สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

เมนูไข่วิเศษ

เมื่อเราเห็นความน่าสนใจของ "ไข่..มหัศจรรย์" วันนี้ว่างๆลองเข้าครัว ลงมือปรุงเมนูอาหารจากวัตถุดิบชั้นเลิศกันเถอะ

 
 
สลัดไก่ชัทนีย์ผงกะหรี่
เครื่องปรุง
-ไก่ต้มหั่นเต๋า  100 กรัม
-แอปเปิ้ลเขียวหรือแดงหั่นเต๋า 1/2 ลูก
-เซเลอรี่สับ   1/4 ช้อนโต๊ะ
-หอมหัวใหญ่สับ  1/4 ถ้วยตวง
-ผงกะหรี่   1 ช้อนชา
-Chutney   2 ช้อนโต๊ะ
-ลูกเกดแช่น้ำให้นุ่ม  3 ช้อนโต๊ะ
-อัลมอนด์สไลน์ / คั่ว  1/4 ถ้วยตวง
-มายองเนส  1 ถ้วยตวง
-น้ำมะนาว   2 ช้อนชา
-พาสลี่ย์สับ  1 ช้อนโต๊ะ
-เกลือป่น   พอประมาณ
วิธีทำ
1.ในชามผสม ใส่ไก่ต้มหั่นเต๋า แอปเปิ้ลเขียวหรือแดงหั่นเต๋า เซเลอรี่สับ หอมหัวใหญ่สับ ผงกะหรี่ Chutney ลูกเกดแช่น้ำให้นุ่ม อัลมอนด์สไลน์ / คั่ว มายองเนส น้ำมะนาว และพาสลี่ย์สับลงไป ผสมให้เข้ากัน
2.ชิมรสชาติให้ออก หวานจาก Chutney ตามด้วยเปรี้ยวจากน้ำมะนาวและแอปเปิ้ล ถ้าไม่เค็มให้เติมเกลือป่นเพิ่มลงไป
3.ตักสลัดไก่ Chutney ไก่ใส่ภาชนะ ปิดฝาเข้าตู้เย็น พักไว้
เครื่องปรุงมายองเนส
-ไข่แดง (ใช้ไข่แดงของไข่ไก่เท่านั้น)  2 ฟอง
-มัสตาร์ด     2 ช้อนโต๊ะ
-เกลือป่น     1/2 ช้อนชา
-พริกไทย     1 หยิบมือ
-น้ำส้มสายชู    1/4 ถ้วยตวง
-น้ำมันถั่วเหลืองแท้ หรือน้ำมันมะกอก  1 1/2 - 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่าง นอกจากน้ำมัน มาตีให้เข้ากันด้วยไม้ตีไข่ ตีให้ผสมกันก่อน
2.ระหว่าง ที่ตี ค่อย ๆ รินน้ำมันลงไปทีละนิด เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันดี มายองเนสจะข้นขึ้นทีละนิด และมีสีขาวนวล ชิมรสชาติให้ออก เปรี้ยว หวานกลมกล่อม เติมเกลือป่น และพริกไทยป่น
3.ถ้าไม่หวานเติมน้ำตาล ถ้าไม่เปรี้ยวเติมน้ำส้มสายชู
*** สลัดไก่ Chutney ต้องเสิร์ฟแบบเย็นถึงจะอร่อย ***
คาราเมลคัสตาร์ดฟรุ๊ตสลัด
เครื่องปรุง
- น้ำตาลทราย (สำหรับทำน้ำตาลไหม้) 1/2 ถ้วยตวง
- นมสดจืด    2 ถ้วยตวง
- วานิลลา    1 ช้อนชา
- ไข่ไก่    2 ฟอง
- ไข่แดงของไข่ไก่   4 ฟอง
- น้ำตาลทราย   1/2 ถ้วยตวง
- เกลือป่น    1 หยิบมือ
- ฟรุ๊ตสลัด    ตามต้องการ
วิธีทำ
1.เปิดเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส นำน้ำตาลทราย 1/2  ถ้วยตวง มาละลายในหม้อก้นหนา ๆ จนกระทั่งน้ำตาลทรายละลาย และไม่เป็นก้อน และมีสีน้ำตาลอ่อน (แล้วแต่ความต้องการว่าอยากได้ คัสตาร์ดรสชาติขมแค่ไหน)
2.เทน้ำตาลไหม้ลงไปเคลือบก้นถ้วยอบที่ทำด้วยเซรามิก หรือแก้วที่อบไว้
3.นำนมจืดและวานิลลามาต้มให้เดือด และพักไว้
4.ผสมไข่ไก่และน้ำตาลทรายในชามผสมให้เข้ากัน
5.ค่อย ๆ เทนมที่มีกลิ่นวานิลลาลงไปผสมกับไข่ไก่และน้ำตาลทราย เททีละนิดก่อน มิฉะนั้นไข่จะสุกและกลายเป็นไข่กวน
6.เติมเกลือป่น 1 หยิบมือ ใส่ลงไปในส่วนผสมนมและไข่
7.ค่อย ๆ เทส่วนผสมนี้ลงไปในถ้วยที่ได้เตรียมไว้แล้ว (ถ้วยที่มีน้ำตาลไหม้เคลือบอยู่)
8.นำถ้วยเหล่านี้มาวางในถาดที่มีขอบสูง และเทน้ำร้อนลงไปในถาด ให้ระดับน้ำสูงเท่ากับระดับส่วนผสมในถ้วย
9.นำถาดตั้งไฟให้ร้อน และเริ่มเดือด จึงนำถาดไปใส่ในเตา อบถ้วยขนมในถาดนาน 40 นาที หรือจนกระทั่งคัสตาร์ดสุก
10.นำถาดออกมาจากเตาอบ ยกถ้วยขนมในถาดออก พักให้เย็นสนิท และแช่ในตู้เย็นให้เย็น
11.เวลา เสิร์ฟ นำถ้วยขนมออกจากตู้เย็น กรีดขอบข้างในถ้วยด้วยมีด และนำจานมาคว่ำ และเคาะขนมออกจากพิมพ์ โดยหงายจานกลับขึ้น ชิ้นคัสตาร์ดก็จะหลุดจากพิมพ์ลงมาอยู่บนจาน และมีคาราเมลไหลเยิ้มลงมาจากด้านบน ดูสวยงามน่ารับประทาน หรือเสิร์ฟพร้อมฟรุ๊ตสลัด

credit : http://www.bangkokbiznews.com/





Read More...


ใบปอผัดทรงเครื่อง

ใบปอ 1/2 กิโล
หมูบะช่อติดมัน 400 กรัม
กุ้ง สับ 300 กรัม
กระเทียม 10 กลีบ
น้ำมันสำหรับผัด
พริกไทย

วิธีทำ
ใบ ปอ จะมีอยู่ 2 อย่าง คือใบปอสด กับใบปอที่เขาทำสำเร็จแล้ว หากเป็นใบปอสดให้เด็ดเอาเฉพาะใบ ตั้งกะทะ ใส่น้ำกะพอต้มใบปอที่คุณซื้อมา ใส่เกลือ ประมาณ 1 ถุงเล็ก ใส่น้ำปลาสัก 4 ช้อนโต๊ะ พอน้ำเดือด ให้ใส่ใบปอ ลงต้ม จนสุก ใบลีบหดตัว เทน้ำร้อนทิ้งโดย เอาตะแกรงลองใบปอเอาไว้ ร้อเย็นบีบน้ำทิ้ง สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นใช้ในคราวต่อไป หากใช้ไม่หมด นำในปอที่ที่บีบพักไว้ ล้างน้ำให้หมด รสเค็ม บีบน้ำออก คลี่ใบให้กระจาย พักไว้ สับหมู และกุ้งอย่าให้ละเอียดจนเกินไป ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ใส่กระเทียมลงเจียว พอหอมใส่หมู และกุ้งลงผัดจนสุก หรี่ไฟ ลง ใส่ใบปอลงคลุกเคล้า โรยพริกไทย ผัดสักครู่มีกลิ่นหอม ตักขึ้นทานกับข้าวต้มหรือข้าวสวยก็ได้


ผัดใบปอดั้งเดิม(รูปจากเน็ต)



ผัดใบปอทรงเครื่อง(รูปจากเน็ต)
 
 




Read More...


