สูตรขนม สูตรอาหาร อาชีพรายได้เสริม ประกาศฟรี โฆษณาฟรี Career Articles Extra Income
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Drop Down MenusCSS Drop Down MenuPure CSS Dropdown Menu

เฉาก๊วยธัญพืช ธุรกิจดับร้อน ส่งแฟรนไชส์ราคาถูกสู่คนตกงาน

สินค้าทั้งหมดของเฉาก๊วยธัญพืช
       ในช่วงหน้าร้อน ถือได้ว่าธุรกิจประเภทเครื่องดื่ม กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการกอบโกยรายได้ที่ดีที่สุด เพราะสามารถช่วยคลายร้อน เพิ่มความสดชื่นในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี และหากเป็นเครื่องดื่มที่มีสมุนไพรไทย ที่ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกายด้วยแล้ว อย่าง “เฉาก๊วย” ที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เชื่อได้ว่าคงจะได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้เจ้าของแฟรนไชส์ “เฉาก๊วยธัญพืช” ปรับโฉมคีออสใหม่ พร้อม ลดราคาการลงทุนลง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ตกงานได้ลืมตาอ้าปากได้จากธุรกิจการขายเฉาก๊วย ธัญพืช ต้อนรับ
       อรินทร์ ตรีช่อวิทยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจลลี่ เบิร์ด จำกัด เจ้าของแฟรนไชส์เฉาก๊วยธัญพืช ที่ผสมลงในเครื่องดื่มหลากหลายรสชาติทั้งชา, กาแฟ, นมเย็น และโกโก้ เปิดเผยเส้นทางกว่าจะมาเป็นธุรกิจเฉาก๊วยธัญพืช ว่า ตนเองเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนจากอาชีพวิศวกร แต่เมื่อเจอมรสุมวิกฤตเมื่อปี 2540 จำต้องออกจากงานประจำ และคิดมีธุรกิจเป็นของตนเอง เนื่องจากที่ผ่านมาตนเองได้มีโอกาสขายของเล็กๆ น้อย แล้วรู้สึกมีความสุข แต่ก็ยังไม่มีเป้าหมายว่าจะทำการค้าด้านใดดี จึงใช้ช่วงเวลาว่างของชีวิตอยู่วัดเพื่อศึกษาพระธรรม จนสุดท้ายได้กลายเป็นครูสอนสมาธิ ที่วัดธรรมมงคล ย่านสุขุมวิท 101 ได้ระยะหนึ่ง
อรินทร์ ตรีช่อวิทยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจลลี่ เบิร์ด จำกัด
       จนกระทั่งปี 2544 คิดอยากผลิตเฉาก๊วยขึ้นเองจากความชอบส่วนตัวที่ชอบรับประทานเฉาก๊วยมาก แต่เมื่อไปรับประทานก็รู้สึกไม่ประทับใจในรสชาติเท่าที่ควร ประกอบกับในช่วงนั้นได้นำเฉาก๊วยใส่ลงไปในน้ำเต้าหู้เพื่อรับประทานคู่กัน ซึ่งรสชาติออกมาดี ส่วนผสมทั้ง 2 อย่างเข้ากันได้อย่างลงตัว จึงรับเฉาก๊วยมาขายในงานบ้านเลขที่ ซึ่งเป็นเฉาก๊วยใส่น้ำตาลธรรมดา ซึ่งก็ขายดีระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เป็นที่พอใจนัก วันต่อมาจึงกับรูปแบบใหม่ ด้วยการนำธัญพืชมาโรยหน้า อย่าง ถั่วแดง ข้าวบาเลย์ และมันเชื่อม ปรากฏว่าสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 30,000 บาท/วัน เลยทีเดียว
      
       “เมื่อกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเป็นผลสำเร็จ ผมจึงคิดสร้างแบรนด์ให้กับเฉาก๊วย เมื่อให้ลูกค้าจดจำได้ ด้วยการเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินเพียง 5,000 บาท ที่ขอหยิบยืมมาจากอากง (คุณปู่) เพื่อมาตั้งตัวในการขายเฉาก๊วย ซึ่งในช่วงแรกเป็นการสั่งผลิตเฉาก๊วยเมื่อนำมาขาย พร้อมโรยธัญพืช ภายใต้แบรนด์ เจลลี่ เบิร์ด (Jelly Bird) ซึ่งกิจการเติบโตไปได้ด้วยดี มีคนมาขอซื้อแฟรนไชส์ ทำให้ในช่วงนั้นสามารถขยายสาขาได้หลายร้อยราย แต่เมื่อกำลังการผลิตเริ่มเยอะขึ้น ทำให้ผู้ที่รับจ้างผลิตเฉาก๊วยไม่สามารถผลิตได้ทัน ทำให้ผมจำเป็นต้องผลิตเฉาก๊วยขึ้นเอง โดยใช้เวลาเรียนรู้ ลองผิดลองถูก ประมาณ 1 ปี ทดลองทำแล้วทิ้งไปกว่า 2 ตัน จนได้เฉาก๊วยที่มีความเหนียวนุ่มอย่างในปัจจุบัน แต่ก็ต้องแลกไปกับการขอเลิกสัญญาของแฟรนไชซีไปกว่า 100 ราย เช่นกัน”
       สุดท้ายทุกอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสูตรเฉาก๊วย, คีออส และจำนวนแฟรนไชส์ ทำให้ อรินทร์ ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ลุยธุรกิจแฟรนไชส์เฉาก๊วยธัญพืชอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ในปัจจุบันมีกำลังการผลิตเฉาก๊วยประมาณ 1 ตัน/วัน ทั้งการส่งขายให้กับแฟรนไชซี และบรรจุกล่องพร้อมรับประทานส่งขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป
      
