โดย 1 แพ็กมีแหนม 4 ถุง ขายในราคาแพ็กละ 100 บาท
ต่อด้วยเรื่องของเห็ดเป๋าฮื้อย่าง หรือปลาหมึกบก และเห็ดโคนญี่ปุ่นลวกจิ้ม ปรเมศร์ เล่าว่า เกิดจากคำแนะนำของลูกค้า และตนจึงใช้เป็นไอเดียในการทำเป็นอาหารทานเล่นขาย โดยเมนูทั้งสองอย่างนี้ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด

วิธีทำก็ไม่ยาก คือ “เห็ดเป๋าฮื้อย่าง หรือปลาหมึกบก” ก็เพียงนำเห็ดเป๋าฮื้อสดไปย่างให้สุก ส่วน “เห็ดโคนญี่ปุ่นลวกจิ้ม” คือนำเห็ดโคนญี่ปุ่นไปลวกน้ำร้อนให้สุก

สองเมนูหลังนี้ สำคัญคือ “น้ำจิ้มซีฟู้ด” ที่รสต้องเด็ด โดยคุณแม่มาลีเล่าว่า การทำนั้นตามสูตรจะใช้ส่วนผสมของพริกขี้หนูสวนบดละเอียด 500 กรัม, กระเทียมบดละเอียด 500 กรัม ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย, น้ำปลา และเกลือป่นตามชอบ ทั้งนี้ ปลาหมึกบก และเห็ดโคนลวกจิ้มนี้ ขายในราคาจานละ 70 บาท
ปรเมศร์ บอกว่า อาหารทุกชนิดที่ว่ามีต้นทุนประมาณ 60% จากราคาขาย

เขาใหญ่ พาโนราม่า ฟาร์ม อยู่ที่เลขที่ 297 หมู่ 6 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดทุกวัน วันธรรมดาตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. และเวลา 09.00-18.00 น. ในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งใครต้องการติดต่อ ปรเมศร์ สิทธิวงศ์ ติดต่อได้ที่ โทร.08-1398-7784 และ 0-4475-6234 ทั้งนี้ “ผลิตภัณฑ์เห็ดแปรรูป” นั้น หากมีเมนูเด็ด ๆ รสชาติเด็ด ๆ ก็สามารถทำรายได้เด็ด ๆ เป็นอีกหนึ่ง “ช่องทางทำกิน” ที่ดีได้!!.

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล
ที่มา:เดลินิวส์




Read More...


VDO การทำหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบ



</br>

ต้นทุนการทำหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบ นั้น หลัก ๆ แล้วก็ขึ้นอยู่กับตัววัตถุดิบหลัก ซึ่งในที่นี้คือ หอยแมลงภู่ หรือกุ้ง หรือปลา ซึ่งกรณีใช้ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ที่เดี๋ยวนี้มีขายตามห้างใหญ่ ๆ ราคาขายจะประมาณ 180 บาทต่อกล่อง

“หอยแมลงภู่” เป็นหนึ่งในอาหารทะเลที่คุ้นลิ้นคนไทย ทั้งกับการทำรับประทานตามบ้านเรือนทั่วไป และเป็นเมนูในร้านอาหาร และปัจจุบันในไทยมีการทำเมนูจาก “หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์” ตามร้านอาหารต่าง ๆ ซึ่งคนไทยก็ให้ความนิยม ขณะที่เมนูหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์นี้จะใช้หอยแมลงภู่ไทยตัวใหญ่ ๆ ทำแทนก็ได้ และก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเพียงเมนูในร้านอาหาร จะแยกมาทำขายเดี่ยว ๆ ตอนนี้ก็มีการทำเป็น ’ช่องทางทำกิน“ ซึ่งก็ถือว่าน่าสนใจ…


 

VDO การทำหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบ 

 หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบ
หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบซอสมะเขือเทศและชีส“ และ ’หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบเนยกระเทียมและชีส“ 2 เมนูนี้สามารถทำขายคนไทยได้สบาย ๆ และสามารถใช้หอยแมลงภู่ไทยตัวใหญ่ ๆ ทำได้ โดยทีม “ช่องทางทำกิน” ได้สูตรอร่อยมาจากร้าน “ไอ ริช บาย ต้นกามปู (I RICH by TonKampu)” ย่านดอนเมือง โดยเจ้าของร้านคือ ก้ามปู-หฤทัย ทิพทัส แจกแจงให้ฟังว่า… นี่เป็น 2 ในหลากหลายเมนูของทางร้านที่ลูกค้าชื่นชอบ เมนูน่าทานชื่อยาว ๆ นี้มีรสชาติความสดอร่อยของหอยน้ำเย็นจากแดนไกล ประกอบกับเครื่องปรุงต่าง ๆ ที่ผสมผสานกัน อุดมด้วยคุณค่าทางอาหาร เป็นเมนูที่อิ่มอร่อยได้ทั้งครอบครัว ที่สำคัญการทำก็ไม่ได้ยากเหมือนชื่อยาว ๆ จะประยุกต์ใช้หอยแมลงภู่ไทยตัวใหญ่ ๆ ทำขายเป็นอาชีพโดยไม่ต้องมีร้านอาหารใหญ่ ๆ ก็ได้ หรือจะใช้หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์เดี๋ยวนี้ในไทยก็หาซื้อไม่ยาก
เมนู “หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบซอสมะเขือเทศและชีส” ส่วนประกอบต่อจานก็มี… หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (หรือไทย) 5 ตัว, มอซซาเรลล่าชีส 20 กรัม, เนยชนิดจืด 2 ช้อนโต๊ะ, หอมใหญ่ซอย หัว, เกลือ ช้อนชา, ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ (ใช้สูตรทำเองเฉพาะหรือแบบขวดสำเร็จก็ได้), ผงอโรมาต ช้อนชา, ใบโหระพาซอย เล็กน้อย









VDO การทำหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบ

วิธีทำหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบ

วิธีปรุงเริ่มจาก… ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่เนยและหอมใหญ่ซอยลงผัดเล็กน้อย ใส่หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (หรือไทย) ผัดจนหอมเนย และหอมใหญ่เริ่มเงา ปรุงรสด้วยเกลือ ผงอโรมาต ผัดอีกเล็กน้อยให้ส่วนผสมเคล้าทั่วกัน ใส่ซอสมะเขือเทศ ใส่ใบโหระพาซอยลงไป เปิดไฟแรง แล้วปิดไฟ จากนั้นนำหอยที่ผัดแล้วจัดเรียงใส่ถาด ราดซอสลงให้เต็มเปลือกหอย โรยชีสให้เท่ากันทุกตัว (ปริมาณแล้วแต่ความชอบ) นำเข้าเตาอบใช้ความร้อน 250 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 8-10 นาที พอซอสเริ่มเดือดและชีสเริ่มเป็นสีเหลืองทอง ก็นำออกมาจัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ-พร้อมรับประทาน

สำหรับเมนู “หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบเนยกระเทียมและชีส” นั้น ส่วนประกอบต่อจานก็มี… หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (หรือไทย) 5 ตัว, มอซซาเรลล่าชีส 20 กรัม, เนยชนิดจืด 2 ช้อนโต๊ะ, กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ, เกลือ ช้อนชา, ผงอโรมาต ช้อนชา, พริกไทย เล็กน้อย, ใบโหระพาซอย เล็กน้อย, ผงปาปริก้า เล็กน้อย

วิธีปรุง… ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่เนยและกระเทียมซอยลงผัดเล็กน้อย ใส่หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (หรือไทย) ผัดจนหอมเนย-กระเทียม ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ผงอโรมาต ผัดอีกเล็กน้อยให้ส่วนผสมเคล้าทั่วกัน ใสใบโหระพาซอยลงไป เปิดไฟแรง แล้วปิดไฟ จากนั้นนำหอยที่ผัดแล้วจัดเรียงใส่ถาด โรยชีสให้เท่ากันทุกตัว (ปริมาณแล้วแต่ความชอบ) นำเข้าเตาอบใช้ความร้อน 250 องศาฯ อบ 8-10 นาที จนชีสเป็นสีเหลืองทอง ก็นำออกมาโรยผงปาปริก้า เล็กน้อย จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ-พร้อมทาน ซึ่งทางร้าน ไอ ริชฯ บอกว่า 2 เมนูนี้จะแนะนำให้ลูกค้าทานกับขนมปังกระเทียม และไวน์ขาว

ต้นทุนการทำหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบ

ในส่วนของต้นทุนการทำหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบ นั้น หลัก ๆ แล้วก็ขึ้นอยู่กับตัววัตถุดิบหลัก ซึ่งในที่นี้คือ หอยแมลงภู่ หรือกุ้ง หรือปลา ซึ่งกรณีใช้ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ที่เดี๋ยวนี้มีขายตามห้างใหญ่ ๆ ราคาขายจะประมาณ 180 บาทต่อกล่อง สามารถนำมาทำเมนูได้ประมาณ 8-10 จาน (จานละประมาณ 5 ตัว) เมื่อคิดรวมค่าวัตถุดิบอื่น ๆ แล้วจะเป็นต้นทุนประมาณจานละ 60 บาทขึ้นไป แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นหอยแมลงภู่ไทยต้นทุนน่าจะลดลงเหลือประมาณ 20-30 บาท ขณะที่ตั้งราคาขายจานละ-ชุดละ 60-80 บาท ก็ดูไม่น่าเกลียดอะไร ซึ่งลูกค้าคิดไปคิดมา และดูหน้าตาเมนูนี้แล้ว ก็อาจจะคิดว่าคุ้มกว่าทานหอยนางรมตั้งเยอะ

ส่วนกับร้าน “ไอ ริช บาย ต้นกามปู (I RICH by TonKampu)” ร้านนี้ทั้งอาหารอร่อยและบรรยากาศดี โดยตั้งอยู่ที่ เลขที่ 107 ถนนเลียบคูนาย กิมสาย 1 ซอย 7 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ใกล้ สน.ดอนเมือง (พิกัดจีพีเอส N 13.56.766 E 100.34.694 อีเมล ton_kampu@yahoo.com เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/pages/I-RICH-by-TonKampu/115002515214764?sk=info) เบอร์โทรศัพท์ร้านคือ โทร.0-2929-0273 ใครสนใจจะไปชิมไปชมร้านก็เชิญได้

วัตถุดิบปรุงอาหารในเมืองไทย มีมากมายสารพัด ทั้งของไทยเองและของต่างประเทศ ซึ่งบางอย่างอาจจะดูว่าแพง แต่จริง ๆ แล้วก็สามารถนำมาพลิกแพลงสร้าง ’ช่องทางทำกิน“ โดยไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายนักก็ได้

อย่างเช่น 2 เมนู ’หอยแมลงภู่“ ที่ว่ามา…ก็น่าสนใจ!!