โมโรเฮยะ ผักพระราชา เพื่อสุขภาพคนเดินดิน

       มี เรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า... ครั้งหนึ่งพระราชาแห่งอียิปต์ประชวรอย่างหนัก เสวยยาชนิดใดอาการก็ไม่ทรงทุเลา กระทั่งมีชายนิรนามท่านนายหนึ่งนำซุปที่ทำจากผักชนิดหนึ่งมาถวาย เมื่อพระราชาเสวยซุปผักชนิดนี้ อาการก็ดีขึ้น จึงเสวยซุบผักชนิดนี้เป็นประจำ ไม่นานก็ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ขึ้น ต่อมาผักชนิดนี้จึงถูกขนานนามว่า “โมโรเฮยะ” แปลว่า ผักพระราชานั่นเอง
ดูกันชัดๆ เส้นบะหมี่ผักโมโรเฮยะ
       ผักโมโรเฮยะเป็นที่รู้จักทั่วไปในประเทศอียิปต์ตั้งแต่สมัยโบราณ แพร่กระจายไปพร้อมกับการตำนานเรื่องเล่าดังกล่าว ซึ่งชาวอียิปต์ต่างก็ศรัทธาและเชื่อกันว่าวิธีปรุงอาหารโมโรเฮยะได้ถูก บันทึกไว้บนผนังหลุมฝังพระศพของกษัตริย์ฟาโรห์ และยังเชื่อกันว่าพระนางคลีโอพัตรา ราชินิอียิปต์โบราณผู้เลอโฉมบำรุงความงามของพระองค์ด้วยผักโมโรเฮยะ
     
       ตำนานและความเชื่อดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่จริงแท้แน่นอนคือ ชาวอียิปต์โบราณตระหนักในคุณค่าของผักชนิดนี้อย่างยิ่ง มีความรักและศรัทธา กระทั่งเรียกขานกันว่าเป็นผักพระราชา
ก๋วยเตี๋ยวจากบะหมี่ผักโมเฮยะ เมนุอาหารสุขภาพ




       โมโรเฮยะเป็นผักที่มีพลังชีวิตทรหดแม้ในสภาพที่โหดร้าย อย่างพายุแรงๆหรือแสงแดดแผดร้อน แต่เดิมโมโรเฮยะเป็นพืชป่า ถูกจัดอยู่ในพืชใบแฝด กลุ่มเดียวกับปอ มีลักษณะคล้ายปอกระเจา เจริญเติบโตได้เร็วมาก ไม่ถึงครึ่งปี ก็สูงประมาณ 2 เมตร เพาะปลูกได้ง่าย
     
       ส่วนที่นำมาใช้ในการประกอบอาหารคือใบ ซึ่งมีคุณค่าทางอาหารสูง ในอดีตนำมาใช้เป็นเครื่องเทศและยาถอนพิษ ปัจจุบันใช้เป็นยารักษาโรคต่างๆ ที่เกิดตามบริเวณผิวหนัง ในช่วงฤดูร้อนนิยมเด็ดใบสดมาประกอบอาหารในครัวเรือน ส่วนในช่วงฤดูหนาวนิยมเอาใบที่ร่วงมาตากแห้งและเก็บไว้ใช้ประโยชน์ต่อไป
     
       สำหรับใบของโมโรเฮยะที่สับจนละเอียดนั้น ชาวอียิปต์นิยมนำมาทำซุปข้นทานกันในครอบครัว ผักโมโรเฮยะถือเป็นผักที่มีแพร่หลายแถบชายฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์ เรเนียน เป็นผักที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่ที่ประเทศไทย ผักโมโรเฮยะกำลังเป็นที่รู้จัก
“โช โอกะ” ผู้นำเข้าผักโมโรเฮยะจากญี่ปุ่นมาปลูกที่เมืองไทย
       ...ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีไร่ปลูกผักโมโรเฮยะ ซึ่งทำการปลูกด้วยวิธีเกษตรอินทรีย์ปลอดภัยจากสารเคมี ไร่ธรรมชาตินี้ดำเนินการมากว่า 5 ปีแล้ว โดย “โช โอกะ” ชาวญี่ปุ่น ประธานบริษัท ฮาร์โมนี ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้นำเข้ามาปลูกจากประเทศญี่ปุ่น
     
       โช โอกะ เปิดเผยว่า อยู่ที่ประเทศไทยกว่า 10 ปีแล้ว ครั้งแรก หลังเรียนจบการประมงจากญี่ปุ่น ทางบริษัทส่งเข้ามาทำงานที่ประเทศไทย โดยความชอบส่วนตัว โช โอกะ สนใจเรื่องธรรมชาติ ให้ความสำคัญกับเรื่องพืชผักปลอดสาร เขาบอกว่า “ชอบเมืองไทย รักอัธยาศัยของคนไทย” ด้วยเหตุที่มีความสนใจเรื่องธรรมชาติและเกษตรปลอดสารเป็นทุนเดิม จึงอยากให้คนไทยได้ทานอาหารที่มีคุณค่า
     
       “ที่ญี่ปุ่น ผักโมโรเฮยะได้รับความนิยมมาก เป็นที่ต้องการของคนที่ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งเพิ่งจะเป็นที่รู้จักเมื่อประมาณ 10 กว่าปีมานี่เอง เดิมนั้น อาจารย์มหาวิทยาลัยทาคุโชกุชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งเคยไปอยู่ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์มา 7 ปี เขารู้ว่าผักโมโรเฮยะมีคุณค่าเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมาก เมื่อกลับมาที่ญี่ปุ่นจึงได้เอาผักโมโรเฮยะเข้ามา และร่วมมือกับเพื่อนอาจารย์วิจัยคุณค่าทางอาหาร และหาวิธีแพร่พันธุ์ที่เหมาะสม จนโมโรเฮยะแพร่หลาย ผมอยากให้คนไทยรู้จักกับโมโรเฮยะ และได้รับประโยชน์จากผักนี้จึงนำเข้ามาปลูกที่ไร่ปลอดสาร”
ผลิตภัณฑ์จากผักโมโรเฮยะ
       ผักโมโรเฮยะจากไร่แห่งนี้จะผ่านกรรมวิธีเพื่อผลิตเป็นอาหารเพื่อ สุขภาพหลากหลายประเภท อาทิ บะหมี่ผักโมโรเฮยะที่ได้รับความนิยมในร้านสุกี้ยี่ห้อดัง คุกกี้ผักโมโรเฮยะ ผงโมโรเฮยะสำหรับทำอาหารและเครื่องดื่ม หรือจะใช้ใบโมโรเฮยะปรุงเป็นอาหารชนิดต่างๆก็ได้ เช่น โมโรเฮยะสลัดผักรวม แกงจืดหมูสับโมโรเฮยะ ผัดผักโมโรเฮยะ เป็นต้น
     
       โช โอกะ อธิบายกรรมวิธีการทำบะหมี่ผักว่า ใช้การผลิตที่สะอาด ถูกหลักอนามัย มีส่วนประกอบของผงผักโมโรเฮยะ และบะหมี่ผักโมโรเฮยะจะใช้การอบ ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าการทอดเหมือนบะหมี่ทั่วไปในท้องตลาด จึงปราศจากน้ำมัน สารกันบูด ผงชูรส และสีสังเคราะห์ ไม่มีส่วนผสมของไข่จึงทานเป็นอาหารเจได้
     
       โมโรเฮยะเป็นผักที่มีคุณค่าทาง โภชนาการสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเบต้า-แคโรทีนและเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยในเรื่องการป้องกันมะเร็งและโรคในผู้สูงอายุได้ดี ทั้งยังมีแคลเซียมมากไม่แพ้ผักชนิดอื่น และยังอุดมไปด้วยวิตามินชนิดต่างๆ
     
       ดังนั้น ผักโมโรเฮยะถือเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ แม้ได้ชื่อว่าเป็นผักพระราชา แต่ก็เป็นผักเพื่อคนเดินดินกินข้าวแกง อย่างเราๆท่านๆที่ใส่ใจกับสุขภาพได้ดีมีประโยชน์
     
       ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผักโมโรเฮยะมีวางขายตามท้องตลาดทั่วไป และหากท่านใดสนใจอยากเข้าเยี่ยมชมไร่ปลอดสารที่ปากช่อง โช โอกะ เชิญชวนทุกท่านเข้าเยี่ยมชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเขาต้องการให้มีการศึกษาเรื่องนี้ให้มาก โดยเฉพาะกับเยาวชนในเมืองที่อยากให้ไปสัมผัสธรรมชาติ ลองใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ บริโภคอาหารที่ไม่ต้องดัดแปลง ปรุงแต่ง และใส่สารเคมีที่มีพิษต่อร่างกายมากเกินไป
     
       ทั้งนี้ สามารถติดต่อได้ที่ Harmony Life Organic Farm เลขที่ 35 ม.9 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โทร.044-322219 สามารถเข้าเยี่ยมชมกรรมวิธีการปลูกเกษตรอินทรีย์ได้ตลอดทั้งปี
ผักโมโรเฮยะ
       สำหรับท่านที่สนใจจะมาชิมผักโมโรเฮยะ สดๆ ก็มาได้ที่อุทยานรักษ์สุขภาพครั้งที่ 10 โครงการผู้จัดการสุขภาพ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-24 เม.ย.นี้ เวลา 8.30-18.00 ที่บ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์ (บางลำพู) หรือจะทดลองผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น บะหมี่ผัก ได้ที่งานนี้ ซึ่งจะมีการสาธิตการปรุงอาหารด้วยบะหมี่ผักโมโรเฮยะ ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โครงการผู้จัดการสุขภาพ โทร.02-629-2211 ต่อ 1152
credit : โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์



Read More...