       เช่น ท็อปซูเปอร์มาร์เก็ต, วิลล่ามาร์เก็ต, จัสโก้ และเลมอนฟาร์ม เป็นต้น โดยมีแผนจะกระจายสินค้าไปยังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อีกหลายแห่ง เพื่อทำให้สินค้าเป็นที่รู้จัก
       สำหรับการลงทุนในรูปแบบแฟรนไชส์เฉาก๊วยธัญพืช ถือได้ว่าเป็นแฟรนไชส์ตัวอย่างที่ ได้รับรองจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่าเป็นแฟรนไชส ์ที่ผ่านการอบรมจากกรมฯ และมีมาตรฐานของประเทศไทยทำให้แฟรนไชซีมีความมั่นใจมากขึ้น โดยล่าสุดทางเฉาก๊วยธัญพืช ได้เข้าร่วมโครงการ Rainbow Project กับทางกรมฯ ในราคาแฟรนไชส์ราคาถูกเริ่มต้นที่ 15,000 บาท ซึ่งนายอรินทร์ ตั้งเป้าขยายสาขาในปีนี้ (2552) ประมาณ 100 สาขา โดยตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 250 สาขา โดยเน้นทำเลที่เป็นร้านอาหาร ย่านชุมชน ซึ่งแฟรนไชส์ราคาถูกนี้ ทางเฉาก๊วยธัญพืช ต้องการให้คนว่างงาน หรือผู้ที่มีทำเล และต้องการหาอาชีพเสริม ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่เหมาะกับเศรษฐกิจในยุคนี้ที่สุด เนื่องจากใช้เงินลงทุนที่ไม่สูง
       ***สนใจติดต่อ 0-2719-5009, 08-9204-5824 หรือที่ www.jellybird.com***

Read More...


"มัณฑนา"ขนมถ้วยมะพร้าวอ่อน รวยด้วยแฟรนไชส์ต้นทุนต่ำ

ร้านแฟรนไชส์ขนมถ้วยมะพร้าวอ่อน
       ในยุคที่ภาวะ เศรษฐกิจถดถอย มีคนว่างงานเพิ่มขึ้น ในสถานการณ์เช่นนี้ การช่วยเหลือ และมีน้ำใจของคนไทยจะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่จะทำให้คนไทยและประเทศไทย ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ และสำหรับผู้ที่ต้องการจะมีอาชีพแบบต้นทุนต่ำ วันนี้ มีแฟรนไชส์ “มัณฑนาขนมถ้วยมะพร้าวอ่อน” ที่น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งในภาวะวิกฤติเช่นนี้ได้
       

       สำหรับแฟรนไชส์ขนมถ้วยมะพร้าวอ่อนนี้เป็นของ นายธีรวุธ ศรีธนาอุทัยกร ที่เปิดร้านขายขนมถ้วย เพราะต้องการจะมีอาชีพอิสระ และได้สูตรขนมถ้วยมาจากพี่สาว ซึ่งเรียนจบด้านคหกรรม จากวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และหลังจากได้สูตรมาก็ทดลองทำขาย โดยใช้ช่องทางการขายร่วมกับร้านก๋วยเตี๋ยวเหมือนกับขนมถ้วยทั่วๆไป แต่เน้นการทำและนึ่งสดๆ
ขนมถ้วยมะพร้าวอ่อน
       นายธีรวุธ เล่าว่า ขนมถ้วยของเราต่างจากรายอื่นๆ เพราะจะนึ่งสดๆ ซึ่งขนมถ้วยจะอร่อยก็ต้องนึ่งสด ถ้านึ่งทิ้งไว้แล้วหน้าจะไม่นุ่ม และปกติขนมที่ทำจากกะทิสด จะมีอายุอยู่ได้ไม่นานถ้าไม่ใส่สารกันบูดจะอยู่ได้ไม่เกิน 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น และการที่เรานึ่งสดๆ ทำให้เราไม่จำเป็นต้องใส่สารกันบูด และที่ต่างอีกอย่างหนึ่ง คือเป็นสูตรเฉพาะของเรา โดยการใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน ลงไปในหน้าของขนมถ้วยความหอมของมะพร้าวอ่อนทำให้ขนมถ้วยน่ากินมากขึ้น จึงได้ออกมาเป็นขนมถ้วยมะพร้าวอ่อนรายแรก
      