ที่มา:เดลินิวส์
ที่มารูปภาพ: Japansainlook’s blog

Read More...


วิธีทำแกงไตปลา การทำอาหารขึ้นชื่อของทางภาคใต้



แกงไตปลา อาหารของทางภาคใต้ที่ขึ้นชื่อ ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีส่วนผสมที่ลงตัวเป็นอย่างดี ผมว่าหลายๆ คนที่ได้รับประทานดูแล้วคงติดใจไปตาม ๆ กันจนลืมไม่ลงครั้งแรกที่ผมได้รับประทาน ต้องบอกตรง ๆ ไปเลยว่าผมรับประทานทั้งน้ำตาไหลหูแดงตามด้วยน้ำมูก เพราะสุดของอาหารภาคใต้เราต่างพากันรู้จักกันดีอยู่แล้วว่าเผ็ดขนาดไหน แต่ ก็ไม่ได้ทำให้ผมหยุดรับประทานต่อไปได้เลย สำหรับท่านได้อยากรู้จักขั้นตอนและวิธีทำแล้ววันทางเว็บได้นำเอาการทำอาหาร อย่างแกงไตปลามาลองทำกันดู ใครที่อยากทำเป็นอาชีพก็น่าศึกษาลองทำกินเองในครอบครัวแล้วค่อยทำขายต่อไป เรามาดูกันเลยครับ

อย่างแรกเครื่องปรุงแกงไตปลา

1. ไตปลาสำเร็จรูป 1 ถ้วยตวง
2. ปลาทูย่างแกะเอาแต่เนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ 3 ตัว
3. ปลากรอบโขลกละเอียด 1 ถ้วยตวง
4. มะเขือเจ้าพระยาผ่า สี่ เสี่ยว 5 ผล
5. ถั่วฝักยาวหั่น 5 ฝัก
6. หน่อไม้ลวกต้มหั่นเป็นชิ้นกำลังดี 1 ถ้วยตวง
7. ฟักทองไม่ต้องปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วยตวง
8. ใบมะกรูดหั่นขวางหยาบๆ 7 ใบ
9. เครื่องปรุงรสไก่ชนิดผง 2 ช้อนชา
10. น้ำสะอาด 3 ถ้วยตวง

ส่วนผสมน้ำพริกเครื่องแกง

1. พริกแห้งเม็ดใหญ่ แกะเอาเมล็ดออกแช่น้ำจนนิ่มบีบเอาน้ำออก 10 เม็ด
2. พริกขี้หนูแห้ง 50 เม็ด
3. พริกขี้หนูสด 15 เม็ด
4. ตระไคร้ซอยบางๆ 3 ช้อนโต๊ะ
5. หอมแดงปอกเปลือก 7 หัว
6. กระเทียมหัวเล็กปอกเลือก 3 หัว
7. ข่าแก่หั่นเป็นแว่นๆ 10 แว่น
8. ผิวมะกรูดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 2 ช้อนโต๊ะ
9. ขมิ้นชันสดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 1 ช้อนโต๊ะ
10. เม็ดพริกไทยล่อน 1 ช้อนชา
11. กะปิห่อใบตองเผาไฟ 1 ช้อนชา
12. เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุงน้ำพริกเครื่องแกง

ทำการโขลกเครื่องปรุงรสและส่วนผสมของแกงไตปลาละลายกับน้ำสะอาด สาม ถ้วยตวง เทใส่ลงไปในหม้อแกงทันที เอาขึ้นตั้งบนเตาไฟเร่งไฟให้แรงจนเดือด ใส่ไตปลาสำเร็จรูปลงไปผสมให้ละลายเข้าด้วยกัน เอาปลาทูสดที่แกะเอาแต่เนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปน้ำแกงนี้ ใส่ปลากรอบที่โขลกแล้วลงไปอีกอย่างหนึ่ง คนให้ผสมผสานเข้าด้วยกัน ใส่หน่อไม้ลวก ฟักทอง ใบมะกรูด ปล่อยให้เดือดอีกที หากน้ำน้อยให้เติมน้ำสะอาดลงไปได้อีกพอสมควร พอเดือดแล้วก็ใส่ถั่วฝักยาว และมะเขือเจ้าพระยา ใส่เครื่องปรุงลงไป ก็เป็นว่าเสร็จเรียบร้อย
วีดีโออย่างละเอียดวิธีทำแกงไตปลา


ขอบคุณเจ้าของคลิป foodtravel.tv คุณสามารถเข้าไปดูเพื่มเติมได้อีกที่ :: http://www.youtube.com/user/MrFoodandTravel

Read More...


“เส้นทางอาชีพ” ยำมะม่วงปูม้า สุดยอดอาชีพทำเงินที่ทุกท่านควรรู้จัก




ยำมะม่วงปูม้า เป็นอาหารทานเล่นที่ได้รับความนิยมกันมากในช่วงนี้ รสชาติของปูม้าสดๆ ผสมกับมะม่วงน้ำดอกไม้อมเปรี้ยวมัน คลุกเคล้ากับน้ำราดสูตรพิเศษ และเพิ่มพริกป่นลงไปยิ่งทำให้ยำมะม่วงปูม้ามีรสจัดจ้าน แซ่บเพิ่มขึ้นอีกนอกจากนี้ยังมียำปูม้า และยำมะม่วงสูตรเด็ดรวมอยู่ด้วยลูกค้าสามารถสั่งได้ตามความชอบของลูกค้าแต่ ละคน บางคนติดอกติดใจถึงขั้นต้องสั่งพิเศษถุงเดียว 100 บาทเลยทีเดียว ซึ่งปกติขายเพียงถุงละ 40 บาทเท่านั้นเอง

อาชีพยำมะม่วงปูม้า
ยำมะม่วงปูม้า พี่เอก@พัทยา

ทางทีมงานของเราได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ร้าน ยำมะม่วงปูม้าร้านนึง ซึ่งเป็นเพียงร้านเล็กๆ เป็นรถมอเตอร์ไซต์ต่อพ่วงเพื่อขายยำมะม่วงปูม้า แต่แทบไม่น่าเชื่อว่าลูกค้าที่มาอุดหนุน เยอะมากจนเราตกใจ เพราะลูกค้าบางท่านมารอนานเป็นชั่วโมงแต่ก็ไม่มีใครยอมลุกหนี มีแต่นั่งรออย่างใจจดใจจ่อว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวเขาเราซะทีนะ (ทีมงานยังต้องรอนะค่ะ) เมื่อได้โอกาสเราจึงได้สอบถามเจ้าของร้านยำมะม่วงถึงความเป็นมาและจุดเริ่ม ต้นของอาชีพนี้ที่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายๆ ว่าทำอย่างไรกันบ้าง

เจ้าของร้านยำมะม่วงปูม้า @พัทยา

ลูกค้ายำมะม่วงปูม้า 

เจ้าของร้านชื่อคุณ สุนทร  หรือเรียกชื่อเล่นว่า พี่เอก ทีมงานของเราจึงได้สอบถามเกี่ยวกับความเป็นมาของร้าน พี่เอกตอบกับทีมงานเราว่า พี่เอกเป็นคนจังหวัดชัยนาท ก่อนจะมาประกอบอาชีพนี้พี่เอกเคยเป็นเทรนเนอร์มาก่อน อยู่มาเกือบสิบปีแต่ก็ต้องมีเหตุให้พี่เอกต้องออกจากงาน เลยหันมาศึกษาเกี่ยวกับการทำยำมะม่วงปูม้า เพราะเล็งเห็นว่ายังไม่ค่อยมีใครขายเราน่าจะบุกตลาดได้เพราะลูกค้าบางท่าน ยังไม่เคยชิมมาก่อน ตอนนี้มีทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าขาจรที่มาอุดหนุนจนหมดทุกวัน  ลูกค้าบางท่านอาจจะโทรมาสั่งจองคิวไว้ล่วงหน้าเพราะกว่าจะได้ทานต้องรอคิว นานมาก ลูกค้ามีทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาอุดหนุน พี่เอกยังบอกอีกว่าเมื่อก่อนที่มาขายยำมะม่วงปูม้าครั้งแรก ขายได้น้อยมากเพราะยังไม่ค่อยมีคนรู้จัก พี่เอกต้องใช้ความพยายามและความอดทนขายต่อมาได้ประมาณสามเดือน ก็ปรากฏว่ามีลูกค้าที่เคยมาอุดหนุนและติดอกติดใจในรสชาติจนกลายเป็นที่ชื่น ชอบ บอกต่อปากต่อปากจนทำให้ทุกวันนี้ร้านยำมะม่วงปูม้าของพี่เอกมีกำไรเพิ่มมาก ขึ้นและขายดิบขายดีจนถึงทุกวันนี้
น้ำราดยำมะม่วงปูม้าสูตรเด็ด กระปุกละ 200 บาท
 สูตร น้ำราดนี้เป็นปัจจัยสำคัญของยำมะม่วงปูม้าที่พี่เอกคิดขึ้นเองเป็นสูตรเด็ด เฉพาะ สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจะขายยำมะม่วงปูม้าแต่ทำน้ำราดไม่เป็นพี่เอกยินดี ขายส่งให้ทั้งในพัทยาและต่างจังหวัด และท่านใดสนใจอยากมีร้านขายยำมะม่วงปูม้าเป็นของตนเอง หากท่านยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับอาชีพนี้ท่านสามารถติดต่อสอบถามพี่เอกได้ ที่ เบอร์โทร 083-889-070-5  เพราะพี่เอกนอกจากจะขายยำมะม่วงปูม้าแล้วยังขายส่งน้ำราดสูตรเด็ดนี้ด้วย ราคาโหลละประมาณ 200 บาท หากท่านอยู่ต่างจังหวัดท่านสนใจอยากสั่งซื้อก็ลองติดต่อสอบถามกับพี่เอกได้ นะค่ะ

เครื่องปรุงและส่วนผสมการทำยำมะม่วงปูม้า

1. หอมแดงซอย 2. ผักชีฝรั่งซอย 3. กระเทียมหั่นแว่น 4. กุ้งแห้ง 5. ปลากรอบ 6. ถั่วลิสงคั่ว 7. พริกขี้หนูสดหั่น 8. พริกป่น 9. น้ำปลา 10. ผงชูรส 11. มะม่วงน้ำดอกไม้ 12. ปูม้าสด และลำดับสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยและเป็นหัวใจสำคัญของยำมะม่วงปูม้านั่นคือ น้ำราดสูตรเด็ดที่พี่เอกคิดค้นเองเป็นเวลานานนับปี
หมายเหตุ: พี่เอกตวงเครื่องปรุงและส่วนผสมในอัตราส่วนเท่าๆ กันใส่ถุงไว้ เมื่อถึงเวลายำพี่เอกจะนำส่วนผสมนั้นเทลงในภาชนะเลยทันที เพราะเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการตักตวงส่วนผสมในภายหลัง เพื่อความสะดวกรวดเร็วเวลาที่ลูกค้ามากันเยอะๆ จะได้ไม่เสียเวลาค่ะ