โมโรเฮยะ ผักผงมหัศจรรย์

รู้จัก "บะหมี่ผัก" ก็เพราะสุกี้ เลยสงสัยว่า มันทำจากผักชนิดใด กินแล้วดีจริงไหม หรือแค่อยากขโมยซีนบะหมี่ไข่ บะหมี่หยก



หารู้ไม่... แท้จริงแล้ว บะหมี่ผักที่ว่านั้นทำมาจาก "ผักโมโรเฮยะ" แค่ชื่อก็บ่งบอกที่มาแล้วว่าต้องบินไกลมาจากญี่ปุ่น แต่ครั้นได้เจาะข้อมูลลึกลงไปก็พบว่า มันมีต้นกำเนิดจากประเทศอียิปต์ต่างหาก สืบค้นต่อไปก็รู้ความหมายว่า "ผักพระราชา"

 มีเรื่องเล่ากันว่า พระราชาอียิปต์ทรงประชวร เสวยโอสถชนิดใดก็ไม่หาย จนกระทั่งได้เสวยซุปผักโมโรเฮยะเป็นประจำ นอกจากจะหายประชวรแล้ว ยังทรงมีพระพลานามัยดีขึ้นทันตา


 แถมอีกเรื่อง  ถ้าพูดถึงอียิปต์แล้ว ไม่กล่าวอ้างพระนางคลีโอพัตรา ก็จะว่ามาไม่ถึงดินแดนทะเลทรายอันอุดมสมบูรณ์ ว่ากันว่า ผักโมโรเฮยะ เป็นเคล็ดลับของหญิงผู้มีความงามเป็นอมตะ พระนางจะรับประทานเป็นประจำ เพื่อทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง


 แต่ก่อนที่มันจะข้ามน้ำข้ามทะเลมาสยามประเทศนั้น เจ้าผักพระราชาได้รับความนิยมแพร่หลายแถบชายฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์ เรเนียน และส่งต่อให้กับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพในดินแดนซากุระ
 โดยมีเจ้าลัทธิผู้เผยแพร่ อย่างอาจารย์ชาวญี่ปุ่นจากมหาวิทยาลัยทาคุโชกุ ซึ่งเขาเคยอยู่ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์มากว่า 7 ปี และซึมซับคุณงามความดีของผักชนิดนี้จากคนที่นั่น จึงร่วมมือกับเพื่อนอาจารย์ด้วยกัน วิจัยคุณค่าทางอาหาร และหาวิธีแพร่พันธุ์ที่เหมาะสม จนเป็นที่แพร่หลายที่ญี่ปุ่นในเวลาต่อมา






 ฉะนั้น ไม่ว่าเรื่องเล่าขานเป็นตำนานนั้นจริงเท็จอย่างไร แต่หากอ้างอิงข้อมูลวิทยาศาสตร์แล้วละก็ ผักโมโรเฮยะเป็น ผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะสารเบต้าแคโรทีน และเส้นใยอาหารที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และโรคในผู้สูงอายุได้ดี ชะลอความชรา ทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี1 บี2 รวมถึงแร่ธาตุอาหารหลายชนิด เช่น แคลเซียม  ธาตุเหล็ก โปรแทสเซียม


 โช โอกะ ประธานบริษัท ฮาร์โมนี ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเข้าผักชนิดนี้มาในไทย เล่าถึงเส้นทางชีวิตของเจ้าผักมหัศจรรย์ มันเป็นผักที่มีชีวิตทรหด อดทน เติบโตได้ในสภาพที่โหดร้าย อย่างพายุแรงๆ หรือแสงแดดแผดเผา


 มันเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เพียง 6 เดือนก็สูงได้กว่า 2 เมตรแล้ว และนำมาเพาะปลูกได้ง่าย บ้างใช้กรรมวิธีปลูกปลอดสารเคมี (Organic) แต่ถิ่นฐานเดิมของมันอาศัยอยู่ในป่า และถูกจัดอยู่ในพืชใบแฝดกลุ่มเดียวกับปอ มีลักษณะคล้ายปอกระเจา


 และในอดีต เจ้าผักตัวนี้มักใช้เป็นเครื่องเทศ และยาถอนพิษ แต่ปัจจุบันถูกใช้ในทางการแพทย์ เพื่อเป็นยารักษาโรคต่างๆ ที่เกิดตามผิวหนังด้วยเช่นกัน


 ปัจจุบัน ผู้คนยังคงนิยมนำส่วนใบมาใช้ประกอบอาหาร ซึ่งในฤดูร้อน  นิยมเด็ดใบสดมาปรุงอาหาร  แต่ในฤดูหนาว นิยมเอาใบที่ร่วงมาตากแห้ง และเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในอนาคตอันใกล้


 ต่อมาก็เป็นหน้าที่ของเชฟใหญ่ในครัว ที่จะสับส่วนใบโมโรเฮยะจนละเอียด เพื่อทำเป็นซุปข้น หรือใช้ใบปรุงเป็นอาหารหลากชนิด อาทิ โมโรเฮยะสลัดผักรวม แกงจืด ผัดผัก และดัดแปลงเป็นบะหมี่ผักโมโรเฮยะ คุกกี้ ผงสำหรับโรยอาหารและเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ เป็นต้น


 โช บอกว่า เมนูบะหมี่ได้รับความสนใจสูงสุด  มันคือส่วนผสมของคาร์โบไฮเดรตกับวิตามินอย่างลงตัว เนื่องจากคนไทยยังคงโปรดปรานกับการบริโภคแป้ง แต่ก็ยังใส่ใจในสุขภาพด้วย


 ส่งผลต่อกรรมวิธีผลิตบะหมี่นั้นต้องใช้การอบแห้งและบดผง ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าการทอด เหมือนที่ใช้กับบะหมี่ทั่วไปในตลาด บะหมี่ผักโมโรเฮยะจึง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาน้ำมัน ตัวการของโรคอ้วน หรือแม้กระทั่งสารกันบูด ผงชูรสและสีสังเคราะห์ ศัตรูตัวร้ายของร่างกาย และจะไม่ใส่ไข่ จึงเหมาะกับกลุ่มคนรับประทานเจและมังสวิรัติ


 บะหมี่อบแห้ง สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด และพัฒนาเป็นเมนูเด็ดได้ด้วยตนเอง เช่น บะหมี่เย็น ราดหน้า ผัดไท โซบะญี่ปุ่น หรือรับประทานร่วมกับสุกี้ เป็นต้น


 ถึงจะ "ยี้" ผัก ขนาดไหน แต่ถ้าสับละเอียดปนกับแป้งมาให้กิน เส้นทางสุขภาพดีคงใกล้แค่เอื้อม
 

เมนู บะหมี่ผักโฮโรเฮยะต้มยำ
ส่วนผสม
บะหมี่ผักโมโรเฮยะ   1 ซอง
ไข่ไก่    1 ฟอง
กุ้งแชบ๊วยแกะเปลือก ผ่าหลัง  4-5 ตัว
ปลาหมึกกล้วยบั้ง   100 กรัม
ใบมะกรูดฉีก         3 ใบ
พริกขี้หนูสวนทุบ    3 เม็ด
ต้นหอมและผักชีซอย   1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย        2 ช้อนชา
ตะไคร้หั่นเฉียง     2 ต้น
เห็ดฟางผ่า          2 ดอก
ใบมะกรูดทอดกรอบสำหรับตกแต่ง ตามชอบ
น้ำพริกเผา          2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา              2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว           2 ช้อนโต๊ะ+1 ช้อนชา
ถั่วงอก              1/2 ถ้วย
น้ำซุปหมู           1 /4 ถ้วย 