       “ปัจจุบันมีคนทำเลียนแบบ โดยการเติมเนื้อมะพร้าวอ่อน หรือบางรายก็นำไปปรับโดยการเติมข้าวโพด เผือก ฟักทอง และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเลียนแบบกันบ้าง แต่สูตรสชาติของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ซึ่งกว่าผมจะปรับสูตรจนลงตัวและเป็นที่ถูกใจลูกค้า จนสามารถสร้างสาขาแฟรนไชส์ได้มากถึง 50 สาขาในปัจจุบัน ผมก็ได้มีการปรับสูตรมาแล้วหลายครั้ง”
       

       ในส่วนของการขายแฟรนไชส์ เกิดขึ้นมาจากครั้งแรกเปิดร้านขายอยู่ที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวนายแกละ ย่านบางใหญ่ แต่เนื่องจากไม่ได้ขายเอง จ้างเด็กขายทำให้ได้ไม่เต็มที และปัญหาค่อนข้างมาก จึงตัดสินใจยกร้านให้กับเด็กลูกจ้างให้เขาเป็นเจ้าของไปเลย และเราก็ทำหน้าที่ส่งวัตถุดิบให้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการขายแฟรนไชส์
นายธีรวุธ ศรีธนาอุทัยกร เจ้าของแฟรนไชส์ขนมถ้วยมะพร้าวอ่อน
       สำหรับแฟรนไชส์ของขนมถ้วยมะพร้าวอ่อน ต่างจากแฟรนไชส์ทั่วไป เพราะทางเจ้าของแฟรนไชส์จะลงทุนอุปกรณ์ให้ ส่วนคนซื้อแฟรนไชส์จะซื้อเพียงวัตถุดิบสำเร็จรูป ที่เป็นสูตรเฉพาะของเจ้าของแฟรนไชส์ ที่จะนำมาส่งให้ โดย ส่งในราคาชุดละ 90 บาท สามารถทำขนมถ้วยได้ 80 ถ้วย ในราคา 200 กว่าบาท กำไรที่ได้ต่อชุดมากกว่า 1 เท่าตัว โดยราคาขายปลีกขนมถ้วยมะพร้าวอ่อนมัณฑนาอยู่ที่ 7 ถ้วย 20 บาท
       

       ทั้งนี้ ผู้ซื้อแฟรนไชส์ จะต้องสั่งวัตถุดิบที่เป็นสูตรผสมสำเร็จรูปจากทางเจ้าของแฟรนไชส์เท่านั้น และนำมานึ่ง ซึ่งนึ่งครั้งหนึ่งใช้เวลาเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น และถ้าซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็สามารถขอยกเลิกได้ โดยทางเจ้าของแฟรนไชส์เก็บอุปกรณ์คืน ถ้ามีการเสียหาย และต้องซ่อมก็จะเก็บค่าซ่อมจากผู้ซื้อแฟรนไชส์
      
       นายธีรวุธ เล่าว่า ปัจจุบันมีแฟรนไชส์อยู่ด้วยกันทั้งหมดประมาณ 50 สาขา โดยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยปกติจะส่งวัตถุดิบสำเร็จรูปนี้ทุกวัน ซึ่งจริงแล้ววัตถุดิบที่ปรุงสำเร็จนี้ สามารถอยู่ได้ 2-3 วัน ส่วนยอดขายของแต่ละสาขาก็ขึ้นอยู่กับทำเล แต่เฉลี่ย ขายได้สาขาละประมาณ 1,000 ถ้วยต่อวัน ส่วนสาขาที่ขายได้สูงสุดสามารถขายได้ถึงเดือนละ 80,000 บาท ถึง 90,000 บาท ซึ่งช่วงขายดีสุดๆในช่วงแรก สามารถขายได้ถึงเดือนละ 140,000 บาท
       

ร้านแฟรนไชส์สาขา
       สำหรับแฟรนไชส์ที่ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จและขอยกเลิกแฟรนไชส์ ในแต่ละปีมีการเปลี่ยนแปลงประมาณ 3-4 ราย ปัญหาส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาจากเขาต้องการจะทำเอง หรือ เจอทำเลไม่ดีขายไม่ได้ก็ต้องเลิก ไม่ทำตามเทคนิคการนึ่งที่แนะนำ ทำให้นึ่งออกมาแล้วหน้าไม่นุ่ม ลูกค้าไม่ชอบ ซื้อครั้งเดียวก็ไม่กลับมาซื้ออีก ซึ่งเมื่อรายเก่าเลิกไปก็มีรายใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดจำนวนแฟรนไชส์ จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก หลังจากเปิดขายแฟรนไชส์ขนมถ้วยมะพร้าวอ่อนนี้มาประมาณ 8 ปี
      
       
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ ก็เริ่มมีคนให้ความสนใจมากขึ้น เพราะมีคนว่างงานเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่คนที่สนใจและโทรมาถามก็จะมาจากการที่เห็นป้ายโฆษณา และแผ่นพับใบปลิวที่แจก ตามสาขาแฟรนไชส์ เพราะเมื่อเห็นการขายจริง และได้ชิมว่าอร่อย จึงติดต่อกลับมา ได้ผลดีมากกว่าการโฆษณาผ่านสื่อ เพราะไม่ได้เห็นของจริง ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะทำขนมชนิดอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อนำไปวางขายตามสาขาแฟรนไชส์ เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้กับคนซื้อแฟรนไชส์ และตนเองก็มีรายได้เพิ่มด้วย
      