วิธีทำยำมะม่วงปูม้า

ขั้นตอนการทำ
1. นำปูม้ามาล้างให้สะอาด และพลิกตัวปูดูที่ด้านหลังปูจะเจอตะปิ้ง ซึ่งอยู่ตรงกลางของกระดองให้แกะทิ้งไป เมื่อแกะตะปิ้งทิ้งแล้วให้ดูรอยต่อระหว่างตะปิ้งกับกระดองจะเห็นเป็นรอยแยก เล็กๆ เราจะชำแหละแทรกเข้าไปเพื่อแยกกระดองออกจากตัวปูนั่นเอง
2.นำมะม่วงน้ำดอกไม้ใส่ลงไปในภาชนะ หลังจากนั้นให้นำพริกขี้หนูสดหั่นใส่ลงไป หอมแดงซอย ผักชีฝรั่งซอย กระเทียมหั่นแว่น กุ้งแห้ง ถั่วลิสงคั่ว และปลากรอบใส่ตามลงไปในภาชนะ
3. เมื่อนำส่วนผสมเทลงในภาชนะแล้ว ให้นำปูม้าสดใส่ลงไป และเติมพริกป่น ผงชูรส น้ำปลา และที่ขาดไม่ได้คือน้ำราดสูตรเด็ดนั่นเองค่ะ
4. คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน และชิมรสชาติของยำมะม่วงปูม้าดูว่ารสชาติถูกปากรึเปล่า หลังจากนั้นก็ตักใส่ชามและเป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
หมายเหตุ: หากท่านต้องการทานรสชาติแบบไหนท่านสามารถกะตวงปริมาณของวัตถุดิบตามความชอบ ได้เลยนะค่ะ เพราะรสชาติหลักขึ้นอยู่กับน้ำราดที่เราทำขึ้นเองด้วยค่ะ

ต้นทุนในการเปิดร้านยำมะม่วงปูม้า

ต้นทุนในการเปิดร้านขายยำมะม่วงปูม้า พี่เอกบอกว่าลงทุนครั้งแรกลงทุนไม่เกิน 10,000 บาทก็สามารถเปิดขายได้ และส่วนของการลงทุนขายวันต่อวันนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่ว่าในแต่ละวันเราขายได้กำไรมากน้อยเท่าไหร่ หักลบแล้วก็ต้องนำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อของเพื่อขายในวันถัดไป ลงทุนวันนึงก็ประมาณ 2,000 – 3,000 บาทต่อวัน
พี่เอกได้บอกกับเราอีกว่า กำไรในการขายยำมะม่วงปูม้าเดือนๆ นึง รับ 45,000-50,000 บาท ซึ่งเป็นเงินไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ต้องขายให้มะม่วงหมด 10 กิโลขึ้นไปนะค่ะ พี่เอกเตรียมของเสร็จก็ออกจากบ้านมาขายตั้งแต่ 5 โมงเย็น ขายเสร็จก็ประมาณ 5 ทุ่ม ขายแบบนี้ทุกๆ วัน และประกอบอาชีพนี้มานานกว่าสามปีแล้ว ซึ่งเป็นอาชีพที่สุจริตและสามารถเลี้ยงครอบครัวได้อย่างไม่อายใครเลยค่ะ




การขายยำมะม่วงปูม้า
ถ้าในวิกฤติเศรษฐกิจที่ปูม้าแพงหรือมะม่วงแพง อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้แต่พี่เอกก็จะไม่ขึ้นราคาแต่อาจจะลดปริมาณลงเล็ก น้อยเพื่อสอดคล้องกันกับช่วงข้าวของแพงแต่ก็ยังคงรสชาติอร่อยเช่นเดิม และการเลือกปูม้าว่าสดหรือไม่นั้นพี่เอกบอกว่าให้จับดูที่ใต้ท้องปูม้าว่า ท้องมันแน่นหรือเปล่าและใช้ยางวงรัดไว้อีกที และปูม้าต้องยังมีชีวิตสดๆ เป็นๆ อยู่ ถึงจะเรียกว่าสดจริง และแต่ละวันของการขายถ้าปูม้าเหลือพี่เอกก็จะไม่นำกลับมาขายใหม่เพราะจะทำ ให้ปูม้าไม่สด เสียรสชาติและอาจจะเสียลูกค้าด้วย แต่ถ้ามะม่วงน้ำดอกไม้เหลือเราสามารถนำกลับมาขายได้ใหม่ประมาณสามวัน โดยใช้วิธีการเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อจะคงความสดของมะม่วงไว้ ลูกค้าบางท่านที่ซื้อยำมะม่วงปูม้าไปรับประทานบางท่านอาจจะทิ้งไว้ประมาณ 10 – 20 นาที เพื่อจะให้น้ำราดซึมเข้าไปในเนื้อมะม่วงจนทำให้มะม่วงนิ่มและเป็นการเพิ่มรส ชาติไปอีกแบบนึง หรือบางท่านเมื่อซื้อไปอาจจะรีบแกะถุงและรีบกินเลยก็ได้ (เพราะอดใจรอไม่ไหวค่ะ)

credit by

Read More...


วิธีทำแกงมัสมั่นไก่ เพิ่มช่องทางสร้างรายได้อีกทางเลือกนึง

.
.
สร้างเสริมอาชีพการทำอาหาร เพื่อเพิ่มช่องทางหารายได้อีกทางเลือกนึง

เครื่องปรุงที่ต้องเตรียมมีดังนี้

1. ไก่บ้านควักเครื่องในออก สับเป็นชิ้นกำลังดี 1 ตัว
2. หอมหัวใหญ่หรือหัวเล็กปอกเปลือก 10 หัว
3. มันฝรั่งหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมกำลังพอดี 20 ชิ้น
4. กะทิสำเร็จรูป 2 กล่อง
5. ถั่วลิสงถั่ว ½ ถ้วยตวง
6. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
8. เครื่องปรุงรส รสไก่ ชนิดผง 2 ช้อนชา
9. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
11. ลูกกระวาน
12. ใบกระวาน

ส่วนผสมน้ำพริกเครื่องแกงมัสมั่น

1. พริกแห้งเม็ดใหญ่ แกะเอาเมล็ดออก แช่น้ำจนนิ่ม บีบเอาน้ำออก 15- 20 เม็ด
2. ตระไคร้ซอยละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
3. หอมแดงปลอกเปลือก 5 หัว
4. กระเทียมหัวเล็กแกะเปลือก 2 หัว
5. ข่าหั่นเป็นแว่นๆ 3 แว่น
6. เม็ดพริกไทยล่อน 15 เม็ด
7. รากผักชีหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 2 ช้อนโต๊ะ
8. เม็ดผักชีคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ
9. ยี่หร่าคั่วป่น 1 ช้อนชา
10. ลูกกระวาน 5 ลูก
11. ใบกระวาน 5 ใบ
12. กานพลู 5 ดอก
13. อบเชยคั่วป่น 1 ช้อนชา
14. ลูกจันทน์คั่วป่น ½ ช้อนชา
15. ดอกจันทน์คั่วป่น ½ ช้อนชา
16. กะปิห่อใบตองเผาไฟ 1 ช้อนชา
17. น้ำมัน

วิธีปรุงน้ำพริกเครื่องแกง

จัดการโขลกน้ำพริกเครื่องมัสมั่นให้ละเอียดตามเครื่องปรุงและส่วนผสมข้างตันนี้แล้วพักเอาไว้เพื่อแกงต่อไปตามกรรมวิธี วิธีปรุงไก่บ้านทำเรียบร้อยแล้ว เตรียมแกงได้ทันที น้ำพริกแกงมัสมั่นโขลกละเอียดสดๆ หอมกรุ่น มันฝรั่งหอมใหญ่ปอก หั่น เตรียมแกงได้ ทุกอย่างพร้อมสรรพ การปรุงแกงมัสมั่นเริ่มต้นได้ทันที เอากระทะขึ้นตั้งบนเตาไฟ เอาน้ำมันพืชใส่ลงไป 3 ช้อนโต๊ะ พอน้ำมันพืชร้อนก็เอาน้ำพริกเครื่องแกงมัสมั่นใส่ลงไปผัดให้หอมกรุ่น ใส่น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก เครื่องปรุงรสรสไก่ชนิดผง ถั่วลิสงคั่ว ผัดไปมาแล้วเอากะทิใส่ลงไป 1 กล่อง คนให้ทั่วถึงกันใส่ลูกกระวานที่ทุบแตกแล้วลงไปใส่ใบกระวาน ใส่ไก่บ้านสับเป็นชิ้น ลงไปเคี่ยวด้วย ใส่มันฝรั่ง ใส่กะทิลงไปอีก 1 กล่องแล้วเคี่ยวต่อ ใส่หอมหัวใหญ่ที่เป็นหัวเล็กๆ ลงไปอีกอย่างหนึ่ง เคี่ยวไปเรื่อยๆ ไก่จะเปื่อยกำลังดี ลองชิมดูให้ออกรสเค็ม หวาน เปรี้ยวเล็กน้อย อ่อนอะไรก็เติมอีกได้จนพอดีก็ใช้ได้ ตักใส่หม้อแกงเอาไว้เสิร์ฟได้ทันที ตักใส่ชามแกงหรือราดข้าว เป็นแกงมัสมั่น ที่หากินได้ยากมากเพราะร้านข้าวแกงมักจะไม่ค่อยแกงขายกันแล้ว
วีดีโอวิธีทำแกงมัสมั่นไก่


ขอบคุณเจ้าของคลิป foodtravel.tv คุณสามารถเข้าไปดูเพื่มเติมได้อีกที่ :: http://www.youtube.com/user/MrFoodandTravel

เที่ยวตลาดร้อยปี สามชุก

Read More...