ส่วนผสมน้ำซุปกระดุกหมู
กระดูกหมูคาตัง   400 กรัม
น้ำ                   6 ถ้วย


วิธีทำ
1.ก่อนอื่นต้องมาทำน้ำซุปกันก่อน โดยล้างกระดูกหมูให้สะอาด ทุบพอแตกใส่ลงในหม้อ ใส่น้ำยกขึ้นตั้งบนไฟกลาง พอเดือด หมั่นช้อนฟองทิ้งจนน้ำซุปใส เปิดไฟเคี่ยวไปเรื่อยๆให้น้ำซุป หวาน พอน้ำซุปได้ที่ ตักกรองเอาแต่น้ำซุป

2. ต้มน้ำซุปหมูในหม้อด้วยไฟกลางจนเดือด ใส่ตะไคร้และใบมะกรูด ต้มจนมีกลิ่นหอม ใส่กุ้ง ปลาหมึก เห็ดฟาง พอสุก ใส่ น้ำปลา นามะนาว น้ำพริกเผา น้ำตาล ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม หวาน
3. ค่อยๆตอกไข่ไก่ ใส่ลงไปแล้วปิดไฟทันที ใส่พริกขี้หนู ลงไป
4. ลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว กับถั่วงอก พร้อมกันในหม้อน้ำ เดือด พอสุกตักขึ้นให้ ไส่ลงในชาม ตักต้มยำใส่ โรยต้นหอมและผักชี แต่งหน้าด้วย ใบมะกรูดทอดกรอบ ต้นหอม ผักชีซอย พร้อมเสิร์ฟทันที
หมายเหตุ : ดัดแปลงสูตรจากบลอกเกอร์ komoใน noodle-thai.blogspot.com
credit :  http://www.bangkokbiznews.com/






Read More...


“Nasi Lemak” รสเข้มข้นแบบมาเลเซีย

       จู่ๆ “กุ๊กเล็ก” ก็รู้สึกอยากจะลองทำอาหารต่างชาติที่ไม่คุ้นเคยลิ้นกินเองที่บ้าน แล้วก็บังเอิญเพิ่งได้สูตรเด็ดมาจากร้าน “Cili Padi” ร้านอาหารสัญชาติมาเลเซียที่ตั้งอยู่แถวบางรัก เมนูเด็ดที่ว่านี้ก็ถือเป็นอาหารประจำชาติมาเลเซีย ซึ่งมีชื่อว่า “Nasi Lemak”





    
       “Nasi Lemak” แปลว่า ข้าวมัน ซึ่งเรียกตามการหุงข้าวที่ใส่กะทิลงไปด้วย เป็นอาหารที่นิยมกินกันในมื้อเช้า แต่มื้ออื่นๆ ก็สามารถหากินได้ทั่วไปเช่นกัน
   
       ส่วนผสมมีดังนี้
       ส่วนผสมข้าวมัน
       ข้าวสาร 2 ถ้วย (ซาวและล้างให้สะอาด)
       ใบเตย 3 ใบ
       น้ำกะทิ 2 ถ้วย
       เกลือ 1/8 ช้อนชา
       น้ำเปล่า 2 ถ้วย
   
       ส่วนผสม Sambal Ikan Bilis (เครื่องเคียงที่ทำจากพริก คล้ายๆ น้ำพริกเผาของไทย)
       หอมแดงหัวเล็ก 4 หัว ซอยบางๆ
       Ikan Bilis (ปลาฉิ้งฉ้างทอด) 1 ถ้วย
       กระเทียม 1 หัว ซอยบางๆ
       หอมหัวใหญ่สีม่วง 1/2 หัว ซอยบางๆ
       พริกแห้ง 10 เม็ด
       กะปิ 1 ช้อนชา
       เกลือ ¼ ช้อนชา
       น้ำตาล 1 ช้อนชา
       น้ำมะขามเปียก ¼ ถ้วย
       น้ำมันพืช 1 ½ ช้อนโต๊ะ
   
       เครื่องเคียง
       ไข่ต้ม 1 ลูก ผ่าครึ่ง
       ปลาฉิ้งฉ้างทอด
       ถั่วลิสงคั่ว
       แตงกวา
   
       วิธีทำ เริ่มจานำข้าวสารที่ซาวแล้วใส่หม้อ ใส่น้ำกะทิ น้ำเปล่า เกลือ และใบเตยลงไป หุงจนสุกแล้วพักไว้ ส่วนพริกเครื่องเคียง เริ่มจากนำพริกแห้งมาโขลกจนละเอียด ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ตั้งไฟพอร้อน ใส่หอมแดง กระเทียม พริกแห้ง และหอมใหญ่สีม่วงที่ซอยแล้วลงไปผัดให้เหลืองหอม ใส่ปลาฉิ้งฉ้างทอดผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำมะขามเปียก เกลือ และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากัน แล้วเคี่ยวไฟอ่อนต่อไปอีกเล็กน้อย ถ้าแห้งเกินไปให้ใส่น้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย จากนั้นก็ปิดไฟยกลงจากเตา
   
       เวลาเสิร์ฟ ให้ตักข้าวที่หุงกับกะทิใส่จาน ตักน้ำพริกเครื่องเคียงวางไว้ด้านข้าง แล้วกินคู่กับไข่ต้ม ปลาฉิ้งฉ้างทอด ถั่วสิสง และแตงกวา เท่านี้ก็ได้อิ่มอร่อยกับรสชาติของอาหารมาเลเซียกันแล้ว


credit : โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
 





Read More...


ร้านปัง...เว้ย..เฮ้ย...ร้านดังขวัญใจวัยรุ่นยุคใหม่

ตามรอยนักชิม....ขอ เปลี่ยนแนวมาเป็นแบบนุ่มๆกันบ้างละกันนะครับ ไปตามชิมของร้อนๆเย็นๆแซ่บๆมากันก็เยอะแล้ว วันนี้เรามาเป็นคนใจเย็นทำอะไรช้าๆนุ่มนิ่มๆกันบ้างละกันนะคุณเคยรออะไรนานๆ กันบ้างไหม....ถ้ายัง...คุณต้องมาฝึกความอดทนที่นี่เลย สุดยอดๆ..


แหม..มันสุดยอดทุกเรื่องจริงๆครับ งาน นี้ผมรู้สึกประทับใจมากๆเลยที่บอกว่ารอนานน่ะ..ไม่ใช่ทำนานนะ...แต่เข้าคิว รอนานน่ะสิลูกค้าเยอะมากๆกลิ่นเนี่ยะหอมไปทั่วร้านเลย..อ่อ..และที่พูดมาก็ คือ ร้านปังเว้ย..เฮ้ย แค่ชื่อก็โดนแล้วสุดยอดกระชากใจวัยรุ่นน่าดูเลยล่ะครับ


คำๆนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจของ..มาเฟียฟู้ดแห่ง mthai.com เข้าอย่างจังตลอดทางที่ไปนิ่พูด เว้ย...เฮ้ยๆๆไม่ยอมหยุดเลยจิงๆนะ ตลกดี


พอดีวันนั้นเราได้มีโอกาสพบกับ" คุณแบงค์" เจ้าของร้านยังงั้นเรามาชิมลางประวัติที่มาที่ไปของร้านปังเว้ย..เฮ้ย..กัน สักนิด ก่อนที่จะไปลิ้มรสความอร่อยกันเนอะ..