       จุดเด่นของขนมถ้วยมะพร้าวอ่อน คือ ความแปลกใหม่ และรสชาติที่ไม่หวานมาก นึ่งสดๆ ทำให้หน้าขนมนุ่ม และเป็นขนมไทยรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่ใส่สารที่เป็นอันตราย ส่วนผู้ว่างงานและไม่มีทุนมาก อาชีพนี้น่าจะเป็นทางเลือกให้กับคนไทยในภาวะวิกฤติ เช่นนี้ เพราะมีเงินทุนเพียง 2,000 บาท ก็มีอาชีพได้ สาเหตุที่คุณธีรวุธ เลือกที่จะลงทุนอุปกรณ์ให้เพราะเห็นว่า น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม ให้กับคนที่ต้องการจะมีอาชีพโดยไม่ต้องลงทุนสูง
      
       สนใจโทร. 08-7035-6018

Read More...


"Dr.Song’s" เสริมสวยเมนูสะเต๊ะ-หมูปิ้ง ชูมาตรฐานโลก ปูพรมแฟรนไชส์

       เมนูหมูสะเต๊ะและหมูปิ้ง ซึ่งคุ้นปากคนไทยเป็นอย่างดี ถูกหยิบมาแต่งตัวใหม่ในรูปแบบแฟรนไชส์ “ด็อกเตอร์ซองส์” (Dr.Song’s) โชว์จุดเด่นสะอาด และปลอดภัยผลิตในมาตรฐานระดับสากล ขณะที่วางระบบคุ้มคุณภาพตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ตั้งเป้ากระจาย 5,000 สาขาใน 2 ปี พร้อมอัดงบ 30 ลบ. แจ้งเกิดแบรนด์
ยอดศักดิ์ อภิชาตวรศิลป์ เจ้าของธุรกิจ
       ยอดศักดิ์ อภิชาตวรศิลป์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ฟูดเบลสซิ่ง (1988) จำกัด เผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้านอาหารแปรรูป และซอสปรุงรส มากว่า 20 ปี มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 50 ชนิด โดยเป็นทั้งผู้ผลิตให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ (OEM) และขายภายใต้แบรนด์ตัวเอง รวมถึง ส่งออกต่างประเทศ มียอดขายประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี
     
       ทั้งนี้ มองโอกาสขยายธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันมนุษย์เงินเดือนจำนวนมาก อยากมีอาชีพสองไว้เป็นรายได้เสริม หรืออยากมีธุรกิจของตัวเอง รวมถึง คนอีกจำนวนมากอยากลงทุนทำธุรกิจแทนที่เอาเงินไปฝากธนาคารซึ่งดอกเบี้ยต่ำมาก เมื่อจับความต้องการดังกล่าว ประกอบกับเห็นว่าบริษัทมีความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ โรงงานผลิต เทคโนโลยี และบุคลากร จึงคิดขยายธุรกิจแฟรนไชส์หมูสะเต๊ะ และหมูปิ้ง ในชื่อ DR.Song’s
       
ชุดหมูสะเต๊ะ 65 บ. มีให้เลือก 2 รส คือ ดั้งเดิม และกาแฟ
       “ผมมองว่า เมนูหมูสะเต๊ะ และหมูปิ้ง เป็นเมนูที่คนทั่วไปคุ้นเคยอยู่แล้ว เป็นได้ทั้งอาหารหลักและกินเล่น ซื้อง่ายขายคล่อง นอกจากนั้น ในท้องตลาดมีคู่แข่งไม่มากนัก และยิ่งเจาะจงที่เป็นสินค้าเกรดบนผลิตสะอาดได้มาตรฐาน แทบจะไม่มีคู่แข่งโดยตรงเลย” ยอดศักดิ์ ให้เหตุผลที่เลือกเมนูดังกล่าวมาทำแฟรนไชส์
ชุดหมูปิ้ง 70 บ. ประกอบด้วยหมู 10 ไม้ และข้าวเหนียว 1 ห่อ
       **คุ้มดูแลคุณภาพต้นทางถึงปลายทาง
     
       อย่างไรก็ตาม แฟรนไชส์รูปแบบรถเข็นลงทุนไม่สูงนัก แทบทุกรายในประเทศไทย ล้วนเจอปัญหาคล้ายกันคือ ไม่สามารถดูแลคุณภาพให้เท่าเทียมกันได้ทั้งหมด
       