วิธีทำซาลาเปาไส้หมูสับ สูตรการทำซาลาเปา ให้อร่อยนุ่มนวล

.
พูดถึงขนมจีบแล้วก็นึกถึงซาลาเปาทันที ซาลาเปาเป็นอาหารที่รับประทานง่าย ซาลาเปามีอยู่หลายไส้หลายแบบ อย่างเช่น ซาลาเปาไส้หมูสับ หมูแดง ซาลาเปาไส้หวาน ไส้เค็มและอีกหลาย ๆ ไส้ ใครที่มีความคิดที่ดี ๆ หน่อยก็สามารถคิดไส้ของซาลาเปาที่มันแตกต่างจากคนอื่น ๆ ทำเป็นแบบฉบับของตนเองไปเลย คงน่าอร่อยถ้ามีซาลาเปาไส้ราบ ไส้ต้มยำ สมตำ ชอบอะไรก็ลอง ๆ ทำกันดู ส่วนตัวผมแล้วยังไม่่เคยได้ทำเลย หาข้อมูลมาได้ เห็นว่ามีประโยชน์แน่ ๆ จึงมาแนะนำกัน ขั้นตอนแรกเรามาดูวัตถุดิบที่ใช้ทำซาลาเปาไส้หมูสับกันเลย ไม่เข้าใจตรงไหนก็ดูที่ vdo ได้ครับจะเข้าใจง่ายกว่ากัน

วัตถุดิบที่ใช้ทำซาลาเปาไส้หมูสับ


ซาลาเปาไส้หมูสับ
1. แป้งเค้กบัวแดง 375 กรัม หรือ 4 ถ้วยตวง
2. น้ำตาลทราย  10 กรัม หรือ      1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำเปล่า  200 กรัม หรือ            1 ถ้วยตวง
4. ยีส                                              1 ชต.
5. ผงฟู                                            1 ชต.
6. เกลือ                                          1/2 ชช.
7. ไข่ไก่                                         1 ฟอง
8. เนยขาว                                      4 ชต.
9. น้ำมันพืช                                    4 ชต.
10. หมูสับ                                      2.5 กก.
11. น้ำมันหอย                               5 ชต.
12. ซีอิ้วขาว                                   5 ชต.
13. ซอสปรุงรส                             5 ชต.
14. มันแกว                                    1 กก.
15. เกลือและพริกไทยอย่างละ      2 ชช.
16. หอมและกระเทียมอย่างละ      2 ชช.

วิธีการทำไส้หมูสับ

1. นำหมูสับมาใส่ในกะละมัง ตามด้วยใส่ น้ำตาลทราย , ซอสปรุงรส ,ผงปรุงรส,พริกไทย ,แป้งมัน และตอกใส่ไข่ไก่ 1 ฟอง นวดส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน
2. จะใส่ส่วนผสมที่เหลือ มันแกว และ ต้นหอมซอย ลงไป เคล้าให้เข้ากัน นำไปหมักพักทั้งไว้ 1 ชั่วโมง

วิธีการทำแป้งซาลาเปา

1. นำส่วนผสมมาผสมในกะละมัง มีน้ำตาลทราย ,ยีสต์ ,เกลือ,ผงฟู,น้ำเปล่า คนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน
2. เทแป้งอเนคประสงค์พอประมาณลงกะละมังใหญ่ แล้วเทส่วนผสมทั้งหมดที่คนเข้ากันแล้วมาเทลงแป้ง จากนั้นก็นวดแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้ว ค่อย ๆเติมแป้งอเนคประสงค์ ทั้งหมดนวดให้เข้ากัน จนเป็นเนื้อนุ่ม และ จากนั้นพักแป้งทิ้งไว้ให้ขึ้นฟู จึงค่อยนำไปใส่ไส้ได้
3. ก่อนที่จะห่อ ให้นวดไล่ฟองอากาศออกด้วย จับแป้งขั้นมาปั้นเป็นกลม ๆ กดให้แบนเป็นกลม ๆ ตักไส้หมูสับวางลงบนแป้งห่อ แล้ว จับจีบ หมุนซาลาเปาไปรอบ ๆ เพื่อให้ได้รูปที่กลมสวยงาม แล้ววางลงบนกระดาษรองก้นซาลาเปา
6. นำซาลาเปาวางเรียงบน ซึ้งนึ่ง และนำไปนึ่ง 20 นาที ก็จะได้ซาลาเปาที่ออกมาน่ารับประทาน เพื่อการง่ายต่อการจำไส้ต่าง ๆ ก็แต้มสีลงบนซาลาเปา เพื่อให้รู้ว่าเป็นไส้อะไร ตอนจำหน่าย
ข้อมูลเพื่มเติมการทำซาลาเปาไส้หมูสับ
http://dailydeliciousthai.blogspot.com/2008/05/blog-post.html
http://www.pantown.com/board.php?id=16288&area=3&name=board5&topic=47&action=view
http://www.horapa.com/content.php?Category=Dimsum&No=383
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=gang-meao&month=04-2006&date=13&group=3&blog=1
http://www.zomzaa.com/อาหารว่าง,ของทานเล่น/121/ซาลาเปาไส้หมูสับ-แบบนวดมือจ้า.html

สำหรับใครที่สนใจทำเป็นอาชีพก็สามารถทำได้ แต่เราควรจะมีจุดเด่นของตนเองด้วยฝึกฝนตนเองจนชำนาญแล้วท่านจะพบว่า การทำอาชีพขายซาลาเปานั้นสามารถสร้างรายได้แก้จนให้เราได้อย่างแน่นอน

Read More...


สูตรหมูกรอบ วิธีการทำหมูกรอบ สำหรับนำไปปรุงอาหารต่าง ๆ

.
หมูกรอบ เป็นวัตถุดิบที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น กระเพราหมูกรอบ ข้าวหมูกรอบ ผัดคะน้าหมูกรอบ หรืออาจจะนำไปเป็นกับแกล้ม หรืออาหารว่างก็ได้ การทำหมูกรอบนับว่าเป็นการสร้างรายได้ให้เราไม่น้อยเลยทีเดียวนอกจากพ่อค้าแม่ค้า ตามร้านอาหารตามสั่งที่ขาดไม่ได้แล้ว  ในชีวิตประจำวันของเราหมูกรอบอาจจะนำมาประกอบอาหารแต่ละมื้อได้อย่างไม่น่าเบื่อเลยทีเดียว ต่อไปเราจะมาเสนอขั้นตอนการทำหมูกรอบแบบง่ายๆ ที่ท่านสามารถทำเองได้ที่บ้าน หรือท่านอาจจะนำสูตรนี้ไปทำเป็นอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว

เครื่องปรุงหมูกรอบ

หมูกรอบหมูสามชั้นมันน้อยๆ
หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ                                                            1              กิโลกรัม
เกลือไอโอดีน                                                                         1              ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชูกลั่น                                                                      2              ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหมู                                                                               2              ถ้วย

วิธีทำหมูกรอบ

เอาหมูสามชั้นชิ้นสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ หนัก 1 กิโลกรัมมาขูดหนังทำความสะอาดเสียก่อน เอาเมือกออกไป แล้วให้ถอนขนให้เกลี้ยงล้างให้สะอาดแล้วเอาไปต้มในน้ำเดือดอ่อนๆ ประมาณ 30 นาทีให้สุกดีแต่ไม่เปื่อย เอามาบั้งที่ส่วนของเนื้อหมูเป็นร่องยาวๆ บั้งลึกลงไปในเนื้อหมูสามชั้นสักครึ่งหนึ่ง ระยะห่างกันประมาณ 1 นิ้ว เท่าๆ กน ในเนื้อหมูสามชั้นสักครึ่งหนึ่ง ระยะห่างกันประมาณ 1 นิ้ว เท่าๆ กัน ส่วนด้านหนังหมูสามชั้นให้เอามีดบั้งเป็นกากบาท 1 เซนติเมตร บั้งอย่าให้เลยเข้าไปในเนื้อหมูสามชั้นแล้วทาด้วยน้ำส้มสายชูกลั่น ส่วนทางเนื้อหมูให้เอาเกลือป่นทา แขวนเอาไว้สัก 1 คืน รุ่งเช้าก็ทอดในน้ำมันหมูมากๆ กลับจนเหลืองกรอบทั้งด้านก็เอาขึ้นแขวนไว้
ความจริงแล้วเอาหมูกรอบน้ำมาหั่นใส่จาน มีน้ำจิ้มที่ปรุงด้วยพริกชี้ฟ้าแดงและเขียว ซีอิ๊วดำ ก็ได้รสชาติที่อร่อยไม่น้อยกินได้เป็นของว่าง กินได้เป็นกับแกล้ม หรือจะเอาหมูกรอบน้ำไปหั่นผัดผักบุ้งไฟแดงก็ได้ ใส่ลงในก๋วยจั๊บก็ได้ ใส่ลงในโจ๊กหมูก็ได้ อร่อยทั้งนั้น
วีดีโอการทำ หมูกรอบ







ขอบคุณเจ้าของคลิป MrFoodandTravel คุณสามารถเข้าไปดูเพื่มเติมได้อีกที่ :: http://www.youtube.com/user/MrFoodandTravel
สำหรับท่านใดที่อาจจะยังไม่เข้าใจ สามารถรับชมวิดีโอด้านบนได้เลยค่ะ  ถ้าท่านรับชมภาพวิดีโอท่านอาจจะเข้าใจรายละเอียดและขั้นตอนการทำหมูกรอบได้ง่ายขึ้น *** วีดีโอเพิ่มเติม http://ohomakemoney.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A.html

Read More...


วิธีทำลูกชิ้นปลาสูตรการทำลูกชิ้นปลาแบบง่ายๆ

.
ลูกชิ้นปลา เป็นอาหารที่เรา ๆ  รู้จักกันเป็นอย่างดีและมีขายทั่ว ๆ  ไป ซึ่งลูกชิ้นปลานี้ก็สามารถนำมาประกอบอาหาร หรือจะทานเป็นของว่างก็ได้ เพราะความอร่อยของลูกชิ้นปลานี่เองคนไทยจึงนิยมนำมาประกอบกับอาหารทั่วไป เช่น ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นปลาทอดกรอบ และอื่นๆ อีกมากมาย และวันนี้พวกเราจึงได้นำสูตรการทำลูกชิ้นปลามาฝากทุกท่าน เพื่อให้ท่านได้ลองนำสูตรกลับไปทำกินกันแบบง่ายๆ หรืออาจเป็นช่องทางแนะนำธุรกิจเพื่อเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย

การทำลูกชิ้นปลาอาศัยหลักการง่ายๆ โดยนวดเนื้อปลากับเกลือจะทำให้ผลิตภัณฑ์เหนียวสามารถปั้นได้ สำหรับอุตสาหกรรมลูกชิ้นปลาผู้ผลิตมักจะใช้น้ำผสมให้ลูกชิ้นนิ่มและเพื่มปริมาณของลูกชิ้นด้วย ปริมาณน้ำที่ใช้แล้วแต่ชนิดของปลา ถ้าปลาที่มีน้ำในเนื้อน้อยจะเติมน้ำมากกว่าปลาที่มีน้ำในเนื้อปลามาก บางครั้งผู้ผลิตจะเติมแป้งเล็กน้อยเพื่อให้ลูกชิ้นเนียนขึ้นด้วย