เจ้าของร้าน...มีกันตั้ง3คนน่ะครับทั้ง3ใบ เถานี้..เรียนนิติธรรมศาสตร์..มาด้วยกัน มีชื่อว่า อ้น แบงค์ จ้อย ทั้ง3คนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน พอเรียนจบมาก็แยกย้ายกันไปทำงานต่างๆที่เคยร่ำเรียนมา1ปีเต็มๆ


วันนึงก็รู้ว่ามันไม่ใช่เลยลองหันมานั่งจับเข่าคุยกันว่าเอาไงดีนะ พอคุยไปคุยมาเริ่มเข้าที่แฮะ ได้เรื่องว่า "พ่อของคุณแบงค์ " เคย ทำขนมปังแล้วก็หยุดทำไปเพราะขาดการทำการตลาดที่ดีเลยลองมาคุยกันว่าจะเปิด ร้านร่วมกันดูดีไหมเผื่อจะเข้าท่าและแล้วก็เกิดมาเป็นกิจการ5สาขาที่เรา กำลังสืบเสาะหากินมานานและที่สำคัญกำลังจะเปิดสาขาที่6ด้วยนะครับ


แต่ เป็นที่น่าเสียดายที่ทางร้านไม่มีที่ให้นั่งทานจะเป็นแนวซื้อกลับบ้านอย่าง เดียว...แต่รับรองและขึ้นชื่อเรื่องความสดใหม่จากเตาร้อนๆจร้า

แหม..ฟังดูละมันยิ่งใหญ่จริงๆนะครับ..หิว แล้วๆๆเราไปตามรอยนักชิมกับร้านปังเว้ย..เฮ้ย..กันดีกว่า ขนมปังร้านนี้เด็ดสุดๆแค่ชื่อก็กินขาดเพราะเป็นจุดเด่นของร้านเลยก็ว่าได้ เขาตั้งเพื่อเอาใจวัยรุ่นน่าดูเลย..ร้านปังเว้ย..เฮ้ย..มีทั้งหมด14ไส้ .....

โดย แต่ล่ะเทศกาล เช่น วาเลนไทน์ , ปีใหม่ ,ทางร้านก็จะทำไส้พิเศษออกมาจำหน่ายกันด้วยล่ะ ใครที่อยากรู้ต้องไปชิม ว้าววว..หลายไส้ฟังแล้วหัวใจจะละลายครับ..


เอาละๆไส้ยอดฮิตสุดฤทธิ์คือ..มะพร้าวอ่อน.. อร่อยมากมายครับเนื้อมะพร้าวอ่อนห๊อม..หอมเต็มๆครับ โห..ขนมปังก็นุ่มมากเข้ากันได้ดีทั้งไส้ทั้งขนมปังเลยไม่ใช่แค่เมนูมะพร้าว อ่อนไส้เดียวนะเหมือนกันทุกไส้ครับ เนื้อแน่นๆขนมปังนุ่มๆผสมผสานเข้ากันได้ดี

และนี่ก็เป็นขนมปังที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ กันก็คือ ขนมปังไส้เบค่อน เรียกได้ว่าไม่กลัวขาดทุนกันเลยทีเดียวใส่เบค่อนเยอะมากทันทีที่กัดเบค่อนก็ ทะลุทะลักออกมาและเหมือนกัน
ทุกไส้นะ...




ไม่ว่าจะเป็นขนมปังไส้หมูแดงเห็ดหอม ,ไส้กุ้งเห็ดหอม,ไส้สังขยาใบเตย ล้วนแล้วแต่น่ากินทั้งน้าน สมล่ะครับที่ต้องใช้เวลารอแต่ได้ของอร่อยมามันก็คุ้มนะ..อิๆๆ..อ๊ะๆลืมบอกไป ว่าเรื่องราคาไม่ต้องถามครับเพราะผมกำลังจะบอก..อิๆ แค่20บาทเท่านั้น...ทุกหน้าทุกไส้

คุ้มสุดๆกับราคายุคประหยัดแบบ นี้เป็นอย่างดีด้วยนะครับ อิ่มท้องละยังเอาใจวัยรุ่นตีตลาดได้ใจไปเลยเต็มๆ ถ้าใครอยู่ใกล้สาขาไหนรีบไปสาขานั้นเลยนะจ้ะ ตามแต่สะดวกครับมีตั้ง5สาขาให้เลือกสรร และสาขาที่เราตามไปชิมมาอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครนี่เอง..วัย รุ่นตรึมเลย..ลองแวะไปชิมกันดูนะครับทั้งราคา..คุณภาพ..ความอร่อย..เอาเป็น ว่าทุกระดับประทับใจจริงๆครับ




Read More...


แป๊ะก๊วย..สมุนไพรอายุวัฒนะ



credit : http://www.sappe.com/


 แปะก๊วย (อังกฤษ : Ginkgo) เป็นพืชสมุนไพรที่ มีต้นกำเนิดจากทางตะวันออกของประเทศจีน (แถบภูเขาด้านตะวันตกของนครเซี่ยงไฮ้) ใบมีลักษณะคล้ายใบพัด แปะก๊วยเป็นพืชที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 270 ล้านปีก่อน ถือกำเนิดขึ้นในยุคเพอร์เมียน เมื่อประมาณ 290 ล้านปีมาแล้ว และมีชีวิตต่อมาในมหายุคมีโซโซอิก ในสมัยเดียวกับไดโนเสาร์ จึงเป็นอาหารของไดโนเสาร์กินพืช สำหรับชื่อตามความหมายแปลว่า "ลูกไม้สีเงิน" ซึ่งดั้งเดิม ในภาษาจีนเรียกว่าต้น "หยาเจียว" ซึ่งแปลว่า ตีนเป็ด จากลักษณะใบ (นกเป็ดน้ำเป็นสัญลักษณ์ดีหมายถึงความรักของในจีน และในญี่ปุ่น) ต่อมามีการเรียกชื่อผลของมันว่าลูกไม้สีเงิน หรือ ลูกไม้สีขาว เนื่องจากผลจะมีสีเงิน และ สีขาวส่วนภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า อิโจว มีรากจากคำว่าตีนเป็ด หรือ คินนัน ซึ่งมีรากความหมายคล้ายกับในภาษาจีนคือลูกไม้สีเงิน สำหรับในภาษาอังกฤษก็นิยมเรียกว่า กิงโกะ หรือ ต้นเมเดนแฮร์ หรือ ต้นขนนิ่ม (maidenhair tree) ซึ่งสันนิฐานว่ามาจากรูปทรงของใบที่เหมือนกันใบของเฟิร์นที่มีขนนิ่มชื่อเดียวกัน หรือ เรียกว่า ต้นสี่สิบมงกุฏทอง (หมายถึงว่ามีราคาแพง) ของชาวฝรั่งเศส ส่วนชื่ออื่น ๆ ที่มีผู้เรียกได้แก่ ต้นไม้แห่งความหวัง แพนด้าแห่งอาณาจักรพืช ต้นไม้อิสรภาพ ใน แวดวงการแพทย์นั้นมีพืชสมุนไพรจากธรรมชาติที่มีสรรพคุณนำไปใช้ประโยชน์ใน การรักษาโรคต่างๆได้อยู่หลากหลายชนิด ซึ่งชื่อของ ใบแปะก๊วย คือ หนึ่งในสมุนไพรสำคัญที่มากไปด้วยสรรพคุณทางยา และได้รับการยอมรับมาช้านาน โดยเชื่อกันว่ามันเป็นยาอายุวัฒนะ



สรรพคุณที่ได้จากใบแป๊ะก๋วย
แปะก๊วย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ginkgo flavoneglycosides ลักษณะใบของมันจะแยกเป็นแฉกคล้ายกังหันลม เมื่อนำมาสกัดด้วยตัวทำละลายพบว่ามีสารสกัดสำคัญ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มฟลาโวน (Flavonoids) ทำหน้าที่ต้านการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ส่วนที่เหลืออีกสองกลุ่มเป็นน้ำมันจากใบแปะก๊วย คือ bilobalides และ ginkgolides สารทั้งสองตัวนี้มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย คือ ป้องกันโรคความจำเสื่อม (โรคสมองฝ่อ) โดยเป็นตัวเสริมสร้างการ ส่งสัญญาณในระบบสมอง ช่วยระบบหมุนเวียนเลือดให้ดีขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดแผลเรื้องรังโดยเฉพาะในกลุ่มของคนที่เป็นโรค เบาหวาน และช่วยบรรเทาอาการชาตามปลายนิ้วมือและเท้าได้ นอกจากนี้ยังสามารถออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในบริเวณตา ป้องกันการ เกิดโรคเบาหวานขึ้นตาได้

สารที่สกัดได้จากใบแปะก๊วยมีหลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Free radical) ในบริเวณตา ป้องกันจอตาเสื่อมจากเบาหวานหรือ "ภาวะเบาหวานขึ้นตา" จากการทดลองพบว่าหากให้ผู้ป่วยเบาหวาน และมีอาการทางตา เช่น การรับสีผิดเพี้ยนไป กินสารสกัดแปะก๊วยนาน 6 เดือน ปัญหาการมองเห็นสีดีขึ้น