       ประเด็นดังกล่าว ยอดศักดิ์ระบุว่ารับรู้อย่างดี และเตรียมแผนรองรับไว้แล้ว โดยแฟรนไชส์ Dr.Song’s จะใช้ระบบดูแลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง กล่าวคือ 1.เข้มงวดคัดกรองผู้จะมาเป็นเครือข่ายธุรกิจ ต้อง มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน เช่น วุฒิภาวะ การศึกษา และทุน อีกทั้ง ส่งเสริมให้เป็นผู้บริหารร้านว่าจ้างพนักงานขายแทนที่จะลงไปขายด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยกรอกผู้ลงทุนได้ระดับหนึ่ง
ปลายไม้ติดโลโก้ ป้องกันปลอมสินค้า
       2.วัตถุดิบเกือบทั้งหมดต้องรับจากส่วนกลางเท่านั้น (ยกเว้นแตงกวา พริก และหอมแดง กับเนยใช้ทาระหว่างย่าง) ไม่ว่าจะเป็นหมูเสียบไม้ น้ำจิ้ม อาจาด ข้าวเหนียว ถุงหิ้ว และถ่านไม้ ซึ่งกฎดังกล่าวถือเป็นหัวใจของธุรกิจ เพราะวัตถุดิบทั้งหมดได้มาตรฐานส่งออก ผลิตในโรงงาน GMP , HACCP ฯลฯ โดยมีเครื่องหมายการค้าของบริษัทกำกับ ทำให้คุมคุณภาพสินค้าได้ง่าย ผู้ขายเพียงแค่แกะซอง แล้วอุ่นร้อนสามารถขายได้ทันที เช่น เนื้อหมูคัด เฉพาะเนื้อสันนอกกับสะโพกในส่วนที่ไม่มีมัน โดยเป็นหมูที่เลี้ยงในฟาร์มปิด นำมาหมักสำเร็จรูปด้วยซอสแล้วเสียบไม้ที่ฆ่าเชื้อ ซึ่งปลายไม้มีโลโก้ Dr.Song’s ติดไว้ป้องกันสินค้าเลียนแบบ แล้วบรรจุในซองของบริษัทอีกชั้นหนึ่ง สามารถเก็บในอุณหภูมิปกติได้ 6 เดือนถึง 1 ปี ผู้ขายจึงไม่ต้องกังวลการเน่าเสียหากขายไม่หมด
       
เคาน์เตอร์แฟรนไชส์ Dr.Song’s
       และ 3.ทางบริษัทมีสัญญาครอบคลุมชัดเจน อีกทั้งข้อมูลทุกๆ อย่างจะถูกเก็บบันทึกให้ระบบคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้น จะส่งทีมตรวจสอบคุณภาพสม่ำเสมอ และหากมีสาขาใด จงใจผิดสัญญาจะยืดเคาน์เตอร์คืนทันที และในรายที่ผิดสัญญาอย่างร้ายแรงจะดำเนินคดีฟ้องร้องตามกฎหมาย
     
       **แจงกติกาลงทุนธุรกิจ
     
       เจ้าของธุรกิจ อธิบายถึงหลักเกณฑ์ในการลงทุน หากต้องการเฉพาะเมนูหมูสะเต๊ะ ลงทุน 25,000 บาท ได้รับเคาน์เตอร์ พร้อมอุปกรณ์เสริมพร้อมขาย เช่น ตู้แช่ เตาปิ้งที่ให้เลือกระหว่างเตาไฟฟ้า หรือเตาถ่าน (ตามความเหมาะสมของสถานที่ขาย) หากต้องการเสริมเมนูหมูปิ้งข้าวเหนียว เพิ่มเงินลงทุนอีก 10,000 บาทเป็น 35,000 บาท
       

       ทั้งนี้ บริษัทจะส่งวัตถุดิบให้ สำหรับเมนูหมูสะเต๊ะ ชุดละ 45 บาท ประกอบด้วยหมู 10 ไม้ น้ำจิ้ม และอาจาด ส่วนหมูปิ้ง ชุดละ 50 บาท ประกอบด้วยหมู 10 ไม้และข้าวเหนียว กำหนดให้ขายปลีกที่ชุดละ 65 บาท และ70 บาทตามลำดับ ซึ่งราคานี้ ผู้ลงทุนจะมีกำไรประมาณ 1.78 บาทต่อไม้ ควรขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 50 ชุด (500 ไม้) จะมีรายรับ 890 บาทต่อวัน หรือเดือนละ 26,700 บาท หลังหักค่าพนักงานและค่าเช่าสถานที่แล้ว จะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 15,000-18,000 บาท สามารถคืนเงินลงทุนได้ภายใน 1-2 เดือน
ย่างด้วยเตาไฟฟ้า ไม่เกิดควันมาก สามารถขายในห้องแอร์ได้
       **ตั้งเป้ากระจาย 5,000 สาขา
     
       ยอดศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับราคาปลีกที่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ไม้ละ 6.5-7 บาทนั้น จากการสำรวจตลาด ลูกค้าเป้าหมายยอมรับราคานี้ได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจในความสำเร็จ เบื้องต้นบริษัทจะเริ่มวางสาขาของตัวเองก่อนไว้เป็นร้านต้นแบบ จำนวน 20 จุด ในทำเลเป้าหมาย ได้แก่ ในศูนย์อาหารตามห้างสรรพสินค้า โรงเรียนเอกชน มหาวิทยาลัย ปั๊มน้ำมัน และย่านท่องเที่ยว กำหนดเปิดร้านพร้อมกันในวันที่ 1 สิงหาคม 2552
       