ขอบคุณเจ้าของคลิป foodtravel.tv คุณสามารถเข้าไปดูเพื่มเติมได้อีกที่ :: http://www.youtube.com/user/MrFoodandTravel

วัตถุดิบในการทำลูกชิ้นปลา


ก่อนที่จะเริ่มต้นทำลูกชิ้น ให้ทุกท่านมาดูวัตถุดิบที่ใช้ในการทำลูกชิ้นปลากันก่อนเลยครับว่ามีอะไรบ้าง ปลาที่ให้ความเหนียวและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำลูกชิ้นได้แก่ ปลาอินทรี ปลาดาบลาว ปลาหางเหลือง ปลากราย ปลาสลาด ซึ่งเป็นปลาที่มีราคาค่อนข้างแพง ฉะนั้นในการทำอุตสาหกรรมลูกชิ้นจึงต้องใช้ปลาที่มีราคาถูก เช่น ปลาไหลทะเล ปลาฉลาม ปลาแดงตาโต ปลาน้ำดอกไม้ ปลาข้างเหลือง ปลาทรายแดง ปลาทรายขาว และปลาปากคม

ส่วนผสมในการทำลูกชิ้นปลา

1. เนื้อปลา ½ กิโลกรัม
2. เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ( 3% ของน้ำหนักตัวปลา )
3. แป้ง 1 ช้อนโต๊ะ ( 2.5 – 5 % ของน้ำหนักตัวปลา )
4. น้ำแข็งบดละเอียดหรือน้ำเย็นจัด ( ขึ้นอยู่กับความชื้นของเนื้อปลาบด )

เครื่องไม้เครื่องมือในการทำ

1. มีดและเขียงชำแหละปลา
2. เครื่องบดปลา
3. เครื่องนวดปลา
4. หม้อต้มลูกชิ้น
วิธีทำทำลูกชิ้นปลา

- ขั้นตอนแรกให้ชำแหละปลาเอาแต่เนื้อ
- ขั้นตอนที่สองให้นำเนื้อปลามาบด ด้วยเครื่องบดประมาณ 2-3 ครั้ง หรือสับให้ละเอียด
- ต่อจากนั้นนวดเนื้อปลาในเครื่องนวดผสม ประมาณ 5 นาที จึงเติมเกลือ/น้ำเกลือครึ่งหนึ่ง
- พอเสร็จจากขั้นตอนการนวด ให้ท่านนวดต่อไปอีกประมาณ 5 นาที เติมเกลือส่วนที่เหลือ และนวดต่อไปอีกประมาณ 5-10 นาที ซึ่งระหว่างนวดเติมน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัด เพื่อให้เนื้อปลาเย็นและช่วยให้เหนียวยิ่งขึ้น ถ้าต้องเติมแป้งก็สลับกันกับน้ำจนกระทั้งเข้ากันดี
- ใช้ช้อนตักเนื้อปลาที่นวดแล้วให้เป็นลูกกลม ๆ ใส่ลงในน้ำอุ่น ๆ ที่อุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียส นานประมาณ 20 นาที ระหว่างที่แช่ต้องคอยเติมน้ำอุ่นอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกชิ้นแข็งตัวพอสมควร
- หลังจากนั้นนำลูกชิ้นไปต้มในน้ำเดือด เมื่อลูกชิ้นลอยแล้วจึงตักขึ้นแช่ในน้ำเย็นทันที
-  และถ้าต้องการถนอมลูกชิ้น ให้แช่ในตู้เย็นเก็บได้นาน 1-2 สัปดาห์ (ไม่ควรแช่แข็ง) หรือแช่น้ำแข็งได้นาน 1 สัปดาห์

Read More...


วิธีทำขนมกรอบเค็ม โรตีกรอบขนมทานเล่นสร้างรายได้สร้างอาชีพ

.
กรอบเค็ม และ โรตีกรอบ เป็นขนมทานเล่นที่สามารถสร้างรายได้ ให้เราได้เป็นอย่างดี และยังสามารถทำเป็น อาชีพเสริม ขายในเวลาเลิกงานก็ได้ด้วย หรือจะทำเป็นอาชีพอิสระทำเป็นธุรกิจหลักกันเลยก็ได้ แนวทางที่จะนำมาแนะนำต่อไปนี้ ทำให้ท่านมีแนวคิดหรือมีช่องทางทำมาหากินกัน ก่อนจะเข้าเนื้อหาก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณ คุณ นิภา อาบทอง ผู้ที่ให้สัมภาษณ์การทำอาชีพในครั้งนี้ และขอขอบคุณทีมงานข่าวเดลินิวส์ ที่ได้ชี้ช่องทางให้ในวันนี้ สำหรับท่านใดที่สนใจ ที่อยากจะมีอาชีพเป็นของตัวเองการทำขนมทานเล่นอย่างขนมกรอบเค็ม-โรตี ที่สามารถทำขายได้ตลอด จากประสบการณ์เจ้าของอาชีพทำขนมขายนานานกว่า ยี่สิบ ปี…เรามาดูกันเลยว่าเป็นอย่างไร

กรอบเค็ม

นิภา อาบทอง เจ้าของนิภากะหรี่ปั๊บและปั้นขลิบทอด เล่าว่า เมื่อก่อนมีอาชีพเป็นพนักงานขายแว่นตา และเคยเปิดโรงงานทำวงกบประตูหน้าต่าง ร้านทำมุ้งลวดเหล็กดัดมาก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงเปลี่ยนอาชีพ โดยได้คำแนะนำเรื่องขนมจากหลาน ซึ่งตนก็ไปเรียนรู้ใหม่หมด โดยแรก ๆ ขายในหมู่บ้านที่อยู่ก่อน จากนั้นก็มาขายตามตลาดนัดต่าง ๆ แต่ก็ขายไม่ค่อยดี จึงมาหาที่ขายตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งก็ได้แหล่งขายหลายที่ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก เพราะโรงพยาบาลมีคนมาก อีกทั้งยังมีคนไข้ซื้อไปฝากหมอบ้าง ฝากพยาบาลบ้าง ทำให้อาชีพขายของตนประสบความสำเร็จ



ในส่วนของ กรอบเค็ม และ โรตีกรอบ นั้น นิภาบอกว่า เป็นสินค้าที่แตกขยายเพิ่มออกมา เพราะต้องการให้ของมีความหลากหลายมากขึ้น และวิธีทำก็คล้าย ๆ กัน ซึ่งทั้งกะหรี่ปั๊บ ปั้นขลิบ กรอบเค็ม โรตีกรอบ ขายดีเท่า ๆ กันทุกอย่าง อุปกรณ์ในการทำ หลัก ๆ ก็มีเตาแก๊ส เครื่องตีแป้ง กระทะ กะละมัง ไม้นวดแป้ง มีด ฯลฯ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทำอาหาร และทำขนมโดยทั่ว ๆ ไป

วิธีทำและส่วนประกอบ

1.แป้งสาลี 10 กิโลกรัม
2.น้ำตาลทราย 3-4 กิโลกรัม
3.กะทิ 1 กิโลกรัม
4.เกลือ 1 ถุง
5.น้ำมัน 500 กรัม
นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในกะละมังตีแป้ง นำใส่ครื่องตี ตีไปประมาณ 30 นาที เสร็จแล้วนำแป้งที่ตีแล้วใส่ถุงพลาสติกมัดปากให้แน่น ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง ทั้งแป้งกรอบเค็ม และโรตีกรอบ มีส่วนผสมของแป้งแบบเดียวกัน

วิธีปั้นแป้งกรอบเค็ม

ให้ปั้นแป้งออกมาเป็นขนาดเท่ากำมือ รีดแป้งให้บาง จากนั้นใช้มือคลึงให้เป็นเส้นยาว ความกว้างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5-1 เซนติเมตร แล้วตัดเป็นชิ้น ๆ ละ 3-5 เซนติเมตร แล้วนำไปทอดน้ำมันให้สุกกรอบ
ส่วนแป้งโรตีกรอบ ให้ปั้นแป้งเป็นก้อน ๆ ขนาดเท่ากำมือ รีดเป็นแผ่นบาง ให้เป็นขนาดสี่เหลี่ยม จากนั้นพับแป้งไปมา 3-4 ชั้น นำไปทอดให้สุกกรอบเช่นกัน

เครื่องปรุงกรอบเค็ม และโรตีกรอบ

เครื่องปรุงที่นำลงไปผัด เครื่องปรุงผัดกรอบเค็มมี
1.น้ำตาลปี๊บ 5 กิโลกรัม
2.พริกไทย 2 กิโลกรัม
3.น้ำมะขามเปียก 200 กรัม
4.ต้นหอมซอยพอประมาณ ส่วนเครื่องปรุงโรตีกรอบจะลดในส่วนของพริกไทยลงเหลือ 1.5 กิโลกรัม
ผัดเครื่องปรุงทุกอย่างในกระทะ โดยใส่น้ำตาลปี๊บลงไปก่อน เคี่ยวให้ละลาย จากนั้นใส่เครื่องปรุงทุกอย่างลงไป นำแป้งกรอบเค็ม หรือโรตีกรอบ ที่ทอดเตรียมไว้ ใส่ลงไปคลุกให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพักให้เย็น แล้วจึงบรรจุใส่ถุงขาย

ราคาขายกรอบเค็มและโรตีกรอบ

ราคาขายอยู่ที่ขีดละ 30 บาท โดยนิภาบอกว่า จากราคาขายกรอบเค็ม และโรตีกรอบ ต่อ 10 ขีด หรือ 1 กิโลกรัม 300 บาทนั้น จะมีต้นทุนประมาณ 180-200 บาท
แหล่งขายขนมของนิภา ก็มีทั้งที่โรงพยาบาลเด็ก โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ โรงพยาบาลหัวเฉียว โรงพยาบาลทหารเรือ โรงพยาบาลตำรวจ ฯลฯ ใครต้องการสั่งขนม-ต้องการติดต่อ ก็ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2889-3002, 08-1847-8976 และ 08-1406-1445.
ที่มา เดลินิวส์

Read More...


'ชีสพายปทุมบงกช' เพิ่มค่า 'บัว' น่าต่อยอด

.
'บัว'เป็นพืชที่มีประโยชน์และมีสรรพคุณต่าง ๆ มากมาย ทุกส่วนของบัวล้วนแต่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเมล็ด, เกสร, กลีบดอก, สายบัว ฯลฯ โดยส่วนมากคนไทยจะนิยมนำบัวมาประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน และก็มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งคิดค้นเมนูขนมหวานจากบัว ใช้ชื่อว่า “ชีสพายปทุมบงกช” ซึ่งก็น่าสนใจ...