ใบแปะก๊วยยังทำหน้าที่ป้องกันสารอนุมูลอิสระ ช่วยบรรเทาโรค ลดภาวะต่างๆที่มักพบได้ในคนชรา มีประโยชน์ในการรักษาโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบ รวมทั้งอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือน และภาวะหลังหมดประจำเดือนอีกด้วย เกี่ยวกับภาวะบกพร่องของสมองในส่วนซีรีบรัมนั้น ในประเทศเยอรมนีมีการนำสารสกัดจากใบแปะก๊วยที่เรียกว่า กิงโกไบโลบา มาใช้บำรุงผู้ป่วยที่บกพร่องในโรคนี้ ซึ่งในปี 1980
มีการทดลองกับผู้ป่วยที่มีอาการบกพร่องเรื้อรังของสมองส่วนซีรีบรัมและหลอด เลือดพบว่า ใบแปะก๊วยช่วยให้มีการพัฒนาการทางความจำ ความคิด นอนหลับได้ง่ายขึ้น ส่วนผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์นั้นในสหรัฐอเมริกาใบแปะก๊วยก็ถูกใช้อย่างกว้าง ขวางเพื่อเป็นยารักษาอาการดังกล่าวโดยมีการทดลองในปี 1994 ทดลองให้ใบแปะก๊วยกับกลุ่มผู้ป่วยอัลไซเมอร์ พบว่าผู้ป่วยมีความจำและสมาธิได้ดีขึ้น

สำหรับผู้ป่วยที่มีสภาวะทางจิตก็พบว่ามีความจำและสมาธิดีขึ้นเช่นกันเมื่อ รับประทานใบแปะก๊วยเข้าไป นอกจากนี้ผู้ที่มีปัญหากาเกี่ยวกับดวงตา ใบแปะก๊วยก็ยังช่วยให้มีความเร็วในการตอบสนองทางดวงตามากขึ้น โรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปรกติของเส้นเลือดดำนั้น มีการทดลองขึ้นในปี 1998 โดยให้ผู้มีอาการปวดหลังจากการเดิน รับประทานแล้วพบว่าใบแปะก๊วยมีส่วนช่วยลดอาการปวดได้จริง ทั้งยังทำให้เดินได้มรระยะทางไกลขึ้นอีกด้วย รวมไปถึงยังมีการทดลองพบว่าใบแปะก๊วยช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดเพื่อเข้า ไปเลี้ยงแขนขาได้ดีขึ้นอย่างมาก

ส่วนที่เกี่ยวกับสภาวะการหายใจนั้น ในปี 1996 ได้มีการทดลองพบว่าใบแปะก๊วยมีประสิทธิภาพช่วยป้องกันผู้ที่มีอาการ AMS (Asthma & Acute Mountain Sickness) หรือภาวการณ์ผิดปรกติของการหายใจขณะขึ้นสู่ที่สูงได้ ส่วนคนในกลุ่มคนที่ประสบปัญหาหูอื้ออยู่เป็นประจำ การรับประทานอาหารใบแปะก๊วยยังช่วยลดภาวะหูอื้อลงได้อีกด้วย






 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 สรรพคุณจากเมล็ดแป๊ะก๋วย
เนื้อในเมล็ดแปะก๊วย ประกอบด้วยไขมัน แป้ง โปรตีน และน้ำตาล มีรสหวานอมขมอมฝาด ช่วยบำรุงปอด แก้ไอ แก้หอบ ขับเสมหะ ลดปัสสาวะ ฆ่าเชื่อโรค บำบัดอาการวิงเวียนศีรษะ หูอื้อ หลอดลมอักเสบ ตกขาว หนองใน แปะก๊วยสด ช่วยลดเสมหะ แก้พิษ ฆ่าพยาธิ ถ้านำมาโขลกทาบนใบหน้าและมือ ช่วยขจัดรอยเหี่ยวย่น รักษาอาการหืดได้ และเม็ดแป๊ะก๋วยก็สามารถนำมาใช้ในการประกอบอาหาร หรือทำขนมหวานต่างๆ ได้อีกด้วย 














Read More...


เม็ดบัวสด มีสรรพคุณช่วยบำรุงโลหิต



หลายท่านอาจคาดไม่ถึง ว่าเจ้าเม็ดบัวน้อยๆ นี้จะมีสรรพคุณทางยาสามารถช่วยบำรุงโลหิต แต่เชื่อเถอะ เป็นเช่นนั้นจริง หลายท่านที่มักมีอาการวิงเวียนหน้ามืด หรือมีอาการแน่นหน้าอก เพราะปัญหาเลือดน้อย ขอแนะนำสมุนไพรพื้นบ้าน ที่ทานง่าย ราคาไม่แพง ที่สำคัญมีอยู่ในบ้านเรา อย่างเช่นเม็ดบัว มีสรรพคุณทางการบำรุงเลือดที่ดี

สรรพคุณทางวิทยาศาสตร์ของเม็ดบัวนั้น
อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบอยู่ถึงประมาณ 23 เปอร์เซนต์ และมีเกลือแร่ ฟอสฟอรัส นอกจากนี้ตัวเม็ดบัวยังมีสรรพคุณ บำรุงสมอง บำรุงประสาท บำรุงไต ช่วยรักษาอาการท้องร่วง และบิดเรื้อรัง และสรรพคุณพื้นบ้านที่ใช้กันเป็นยาบำรุงเลือด หรือเพิ่มเลือด

การทานเม็ดบัว
เพื่อการบำรุงเลือด มีข้อแม้ว่าต้องเป็นการทานเม็ดบัวสดเท่านั้น เม็ดบัวที่ผ่านการแปรรูปมาแล้ว หรือการนำมาต้มให้สุกจะใช้ไม่ได้ เม็ดบัวเชื่อมที่ใส่ไอศกรีมก็ใช้ไม่ได้ค่ะ

โดยหา ซื้อฝักบัวสดที่มีขายเป็นกำๆ ตามตลาด ซึ่งหนึ่งฝักจะมีเม็ดบัวอยู่ในฝัก7-10 เม็ด แล้วแต่ความอ้วนของฝัก ดังนั้นเวลาทานต้องแกะออกจากฝัก แล้วนำมาแกะเปลือกออกจากเม็ด เพื่อจะทานเม็ดบัวสีขาวอมเหลืองที่อยู่ในเปลือก เมื่อได้เม็ดบัวที่แกะเปลือกออกแล้ว ให้ทานเข้าไปทั้งเม็ด โดยไม่เอาต้นอ่อนภายในเม็ด หรือที่เราเห็นเป็นเส้นเขียวๆ อยู่กลางเม็ดออก พูดง่ายๆ คือทานเข้าไปหมด รสชาติก็จะมีขมฝาดเล็กน้อย ใหม่ๆ อาจจะไม่คุ้นลิ้น แต่เมื่อทานไปสักระยะก็จะเฉยๆ

ที่ สำคัญต้นอ่อนในเม็ดบัว หรือดีบัวที่หลายคนชอบหยิบออกนั้น คือต้นอ่อนสีเขียวขมๆ สรรพคุณทางยาของจีน กล่าวว่าหากทานเข้าไปแล้วก็จะช่วยบำรุงถุงน้ำดี ช่วยเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ และบำรุงหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย




ข้อสำคัญ พยายามเลือกฝักที่แก่
จะ ได้เม็ดบัวที่โตเต็มที่ ทานวันละไม่น้อยกว่า 20 เม็ด จะทานมากกว่าก็ไม่ห้าม เพราะเม็ดบัวปกติเป็นของทานเล่นพื้นบ้านเราอยู่แล้ว ทีนี้คุณก็ได้อาหารบำรุงเลือด บำรุงหัวใจ แบบธรรมชาติราคาแสนจะคุ้มกับประโยชน์ทีเดียวลองดูนะคะ


เมล็ดบัวไทยอุดมสารต้านอนุมูลอิสระ

โดย : สาลินีย์ ทับพิลา

จากที่ชอบกินเมล็ดบัวสด และขนมที่ผสมเมล็ดบัว อาจารย์ม.ศิลปากรจึงศึกษาล้วงลึก พบสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเมล็ดบัวจีน 5-6 เท่า
 