       ทั้งนี้ วางเป้าว่า จะขยายสาขาทั้งหมด 5,000 จุดทั่วประเทศ ภายในเวลา 2 ปี ซึ่งจากที่บริษัทได้ทดสอบตลาดโดยออกงานแสดงสินค้า มีผู้สนใจยื่นความจำนงแล้วกว่า 500 จุด ซึ่งจะทยอยเปิดตามๆ กันไป และเพื่อให้ผู้ลงทุนทุกรายประสบความสำเร็จ บริษัทจะทำประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง ทั้งทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และวิทยุ ให้ผู้บริโภคได้รู้จักสินค้าและคุ้นเคยกับแบรนด์ สำรองงบส่วนนี้ไว้ที่ 30 ล้านบาทในระยะเวลา 2 ปี
       
ข้าวเหนียวบรรจุสำเร็จรูป เพียงอุ่นร้อนเปิดกินได้ทันที
       ************
       

     
      
แฟรนไชส์ Dr.Song’s
ลงทุน
-เฉพาะเมนูหมูสะเต๊ะ ลงทุน 25,000 บาท หากเพิ่มเมนูหมูปิ้ง เป็น 35,000 บาท
-รับวัตถุดิบกึ่งสำเร็จแทบทั้งหมดจากส่วนกลาง ราคาส่งหมูสะเต๊ะชุดละ 45 บาท หมูปิ้งชุดละ 50 บาท
-ราคาขายปลีก หมูสะเต๊ะชุดละ 65 บาท หมูปิ้งชุดละ 70 บาท กำไรสุทธิเฉลี่ย 1.78 บาทต่อไม้
ข้อดี
-บริษัทแม่มีพื้นฐานพร้อม ทั้งด้านการผลิต และการตลาด
-มีระบบช่วยเหลือผู้ลงทุน เช่น จัดอบรมพนักงานขาย ทีมที่ปรึกษาพิจารณาทำเล สำรองงบ ประชาสัมพันธ์ 30 ล้านบาทในระยะเวลา 2 ปี เป็นต้น
ข้อพึ่งระวัง
-ยังไม่มีร้านต้นแบบ ทำให้ประเมินปัจจัยเสี่ยง หรืออัตราล้มเหลวได้ยาก
-ในอนาคตอาจเกิดโรคระบาดใหม่ที่มาจากสัตว์ กระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ติดต่อ โทร.0-2711-3588 ,0-2391-2505 หรือwww.foodblessing.com/satae.html


Read More...


‘พิชซ่าสมุนไพร’แฟรนไชส์ต้นทุนต่ำ ทางออกคนตกงานเพิ่มรายได้

ศิริวรรณ สัจจะเวทะ
       การได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่าง ประเทศ กลายเป็นความได้เปรียบในเรื่องประสบการณ์ 
จากนักศึกษาที่เรียนจบมาทางด้านคหกรรมศาสตร์ นำความรู้ที่ได้เรียนมาใช้ในไทยเพียงไม่กี่ปี 
ก็ได้ไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ด้านการแปรรูปผลไม้ให้ประเทศคูเวต จนเห็นช่องว่างทางธุรกิจ 
จากการต่อยอดอาหารการกินอย่าง "พิชซ่า" ของคนพื้นเมืองมาปรับตัวแป้งให้นุ่มน่ารับประทาน
ขึ้น จนเป็นที่ติดอกติดใจของคนพื้นเมือง จึงคิดนำสูตรแป้งพิชซ่าดังกล่าวมาสร้างอาชีพให้คนไทย
       
พิชซ่าหน้าแฮมชีส
       อินเตอร์ พิชซ่า ธุรกิจที่เกิดจากความตั้งใจของผู้ประกอบการที่ต้องการทำธุรกิจ
ร้านขายพิชซ่า เล็กๆ ให้กับคนไทยที่มีเงินลงทุนน้อย แต่กำไรงาม “ศิริวรรณ สัจจะเวทะ” 
หรือ การ์ตูน เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ “อินเตอร์ พิชซ่า” (Inter Pizza) เล่าว่า ตนเอง
ได้เรียนมาทางด้านคหกรรมศาสตร์ และทำงานด้านการสอนทำอาหารที่บ้านพักฉุกเฉิน 
ตามโครงการของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ 
เพื่อช่วยผู้หญิงที่โดนทำร้ายให้มีอาชีพ จนกระทั่งเพื่อนได้ชวนไปทำงานด้านการแปร
รูปผลไม้ตกเกรด ที่ประเทศคูเวต เพื่อเพิ่มมูลค่า ทำให้ ศิริวรรณ ตัดสินใจเดินทางไป
คูเวต และผลงานในช่วงทดลองงานเพียง 3 เดือนก็เข้าตาผู้บริหาร เพราะตนเองพยายาม
ศึกษาหาความรู้ และปรับตัวเพื่อให้เข้ากับทีมงานได้ ควบคู่ไปกับการเข้าไปช่วยปรับ
เปลี่ยนรูปแบบครัวให้มีระบบมากขึ้น เช่น การแบ่งแผนก ผัด ทอด เจียว หรือแม้กระทั่ง
การปรับรูปลักษณ์ของอาหารบางเมนูแบบค่อยเป็นค่อยไป
      