หมี-นายบุญมี  สงวนทอง, นุ่น-นางสาวกนกวรรณ ตระการพงษ์ และจิ๊บ-นางสาวศิริวรรณ อักษรพาลี นักศึกษาปีที่ 1 สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ร่วมกันคิดค้นเมนู “ชีสพายปทุมบงกช” ขึ้นมา โดยทั้งสามเล่าว่า การคิดค้นเมนูนี้ขึ้นก็เพราะต้องการดัดแปลงบัวให้ไปอยู่ในจานอาหารของชาติตะวันตก เพื่อเพิ่มมูลค่าของบัวสู่ระดับสากล ทั้งนี้ ขนมชีสพายปทุมบงกชเป็นเมนูทานเล่นที่ทำง่าย สามารถทำกันภายในครอบครัวได้ โดยมีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก และหาซื้อวัตถุดิบได้ตามท้องตลาดทั่วไป

 
“ชีสพายปทุมบงกช จะให้ความรู้สึกของความกรุบกรอบ ความนุ่มเนียน และกลิ่นหอมชวนรับประทาน มีรสชาติครบถ้วนทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ลงตัวกันอย่างพอดิบพอดี เป็นขนมที่มีรสชาติอร่อยกลมกล่อม ที่สำคัญคือส่วนของบัวที่นำมาใช้ในการประกอบเมนูนี้จะเน้นไปที่สรรพคุณ อาทิ ในส่วนของเมล็ดบัว เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ, เกสรบัว ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ยาหอม ยาลม ยาขับปัสสาวะ และรากบัว จะแก้ร้อนใน ระงับอาการท้องร่วง”

                               
 
อุปกรณ์ที่ใช้ทำชีสพายปทุมบงกช ก็เป็นอุปกรณ์สำหรับการทำเบเกอรี่ทั่วไป อาทิ เครื่องตี, หม้อ, ฟอยล์, พิมพ์ขนม, ช้อน, ถ้วยตวง, ถาด, แปรง, ตะแกรง และอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่สามารถหาได้จากในครัวเรือน     

                                            
 
การทำชีสพายปทุมบงกช แบ่งออกเป็น  4  ขั้นตอนคือ ครีมชีส ส่วนผสมก็มี ครีมชีส 1 ก้อน, ครีมข้น 1 กระป๋อง, นมข้นหวาน 1/4 กระป๋อง (98 กรัม), นมข้นจืด 2  ช้อนโต๊ะ, เจลาตินผง 1 ช้อนโต๊ะ (ละลายน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ), น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ และเกสรดอกบัว 20  กรัม วิธีทำในส่วนของครีมชีส เริ่มจากนำครีมชีสใส่ภาชนะ แล้วใช้เครื่องตีปากตระกร้อตีให้เนียน ใส่ครีมข้นลงไป ตามด้วยนมข้นหวาน นมข้นจืด และเจลาติน ตีต่อไปจนเนียนฟู ตั้งพักไว้

   


ขั้นตอนการทำ เม็ดบัวบด ส่วนผสมก็มี เม็ดบัว 250 กรัม, นมสด  20  กรัม, เกลือ 1/2 ช้อนชา, น้ำตาล  2  ช้อนโต๊ะ วิธีทำคือ นำส่วนผสมทุกอย่างใส่รวมกันแล้วบดให้ละเอียด ต่อไปทำ ซอสรากบัว ส่วนผสมก็มี น้ำทับทิม 1 ถ้วยตวง, น้ำตาลทราย  1  ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาว  1  ช้อนโต๊ะ, แป้งข้าวโพด  2  ช้อนโต๊ะ, รากบัวเชื่อม  100  กรัม และเกลือนิดหน่อย  วิธีทำคือนำรากบัวกับน้ำทับทิมมาปั่นรวมกันให้ละเอียด ตั้งไฟพอเดือด ปรุงด้วยเครื่องปรุงที่เหลือ ตั้งพักไว้                  
        
          
และอีกส่วนคือขั้นตอนการทำ พาย ใช้แครกเกอร์บดละเอียด 2 ห่อ, เนยละลาย  250 กรัม, เม็ดบัวบดละเอียด 100  กรัม  วิธีทำก็นำทุกอย่างผสมกัน ทำการอัดลงในพิมพ์ โรยหน้าด้วยเม็ดบัว แช่เย็นทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ก็พร้อมใช้
   


เมื่อเตรียมส่วนผสมครบทั้ง 4  ส่วน 4 ขั้นตอนแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการทำเป็น “ชีสพายปทุมบงกช”
โดยเริ่มจาก นำพายที่แช่เย็นได้ที่มาหยอดด้วยครีมชีส ใส่ลงไปประมาณ 3/4 ของถ้วย แล้วนำเข้าแช่เย็นต่ออีกประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงนำมาราดด้วยซอสรากบัว แล้วตกแต่งด้วยเม็ดบัวบด ใบสะระแหน่ และรากบัวเชื่อม ก็เป็นอันเสร็จ
   




จากสูตรที่ว่ามาข้างต้นจะสามารถทำ “ชีสพายปทุมบงกช” ได้ประมาณ 23 ชิ้น มีต้นทุนวัตถุดิบประมาณ 350 บาท โดยสามารถตั้งราคาขายที่ชิ้นละ 20 บาท ขายหมดก็จะมีรายได้ก่อนหักต้นทุน 460 บาท   
   

สำหรับผู้ที่สนใจจะนำสูตร “ชีสพายปทุมบงกช” ไปต่อยอดทำเป็น “ช่องทางทำกิน” ก็เชิญได้เลย เจ้าของไอเดียไม่สงวนลิขสิทธิ์ ซึ่งก็ขอตบมือให้กับไอเดียเจ๋ง ๆ ของน้อง ๆ ทั้ง 3 คน กับเมนูชีสพายปทุมบงกชที่น่าจะมีการต่อยอดจริงจัง ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี โทร. 0-2549-3160.                     
        
เชาวลี  ชุมขำ : รายงาน


ที่มา : เดลินิวส์

Read More...


มาดูเทคโนโลยีพนังกั้นน้ำท่วมของเมืองนอก..แล้วต้องถอนใจกับเทคโนกระสอบทรายบ้านเรา

สื่อต่างชาติ ชี้รัฐบาลปูล่มเหลวบริหารปท. แม้มีเสียงข้างมากสนับสนุนในสภา จนนำให้ไทยกลายเป้นเมืองถุงทราย





http://www.hydrologicalsolutions.com/files/images/hydrobaffle.jpg

บ้านเรากำลังเผชิญกับอุทกภัยระดับวิกฤตในขณะนี้
เห็นวิธีทำพนังกั้นน้ำแต่ละแบบของเราแล้วช่าง"ไฮเทค"แบบบ้านๆ ซะไม่มี
ซึ่งในที่สุดทั้งคันดิน คันกระสอบทรายก็ต้านแรงน้ำไม่อยู่

Read More...


แบบแปลนบ้านลอยน้ำ ในอนาคต

.
เผยแบบแปลน บ้านลอยน้ำ แนวคิดจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ



         สถานการณ์น้ำท่วมยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และกำลังกระจายเข้าสู่ทุกภูมิภาคของประเทศไทย ก่อให้เกิดความเสียหายนานับประการ ทั้งด้านทรัพย์สิน และด้านจิตใจ ทั้งนี้ทางกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ตระหนักถึงความสำคัญที่จะป้องกันภัยแก่ประชาชนดังกล่าว จึงได้ศึกษาหาข้อมูลทั้งจากในและต่างประเทศ เพื่อให้เตรียมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมที่ยากจะแก้ไขในปัจจุบัน และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบปัญหาดังกล่าว

        โดยเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2550 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมายังกรมโยธาธิการและผังเมือง และได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับ "บ้านลอยน้ำ" ดังนั้นทางกรมโยธาธิการและผังเมือง จึงได้นำเอาแนวคิดดังกล่าวมาปรับใช้จาก "บ้านลอยน้ำท่าขนอน" ซึ่งบ้านลอยน้ำท่าขนอน  อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในพื้นที่ โดยบ้านลอยน้ำนั้นมีลักษณะเป็นเรือนแพ ซึ่งในฤดูแล้งตัวบ้านจะตั้งอยู่บนพื้นดินตามปกติ แต่เมื่อถึงเวลาน้ำท่วม ตัวบ้านก็จะลอยขึ้นตามระดับน้ำ และมีการยึดตัวบ้านเอาไว้กับเสาหลักเพื่อป้องกับการโคลงตัว หรือลอยไปตามกระแสน้ำ จากนั้นพอเวลาน้ำลดลง บ้านก็จะกลับมาตั้งตัวอยู่บนพื้นดินเหมือนเดิม

        สำหรับขนาดของบ้านลอยน้ำ การออกแบบนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของวัสดุที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด ซึ่งหาซื้อได้ง่าย อีกทั้งยังก่อสร้างได้ง่ายด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีโครงสร้างเป็นรูปแบบที่ไม่ซับซ้อน ชาวบ้านที่มีความรู้ด้านช่างในระดับทั่วไปก็สามารถก่อสร้างเองได้
 



       

        ส่วน บ้านที่เห็นในภาพตัวอย่าง มีขนาดพื้นที่รวมประมาณ 60 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เพื่อความสะดวกในการก่อสร้างและการลอยน้ำ แต่หากมีความต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้นก็อาจเชื่อมต่อหลายหลังเข้าด้วยกัน โดยใช้สะพานทางเชื่อมพาดระหว่างชานรอบตัวบ้าน  ส่วน ราคาค่าใช้จ่าย ถ้าสร้างเองจะมีราคาประมาณหลังละ  719,000 บาท แต่ถ้าหากจ้างเหมาราคา หลังละ 915,000 บาท เนื่องจากต้องมีการคิดค่าดำเนินการ กำไรและภาษีด้วย

        อย่างไรก็ตาม แบบบ้านลอยน้ำของกรมโยธาธิการและผังเมืองนี้ หวังว่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ ต้องอยู่อาศัยในพื้นที่ที่ประสบภัยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่เป็นที่ลุ่ม ซึ่งอาจจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบและพื้นที่ใช้สอยให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องต่อความต้องการต่อไป



แบบแปลนบ้านลอยน้ำ


ขนาดพื้นที่  

          ประมาณ 60 ตารางเมตรประกอบด้วยพื้นที่อยู่อาศัย 23 ตารางเมตร ส่วนทำอาหารห้องน้ำและซักล้าง รวม 37 ตารางเมตร

ราคาค่าก่อสร้าง  

          โดยประมาณ 719,000 บาท (กรณีปลูกสร้างเอง) ไม่ต้องใช้ผู้รับจ้างเหมาและประมาณ 915,000 บาท (กรณีมีผู้รับจ้างเหมา)

วัสดุก่อสร้าง 

          ใช้วัสดุก่อสร้างพื้นฐานทั่วไปที่สามารถหาได้ง่ายในท้องตลาด ซึ่งสามารถดัดแปลงได้ตามความเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ทุ่นลอยเป็นถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร หรือถังไฟเบอร์กลาสกรณีต้องการความทนทานเพิ่มขึ้น

ระบบสุขาภิบาล 

          ใช้ระบบการย่อยสลายโดยมีถังบรรจุจุลินทรีย์ EM ติดตั้งอยู่ใต้ห้องน้ำเพื่อย่อยสลายและเร่งการตกตะกอนของสิ่งปฎิกูล
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก กรมโยธาธิการและผังเมือง และ portfolios.net 



Read More...