ผศ.ดร.ปริญดา เพ็ญโรจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ชี้ว่า เมล็ดบัวเป็นส่วนประกอบที่ใช้ในขนมไทยหลายชนิด ทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่เมล็ดบัวที่มีขายอยู่ในท้องตลาดมักเป็นเมล็ดบัวแห้งจากจีนที่มีขนาดใหญ่กว่า จึงอยากจะเพิ่มมูลค่าให้กับเมล็ดบัวไทย


 "เมล็ดบัวไทยมีขนาดเล็ก ทั้งยังหาได้ยาก ทำให้ราคาเท่ากับเมล็ดบัวจากจีนที่มีขนาดใหญ่ ทำให้คนเลือกซื้อของจีนมากกว่า จึงศึกษาเชิงลึกเพื่อดูประโยชน์ของเมล็ดบัวไทย โดยมีแรงบันดาลใจมาจากบัวราชินีที่มีรากยาว เมล็ดบัวค่อนข้างใหญ่" 


 นักวิจัยตั้งเป้าใช้เมล็ดบัวจากบัว 4 สายพันธุ์คือ บัวราชินีพันธุ์ปทุม, บัวสีขาว พันธุ์บุญทริก บัวสัตตบุษต์และบัวสัตบงกช แต่ในช่วงแรกยังหาตัวอย่างเมล็ดบัวสัตตบุษต์และบัวสัตบงกชไม่เพียงพอ เนื่องจากเป็นสายพันธุ์หายาก จึงทดสอบกับเมล็ดบัวราชินีพันธุ์ปทุม, บัวสีขาว พันธุ์บุญทริก เทียบกับเมล็ดบัวจีนก่อน


 ตัวอย่างเมล็ดบัวถูกนำมาทำแห้งแล้วเข้าเครื่องบดให้เป็นผง จากนั้นนำมาทดสอบคุณค่าทางโภชนาการโดยเปรียบเทียบกับเมล็ดบัวจาก จีน ผลที่ได้พบว่า บัวราชินีพันธุ์ปทุมีไขมันสูงกว่าสายพันธุ์อื่น เหมาะกับการนำไปทำขนม ในขณะที่ ค่าไฟเบอร์ โปรตีนและอะไมเลส ใกล้เคียงกัน


 ผศ.ดร.ปริญดาจึงมุ่งไปยังค่าสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเมื่อวิเคราะห์ผงแป้งจากเมล็ดบัว 3 ชนิด พบว่า บัวไทยทั้ง 2 สายพันธุ์มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเมล็ดบัวจากจีน 5-6 เท่า
หลังจากพบคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ จึงศึกษาต่อในแง่ของการประยุกต์ใช้ โดยดูพฤติกรรมความหนืด ลักษณะการเกิดเจล การทนความร้อน รวมถึงการแข็งตัวของแป้งเมล็ดบัว ซึ่งจะส่งผลต่อการนำไปใช้ในเชิงอาหาร


 นักวิจัยจากศิลปากรอธิบาย ก่อนชี้ว่า ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่า แป้งจากเมล็ดบัวไทย มีความหนืดน้อยกว่า ทนความร้อนมากกว่า  เมื่อเม็ดแป้งแตกตัว ความหนืดก็ไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ช่วยย่นระยะเวลาในการประยุกต์ทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ


 งานวิจัย "การศึกษาคุณสมบัติทางเคมีกายภาพของแป้งเมล็ดบัวและการประยุกต์ใช้ในอาหาร" ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จำนวน 4.8 แสนบาท ระยะทุน 2 ปี (2551-2553) ซึ่งปัจจุบัน งานวิจัยลุล่วงไปกว่า 50% แล้ว


 ต่อไป ผศ.ดร.ปริญดาเผยว่า ขั้นตอนต่อไปคือ การศึกษาคุณสมบัติด้านการละลายในของเหลว เพื่อดูความอยู่ตัวเมื่อนำไปประยุกต์ใช้ผสมกับน้ำหรือน้ำมัน ในขณะเดียวกันก็ต้องศึกษาเพิ่มว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่พบนั้น อายุการเก็บเกี่ยวมีผลหรือไม่


"หากมองในเชิงพาณิชย์ แป้งเมล็ดบัวสายพันธุ์ไทยเกิดได้ แต่จะอยู่ในลักษณะของแป้งทำขนมเพื่อสุขภาพ เกรดสูง ราคาแพง เนื่องจากเมล็ดบัวไทยมีปริมาณน้อย เจ้าของบ่อบัวมักจะตัดขายดอกมากกว่าที่จะรอจนได้เมล็ดบัวที่มีขนาดเล็กกว่าของจีน ผู้บริโภคไม่นิยม


 แต่หากเราสามารถพิสูจน์ถึงคุณค่าของเมล็ดบัวไทยที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ รับกระแสอาหารเพื่อสุขภาพ จะทำให้เกิดความต้องการเมล็ดบัวไทย ผู้ผลิตก็พร้อมที่จะนำออกมาวางขาย ที่สำคัญ กระแสความสนใจบัวไทย และเมล็ดบัวไทยก็จะมากขึ้น งานวิจัยที่จะช่วยเพิ่มขนาดเมล็ดบัวไทยหรืองานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะมีมากขึ้นตามมา" นักวิจัยจากศิลปากรกล่าว


เม็ดบัว หนึ่งในสุดยอดธัญพืช



เม็ดบัว หนึ่งในสุดยอดธัญพืช เพื่อน ๆชักสงสัยแล้วละซิว่าเม็ดบัวมีดีอย่างไร มีประโยชน์อะไรบ้าง  ถ้า อยากรู้เราไปดูกันเลยดีกว่า
          เม็ดบัว ภาษาจีนเรียกว่า เก่าซิก ,หน่อยซิก  หรือ  หน่อยผ่องจื้อ เป็นธัญพืชที่ ให้คุณค่าทางอาหารสูง ทานได้ทั้งสดและแห้ง มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบมากกว่าข้าว 3 เท่าเลยทีเดียว  นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมของวิตามินอีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ ,วิตามินซี, วิตามินอี , เกลือแร่  และฟอสฟอรัส  วิตามินเหล่านี้มีส่วนช่วยในการบำรุงประสาท  บำรุงไต  บำรุงสมอง


นอกจากนี้เม็ดบัวยังมีสรรพคุณทางยาในการรักษา อาการท้องร่วง ,บิดเรื้อรัง ,สตรีประจำเดือนมามาก , น้ำอสุจิเคลื่อน(น้ำกามออกไม่รู้ตัว) ส่วนดีบัว(ต้น อ่อนที่อยู่ในเม็ดบัวมีรสขม) ยังช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ , ช่วยขยายหลอดเลือด ,แก้กระหาย, อาเจียนเป็นเลือด เป็นต้น
จากคุณสมบัติที่ดีเลิศของ เม็ดบัว คนสมัยก่อนจึงนิยมนำ เม็ดบัว มาทำอาหาร ทั้งคาวและหวาน  เช่น  ข้าวผัดเม็ดบัว , สังขยาเม็ดบัว , เม็ดบัวเชื่อม ,ขนมหม้อแกงเม็ดบัว , ใส่ในเต้าฮวย เป็นต้น ถ้านำเม็ดบัวมาปรุงอาหารร่วมกับลำไยแห้งจะทำให้สรรพคุณทางยาของเม็ดบัวเพิ่มมากขึ้น


- นึ่งเม็ดบัวจนสุก นำไปตากแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผง ทานครั้งละ 15 กรัม วันละ 3 ครั้ง เพื่อรักษาอาการท้องเสียเรื้อรัง
- ดื่มน้ำชาที่ต้มจากดีบัวและเก๊กฮวย ช่วยบำรุงสายตา บำรุงสุขภาพ และลดความดันโลหิต
- นำเม็ดบัว ลำไยแห้ง น้ำตาลกรวด และกุ้ยฮวย ตุ๋นรวมกันด้วยไฟอ่อนๆ ทานบำรุงร่างกาย หัวใจ เลือด และม้าม
- เนื้อเป็ดนึ่งกับเนื้อขาหน้าหมู ดอกบัวสด ลิ้นจี่ แฮมสุก ทานเป็นอาหารบำรุงร่างกาย ช่วยให้เจริญอาหาร


ข้อควรระวัง
ผู้ที่มีอาการท้องผูก ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ไม่ควรทาน
ไม่ควรปรุงอาหารที่มีเม็ดบัวในภาชนะที่ทำจากเหล็ก เพราะจะทำให้เม็ดบัวกลายเป็นสีดำ


ของดีๆ รู้แล้ว เพื่อน ๆ ก็ลองหันมาทานเม็ดบัวกันเถอะ  เพื่อจะได้มีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคภัย  


http://thai-healthy.blogspot.com/


Read More...