       
เตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก่อนลงมือทำ
       “เมื่อเราตัดสินใจไปทำงานที่ คูเวต โดยเข้าไปดูงานด้านแปรรูปผลไม้ อย่างทุเรียน
ที่ค้างสต็อกจนนิ่ม เราก็นำมากวนทำเป็นแยมผลไม้ ปรากฏว่าขายดีมาก ราคาแพงกว่า
ทุเรียนแบบสด ทางผู้บริหารก็พอใจที่เราสามารถเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้ จนกระทั่งไป
เห็นพิชซ่า ซึ่งคนในคูเวตนิยมรับประทานกันมาก แต่เนื้อแป้งจะแข็งมาก ทำให้คิดที่จะ
ลองทำเนื้อแป้งให้ ให้นิ่มขึ้น โดยใช้ตัวแป้งอื่น ซึ่งใช้เวลาคิดค้นอยู่นานประมาณ 7 ปี 
จนได้ตัวแป้งที่นุ่มเหนียว และลองให้ผู้บริหารชิม ซึ่งผู้บริหารก็ติดใจและให้นำตัวแป้ง
พิชซ่านี้ออกสู่ตลาด โดยสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทเป็นจำนวนมาก”
       
นำเครื่องใส่ลงบนแผ่นแป้งได้ตามชอบใจ
       การที่ ศิริวรรณ ทำงานที่คูเวตอยู่หลายปี ก็ตัดสินใจกลับมาเมืองไทย โดยต้องการ
นำสูตรแป้งพิชซ่านี้ มาสร้างอาชีพให้กับไทย ซึ่งทางผู้บริหารขอซื้อสูตรในราคา 4 ล้าน
บาท แต่ทาง ศิริวรรณ ไม่คิดขายสูตร แต่ขอแลกเปลี่ยนเป็นเงินเพียง 2 ล้านบาท เพื่อนำ
มาทำทุนผลิตแป้งพิชซ่าเพื่อจำหน่ายในไทย ในขณะที่ทางคูเวตก็ยอม พร้อมยื่นเงื่อนไข
ให้ศิริวรรณต้องเดินทางมาทำงานที่บริษัทเดือนละครั้ง ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวก็ตกลงไปด้วยดี
วัตถุดิบต่างๆ เน้นคุณภาพ
       “เราคิดว่าหากเรานำสูตรแป้งนี้ที่คิดค้นขึ้นเองนั้น มาสร้างเป็นธุรกิจให้กับคนไทย 
จะสามารถสร้างอีกหนึ่งอาชีพให้คนไทยได้ ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงเกินไปนัก ซึ่งในช่วงแรก 
ที่กลับมาก็ลองทำขายในหมู่บ้านย่านสุขาภิบาล 3 เน้นหน้าพิชซ่าที่แปลกตา เช่น พิชซ่า
สมุนไพร ต้มยำกุ้ง ผงกระหรี่ แกงเผ็ดเป็ดย่าง แล้วแต่ลูกค้าจะเรียกร้อง ซึ่งทำขายประมาณ
วันละ 300 แผ่น จนเรามั่นใจในเรื่องรสชาติและแป้งพิชซ่า จึงทำคีออส ขายในลักษณะ
ของแฟรนไชส์ แต่ไม่มีการเก็บค่าแฟรนไชส์ฟี (Franchise Fee) เพียงแต่ให้ผู้ที่ร่วมธุรกิจ
ต้องมาซื้อแป้งสำเร็จรูปที่เรา ส่วนในเรื่องของวัตถุดิบก็จะแนะนำแหล่งที่ราคาถูก และมี
คุณภาพภายใต้แบรนด์ อินเตอร์ พิชซ่า (Inter Pizza)”
กล่องกระดาษสำหรับใส่พิชซ่า 1 ถาด ราคาเริ่มต้นที่ 49-65 บ./ถาด
       ปัจจุบันอินเตอร์พิชซ่ามีทั้งหมด 20 หน้า ให้ลูกค้าได้เลือกสรร และมีสาขาแล้ว
กว่า 30 สาขา ในกรุงเทพฯ ในขณะที่สาขาในต่างจังหวัดจะเน้นไปที่แหล่งท่องเที่ยว
ที่มีชาวต่างชาติเป็น จำนวนมาก เช่น เกาะช้าง ซึ่งถือเป็นทำเลที่ขายดี ส่วนทำเลย่าน
สถานศึกษา สถานีขนส่ง ก็เป็นอีกแหล่งที่ขายดี เนื่องจากราคาขายเริ่มต้นที่ 49-69 
บาท/ถาด ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ลูกค้าเลือก ซึ่งหน้าพิชซ่าที่ขายดีคือ ซีฟู้ด ฮาวายเอี้ยน 
และต้มยำกุ้ง เป็นต้น
      