บิสกิตหน้าเมล็ดทุเรียนกรอบ ขนมขบเคี้ยวแปรรูปแบบใหม่

บิสกิตหน้าเมล็ดทุเรียนกรอบ
นายณัฐชรัฐ แพกุล หรือโอ ผู้แปรรูปทุเรียนให้เป็น “บิสกิตหน้าเมล็ดทุเรียนกรอบ”


ทุเรียน…ผลไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกที่มีหนามแหลมมาก รสชาติที่หวานมัน กลิ่นหอมหวานและแรง หลาย ๆ คนจึงติดใจในทุเรียน และอีกหลายคนมีไม่ชอบกลิ่นของทุเรียน

ทุเรียน สามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารได้มากมายหลายหลาก อาทิ ทุเรียนกวน ทุเรียนทอดกรอบ ข้าวเหนียวทุเรียน ส้มตำทุเรียน ทุเรียนเชื่อม ในประเทศฟิลิปปินส์นำทุเรียนมาทำขนมหวานมากกว่าที่จะทำอาหารคาว ชาวมาเลเซียได้นำทุเรียนมาดองและแช่อิ่ม

น้อยคนที่จะรู้ว่าเมล็ดทุเรียนก็สามารถทานได้เหมือนเมล็ดของขนุน เมล็ดทุเรียนนำ มานึ่ง คั่วหรือทอดในน้ำมันมะพร้าว เนื้อข้างในจะมีลักษณะคล้ายเผือก หรือมันเทศ แต่เหนียวกว่า ในเกาะชวาจะหั่นเมล็ดทุเรียนบาง ๆ และปรุงด้วยน้ำตาลเหมือนขนมฉาบน้ำตาล แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเหมือนกับเนื้อของทุเรียนที่นำมาแปรรูปด้วยการทอดและ กวน

เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเมล็ดทุเรียน หลังจากที่เอาเนื้อไปทำประโยชน์ก็จะทิ้งเมล็ดเป็นของไร้ค่า กลายเป็นขยะ ดังนั้น นายณัฐชรัฐ แพกุล หรือโอ นักศึกษาชั้นปี ที่ 4 สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี จึงได้คิดค้นเมนู “บิสกิตหน้าเมล็ดทุเรียนกรอบ ” ขึ้นมา โดยมี ผศ.สุชาดา งามประภาวัฒน์ เป็นที่ปรึกษา

โอ บอกว่า ในเมล็ดทุเรียน 1 เมล็ด มีสารอาหารมากมาย นอกจากสารอาหารที่ได้รับแล้ว ยังเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้กับกลุ่มแม่บ้านที่ได้แปรรูปผลิตภัณฑ์ ทุเรียน

สำหรับส่วนผสมของบิสกิตเมล็ดทุเรียนกรอบ ประกอบด้วย ส่วนผสมของบิสกิต 1. แป้งเอนกประสงค์ตราว่าว 220 กรัม 2. เนยสด 100 กรัม 3. น้ำตาลไอซ์ซิ่ง 15 กรัม 4. ผงฟู 3 กรัม 5. เกลือป่น 3 กรัม 6. น้ำเย็น 45 กรัม 7. นมสด 30 กรัม

วิธีทำ “บิสกิตหน้าเมล็ดทุเรียนกรอบ”

1. ร่อนแป้ง น้ำตาลไอซ์ซิ่ง ผงฟู และเกลือป่น ใส่อ่างพักไว้ 2. นำเนยหั่นเป็นชิ้นเล็กใส่ลงในแป้ง ใช้ที่ตัดเนย ตัดเนยรวมกับแป้งจนเป็นเม็ดเท่าถั่วเขียว ใส่น้ำเย็นทีละน้อย (เพื่อไม่ให้เนยละลาย เวลาที่เกิดความร้อนขณะที่นวดแป้ง เวลาอบถ้าเนยละลาย บิสกิตจะไม่ฟูติดเป็นแผ่นแข็ง) จนหมด นำมาทำเป็นก้อนกลมรวมกัน พักไว้ 15 นาที

2. นำมาคลึงบนกระดาษไข ให้มีความหนาประมาณ 2 มิลลิเมตร ใช้พิมพ์กดขนมบนกระดาษไข ยาว 2 นิ้ว กว้าง 1.30 เซนติเมตร วางบนถาดอบที่ทาด้วยเนย ตามสูตรจะได้บิสกิตทั้งหมด 75 แผ่น 4. ทาหน้าบิสกิตด้วยนมสดให้ทั่ว ใช้ส้อมจิ้มหน้าขนมเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซสเซียส พอสุกใช้ที่แซะขนม นำมาพักบนตะแกรง รอให้เย็น

หลังจากที่ได้บิสกิตเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมเมล็ดทุเรียนทอด เริ่มจากนำเมล็ดทุเรียนมาปลอกเปลือกนอกออก แช่น้ำ 2. นำเมล็ดทุเรียนที่ปลอกเปลือกมาผ่าครึ่งตามแนวยาว แล้วหั่นในแนวขวางบางประมาณ 1 ม.ม.

3. นำเมล็ดทุเรียนที่หั่นแล้วมาลวกในน้ำเดือด 30 วินาทีในน้ำเดือด เทใส่กระชอน เปิดน้ำเย็นให้ไหลผ่านทิ้งให้เสด็จน้ำ นำใส่ถาดเกลี่ยให้บาง นำเข้าตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิ 65 องศาเซสเซียส 5 ชั่วโมง (ถ้าไม่มีตู้อบรมร้อนให้ตากแดด 1 วัน)

4. นำเมล็ดทุเรียนอบแห้ง 100 กรัมใส่น้ำ 250 มล. และเติมน้ำส้มสายชู 15 กรัม ทิ้งไว้ 2 นาที เทใส่กระชอนทิ้งให้เสด็จน้ำ

5. นำเมล็ดทุเรียนที่ได้ลงทอดในน้ำมันไฟแรงปานกลางประมาณ 3 นาที ตักขึ้นใส่กระดาษซับมันทิ้งให้เย็น

เมื่อได้ทั้งส่วนแล้วขั้นตอนต่อไป การเตรียมบิสกิตเมล็ดทุเรียนกรอบ
ส่วนผสม 1. แผ่นบิสกิต 2. เมล็ดทุเรียนทอดกรอบ 3. ลูกเกด 20 กรัม 4. เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบกรอบ 40 กรัม น้ำตาลทราย 150 กรัม 4. เกลือป่น 5 กรัม 5. ครีมออฟทาร์ทาร์ 5 กรัม (เพื่อไม่ให้น้ำตาลจับตัวเป็นก้อน) 6. แป้งสาลีเอนกประสงค์ตราว่าว 20 กรัม 7. น้ำ 80 กรัม

กรรมวิธี 1. นำแป้งสาลีอเนกประสงค์ตราว่าวละลายกับน้ำ 30 กรัม ใส่หม้อตั้งไฟอ่อนๆ ต้มจนแป้งสุกใส 2. ใส่น้ำตาลทราย เกลือ ครีมออฟทาร์ทา น้ำส่วนที่เหลือ เคี่ยวจนละลายจนหมด คนเล็กน้อย วัดอุณหภูมิให้ได้ 114 องศาเซสเซียส (ถ้าไม่มีเทอร์มิเตอร์ สังเกตจากฟองจะละเอียด)

3. นำน้ำเชื่อมที่ได้มาทาที่บิสกิตบางๆ แต่งหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมาพานต์ ลูกเกด และเมล็ดทุเรียนทอดกรอบ ราดหน้าด้วยน้ำเชื่อมอีกเล็กน้อย นำเข้าตู้อบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซสเซียส 10 นาที แค่ก็ได้ บิสกิตเมล็ดทุเรียนกรอบ หอมกรุ่น แสนอร่อย เก็บไว้ทานเล่น

บิสกิตเมล็ดทุเรียนกรอบเก็บไว้ได้ 1 อาทิตย์ (อุณหภูมิห้อง) และ 1 เดือน เก็บไว้ในตู้เย็น ไอเดียที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับเมล็ดทุเรียน น้องโอเจ้าของไอเดีย ไม่หวงสูตร และอยากให้กลุ่มแม่บ้านนำไปทำผลิตภัณฑ์จำหน่ายออกสู่ท้องตลาด

เนื่องจากเจ้าของไอเดีย คิดสูตรบิสกิตหน้าเมล็ดทุเรียนกรอบนี้เพื่อนำมาเผยแพร่ หากมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดได้ที่ น้องโอ โทร.089-2521300

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : eJobeasy.com

Read More...