“กะทิสด” รสเด็ดขนมไทย หอมชื่นใจ หวานอร่อย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2554 14:35 น.

บรรยากาศในร้านกะทิสด
       “ผ่านมาแวะกิน” พาไปชิมอาหารคาว ข้าว ก๋วยเตี๋ยว หมุนเวียนเปลี่ยนไปมาหลากหลายร้านแล้ว มื้อนี้เลยอยากจะพาไปล้างปากกับของหวานกันบ้าง มากันที่ร้าน “กะทิสด”ที่นำเสนอขนมหวานแบบไทยๆ แสนอร่อย ที่มีหน้าตาและสีสันชวนลิ้มลอง
    
       ร้าน “กะทิสด” เปิดมาได้ 3 ปีแล้ว เป็นร้านขนมหวานไทยๆ ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ “กะทิ” ซึ่ง จะแตกต่างจากร้านอื่นตรงที่เป็นลักษณะของกะทิคั้นแห้งไม่ได้ผสมกับน้ำ จึงทำให้ได้หัวกะทิแบบเน้นๆ และได้กลิ่นหอมของกะทิมากกว่า ซึ่งมะพร้าวกะทิที่จะนำมาทำน้ำกะทินั้นก็คัดสรรมาเป็นอย่างดี และนำมาทำกันสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน ทำให้ได้ขนมหวานแบบคุณภาพ
ทับทิมกรอบสยาม




       ถ้าจะลองชิมกะทิหวานอร่อยของที่นี่ ก็ต้องสั่งเมนูแนะนำ ทับทิมกรอบสยาม (ถ้วยละ 30 บาท) สีแดงน่ากิน ที่จะใช้แห้วเป็นวัตถุดิบหลัก นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วห่อด้วยแป้งสูตรเฉพาะของทางร้านได้ออกมาเป็นทับทิมกรอบสยามที่กรอบข้าง ใน ข้างนอกแป้งบางนุ่ม ไม่ร่วน ไม่หนามากไป เสิร์ฟมาพร้อมกับแห้ว มะพร้าวกะทิ และชิ้นขนุน ราดด้วยกะทิสดหวานมันหอม โปะด้วยน้ำแข็งปั่นละเอียดจนเกือบจะเป็นเกล็ด ทำให้ได้ความเย็นชื่นใจเพิ่มขึ้น
ทับทิมกรอบเผือกหอม
       นอกจากทับทิมกรอบสยามแล้ว ก็ยังมีอีกสองเมนูทับทิมที่น่าลิ้มลอง คือ ทับทิมกรอบเผือกหอม (ถ้วยละ 30 บาท) โดยถ้วยนี้จะเลือกใช้เผือกหอมมาแทนแห้ว เผือกหอมที่ได้ก็นำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ ห่อด้วยแป้ง ผสมกับสีผสมอาหารสีม่วง และในถ้วยก็จะมีแห้ว ขนุน และมะพร้าวกะทิด้วย ซึ่งมะพร้าวกะทินั้นก็จะนำมาหั่นเป็นชิ้นแล้วนำไปเชื่อมกับน้ำตาลอีกเล็ก น้อยเพื่อให้ได้ความหวานซึมเข้าเนื้อ ลองชิมแล้วทั้งหนึบทั้งหอมมันส่วนตัวทับทิมกรอบเผือกหอมก็จะนุ่มๆ หนึบๆ
ทับทิมกรอบมัน
       อีกถ้วยก็คือ ทับทิมกรอบมัน (ถ้วยละ 30 บาท) ที่ใช้มันญี่ปุ่นมาแทนแห้วและเผือกหอม ถ้วยนี้ก็จะนุ่มๆ เด้งๆ ได้รสชาติแตกต่างจากแห้วและเผือกหอม ส่วนเครื่องเคราอื่นๆ ก็ใส่มาเหมือนๆ กับอีกสองถ้วย และได้ความหอม หวาน มัน จากกะทิสดเหมือนกัน
    
       หรือถ้าอยากจะลองชิมทับทิมกรอบทั้งสามแบบก็ต้องสั่ง ทับทิมกรอบแฟนซี (ถ้วยละ 30 บาท) ที่จะได้ชิมครบทุกอย่าง หรือจะสั่ง ทับทิมกรอบใส่ลูกมะพร้าว (ลูกละ 40 บาท) และยังมี ทับทิมกรอบเกล็ดหิมะกะทิสด (ถ้วยละ 40 บาท) ที่จะนำตัวกะทิสดไปแช่แข็งแล้วนำออกมาปั่นเป็นเกล็ดหิมะ ใช้แทนกะทิสดที่เป็นน้ำ ได้รสชาติหวานหอมเย็นจับใจยิ่งกว่า
ทับทิมกรอบใส่ลูกมะพร้าว
       หรือจะลองชิม เกล็ดหิมะนมสด (ถ้วยละ 40 บาท) ที่จะเป็นน้ำแข็งเกล็ดหิมะราดด้วยน้ำแดง น้ำเขียว หรือน้ำองุ่น แล้วตามด้วยเครื่องต่างๆ ทั้ง ถั่วแดง เผือก มัน สับปะรด และวุ้นมะพร้าว ทอปปิ้งด้วยไอศกรีมกะทิ โรยหน้าด้วยซีเรียลเพิ่มความกรุบกรอบ ไอศกรีมหวานมันหอมชื่นใจ คู่กับน้ำแข็งเกล็ดหิมะหวานๆ และเครื่องเคียงหลายอย่างก็เข้ากันดี เหมาะกับช่วงที่อากาศร้อนๆ หรือตอนที่กำลังร้อนอกร้อนใจ
ทับทิมกรอบเกล็ดหิมะกะทิสด
       นอกจากขนมหวานที่ได้ลองชิมไปแล้ว ทางร้านก็ยังมีขนมหวานไทยๆ อีกหลายชนิดให้มาเลือกกัน อาทิ ลูกตาลมะพร้าวกะทิ (30 บาท) ผลไม้ลอยแก้ว (กระปุกละ 35 บาท, 3 กระปุก 100 บาท) วุ้นฟรุ๊ตสลัด (35 บาท) วุ้นลูกชุบ (35 บาท) ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ฯลฯ ที่จัดเรียงอยู่ในตู้เย็นที่ทางร้านเรียกว่าป่าขนมหวานไทย (กระปุกเล็ก 20 บาท / กระปุกใหญ่ 35 บาท, 3 กระปุก 100 บาท) และยังมีสารพัดน้ำที่ทางร้านทำเอง เช่น กระเจี๊ยบ เก๊กฮวย ใบเตย กีวี เป็นต้น (ขวดละ 15 บาท)
    
       ตามมาลองลิ้มชิมรสชาติขนมหวานไทยๆ กับกะทิสดหอมหวานมันอร่อยแบบนี้กันได้ที่ร้าน “กะทิสด” ใน ซ.แจ้งวัฒนะ 14 กะทิสดอร่อยสมชื่อร้านแบบนี้ กินกันจนลืมอิ่มเลยทีเดียว
เกล็ดหิมะนมสด
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
    
       ร้าน “กะทิสด” ตั้ง อยู่ที่ 29/5-6 ซ.แจ้งวัฒนะ 14 (ซ.บิ๊กซี) แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. การเดินทางถ้ามาจากแยกหลักสี่ ให้วิ่งตรงมาบน ถ.แจ้งวัฒนะ ฝั่งที่จะไปปากเกร็ด ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกคลองประปา ให้กลับรถแล้วตรงมาจนถึงห้างบิ๊กซี แล้วเลี้ยวเข้าซอยด้านข้างห้าง (ซ.แจ้งวัฒนะ 14) ตรงไปอีกประมาณ 300 เมตร สังเกตทางซ้ายมือ จะเห็นร้านตั้งอยู่ติดริมถนน มีป้ายให้เห็นชัดเจน สามารถจอดรถได้ด้านหน้าร้าน ทางร้านรับออกงานภายนอก และรับสั่งทำกระเช้าขนม ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.30-22.00 น. โทร.0-2573-6071-2, 08-6620-4953

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.