       อินเตอร์ พิชซ่า ถือได้ว่าเป็นอาชีพที่ทำง่าย ขายคล่อง และใช้เงินลงทุนที่ไม่สูง
เกินไปนัก เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจในยุคนี้ เพราะที่ผ่านมาอาชีพนี้ได้สร้างงาน สร้าง
รายได้ให้กับคนตกงาน และมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการมีรายได้เสริมไปได้แล้วหลายราย
พิชซ่าหน้าต้มยำกุ้งรสจัด
        
ข้อมูลการลงทุนแฟรนไชส์ Inter Pizza
1.ลงทุน 40,000 บาท เป็นตัวแทนสาขา สั่งแป้งได้ในราคาขั้นต่ำ 19 บาท (สั่งขั้นต่ำ 500 ชิ้น/ครั้ง) พร้อมอุปกรณ์ครบครัน
2.ลงทุน 30,000 บาท สั่งแป้งได้ในราคาขั้นต่ำ 22 บาท (สั่งขั้นต่ำ 100 ชิ้น/ครั้ง) พร้อมอุปกรณ์ครบครัน
3.ลงทุน 3,250 บาท สั่งแป้งได้ในราคาขั้นต่ำ 25 บาท (สั่งขั้นต่ำ 50 ชิ้น/ครั้ง) พร้อมอุปกรณ์ครบครันค่าขนส่งแป้งในกทม.-ปริมณฑล 200 บาท ต่างจังหวัด 300 บาท

       *** 0-2927-5979, 08-0912-5757***

Read More...




----------------

ปรับปรุง
รายการบทความทั้งหมด



การบำรุงรักษารถยนต์เบื้องต้น



ร้านค้าเคลื่อนที่ ใช้ รถบรรทุกขนาดเล็กมาดัดแปลง



รวมบทความอาชีพ เสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม



รวมบทความงานฝีมือ-สิ่งประดิษฐ์ รายได้เสริม



ทองม้วน thong muan ; rolled wafer





MASK รุ่นสายคล้องคอ







MASK รุ่นสายคล้องคอ. ��รุ่นนี้เป็นที่นิยมใช้กันมาก #ขายดีมาก
ทำจากผ้าคอตตอนแท้ 100%  ไม่ผสม เนื้อผ้านุ่ม 
3 ชั้น. สวมใส่พอดีกับใบหน้า ไม่เจ็บหู มีสายคล้องคอปรับได้
เวลาถอดออก ไม่ต้องกลัวลืม เพราะถอดแล้วคล้องคอไว้ได้
บรรจุในถุงซิปฟรอย์อย่างดี
ราคาชิ้นละ. 59. บาท. ไม่รวมส่ง 
มีหลายสีให้เลือกนะคะ   สนใจทักแชทขอดูสีผ้าได้นะคะ
หน่วยงาน บริษัท ห้างร้าน หรือ สนใจสั่งไปจำหน่าย 
มีเรทราคาส่งค่ะ

-> id line : noeyhorm_06
#มีวางจำหน่ายหน้าร้านชานมไต้หวันมาราชาสาขาจรัญ44


ร้านมาราชาชานมไข่มุก สาขาจรัญสนิทวงศ์ 44
● รับบัตรสะสมครบ 10 แก้ว แลกรับฟรี 1 แก้ว
● สั่งเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN, Foodpanda ,GET ...ถึงมือปั๊บพร้อมดื่มปุ๊บ!
● อัพเดทโปรโมชั่นใหม่ๆ รสชาติใหม่ ตลอดเวลา
● มีเมนูให้เลือก 40 กว่าเมนู : https://bit.ly/2Z9iqV0






























































เลือกช่องทางติดต่อและรับข่าวสารบริการหลังการขาย
ฟอร์ด พลปิยะอยุธยาและฟอร์ด พลปิยะวังน้อย

--------------------------------------------------------------------------------------------
แคมเปญ-โปรโมทชั่น อะไหล่ฟอร์ด อัพเดททางออนไลน์และปรับปรุงข้อมูลออนไลน์
อะไหล่ฟอร์ด อะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่รถยนต์ฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ดแท้ ร้านขายอะไหล่รถฟอร์ด ขายอะไหล่รถฟอร์ด อะไหล่ฟอร์ด
 
Option

รวมบทความอาชีพเสริม หลากไอเดียวิธีหารายได้เสริม หาอาชีพเสริมอิสระทำเงิน สร้างอาชีพอิสระงานฝีมือ แนะนำการสร้างรายได้เสริมทำเงินด้วยการขายสินค้าหรือขายของเป็นอาชีพเสริม อิสระงานฝีมือ แนะแนวธุรกิจ อาชีพเสริม อาชีพแก้จน อยากจะมีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำ บล๊อกจัดทำขึ้นเป็นวิทยาทานเพื่อเผยแผ่ความรู้อันจะเป็นไปเพื่อบุญกุศล ขอให้ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในบทความของบล๊อกนี้ จงได้รับอานิสงฆ์ด้วยเทอญ.