แฟรนไชส์ Mobile Coffee Car

รถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ
แฟรนไชส์ BONCAFÉ 
BONCAFÉ(บอนกาแฟ) เป็นบริษัทร่วมทุนไทย-สวิส ดำเนินธุรกิจด้านกาแฟมากว่า 19 ปี (ก่อตั้งปี 2534) ภายใต้คอนเส็ปต์ one stop coffee solution เสนอธุรกิจที่ครบวงจรด้านกาแฟ ไม่ว่าเครื่องทำกาแฟ นำเข้าจากประเทศชั้นนำ รวมถึงผลิตกาแฟไทยได้คุณภาพ การให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่อยากทำธุรกิจกาแฟ และการจัดอบรมความรู้เพื่อการเปิดร้านกาแฟผ่าน

เรียกง่าย ๆ ว่าถ้าอยากทำธุรกิจร้านกาแฟ เดินมาที่ได้ครบทุกอย่าง BONCAFÉ เป็นทั้งผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่าย เครื่องทำกาแฟระบบอัตโนมัติ เครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่ ระบบกึ่งอัตโนมัติ เครื่องทำกาแฟคาปูชิโน เครื่องทำกาแฟระบบหยอดเหรียญ เครื่องบดกาแฟ และอุปกรณ์ในการทำกาแฟจาก ประเทศอิตาลีและสวิตเซอร์แลนด์ และนำเข้าเครื่องต้มกาแฟแบบใช้กระดาษกรองจากประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากขายกาแฟแล้ว ยังขายเครื่องดื่มชนิดผงสำเร็จรูป เช่น ชาชงสำเร็จรูปกลิ่นผลไม้และช็อกโกแลตชงสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าเมนู ซอสตกแต่งเครื่องดื่ม ของหวาน ท็อปปิ้งไอศกรีม และเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำเชื่อมจาก Torani

สามารถหาชิมกันได้ตามคีออสหรือร้านกาแฟ BONCAFÉ หรือตามซูเปอร์มาเกตที่วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท เมื่อถูกใจรสชาติและมีทำเลทอง อยากเปิดร้านกาแฟบ้าง ก็ติดต่อไปได้ที่บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด หรือติดตามข่าวสารได้จากวารสาร Free copy “บิทเทอร์ สวีท”
BONCAFÉ เพิ่มทางเลือกให้คนอยากมีร้านกาแฟ ด้วยรูปแบบธุรกิจ “รถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ” โดยใช้กระบะคันเล็ก ๆ ขับเข้าตรอกออกซอกซอยได้สบาย ขายได้ทั้งกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ตลาดนัด และงานอีเวนท์

รูปแบบการลงทุนรถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ นำรถมาตกแต่งเอง หรือใช้รถที่บริษัทจัดหาให้ก็ได้ ต้นทุนกาแฟราคาต่ำมาก ไม่เกิน 20 บาทต่อแก้ว ส่วนราคาขายกาแฟร้อนไม่เกิน 30 บาท กาแฟเย็น 35-40 บาทขึ้นไป ได้กำไรเกือบครึ่งหนึ่ง เฉลี่ยแล้วกรณีที่คืนทุนได้ภายในหนึ่งปี ต้องขายกาแฟให้ได้ประมาณ 30 แก้วต่อวัน

รูปแบบชุดรถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ

ชุดร้านกาแฟเคลื่อนที่มีให้เลือก 3 รูปแบบ คือ standard set, premium set 1 และ premium set 2 สามารถผ่อนชำระ 0% ได้นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตกสิกรไทย
standard set ราคา 39,000 บาท ได้รับเครื่องชงกาแฟ Ascaso รุ่น Uno PM1-Group กับเครื่องบดกาแฟ Saeco รุ่น MC 2002
premium set 1 ราคา 69,000 บาท ได้รับเครื่องชงกาแฟ Ascaso รุ่น Trio PM 2-Groups กับเครื่องบดกาแฟ Ascaso รุ่น i-1 (ไม่มีโถพักกาแฟ)
premium set 2 ราคา 72,000 บาท ได้รับเครื่องชงกาแฟ Ascaso รุ่น Trio PM 2-Groups กับเครื่องบดกาแฟ Ascaso รุ่น i-1d (ไม่มีโถพักกาแฟ)

ไม่ว่าซื้อชุดไหน จะได้รับการอบรมหลักสูตรเบื้องต้นด้วย พร้อมชุดอุปกรณ์เริ่มต้น ได้แก่
-แก้วกระดาษ 6.5 ออนซ์ 200 ชิ้น
-แก้วพลาสติก 16 ออนซ์ 200 ชิ้น
-ฝาปิดแก้วพลาสติก 200 ชิ้น
-แก้วช็อต 1 ใบ
-ถ้วยสตรีมนม 300 ซีซี 1 ใบ
-แก้ววัดปริมาณ 8 ออนซ์ 1 ใบ
-ช้อนวัดปริมาณ 1 เซท
-กาแฟเม็ด (มอคค่าดาร์ค) 10 กิโลกรัม
-บอนทีมิกซ์ 3 กระป๋อง
-บอนช็อคโก 1 กระป๋อง
-ซอสตกแต่งของหวาน 3 ขวด
-น้ำเชื่อมโทรานี่ 3 ขวด

กรณีที่ลูกค้าไม่มีรถ และกำลังมองหารถใหม่ ทางบริษัทแนะนำรถ DFM Mini Truck ด้วยราคารวมหลังคารถ ตู้โชว์ และสติกเกอร์ตกแต่งภายใน ภายนอก รุ่น DFM CAFÉ 1.1 L LPG-MPI 385,000 บาท รุ่น DFM CAFÉ 1.3 L LPG-MPI 435,000 บาท รุ่น DFM CAFÉ 1.1 L CNG-MPI 395,000 บาท และรุ่น DFM CAFÉ 1.3 L CNG-MPI 445,000 บาท ผ่อนชำระกับธนาคารกสิกรไทย 12-60 งวด (ดาวน์ 25%) อัตราชำระต่องวด ต่ำสุดห้าพันกว่าบาท และสูงสุดสองหมื่นกว่าบาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการผ่อนชำระ
สนใจธุรกิจแฟรนไชส์รถกาแฟเคลื่อนที่ BONCAFÉ ติดต่อ ชั้น 21 อาคารเมืองไทย-ภัทร ตึก 2, 252/110 ถนน รัชดาภิเษก ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 ประเทศไทย โทร. 0-2693-2570 www.boncafe.co.th E-mail:marketing@boncafe.co.th

ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : eJobeasy.com

Read More...



ปลาไข่อมยิ้ม
ปลาไข่อมยิ้ม ขึ้นจากเตามากี่กระทะก็หมดในพริบตา 

ความอร่อยอยู่ที่รสชาติน้ำจิ้มสะเด็ดถึงใจ เผ็ดกำลังดี เปรี้ยวเติมอีกนิด ตัดกันดีกับความมันของปลาไข่ทอด เคล็ดลับนอกจากน้ำจิ้มแม่ประยงค์ (ชุมพร) น้ำจิ้มปรุงสด ใช้พริกขี้หนูสวนผสมกับกระเทียม และเครื่องปรุง ไม่ใส่สี ไม่มีสารกันบูด เก็บไว้ในตู้เย็นแช่ได้นานถึง 3 เดือนแล้ว สูตรการทอดปลาไข่ก็มองข้ามไม่ได้ ทอดให้อร่อย ใช้ไฟแค่กลาง ๆ พอ จะได้สีปลาไข่ที่เหลืองนวล หั่นชิ้นพอคำ มองเห็นเรือนร่างอัดแน่นพร้อมโชว์ความสดใหม่ตลอดลำตัว

เวลาปลาไข่อมยิ้มไปออกตามงาน ขายชุดละ 35 บาท ลูกค้าจ่ายไม่ยาก เพราะถือว่ามาเดินช็อปปิ้ง ย่อมมีกำลังซื้อเป็นธรรมดา อีกเมนูที่มักวางขายคู่กันคือเกี๊ยวซ่า ทอดกินร้อน ๆ จะอร่อยกว่าปล่อยให้เย็นชืด การเลือกทำเลสำหรับการขาย “ปลาไข่อมยิ้ม” จึงสำคัญ จะไปตั้งร้านขายตามโรงงานอาจประสบความสำเร็จยาก เนื่องจากพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ต้องการซื้อสินค้าราคาไม่สูงมาก ทางที่ดีต้องไปในย่านชุมชน สำนักงาน หรือตามมหาวิทยาลัย

แบรนด์ “ปลาไข่อมยิ้ม” หรือ “omyimshop” ใช่ว่าเพิ่งจะเกิดขึ้น แต่เป็นรูปเป็นร่างตั้งแต่ปลายปีพ.ศ.2541 ถ้าจำกันได้ยุคนั้นเป็นช่วงคนตกงานเยอะ และคนสร้างอาชีพใหม่ ๆ ก็มีขึ้นมาก เช่นเดียวกับปลาไข่อมยิ้ม ตอนนั้นเป็นเพียงกิจการเล็ก ๆ ที่ขายปลาไข่ทอดกรอบ กินคู่น้ำจิ้มรสจัด ไปเปิดตัวครั้งแรกที่งานเทศกาลกินปลาทู จังหวัดสมุทรสงคราม

จะว่าไปแล้วปลาไข่ไม่ใช่เมนูมหัศจรรย์อะไร กินกันมาแต่ไหนแต่ไร กลับมาโด่งดังได้เพราะเจ้าของร้านรู้จักหยิบขึ้นมาขาย โดยอาศัยการจัดแต่งร้านให้ดูน่ารับประทานด้วยชุดไม้ยางพารา ปีต่อมา “ปลาไข่อมยิ้ม” เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากไปออกงานที่เกษตรแฟร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และค่อย ๆ สร้างชื่อให้ตัวเองด้วยการตระเวนออกงานในช่วงสามปีแรก ทั้งที่เมืองทองธานี งานกาชาดสวนอัมพร งานที่เยาวราช เทศกาลอาหารทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเกือบทุกภาค รวมทั้งรุกขายในห้างฯ เวิลด์เทรด (ที่เดียวกับเซ็นทรัลเวิลด์ปัจจุบัน) ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต เดอะมอลล์ บางกะปิ เซ็นทรัลลาดพร้าว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต

สนใจดูรายละเอียดปลาไข่อมยิ้ม

คลิกเข้าไปดูเว็บไซต์ปลาไข่อมยิ้ม www.omyimshop.com จะได้เห็นภาพบรรยากาศการออกบู๊ธ ประวัติความเป็นมา ความรู้เรื่องปลาไข่ และสื่อที่เคยสัมภาษณ์คุณไพรัช สุวรรณสว่าง เจ้าของแบรนด์
ตอนนี้ขายแฟรนไชส์ปลาไข่อมยิ้มชุดประหยัด ราคา 19,000 บาท สอนทั้งวิธีทำและอุปกรณ์การขายครบชุด เช่น คีออส ป้ายโฆษณา ถาด โถน้ำจิ้ม เขียง กระทะ ฯลฯ เจอะเจอบู๊ธปลาไข่อมยิ้มที่ไหน ลองซื้อชิมดู หรือซื้อน้ำจิ้มแยกเป็นขวดก็มีขาย ตอนนี้ที่ขายอยู่ เช่น ตลาดลุงเพิ่มหลังการบินไทย เปิดทุกวันเว้นวันอาทิตย์ และตลาดนัดเกษตรศาสตร์

ชิมปลาไข่อมยิ้มแล้วจึงตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ยังไม่สาย แบรนด์นี้การันตีด้วยว่าได้มาตรฐานเชลล์ชวนชิมมาแล้ว

สนใจติดต่อคุณไพรัช โทร.08-1587-5411 E-mail:omyimshop@yahoo.com
ขอขอบคุณเจ้าของบทความ : eJobeasy.com

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.